Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แบบฝึกหัดหน่วยที่ 3

แบบฝึกหัดหน่วยที่ 3

Published by 6032040002, 2018-08-25 04:18:38

Description: แบบฝึกหัดหน่วยที่ 3

Search

Read the Text Version

นางสาวกรรณกิ าร์ ตนั วาตะ เลขที่ 2 ปวส.2 คอมพิวเตอรธ์ ุรกจิ หอ้ ง 1

โครงสรา้ งเครือข่าย (Topology)1. ลกั ษณะการเช่ือมตอ่ เครือข่าย 1.1 การเชื่อมตอ่ แบบจุดต่อจุด(Point to Point) ตอบ เป็นการเช่ือมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ส่ือสาร 2 เครื่อง โดยใช้สื่อกลางหรือช่องทางในการส่ือสารช่องทางเดียวเป็นการจองสายในการส่งข้อมูลระหว่างกัน โดยไม่มีการใช้งานส่ือกลางน้ันรว่ มกบั อุปกรณช์ ิน้ หลังอื่น ๆ ลกั ษณะน้เี ป็นการเช่อื มต่อทีท่ าใหส้ น้ิ เปลอื งชอ่ งทางการสอื่ สาร 1.2 การเช่อื มต่อแบบหลายจุด (Multipoint or Multidrop) ตอบ มีเครื่องโฮสต์หน่ึงเคร่ืองที่ต้นสายสื่อสาร ส่วนท่ีปลายสายจะมีเทอร์มินอลอยจู่ านวนหนึ่ง ซึ่งเป็นวิธีการท่ีนิยมใช้ มากกว่าการเช่ือมต่อแบบจุด-ต่อ-จุด อันที่จริงแล้วการเช่ือมต่อของเทอร์นินอลส่วนใหญ่เป็นแบบเช่ือมต่อแบบหลายจดุ โดยมีสายสอ่ื สารเพยี งเสน้ เดยี วตดิ ตอ่ รับและสง่ ข้อมลู เขา้ ท่เี ครอ่ื งเมนเฟรม สายส่อื สารเสน้ เดยี วน้อี าจเชือ่ มตอ่ ผ่านโมเด็มเพอ่ื ติดตอ่ กับเทอร์มินอลท่อี ยูไ่ กลออกไป หรือติดต่อกับเคร่อื งฟร้อนท์เอนด์โปรเซสเซอร์ หรือคอนเซ็นเทรเตอร์ เพ่ือรวบรวมขอ้ มลู ในเบอื้ งตน้ กอ่ นทจี่ ะส่งให้กับเครื่องเซริ ฟ์ เวอร์ (Server) ทาการประมวลผลในทสี่ ดุ

2. โครงสร้างของเครือขา่ ย (Network Topology) แบง่ เป็น 6 ชนดิ 2.1 โครงสรา้ งแบบบสั (Bus Topology) ตอบ ป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยสายเคเบิ้ลยาว ต่อเน่ืองไปเรื่อย ๆ โดยจะมีคอนเน็กเตอร์เป็นตัวเชอื่ มต่อคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เข้ากับสายเคเบิ้ล ในการส่งข้อมูล จะมีคอมพิวเตอร์เพียงตัวเดียวเท่านั้นที่สามารถส่งข้อมูลได้ในช่วงเวลา หนึ่งๆ การจัดส่งข้อมูลวิธีนี้จะต้องกาหนดวิธีการ ที่จะไม่ให้ทุกสถานีส่งข้อมูลพร้อมกัน เพราะจะทาให้ข้อมูลชนกัน วิธีการท่ีใช้อาจแบ่งเวลาหรือให้แต่ละสถานีใช้ความถี่ สัญญาณที่แตกต่างกัน การเซตอัปเคร่ืองเครือข่ายแบบบัสน้ีทาได้ไม่ยากเพราะคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ แต่ละชนิด ถูกเช่ือมต่อด้วยสายเคเบิ้ลเพียงเสน้ เดยี วโดยส่วนใหญเ่ ครือข่ายแบบบัส มักจะใช้ในเครือข่ายขนาดเลก็ ซ่งึ อยู่ในองคก์ รทีม่ คี อมพิวเตอรใ์ ชไ้ มม่ ากนกั ข้อดี ใช้สื่อนาข้อมูลน้อย ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่าย และถ้าเคร่ืองคอมพิวเตอร์เคร่ืองใดเครื่องหน่ึงเสียก็จะไม่ ส่งผลตอ่ การทางาน ของระบบโดยรวม ข้อเสีย การตรวจจุดท่ีมีปัญหา กระทาได้ค่อนข้างยาก และถ้ามีจานวนเครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายมาก เกินไป จะมีการส่งข้อมูลชนกันมากจนเป็นปัญหาข้อจากัด คือ จาเป็นต้องใช้วงจรสื่อสารและซอฟต์แวร์เข้ามาช่วยเพื่อ หลีกเลย่ี งการชนกนั ของ สญั ญาณข้อมูล และถา้ มีอุปกรณ์ตวั ใดตัวหนงึ่ เสยี หาย อาจส่งผลให้ท้งั ระบบหยุดทางานได้

2.2 โครงสร้างแบบดาว (Star Topology) ตอบ เป็นการเช่ือมต่อสถานีหรือจุดต่าง ๆ ออกจากคอมพิวเตอร์ศูนย์กลางหรือคอมพิวเตอร์แม่ข่ายที่เรียกว่าFile Server แต่ละสถานีจะมีสายสัญญาณเช่ือมต่อกับศูนย์กลาง ไม่มีการใช้สายสัญญาณร่วมกัน เมื่อสถานีใดเกิดความเสียหายจะไม่มีผลกระทบกับสถานีอ่ืน ๆ ปัจจุบันนิยมใช้อุปกรณ์ HUB เป็นตัวเชื่อมต่อจากคอมพิวเตอร์แม่ข่ายหรือคอมพวิ เตอรศ์ นู ย์กลาง ข้อดี ถ้าต้องการเชอ่ื มต่อคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ก็สามารถทาได้ง่ายและไม่กระทบต่อ เคร่ืองคอมพิวเตอร์อ่ืนๆ ในระบบ ขอ้ เสยี ค่าใช้จา่ ยในการใช้สายเคเบ้ลิ จะค่อนขา้ งสงู และเม่อื ฮับไมท่ างาน การส่อื สารของคอมพิวเตอร์ทั้งระบบก็ จะหยุดตามไปดว้ ย

2.3 โครงสร้างแบบวงแหวน (Ring Topology) ตอบ เป็นเครือข่ายที่เช่ือมต่อคอมพิวเตอร์ด้วยสายเคเบิลยาวเส้นเดียว ในลักษณะวงแหวน การรับส่งข้อมูลในเครือข่ายวงแหวน จะใชท้ ิศทางเดยี วเทา่ น้นั เม่ือคอมพิวเตอร์เครื่องหน่ึงส่งข้อมูล มันก็จะส่งไปยงั คอมพิวเตอร์เครื่องถัดไปถ้าข้อมูลที่รับมาไม่ตรงตามท่ีคอมพิวเตอร์เคร่ืองต้นทางระบุ มันก็จะส่งผ่านไปยัง คอมพิวเตอร์เคร่ืองถัดไปซึ่งจะเป็นข้นั ตอนอย่างน้ีไปเร่อื ย ๆ จนกว่าจะถึงคอมพิวเตอร์ปลายทางท่ีถูกระบุตามทอ่ี ยู่ ขอ้ ดี ใชส้ ายเคเบิล้ น้อย และถ้าตัดเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ทเ่ี สยี ออกจากระบบ กจ็ ะไม่สง่ ผลตอ่ การทางานของระบบ เครือข่ายน้ี และจะไม่มกี ารชนกนั ของขอ้ มลู ทแ่ี ตล่ ะเครื่องสง่ ขอ้ เสยี ถ้าเครื่องใดเครอ่ื งหนงึ่ ในเครือข่ายเสยี หาย อาจทาใหท้ ัง้ ระบบหยุดทางานได้

2.4 โครงสร้างแบบต้นไม้ (Tree Topology) ตอบ มีลักษณะเช่ือมโยงคล้ายกับโครงสร้างแบบดาวแต่จะมีโครงสร้างแบบต้นไม้ โดยมีสายนาสัญญาณแยกออกไปเป็นแบบกงิ่ ไม่เปน็ วงรอบ โครงสร้างแบบนจ้ี ะเหมาะกับการประมวลผลแบบกลมุ่ จะประกอบด้วยเครือ่ งคอมพวิ เตอร์ระดบั ต่างๆกันอย่หู ลายเคร่อื งแล้วตอ่ กนั เป็นช้ัน ๆ ดรู าวกับแผนภาพองค์กร แต่ละกลุ่มจะมีโหนดแม่ละโหนดลูกในกลุ่มน้ันท่ีมีการสัมพันธ์กัน การส่ือสารข้อมูลจะผ่านตัวกลางไปยังสถานีอ่ืนๆได้ท้ังหมด เพราะทุกสถานีจะอยู่บนทางเช่ือม และรับสง่ ขอ้ มลู เดียวกัน ดังนัน้ ในแตล่ ะกลุม่ จะส่งขอ้ มลู ไดท้ ีละสถานโี ดยไม่ส่งพร้อมกัน ขอ้ ดี -รองรับการขยายเครอื ขา่ ยในแตล่ ะจุด -รองรบั อปุ กรณ์จากผูผ้ ลติ ที่แตกต่างกัน ขอ้ เสีย -ความยาวของแต่ละเซก็ เมนตอ์ าจแตกตา่ งกบั ไปข้นึ อยู่กับสายสัญญาณที่ใช้ -หากสายสญั ญาณแบ๊กโบน(Backbone)เสียหาย เครอื ขา่ ยจะไมส่ ามารถส่อื สารกันได้ -การตดิ ตง้ั ทาไดย้ ากกว่าระบบเครอื ข่ายแบบอืน่

2.5 โครงสร้างแบบผสม (Hybrid Topology) ตอบ เป็นเครือข่ายที่ผสมผสานกันทั้งแบบดาว,วงแหวน และบัส เช่น วิทยาเขตขนาดเล็กที่มีหลายอาคารเครือขา่ ยของแตล่ ะอาคารอาจใชแ้ บบบัสเชื่อมต่อกบั อาคารอน่ื ๆท่ใี ช้แบบดาว และแบบวงแหวน 2.6 โครงสรา้ งแบบเมซ (Mesh Topology) ตอบ มีการทางานโดยเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเคร่ืองจะมีชอ่ งสัญญาณจานวนมาก เพื่อทจ่ี ะเชือ่ มต่อกับเคร่ืองคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆทุกเคร่ืองโครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์นี้เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเคร่ืองจะส่งข้อมูลได้อิสระไม่ต้องรอการส่งข้อมูลระหว่างเคร่ืองคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ทาให้การส่งข้อมูลมีความรวดเร็ว แต่ค่าใช้จ่ายสายเคเบิ้ลก็สูงด้วยเช่นกัน เป็นรูปแบบท่ีถือว่าสามารถป้องกันการผิดพลาดที่อาจจะเกิดข้ึนกับระบบได้ดีท่ีสุด เป็นรูปแบบที่ใช้วิธีการเดินสายของแต่เคร่ืองไปเชื่อมการติดต่อกับทุกเคร่ืองในระบบเครือข่าย คือเคร่ืองทุกเครื่องในระบบเครือข่ายนี้ ต้องมีสายไปเช่อื มกับทกุ ๆ เคร่อื ง ระบบนีย้ ากต่อการเดนิ สายและมรี าคาแพง จงึ มคี อ่ ยมผี นู้ ยิ มมากนกั

ขอ้ ดี 1. อัตราความเรว็ ในการสง่ ขอ้ มลู ความเชื่อถือไดข้ องระบบ 2. งา่ ยต่อการตรวจสอบความผดิ พลาด 3. ขอ้ มูลมีความปลอดภยั และมคี วามเปน็ สว่ นตวัขอ้ เสยี 1. ค่าใช้จา่ ยสายเคเบลิ้ สงู

ใบงานรปู แบบการเช่อื มต่อเพมิ่ เตมิ1. ใหน้ กั ศกึ ษาอธบิ ายเก่ยี วกับรปู แบบเครอื ขา่ ย 2 ประเภท 1.1. Client/Server มีลักษณะอยา่ งไร และมขี อ้ ดี-ข้อเสียอยา่ งไรขอ้ ดีของการต่อแบบ Client / Server- ให้ประสิทธิภาพในการแบ่งปันการใช้งานทรัพยากรแก่ไคลเอนต์ได้ดีกว่า เนื่องจาก คอมพิวเตอร์ท่ีถูกนามาใช้เป็นเซริ ฟ์ เวอรม์ ักเปน็ เครือ่ งทม่ี ปี ระสิทธิภาพสูง- การรักษาความปลอดภัยสามารถทาได้ดีกวา่ เนือ่ งจากการดูแลความปลอดภัยเป็นไปในรูปแบบรวมศูนย์ (Centralized)ผู้ใช้งานที่จะเขา้ มาส่เู ครือข่ายเพื่อใชง้ านเซิร์ฟเวอร์จะต้องไดร้ บั อนญุ าตเสียกอ่ น- งา่ ยต่อการบรหิ ารจัดการหากเครือขา่ ยถกู ขยายขนาด รวมท้งั มีผ้ใู ช้งานเพม่ิ ขน้ึ- สามารถตดิ ตงั้ แอพพลิเคชนั (Application) ไวท้ เ่ี ซริ ฟ์ เวอรเ์ พยี งชุดเดียว และแบง่ ใช้งานแก่ผู้ใชง้ านเป็นจานวนมาก ทาให้ประหยดั คา่ ใช้จา่ ยในเรอื่ งซอฟต์แวร์ไดด้ ี- สามารถสารองหรือทาสาเนาข้อมูลทีศ่ ูนยก์ ลาง ทาให้สะดวกรวดเร็ว

ขอ้ ดอ้ ยของการตอ่ แบบ Client / Server- ค่าใชจ้ า่ ยในการตดิ ตัง้ เซริ ฟ์ เวอร์ 1 ตัวสงู กวา่ คอมพิวเตอร์ทว่ั ไป อกี ทั้งผดู้ ูแลจะตอ้ งมีความรู้พอสมควร- จะตอ้ งมผี ดู้ แู ลและจัดการเซริ ์ฟเวอรเ์ ปน็ การเฉพาะ 1.1.1 Web Server ทาหน้าท่ีอย่างไร- Web server คือโปรแกรมท่ีมีหน้าท่ีให้บริการด้านการจัดการเว็บไซต์ โดยส่วนมากโปรแกรมที่นิยมใช้เป็น Web serverจะเปน็ Apache web server 1.1.2 Mail server ทาหน้าท่ีอย่างไร- คือ เคร่ืองบริการรับ-ส่งจดหมายสาหรับสมาชิก บริการท่ีมีให้ใช้เช่น รับ-ส่งจดหมาย ทั้งแบบท่ีเป็นข้อความและรูปภาพโดยสง่ ในรูปแบบ Attach file และมีทเี่ ก็บขอ้ มูลผตู้ ิดตอ่ เรียกวา่ Address book เป็นตน้ตัวอย่าง mail server ทเี่ ป็นทีร่ ู้จกั ทว่ั ไป เชน่ hotmail.com หรอื thaimail.com เป็นต้น

1.1.3 File Server ทาหนา้ ที่อย่างไร- มีหน้าที่ในการจดั เกบ็ ไฟล์เหมือนกบั ฮาร์ดดสิ ก์ ซึง่ ผใู้ ช้งานสามารถท่ีจะนาไฟลม์ าฝากไว้ใน File Server ได้ 1.1.4 Print Server ทาหนา้ ที่อย่างไร- มีหน้าที่ในการเช่ือมต่อเคร่ืองปร้ินท์ให้สามารถใช้งานกับคอมพิวเตอร์ลูกข่าย เพ่ือเป็นการประหยดั ทรัพยากรน่ันเอง ซ่ึงสว่ นมากจะมใี ชใ้ นองคก์ รขนาดใหญ่ 1.2. Peer to Peer มีลักษณะอย่างไร และมีขอ้ ดี-ขอ้ เสยี อยา่ งไร- Peer to Peer เป็นการเชอ่ื มต่อแบบโครงข่ายโดยตรง ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเคร่ืองคอมพิวเตอร์แต่ละเคร่ืองน้ันจะมีความเท่าเทียมกันสามารถทางานของตนเองและขอใช้บริการเคร่ืองอ่ืนได้ จึงเหมาะสาหรับนามาใช้งานเพ่ือจุดประสงค์ ดา้ นความรวดเร็ว หรอื ติดต้ังได้โดยง่ายเม่ือไม่มีโครงสร้างพ้ืนฐานท่ีจะรองรับ ตัวอย่างเช่น ในศูนยป์ ระชุมหรือการประชุมทจ่ี ัดนอกสถานที่

ข้อดขี องการตอ่ แบบ Peer to Peer- คอมพวิ เตอร์หรือโฮสต์ (Host) แต่ละตัวบนเครอื ข่าย ต่างทาหน้าที่เป็นท้งั เซริ ฟ์ เวอร์และไคลเอนต์ (Client) ในตัว- ไม่ต้องติดตัง้ เซริ ฟ์ เวอร์ต่างหากเปน็ การเฉพาะ- ประหยัดค่าใชจ้ า่ ยเมอ่ื เทยี บกับการต่อ Network แบบอ่นื ๆ- สามารถแชรข์ อ้ มลู เคร่อื งพิมพ์ ของแตล่ ะเคร่ืองได้- งา่ ยในการติดต้งั และสามารถขยายต่อไปในอนาคตไดด้ ี ข้อดอ้ ยของการต่อแบบ Peer to Peer- มขี อ้ จากัดท่จี านวนของผู้ใชง้ าน- เมื่อจานวนของผู้ใชง้ านมเี พ่มิ ขึ้นจะเกิดปัญหาเก่ยี วกับการบรหิ ารจดั การขนึ้- ปัญหาของการรกั ษาความปลอดภยั เกดิ ขนึ้ เมอ่ื ปรมิ าณของผูใ้ ช้งานเพิ่มมากข้ึน- การขยายเครอื ข่ายทาได้อย่างจากัด รวมทง้ั ไม่สามารถรองรบั การเปลีย่ นแปลงทางเทคโนโลยีของเครือขา่ ยได้ดี

2. ระบบเครือข่ายท้องถิน่ (Local Area Network :LAN) ทีน่ ิยมสงู สุดมอี ยู่ 3 ชนดิ คือ 2.1 อีเทอร์เน็ต (Ethernet) ให้นักศึกษาสรุป ข้อแตกต่างรูปแบบการเช่ือมโยงเครือข่ายอีเทอร์เน็ต ตามมาตรฐานต่อไปนี้ 2.1.1 10Base5- 10BASE5 (หรอื ท่ีเรียกว่า หนาอีเธอร์เน็ต หรือ หนา ) เป็นครั้งแรกที่มีจาหน่ายในท้องตลาดของ อีเทอร์เน็ต 10BASE5 ใช้ สายโคแอกเชียลความหนาและความแข็งสูงถึง 500 เมตร (1,600 ฟุต) สามารถเชื่อมต่อสถานีได้สูงสุด 100 สถานีโดยใช้ ก๊อปป้ีแวมไพร์ และแชร์ โดเมนการชนกัน แบบเดียวกับ 10 Mbit / s แบนด์วิธท่ี ใชร้ ่วมกัน ระบบยากที่จะติดต้ังและ บารุงรักษา- ชื่อ 10BASE5 มาจากหลายลกั ษณะของสอ่ื ทางกายภาพ 10 หมายถงึ ความเรว็ ในการสง่ ข้อมลู 10 Mbit / s ฐาน เป็นระยะ ส้ันสาหรับการส่งสัญญาณ baseband (เมื่อเทียบกับ บรอดแบนด์ ) และ 5 หมายถึงส่วนความยาวสูงสุด 500 เมตร (1,600 ฟุต)

2.1.2 10Base2- 10BASE2 (หรือที่เรียกว่า cheapernet , thin Ethernet , thinnet และ thinwire ) เป็น Ethernet ที่ใช้ สายโคแอกเซียล บาง ตัวทเ่ี ชอื่ มต่อ กับ ขั้วต่อ BNC ในชว่ งกลางถึงปลายยุค 80 นี้เป็นมาตรฐานอีเทอร์เน็ต 10 Mbit / s แต่เน่ืองจากความต้องการท่ี ย่งิ ใหญส่ าหรบั เครือข่ายความเรว็ สงู ต้นทนุ ตา่ ของ สายเคเบลิ ประเภท 5 และความนิยมของเครือข่ายไร้สาย 802.11 ท้งั 10BASE2 และ 10BASE5 ไดก้ ลายเปน็ ล้าสมัย แม้ว่าอุปกรณ์จะยังอยใู่ นบางพื้นท่ีก็ตาม นับจาก 2011 IEEE 802.3 ได้ เลิกใช้ มาตรฐานนี้ สาหรับการติดต้งั ใหม่- ชือ่ 10BASE2 มาจากหลายลักษณะของสื่อทางกายภาพ 10 มาจากความเร็วในการส่งข้อมูล 10 Mbit / s BASE หมายถึงการส่ง สัญญาณ เบสแบนด์ และ 2 สาหรับความยาวสว่ นสูงสดุ ทร่ี ะยะ 200 เมตร (ความยาวสงู สุดท่เี กิดขนึ้ จรงิ คือ 185 เมตร) 2.1.3 10BaseT- เป็นเครือข่ายท่ีนิยมใช้กันมากในปัจจุบัน เน่ืองจากเป็นระบบเครือข่ายท่ีติดต้ังง่ายและจานวนสถานีท่ีใช้งานจะต่อได้มากกว่า ใน ความจริงแล้ว 10 Base T นั้นไม่ได้จัดอยู่ในมาตรฐาน Ethernet โดยตรง แต่เป็นเครือข่ายที่ผสมผสานระหว่าง Ethernet และ Star เข้าด้วยกัน ซ่ึงจะมีอุปกรณ์ ตัวกลางที่เรียกว่า Concentrator หรือเรียกกันทั่วไปว่า HUB ที่คอยรับสัญญาณระหว่าง Workstation และFile Server โดยในกรณที ่ีมีสายจากสถานใี ดเสียหาย กจ็ ะไม่ส่งผลกระทบตอ่ ระบบ

- ช่ือหมายเลขนา ( 10 ใน 10BASE-T) หมายถึงความเร็วในการส่งผ่าน Mbit / s BASE ระบุว่าใช้การส่งผ่าน baseband T กาหนดสายเคเบิลคู่บิดที่คู่ของสายไฟสาหรับแต่ละสัญญาณจะบิดกันเพ่ือลด การรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า และ crosstalk ระหว่างคู่ ในกรณีที่มีมาตรฐานหลายประการสาหรับความเร็วในการส่งข้อมูลเดียวกันระบบจะแยกแยะตัวอักษรหรือตัวเลข ตาม T เช่น TX ซง่ึ หมายถงึ วิธกี ารเข้ารหัสและจานวนเลน 2.2 ไอบเี อ็มโทเค็นริง (IBM Token Ring) ให้นักศึกษาสรุปกลไกการสง่ ขอ้ มูล- กลไกการทางานของ Token Passing ก็คือ ในช่วงเลาหน่ึงจะมีเพียงโหนดเดียวที่สามารถส่งข้อมูลในขณะน้ันได้ นนั่ ก็คอื โหนดที่ครอบครองโทเค็น โดยโทเค็นจะไปพร้อมกับข้อมูลท่ีส่งไปยังโหนดภายในวงแหวน หากโหนดใดได้รับข้อมูลพร้อมรหัสโทเค็นแล้วตรวจสอบพบว่าไม่ใช่ข้อมูลที่ส่งมายังตน ก็จะส่งทอดไปยังโหนดถัดไปภายในวงแหวนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงโหนดปลายทางที่ต้องการ เม่ือครบรอบวงแล้วรหัสโทเค็นก็จะเข้าสู่สภาวะว่างอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการส่งทอดรหัสว่างไปตามวงแหวนผ่านโหนดตา่ ง ๆ เป้นวงรอบและพร้อมทจี่ ะให้โหนดอ่ืน ๆ ครอบครองโทเค็นเพื่อการสง่ ขอ้ มลู ในรอบตอ่ ไป 2.3 เอฟดีดีไอ (Fiber Data Distributed Interface :FDDI) ให้นักศึกษาสรปุ หน่วยงานใดเป็นผู้กาหนดมาตรฐาน และอธิบายลักษณะของการสง่ ขอ้ มลู บนเครือขา่ ย เอฟดดี ีไอ รวมทัง้ อธบิ ายการทางานของวงแหวนทง้ั 2 วงด้วย

- หน่วยงาน ANSI ได้ทาการกาหนดโปรโตรคลอท่ีใช้งานบนเครือข่ายท้องถิ่น โดยมีการควบคุมแบบโทเค็นริง ด้วยการส่ง ข้อมูลที่มีความเร็วถึง 100 เมกะบิตต่อวินาทีบนสายเคเบิลใยแก้วนาแสง เอฟดีดีไอ(FDDI)จะทางานด้วยความเร็วที่สูง กว่า ประกอบกับเครือข่ายเอฟดีดีไอยังสามารถที่จะออกแบบเพ่ือรอบรับในความเสียหาของระบบได้ดี ด้วยการเพิ่มวง แหวนในระบบเครือข่ายอีก รวมเปน็ 2 วงแหวนดว้ ยกัน ซง่ึ ประกอบด้วยวงแหวนปฐมภูมิและวงแหวนทุตยิ ภูมิ- วงแหวนปฐมภมู (ิ Primary Ring) คอื วงแหวนหลกั ดา้ นนอกซึ่งใชเ้ ป็นสายสง่ ข้อมลู หลักภายในระบบเครือข่าย โดยรหัส โทเค็นจะวิ่งวนรอบวงแหวนทิศทางใดก็ทิศทางหน่ึง- วงแหวนทุติยภูมิ(Secondary Ring) คือ วงแหวนสารองท่ีอยู่ด้านในสุด โทเค็นท่ีอย่ใู นวงแหวนด้านในจะวิ่งในทิศทาง ตรงกันข้ามกับวงแหวนด้านนอก โดยวงแหวนทุติยภูมิจะถูกใช้งานก็ต่อเม่ือวงแหวนปฐมภูมิเกิดปัญหาเท่าน้ัน เช่น สาย เคเบิลทว่ี งแหวนในปฐมภูมเิ กิดการขาด และเมอ่ื เหตกุ ารณ์เช่นนเี้ กดิ ขึน้ วงจรภายในวงแหวนทุตยิ ภูมกิ ็จะเรมิ่ ทางานทันที ดว้ ยการเช่ือมต่อเขา้ กบั วงแหวน ปฐมภูมิ ทาใหส้ ามารถประคบั ประคองระบบใหย้ ังคงสามารถทางานต่อไปได้ โดยเทเค็น เองกย็ งั คงสามารถว่ิงภายในรอบวงแหวนได้เช่นเดมิ ทาให้เครอื ขา่ ยสามารถดาเนินการตอ่ ไดต้ ามปกติ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook