พระราชประวตั ิ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราช กมุ ารี เสด็จพระราชสมภพเม่ือวนั เสารท์ ่ี 2 เมษายน พ.ศ. 2498 (ตรงกบั วนั ข้ึน 10 ค่า เดือน 5 ปี มะแม สปั ตศก) ณ พระท่ีนง่ั อมั พรสถาน พระราชวงั ดสุ ิต เป็ นสมเด็จ พระเจา้ ลกู เธอพระองคท์ ่ี 3 ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู ิพลอดลุ ย เดชมหาราช และสมเด็จพระนางเจา้ สิรกิ ติ ิ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพนั ปี หลวง โดยศาสตราจารย์ นายแพทย์ หมอ่ มหลวงเกษตร สนิทวงศ์ เป็ นผถู้ วายพระ ประสตู ิกาล และไดร้ บั การถวายพระนามจากสมเด็จพระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชิ รญาณวงศ์ ว่า สมเด็จพระเจา้ ลกู เธอ เจา้ ฟ้ าสิรนิ ธรเทพรตั นสดุ า กติ ิวฒั นาดลุ โสภาคย์ พรอ้ มทงั้ ประทานคาแปลว่า นางแกว้ อนั หมายถึง หญิงผปู้ ระเสรฐิ และมี พระนามท่ีขา้ ราชบรพิ าร เรยี กทวั่ ไปว่า ทลู กระหมอ่ มนอ้ ย พระนาม \"สิรินธร\" นน้ั นามาจากสรอ้ ยพระนามของสมเด็จพระราชปิ ตจุ ฉา เจา้ ฟ้ าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบรุ รี าชสิรนิ ธร ซ่ึงเป็ นสมเด็จพระราชปิ ตจุ ฉา (ป้ า) ในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ภมู ิพลอดลุ ยเดช
การศึกษา ทรงเริ่มเขา้ รบั การศึกษาระดบั อนบุ าลท่ีโรงเรียนจติ รลดา ซึ่งตง้ั อยภู่ ายในบริเวณสวน จติ รลดา พระราชวงั ดสุ ิตขณะมพี ระชนมายุ 3 พรรษาทรงมพี ระสหายรว่ มชนั้ เรียน 20 คน เป็ นโอรสธดิ าของ พระบรมวงศานวุ งศ์ และบตุ รหลานขา้ ราชการ เมอื่ ทรงเรียนจบชน้ั ประถมศึกษาตอนปลาย ไดท้ รงสอบรว่ มกบั นกั เรียนทวั่ ประเทศ โดยใชข้ อ้ สอบของกระทรวงศกึ ษาธิการ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราช กมุ ารี ทรงสอบไดท้ ี่หนงึ่ ไดค้ ะแนนรวมรอ้ ยละ 96.60 อนั นบั วา่ เป็ นคะแนนสงู สดุ สาหรบั ระดบั ชนั้ ประถมศึกษา ปี ทีเ่ จ็ด จึงทรงไดร้ บั พระราชทานรางวลั เรียนดจี ากพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ในงานแสดงศิลปหตั ถกรรม นกั เรียน คร้ังท่ี 31 ณ กรีฑาสถานแหง่ ชาติ เมอื่ วนั ท่ี 1 ธนั วาคม พ.ศ. 2511 และทรงศึกษาตอ่ ในโรงเรียน จิตรลดาจนถึงระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย และ ในปี พ.ศ. 2515 ก็ทรงสอบไลจ่ บชน้ั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ในแผนกศิลปะ ดว้ ยคะแนนสงู สดุ ของประเทศ หลงั จากนนั้ พระองคท์ รงสอบเขา้ ศกึ ษาตอ่ ใน ระดบั อดุ มศึกษา ณ คณะอกั ษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั โดยสามารถทาคะแนนสอบเอนทรานซเ์ ป็ น อนั ดบั 4 ของประเทศ ซ่ึงถือเป็ นสมเด็จเจา้ ฟ้ าพระองคแ์ รกท่ที รงเขา้ ศึกษาตอ่ ระดบั อดุ มศกึ ษาในประเทศ[ จนกระทงั่ ปี พ.ศ. 2520 พระองคท์ รงสาเร็จการศึกษาไดร้ บั ปริญญาอกั ษรศาสตรบณั ฑติ สาขา ประวตั ศิ าสตร์ เกียรตนิ ยิ มอนั ดบั หนงึ่ เหรียญทอง ดว้ ยคะแนนเฉลี่ย 3.98 พระองคท์ รงเขา้ ศึกษาตอ่ ในระดบั ปริญญาโท ดา้ นจารึกภาษาตะวนั ออก (ภาษาสนั สกฤตและภาษาเขมร) ณ คณะโบราณคดี มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร และสาขาภาษาบาลีและภาษาสนั สกฤต จาก ภาควชิ าภาษาตะวนั ออก คณะอกั ษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั พระองคท์ รงเขา้ ศึกษาตอ่ ในระดบั ปริญญาเอก ณ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวิ โรฒ โดยพระองคผ์ า่ นการสอบคดั เลือกอยา่ งยอดเยยี่ มดว้ ยคะแนนเป็ นอนั ดบั หนงึ่ ในบรรดาผเู้ ขา้ สอบทง้ั หมด และทรงเป็ นนสิ ิตปริญญาการศึกษาดษุ ฎีบณั ฑติ สาขาพฒั นศึกษาศาสตร์ ร่นุ ท่ี 4 พระองคท์ รงสอบผา่ น วิทยานพิ นธอ์ ยา่ งยอดเยย่ี ม สภามหาวิทยาลยั อนมุ ตั ิใหท้ รงสาเรจ็ การศึกษาในระดบั ปริญญาเอก เมอ่ื วนั ที่ 17 ตลุ าคม พ.ศ. 2529
พระปรชี าญาณ “อกั ษรศาสตร”์ พระองคท์ รงมีความรทู้ างดา้ นภาษาบาลี ภาษาสนั สกฤต และภาษาเขมร ทรงสามารถรบั สงั่ เป็ น ภาษาองั กฤษ ภาษาฝรงั่ เศส และภาษาจีน และทรงกาลงั ศึกษาภาษาเยอรมนั และภาษาละตนิ อีกดว้ ย [11] ขณะท่ีทรงพระเยาวน์ น้ั สมเด็จพระนางเจา้ สิริกิต์ิ พระบรมราชนิ นี าถ ทรงสอนภาษาไทยแกพ่ ระราช โอรสและพระราชธิดา โดยทรงอา่ นวรรณคดเี ร่ืองตา่ ง ๆ พระราชทาน และทรงใหพ้ ระองคท์ รงคดั บท กลอนตา่ ง ๆ หลายตอน ทาใหพ้ ระองคโ์ ปรดวิชาภาษาไทยตง้ั แตน่ น้ั มา นอกจากน้ี ยงั ทรงสนพระทยั ใน ภาษาองั กฤษและภาษาบาลีดว้ ย เมอ่ื พระองคท์ รงเขา้ เรียนท่ีโรงเรียนจิตรลดานน้ั ทรงไดร้ บั การถา่ ยทอดความรทู้ างดา้ นภาษา ทง้ั ภาษาไทย ภาษาบาลี ภาษาเขมร ภาษาองั กฤษ และภาษาฝรงั่ เศส โดยภาษาไทยนนั้ พระองคท์ รง เชยี่ วชาญทง้ั ดา้ นหลกั ภาษา วรรณคดี และศิลปะไทย พระปรีชาสามารถทางดา้ นภาษาของพระองคน์ น้ั เป็ นทป่ี ระจกั ษ์ จึงไดร้ บั การทลู เกลา้ ถวาย ปริญญาดษุ ฎีบณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ดท์ิ างดา้ นภาษาจากมหาวิทยาลยั ตา่ ง ๆ ทงั้ ในและตา่ งประเทศ เชน่ มหาวิทยาลยั รามคาแหง มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ มหาวิทยาลยั มาลายา ประเทศมาเลเซีย มหาวิทยาลยั บกั กงิ แฮม สหราชอาณาจกั ร เป็ นตน้
พระปรชี าญาณ “สงั คีตศิลป์ ” พระองคท์ รงเป็ นผเู้ ชยี่ วชาญดา้ นดนตรีไทยผหู้ นง่ึ โดยทรงใชเ้ ครื่องดนตรีไทยไดท้ กุ ชนดิ แตท่ ่โี ปรดทรง อยปู่ ระจา คอื ระนาด ซอ และฆอ้ งวง โดยเฉพาะระนาดเอก พระองคท์ รงเร่ิมหดั ดนตรีไทย ในขณะทท่ี รงศึกษา อยชู่ นั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 2 โรงเรียนจิตรลดา โดยทรงเลือกหดั ซอดว้ งเป็ นเครอ่ื งดนตรีชน้ิ แรก และไดท้ รงดนตรี ไทยในงานปิ ดภาคเรียนของโรงเรียน รวมทงั้ งานวนั คนื สเู่ หยา้ ร่วมกบั วงดนตรีจิตรลดาของโรงเรียนจติ รลดา ดว้ ย หลงั จากทท่ี รงเขา้ ศกึ ษาในระดบั อดุ มศึกษา ณ คณะอกั ษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั พระองคท์ รง เขา้ ร่วมชมรมดนตรีไทยของสโมรสรนสิ ติ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั และคณะอกั ษรศาสตร์ โดยทรงเลน่ ซอดว้ ง เป็ นหลกั และทรงเริ่มหดั เลน่ เครื่องดนตรีไทยชนิ้ อ่ืน ๆ ดว้ ย พระองคท์ รงเร่ิมเรียนระนาดเอกอยา่ งจริงจงั เมอ่ื ปี พ.ศ. 2528 หลงั จากการเสด็จทรงดนตรีไทย ณ บา้ นปลาย เนนิ ซ่ึงเป็ นวงั ของสมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟ้ ากรมพระยานริศรานวุ ดั ตวิ งศ์ โดยมี สิริชยั ชาญ พกั จารญู เป็ นอาจารยผ์ ถู้ วายการสอน พระองคท์ รงเริ่มเรียนตงั้ แตก่ ารจบั ไมร้ ะนาด การตรี ะนาดแบบตา่ ง ๆ และทา่ ที่ ประทบั ขณะทรงระนาด และทรงเริ่มเรียนการตรี ะนาดตามแบบแผนโบราณ กลา่ วคือ เริ่มตน้ ดว้ ยเพลงตน้ เพลง ฉิ่งสามชน้ั แลว้ จึงทรงตอ่ เพลงอ่ืน ๆ ตามมา ทรงทาการบา้ นดว้ ยการไลร่ ะนาดทกุ เชา้ หลงั จากบรรทมตน่ื ภายในหอ้ งพระบรรทม จนกระทงั่ พ.ศ. 2529 พระองคจ์ งึ ทรงบรรเลงระนาดเอกรว่ มกบั ครอู าวโุ สของวงการ ดนตรีไทยหลายทา่ นตอ่ หนา้ สาธารณชนเป็ นครงั้ แรก ในงานดนตรีไทยอดุ มศึกษา ครง้ั ที่ 17 ณ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ โดยเพลงทท่ี รงบรรเลง คือ เพลงนกขมน้ิ (เถา) นอกจากดนตรีไทยแลว้ พระองคย์ งั ทรงดนตรีสากลดว้ ย โดยทรงเร่ิมเรียนเปี ยโนตง้ั แตพ่ ระชนมายุ 10 พรรษา แตไ่ ดท้ รงเลกิ เรียนหลงั จากนน้ั 2 ปี และทรงฝึ กเครื่องดนตรีสากล ประเภทเคร่ืองเป่ า จากพระบาทสมเด็จพระ บรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร จนสามารถทรงทรมั เปตนาวงดรุ ิยางคใ์ นงาน คอนเสิรต์ สายใจไทย และทรงระนาดฝรัง่ นาวงดรุ ิยางคใ์ นงานกาชาดคอนเสริ ต์
พระปรชี าญาณ “วรรณศิลป์ ” พระองคโ์ ปรดการอ่านหนงั สอื และการเขยี นมาตงั้ แตท่ รงพระเยาว์ รวมกบั พระปรีชาสามารถทางดา้ นภาษาทง้ั ภาษาไทยและ ตา่ งประเทศ รอ้ ยแกว้ และรอ้ ยกรอง ดงั นนั้ จึงทรงพระราชนพิ นธห์ นงั สอื ประเภทตา่ ง ๆ ออกมามากกว่า 100 เลม่ ซ่ึงมหี ลายหลาก ประเภททง้ั สารคดที อ่ งเทยี่ วเมอื่ เสด็จพระราชดาเนนิ เยอื นตา่ งประเทศ เชน่ เกล็ดหมิ ะในสายหมอก ทศั นะจากอนิ เดยี มนตร์ กั ทะเลใต้ ประเภทวชิ าการและประวตั ศิ าสตร์ เชน่ บนั ทกึ เร่ืองการปกครองของไทยสมยั อยธุ ยาและตน้ รตั นโกสนิ ทร์ กษตั ริยานสุ รณ์ หนงั สอื สาหรบั เยาวชน เชน่ แกว้ จอมแกน่ แกว้ จอมซน หนงั สอื ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั พระบรมวงศานวุ งศไ์ ทย เชน่ สมเด็จแมก่ บั การศึกษา สมเด็จพระ ศรีนครินทราบรมราชชนนกี บั พระราชกรณียกิจพระราชจริยาวตั รดา้ นการศึกษา ประเภทพระราชนพิ นธแ์ ปล เชน่ หยกใสร่ายคา ความคดิ คานงึ เก็จแกว้ ประกายกวี และหนงั สอื ทวั่ ไป เชน่ นทิ านเรื่องเกาะ (เรื่องนไ้ี มม่ คี ต)ิ เรื่องของคนแขนหกั เป็ นตน้ และมลี กั ษณะ การเขยี นทีค่ ลา้ ยคลงึ กบั พระราชนพิ นธใ์ นพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั กลา่ วคือ ในพระราชนพิ นธเ์ รื่องตา่ ง ๆ นอกจากจะ แสดงพระอารมณข์ นั แลว้ ยงั ทรงแสดงการวิพากษ์ วจิ ารณใ์ นแงต่ า่ ง ๆ เป็ นการแสดงพระมตสิ ว่ นพระองค[์ นอกจากพระนาม \"สิรนิ ธร\" แลว้ พระองคย์ งั ทรงใชน้ ามปากกาในการพระราชนพิ นธห์ นงั สอื อกี 4 พระนาม ไดแ้ ก่ “กอ้ นหินกอ้ นกรวด” เป็ นพระนามแฝงท่ีทรงหมายถึง พระองคแ์ ละพระสหาย สามารถแยกไดเ้ ป็ น กอ้ นหิน หมายถึง พระองค์ เอง สว่ นกอ้ นกรวด หมายถงึ กณุ ฑกิ า ไกรฤกษ์ นามปากกาน้ี ทรงใชค้ รั้งเดยี วตอนประพนั ธบ์ ทความ \"เรื่องจากเมอื งอิสราเอล\" เมอื่ ปี พ.ศ. 2520 \"แว่นแกว้ \" เป็ นชอ่ื ทพ่ี ระองคท์ รงตงั้ ขนึ้ เอง ซึง่ พระองคม์ รี ับสงั่ ถึงพระนามแฝงนว้ี า่ \"ช่ ือแวน่ แกว้ น้ีตัง้ เอง เพราะตอนเดก็ ๆ ช่ ือ ลูกแกว้ ตัวเองอยากช่ ือแกว้ ทาไมถึงเปล่ ียนไปไมร่ ูเ้ หมอื นกัน แลว้ ก็ชอบเพลงนอ้ ยใจยา นางเอกช่ อื แวน่ แกว้ \" พระนามแฝง แว่นแกว้ น้ี พระองคเ์ ริ่มใชเ้ มอ่ื ปี พ.ศ. 2521 เมอื่ ทรงพระราชนพิ นธแ์ ละทรงแปลเร่ืองสาหรับเด็ก ไดแ้ ก่ แกว้ จอมซน แกว้ จอมแก่น และขบวนการ นกกางเขน \"หนนู อ้ ย\" พระองคม์ รี บั สงั่ ถงึ พระนามแฝงนวี้ า่ \"เรามีช่ อื เล่นท่ เี รียกกันในครอบครัววา่ นอ้ ย เลยใชน้ ามแฝงวา่ หนูนอ้ ย\" โดย พระองคท์ รงใชเ้ พยี งครัง้ เดยี วในบทความเร่ือง “ป๋ องที่รัก” ตพี ิมพใ์ นหนงั สอื 25 ปี จิตรลดา เมอื่ ปี พ.ศ. 2523 และ \"บนั ดาล\" พระองคม์ รี บั สงั่ ถงึ พระนามแฝงนวี้ า่ \"ใชว้ า่ บันดาลเพราะคาน้ีผดุ ข้นึ มาในสมอง เลยใชเ้ ป็ นนามแฝง ไมม่ เี หตุผล อะไรในการใชช้ ่ ือน้ีเลย\" ซ่ึงพระองคท์ รงใชใ้ นงานแปลภาษาองั กฤษเป็ นภาษาไทยที่ทรงทาใหส้ านกั เลขาธกิ ารคณะกรรมการแห่งชาติ วา่ ดว้ ยการศึกษา วทิ ยาศาสตรแ์ ละวฒั นธรรมแห่งสหประชาชาติ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร เมอื่ ปี พ.ศ. 2526 นอกจากน้ี ยงั ทรงพระราชนพิ นธเ์ พลงแป็ นจานวนมาก โดยบทเพลงที่ดงั และนามาขบั รอ้ งบอ่ ยครัง้ ไดแ้ ก่ เพลง สม้ ตา รวมทงั้ ยงั ทรงประพนั ธค์ ารอ้ งในบทเพลงพระราชนพิ นธใ์ นพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ไดแ้ ก่ เพลงรกั และเพลงเมนไู ข่
พระราชกรณียกิจ ดา้ นการศึกษา เมอ่ื พระองคท์ รงสาเร็จการศึกษาในระดบั อดุ มศึกษาแลว้ ทรงเขา้ รบั ราชการเป็ นพระอาจารย์ ประจากองวิชากฎหมายและสงั คมศาสตร์ สว่ นการศึกษา โรงเรียนนายรอ้ ยพระจลุ จอมเกลา้ ตามคา กราบบงั คมทลู เชญิ ของพลตรียทุ ธศกั ด์ิ คลอ่ งตรวจโรค ผบู้ ญั ชาการโรงเรียนนายรอ้ ยพระจลุ จอมเกลา้ ในขณะนน้ั [33] ทรงสอนวิชาประวตั ศิ าสตรไ์ ทยและสงั คมวิทยา พระองคจ์ ึงทรงเป็ น \"ทลู กระหมอ่ ม อาจารย\"์ สาหรบั นกั เรียนนายรอ้ ยตง้ั แตน่ นั้ ในปี พ.ศ. 2525 ทรงพระราชดาริใหก้ อ่ ตง้ั โรงเรียนพระตาหนกั สวนกหุ ลาบ ขนึ้ ใน พระบรมมหาราชวงั เพ่ือเปิ ดโอกาสทางการศึกษาใหก้ บั บตุ รหลานขา้ ราชบริพารและประชาชนทวั่ ไป เปิ ด ทาการสอนครงั้ แรกในปี การศึกษา 2525 ในปี พ.ศ. 2533 เมอื่ ครง้ั ที่พระองคเ์ สด็จฯ เยือนประเทศลาวครงั้ แรกระหวา่ งวนั ที่ 15-22 มนี าคม ไดม้ ผี มู้ ีจิตศรทั ธาบริจาคทนุ ทรพั ยโ์ ดยเสด็จพระราชกศุ ลเป็ นเงนิ 12 ลา้ นกบี จึงทรงพระกรณุ า โปรดเกลา้ ฯ ใหน้ าเงนิ ไปกอ่ สรา้ งเรือนนอนใหแ้ ก่โรงเรียนวฒั นธรรมเด็กกาพรา้ (หลกั 67) ซึ่งอย่หู ่าง จากนครหลวงเวียงจนั ทนไ์ ปทางทิศเหนอื ประมาณ 67 กโิ ลเมตร พระราชทานชอื่ ว่า “อาคารสริ ินธร” โดยมีพระราชดาริที่จะชว่ ยเหลอื นกั เรียนใหม้ ีความเป็ นอย่ทู ด่ี ขี นึ้ ในรปู แบบของโครงการเกษตรเพ่ือ อาหารกลางวนั มีพระวิสยั ทศั นก์ า้ วไกล ทรงสนบั สนนุ การชว่ ยเหลือ โรงเรียนมหิดลวิทยานสุ รณ์ ใหเ้ ป็ นโรงเรียน ผลติ นกั วิจยั นกั วิทยาศาสตร์ สรา้ ง\"องคค์ วามร\"ู้ ใหแ้ กป่ ระเทศไทย
พระราชกรณียกิจ ดา้ นการพฒั นาหอ้ งสมดุ และการรหู้ นงั สือ สมเด็จพระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ทรงสนพระทยั การอ่านและการพฒั นาหอ้ งสมดุ ทรงรบั สมาคมหอ้ งสมดุ แห่งประเทศไทยฯไวใ้ นพระ ราชปู ถมั ภ์ เมือ่ วนั ที่ 2 กนั ยายน พ.ศ. 2519 หลายโอกาสทเี่ สด็จพระราชดาเนนิ ตา่ งประเทศ ไดเ้ สด็จ เย่ียมและทรงดงู านหอ้ งสมดุ ชนั้ นาหลายแห่ง ซ่ึงไดพ้ ระราชทานขอ้ แนะนาแกส่ มาคมหอ้ งสมดุ แห่งประเทศ ไทยฯ และบรรณารกั ษไ์ ทยในการนาความรไู้ ปพฒั นาหอ้ งสมดุ โรงเรียนและหอ้ งสมดุ ประชาชนรวมทงั้ หอ้ งสมดุ ประชาชนเฉลมิ ราชกมุ ารี ท่เี ป็ นแหลง่ เรียนรเู้ พื่อขยายโอกาสใหป้ ระชนในการพฒั นาการรู้ หนงั สอื นอกจากนย้ี งั ทรงพระกรณุ าเสด็จพระราชดาเนินเป็ นองคป์ ระธานในการประชมุ สามญั ประจาปี ของสมาคมหอ้ งสมดุ แห่งประเทศไทยฯเสมอมา รวมทง้ั ไดเ้ สด็จพระราชดาเนนิ แทนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงเป็ นประธานในโอกาสที่ประเทศไทยเป็ นเจา้ ภาพการประชมุ สมาพนั ธ์ สมาคมหอ้ งสมดุ ฯนานาชาติ (IFLA) และมีพระราชดารัสเปิ ดการประชมุ IFLA ครงั้ ที่ 65 ทีก่ รงุ เทพมหานครในปี 1999
พระราชกรณียกิจ ความสมั พนั ธก์ บั ประเทศจีน พระองคเ์ ป็ นพระบรมวงศานวุ งศท์ เ่ี สด็จเยือนจีนมากครง้ั ท่ีสดุ รวมทง้ั สิ้น 20 ครงั้ โดยเสด็จฯ เยือนมณฑลของจีนครบทกุ มณฑล ซึ่งหลายครงั้ หลงั เสด็จฯ เยือนจีนจะทรงถา่ ยทอดประสบการณก์ าร เยือนเป็ นสารคดี ไดแ้ ก่ ย่าแดนมังกร ซ่ึงทรงพระราชนพิ นธห์ ลงั เสด็จฯ เยือนจีนครง้ั แรกเมื่อปี พ.ศ. 2524 สว่ นเร่ืองอื่น ๆ ทตี่ ามมาไดแ้ ก่ มุง่ ไกลในรอยทราย, เกล็ดหิมะในสายหมอก , ใตเ้ มฆท่ เี มฆใต,้ เย็นสบายชายนา้ , คืนถ่ินจีนใหญ่ และ เจยี งหนานแสนงาม นอกจากน้ี พระองคย์ งั ไดร้ บั การยกย่องจาก สมาคมมติ รภาพวิเทศสมั พนั ธแ์ หง่ ประชาชนจีนว่าทรงเป็ น \"ทตู สนั ถวไมตรี\" ระหว่างประเทศไทยและ ประเทศจีน เมอ่ื วนั ท่ี 26 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2547[56] ในวโรกาสท่ีพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู ิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ ในปี พ.ศ. 2542 ชาวไทยเชอ้ื สายจีน บริษทั หา้ งรา้ น กลมุ่ มวลชน หนว่ ยงานราชการไดร้ ว่ มใจกนั จดั สรา้ ง ซุม้ ประตูวฒั นธรรมไทย–จีน หรือ ซุม้ ประตูเฉลิมพระ เกยี รติ บริเวณวงเวียนโอเดยี น เพ่ือถวายเป็ นราชสดดุ แี ดอ่ งคพ์ ระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหา ภมู ิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเป็ นสญั ลกั ษณข์ องไชนา่ ทาวน์ พระองคไ์ ดท้ รงจารึกอกั ษร จีน \"เซิ่ง โซ่ว อู๋ เจียง\" หมายถึง \"ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน\" พรอ้ มนามาภไิ ธย \"สิรินธร\" บนแผน่ จารึก นามใตห้ ลงั คาซมุ้ ประตเู ฉลิมพระเกยี รติ
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: