อ.ปิ ยะพร พรหมแกว้วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี นครศรธี รรมราช
บอกความหมายและความสาคญั ของการชว่ ยฟ้ืน คนื ชพี ได ้ อธบิ ายหลักการ วธิ กี ารชว่ ยฟ้ืนคนื ชพี ได ้ เตรยี มอปุ กรณช์ ว่ ยฟ้ืนคนื ชพี ขนั้ พนื้ ฐานได ้
ความหมายและความสาคญั ของการชว่ ยฟื้นคนื ชพี การชว่ ยฟื้นคนื ชพี ขนั้ พน้ื ฐาน การเตรียมอุปกรณ์ และการช่วยฟ้ื นคืนชพี ขัน้ พน้ื ฐานสาหรับผชู ้ ว่ ยพยาบาล
หมายถงึ การชว่ ยเหลอื ผูท้ ห่ี ยดุ หายใจหรอื หัวใจหยุด เตน้ ใหม้ กี ารหายใจและการไหลเวยี นกลับคนื สสู่ ภาพ เดิม ป้ องกันเน้ือเย่ือไดร้ ับอันตรายจ ากการขาด ออกซเิ จนอยา่ งถาวร ซง่ึ สามารถทาไดโ้ ดยการชว่ ยฟื้น คนื ชพี ขนั้ พน้ื ฐาน (Basic life support) ไดแ้ ก่ การ ผายปอด และการนวดหวั ใจภายนอก
ผูท้ ่ีมีภาวะหยุดหายใจ โดยที่หัวใจยังคงเตน้ อยู่ ประมาณ 2-3 นาที ใหผ้ ายปอดทันที จะชว่ ยป้ องกัน ภาวะหัวใจหยุดเตน้ ได ้ และชว่ ยป้ องกันการเกดิ ภาวะ เนอื้ เยอ่ื สมองขาดออกซเิ จนอยา่ งถาวร ผทู ้ ม่ี ภี าวะหยดุ หายใจและหัวใจหยุดเตน้ พรอ้ มกัน ซงึ่ เรยี กวา่ clinical death การชว่ ยฟื้นคนื ชพี ทันที
จะชว่ ยป้องกนั การเกดิ biological death คอื เนื้อเยอ่ื โดยเฉพาะเนอ้ื เยอ่ื สมองขาดออกซเิ จน ระยะเวลาของการเกดิ biological death หลังจาก clinical death ยังไมม่ ใี ครทราบแน่ชดั แตโ่ ดยท่ัวไป มักจะเกดิ ชว่ ง 4-6 นาที หลังเกดิ clinical death ดังนัน้ การปฏบิ ัตกิ ารชว่ ยฟ้ื นคนื ชพี จงึ ควรทาภายใน 4 นาที
เนน้ การตรวจพบภาวะหัวใจหยุดเตน้ เฉียบพลัน โดย ประเมนิ จากการไม่ตอบสนอง และการหายใจทผ่ี ดิ ปกติ ของผปู ้ ่ วย ยกเลกิ การประเมนิ การหายใจโดยใชเ้ ทคนคิ “ตาดู หูฟัง แกม้ สมั ผัส” เนน้ การกดหนา้ อกอย่างถูกตอ้ ง ทัง้ อัตราเร็ว, ความลกึ , การปลอ่ ยหนา้ อกกลับคนื จนสดุ , รบกวนการกดหนา้ อกให ้ นอ้ ยทส่ี ดุ และหลกี เลย่ี งการชว่ ยหายใจทม่ี ากเกนิ พอดี
การเปลี่ยนแปลงลาดับขัน้ ตอนการชว่ ยฟื้ นคนื ชพี ขัน้ พนื้ ฐานจาก “A-B-C” เป็ น “C-A-B” กดหนา้ อกดว้ ยอตั ราเร็วอยา่ งนอ้ ย 100 ครัง้ ตอ่ นาที กดหนา้ อกดว้ ยความลกึ อยา่ งนอ้ ย 2 นว้ิ (5เซนตเิ มตร)
ภาวะหัวใจหยุดเตน้ เฉียบพลันเป็ นสาเหตุสาคัญที่ นามาสู่การเสยี ชวี ติ เกดิ ไดจ้ ากหลายสาเหตุ การใช ้ หลักการในการช่วยชีวติ แนวทางเดียวกัน และเป็ น ขอ้ ตกลงรว่ มกนั ในการปฏบิ ัติ ดังนัน้ จงึ ไดม้ กี ารบัญญัติ “หว่ งโซ่ แหง่ การรอดชวี ติ ”ขน้ึ ประกอบไปดว้ ย 1.การประเมนิ ผปู ้ ่ วย และเรยี กขอความชว่ ยเหลอื หรอื เรยี กบรกิ ารการแพทยฉ์ ุกเฉนิ ทนั ที
2.การทาการกดหนา้ อกอยา่ งถกู ตอ้ งและทนั ทว่ งที3.การทาการชอ็ กไฟฟ้าหวั ใจทนั ทเี มอ่ื มขี อ้ บง่ ชี้4.การชว่ ยฟ้ืนคนื ชพี ขนั้ สงู อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ5. การดแู ลภายหลังการชว่ ยฟื้นคนื ชพี
1. การประเมนิ ผปู้ ่ วย และเรยี กขอความชว่ ยเหลอื ทนั ที
ทาไดโ้ ดยการตบทหี่ ัวไหลข่ องคนไขเ้ บาๆ และตะโกนเรยี กเสยี งดังๆ เพอื่ ประเมนิ การตอบสนอง ของผูป้ ่ วยควรระวังในผูป้ ่ วยทมี่ กี ารบาดเจ็บบรเิ วณกระดกู ตน้ คอหากไม่มีการตอบสนอง ใหเ้ รียกขอ ความช่วยเหลือในทนั ที
สามารถขอความ ช่ ว ย เ ห ลื อ ไ ด ้ที่ เ บ อ ร์ โ ท ร ศั พ ท์ ห ม า ย เ ล ข 1669 โดยขอผูช้ ว่ ย และ เคร่ืองช็อกไฟฟ้ าหัวใจ อั ต โ น มั ติ แ จ ้ง ข ้อ มู ล เบอ้ื งตน้ ทส่ี าคญั
โดยขอผูช้ ่วย และ เครื่องช็อกไฟฟ้ าหัวใจอัตโนมัติ แจง้ ขอ้ มูลเบื้องตน้ ที่สาคัญ เช่น สถานที่เกดิ เหตุ, สภาพทพ่ี บเห็น เหตกุ ารณ์รวมถงึ สาเหตทุ นี่ ่าจะเป็ นไป ได,้ จานวนผูป้ ่ วย, การรักษาทใ่ี หไ้ ปเบอื้ งตน้ , เบอร์ โทรทต่ี ดิ ตอ่ กลบั ไดเ้ ป็ นตน้
2. การคลาชพี จร สาหรับประชาชนทัว่ ไป : ไมแ่ นะนาใหท้ า สาหรับบุคลากรทางการแพทย์ : ใหค้ ลาชีพจร โดยใชเ้ วลาประเมนิ ไมเ่ กนิ 10 วนิ าที* หาก ผปู ้ ระเมนิ ไมม่ ่ันใจวา่ ผปู ้ ่ วยมชี พี จรหรอื ไม่ ใหท้ า การกดหนา้ อกทันทแี ละประเมนิ ชพี จรซ้าทกุ ๆ 2 นาที ของการชว่ ยฟื้นคนื ชพี
3. การกดหนา้ อก จัดผูป้ ่ วยใหอ้ ยู่ในท่า นอนหงายบนพื้นผวิ แข็ง ใ น ส ถ า น ที่ ป ล อ ด ภั ย ผู ช้ ่ว ย เ ห ลือ คุ ก เ ข่า อ ยู่ ดา้ นขา้ ง ของผปู ้ ่ วย (เชน่ ภายนอกโรงพยาบาล) หรือ ยืนขา้ งเตียง (เช่น ในโรงพยาบาล) ผูป้ ่ วยท่ี อยู่ในโรงพยาบาล ควร ระมัดระวังการ
เลอื่ นหลุดของสายตา่ งๆ ทต่ี ่อเขา้ กับผูป้ ่ วย เชน่ สาย น้าเกลือ, สายปัสสาวะ เป็ นตน้ หากผูป้ ่ วยนอนบนท่ี นอนลม ควรระบายลมออกกอ่ นเรม่ิ กดหนา้ อก จากนั้นใหผ้ ูช้ ่วยเหลือใชส้ น้ มือขา้ งหน่ึง วางบรเิ วณ ครง่ึ ล่างของกระดูกหนา้ อกและวางมืออีก ขา้ งหน่ึง ทาบ (หรือประสานลงไป) จากนั้นเริ่มทา การกด หนา้ อก
ซง่ึ การกดหนา้ อกน้ีทาใหม้ กี ารเพม่ิ ขน้ึ ของ ความดัน ภายในชอ่ งทรวงอกและเพง่ิ แรงดันทหี่ วั ใจโดยตรง ทา ใหเ้ กดิ การไหลเวยี นโลหติ และขนสง่ ออกซเิ จนไปยัง บรเิ วณกลา้ มเนื้อหัวใจและสมอง แนวทางปั จจุบันมี การเนน้ ย้าความสาคัญของการกด หนา้ อกเป็ นอย่าง มาก ดงั นี้
การกดหนา้ อกอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เพอื่ ทาใหเ้ กดิ การ ไหลเวยี นโลหติ ทเี่ พยี งพอ ในขณะทาการชว่ ยฟื้ นคนื ชพี การกดหนา้ อกทแ่ี รงและเร็ว โดยกดหนา้ อกลกึ อย่าง นอ้ ย 2 นว้ิ (5ซม.) ดว้ ย อัตราเร็วอยา่ งนอ้ ย 100 ครัง้ ต่อนาทีปล่อยใหม้ ีการขยายของทรวงอกกลับคนื จน สดุ เพอ่ื ใหห้ วั ใจรับเลอื ด
สาหรับการสบู ฉีดครัง้ ตอ่ ไป พบว่าการกดหนา้ อกทไี่ ม่ ปลอ่ ยใหท้ รวงอกกลับคนื จนสดุ ทาใหเ้ กดิ การเพม่ิ ขนึ้ ของแรงดันในทรวงอก สง่ ผลใหล้ ดปรมิ าณเลอื ดทไี่ ป เลย้ี งกลา้ มเนอ้ื หวั ใจ, สมอง และหลอดเลอื ดสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย
รบกวนการกดหนา้ อกใหน้ อ้ ยท่ีสุด โดยสามารถ หยดุ การกดหนา้ อกไดไ้ มเ่ กนิ 10 วนิ าที ในกรณี 1. การคลาชพี จร (สาหรับบคุ ลากรทางการแพทย)์
2. มกี ารชอ็ กไฟฟ้าหวั ใจ3. ตอ้ งการหยุดเพอื่ ใสอ่ ปุ กรณ์เปิดทางเดนิ หายใจขัน้สงู (ในกรณีทใี่ ส่ ในขณะกดหนา้ อกไมไ่ ด)้
1. บคุ คลทว่ั ไปทไ่ี มเ่ คยเขา้ รับการฝึกอบรม หากผูป้ ฏิบัตเิ ป็ นบุคคลท่ัวไปท่ีไม่เคยไดร้ ับการฝึ กอบรมมาก่อน ควรทาการกดหนา้ อกเพียง อย่างเดยี ว ไมต่ อ้ งชว่ ยหายใจ เนอ่ื งจากในชว่ งแรกทผ่ี ปู ้ ่ วยหัวใจหยุดเตน้ ระดับออกซเิ จนในกระแสเลอื ด ยังคงพอเพยี งอยอู่ กี ระยะหนง่ึ และในขณะทม่ี กี ารกดทรวงอกนัน้
การขยายของทรวงอกจะทาใหเ้ กดิ การ แลกเปลย่ี นก๊าซได ้ โดยใหเ้ นน้ การกดหนา้ อกทแ่ี รงและเร็ว หรือปฏบิ ัตติ ามทบ่ี ุคลากรทางการแพทยส์ ั่ง ผู ้ ปฏบิ ัตกิ ารฟื้ นคนื ชพี ควรจะทาการกดหนา้ อกแตเ่ พยี งอยา่ งเดยี วไปจนกระทัง่ เครอ่ื งชอ็ กไฟฟ้าหวั ใจมาถงึ และพรอ้ มใช ้งาน หรอื มบี คุ ลากรทางการแพทยม์ าดแู ลผปู ้ ่ วย
2. บคุ คลทั่วไปทเี่ คยเขา้ รับการฝึกอบรม หากผปู ้ ฏบิ ัตเิ ป็ นบคุ คลท่ัวไปทเี่ คยไดร้ ับการ ฝึ กอบรมมาก่อน ควรกดหนา้ อก 30 ครัง้ สลับกับการ ช่วยหายใจ2 ครัง้ (การจะทาการช่วยหายใจหรือไม่ แลว้ แต่ความสมัครใจของผูท้ า) และทาต่อเน่ืองไป จนกระทั่งเครือ่ งช็อกไฟฟ้ าหัวใจมาถงึ และพรอ้ มใช ้ งาน หรอื มบี คุ ลากรทางการแพทยเ์ ขา้ มาดแู ลผปู ้ ่ วย
3. บคุ ลากรทางการแพทย์ สาหรับบคุ ลากรทางการแพทยใ์ หท้ าการกดหนา้ อก 30 ครัง้ สลับกบั การชว่ ยหายใจ 2 ครัง้ จนกวา่ จะมกี าร ใส่อุปกรณ์เปิ ดทางเดินหายใจขั้นสูง เช่นท่อช่วย หายใจ จากนัน้ จงึ เปลย่ี นวธิ กี ารชว่ ย หายใจเป็ น ชว่ ย หายใจ1 ครัง้ ทกุ ๆ 6-8วนิ าที (8-10 ครัง้ ตอ่ นาท)ี เพม่ิ ความระมัดระวังการรบกวนการกด หนา้ อก และ หลกี เลย่ี งการชว่ ยหายใจทม่ี ากจนเกนิ ไป
สาหรับการกดหนา้ อกนัน้ พบว่าผูป้ ฏบิ ัตจิ ะเรมิ่ เหนื่อย และประสทิ ธภิ าพในการกดหนา้ อกลดลง หลังจากทา ไปประมาณ 1 นาที ดังนัน้ ในกรณีมผี ูช้ ว่ ยเหลอื อย่าง นอ้ ย 2 คน ใหเ้ ปลยี่ นบทบาทผทู ้ าการกด หนา้ อกทกุ ๆ 2 นาที หรอื กดหนา้ อกสลับการชว่ ยหายใจครบ 5 รอบ (30:2)
สาหรับประชาชนท่ัวไป : ท า ใ น ก ร ณี ที่ ม่ั น ใ จ ว่ า สามารถทาไดท้ ัง้ การกด หนา้ อก และช่วยหายใจ โดยใชว้ ธิ ีการแหงนหนา้ และเชยคาง (head tilt - chin lift)
สาหรับบคุ ลากรทางการแพทย์ : ใหใ้ ชว้ ธิ กี ารแหงน หนา้ และเชยคางในผปู ้ ่ วยทไ่ี มม่ กี าร บาดเจ็บทศ่ี รี ษะ หรอื คอ สาหรับผปู ้ ่ วยทสี่ งสัยวา่ จะมกี ารบาดเจ็บของ ไขสันหลัง ใหใ้ ชว้ ธิ ี manual spinal motion restriction โดยการวางมอื 2 ขา้ งบรเิ วณดา้ นขา้ ง ของศรี ษะ เพอื่ ป้องกนั การเคลอื่ นของศรี ษะ
ส า ห รั บ ก า ร ใ ส่ อุ ป ก ร ณ์ เพอ่ื เปิดทางเดนิ หายใจป้ อ งกัน แน ะ นา ใหใ้ ช ใ้ นก ร ณี ที่ ต อ้ ง เ ค ล่ื อ น ย า้ ยผูป้ ่ วย ในผูป้ ่ วยที่สงสัยว่าจ ะ มี ก า ร บ า ด เ จ็ บ ข อ งก ร ะ ดู ก สั น ห ลั ง บ ร ิเ ว ณ ค อแ น ะ น า ใ ห เ้ ปิ ด ท า ง เ ดินห า ย ใ จ ด ้ว ย วิ ธี ก า ร ย กขากรรไกร (jaw thrust)
jaw thrust
ในกรณีทผี่ ปู ้ ่ วยมสี งิ่ แปลกปลอมอดุ กัน้ ทางเดนิ หายใจ ใหป้ ระเมินว่าการอุดกัน้ นั้นมีความรุนแรง มากนอ้ ย เพียงใด ใหท้ าการเอาส่ิงอุดกั้นออก โดยการทา abdominal thrust แนะนาใหท้ าในผปู ้ ่ วยทมี่ อี ายุ ตัง้ แต่ 1 ปี ขนึ้ ไป เพื่อป้ องกันการบาดเจ็บต่ออวัยวะ ภายในชอ่ งทอ้ ง การทา abdominal thrust ใหก้ ดไป บรเิ วณใตต้ อ่ กระบงั ลม
เพ่ือเกิดแรงดันยกกระบังลมข้ึน ส่งผลให ้ airwaypressure สงู ขน้ึ และดันเอาสง่ิ แปลกปลอมออกไปจาก ทางเดนิ หายใจ ในกรณีทาไมไ่ ด ้ หรอื ทาแลว้ ไมม่ ีประสทิ ธภิ าพเพยี งพอ ใหใ้ ชว้ ธิ ี chest thrust แทนโดยนยิ มใชว้ ธิ นี ี้ ในคนอว้ น หรอื สตรตี งั้ ครรภ์
abdominal thrust & chest thrust
สาหรับแนวทางปฏบิ ัตใิ นปี ค.ศ. 2010 นัน้ ไดย้ กเลกิ การประเมนิ การหายใจ และช่วยหายใจ ในช่วงแรก ออกไป แตใ่ หท้ าการกดหนา้ อกไปกอ่ นการชว่ ยหายใจ การชว่ ยหายใจจะเรม่ิ ทาหลังจากทก่ี ด หนา้ อกไปแลว้ 30 ครัง้ จงึ จะเรม่ิ ชว่ ยหายใจ 2 ครัง้ โดย
ชว่ ยหายใจมากกวา่ 1 วนิ าทใี นแตล่ ะครัง้ ใหป้ ริมาตรเพียงพอท่ีเห็นหนา้ อกเคลื่อนไหว การช่วย หายใจดว้ ยปรมิ าตรสูง เกนิ ไปจะทาใหเ้ กดิ การโป่ งพอง ของกระเพาะอาหาร และเสี่ยงต่อการสาลัก อาหาร นอกจากนั้นยังทาใหเ้ กดิ การเพิ่มขนึ้ ของแรงดันภายใน ทรวงอก สง่ ผลให ้ เลอื ดทกี่ ลับไปเลย้ี งหัวใจลดลง สง่ ผล ใหห้ ัวใจสบู ฉีดเลอื ดไดน้ อ้ ยลง
ใชอ้ ตั ราการกดหนา้ อก 30 ครัง้ ตอ่ การชว่ ยหายใจ 2 ครัง้ (30:2) เมอ่ื มกี ารใสอ่ ปุ กรณ์ชว่ ยหายใจขนั้ สงู เชน่ ทอ่ ชว่ ยหายใจ, Combitube หรอื หนา้ กากครอบกลอ่ งเสยี ง (Laryngeal Mask Airway; LMA) ใหท้ าการชว่ ย หายใจ 1 ครัง้ ทกุ ๆ 6-8 วินาที (8-10 ครั้งต่อนาที) โดยที่ไม่ตอ้ งหยุดรอ ในขณะทาการกดหนา้ อก
จุดประสงค์หลักในการช่วยหายใจ ก็คือการรักษาระดับ ออกซเิ จนใหเ้ พียงพอ และขับก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ ออก ดังนั้นในผูป้ ่ วยหัวใจหยุดเตน้ เนื่องจากการขาด อากาศ เชน่ จมน้า จงึ ตอ้ งรบี กดหนา้ อก และชว่ ยหายใจ 5 ร อ บ ห รือ 2 น า ที ก่อ น ก า ร ร อ้ ง ข อ ค ว า ม ช่ว ย เ ห ลือ เนอ่ื งจากผปู ้ ่ วยกาลงั มรี ะดบั ออกซเิ จนทตี่ า่ กวา่ ปกติ
การชว่ ยหายใจแบบปากต่อปาก (Mouth-to-Mouth) ทาไดโ้ ดยการประกบ ปากของผชู ้ ว่ ยเหลอื เขา้ กับปาก ของผูป้ ่ วยใหส้ นทิ ปิดจมูก ทาการสดู ลมเขา้ ปอดดว้ ย ปริมาตรเท่าปกติ (ไม่จาเป็ นตอ้ งสูดลมเขา้ สุดเพ่ือ ป้ องกันการเกิดอาการหนา้ มืด เวียนศีรษะของผู ้ ชว่ ยเหลอื และ
ป้องกนั ภาวะ over inflation ของผปู ้ ่ วย) ในขณะเป่ า ลม ควรใชต้ าชาเลอื งดบู รเิ วณทรวงอกของผูป้ ่ วยว่ามี การขยับหรอื ไม่ เพอ่ื เป็ นการประเมนิ ประสทิ ธภิ าพของ การชว่ ยหายใจ หากผปู ้ ่ วยมชี พี จร แตต่ อ้ งการการชว่ ย หายใจ ใหท้ าการช่วยหายใจในอัตรา 5-6 วนิ าทีต่อ ครัง้ (10-12 ครัง้ ตอ่ นาท)ี
การ ช่วย หาย ใจแบบใ ช ้อุปกรณ์ป้ องกัน (Mouth-to-Barrier Device) เพอื่เป็ นการป้องกนั โรคตดิ ตอ่ ที่อ า จ ติด ต่อ ผ่า น จ า ก ก า รสมั ผสั โดยตรง
การช่วยหายใจแบบปากต่อจมูก (Mouth-to-Nose) และ การชว่ ยหายใจแบบ Mouth-to-Stoma สาหรับ การเป่ าจมูกแนะนาใหท้ าในกรณีท่ีไม่สามารถช่วย หายใจทางปากได ้ เช่น ผูป้ ่ วยไดร้ ับบาดเจ็บบรเิ วณ ปาก หรอื ไมส่ ามารถเปิดปากได ้ เป็ นตน้
การชว่ ยหายใจโดยใช ้ Bag ป า ก แ ล ะ จ มู ก ไ ด อ้ ย่ า งและ Mask โดยแนะนาให ้ มดิ ชดิเลือกใชห้ นา้ กากท่ีมีความใ ส เ พ่ือ ใ ห เ้ ห็ น ว่า ผูป้ ่ ว ยสาลักอาหารหรือไม่ และเ ลื อ ก ห น ้า ก า ก ที่ ค ร อ บใบหนา้ ไดพ้ อดี คลมุ บรเิ วณ
การช่วยหายใจโดยใชอ้ ุปกรณ์ช่วยหายใจขั้นสูง (Advanced Airway) ในกรณีทผ่ี ปู ้ ่ วยใสอ่ ปุ กรณ์ชว่ ย หายใจขนั้ สงู แลว้ แนะนาใหช้ ว่ ยหายใจในอตั รา 1 ครัง้ ทกุ ๆ 6-8 วนิ าที (8-10 ครัง้ ตอ่ นาท)ี
1.เปิดเครอื่ งชอ็ กไฟฟ้าหวั ใจ2.ทาตามคาส่ังของเครอื่ ง เชน่ แปะแผ่น electrode ตาม ตาแหน่งทก่ี าหนด3.หากเครอ่ื งแนะนาใหช้ อ็ กไฟฟ้าหวั ใจใหถ้ อยหา่ งจากผปู ้ ่ วย กดป่ มุ ชอ็ ก และกดหนา้ อกตอ่ ทนั ที ระวงั ไมใ่ หห้ ยดุ กด หนา้ อกนานเกนิ 10 วนิ าที4.หากเครอื่ งไมแ่ นะนาใหช้ อ็ กไฟฟ้าใหก้ ดหนา้ อกตอ่ ทนั ที
Search