โครงการ ด้านสิ่งแวดล้อมและ การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม อันเน่ืองมาจากพระราชดําริ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้เน้นการใช้ธรรมชาติ ช่วยธรรมชาติ ใช้วิธีการท่ีเป็น รูปแบบง่ายๆ ให้ราษฎรนำ�ไป ปฏิบัติได้ เสียค่าใช้จ่ายน้อย เทคโนโลยีราคาถูกและ ไม่ซับซ้อน แต่มีประสิทธิภาพ พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ ป ร มิ น ท ร ม ห า ภู มิ พ ล อ ดุ ล ย เ ด ช บ ร ม น า ถ บ พิ ต ร พ ร ะ ร า ช ท า น พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ใ น ก า ร จั ด ก า ร ส่ิ ง แ ว ด ล้ อ ม โ ด ย ท ร ง ใ ห้ ศึ ก ษ า ท ด ล อ ง แ ล ะ ดํ า เ นิ น ก า ร แก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ท้ังโดยกระบวนการ ทางธรรมชาติ ฟิสิกส์ เคมี การใช้เคร่ืองมือ แ ล ะ เ ท ค โ น โ ล ยี ที่ ป ร ะ ดิ ษ ฐ์ คิ ด ค้ น ขึ้ น ห รื อ ผสมผสานวิธีต่างๆ เข้าด้วยกัน โดยทรงเน้น ก า ร ใ ช้ ธ ร ร ม ช า ติ ช่ ว ย ธ รร ม ช า ติ ใ ช้ วิ ธี ก า ร ท่ีเป็นรูปแบบง่ายๆ ให้ราษฎรนําไปปฏิบัติได้ เ สี ย ค่ า ใ ช้ จ่ า ย น้ อ ย เ ท ค โ น โ ล ยี ร า ค า ถู ก แ ล ะ ไ ม่ ซั บ ซ้ อ น แ ต่ มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ แ ล ะ ท ร ง ใ ห้ พิ จ า ร ณ า ดํ า เ นิ น ก า ร ใ ห้ เ ห ม า ะ ส ม กั บ ส ภ า พ ปั ญ ห า ข อ ง แ ต่ ล ะ ท้ อ ง ถ่ิ น
โครงการ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ส่ิ ง แ ว ด ล้ อ ม แ ล ะ ๒๕๐ ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ส ภ า พ ภู มิ อ า ก า ศ “...ก า ร จั ด ร ะ บ บ ค ว บ คุ ม ร ะ ดั บ นํ้ า ใ น ค ล อ ง ส า ย ต่ า ง ๆ ม ห า น ค ร น้ั น ส ม ค ว ร ว า ง ร ะ บ บ ใ ห้ ถู ก ต้ อ ง ต า ม ๒ แ ผ น ด้ ว ย กั น คื อ แ ผ น สํ า ห รั บ ใ ช้ กั บ ใ น ฤ ดู ฝ น ห รื อ แ ล ะ เ พื่ อ บ ร ร เ ท า อุ ท ก ภั ย เ ป็ น สํ า คั ญ แ ต่ แ ผ น ก า ร เ พื่ อ ก า ร กํ า จั ด ห รื อ ไ ล่ นํ้ า เ น่ า เ สี ย อ อ กจ า ก ค ล อ ง ถึ ง วิ ธี ก า ร ร ะ บ า ย น้ํ า โ ด ย อ า ศั ย แ ร ง โ น้ ม ถ่ ว ง ข อ ง โ ล ก ”ระดับนํ้าตามลําคลองเหล่าน.้ี .. โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริด้านสิ่งแวดล้อม กระทบตอ่ ความเปน็ อยขู่ องประชาชนและระบบนเิ วศ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงทรงให้มีการดำ�เนินโครงการอันเนื่องมาจาก ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาที่มีความสำ�คัญ พระราชด�ำ ริ ซงึ่ สว่ นใหญจ่ ะเปน็ วธิ กี ารทจ่ี ะท�ำ นบุ �ำ รงุ ที่มักจะเกิดควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจและ และปรบั ปรงุ สภาพทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ความเจริญก้าวหน้า ซึ่งเป็นปัญหาร่วมกันของ ให้ดีขึ้นในด้านต่างๆ โดยในด้านการแก้ไขปัญหา ทุกประเทศ กล่าวคือ การพัฒนายิ่งรุดหน้าปัญหา สิ่งแวดล้อมนั้น ทรงเน้นงานการอนุรักษ์และฟื้นฟู คุณภาพสิ่งแวดล้อมและภาวะมลพิษก็ยิ่งก่อตัว สภาพสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ และทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ประเทศไทยก็เป็น ปัญหานํ้าเน่าเสีย ประเทศหนึ่งที่กำ�ลังประสบกับปัญหาดังกล่าว อยู่ในขณะนี้ ทั้งนี้เพราะการพัฒนาเศรษฐกิจ แนวพระราชดำ�ริ “นํ้าดีไล่นํ้าเสีย” ในชว่ งทผ่ี า่ นมาไดใ้ หค้ วามส�ำ คญั กบั ความเจรญิ เตบิ โต วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๘ พระบาทสมเด็จ ทางเศรษฐกิจ โดยการนำ�เอาทรัพยากรธรรมชาติ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มาใช้ประโยชน์ แต่ไม่ได้มีการวางแผนการจัดการ เสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ ที่เหมาะสมรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้น ทำ�ให้ทรัพยากร สยามบรมราชกมุ ารี ไปทอดพระเนตรสภาพนา้ํ เนา่ เสยี ธรรมชาติที่เหลืออยู่มีสภาพเสื่อมโทรมลง และปัญหา ตามคลองต่างๆ ในเขตกรุงเทพมหานครที่บริเวณ ต่างๆ ด้านสิ่งแวดล้อมก็เพิ่มขึ้น ปัญหาเหล่านี้ส่งผล ประตูระบายนํ้าปากคลองเทเวศร์ คลองแสนแสบ
โครงการ ๒๕๑ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม แ ล ะ ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ส ภ า พ ภู มิ อ า ก า ศ โ ด ย เ ฉ พ า ะ อ ย่ า ง ย่ิ ง ก า ร จั ด ร ะ บ บ ร ะ บ า ย นํ้ า ใ น ก รุ ง เ ท พ สภาพการณ์และลักษณะภูมิประเทศ ซึ่งควรแบ่งออกเป็น ใ น ฤ ดู น้ํ า ม า ก นี้ ก็ เ พ่ื อ ป ร ะ โ ย ช น์ ใ น ก า ร ป้ อ ง กั น นํ้ า ท่ ว ม ร ะ บ า ย น้ํา ใ น ฤ ดู แ ล้ ง น้ัน ก็ ต้ อ ง จั ด อี ก แ บ บ ห น่ึง ต่ า ง กั น ไ ป ดั ง ก ล่ า ว เ ป็ น ห ลั ก ซ่ึ ง ท้ั ง ส อ ง ร ะ บ บ น้ี ค ว ร จ ะ พิ จ า ร ณ า ใ ห้ ม า ก ท่ีสุ ด ท้ัง น้ีเ พ่ือ ป ร ะ ห ยั ด ค่ า ใ ช้ จ่ า ย ใ น ก า ร ค ว บ คุ ม แนวพระราชดำ�ริ “นํ้าดีไล่นํ้าเสีย” เมื่อวันที่ ๔ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๘ และคลองลาดพร้าว ซึ่งในครั้งนั้นได้พระราชทาน “นา้ํ ดไี ลน่ า้ํ เสยี ”เปน็ ทฤษฎกี ารบ�ำ บดั นา้ํ เสยี ทใ่ี ชห้ ลกั การ พระราชดำ�ริ ความว่า ส�ำ คญั คอื ท�ำ ใหเ้ จอื จาง และอาศยั แรงโนม้ ถว่ งของโลก ซึ่งเป็นวิธีการธรรมชาติในการใช้นํ้าที่มีคุณภาพดี “...การจัดระบบควบคุมระดับนํ้าในคลองสาย ช่วยผลักดันนํ้าเน่าเสียออกไป ช่วยให้นํ้าเน่าเสีย ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดระบบระบายนํ้า ในลำ�คลองมีสภาพเจือจางลงและมีคุณภาพดีขึ้น ในกรุงเทพมหานครนั้น สมควรวางระบบให้ถูกต้อง ตามสภาพการณ์และลักษณะภูมิประเทศ ซึ่งควร แนวพระราชดำ�ริ “การบำ�บัดนํ้าเสียบึงมักกะสัน” แบ่งออกเป็น ๒ แผนด้วยกัน คือแผนสำ�หรับใช้กับ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในฤดูฝนหรือในฤดูนํ้ามากนี้ ก็เพื่อประโยชน์ บรมนาถบพติ ร พระราชทานพระราชด�ำ ริ เมอ่ื วนั ท่ี ๑๕ ในการป้องกันนํ้าท่วมและเพื่อบรรเทาอุทกภัย และวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๘ ให้หน่วยงาน เปน็ ส�ำ คญั แตแ่ ผนการระบายนา้ํ ในฤดแู ลง้ นน้ั กต็ อ้ งจดั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งรว่ มปรบั ปรงุ บงึ มกั กะสนั เพอ่ื ชว่ ยระบายนา้ํ อกี แบบหนง่ึ ตา่ งกนั ไป เพอ่ื การก�ำ จดั หรอื ไลน่ า้ํ เนา่ เสยี และบรรเทาสภาพนํ้าเสียในคลองสามเสน โดยใช้ ออกจากคลองดังกล่าวเป็นหลัก ซึ่งทั้งสองระบบนี้ รูปแบบ “เครื่องกรองนา้ํ ธรรมชาต”ิ ความตอนหนง่ึ วา่ ควรจะพิจารณาถึงวิธีการระบายนํ้า โดยอาศัย “...บึงมักกะสันน้ี ทำ�โครงการที่เรียกว่าแบบคนจน แรงโน้มถ่วงของโลกให้มากที่สุด ทั้งนี้เพื่อประหยัด โดยใช้หลักว่าผักตบชวาที่มีอยู่ทั่วไปนั้น เป็นพืช คา่ ใชจ้ า่ ยในการควบคมุ ระดบั นา้ํ ตามล�ำ คลองเหลา่ น.้ี ..” ดูดความโสโครกออกมาแล้วก็ทำ�ให้นํ้าสะอาดขึ้นได้
โครงการ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม แ ล ะ ๒๕๒ ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ส ภ า พ ภู มิ อ า ก า ศ “...เม่ือโลกน้ีร้อนข้ึน มีหวังว่านํ้าแข็งจะละลายลงทะเล แ ล ะ ร ว ม ท้ั ง น้ํ า ใ น ท ะ เ ล น้ั น จ ะ พ อ ง ขึ้ น... สิ่ ง ที่ ทํ า ใ ห้ ค า ร์ บ อ น ในอากาศเพ่ิมมากขึ้นนั้น มาจากการเผาเช้ือเพลิงซ่ึงอยู่ ในดินและจากการเผาไหม้... ”...ท่ีทําให้เกิดมาพูดเรื่องคาร์บอน เร่ืองจะร้อน จะเย็น “น้ําจะท่วมไม่ท่วม เพราะว่าถ้าเรามาศึกษาอย่างใจเย็น อย่างมีเหตุผลแล้ว ก็จะหาทางแก้ไขได้ หรืออย่างน้อย ก็ ใ ห้ พ ย า ย า ม แ ก้ ไ ข... ” พระราชดำ�รัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระราชทานในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต วันจันทร์ที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๒ เป็นเครื่องกรองธรรมชาติใช้พลังงานแสงอาทิตย์ นํ้าเสียจากครัวเรือน จึงพระราชทานแนวพระราชดำ�ริ และธรรมชาติของการเติบโตของพืช...” ให้ทำ�โครงการบำ�บัดนํ้าเสียโดยวิธีธรรมชาติ หลักการบำ�บัดนํ้าเสียโดยการกรองนํ้าเสียด้วย ผสมผสานกับเทคโนโลยีแบบประหยัด คือ จัดสร้าง ผักตบชวา ตามแนวทฤษฎีการพัฒนาอันเน่อื งมาจาก บ่อดักสารแขวนลอย ปลูกต้นกกอียิปต์เพื่อใช้ดับ พระราชดำ�ริ “บึงมักกะสัน” คือ ให้มีการทดลองใช้ กลิ่น และปลูกผักตบชวาเพื่อดูดสิ่งโสโครกและ ผักตบชวา ซึ่งเป็นวัชพืชที่ต้องการกำ�จัดอยู่แล้วนี้ โลหะหนัก ต่อจากนั้นจึงใช้กังหันนํ้าชัยพัฒนาและ แต่สามารถนำ�มาใช้ประโยชน์ได้ โดยนำ�มาทำ�หน้าที่ แผงท่อเติมอากาศให้กับนํ้าเสียตามความเหมาะสม ดูดซับความโสโครก รวมทั้งสารพิษจากนํ้าเน่าเสีย ให้ตกตะกอน แล้วปล่อยนํ้าลงหนองสนมเพื่อปรับ โดยทรงเน้นให้ทำ�การปรับปรุงอย่างประหยัด สภาพนํ้าให้ดีขึ้น นอกจากนี้ผักตบชวายังสามารถ และไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน นำ�มาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ได้อีกด้วย เช่น ที่อยู่อาศัยริมบึง ทำ�ปุ๋ยหมัก ทอเสื่อ ทำ�เชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี เป็นต้น แนวพระราชด�ำ ริ “การบ�ำ บดั นา้ํ เสยี ดว้ ยการผสมผสาน แนวพระราชดำ�ริ “กังหันนํ้าชัยพัฒนา” ระหว่างพืชนํ้ากับระบบเติมอากาศ” พระบาทสมเด็จ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร บรมนาถบพิตร สนพระราชหฤทัยเกี่ยวกับ ทรงหว่ งใยปญั หานา้ํ เนา่ เสยี ในหนองหาน เขตเทศบาล ก า ร บำ � บั ด นํ้ า เ สี ย ที่ เ กิ ด จ า ก แ ห ล่ ง ชุ ม ช น แ ล ะ เมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นแหล่งรับ แหล่งอุตสาหกรรมโดยใช้อุปกรณ์การเติมอากาศ พระองคม์ พี ระราชด�ำ รใิ หม้ ลู นธิ ชิ ยั พฒั นาด�ำ เนนิ การวจิ ยั
โครงการ ๒๕๓ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม แ ล ะ ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ส ภ า พ ภู มิ อ า ก า ศ มูลนิธิชัยพัฒนา และพัฒนากังหันนํ้า เริ่มจากการสรา้ งตน้ แบบครง้ั แรก การกำ�จัดขยะด้วยการทำ�ปุ๋ยหมัก เป็นเทคโนโลยี ในปีพ.ศ.๒๕๓๒ตอ่ มาวนั ท่ี๒กมุ ภาพนั ธ์พ.ศ.๒๕๓๖ อย่างง่าย ที่ใช้หลักการธรรมชาติช่วยธรรมชาติ และ “กงั หนั นา้ํ ชยั พฒั นา” ไดร้ บั สทิ ธบิ ตั รจากกรมทรพั ยส์ นิ ใช้วัสดุท้องถิ่นเพื่อสร้างเทคโนโลยีที่ราคาถูกหรือ ทางปัญญา นับเป็นสิทธิบัตรในพระปรมาภิไธย ไม่เสียค่าใช้จ่ายแนวพระราชดำ�ริ “มลพิษทางอากาศ ของพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของไทย และ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ครั้งแรกของโลก พระราชดำ�รัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร แนวพระราชดำ�ริ “การกำ�จัดขยะชุมชนด้วยการทำ� มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระราชทาน ปุ๋ยหมัก” ในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต วันจันทร์ที่ ๔ ธันวาคม บรมนาถบพิตร พระราชทานพระราชดำ�ริ เมื่อวันที่ พ.ศ.๒๕๓๒ ความว่า “...เมื่อโลกนี้ร้อนขึ้น มีหวังว่า ๑๒ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๓ ความว่า “...ปัญหาสำ�คัญ น้ําแข็งจะละลายลงทะเล และรวมท้ังน้ําในทะเลน้ัน คือ เรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องนํ้าเสียและขยะได้ศึกษา จะพองข้ึน...สิ่งที่ทำ�ให้คาร์บอนในอากาศเพิ่ม มาแล้วเหมือนกัน ทำ�ไม่ยากนัก ในทางเทคโนโลยี มากขึ้นนั้น มาจากการเผาเชื้อเพลิงซึ่งอยู่ในดิน ทำ�ได้ แล้วในเมืองไทยเองก็ทำ�ได้...” ทรงพระกรุณา และจากการเผาไหม้...” และ “...ที่ทำ�ให้เกิดมาพูด โปรดเกล้าฯ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษา วิจัย เรื่องคาร์บอน เรื่องจะร้อน จะเย็น นํ้าจะท่วมไม่ท่วม และพัฒนาเทคโนโลยีการกำ�จัดขยะที่เหมาะสมกับ เพราะว่าถ้าหากว่าเรามาศึกษาอย่างใจเย็น อย่างมี ประเทศไทย เหตุผลแล้ว ก็จะหาทางแก้ไขได้ หรืออย่างน้อยก็ให้ พยายามแก้ไข...\"
โครงการ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ส่ิ ง แ ว ด ล้ อ ม แ ล ะ ๒๕๔ ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ส ภ า พ ภู มิ อ า ก า ศ พ ร ะ ร า ช ดำ � ริ ที่ พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ ป ร มิ น ท ร หาเทคโนโลยีจากต่างประเทศมาแล้วทำ�ในเมืองไทย มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระราชทาน เองก็ทำ�ได้หรือจะจ้างบริษัทต่างประเทศมาทำ�ก็ได้ ให้แก่พสกนิกรชาวไทยตลอดระยะเวลาที่พระองค์ นี่แหละปัญหาเดียวกัน เดี๋ยวนี้กำ�ลังคิดจะทำ�แต่ติด ทรงครองราชย์ สามารถใช้เป็นแนวทางในการลด อยู่ที่ที่จะทำ�...” พระราชดำ�รัสเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน สภาวะโลกร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทรงมี พ.ศ.๒๕๓๓ พระราชดำ�ริและพระราชทานแนวทางในเรื่อง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช การอนุรักษ์ป่าไม้ การปลูกป่าธรรมชาติและ บรมนาถบพิตร ทรงตระหนักถึงความสำ�คัญของ ป่าเศรษฐกิจ การรักษาและพัฒนาแหล่งนํ้า ปัญหาสิ่งแวดล้อมทั้งด้านนํ้าเสียและขยะชุมชน ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ การประกอบ ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน ได้พระราชทานแนวทาง อาชีพที่ยั่งยืน การป้องกันและบำ�บัดนํ้าเสีย การแก้ไขปัญหาด้วยการใช้เทคโนโลยีอย่างง่าย การกำ�จัดและการใช้ประโยชน์จากขยะ การใช้ โดยใช้กระบวนการธรรมชาติช่วยธรรมชาติ และ พลังงานทดแทนและใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ การแก้ไข ใช้วัสดุท้องถิ่นเพื่อสร้างเทคโนโลยีที่ราคาถูกหรือ ปัญหาจราจรในกรุงเทพมหานครและเมืองใหญ่ ไม่เสียค่าใช้จ่าย ตลอดจนการใช้เครื่องปรับอากาศที่สะอาด จากการทอดพระเนตรเห็นสภาพพื้นที่ตำ�บล โครงการศูนย์ศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อม แหลมผักเบี้ย อำ�เภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี แหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริ ในการเสดจ็ ฯ แปรพระราชฐานไปทพ่ี ระต�ำ หนกั ทกั ษณิ “...ปัญหาสำ�คัญ คือ เรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องนํ้าเสีย ราชนเิ วศน์พระองคท์ รงพจิ ารณาเห็นวา่ พื้นที่ดังกล่าว กับขยะ ได้ศึกษามาแล้วเหมือนกัน ทำ�ไม่ยากนัก เป็นที่สาธารณะ มีป่าชายเลนทรุดโทรม ควรจะนำ� ในทางเทคโนโลยีทำ�ได้ ในเมืองไทยเองก็ทำ�ได้
โครงการ ๒๕๕ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ส่ิ ง แ ว ด ล้ อ ม แ ล ะ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ส ภ า พ ภู มิ อ า ก า ศ ได้พระราชทานแนวทางการแก้ไขปัญหาด้วยการใช้เทคโนโลยีอย่างง่าย และโดยใช้กระบวนการธรรมชาติช่วยธรรมชาติ และใช้วัสดุท้องถิ่น เพื่อสร้างเทคโนโลยีที่ราคาถูกหรือไม่เสียค่าใช้จ่าย เทคโนโลยีที่ใช้ในการบำ�บัดนํ้าเสีย และกำ�จัดขยะชุมชน พื้นที่บริเวณนั้นมาใช้ประโยชน์โดยนำ�ขยะชุมชน ระหวา่ งโมเลกลุ ของนา้ํ การบ�ำ บดั คอื การน�ำ สง่ิ ปนเปอ้ื น มาทำ�ปุ๋ยหมักเพื่อฟื้นฟูป่าชายเลนที่เสื่อมโทรม ออกไปด้วยกระบวนการชีววิทยา กระบวนการ นำ�นํ้าเสียชุมชนมาปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์เพื่อมิให้ ธรรมชาติทางฟิสิกส์และเคมี ให้เหลือปริมาณ นํ้าเสียชุมชนแพร่กระจายลงสู่แม่นํ้าลำ�คลอง อันจะ สิ่งปนเปื้อนตามเกณฑ์ธรรมชาติ (ค่ามาตรฐาน) ทำ�ให้แหล่งนํ้าเกิดการเน่าเสีย ไม่สามารถนำ�นํ้าไปใช้ นํ้าเสียชุมชนมีสิ่งปนเปื้อนที่เป็นสารอินทรีย์ ในการบริโภคและอุปโภคได้ อีกทั้งเป็นการทำ�ลาย เป็นหลัก แบคทีเรียทำ�หน้าที่ย่อยสลายสารอินทรีย์ ระบบนิเวศทางนํ้าด้วย พระบาทสมเด็จปรมินทร ให้เป็นสารอนินทรีย์ที่เป็นธาตุอาหารพืชซึ่งเป็น มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณา กระบวนการธรรมชาติที่เกิดมาคู่กับโลก แต่แบคทีเรีย โปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนา สำ�นักงาน ต้ อ ง ก า ร อ อ ก ซิ เ จ น เ พื่ อ เ ป็ น แ ห ล่ ง พ ลั ง ง า น คณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการ ในการดำ�เนินกิจกรรมย่อยสลายสารอินทรีย์ดังกล่าว อนั เนอ่ื งมาจากพระราชด�ำ ริ กรมชลประทาน เทศบาล ในสภาวะมีอากาศแบคทีเรียได้รับออกซิเจนโดยตรง เมืองเพชรบุรี และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จากอากาศเพื่อใช้ในกระบวนการย่อยสลาย แต่ใน ร่วมกันดำ�เนินโครงการตามพระราชดำ�ริต้ังแต่ สภาวะไร้อากาศ แบคทีเรียสามารถดึงออกซิเจน วันท่ี ๑๒ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๓ เป็นต้นมา จนถึง จากสารประกอบเคมีหรือในโมเลกุลของนํ้ามา ปัจจุบัน โดยมีพันธกิจหลักในการวิจัยและพัฒนา ใช้ในกระบวนการย่อยสลายสารอินทรีย์ ทำ�ให้ บริการวิชาการ และขยายผลสู่ชุมชนทั้งในระดับชาติ ก๊าซไฮโดรเจนทำ�ปฏิกิริยากับสารประกอบหลัก และนานาชาติ ในร่างกายสัตว์และพืชผัก คือ ธาตุคาร์บอน กำ�มะถัน นํ้าเน่าเสียเกิดจากการมีสิ่งปนเปื้อนทางกายภาพ และไนโตรเจน เกิดก๊าซมีเทน ไนตรัสออกไซด์ เคมี และชีววิทยา แทรกอยู่ในช่องว่างโมเลกุลนํ้าและ แอมโมเนีย ก๊าซไข่เน่า ฯลฯ พร้อมทั้งปล่อยความร้อน
โครงการ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ส่ิ ง แ ว ด ล้ อ ม แ ล ะ ๒๕๖ ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ส ภ า พ ภู มิ อ า ก า ศ ที่ได้จากการแปรสภาพของตัวเชื่อมระหว่างโมเลกุล ของเนื้อเยื่ออินทรีย์ที่เป็นสิ่งปนเปื้อนในนํ้าเสีย ขยะชุมชนก็เช่นกัน ประกอบด้วยของเสียอินทรีย์ ๑ ที่เป็นคาร์โบไฮเดรต โปรตีน เซลลูโลส และเส้นใย เหล่านี้ มีแป้งหรือนํ้าตาลหรือคาร์โบไฮเดรตเป็น เ ท ค โ น โ ล ยี ก า ร บ ำ� บั ด สารเรม่ิ ตน้ ซง่ึ เปน็ ผลผลติ จากการสงั เคราะหแ์ สงของพชื นํ้าเสียชุมชนมี ๓ รูปแบบ โดยมีการเชื่อมต่อกันด้วยพลังงานเคมี ที่แปรสภาพ มาจากพลังงานความร้อนจากการสังเคราะห์แสงและ พืชนำ�มาเก็บไว้เพื่อสร้างเป็นเนื้อเยื่อที่เรียกรวมว่า สารอนิ ทรยี ์ ในธรรมชาตแิ ลว้ สารอนิ ทรยี ท์ เ่ี ปน็ ของเสยี จะถูกย่อยสลายด้วยกระบวนการใช้อากาศหรือ ไร้อากาศ เนื้อเยื่อที่ประกอบด้วยโมเลกุลหลากหลาย ขนาด จะถูกแบคทีเรียย่อยสลายให้โมเลกุลมีขนาด เล็กลงและแยกจากกัน แปรสภาพเป็นความร้อนและ ธาตุในรูปของอิเล็กตรอน ที่ต้องการตัวรับอิเล็กตรอน เช่น เหล็ก แมงกานีส ฯลฯ ซึ่งเป็นสารประกอบเคมี ที่มีอยู่ในดิน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (๑) เทคโนโลยีการบำ�บัดนํ้าเสียชุมชน มี ๓ รูปแบบ บรมนาถบพิตร ทรงมีความรู้และทรงเข้าใจศาสตร์ ที่กล่าวข้างต้นอย่างลํ้าเลิศ เนื่องจากศาสตร์ดังกล่าว แบบที่หนึ่ง : เทคโนโลยีบึงประดิษฐ์นํ้าไหลแนวตั้ง เป็นพื้นฐานสำ�คัญในการบำ�บัดนํ้าเสียและกำ�จัด มี ๒ รูปแบบย่อย คือ (๑) การปลูกพืชนํ้า (ธูปฤๅษี ขยะชุมชน โดยใช้กระบวนการธรรมชาติย่อยสลาย และกกกลม) และ (๒) การปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ (หญ้า ส า ร อิ น ท รี ย์ เ ป็ น ส า ร อ นิ น ท รี ย์ ด้ ว ย แ บ ค ที เ รี ย โคสครอส หญ้าคาลล่า และหญ้าสตาร์) ที่สำ�คัญก็คือ กระบวนการธรรมชาติจัดหาออกซิเจน ให้กับแบคทีเรียเพื่อใช้ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ แบบที่สอง : เทคโนโลยีบึงประดิษฐ์ขังนํ้า มี ๒ รูปแบบ ได้อย่างเพียงพอ พื้นฐานองค์ความรู้ดังกล่าวสามารถ ย่อย คือ (๑) แบบนํ้าไหลออกเป็นศูนย์ (ปลูกธูปฤๅษี นำ�มาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการบำ�บัด และกกกลม) และ (๒) แบบนํ้าขังขณะนํ้าขึ้น – ปล่อย นํ้าเสียและกำ�จัดขยะชุมชนจนเกิดผลสัมฤทธิ์ ขณะนํ้าลง (ปลูกป่าชายเลน) สู่การสร้างเทคโนโลยีการบำ�บัดนํ้าเสียและกำ�จัด ขยะชุมชนตามแนวพระราชดำ�ริ สรุปเป็นเทคโนโลยี แบบที่สาม : เทคโนโลยีบ่อบำ�บัดตากอากาศ ได้ดังนี้ (๒) เทคโนโลยีการกำ�จัดขยะชุมชนโดยใช้ กลอ่ งคอนกรตี สามารถประยกุ ตใ์ ชไ้ ดก้ บั ทกุ สภาพพน้ื ท่ี
โครงการ ๒๕๗ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม แ ล ะ ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ส ภ า พ ภู มิ อ า ก า ศ ๒ โครงการศูนย์ศึกษาวิจัย นอกจากนี้ ยังส่งผลให้มีความหลากหลายของชนิด และพัฒนาสิ่งแวดล้อม พันธุ์นก ทั้งนกอพยพและนกประจำ�ถิ่น โครงการ แหลมผักเบี้ย ศูนย์ศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจาก อันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริ จึงกลายเป็นแหล่ง พระราชดำ�ริ ท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สำ�คัญและเป็นที่รู้จักอย่างดี จึงกลายเป็นสถานที่ ของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักดูนก เรียนรู้ด้านการบำ�บัด ทั้งในและต่างประเทศ จึงเกิดมีโรงแรม รีสอร์ท นํ้าเสียและการกำ�จัดขยะ โฮมสเตย์ รา้ นคา้ รา้ นจ�ำ หน่ายของทีร่ ะลึกจำ�นวนมาก ตามแนวพระราชดำ�ริ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว เป็นการกระจายรายได้ มีผู้เข้าเยี่ยมชมในแต่ละปี ให้กับชุมชนอีกทางหนึ่งด้วย มากกว่า ๗๐,๐๐๐ คน โครงการศูนย์ศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อม เ ท ค โ น โ ล ยี ก า ร ก ำ� จั ด ข ย ะ แหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริเป็นแหล่ง ชุมชนโดยใช้กล่องคอนกรีต ผลิตองค์ความรู้ทางสิ่งแวดล้อมมากกว่า ๔๐๐ องค์ความรู้ ทั้งที่เป็นของใหม่และที่ปรับเปลี่ยน เป็นแนวทางในการนำ�ขยะซึ่งเป็นของเสียแปรสภาพ เพื่อประยุกต์ใช้ได้เฉพาะที่เฉพาะแห่ง อีกทั้งยังเป็น เป็นทรัพยากรปุ๋ยเพื่อใช้ในการเกษตรได้ แหล่งผลิตบุคลากรระดับบัณฑิต มหาบัณฑิต และ ก่อนดำ�เนินโครงการศูนย์ศึกษาวิจัยและพัฒนา ดุษฎีบัณฑิต อันเป็นกำ�ลังสำ�คัญของประเทศชาติ สิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชด�ำ ริ ถ้าพิจารณาให้ถ่องแท้จะพบว่า มีหลายองค์ความรู้ ชุมชนโดยรอบเป็นสังคมชนบท อาชีพหลักคือประมง และหลายผลงานที่นำ�ไปใช้สำ�หรับการพัฒนาท้องถิ่น พื้นบ้าน มีฐานะค่อนข้างยากจน จึงมีการย้ายถิ่นฐาน และพัฒนาประเทศ ด้วยเหตุนี้โครงการศูนย์ศึกษา เพื่อหาแหล่งประกอบอาชีพใหม่ ภายหลังดำ�เนิน วิ จั ย แ ล ะ พั ฒ น า สิ่ ง แว ด ล้ อ ม แ ห ล ม ผั ก เ บี้ ย โครงการมาครบ ๑๐ ปี เกิดความอุดมสมบูรณ์ของ อันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริ จึงกลายเป็นสถานที่ ป่าชายเลนและมีสัตว์นํ้าเพิ่มมากขึ้น เช่น หอย ปู เรียนรู้ด้านการบำ�บัดนํ้าเสียและการกำ�จัดขยะ หมึก และปลาอุดมสมบูรณ์ขึ้น เอื้อประโยชน์ ตามแนวพระราชดำ�ริ มีผู้เข้าเยี่ยมชมในแต่ละปี ตอ่ การประกอบอาชพี สง่ ผลใหส้ ภาพเศรษฐกจิ ทอ้ งถน่ิ มากกว่า ๗๐,๐๐๐ คน ส่วนมากเป็นนักเรียน ดีขึ้น และชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน นักศึกษา นักวิชาการ นักบริหาร และนักการเมือง ทำ�ให้ราษฎรเร่ิมย้ายถ่ินฐานกลับภูมิลำ�เนาเดิม ท้องถิ่น อีกทั้งมีนักวิชาการและนักบริหารจาก ต่างชาติเข้าศึกษาดูงาน ไม่น้อยกว่า ๓,๐๐๐ คน การบำ�บัดนํ้าเสียและการกำ�จัดขยะชุมชนตาม แนวพระราชดำ�รินี้ สามารถประยุกต์ใช้ได้กับ ทุกสถานการณ์และทุกสภาพภูมิสังคม ได้มีการนำ�
โครงการ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ส่ิ ง แ ว ด ล้ อ ม แ ล ะ ๒๕๘ ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ส ภ า พ ภู มิ อ า ก า ศ “...ปัญหาสําคัญ คือ เรื่องส่ิงแวดล้อม เรื่องน้ําเสียกับขยะ ได้ศึกษามาแล้วเหมือนกัน ทำ�ไม่ยากนัก ในทางเทคโนโลยีทําได้ ในเมืองไทยเองก็ทําได้ หาเทคโนโลยีจาก ต่างประเทศมาแล้วทำ�ในเมืองไทยเองก็ทําได้ หรือจะจ้างบริษัทต่างประเทศมาทําก็ได้ น่ีแหละปัญหาเดียวกัน ”เดี๋ยวนี้กำ�ลังคิดจะทำ� แต่ติดอยู่ที่ท่ีจะทำ�... พระราชดำ�รัสเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๓ ไปใช้ปฏิบัติในประเทศในเขตร้อนแล้วพบว่าได้ผลดี ใช้พื้นที่เล็กๆ กำ�จัดขยะได้ ยิ่งไปกว่านี้ เมื่อนํ้า จึงทำ�ให้เชื่อได้ว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ เทคโนโลยี ขาดแคลน การนำ�นํ้าเสียที่บำ�บัดแล้วมาใช้ประโยชน์ บำ � บั ด นํ้ า เ สี ย แ ล ะ กำ � จั ด ข ย ะ ชุ ม ช น ต า ม แ น ว ย่อมมีความเป็นไปได้สูง โครงการศูนย์ศึกษาวิจัยและ พระราชดำ�ริจะได้รับการประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลาย พัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจาก เพราะพื้นที่สาธารณะที่ใช้กำ�จัดขยะมีน้อยลง พระราชดำ�ริ ได้คิดค้นเทคโนโลยีเพื่อการนี้แล้ว เทคโนโลยีกำ�จัดขยะตามแนวพระราชดำ�ริสามารถ จึงพร้อมที่จะนำ�ไปใช้ประโยชน์ได้ทันท่วงที
โครงการ ๒๕๙ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม แ ล ะ ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ส ภ า พ ภู มิ อ า ก า ศ กฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับโครงการ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริด้านสิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กฎหมายที่เกี่ยวข้องและสนับสนุนการดําเนินโครงการ มีดังนี้ ๑. กฎหมายที่เกี่ยวกับขยะมูลฝอย กระจัดกระจายอยู่ในกฎหมายหลายฉบับและ พระราชบัญญัติ รับผิดชอบโดยหน่วยงานหลายหน่วยงาน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทของขยะหรือ โรงงาน พ.ศ.๒๕๓๕ ของเสียนั้นๆ กล่าวคือ พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.๒๕๓๕ ใช้กับขยะของเสีย พระราชบัญญัติ ที่มาจากกระบวนการทางอุตสาหกรรม พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.๒๕๓๕ วัตถุอันตราย ใช้กับขยะของเสียที่มีพิษหรืออันตราย โดยขยะของเสียทั้งสองประเภทนี้อยู่ใน พ.ศ.๒๕๓๕ ความรับผิดชอบของกระทรวงอุตสาหกรรม ส่วนพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พระราชบัญญัติ พ.ศ.๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติมใช้กับขยะมูลฝอยซึ่งเป็นของเสียทั่วไปจาก การสาธารณสุข ชุมชน โดยอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงสาธารณสุข แต่กฎหมายจัดตั้ง พ.ศ.๒๕๓๕ และ ราชการส่วนท้องถิ่นกำ�หนดให้อำ�นาจในการเก็บ ขน และกำ�จัดมูลฝอยเป็นของ ท่ีแก้ไขเพิ่มเติม ราชการส่วนท้องถิ่น ทำ�ให้การจัดการมูลฝอยอยู่ในความรับผิดชอบของ กระทรวงสาธารณสขุ และกระทรวงมหาดไทยซง่ึ เปน็ ผกู้ �ำ กบั ดแู ลราชการสว่ นทอ้ งถน่ิ ๒. ในกรณีที่ขยะของเสียใดก่อให้เกิดมลพิษหรือส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม กรณีนั้น พระราชบัญญัติ ต้องตกอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ส่งเสริมและรักษา พ.ศ.๒๕๓๕ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ คุณภาพส่ิงแวดล้อม สิ่งแวดล้อม แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓ ๕ ๓. กฎหมายหลักเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม คือ พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพ พระราชบัญญัติ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓๕ ซึ่งมีเนื้อหาประกอบด้วย คณะกรรมการ ส่งเสริมและรักษา สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานมีอำ�นาจให้ความเห็นชอบ คุณภาพส่ิงแ วดล้อม ในเรื่องต่างๆ (มาตรา ๑๒) แผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม ที่หน่วยงานอื่นต้อง แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓๕ ดำ�เนินงานให้สอดคล้อง (มาตรา ๓๕) การส่งเสริมประชาชนและองค์กรเอกชน ให้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม (มาตรา ๗ – ๘) โดยมี การจัดระบบบริหารงานด้านสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามหลักการจัดการคุณภาพ สิ่งแวดล้อม เช่น มีคณะกรรมการควบคุมมลพิษ (มาตรา ๕๒ – ๕๔) มีการกำ�หนด มาตรการควบคุมมลพิษด้วยการจัดให้มีระบบบำ�บัดอากาศเสีย ระบบบำ�บัด นํ้าเสีย ระบบกำ�จัดของเสีย และเครื่องมือหรืออุปกรณ์ต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหา เกี่ยวกับมลพิษ และมีการจำ�แนกมลพิษออกเป็นประเภทต่างๆ ได้แก่ มลพิษทาง อากาศและเสียง มลพิษทางนํ้า มลพิษอื่น และของเสียอันตราย
โครงการ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม แ ล ะ ๒๖๐ ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ส ภ า พ ภู มิ อ า ก า ศ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับโครงการ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริด้านสิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ๔. กฎหมายที่เกี่ยวกับนํ้าเสีย ได้แก่ พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.๒๕๓๕ ใช้กับ พระราชบัญญัติ นํ้าเสียที่มาจากกระบวนการทางอุตสาหกรรม พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย โรงงาน พ.ศ.๒๕๓๕ พ.ศ.๒๕๓๕ ใช้กับนํ้าเสียที่มีพิษหรืออันตราย พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พระราชบัญญัติ พ.ศ.๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติมใช้กับนํ้าเสียในชุมชน พระราชบัญญัติส่งเสริม วัตถุอันตราย และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓๕ และพระราชกฤษฎีกาจัดตั้ง พ.ศ.๒๕๓๕ องค์การจัดการนํ้าเสีย พ.ศ.๒๕๓๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๕๔๐, พ.ศ.๒๕๔๘ พระราชบัญญัติ และ พ.ศ.๒๕๕๘ โดยจัดตั้งองค์การจัดการนํ้าเสียเป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัด การสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีวัตถุประสงค์ให้บริการหรือจัดการ พ.ศ.๒๕๓๕ และ ระบบบำ�บัดนํ้าเสียอย่างมีประสิทธิภาพในเชิงเศรษฐกิจ องค์การจัดการนํ้าเสีย ท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม มอี �ำ นาจหนา้ ทใ่ี นการส�ำ รวจวางแผนปฏบิ ตั กิ ารออกแบบกอ่ สรา้ งดาํ เนนิ การจดั การ พระราชบัญญัติ และบํารุงรักษาระบบบําบัดนํ้าเสียและระบบบําบัดนํ้าเสียรวม รวมทั้งติดตาม ส่งเสริมและรักษา ตรวจสอบผลการดําเนินการของระบบบําบัดนํ้าเสียทั้งในและนอกเขตพื้นที่ คุณภาพส่ิงแ วดล้อม จัดการนํ้าเสีย และระบบบําบัดนํ้าเสียรวมในเขตพื้นที่จัดการนํ้าเสีย นอกจากนั้น แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓๕ ยังมีบทบาทในการดําเนินงานเกี่ยวกับการนํานํ้าเสียกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ และ พระราชกฤษฎีกา การผลิตพลังงานจากนํ้าเสีย เก็บค่าธรรมเนียมและค่าบริการสำ�หรับการบำ�บัด จัดตั้งองค์การจัดการ นํ้าเสียและระบบบำ�บัดนํ้าเสียรวม รวมทั้งประสานงานกับราชการส่วนต่างๆ น้ําเสีย พ.ศ.๒๕๓๘ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการนํ้าเสีย และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๕๔๐ พ.ศ.๒๕๔๘ และ พ.ศ.๒๕๕๘ ๕. กฎหมายที่เกี่ยวกับป่าชายเลน เดิมไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับป่าชายเลนโดยตรง พระราชบัญญัติ คงมีแต่กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้เป็นการทั่วไปซึ่งรวมถึงป่าชายเลนด้วย ส่งเสริมการบริหาร ต่อมา ได้มีกฎหมายที่ออกมารองรับการจัดการทรัพยากรชายฝั่งโดยเฉพาะ จัดการทรัพยากร คือ พระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ทางทะเลและชายฝ่ัง พ.ศ.๒๕๕๘ โดยมีเนื้อหาครอบคลุมธรรมชาติบริเวณทะเลและชายฝั่ง ซึ่งรวมถึง พ.ศ.๒๕๕๘ ป่าชายเลนด้วย และมีเนื้อหาครอบคลุมการบริหารจัดการที่มีความเป็นเอกภาพ การบูรณาการ และการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนในท้องถิ่น กําหนด หลักเกณฑ์ในการบริหารจัดการ การบํารุงรักษา การอนุรักษ์ การฟื้นฟูทรัพยากร ทางทะเลและชายฝั่งและการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง การให้ประชาชนและ
โครงการ ๒๖๑ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ส่ิ ง แ ว ด ล้ อ ม แ ล ะ ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ส ภ า พ ภู มิ อ า ก า ศ กฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับโครงการ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริด้านสิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ชุมชนในท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการปลูก การบํารุงรักษา การอนุรักษ์ และ การฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างสมดุลและยั่งยืน รวมทั้งการให้ รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอํานาจออกกฎกระทรวง กําหนด ให้พื้นที่ป่าชายเลนบริเวณหนึ่งบริเวณใดเป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์หรือพื้นที่ คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้ เพื่อสงวน อนุรักษ์ และฟื้นฟูพื้นที่ ป่าชายเลนให้คงสภาพธรรมชาติและมีสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศให้มี ความสมบูรณ์ ๖. พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) พระราชกฤษฎีกา พ.ศ.๒๕๕๐ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ ๑) วิเคราะห์ กลั่นกรอง และทำ�ความเห็น จัดต้ังองค์การบริหาร เกี่ยวกับการให้คำ�รับรองโครงการ ตลอดจนติดตามประเมินผลโครงการที่ได้รับ จัดการก๊าซเรอื นกระจก คำ�รับรอง ๒) ส่งเสริมการพัฒนาโครงการ และการตลาดซื้อขายปริมาณ (องค์การมหาชน) ก๊าซเรือนกระจกที่ได้รับการรับรอง ๓) เป็นศูนย์กลางข้อมูลที่เกี่ยวกับสถานการณ์ พ.ศ.๒๕๕๐ ดำ�เนินงานด้านก๊าซเรือนกระจก ๔) จัดทำ�ฐานข้อมูลเกี่ยวกับโครงการ ที่ได้รับคำ�รับรอง และการขายปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ได้รับการรับรอง ทั้งนี้ ตามนโยบายที่คณะกรรมการแห่งชาติและคณะกรรมการกำ�หนด ๕) ส่งเสริม และพัฒนาศักยภาพ ตลอดจนให้คำ�แนะนำ�แก่หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เกี่ยวกับการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ๖) เผยแพร่และประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับ การจัดการก๊าซเรือนกระจก และ ๗) ส่งเสริมและสนับสนุนการดำ�เนินงาน ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (มาตรา ๗) ๗. กฎหมายเกย่ี วกบั การเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ คอื ระเบยี บส�ำ นกั นายกรฐั มนตรี ระเบียบสำ�นัก ว่าด้วยการดำ�เนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ.๒๕๕๐ นายกรัฐมนตรีว่าด้วย ได้กำ�หนดให้มีคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ การดำ�เนินงานด้าน (ข้อ ๓) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยมีอำ�นาจหน้าที่ ดังนี้ ๑) กำ�หนด การเปล่ียนแปลง นโยบายและยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพ สภาพภูมิอากาศ ภูมิอากาศในประเทศไทย การกักเก็บและการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้ง พ.ศ.๒๕๕๐ การวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ๒) กำ�หนดนโยบาย แนวทาง หลักเกณฑ์ และกลไกการดำ�เนินงานร่วมกับนานาชาติเกี่ยวกับการจัดการ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และ
โครงการ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม แ ล ะ ๒๖๒ ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ส ภ า พ ภู มิ อ า ก า ศ กฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับโครงการ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริด้านสิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ๘. ผลประโยชนข์ องประเทศรวมทัง้ ขอ้ ตกลงระหวา่ งประเทศทีเ่ กีย่ วขอ้ ง๓)เสนอแนะ ระเบียบสำ�นักนายก การแก้ไขเพิ่มเติมหรือปรับปรุงกฎหมายที่จำ�เป็นหรือเป็นประโยชน์ต่อ รัฐมนตรีว่าด้วยการ การดำ�เนินงานต่างๆ ซึ่งเป็นพันธกรณีที่ประเทศไทยผูกพันและต้องปฏิบัติตาม จัดระบบการบริหาร ความตกลงที่กำ�หนดไว้ในอนุสัญญาและพิธีสาร หรือการดำ�เนินการต่างๆ ที่ควร จัดการขยะมูลฝอย กระทำ� เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนหลักการและวัตถุประสงค์ของอนุสัญญาหรือ พ.ศ.๒๕๕๗ พิธีสาร ทั้งนี้ โดยให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และผลประโยชน์ของ ประเทศ รวมทั้งข้อตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ๔) กำ�หนดแนวทางและท่าที ในการเจรจาเกี่ยวกับอนุสัญญาและพิธีสารโดยต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับสภาพ เศรษฐกิจ สังคม และผลประโยชน์ของประเทศ รวมทั้งข้อตกลงระหว่างประเทศ ที่เกี่ยวข้อง ๕) กำ�กับการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐให้เป็นไปตามนโยบาย ยุทธศาสตร์ แนวทาง หลักเกณฑ์ และกลไกการดำ�เนินงาน ที่กำ�หนดตามระเบียบนี้ ๖) พิจารณาและสนับสนุนให้มีการจัดสรรงบประมาณแก่หน่วยงานของรัฐ ในการด�ำ เนนิ งานเกย่ี วกบั การเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศอยา่ งเหมาะสม ๗) ก�ำ หนด มาตรการเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือและประสานงานระหว่างหน่วยงานของ รัฐและภาคเอกชนในเรื่องที่เกี่ยวกับการดำ�เนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศ ๘) พิจารณาเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีในการแต่งตั้งกรรมการใน คณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ๙) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ หรือคณะทำ�งานเพื่อปฏิบัติการตามระเบียบนี้หรือตามที่คณะกรรมการมอบหมาย และ ๑๐) ปฏิบัติการอื่นใดเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบนี้หรือกฎหมายอื่น หรือ ตามที่คณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีมอบหมาย (ข้อ ๘) ระเบียบสำ�นักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดระบบการบริหารจัดการขยะมูลฝอย พ.ศ.๒๕๕๗ ได้กำ�หนดขั้นตอนการดำ�เนินการในการแก้ไขปัญหาการจัดการ ขยะมูลฝอย เพื่อให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ด้วยการบูรณาการแผนและ แนวทางในการดำ�เนินงานของส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นศูนย์กลางในการกำ�หนด แนวทางการทำ�งาน การสั่งการ การแก้ไขปัญหาให้เป็นไปอย่างเป็นระบบ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
โครงการ ๒๖๓ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ส่ิ ง แ ว ด ล้ อ ม แ ล ะ ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ส ภ า พ ภู มิ อ า ก า ศ ผลสัมฤทธิ์ของโครงการ ๒ โครงการนี้มีอาคารศูนย์บริการวิชาการ เปิดใช้งาน เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๕ โดยมี บำ�บัดนาํ้ เสียด้วยระบบพืช วัตถุประสงค์ ดังนี้ (๑) เป็นสถานที่จัดการประชุม และหญ้ากรองนา้ํ เสีย อบรมสัมมนา การบรรยายความรู้เกี่ยวกับ ก า ร ดำ � เ นิ น ง า น ด้ า น ก า ร พั ฒ น า สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม (๒) บำ�บัดนํ้าเสียด้วยระบบพืชและหญ้ากรองนํ้าเสีย ของโครงการ (๒) เป็นสถานที่แสดงนิทรรศการ ได้แก่ หญ้าสตาร์ หญ้าคาลล่า หญ้าโคสครอส และพืช แ ล ะ ผ ล ง า น ท า ง วิ ช า ก า ร ด้ า น สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม ที่ มี อื่นๆ เช่น ธูปฤๅษี กกกลม (กกจันทบูร) หญ้าแฝก ความทันสมัยและมีความพร้อมของระบบต่างๆ เป็นตัวกรองโดยให้นํ้าเสียไหลผ่านแปลงเป็นเวลา เพื่อเป็นประโยชน์ต่อเยาวชน นักเรียน นิสิต ๕ วัน และปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง ๒ วัน เพื่อให้จุลินทรีย์ นักศึกษา และผู้ที่สนใจทั่วไป (๓) เป็นพื้นที่ต้นแบบ ในดินได้ปรับสภาพโดยต้องตัดพืชเมื่อถึงระยะ ในการถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องการกำ�จัดขยะและ บำ�บัดนํ้าเสียโดยวิธีการธรรมชาติช่วยธรรมชาติ ๓ออกดอก โดยเฉลี่ยประมาณ ๔๕ วัน ตามแนวพระราชดำ�ริ เพื่อเผยแพร่สู่ประชาชน บำ�บัดนาํ้ เสียด้วย ที่ ส น ใ จ ทั้ ง ภ า ย ใ น ป ร ะ เ ท ศ แ ล ะ ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ ระบบพื้นท่ีชุ่มนาํ้ เทียม ในแตล่ ะปมี ผี เู้ ขา้ มาเยย่ี มชมและศกึ ษาเปน็ จ�ำ นวนมาก และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นทุกปี (๓) บำ�บัดนํ้าเสียด้วยระบบพื้นที่ชุ่มนํ้าเทียม มีลักษณะการบำ�บัดคล้ายกับระบบพืชและหญ้า องค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัยและพัฒนา คือ การบำ�บัด กรองนํ้าเสีย แต่จะใช้พืชนํ้า เช่น กกกลม ธูปฤๅษี นํ้ า เ สี ย ด้ ว ย เ ท ค โ น โ ล ยี ที่ พั ฒ น า ขึ้ น ต า ม แ น ว โดยต้องตัดต้นพืชเมื่อออกดอก โดยเฉลี่ยกกกลม พระราชด�ำ รซิ ง่ึ เนน้ หลกั การใชธ้ รรมชาตชิ ว่ ยธรรมชาติ ส า ม า ร ถ นำ � ไ ป ดำ � เ นิ น ก า ร แ ล ะ ป ร ะ ยุ ก ต์ ใ ช้ ไ ด้ ๔ตัดที่ ๔๕ วัน และธูปฤๅษี ๙๐ วัน ในทุกพื้นที่ของประเทศไทย การบำ�บัดนํ้าเสียทำ�ได้ บำ�บัดน้าํ เสียด้วย แปลงพืชป่าชายเลน ๑ดังนี้ บำ�บัดน้าํ เสีย (๔) บำ�บัดนํ้าเสียด้วยแปลงพืชป่าชายเลน โดยให้ โดยใช้บ่อบำ�บัด ๕ บ่อ นํ้าทะเลไหลเข้าสู่แปลงในช่วงที่นํ้าขึ้นสูงสุด ในรอบวัน และปิดประตูระบายนํ้า แล้วปล่อยนํ้าเสีย (๑) บำ�บัดนํ้าเสียโดยใช้บ่อบำ�บัด ๕ บ่อ ได้แก่ บ่อ เข้าไปในอัตราส่วน ๑ ต่อ ๑ (นํ้าเสีย ๑ ส่วน ตกตะกอน ๑ บ่อ บ่อผึ่ง ๓ บ่อ บ่อปรับสภาพ ๑ บ่อ ต่อนํ้าทะเล ๑ ส่วน) วิธีนี้เป็นการเจือจาง การเร่ง แต่ละบ่อใช้เวลาในการบำ�บัด ๗ วัน
โครงการ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น ส่ิ ง แ ว ด ล้ อ ม แ ล ะ ๒๖๔ ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ส ภ า พ ภู มิ อ า ก า ศ การตกตะกอน พืชจะช่วยดูดสารอาหารจาก การเผยแพร่องค์ความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยี การย่อยสลายสารอินทรีย์ของจุลินทรีย์ในดิน สู่สาธารณชนสามารถเผยแพร่องค์ความรู้เรื่อง เพื่อไปสร้างความเจริญเติบโตของพืชป่าชายเลน การบำ�บัดนํ้าเสียและการกำ�จัดขยะมูลฝอยด้วย เทคโนโลยีนี้ดำ�เนินการตามแนวพระราชดำ�ริ วิธีทางธรรมชาติตามแนวพระราชดำ�ริ สู่นักเรียน คือใช้ธรรมชาติร่วมธรรมชาติ นักศึกษา และประชาชนทั่วไปที่สนใจทั้งภายใน ประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจากสถิติข้อมูลพบว่า การกำ�จัดขยะโดยใช้กล่องคอนกรีต การกำ�จัดขยะ มผี เู้ ยย่ี มชมและศกึ ษาดงู านในแตล่ ะปกี วา่ ๖๐,๐๐๐ คน โดยใช้กล่องเป็นชั้นๆ โดยพื้นที่รองด้วยชั้นทราย ละเอียดหนา ๒๐ เซนติเมตร ใส่ขยะที่คัดแยกให้มี ผลสัมฤทธิ์อีกประการหนึ่ง คือ การบำ�บัดนํ้าเสียและ นํ้าหนัก ๖๖๐ กิโลกรัม ปิดทับด้วยดินแดงหรือดินนา การกำ�จัดขยะ นํ้าเสียจากพื้นที่เทศบาลเมืองเพชรบุรี ให้มีความหนาประมาณ ๕ เซนติเมตร ส่วนชั้นสุดท้าย ประมาณ ๕,๐๐๐ - ๖,๐๐๐ ลบ.ม. ต่อวัน (ประมาณ ใส่ขยะ ๖๗๐ กิโลกรัม แล้วปิดทับด้วยดินแดงหรือ ร้อยละ ๘๐ ของพื้นที่เทศบาล) ได้รับการบำ�บัด ดินนา ให้มีชั้นความหนาประมาณ ๑๕ เซนติเมตร และขยะของเสียอินทรีย์จากชุมชนได้รับการกำ�จัด รดนํ้าเพิ่มความชื้นจำ�นวน ๖๐ ลิตร ทุกๆ ๗ วัน อย่างถูกวิธี เพิม่ ความชุม่ ชืน้ ใหแ้ กข่ ยะถา้ แยกขยะสมบรู ณใ์ ชเ้ วลา ๒๐ วัน จะได้ปุ๋ยหมักจากขยะและทิ้งไว้ ๑๕ วัน เทคโนโลยีบำ�บัดนํ้าเสียแบบธรรมชาติช่วยธรรมชาติ เพื่อลดความชุ่มชื้นลง ได้แก่ ปลาที่อยู่ในบ่อบำ�บัดนํ้าเสียจะกินพืชนํ้า เป็นอาหาร ช่วยให้ระบบบำ�บัดอยู่ในภาวะสมดุล งานวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างองค์ความรู้ ซึ่งมีทั้ง และเมื่อปลาเหล่านี้เติบโตก็สามารถนำ�ไปบริโภคได้ ในเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ ๙ ด้าน มีจำ�นวน นํ้าเสียที่ผ่านการบำ�บัดแล้วมีสารอาหารที่จำ�เป็นต่อ ไม่น้อยกว่า ๒๔๕ เรื่อง ในช่วงปี พ.ศ.๒๕๔๘ การเจรญิ เตบิ โตของพชื จงึ เปน็ ทต่ี อ้ งการของเกษตรกร ถงึ ปจั จบุ นั โดยตพี มิ พใ์ นวารสารวชิ าการทง้ั ในประเทศ ในพื้นที่รอบโครงการ พืชที่เก็บเกี่ยวจากแปลงพืช และตา่ งประเทศ ๑๓๗ เรอ่ื ง และน�ำ เสนอในการประชมุ บำ�บัดนํ้าเสียสามารถนำ�มาใช้ทำ�เครื่องจักสาน สินค้า วชิ าการทง้ั ในระดบั ชาตแิ ละระดบั นานาชาติ ๑๗๐ เรอ่ื ง หัตถกรรม และทำ�เยื่อกระดาษได้ นอกจากนี้ระบบ รวมทั้งวิทยานิพนธ์จำ�นวน ๒๒๓ เรื่อง กำ�จัดขยะอินทรีย์แบบย่อยสลายด้วยแบคทีเรียและ จุลินทรีย์ ก่อให้เกิดผลผลิตสำ�คัญคือปุ๋ยหมัก เป็นที่ การสร้างบัณฑิตระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ต้องการของเกษตรกรในพื้นที่รอบโครงการฯ รวมประมาณ ๕๓๐ คน บัณฑิตเหล่านี้ได้ผลิตงานวิจัย ในด้านต่างๆ ได้แก่ การจัดการขยะ ระบบบ่อและพืช การบำ�บัดนํ้าเสียชุมชนก่อนระบายลงสู่แหล่ง บำ�บัดนํ้าเสีย การใช้ประโยชน์จากนํ้าเสีย การติดตาม นํ้าธรรมชาติส่งผลให้แม่นํ้าเพชรบุรี มีคุณภาพดีขึ้น คุณภาพสิ่งแวดล้อม ป่าชายเลน เศรษฐศาสตร์ ระบบนเิ วศปา่ ชายเลนมคี วามสมบรู ณข์ ึน้ จ�ำ นวนชนดิ สิ่งแวดล้อมและสังคม และสิ่งแวดล้อมศึกษา ของนกและปลาเพิ่มขึ้น ประกอบกับพื้นที่โครงการ นอกจากนี้ยังให้บริการทางวิชาการอีกด้วย มีลักษณะทางกายภาพที่เหมาะสมกับการเป็นแหล่ง
โครงการ ๒๖๕ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม แ ล ะ ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ส ภ า พ ภู มิ อ า ก า ศ วางไข่และเพาะพันธุ์สัตว์นํ้า และแหล่งที่อยู่อาศัย การวิจัยเชิงปริมาณที่มีความลุ่มลึกยิ่งขึ้น เพื่อให้ได้ ของสรรพสัตว์ นอกจากนี้ยังสามารถเป็นแนว องคค์ วามรทู้ ม่ี คี วามแมน่ ย�ำ ชดั เจนมากขน้ึ ซง่ึ งานวจิ ยั กันคลื่นลมได้อีกด้วย เหล่านี้จะต้องใช้เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ที่มีราคาแพง และต้องใช้งบประมาณสูง ศาสตราจารย์ ดร.สนิท อักษรแก้ว ได้ให้สัมภาษณ์ ว่าโครงการนี้เริ่มต้นด้วยการทำ�วิจัยในลักษณะ ความศรัทธาของเจ้าหน้าที่ซึ่งร่วมดำ�เนินงาน เชงิ คณุ ภาพมกี ารลองผดิ ลองถกู การสรา้ งความเขา้ ใจ โครงการศูนย์ศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อม เกี่ยวกับกระบวนการต่างๆ ใช้เวลาประมาณ ๓ - ๔ ปี แหลมผักเบี้ยฯ ที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มีงานวิจัยประมาณ ๔๐ - ๕๐ เรื่อง เพื่อหาคำ�ตอบให้ มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็นปัจจัย กับโจทย์ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล หลักสำ�คัญที่ก่อให้เกิดพลังใจและความร่วมมือ อดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร ไดท้ รงตง้ั ไวใ้ นดา้ นการบ�ำ บดั ที่จะศึกษาค้นคว้าพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ อาทิ นํา้ เสยี และก�ำ จดั ขยะโดยใชห้ ลกั การส�ำ คญั ๓ประการ การกำ�จัดขยะ การบำ�บัดน้ําเสีย และระบบนิเวศ คือ (๑) ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ (๒) เทคโนโลยี อย่างต่อเนื่อง เพื่อนำ�ไปประยุกต์ใช้และแก้ปัญหา ที่ง่ายและประชาชนนำ�ไปปฏิบัติได้ และ (๓) ราคาถูก สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และหาได้ในท้องถ่นิ ปัจจุบันกำ�ลังดำ�เนินงานม่งุ ไปสู่ ๑ ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ ๒ ➞➞ ➞ เทคโนโลยีท่ีง่ายและประชาชนนําไปปฏิบัติได้ ๓ ราคาถูก ไม่ซับซ้อน แต่มีประสิทธิภาพ ๔ เหมาะสมกับสภาพปัญหาแต่ละท้องถ่ิน
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริด้านนวัตกรรม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้รับการเฉลิมพระเกียรติเป็น \"พระบิดาแห่งการประดิษฐ์โลก\" และ \"พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย\" อาทิ กังหันนํ้าชัยพัฒนา ช่วยแก้ปัญหานํ้าเน่าเสีย และทฤษฎีแกล้งดิน ช่วยแก้ปัญหาดินเปร้ียวจัดทำ�การเพาะปลูกไม่ได้ โครงการ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้านนวัตกรรม
»ÃÐÊÒ¹ËÅÑ¡¤Ô´ ÊÌҧ ËÅÑ¡ÇÔªÒ¡Òà ÇÔ·ÂÒ¡ÒÃãËÁ‹ ËÅÑ¡»¯ÔºÑµÔ >¹Çѵ¡ÃÃÁ 㪌෤â¹âÅÂÕ·ŒÍ§¶Ôè¹ ·íÒãËŒ§‹Ò ÊÍ´¤ÅŒÍ§¡ÑºÃкº¹ÔàÇÈ äÁ‹«Ñº«ŒÍ¹ ÇÔ¶ÕªÕÇÔµ¢Í§¤¹ã¹·ŒÍ§¶Ôè¹ ÃÒ¤Ò¶Ù¡ ¾Öè§¾Òµ¹àͧ䴌Í‹ҧÂÑè§Â×¹
โครงการ ด้านนวัตกรรม หัวใจของนวัตกรรม คือ ทำ�ให้ง่าย อันเน่ืองมาจากพระราชดําริ ไม่ซับซ้อน ราคาถูก นําเอาสิ่งของที่มีอยู่ ในท้องถ่ินมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับ ระบบนิเวศและวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น เพ่ือให้ราษฎรสามารถเรียนรู้ และนำ�ไปปรับใช้กับท้องถ่ินของตนเอง และสามารถพ่ึงพาตนเองได้อย่างย่ังยืน พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ ป ร มิ น ท ร ม ห า ภู มิ พ ล อ ดุ ล ย เ ด ช บรมนาถบพิตร ทรงเป็นนักคิด นักวิชาการ นักปฏิบัติ และนักพัฒนา ในการทรงงานประดิษฐ์คิดค้นเพ่ือหาทาง แก้ไขปัญหา พระองค์ทรงประสานหลักคิด หลักวิชาการ และหลักปฏิบัติเข้าด้วยกัน ทรงเน้นการปฏิบัติด้วยตนเอง จึงจะรู้แจ้ง พระองค์ไม่ทรงปิดก้ันองค์ความรู้และวิทยาการ ใหมๆ่ จากต่างประเทศและทรงลงมือศึกษาความเป็นไปได้ เ พ่ื อ นํ า ม า ป รั บ ป รุ ง ใ ห้ เ ห ม า ะ ส ม กั บ บ้ า น เ มื อ ง ข อ ง เ ร า ท ร ง ใ ช้ ท้ั ง ศ า ส ต ร์ ข อ ง ต ะ วั น ต ก แ ล ะ ภู มิ ปั ญ ญ า ข อ ง ต ะ วั น อ อ ก ท ร ง ใ ช้ เ ท ค โ น โ ล ยี ต า ม วิ ถี ชี วิ ต ข อ ง ท้ อ ง ถ่ิน ไม่ทรงยึดติดตำ�รา และไม่ทรงถือม่ันว่าอะไรถูกอะไรผิด แต่จะทรงศึกษา ค้นคว้า และทดลองให้เห็นถึงแก่น และ ท ร ง มี ค ว า ม เ พี ย ร พ ย า ย า ม ไ ม่ ย่ อ ท้ อ จ น ก ร ะ ท่ั ง บ ร ร ลุ ถึ ง จุดมุ่งหมายไม่ว่าจะสําเร็จหรือไม่สำ�เร็จก็ตาม โดยทรงรักษา หั ว ใ จ ข อ ง น วั ต ก ร ร ม คื อ ทํ า ใ ห้ ง่ า ย ไ ม่ ซั บ ซ้ อ น ร า ค า ถู ก น ำ� เ อ า สิ่ ง ข อ ง ที่ มี อ ยู่ ใ น ท้ อ ง ถ่ิ น ม า ป รั บ ใ ช้ ใ ห้ ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ ร ะ บ บ นิ เ ว ศ แ ล ะ วิ ถี ชี วิ ต ข อ ง ค น ใ น ท้ อ ง ถิ่ น เ พ่ื อ ใ ห้ ร า ษ ฎ ร ส า ม า ร ถ เ รี ย น รู้ แ ล ะ นำ� ไ ป ป รั บ ใ ช้ กั บ ท้ อ ง ถ่ิ น ของตนเอง และสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
โครงการ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ๒๗๐ ด้ า น น วั ต ก ร ร ม โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริด้านนวัตกรรม แผนภูมิกังหันน้ําชัยพัฒนา๑- ๒๐๐ เมตร “พระบิดาแห่งการประดิษฐ์โลก” และ “พระบิดาแห่ง นวัตกรรมไทย” ซองดักวิดนํ้าขนาด ๑๑๐ ลิตร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทุ่นลอย บรมนาถบพิตร ทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญา จากองคก์ รการประดษิ ฐน์ านาชาตวิ า่ ทรงเปน็ พระบดิ า โครงเหล็กยึดทุ่นลอย แหง่ การประดษิ ฐโ์ ลกโดยสมาพนั ธน์ กั ประดษิ ฐน์ านาชาติ (International Federation of Inventors’ Associations: แผ่นไฮโดรฟอยล์ IFIA) ไดร้ ว่ มกนั ก�ำ หนดใหว้ นั ท่ี ๒ กมุ ภาพนั ธข์ องทกุ ปี ซง่ึ เปน็ วนั ทท่ี รงไดร้ บั การจดสทิ ธบิ ตั รกงั หนั นา้ํ ชยั พฒั นา ไ ป ท อ ด พ ร ะ เ น ต ร ก า ร ดำ � เ นิ น ง า น โ ค ร ง ก า ร เป็น “วันนักประดิษฐ์โลก” ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๕๑ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจาก เป็นต้นมา เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระราชดำ�ริ และได้มีพระราชดำ�รัสเกี่ยวกับโครงการ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แกล้งดินอย่างเป็นทางการ เนื่องในวโรกาสที่มีพระชนมพรรษาครบ ๘๐ พรรษา โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริด้านนวัตกรรม และเพอ่ื เปน็ การยกยอ่ งพระอจั ฉรยิ ภาพดา้ นการประดษิ ฐ์ ที่สำ�คัญ ที่จะกล่าวถึงมี ๒ โครงการ ได้แก่ โครงการ คิดค้น ประธาน IFIA ได้เข้าเฝ้าฯ ทลู เกลา้ ฯถวายรางวลั กังหันนํ้าชัยพัฒนา และโครงการทฤษฎีแกล้งดิน IFIA CUP พร้อมใบประกาศนียบัตรเกียรติคุณ และ ๑. โครงการกังหันนํ้าชัยพัฒนา เหรียญรางวัล Genius Prize นอกจากนี้ ผู้อำ�นวยการ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมาคมส่งเสริมการประดิษฐ์ สาธารณรัฐเกาหลีใต้ บรมนาถบพิตร ทรงตระหนักถึงความรุนแรงของ หรือคิปา (KIPA) ได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล Special Prize พร้อมประกาศนียบัตรแด่พระบาทสมเด็จ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร ดว้ ย คณะรฐั มนตรมี มี ติ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๐ มถิ นุ ายน พ.ศ.๒๕๔๙ เห็นชอบให้ดำ�เนินโครงการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในฐานะที่ทรงเป็น “พระบิดาแห่ง นวัตกรรมไทย” เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีฉลอง สิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี เป็นการรำ�ลึกถึง พระมหากรุณาธิคุณ พระอัจฉริยภาพ และพระปรีชา สามารถด้านนวัตกรรมจากโครงการแกล้งดิน และได้กำ�หนดให้วันที่ ๕ ตุลาคม ของทุกปีเป็น “วันนวัตกรรมแห่งชาติ” เน่ืองจากในวันที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๓๕ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จฯ
โครงการ ๒๗๑ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น น วั ต ก ร ร ม เฟืองจานโซ่ บรรเทาความเน่าเสียของนํ้าอย่างมีประสิทธิภาพ โครงกังหันนํ้ารูป ๑๒ เหลี่ยม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ชุดเฟืองเกียร์ทด บรมนาถบพิตร จึงพระราชทานพระราชดำ�ริให้ มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด ๒ แรงม้า ประดิษฐ์เครื่องกลเติมอากาศแบบประหยัดค่าใช้จ่าย สามารถผลิตได้เองในประเทศ ซึ่งมีรูปแบบ “ไทยทำ� ระดับผิวน้ํา ไทยใช้” โดยทรงได้แนวทางจาก “หลุก” ซึ่งเป็น อุปกรณ์วิดนํ้าเข้านาอันเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน เป็นจุดคิดค้นเบื้องต้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหม้ ลู นธิ ชิ ยั พฒั นาสนบั สนนุ งบประมาณ เพอ่ื การศกึ ษา และวิจัยสิ่งประดิษฐ์ใหม่นี้ โดยดำ�เนินการจัดสร้าง เครื่องมือบำ�บัดนํ้าเสียร่วมกับกรมชลประทาน และ ได้มีการผลิตเครื่องกลเติมอากาศขึ้นในเวลาต่อมา รู้จักกันแพร่หลายคือ “กังหันนํ้าชัยพัฒนา” แผ่นไฮโดรฟอยล์ “กังหันชัยนํ้าพัฒนา” เป็นเครื่องกลเติมอากาศ ที่เป็นกังหันนํ้าแบบทุ่นลอยซึ่งใช้ในการบำ�บัดนํ้าเสีย “กังหันนํ้าชัยพัฒนา” ได้รับรางวัลเหรียญทองจาก The Belgian โดยใช้กังหันวิดนํ้าไปบนผิวนํ้าแล้วปล่อยให้ตกลง Chamber of Inventors ในงาน “Brussels Eureka 2000” บนผิวนํ้าตามเดิม นํ้าจะถูกสาดกระจายสัมผัสอากาศ ซึ่งเป็นงานแสดงสิ่งประดิษฐ์ใหม่ของโลกวิทยาศาสตร์ ทำ�ให้ออกซิเจนละลายในนํ้า นํ้าเสียจึงมีคุณภาพดีขึ้น ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม สามารถนำ�ไปใช้บำ�บัดนํ้าเสียทั้งจากแหล่งชุมชน อุตสาหกรรมและการเกษตร ปัญหานํ้าเน่าเสียในเขตเมืองที่มีประชาชนอาศัย “กังหันนํ้าชัยพัฒนา” จดทะเบียนสิทธิบัตรเป็น อยู่เป็นจำ�นวนมาก ทรงห่วงใยราษฎรและได้เสด็จฯ ๒ สิทธิบัตรการประดิษฐ์ สิทธิบัตรการประดิษฐ์ ทอดพระเนตรสภาพนํ้าเสียในหลายพื้นที่และ เลขท่ี ๓๑๒๗ เรอ่ื ง เครอ่ื งกลเตมิ อากาศทผ่ี วิ นา้ํ หมนุ ชา้ หลายครั้ง ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร เขตปริมณฑล แบบทนุ่ ลอย(กงั หนั นา้ํ ชยั พฒั นา)เปน็ เครอ่ื งกลเตมิ อากาศ และต่างจังหวัด ในระยะแรกระหว่างปี พ.ศ.๒๕๒๗ ท่ีใช้ในการเติมออกซิเจนลงในนํ้าท่ีระดับผิวนํ้า และ ถึงปี พ.ศ.๒๕๓๐ ทรงแนะนำ�ให้ใช้นํ้าที่มีคุณภาพดี ได้ทูลเกล้าฯ ถวายสิทธิบัตรแด่พระบาทสมเด็จ ชว่ ยบรรเทานา้ํ เสยี และใชว้ ธิ กี รองนา้ํ เสยี ดว้ ยผกั ตบชวา พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และพืชนํ้าต่างๆ ซึ่งก็สามารถช่วยแก้ไขปัญหา เมื่อวนั ท่ี ๒ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ.๒๕๓๖ นับเป็นสิทธิบตั ร ได้ผลในระดับหนึ่ง ต่อมาในช่วงปี พ.ศ.๒๕๓๑ ในพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์พระองค์แรก เป็นต้นมา สภาพความเน่าเสียของนํ้าบริเวณต่างๆ ของไทยและครั้งแรกของโลก และสิทธิบัตร มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น การใช้วิธีธรรมชาติไม่อาจ การประดิษฐ์เลขที่ ๑๐๓๐๔ เรื่อง เครื่องกลเติมอากาศ
โครงการ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ๒๗๒ ด้ า น น วั ต ก ร ร ม ภาพแสดงข้ันตอนการเกิดดินเปร้ียวในบริเวณพรุ และท่ีราบต่ําขอบพรุ จังหวัดนราธิวาส ท่ีราบข อบพรุ ลักษณะของพรุและขอบพรุ ซ่ึงมีนํ้าท่วมขังอยู่ตาม ธรรมชาติ ใช้ทำ�นา พรุ ชั้นดินอินทรียวัตถุ สันทราย ชั้นดินที่มีการสะสมสารประกอบ ที่ดอน พวกกำ�มะถัน (ไพไรด์) พรุที่มีนํ้าขังอยู่ตามธรรมชาติ พรุ ท่ีราบต่ําขอบพรุ ซ่ึงดินกำ�ลังเป็นกรดจัด ผิวดินพรุก่อน การระบายนํ้า ชั้นที่สาร ช้ันดินท่ีมีการสะสมสารประกอบ ผิวดินพรุยุบตัวลงหลัง ประกอบไพไรด์ พวกกำ�มะถัน (ไพไรด์) การระบายน้ํา ถูกอ๊อกซิไดซ์ ทำ�ให้ ระดับนํ้าใต้ดินหลังการระบายนํ้า เกิดกรดจัด และสีจุดประ คล้ายฟางข้าวในดิน เมื่อนํ้าถูกระบายออกไป ดินจะถูกแช่ขังด้วยน้ําในส่วนล่าง ส่วนดินแห้งตอนบนจะเป็นกรด ผิวดินพรุก่อนระบายนํ้า ผิวดินพรุยุบตัวคร้ังที่๑ ผิวดินพรุยุบตัวครั้งที่๒ และอาจยุบตัวลงไปอีก ชั้นดินท่ีมีการสะสมสารประกอบพวกกำ�มะถัน (ไพไรด์) เม่ือระดับน้ํา ระดับน้ําใต้ดิน ใต้ดินลดลง ความหนา ที่ลดระดับลงไปอีก ของชั้นดินที่เป็นกรดจัด จะเพิ่มขึ้น เม่ือน้ําระเหยออกไปมากขึ้น ความหนาของดินที่เป็นกรดจัดจะเพ่ิมข้ึน และชั้นดินอินทรียวัตถุตอนบนจะบางลง
โครงการ ๒๗๓ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น น วั ต ก ร ร ม “...โ ค ร ง ก า ร แ ก ล้ ง ดิ น น้ี เ ป็ น เ ห ตุ ผ ล อ ย่ า ง ห น่ึ ง ท่ีพูดมา ๓ ปีแล้วหรือ ๔ ปีกว่าแล้ว ต้องการน้ําสําหรับ ม า ใ ห้ ดิ น ทํ า ง า น ดิ น ทํ า ง า น แ ล้ ว ดิ น จ ะ ห า ย โ ก ร ธ อั น น้ี ไ ม่ มี ใ ค ร เ ชื่ อ แ ล้ ว ก็ ม า ทํ า ท่ี นี่ แ ล้ ว มั น ไ ด้ ผ ล ดั ง นั้ น ผ ล ง า น ข อ ง เ ร า ท่ี นี่ เ ป็ น ง า น สํ า คั ญ ท่ี สุ ด เ ช่ื อ ว่ า ช า ว ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ เ ข า ม า ดู เ ร า ทํ า อ ย่ า ง นี้ แ ล้ ว เ ข า ก็ พ อ ใ จ เ ข า มี ปั ญ ห า แ ล้ ว เ ข า ก็ ไ ม่ ไ ด้ แ ก้ ”หาตําราไม่ได.้ .. พระราชดำ�รัสเมื่อวันที่ ๕ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๕ ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริ จังหวัดนราธิวาส แบบอดั อากาศและดดู นา้ํ ซง่ึ เปน็ เครอ่ื งกลเตมิ อากาศใช้ ท่ีมีความเปร้ียวจนไม่สามารถทำ�การเพาะปลูกได้ ในการเตมิ ออกซเิ จนลงในนา้ํ ทร่ี ะดบั ลกึ ลงไป ใตผ้ วิ นาํ้ ให้กลับมาใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง แนวพระราชดำ�ริน้ี จ น ถึ ง ด้ า น ล่ า ง ข อ ง แ ห ล่ ง นํ้ า แ ล ะ ไ ด้ ทู ล เ ก ล้ า ฯ เป็นการใช้กรรมวิธี “แกล้งดิน” คือการทำ�ดิน ถวายสิทธิบัตร เมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๔ ให้เปร้ียวด้วยการทำ�ให้ดินแห้งและเปียกสลับกัน นอกจากนี้ “กังหันนํ้าชัยพัฒนา” ยังได้รับรางวัล เพื่อเร่งปฏิกิริยาทางเคมีของดินให้มีความเป็นกรด เหรียญทองจาก The Belgian Chamber of Inventors จัดมากขึ้นจนถึงที่สุด จากนั้นจึงมีการทดลอง ในงาน “Brussels Eureka 2000” ซึ่งเป็นงานแสดง ปรับปรุงดินเปรี้ยวโดยวิธีการต่างๆ เช่น การควบคุม สง่ิ ประดษิ ฐใ์ หมข่ องโลกวทิ ยาศาสตร์ ณ กรงุ บรสั เซลส์ ระบบน้ําใต้ดินเพื่อป้องกันการเกิดกรดกำ�มะถัน ประเทศเบลเยยี ม การใชว้ สั ดุปนู ผสมประมาณ ๑-๔ ตันต่อไร่ การใชน้ า้ํ ชะล้างดิน จนถึงการเลือกใช้พืชท่ีจะเพาะปลูก ๒. โครงการแกล้งดนิ ในบริเวณน้ันและทำ�การศึกษาวิเคราะห์เพื่อหาวิธี สภาพพื้นท่ีทางภาคใต้มีสภาพเป็นดินเปรี้ยวจัด การปรบั ปรงุ ดนิ เปรย้ี ว ใหส้ ามารถกลบั มาใชป้ ระโยชน์ ไมส่ ามารถท�ำ การเพาะปลกู ไดเ้ นอ่ื งจากมกี รดก�ำ มะถนั อย่างเตม็ ท่ี นบั เปน็ ครง้ั แรกในโลกทสี่ ามารถปรบั ปรงุ สภาพพนื้ ดนิ
โครงการ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ๒๗๔ ด้ า น น วั ต ก ร ร ม “โครงการแกล้งดิน” เป็นโครงการนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาดินเปรี้ยวอันเกิด มาจากป่าพรุในประเทศเขตร้อน ยังไม่มีที่ใดในโลกใช้วิธีการดำ�เนินงานในลักษณะดังกล่าว เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๓๕ พระบาทสมเด็จ “โครงการแกล้งดิน” เป็นโครงการนวัตกรรมใช้ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาดินเปรี้ยวอันเกิดมาจาก เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรการดำ�เนินงานโครงการ ป่าพรุในประเทศเขตร้อน ยังไม่มีที่ใดในโลกใช้ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจาก วธิ กี ารด�ำ เนนิ งานในลกั ษณะดงั กลา่ ว แนวพระราชด�ำ ริ พระราชดำ�ริ จังหวัดนราธิวาส และได้พระราชทาน ได้เน้นให้เห็นถึงการประสมประสานนวัตกรรม พระราชดำ�รัส ความว่า “...โครงการแกล้งดินนี้ ด้านเทคโนโลยีควบคู่กับนวัตกรรมด้านการบริหาร เป็นเหตุผลอย่างหนึ่งที่พูดมา ๓ ปีแล้วหรือ จัดการจนได้วิธีที่เหมาะสมในการแก้ไขดินเปรี้ยว ๔ ปีกว่าแล้ว ต้องการนํ้าสำ�หรับ มาให้ดินทำ�งาน ดินทำ�งานแล้วดินจะหายโกรธ อันนี้ไม่มีใครเชื่อ “โครงการแกล้งดิน” ได้รับงบประมาณปกติจัดสรร แล้วก็มาทำ�ที่นี่แล้วมันได้ผล ดังนั้น ผลงานของเรา จากรัฐบาลส่วนหนึ่ง และงบประมาณจากสำ�นักงาน ที่นี่เป็นงานสำ�คัญที่สุด เชื่อว่าชาวต่างประเทศ คณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการ เขามาดูเราทำ�อย่างนี้แล้ว เขาก็พอใจ เขามีปัญหา อันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริ (สำ�นักงาน กปร.) แล้วเขาก็ไม่ได้แก้ หาตำ�ราไม่ได้...” อีกส่วนหนึ่ง ในขณะนี้โครงการแกล้งดินที่จังหวัด นครนายก ได้รับงบประมาณจากมูลนิธิชัยพัฒนา
โครงการ ๒๗๕ อั น เ น่ื อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น น วั ต ก ร ร ม กฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับโครงการ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริด้านนวัตกรรม ๑. กฎหมายที่เกี่ยวข้องและสนับสนุนการดําเนินโครงการ มีดังนี้ ประมวลกฎหมาย ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.๒๔๙๗ ประมวลกฎหมายที่ดินให้คำ�นิยามที่เกี่ยวข้อง ที่ดิน ในการพัฒนาจัดการดิน ดังนี้ พ.ศ.๒๔๙๗ “การพัฒนาที่ดิน” หมายความว่า การกระทำ�ใดๆ ต่อดิน หรือที่ดินเพื่อเพิ่ม ๒. ประสิทธิภาพและคุณภาพของดินหรือที่ดินหรือเพื่อเพิ่มผลผลิตทางเกษตร พระราชบัญญัติ ให้สูงขึ้น และหมายความรวมถึงการปรับปรุงดินของที่ดินที่ขาดความอุดมสมบูรณ์ สิทธิบัตร ทางธรรมชาติหรือขาดความอุดมสมบูรณ์ เพื่อการใช้ประโยชน์ และอนุรักษ์ดิน พ.ศ.๒๕๒๒ และนํ้า เพื่อรักษาดุลยธรรมชาติหรือเพื่อความเหมาะสมในการใช้ที่ดินต่อ เกษตรกรรม “การอนรุ กั ษด์ นิ และนา้ํ ” หมายความวา่ การกระท�ำ ใดๆ ทม่ี งุ่ ใหเ้ กดิ การระวงั ปอ้ งกนั รักษาดินและที่ดิน ไม่ให้เกิดความเสื่อมโทรม สูญเสีย รวมถึงการรักษา ปรับปรุง ความอุดมสมบูรณ์ของดินและการรักษานํ้าในดินหรือบนผิวดินให้คงอยู่เพื่อรักษา ดุลยธรรมชาติให้เหมาะสม ในการใช้ประโยชน์ที่ดินในภาวะเกษตรกรรม การดำ�เนินการพัฒนาที่ดินและการอนุรักษ์ดินและนํ้า ตามคำ�นิยามของประมวล กฎหมายที่ดิน พ.ศ.๒๔๙๗ โครงการทฤษฎีแกล้งดินเป็นโครงการที่ใช้ทั้ง การพัฒนาที่ดินและการอนุรักษ์ที่ดินในคราวเดียวกัน โดยการพลิกฟื้นดินเสีย ให้กลายเป็นดินดี พระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ.๒๕๒๒ หลักการสำ�คัญของกฎหมายฉบับนี้คือ การส่งเสริมให้มีการค้นคว้า วิจัย และประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์หลักกรรมวิธีใดขึ้นใหม่ และการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์และเป็นการก้าวหน้า ทางเทคนคิ ในเกษตรกรรมอตุ สาหกรรมและพาณชิ ยกรรมในประเทศและเพอ่ื คมุ้ ครอง ผู้ประดิษฐ์และผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยห้ามบุคคลลอกเลียนแบบการประดิษฐ์ หรือออกแบบผลิตภัณฑ์นี้ โดยมิให้ค่าตอบแทน รวมถึงการคุ้มครองว่าด้วย อนุสิทธิบัตร ซึ่งให้การคุ้มครองการประดิษฐ์เทคโนโลยี ไม่ถึงขนาดที่จะได้รับ สิทธิบัตรนั้น จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้สูงขึ้น และแพร่หลายยิ่งขึ้น ซึ่งกังหันนํ้าชัยพัฒนาถือเป็นนวัตกรรมที่ได้รับการถวาย การรับจดทะเบียนสิทธิบัตรเป็น ๒ สิทธิบัตรการประดิษฐ์
โครงการ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ๒๗๖ ด้ า น น วั ต ก ร ร ม กฎหมายที่เก่ียวข้องกับโครงการ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริด้านนวัตกรรม ๓. พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.๒๕๓๕ หลักการของ พระราชบัญญัติ กฎหมายฉบับนี้คือการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมโดยกำ�หนดมาตรการ ส่งเสริมและรักษา ควบคุมและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยการสนับสนุนประชาชนให้มีส่วนร่วม คุณภาพส่ิงแวดล้อม ในการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม จัดระบบการบริหารงาน พ.ศ.๒๕๓ ๕ ด้านสิ่งแวดล้อมตามหลักการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม กำ�หนดอำ�นาจหน้าที่ของ ๔. ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และส่วนท้องถิ่นให้เกิดการประสานงาน และมีหน้าที่ พระราชบัญญัติ ร่วมกันในการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม และกำ�หนดแนวทางปฏิบัติ การพัฒนาท่ีดิน ในส่วนที่ไม่มีหน่วยงานใดรับผิดชอบโดยตรง กำ�หนดมาตรการควบคุมมลพิษ พ.ศ.๒๕๕๑ ด้วยการจัดให้มีระบบบำ�บัดอากาศเสีย ระบบบำ�บัดนํ้าเสีย ระบบขจัดของเสีย และ เครื่องมือ หรือของอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับมลพิษ กำ�หนดหน้าที่ ความรับผิดชอบของผู้เกี่ยวข้องกับการก่อให้เกิดมลพิษให้เป็นไปโดยชัดเจน และ กำ�หนดให้มีมาตรการส่งเสริมด้านระดมทุนและความช่วยเหลือด้านต่างๆ เพื่อเป็นการจูงใจให้มีการยอมรับที่จะปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อม พระราชบัญญัติการพัฒนาที่ดิน พ.ศ.๒๕๕๑ กำ�หนดหลักการในการแก้ไขปัญหา ความเสื่อมโทรมของดิน เมื่อไม่มีการอนุรักษ์ดินและนํ้าทำ�ให้เกิดการชะล้าง พงั ทลายของดนิ กอ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายตอ่ เศรษฐกจิ และสงั คม ใหห้ นว่ ยงานของรฐั สามารถเข้าไปดำ�เนินการป้องกันรักษาสภาพพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิด แผ่นดินถล่ม และเกิดการชะล้างพังทลายของดินอย่างรุนแรง เพื่อให้การใช้ที่ดิน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด กำ�หนดมาตรการทางกฎหมาย ที่เกี่ยวกับการสร้างความอุดมสมบูรณ์ของดินตามธรรมชาติ ความเหมาะสม แก่การใช้ประโยชน์ของดิน การอนุรักษ์ดินและนํ้า การวิเคราะห์ตรวจสอบตัวอย่าง ที่ดิน และการปรับปรุงดินหรือที่ดิน ซึ่งเป็นกลไกที่สำ�คัญในการพัฒนาที่ดิน เพื่อพลิกผันดินเสียให้เป็นดินที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ อันเป็นการสนับสนุนตาม โครงการทฤษฎีแกล้งดิน
โครงการ ๒๗๗ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดํ า ริ ด้ า น น วั ต ก ร ร ม ผลสัมฤทธิ์ของโครงการ เปน็ การพฒั นาทอ่ี นโุ ลมและรอมชอมกบั สภาพธรรมชาติ โครงการตามแนวพระราชดำ�ริด้านนวัตกรรมทั้ง สิ่งแวดล้อมและสภาพของสังคมจิตวิทยาแห่งชุมชน ๒ โครงการนี้สะท้อนถึงความสำ�คัญของการใช้ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการทรงงานเรื่อง “ไม่ติดตำ�รา” องค์ความรู้และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ไม่ผูกมัดกับวิชาการและเทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสม เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาแก้ปัญหาเดือดร้อนของ กับชีวิตความเป็นอยู่ที่แท้จริงของคนไทย” (สำ�นกั งาน พสกนิกร ซึ่งองค์ความรู้และความก้าวหน้าเหล่านี้ คณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ เป็นหนึ่งในกลไกสำ�คัญที่จะขับเคลื่อนประเทศไทย รวบรวมไว้ในหนังสือเรียนรู้หลักการทรงงาน ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อีกทั้งช่วยให้เศรษฐกิจเจริญเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ บรมนาถบพติ ร เดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๑) ยั่งยืน และมีภูมิคุ้มกันจากกระแสโลกาภิวัตน์ ข้อเสนอแนะ โครงการมีลักษณะศึกษา ค้นคว้า และทดลอง ๑. ควรให้ความสำ�คัญกับการทำ�วิจัยและพัฒนา เป็นการส่วนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร อย่างต่อเนื่อง มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร ทรงศกึ ษา คน้ ควา้ ทดลอง และทรงเตรียมข้อมูลเพื่อนำ�ไปประยุกต์ใช้ ๒. ควรบูรณาการโครงการตามพระราชดำ�ริ ในการแกป้ ญั หาและเผยแพรแ่ กเ่ กษตรกร ทรงแสวงหา ด้านนวัตกรรมไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แนวทางการพัฒนาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับ แห่งชาติ และในแนวนโยบายการบริหารราชการ สภาพสังคมไทย และสภาพแวดล้อมในแต่ละท้องถิ่น แผ่นดินของรัฐบาล ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นและส่งเสริม ให้เกิดการขับเคลื่อนนวัตกรรมในภาคการผลิตของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ประเทศ บรมนาถบพิตร มีพระราชดำ�รัสเมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๓๕ เมื่อครั้งเสด็จฯ ไปทอดพระเนตร ๓. ควรเร่งนำ�งานวิจัยและพัฒนามาเพิ่มมูลค่า การดำ�เนินงานโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนา ให้กับสินค้าและบริการเพื่อให้อันดับความสามารถ พิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริ ความว่า ในการแข่งขันรวมของประเทศขยับสูงขึ้น และ “...งานทดลองนี้เหมือนเป็นตำ�รา ควรทำ� ส่งผลให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากประเทศที่รายได้ เป็นตำ�ราที่จะนำ�ไปใช้ในพื้นที่ดินเปรี้ยวอื่นๆ ปานกลาง ในอนาคต ในพื้นที่อื่นอาจจะไม่ต้องมีการแบ่งเป็นแปลงย่อย เช่นนี้ คันดินที่สร้างเพื่อกั้นนํ้าก็อาจจะใช้ ๔. ควรมีการเผยแพร่ความรู้และความก้าวหน้าทาง คลองชลประทานสรา้ งถนน สะพาน การศกึ ษาจงึ ตอ้ ง วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมไปสู่ประชาชน ทำ�แบบนี้...” แนวพระราชดำ�ริได้เน้นให้เห็นถึง ในวงกว้างให้มากที่สุด เพื่อให้พลเมืองไทย การประสมประสานระหวา่ งนวตั กรรมดา้ นเทคโนโลยี มีขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศ ควบคู่กับนวัตกรรมด้านการบริหารจัดการ จนได้วิธี ช่วยให้เศรษฐกิจเจริญเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาสภาพดินเปรี้ยว ยั่งยืน และมีภูมิคุ้มกันจากกระแสโลกาภิวัตน์
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นเ คร่ืองมือที่ทำ�ให้ ป ร ะ ช า ช น พ่ึ ง ต น เ อ ง ไ ด้ มีความสุข ประกอบอาชีพก้าวหน้า มีฐานะทางเศรษฐกิจม่ันคง ประเทศจะมีความสงบ และมีควา มเ จ ริ ญ ก้ า ว ห น้ า ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
๒๘๐ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง “...การพัฒนาประเทศจําเป็นต้องทําตามลําดับข้ัน ต้องสร้างพื้นฐาน คือความพอมี พอกิน พอใช้ ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบ้ืองต้นก่อน โดยใช้วิธีการ และใช้อุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชา เมื่อได้พื้นฐานมั่นคงพร้อมพอควร และปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญ ”และฐานะเศรษฐกิจข้ันท่ีสูงข้ึนโดยลําดับต่อไป... พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่นักศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๑๗ ๑. พระราชดำ�ริว่าด้วย “เศรษฐกิจพอเพียง” ใช้ความรู้และคุณธรรม เป็นพื้นฐานในการดำ�รงชีวิต (Sufficiency Economy) ที่สำ�คัญจะต้องมี “สติ ปัญญา และความเพียร” ซึ่งจะ “เศรษฐกจิ พอเพยี ง” เปน็ แนวพระราชด�ำ รขิ องพระบาท นำ�ไปสู่ “ความสุข” ในการดำ�เนินชีวิตอย่างแท้จริง สมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชบรมนาถบพติ ร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระราชทานมานานกว่า ๔๐ ปีแล้ว เป็นแนว บรมนาถบพิตร มีพระราชดำ�ริครั้งแรกว่าด้วย พระราชดำ�ริที่ตั้งอยู่บนรากฐานของวัฒนธรรมไทย “เศรษฐกิจพอเพียง” โดยพระองค์มีพระบรมราโชวาท เปน็ แนวทางการพฒั นาทต่ี ง้ั บนพน้ื ฐานของทางสายกลาง ใ น พิ ธี พ ร ะ ร า ช ท า น ป ริ ญ ญ า บั ต ร แ ก่ นั ก ศึ ก ษ า และความไม่ประมาท คำ�นึงถึงความพอประมาณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเอง ตลอดจน พ.ศ.๒๕๑๗ ความตอนหนึ่งว่า
ป รั ช ญ า ข อ ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พ อ เ พี ย ง ๒๘๑ “...การพัฒนาประเทศจำ�เป็นต้องทำ�ตามลำ�ดับขั้น ในทางน้ี ทจ่ี ะใหเ้ มอื งไทยอยพู่ ออยพู่ อกนิ ไมใ่ ชร่ งุ่ เรอื ง ต้องสร้างพื้นฐาน คือความพอมี พอกิน พอใช้ อย่างยอด แต่ว่าพออยู่พอกิน มีความสงบนั้น ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน โดยใช้ ถ้าจะเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ถ้าเรารักษา วิธีการและใช้อุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้อง ความพออยู่พอกินนั้นได้ เราจะยอดยิ่งยวด...” ตามหลักวิชา เมื่อได้พื้นฐานมั่นคงพร้อมพอควร และปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญ พระราชดำ�รัสนี้ทรงเห็นว่า แนวทางการพัฒนาที่เน้น และฐานะเศรษฐกิจขั้นที่สูงขึ้นโดยลำ�ดับต่อไป...” การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นหลักแต่ เพียงอย่างเดียวอาจจะเกิดปัญหาได้ จึงทรงเน้น ตอ่ มาพระองคท์ รงอธบิ ายและทรงเนน้ ยา้ํ อกี หลายครง้ั การมีพอกินพอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่ในเบื้องต้น ดังที่พระองค์มีพระราชดำ�รัส เนื่องในโอกาส ก่อน เมื่อมีพื้นฐานความมั่นคงพร้อมพอสมควรแล้ว วนั เฉลมิ พระชนมพรรษาณศาลาดสุ ดิ าลยั สวนจติ รลดาฯ จึงสร้างความเจริญและฐานะทางเศรษฐกิจให้สูงขึ้น พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๗ ซึ่งหมายถึง แทนที่จะเน้นการขยายตัวของ ความตอนหนึ่งว่า ภาคอุตสาหกรรมนำ�การพัฒนาประเทศ ควรที่จะ สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจพื้นฐานก่อน นั่นคือ “...คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา จะว่าเมืองไทย ทำ�ให้ประชาชนในชนบทส่วนใหญ่พอมีพอกินก่อน ล้าสมัยว่าเมืองไทยเชยวา่ เมืองไทยไม่มสี ิง่ ทีส่ มยั ใหม่ เป็นแนวทางการพัฒนาที่เน้นการกระจายรายได้ แตเ่ ราพออยพู่ อกนิ และขอใหท้ กุ คนมคี วามปรารถนา เพอ่ื สรา้ งพน้ื ฐานและความมน่ั คงทางเศรษฐกจิ โดยรวม ที่จะให้เมืองไทยพออยู่พอกิน มีความสงบ และ ของประเทศ ก่อนเน้นการพัฒนาในระดับสูงขึ้นไป ทำ�งานตั้งจิตอธิษฐานปณิธานจุดมุ่งหมายในแง่นี้
๒๘๒ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง “...เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเสมือนรากฐานของชีวิต ร า ก ฐ า น ค ว า ม มั่ น ค ง ข อ ง แ ผ่ น ดิ น เ ป รี ย บ เ ส มื อ น เสาเข็มที่ถูกตอกรองรับบ้านเรือนตัวอาค ารไว้นั่นเอง สิ่งก่อสร้างจะมั่นคงได้ก็อยู่ที่เสาเข็ม แต่คนส่วนมาก มองไม่เห็นเสาเข็มและลืมเสาเข็มเสียด้วยซ้ําไป... ”พระราชดำ�รัสพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ถึงความสำ�คัญของ “เศรษฐกิจพอเพียง” ผ่านมูลนิธิชัยพัฒนา เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๒ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช “...เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเสมือนรากฐานของชีวิต บรมนาถบพติ รมพี ระราชด�ำ รสั กลา่ วถงึ เรอ่ื งพออยพู่ อกนิ รากฐานความมั่นคงของแผ่นดิน เปรียบเสมือน อีกครั้งหนึ่งเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา เสาเข็มที่ถูกตอกรองรับบ้านเรือนตัวอาคารไว้นั่นเอง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดาฯ พระราชวังดุสิต สิ่งก่อสร้างจะมั่นคงได้ก็อยู่ที่เสาเข็ม แต่คนส่วนมาก เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๑ ความตอนหนึ่งว่า มองไม่เห็นเสาเข็ม และลืมเสาเข็มเสียด้วยซํ้าไป...” “...เม่ือปี ๒๕๑๗ ถึง ๒๕๔๑ น้ี ก็ ๒๔ ปี ใช่ไหม วันน้ันได้พูดว่า เราควรจะปฏิบัติให้พอมีพอกิน ๒. คำ�จำ�กัดความ “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” พ อ มี พ อ กิ น นี้ ก็ แ ป ล ว่ า เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พ อ เ พี ย ง เ อ ง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ถ้าแต่ละคนพอมีพอกิน ก็ใช้ได้ ยิ่งถ้าทั้งประเทศ เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำ�รงอยู่ พอมีพอกินก็ยิ่งดี และประเทศไทยเวลานั้น และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ ก็เริ่มจะไม่พอมีพอกิน บางคนก็มีมาก บางคน ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ก็ไม่มีเลย สมัยก่อนนี้พอมีพอกิน มาสมัยนี้ ทง้ั ในการพฒั นาและบรหิ ารประเทศใหด้ �ำ เนนิ ไปในทาง ชักจะไม่พอมีพอกิน จึงต้องมีนโยบายที่จะทำ� สายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ เศรษฐกิจพอเพียงเพื่อที่จะให้ทุกคนมีพอเพียงได้...” ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำ�เป็น บรมนาถบพิตร มีพระราชดำ�รัสถึงความสำ�คัญของ ที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร “เศรษฐกจิ พอเพยี ง” พระราชทานผา่ นมลู นธิ ชิ ยั พฒั นา ต่อการมีผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลง เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๒ ความตอนหนึ่งว่า ทั้งภายนอกและภายใน ทั้งนี้ จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่ง
ป รั ช ญ า ข อ ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พ อ เ พี ย ง ๒๘๓ ในการนำ�วิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นำ�ไปเผยแพร่ การดำ�เนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต้อง เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๒ เพื่อเป็น เสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติโดยเฉพาะ แนวทางปฏิบัติของทุกฝ่ายและประชาชนโดยทั่วไป) เจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎีและนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสำ�นึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์ สุจริต และให้มี “...เมื่อปี ๒๕๑๗ ถึง ๒๕๔๑ น้ี ก็ ๒๔ ปี ความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำ�เนินชีวิตด้วยความอดทน ใช่ไหม วันน้ันได้พูดว่า ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบเพื่อให้ สมดุล และพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลง เราควรจะปฏิบัติให้พอมีพอกิน อย่างรวดเร็วและกว้างขวางทั้งด้านวัตถุ สังคม พอมีพอกินนี้ก็แปลว่าเศรษฐกิจพอเพียง สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้ นั่นเอง ถ้าแต่ละคนพอมีพอกิน ก็ใช้ได้ เป็นอย่างดี (สำ�นักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิใน ยิ่งถ้าท้ังประเทศพอมีพอกินก็ย่ิงดี ทางเศรษฐกิจและสาขาอื่นมาร่วมกันประมวลและ และปร ะเทศไทย เวลานั้น ก็เริ่มจะ กลั่นกรองจากพระราชดำ�รัสของพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ไม่พอมีพอกิน บาง คนก็มีมาก เ รื่ อ ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พ อ เ พี ย ง แ ล ะ ข อ พ ร ะ ร า ช ท า น บา งคนก็ไม่มีเลย สมัยก่อนน้ีพอมีพอกิน พระบรมราชานุญาตนำ�ไปเผยแพร่ ซึ่งทรงพระกรุณา ปรบั ปรงุ แกไ้ ขพระราชทานและทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ มาสมัยน้ีชักจะไม่พอมีพอกิน จึงต้องมีนโยบายท่ีจะทำ�เศรษฐกิจพอเพียง เพ่ือที่จะให้ทุกคนมีพอเพียงได.้ ..” พระราชดำ�รัส เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดาฯ พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๑
๒๘๔ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ป รั ช ญ า ข อ ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พ อ เ พี ย ง ทางสายกลาง ความ พอประมาณ ความ มีภูมิคุ้มกัน มีเหตุผล ในตัวท่ีดี เง่ือนไขความรู้ เง่ือนไขคุณธรรม (รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง) (ซื่อสัตย์ สุจริต ขยัน อดทน แบ่งปัน) นําสู่ เศรษฐกิจ / สังคม / สิ่งแวดล้อม / วัฒนธรรม สมดุล / ม่ันคง / ยั่งยืน
ป รั ช ญ า ข อ ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พ อ เ พี ย ง ๒๘๕ ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง จึงประกอบด้วย โดย “เงื่อนไข” ของการตัดสินใจและดำ�เนินกิจกรรม คุณลักษณะ ดังนี้ ๑ ๑ต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียง ๒ ประการ ดังนี้ เงื่อนไขความรู้ ความพอประมาณ ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อย เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับ เกินไปและไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับ วิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องรอบด้าน ความรอบคอบ พอประมาณ ที่จะนำ�ความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน ๒ เพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวัง ความมีเหตุผล ในการปฏิบัติ ๒ เงื่อนไขคุณธรรม ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับ เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต ระดับความพอเพียงนั้นจะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล และมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญา ในการดำ�เนินชีวิต และเอื้อเฟื้อแบ่งปันให้แก่ผู้อื่น โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจน คำ�นึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำ�นั้นๆ อย่างรอบคอบ ๓ ภูมิคุ้มกัน ภูมิคุ้มกัน หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับ ผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ที่จะ เกิดขึ้น โดยคำ�นึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดในอนาคต
๒๘๖ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๓. การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียง • มีความเอื้ออาทรระหว่างสมาชิกชุมชนทำ�ให้เกิด เศรษฐกิจพอเพียงสามารถประยุกต์ใช้ได้ทุกระดับ พลังทางสังคม ทุกสาขา ทุกภาคของเศรษฐกิจ ทั้งภาคการเกษตร • พัฒนาไปสู่เครือข่ายระหว่างชุมชนต่างๆ ภาคอุตสาหกรรม ภาคชนบท ภาคการเงินการคลัง ภาคอสังหาริมทรัพย์ ภาคการค้า การลงทุนระหว่าง ระดับรัฐหรือระดับประเทศ ประเทศ ฯลฯ โดยมีหลักการที่คล้ายคลึงกัน คือ เน้นการเลือกปฏิบัติอย่างพอประมาณ มีเหตุมีผล และ ระดับรัฐหรือระดับประเทศ สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ตนเองและสังคม อยู่บนหลักของ ประกอบด้วยสังคมต่างๆ ที่เข้มแข็ง ความรู้ รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง และหลักคุณธรรม • ชุมชน/สังคมหลายๆ แห่งร่วมมือกันพัฒนาตาม จริยธรรม ซื่อสัตย์สุจริต ขยัน อดทน แบ่งปัน แนวเศรษฐกิจพอเพียง การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียงสำ�หรับสังคมแต่ละ • วางรากฐานของประเทศให้มีความพอเพียงและ ระดับ พร้อมก่อน จึงค่อยๆ ดำ�เนินการพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมของประเทศให้เจริญขึ้นเป็นลำ�ดับๆ ต่อไป ระดับบุคคล/ครอบครัว ตัวอย่างของเศรษฐกิจพอเพียง ระดับบุคคล/ครอบครัว • สามารถทำ�ตนให้เป็นที่พึ่งแห่งตนใน ๕ ด้าน ระดับเกษตรกร ๑) จิตใจ ๒) สังคม ระดับเกษตรกร ได้แก่ เกษตรทฤษฎีใหม่ ๓) เทคโนโลยี ขั้นที่ ๑ เป็นแนวทางการจัดการพื้นที่เกษตรกรรม ๔) ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในระดับครอบครัวเพื่อให้พออยู่พอกินสมควร ๕) เศรษฐกิจ แก่อัตภาพในระดับที่ประหยัดไม่อดอยากและ • รู้จักคำ�ว่า “พอ” และไม่เบียดเบียนผู้อื่น เลี้ยงตนเองได้ โดยให้แบ่งพื้นที่ออกเป็น ๔ ส่วน • พยายามพัฒนาตนเองเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็ง ตามอัตราส่วน ๓๐ : ๓๐ : ๓๐ : ๑๐ ซึ่งหมายถึง และความชำ�นาญ พื้นที่ส่วนที่หนึ่ง ประมาณ ๓๐% ให้ขุดสระเก็บกักนํ้า • มีความสุขและความพอใจกับชีวิตที่พอเพียง เพื่อใช้เก็บกักนํ้าฝนในฤดูฝน และใช้เสริมการปลูกพืช ยึดเส้นทางสายกลางในการดำ�รงชีวิต ในฤดูแล้ง ตลอดจนการเลี้ยงสัตว์นํ้าและพืชนํ้าต่างๆ พื้นที่ส่วนที่สอง ประมาณ ๓๐% ให้ปลูกข้าวในฤดูฝน ระดับชุมชน เพื่อใช้เป็นอาหารประจำ�วันสำ�หรับครอบครัว ให้เพียงพอตลอดปี เพื่อตัดค่าใช้จ่ายและสามารถ ระดับชุมชน พึ่งตนเองได้ ประกอบด้วย บุคคล/ครอบครัวที่มีความพอเพียงแล้ว พื้นที่ส่วนที่สาม ประมาณ ๓๐% ให้ปลูกไม้ผล • รวมกลุ่มทำ�ประโยชน์เพื่อส่วนรวม โดยอาศัย ไม้ยืนต้น พืชผัก พืชไร่ พืช สมุนไพร ฯลฯ เพื่อใช้เป็น ภูมิปัญญาและความสามารถของตนและชุมชน อาหารประจำ�วัน หากเหลือบริโภคก็นำ�ไปจำ�หน่าย
ป รั ช ญ า ข อ ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พ อ เ พี ย ง ๒๘๗ พื้นที่ส่วนที่สี่ ประมาณ ๑๐% เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ระดับนักการเมือง ถนนหนทาง และโรงเรือนอื่นๆ ขั้นที่ ๒ เกษตรกรรวมพลังกันในรูปกลุ่มหรือ ระดับนักการเมือง สหกรณ์ร่วมแรงในการผลิต จัดการตลาดและพัฒนา • การก�ำ หนดนโยบาย การออกกฎหมายและขอ้ บญั ญตั ิ สวัสดิการของชุมชนในรูปแบบต่างๆ เป็นการสร้าง ต่างๆ หรือดำ�เนินวิถีทางการเมืองให้ยึดมั่นอยู่บน ความสามัคคีภายในท้องถิ่นและเตรียมความพร้อม พน้ื ฐานของความพอเพยี งและผลประโยชนข์ องสว่ นรวม ก่อนก้าวสู่โลกภายนอก • มีทัศนคติและความคิดที่ดี บนพื้นฐานของ ขั้นที่ ๓ ติดต่อประสานงานกับภายนอก เพื่อจัดหา ความพอเพียง สุจริต มีความเพียร และมีสติในการทำ� ทุนหรือแหล่งเงิน เช่น ธนาคาร หรือบริษัทห้างร้าน กิจการต่างๆ เอกชนมาช่วยในการลงทุนและพัฒนาคุณภาพชีวิต ระดับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ระดับนักธุรกิจ ระดับนักธุรกิจ ระดับเจ้าหน้าที่ของรัฐ • ยอมรับการมีกำ�ไรในระดับพอประมาณ (Normal • ใช้ชีวิตแบบพอเพียง รู้จักพอประมาณและพึ่งตนเอง Profit) และมีเหตุมีผลที่พอเพียงต่อนักธุรกิจที่ลงทุน เป็นหลักไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข หรือผู้ถือหุ้นและต้องไม่เป็นการแสวงหากำ�ไร • ต้องมีสำ�นึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต โดยการเอาเปรียบผู้บริโภคหรือผิดกฎหมาย มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำ�เนินชีวิตด้วยความอดทน • ไม่ปฏิเสธการส่งออก แต่ต้องมีการสร้างภูมิคุ้มกัน ความเพียร มีสติปัญญาและความรอบคอบ ในตัวที่ดี เพื่อให้พร้อมรับต่อความเปลี่ยนแปลง • การจัดเตรียมนโยบาย แผนงานหรือโครงการต่างๆ ต่างๆ โดยระลึกเสมอว่าการจะก้าวให้ทันต่อกระแส ต้องสอดคล้องกับเศรษฐกิจพอเพียงโดยเน้นพัฒนา โลกาภิวัตน์ ต้องอาศัยความรอบรู้ รอบคอบและ และแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจสังคมและจิตใจควบคู่ ระมัดระวังอย่างยิ่ง กันไป • สามารถกู้เงินมาลงทุนได้เพื่อทำ�ให้มีรายได้และต้อง สามารถใช้หนี้ได้ ระดับครูอาจารย์ • ต้องมีคุณธรรม ซื่อสัตย์สุจริต เพียร อดทนและ รับผิดชอบต่อสังคม โดยมีการพัฒนาประสิทธิภาพ ระดับครูอาจารย์ การผลิต การปรับปรุงสินค้าและคุณภาพให้ทันกับ • ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงในการดำ�เนินชีวิต ขยัน ความต้องการของตลาดและการเปลี่ยนแปลงทาง อดทน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข เทคโนโลยี • พัฒนาระบบการเรียนการสอนตามหลักเศรษฐกิจ • รักษาความสมดุลในการแบ่งปันผลประโยชน์ของ พอเพียง ธุรกิจในระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ ได้แก่ • ตั้งใจสอน หมั่นหาความรู้เพิ่มเติม พนักงาน บริษัท ผู้บริโภคและสังคมโดยรวม
๒๘๘ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง • ถ่ายทอด ปลูกฝังความรู้ความเข้าใจหลักเศรษฐกิจ ตัวอย่างการกําหนด พอเพียงให้เด็กและเยาวชน สอนให้คิดเป็นเข้าใจ นโยบายการเงินการคลัง ในหลกั เหตุผล มคี วามคดิ ในเชงิ สร้างสรรคบ์ นพื้นฐาน ของศีลธรรมและการพัฒนาจิตใจควบคู่กันไป ตัวอย่างการกำ�หนดนโยบายการเงินการคลัง ได้แก่ • ความพอดี เช่น กำ�หนดเป้าหมายปริมาณเงิน ระดับนักเรียน นิสิต นักศึกษา ตอ้ งไมม่ ากเกนิ ไปจนเปน็ ผลกระทบตอ่ เสถยี รภาพทาง เศรษฐกิจและไม่น้อยเกินไปจนทำ�ให้เศรษฐกิจซบเซา ระดับนักเรียน นิสิต นักศึกษา • ต้องสามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ • ต้องรู้จักแบ่งเวลาเรียน เล่น และดำ�เนินชีวิต ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีเหตุมีผลและคล่องตัว อย่างเหมาะสมและพอประมาณกับตนเอง • ระมัดระวังการเปลี่ยนแนวนโยบายการเงินการคลัง • ใฝห่ าความรใู้ ชห้ ลกั วชิ าและความรจู้ รงิ ในการตดั สนิ ใจ ต้องท�ำ อยา่ งคอ่ ยเปน็ คอ่ ยไปโดยประเมินสถานการณ์ ลงมือทำ�สิ่งต่างๆ อย่างรอบคอบ • ประพฤติดีมีระเบียบวินัย ขยันหมั่นเพียร ซื่อสัตย์ • การป้องกันปัญหาก่อนที่จะรุนแรงขึ้น ต้องพิจารณา สุจริต รู้จักแบ่งปัน มีความกตัญญู ถึงปัญหาในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต • ใช้จ่ายเงินอย่างมีเหตุผลและรอบคอบ • การจัดการดอกเบี้ยหรือการจัดการแลกเปลี่ยน • สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ตนเอง อาทิ ประหยัดอดออม เงนิ ตราตา่ งประเทศ ควรอยบู่ นพน้ื ฐานของความมเี หตุ ศึกษาหาความรู้ตลอดเวลา ไม่เสพของมึนเมาหรือ มีผล ความพอดีไม่สูงไม่ตํ่าจนเกินไป สิ่งเสพติด • การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีโดยยึดหลักธรรมาภิบาล ในการบริหารจัดการ คนทุกวัยทุกศาสนา • บริหารการเงิน การคลัง ด้วยความโปร่งใส • ยดึ เปา้ หมายการเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกจิ (Economic คนทุกวัยทุกศาสนา Growth) ที่มีเสถียรภาพควบคู่กับการกระจายรายได้ • ดำ�รงชีวิตบนพื้นฐานของการรู้จักตนเอง การคิด (Income Distribution) ที่เป็นธรรม พึ่งพาตนเองและพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันอย่าง • หลกี เลย่ี งการใชน้ โยบาย “ประชานยิ มทางเศรษฐกจิ ” เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ซึ่งอาจมีผลกระทบทางลบในระยะยาว • ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงสอดคล้องกับหลักคำ�สอนของ • บริหารการเงินการคลังบนหลักของความรู้และ ทุกศาสนาที่ให้ดำ�เนินชีวิตตามกรอบคุณธรรม หลักคุณธรรม • ไม่ทำ�การใดๆ ที่เบียดเบียนตนเองหรือผู้อื่น • ไม่ฟุ้งเฟ้อหรือทำ�อะไรที่เกินตน ตัวอย่างการดำ�เนินธุรกิจภาคอุตสาหกรรม • รู้จักแบ่งปันและช่วยเหลือผู้อื่นตามความเหมาะสม • ความพอประมาณโดยสำ�รวจศักยภาพของตนเอง และกำ�ลังความสามารถของตน รู้จักตนเองว่ามีอะไรบ้าง เช่น ลักษณะงานและขนาด • ด�ำ เนนิ ชวี ติ บนทางสายกลาง คอื ค�ำ นงึ ถงึ ความพอดี ของเงินทุน การผลิตและการตลาด ไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป
ป รั ช ญ า ข อ ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พ อ เ พี ย ง ๒๘๙ • ดำ�เนินการโดยยึดหลักเหตุผลโดยใช้สติปัญญา ใหเ้ ปน็ หวั ใจของการพฒั นาในทกุ ดา้ น ทง้ั ดา้ นการเมอื ง ภูมิปัญญา เศรษฐกจิ สงั คม ชนบท การเกษตร อตุ สาหกรรม ฯลฯ • ดำ�เนินการในสิ่งที่เก่งและถนัด • สร้างความเจริญแบบค่อยเป็นค่อยไป ๔. การน้อมนำ�ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง • ใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่าและมีขอบเขต มาประยุกต์ใช้ • สร้างภูมิคุ้มกันที่ดีโดยป้องกันหรือรู้จักบริหาร ๑. ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่พระบาทสมเด็จ ความเสี่ยง พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร • มีแผนการจัดการกับความไม่แน่นอน ได้พระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทย ขณะนี้ • ไม่ควรใช้จ่ายฟุ่มเฟือยหรือก่อหนี้จนเกินตัว ได้หยั่งรากลึกลงในสังคมไทย พระองค์ทรงให้ • มีทุนสำ�รองไม่มุ่งเน้นกำ�ไรเกินควรหรือกอบโกย ความสำ�คัญกับ “การพัฒนาคน” ในการดำ�เนิน ด้วยความละโมบโลภมาก วิถีชีวิตอย่างมั่นคงบนพื้นฐานของการพึ่งตนเอง • ดำ�เนินธุรกิจภาคอุตสาหกรรม บนหลักของความรู้ ความพอมีพอกิน การรู้จักความพอประมาณ และหลักคุณธรรม การคำ�นึงถึงความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกัน ในตัวที่ดี และทรงเตือนสติประชาชนคนไทยไม่ให้ ตัวอย่างนโยบายการพัฒนา ประมาท ตระหนักถึงความถูกต้องตามหลักวิชา ระบบการศึกษาไทย ตลอดจนมีคุณธรรมเป็นกรอบในการดำ�เนินชีวิต ตัวอย่างนโยบายการพัฒนาระบบการศึกษาไทย ๒. สำ�นักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ • บนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง ควรมุ่งไปสู่การทำ�ให้ และสังคมแห่งชาติได้น้อมนำ�หลักปรัชญาของ สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ เพื่อทำ�ให้เกิด เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญานำ�ทางในการพัฒนา สติปัญญาความรอบรู้และศีลธรรมอันจะเป็นปัจจัย ประเทศตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม สำ�คัญที่ทำ�ให้สังคมดำ�รงอยู่ได้อย่างเข้มแข็งและ แห่งชาติ ฉบับที่ ๘ (พ.ศ.๒๕๔๐ - ๒๕๔๔) โดยให้ พอเพียง ความสำ�คัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน • เนื่องจากกระแสของโลกาภิวัตน์ได้ก่อให้เกิด ในสังคมและมุ่งให้ “คนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา” ระบบเศรษฐกิจใหม่และสังคมใหม่ที่เน้นเรื่องความรู้ พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนวิธีการพัฒนาเป็นการบูรณาการ กันมาก จึงต้องสร้างระบบการศึกษาให้กับคนทุกคน แ บ บ อ ง ค์ ร ว ม เ พื่ อ ใ ห้ เ กิ ด ก า ร พั ฒ น า ที่ ส ม ดุ ล ตั้งแต่เกิดจนตาย ต้องคำ�นึงถึงคุณภาพและมาตรฐาน ต่อมาแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๙ (พ.ศ.๒๕๔๕-๒๕๔๙) โลกข้างหน้าเป็นโลกของการเปลี่ยนแปลง ต้องสร้าง ได้น้อมนำ�หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ภูมิคุ้มกันเพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง การที่ประชาชน มาเป็นปรัชญานำ�ทางในการพัฒนาและบริหาร ทุกคนได้รับการศึกษาถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการกำ�จัด ประเทศ โดยให้ความสำ�คัญกับการพัฒนาที่สมดุล ทง้ั ดา้ นสงั คมเศรษฐกจิ และสง่ิ แวดลอ้ มมเี ปา้ หมายหลกั ความยากจน ต้องกำ�หนดความสำ�คัญของการศึกษา
เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยสู่ความอยู่ดี สำ�หรับแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ.๒๕๖๐ - มีสุข พร้อมทั้งยึดหลักทางสายกลางเพื่อให้ประเทศ ๒๕๖๔) ยังคงน้อมนำ�และประยุกต์ใช้หลักปรัชญา รอดพ้นจากวิกฤติ สามารถดำ�รงอยู่ได้อย่างมั่นคง ของเศรษฐกิจพอเพียงโดยยึดคนเป็นศูนย์กลางของ มีคุณภาพและยั่งยืน การพฒั นาอยา่ งมสี ว่ นรว่ มการพฒั นาทีย่ ดึ หลกั สมดลุ ยั่งยืนโดยวิสัยทัศน์ของการพัฒนาในแผนพัฒนาฯ แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๐ (พ.ศ.๒๕๕๐ - ๒๕๕๔) ฉบับที่ ๑๒ ต้องให้ความสำ�คัญกับการกำ�หนด ยังคงน้อมนำ�หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ทิศทางการพัฒนาที่มุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านประเทศไทย เป็นปรัชญานำ�ทางในการพัฒนาและบริหารประเทศ จากประเทศที่มีรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศ โดยให้ความสำ�คัญกับการพัฒนาอย่างสมดุล ที่มีรายได้สูง มีการกระจายรายได้และการพัฒนา การอยรู่ ว่ มกนั ดว้ ยสนั ตสิ ขุ ในสงั คมและการอยรู่ ว่ มกนั อย่างเท่าเทียม มีระบบนิเวศที่ดี สังคมอยู่ร่วมกัน ระหว่างคนกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างมีความสุข และนำ�ไปสู่การบรรลุวิสัยทัศน์ อย่างยั่งยืน ระยะยาว “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ของประเทศ แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ.๒๕๕๕ - ๒๕๕๙) ๓. แผนยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ.๒๕๖๐ - ได้น้อมนำ�หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็น ๒๕๗๙) เป็นแผนหลักในการพัฒนาชาติในระยะ ปรัชญานำ�ทางในการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง ๒๐ ปี ข้างหน้า ภายใต้วิสัยทัศน์ “ประเทศไทย เพื่อมุ่งให้เกิดภูมิคุ้มกันและมีการบริหารจัดการ มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพื่อให้การพัฒนาประเทศ ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ สู่ความสมดุลและยั่งยืน พอเพียง” ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศ
ป รั ช ญ า ข อ ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พ อ เ พี ย ง ๒๙๑ “ประเทศไทย มีความ มั่นคง ม่ังค่ัง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนา ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ” วิสัยทัศน์ที่เป็นแผนหลัก ในการพัฒนาชาติในระยะ ๒๐ ปี ข้างหน้า ในระยะยาว จะทำ�ให้ประเทศไทยสามารถดำ�รงรักษา การขับเคลื่อนอย่างยั่งยืนและมั่นคง ด้านภาคชุมชน ความเป็นชาติที่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม และประชาสงั คม มกี ารตดิ ตามไปศกึ ษากรณที ช่ี าวบา้ น และวัฒนธรรม และคนไทยในประเทศมีความอยู่ดี นำ�ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในชีวิตและ มีสุขอย่างถ้วนหน้า อาชีพ ด้านภาคการเกษตรได้สร้างความพออยู่พอกิน ๔. การปฏิบัติตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ให้กับชุมชนท้องถิ่นและเป็นต้นทางของการพัฒนา ซึ่งกำ�หนดโดยองค์การสหประชาชาติ ประเทศไทย ในทุกด้าน สร้างความมั่นคง ลดรายจ่าย พึ่งตนเองได้ ได้ให้การสนับสนุนแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน และแกป้ ญั หาความยากจนภาคครวั เรอื น ดา้ นภาคธรุ กจิ โดยแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ไดป้ รบั แนวคดิ มาใชอ้ ยา่ งกวา้ งขวางทง้ั ธรุ กจิ ขนาดใหญ่ เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงหรือความร่วมมือระหว่าง ขนาดกลาง และขนาดเล็ก โดยยอมรับการมีกำ�ไร ประเทศ สามารถตอบสนองความต้องการของ ในระดับพอประมาณ และต้องไม่แสวงหากำ�ไร ประชาชนทั้งในปัจจุบันและในอนาคตเพื่อคุณภาพ โดยการเอาเปรียบผู้บริโภคหรือทำ�ผิดกฎหมาย ชีวิตที่ดีขึ้น มีคณะอนุกรรมการส่งเสริมความเข้าใจ ภาคธุรกิจจำ�นวนมากยังได้ร่วมแสดงความรับผิดชอบ และประเมินผลการดำ�เนินงานตามหลักปรัชญา ตอ่ สงั คมมากขน้ึ โดยเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการแกป้ ญั หา ความยากจนและช่วยพัฒนาชนบท ของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นหน่วยงานหลัก ๖. การจัดประกวดผลงานตามปรัชญาของเศรษฐกิจ ในการขับเคลื่อน พอเพยี งส�ำ นกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพอ่ื ประสานงาน ๕. ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้รับการนำ�ไป โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริ (สำ�นักงาน ประยุกต์ใช้กับทุกภาคส่วนของสังคมเพื่อให้เกิด กปร.) ได้จัดการประกวดผลงานตามปรัชญาของ
๒๙๒ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียงครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๐ เศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ในการทำ�งานและ เนอ่ื งในโอกาสมหามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา๘๐พรรษา การดำ�เนินชีวิต สามารถเป็นตัวอย่างในการพัฒนา ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ตนเอง ชุมชน องค์กรภาครัฐ และธุรกิจได้ บรมนาถบพิตร เพื่อเผยแพร่พระปรีชาสามารถ การประกวดครั้งนี้ ได้แบ่งเป็น ๑๐ ประเภท คือ แนวพระราชดำ�ริเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง และ ๑) ประชาชนในพน้ื ทห่ี า่ งไกลและกนั ดาร ๒) ประชาชน ค้นหาตัวอย่างของภาคประชาชน ภาคเกษตร และ ทั่วไป ๓) ชุมชนเศรษฐกิจพอเพียง ๔) เกษตรกร ภาคธรุ กจิ ทไ่ี ดน้ �ำ หลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งไปประยกุ ตใ์ ช้ ทฤษฎีใหม่ ๕) กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ ๖) หน่วยงาน/ จนประสบผลสำ�เร็จ องค์กรภาครัฐในส่วนภูมิภาค ๗) หน่วยงาน/องค์กร ภาครัฐในส่วนกลาง ๘) ธุรกิจขนาดใหญ่ ๙) ธุรกิจ ในปี พ.ศ.๒๕๕๒-๒๕๕๓ มูลนิธิชัยพัฒนา ขนาดกลางและ๑๐)ธุรกิจขนาดยอ่ มซึง่ ผลการตัดสิน สำ�นักงบประมาณ กระทรวงมหาดไทย กองทัพไทย การประกวดฯ ทำ�ให้ได้ตัวอย่างที่น้อมนำ�ปรัชญา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพอ่ื ประสานงานโครงการ ของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ในการทำ�งาน อันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริ (สำ�นักงาน กปร.) และ แ ล ะ ก า ร ดำ � เ นิ น ชี วิ ต จ น ป ร ะ ส บ ค ว า ม สำ � เ ร็ จ สถาบันวิจัยและพัฒนาประเทศตามปรัชญาของ ในแต่ละประเภท เศรษฐกิจพอเพียง ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประกวด ๗. ด้านสถาบันการเมือง ความคืบหน้าสำ�คัญ ผลงานตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ครั้งที่ ๒ ในการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ปรัชญาของเศรษฐกิจ ในภาคสถาบนั การเมอื งไดแ้ ก่การตราพระราชกฤษฎกี า พอเพียงและส่งเสริมให้ภาคประชาชน ภาคเกษตร ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมือง ภาครัฐ และภาคธุรกิจ ได้น้อมนำ�ปรัชญาของ
ป รั ช ญ า ข อ ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พ อ เ พี ย ง ๒๙๓ ที่ดี พ.ศ.๒๕๔๖ การกำ�หนดให้หลักปรัชญาของ “อยู่อย่างพอเพียง” นอกจากนั้นยังได้นำ�เอาปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงปรากฏในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ของเศรษฐกิจพอเพียงมาบรรจุในหลักสูตรการศึกษา แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๕๐ การกำ�หนด ทุกระดับ มีสถานศึกษาที่จัดการศึกษา โดยยึดหลัก ทิศทางให้นำ�เอาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจนเห็นผลแก่ผู้เรียน ไปเป็นนโยบายพื้นฐานทั้งด้านการบริหารราชการ และผ่านเกณฑ์การประเมินเป็น “สถานศึกษาพอเพียง แผ่นดินและด้านเศรษฐกิจ และเริ่มมีการกำ�หนดเป็น แบบอย่าง” ๑๓๕ แห่ง ในปี พ.ศ.๒๕๕๐ และเพิ่ม นโยบายของรัฐบาลอย่างชัดเจนในปี พ.ศ.๒๕๕๐ จำ�นวนขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละปี โดยมีการพัฒนาสู่การ เพื่อให้องค์กรของรัฐนำ�ไปปฏิบัติ เพื่อให้เกิดผลที่ เป็น “ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ เป็นรูปธรรมมากขึ้น ด้านองค์กรภาครัฐ รัฐบาลได้มี พอเพียงด้านการศึกษา” ด้วยการเสริมสร้างการเรียนรู้ การน้อมนำ�เอาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไป ให้บุคลากรของโรงเรียน มีความเข้าใจในหลักปรัชญา ขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ของเศรษฐกิจพอเพียงอยา่ งถูกตอ้ งและสามารถนำ�ไป ดังปรากฏทั้งในกฎหมายสูงสุด แผนพัฒนาเศรษฐกิจ ปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีการกำ�หนด และสังคมแห่งชาติ ตลอดจนการแถลงนโยบาย หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานให้มีคุณลักษณะ การบริหารแผ่นดินของรัฐบาลที่เสนอต่อรัฐสภา “อยู่อย่างพอเพียง” เป็นคุณภาพของผู้เรียน ๘. ด้านสถาบันการศึกษา ปลูกฝังให้เด็กและเยาวชน ๙. หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้รับการ ยอมรับในระดับนานาชาติ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ ในทุกระดับน้อมนำ�เอาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงสามารถนำ�ไปใช้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม พอเพียง มาใช้เป็นหลักใจหรือหลักคิด หลักการ อย่างกว้างขวางในทุกภาคส่วนซึ่งหลักปรัชญาของ ทำ�งานและหลักปฏิบัติในชีวิตประจำ�วันให้มีอุปนิสัย
๒๙๔ ป รั ช ญ า ข อ ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พ อ เ พี ย ง นายโคฟี อันนัน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติในขณะนั้น “ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัล ความสำ�เร็จสูงสุด ด้านการพัฒนามนุษย์ ทุ ก ห น แ ห่ ง ใ น ยุ ค โ ล ก า ภิ วั ต น์ แนวทาง “การเดินทางสายกลาง” ท่ี เ น้ น ก า ร ใ ห้ ค น เ ป็ น ศู น ย์ ก ล า ง พ ร ะ ร า ช ป ณิ ธ า น ใ น ก า ร พั ฒ น า อันชาญฉลาด ได้สร้างแรงบันดาลใจ เศรษฐกิจพอเพียงมิได้เป็นที่ยอมรับแต่เฉพาะภายใน และเมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๙ นายโคฟี ประเทศไทยเท่านั้น หากแต่ยังเป็นที่ยอมรับจาก อันนัน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติในขณะนั้น นานาประเทศทั่วโลก หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล ความสำ�เร็จสูงสุด พอเพียงเป็นทางเลือกหนึ่งในการแก้ไขวิกฤติการณ์ ด้ า น ก า ร พั ฒ น า ม นุ ษ ย์ แ ด่ พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ ที่โลกกำ�ลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และได้กล่าวสดุดีพระองค์ว่า ในการประชมุ สหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยการคา้ และการพฒั นา หรืออังค์ถัด (The United Nations Conference “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ on Trade and Development - UNCTAD) ครั้งที่ ๑๐ มี ค ว า ม ห ม า ย อ ย่ า ง ยิ่ ง ต่ อ ชุ ม ช น ทุ ก ห น แ ห่ ง เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๓ ได้มีแถลงการณ์แสดง ในยุคโลกาภิวัตน์ การเปลี่ยนแปลงต่างเกิดขึ้น ความส�ำ นกึ ในพระมหากรณุ าธคิ ณุ ของพระบาทสมเดจ็ อยา่ งรวดเรว็ ปรชั ญาดงั กลา่ วซง่ึ เนน้ แนวทาง“การเดนิ ทาง พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สายกลาง”มคี วามสอดคลอ้ งกบั แนวทางการพฒั นาคน ที่พระราชทานหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของสหประชาชาติที่เน้นการให้คนเป็นศูนย์กลาง เป็นแนวคิดการพัฒนาในยุคโลกาภิวัตน์ และ ของการพัฒนาและการใช้กระบวนการพัฒนาที่ยั่งยืน ในการประชมุ รฐั สภาอาเซยี น ครง้ั ท่ี๒๒ เดอื นกนั ยายน พระราชปณิธานในการพัฒนาประเทศของพระองค์ พ.ศ.๒๕๔๔ ที่ประชุมลงมติร่วมกันยอมรับ และพระราชด�ำ รทิ แ่ี สดงถงึ พระวสิ ยั ทศั นอ์ นั ชาญฉลาด หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทาง ได้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่พสกนิกรของพระองค์ เลอื กหนง่ึ ในการพฒั นาของประเทศสมาชกิ ในภมู ภิ าค และประชาชนทั่วทุกแห่ง”
ป รั ช ญ า ข อ ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พ อ เ พี ย ง ๒๙๕ พ อ เ พี ย ง ข อ ง พ ร ะ อ ง ค์ มี ค ว า ม ห ม า ย อ ย่ า ง ยิ่ ง ต่ อ ชุ ม ช น การเปล่ียนแปลงต่างเกิดข้ึนอย่างรวดเร็ว ปรัชญาดังกล่าวซ่ึงเน้น มีความสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาคนของสหประชาชาติ ข อ ง ก า ร พั ฒ น า แ ล ะก า ร ใ ช้ ก ร ะ บ ว น ก า ร พั ฒ น า ท่ี ยั่ ง ยื น ประเทศของพระองค์และพระราชดำ�ริท่ีแสดงถึงพระวิสัยทัศน์ ใ ห้ แ ก่ พ ส ก นิ ก ร ข อ ง พ ร ะ อ ง ค์ แ ล ะ ป ร ะ ช า ช น ท่ั ว ทุ ก แ ห่ ง ”นายโคฟี อันนัน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติในขณะนั้น ได้กล่าวสดุดี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๙ นอกจากนี้ โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ นำ�ไปประยุกต์ใช้ โดยหน่วยงานของรัฐที่พยายาม (United Nations Development Program: UNDP) ขับเคลื่อนเพื่อประชาสัมพันธ์ และผลักดันโครงการ ได้จัดทำ�รายงานการพัฒนาคนของประเทศไทย ท่สี ามารถนำ�ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปปรับใช้ ปี พ.ศ.๒๕๕๐ ฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ในตา่ งประเทศคอื กระทรวงการตา่ งประเทศซ่งึ กระทรวงฯ เพอ่ื น�ำ เสนอแนวทางการพฒั นาประเทศ การพฒั นาคน ได้มีการจัดงานประชุม สัมมนา ประชาสัมพันธ์ ข้อคิดเชิงนโยบายด้านต่างๆ ตลอดจนแนวทาง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้แก่กลุ่มประเทศ การน�ำ ไปประยกุ ตใ์ ชโ้ ดยยดึ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ กำ�ลังพัฒนา เช่น กลุ่มประเทศอาเซียน แอฟริกา พอเพียง และได้เผยแพร่ไปยัง ๑๖๖ ประเทศทั่วโลก เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ จากนั้นกระทรวงฯ จัดให้ อีกทั้งองค์การสหประชาชาติ ได้กำ�หนดวาระพัฒนา ดูงานภาคสนามในโครงการพระราชดำ�ริต่างๆ ภายหลังปีค.ศ.๒๐๑๕ตามกระบวนทศั น์“การพฒั นา ที่น้อมนำ�ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปปรับใช้ ที่ยั่งยืน” คือ การจัดทำ�เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) และ แต่ละประเทศมีความต้องการประยุกต์ใช้ปรัชญา ประเทศไทยได้สนับสนุนแนวทางการพัฒนา ของเศรษฐกิจพอเพียงไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับวิถีชีวิต โดยได้จัดตั้งคณะกรรมการการพัฒนาที่ยั่งยืน สภาพภูมิศาสตร์ของแต่ละประเทศ โดยได้ให้ผู้แทน ดำ�เนินการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จากประเทศเหล่านี้ได้มาดูงานในหลายระดับ ทั้งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน เจ้าหน้าที่ฝ่ายนโยบาย จนถึง สำ�หรับความสนใจจากนานาชาติต่อปรัชญาของ ระดับปลัดกระทรวง และรัฐมนตรีประจำ�กระทรวง เศรษฐกิจพอเพียงนั้นมีเป็นอย่างมากที่ต้องการ ต่างๆ
๒๙๖ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กฎหมายที่เก่ียวข้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๑. กฎหมายในภาพรวมที่เกี่ยวข้องและสนับสนุนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รัฐธรรมนูญแห่ง มีดังนี้ ราชอาณาจักรไท ย พุทธศักราช ๒๕๕๐ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ ๒. พอเพียง ได้ถูกบรรจุในส่วนที่ ๓ แนวนโยบายด้านการบริหารราชการแผ่นดิน รัฐธรรมนูญแห่ง มาตรา ๗๘ (๑) ที่กำ�หนดให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปเพื่อการพัฒนา ราชอาณาจักรไทย เศรษฐกจิ สงั คมและความมน่ั คงของประเทศอยา่ งยง่ั ยนื โดยหมวด ๕ แนวนโยบาย พุทธศักราช ๒๕๖๐ พื้นฐานแห่งรัฐ มาตรา ๘๓ และมาตรา ๘๔ กำ�หนดให้รัฐต้องส่งเสริมและสนับสนุน ๓. ให้มีการดำ�เนินการตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและคำ�นึงถึง กฎหมายว่าด้วย ผลประโยชน์ของประเทศชาติในภาพรวมเป็นสำ�คัญ งบประมาณ รายจ่ายประจำ�ปี รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ได้กำ�หนดไว้ในหมวด ๖ แนวนโยบายแห่งรัฐ มาตรา ๗๕ รัฐพึงจัดระบบเศรษฐกิจให้ประชาชนมีโอกาส ได้รับประโยชน์จากความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไปพร้อมกันอย่างทั่วถึง เป็นธรรม และยั่งยืน สามารถพึ่งพาตนเองได้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง ขจัดการผูกขาดทางเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรม และพัฒนาความสามารถ ในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประชาชนและประเทศ กฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายประจำ�ปี เป็นกฎหมายหลักที่จัดสรรเงิน งบประมาณของรัฐให้แก่หน่วยงานที่รับผิดชอบดำ�เนินการเพื่อสนับสนุนนโยบาย ของรัฐบาลด้านต่างๆ ในเรื่องการพัฒนาประเทศภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง ยทุ ธศาสตรก์ ารจดั สรรงบประมาณรายจา่ ยประจ�ำ ปงี บประมาณในแตล่ ะปี มุ่งเน้นการนำ�แนวทางของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เป็นสำ�คัญ
ป รั ช ญ า ข อ ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พ อ เ พี ย ง ๒๙๗ ข้อเสนอแนะ ครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืน สืบไป ๑. รัฐบาลโดยหน่วยงานทุกภาคส่วน ควรนำ� หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ ๓. ปลูกฝังจิตสำ�นึก นักเรียน นิสิต นักศึกษา ให้เห็นถึง ในภารกจิ หลกั ของหนว่ ยงานหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ ประโยชนจ์ ากการน�ำ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง พอเพียงมีมิติที่หลากหลายและลุ่มลึกสามารถนำ�ไป ไปใช้ในการดำ�เนินชีวิตประจำ�วันโดยอาจจะ ปรับใช้ได้ในทุกระดับและทุกสาขาในการดำ�เนินงาน สอดแทรกเนื้อหาหรือเพิ่มบทเรียนที่ในส่วนเกี่ยวข้อง กับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เข้าไว้ใน ๒. ควรมีการรณรงค์เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ไปสู่ วิชาต่างๆ ในหลักสูตรการเรียนของนักเรียน นิสิต ทุกภาคส่วนของสังคม ส่งเสริมให้ภาครัฐ ภาคธุรกิจ นักศึกษาในสถาบันการศึกษาต่างๆ พร้อมกับส่งเสริม เอกชน และภาคประชาชนทุกหมู่เหล่ามีความรู้ ให้นักเรียนทำ�กิจกรรมบนพื้นฐานของหลักปรัชญา และความเข้าใจในหลักการปรัชญาของเศรษฐกิจ ของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อให้สามารถจดจำ�หลักการ พอเพียงอย่างถ่องแท้ และนำ�เอาหลักปรัชญาของ เหล่านั้น ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำ�วัน (Learning เศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้กับการดำ�รงชีวิต by doing) ได้อย่างดียิ่งขึ้น ในทุกด้าน ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อตนเอง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348