Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore E-BOOK-วัดนครสวรรค์

E-BOOK-วัดนครสวรรค์

Description: E-BOOK-วัดนครสวรรค์

Search

Read the Text Version

กจิ กรรมสง่ เสรมิ การอา่ นออนไลน์ หวั ขอ้ ‘วดั นครสวรรค์ พระอารามหลวง’ วดั นครสวรรค์ ร่วมกบั กศน. อาเภอเมืองนครสวรรค์ และหอ้ งสมุดประชาชนจงั หวดั นครสวรรค์ จดั กจิ กรรม สง่ เสรมิ การอ่านออนไลน์ เนอ่ื งในวนั วิสาขบูชา ประจาปี งบประมาณ ๒๕๖๔ 056-222629 จดั ทาโดย หอ้ งสมุดประชาชนจงั หวดั นครสวรรค์ ห้องสมดุ ประชาชน นครสวรรค์ ตึกปรีดาฯ

วัดนครสวรรค์ เดิมมีนามว่า วัดหวั เมือง เป็ นวดั เก่าแก่มาแต่โบราณสิ่งปลูกสรา้ ง ยอ่ มชารุดทรุดโทรมไปตามสภาวการณ์แห่งเวลา แมจ้ ะไดม้ ีการบูรณะซอ่ มแซมหรือปลูก สรา้ งข้ ึนใหม่ก็คงจะเสือ่ มโทรมไปตามอายขุ ยั เมอ่ื วดั หวั เมืองมีอายุยาวนานมาจนถึงในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั อุโบสถ ศาลาการ-เปรียญ กุฎี จึงทรุด โทรมมากแทบจะใชก้ ารไมไ่ ดเ้ ลยท่ีเดียว ขณะน้ันพอดีตาแหน่งเจา้ อาวาสวดั หวั เมืองว่างลง ทางคณะสงฆจ์ ึงไดแ้ ต่งต้งั ให้ หลวงพ่อเคลือบ ซ่ึงขณะน้ันเป็ นเจา้ อาวาสอยู่ท่ีวดั หนอง กระโดน อาเภอปากน้าโพ จงั หวดั นครสวรรค์ เป็ นพระสงฆท์ ่ีมีความรูค้ วามสามารถดีมา เป็ นเจา้ อาวาสเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๔๒ ไดม้ ีการบูรณะปฏิสงั ขรณส์ ิ่งปลูกสรา้ งที่ชารุดให้ ดีข้ ึน และไดส้ รา้ งศาลาการเปรียญข้ ึนใหม่เป็ นศาลาใหม่เสาไมแ้ ก่นกลมใหญ่ พ้ ืนกระดาน หลงั คามุงกระเบ้ ืองโดยเฉพาะเสาศาลาน้ัน หลวงพอ่ พวง (พระครูนิวิฐธรรมสาร) เป็ นผูน้ ามาจากป่ าระหว่างบา้ นดงจงั หนั กบั บา้ นหนองข้ วี วั ล่องน้ามาจากบา้ นคลองลงมาถึงวดั หวั เมือง ศาลาน้ันสรา้ งเสร็จเรียบรอ้ ยใช้ การได้ ตลอดมาจนถึง พ.ศ. ๒๕๒๖ ในสมยั ท่ี พระราชสิทธิเวที เป็ นเจา้ อาวาส จงึ ไดร้ ้ ือ ถอนแลว้ สรา้ งศาลาการเปรียญศาลาข้ ึนใหม่ดงั ที่เห็นอยใู่ นปัจจุบนั น้ ี หลวงพอ่ เคลือบ เป็ น พระสงฆท์ ี่ทรงคุณวุฒิ เคยศึกษาสนธิ, นาม, ภาษาขอม (หนังสือใหญ่) เป็ นผูม้ ีความรอบรู้ ศิลปวทิ ยาการต่าง ๆ เป็ นอยา่ งดี ไดจ้ ดั การศึกษา การปกครองในวดั หวั เมืองใหเ้ จริญข้ ึน ตามสมควรแก่ยคุ สมยั

ในรชั สมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ ๕ วดั หวั เมือง หรือ วดั ศีรษะเมือง ไดเ้ ปล่ียนช่ือเป็ น “วดั นครสวรรค”์ อยา่ งเป็ น ทางการมาต้งั แต่บดั น้ันเป็ นตน้ มาเนื่องจากวดั หวั เมืองเป็ นวดั ใหญ่เป็ นวดั ประจาเมือง เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกบั ชื่อของมณฑลนครสวรรคแ์ ละจงั หวดั นครสวรรคต์ ่อไป ในปี พ.ศ. ๒๔๔๔ พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดเ้ สด็จทางชลมารค เพื่อเททองหล่อพระพุทธชินราชจาลองท่ีจงั หวดั พษิ ณุโลกไดเ้ สด็จเยย่ี มวดั นครสวรรคแ์ ละ วดั อ่นื ๆ เชน่ วดั พระปรางคเ์ หลือง วดั เขาแกว้ วดั จอมครี ีนาคพรต ซง่ึ ขณะน้ัน หลวงพอ่ ครุฑ เป็ นเจา้ อาวาสวดั จอมคีรีนาคพรตเมอ่ื พระองคท์ รงพบหลวงพ่อครุฑก็ทรงโปรดและมี พระราชดาริท่ีจะทรงยา้ ยหลวงพ่อครุฑจากวดั จอมครี ีนาคพรตใหม้ าประจาอยทู่ ่ีวดั นครสวรรค์ ซ่ึงเป็ นวดั สาคญั ในมณฑลนครสวรรค์ และในท่ีสุดหลวงพอ่ ครุฑก็ไดย้ า้ ยมา อยทู่ ่ีวดั นครสวรรค์ ขณะน้ันวดั นครสวรรคย์ งั มสี ภาพทรุดโทรมมาก แมห้ ลวงพอ่ เคลือบ จะไดส้ รา้ งศาลาการเปรียญข้ ึนแลว้ ก็ตาม แต่อุโบสถยงั ทรุดโทรมเกือบใชก้ ารไม่ไดเ้ ลย หลวงพ่อครุฑตอ้ งเหน็ดเหนื่อยจนเป็ นท่ีน่าวติ กเนื่องจากท่านชราภาพแลว้ โดยเฉพาะ หลวงพ่อครุฑเป็ นผรู้ กั งาน และสนใจในการปฏบิ ตั ิหน้าที่ เครง่ ครดั จนเป็ นท่ีเล่ืองลือกนั วา่ หลวงพอ่ ครุฑดุมาก ในขณะน้ันแมจ้ ะมีหลวงพ่อเคลือบเป็ นเจา้ อาวาสไดช้ ่วยงานพระ ศาสนาอยดู่ ว้ ยแต่หลวงพอ่ ครุฑผูม้ คี วามรบั ผิดชอบในหนา้ ที่เป็ นอยา่ งดีก็ยงั เหน็ดเหน่ือย เก่ียวกบั การสรา้ งอโุ บสถวดั นครสวรรคเ์ ป็ นอยา่ งมาก

วดั นครสวรรค์ กอ่ นที่จะเปล่ียนชือ่ จากวดั หวั เมืองมาเป็ นวดั นครสวรรคน์ ้ัน มชี อ่ื อีกช่ือหนึ่ง คอื วดั โพธิลงั การาม เหตุท่ีชอื่ โพธลิ งั การาม น้ันไดม้ ีผูน้ าตน้ โพธ์ิมาจาก ประเทศศรลี งั กามาปลูกท่ีหนา้ วดั ริมแมน่ ้าเจา้ พระยา ๔ ตน้ และมีเจดียใ์ หญ่อยูใ่ กลต้ น้ โพธ์ิน้ันปัจจบุ นั ท้งั เจดียแ์ ละตน้ โพธ์ิไมม่ ใี หเ้ หน็ แลว้ หลวงพอ่ ครฑุ เป็ นพระสงฆท์ ่ีพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๕ ทรงมีศรทั ธาเลื่อมใส ทรงพระราชทานสมณศกั ด์ิถวายใหใ้ นสมยั น้ัน การท่ีจะได้ พระราชทานสมณศกั ด์ิโดยตรงจากพระเจา้ อยหู่ วั น้ันมีน้อยมาก ในการสรา้ งอุโบสถของ หลวงพ่อครุฑ จงึ ไดร้ บั ความกรุณาจากพระเจา้ แผ่นดิน พระบรมวงศานุวงศ์ และพอ่ คา้ ประชาชนเป็ นอยา่ งดียงิ่ เชน่ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๔ สมเดจ็ พระบรมราชินีพระพนั ปี หลวง (พระองคเ์ จา้ เสาวภา ผ่องศรี ) สมเดจ็ พระบรมราชเทวี (พระองคเ์ จา้ สวา่ งวฒั นา) และสมเดจ็ พระมาตจุ ฉา (พระองคเ์ จา้ หญิงสุขมุ าลมารศรี) มเหสี ท้งั ๓ พระองคข์ อง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสด็จประพาสมณฑลฝ่ ายเหนือ ไดเ้ สด็จมา บาเพ็ญพระราชกุศลท่ีวดั นครสวรรค์ ไดพ้ ระราชทานเงนิ จานวน ๔,๐๐๐ บาท เพ่ือเป็ น ทุนในการก่อสรา้ งพระอโุ บสถหลงั ปัจจุบนั น้ ี ซ่ึงสรา้ งครอบหลงั เดิมท่ีชารุด (ปรากฏใน ศิลาจารกึ ที่เกบ็ รกั ษาไวท้ ี่วดั นครสวรรคน์ ้ ี)

....ข้อความบนศลิ าจารกึ ของ สมเด็จพระบรมราชินพี ระพนั ปีหลวง (พระองคเ์ จา้ เสาวภา ผ่องศรี ) สมเดจ็ พระบรมราชเทวี (พระองค์เจ้าสว่างวฒั นา) และ สมเดจ็ พระมาตจุ ฉา (พระองคเ์ จ้าหญงิ สุขุมาลมารศรี)….. .......สมเด็จพระบรมราชินีพระพันปีหลวง และสมเด็จพระ มาตุจฉา ได้เสด็จมาบาเพ็ญพระราชกุศลในวันพระราชสมภพและวัน สวรรคต พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ พรอ้ มด้วยพระราชธดิ า พระราชโอรส พระราชปนัดดา พระนัดดา เจ้าจอมมารดา ในรัชกาลที่ ๔ บางพระองค์บางท่านซ่ึงได้โดยเสด็จมาประพาสมณฑลฝ่ายเหนือ พ.ศ. ๒๔๕๔ นี้ ไดท้ รงบรจิ าคพระราชทรัพย์และตา่ งพากันระลึกถึงพระ เดชพระคุณได้โดยเสด็จพระราชกุศลนั้น ถวายเงินปฏิสังขรณ์พระ อาราม ซ่ึงเป็นท่ีประชุม ถือน้าพระพิพัฒน์สัตยา ณ เมืองนครสวรรค์น้ี เพือ่ เปน็ ทีร่ ะลึกในการที่เสด็จประพาส ประจวบกบั วนั พระราชสมภพ และวันสวรรคตดังท่ีกล่าวแล้วด้วยความระลึกถึงพระเดชพระคุณขอ ถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้เสด็จ เสวยสุขในทพิ าลัยสวรรค์ ให้ยงิ่ ขึ้นไป……

เม่ือ พ.ศ.๒๔๖๗ พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยูห่ วั รชั กาลที่ ๗ ได้ พระราชทานทรพั ยส์ ่วนพระองค์ เพ่ือสรา้ งอาคารพระอุโบสถเช่นกนั พระอุโบสถหลงั น้ ี สรา้ งเม่ือ พ.ศ. ๒๔๗๑ พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดพ้ ระราชทานพระบรม ฉายาลกั ษณเ์ ป็ นโลหะทองแดงขนาดใหญ่ไวเ้ ป็ นท่ีระลึกแก่วดั นครสวรรคด์ ว้ ย เกี่ยวกบั การปกครองวดั นครสวรรค์ เม่ือ พ.ศ.๒๔๔๒ ถึง พ.ศ.๒๔๔๙ หลวงพ่อ เคลือบ ทาหนา้ ท่ีปกครองมอี านาจหนา้ ที่เต็ม ต่อมาเมื่อหลวงพอ่ ครุฑยา้ ยจากวดั จอม ครี ีนาคพรต เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๔๙ จนถึงวนั มรณภาพ เม่อื วนั ที่ ๓๐ พฤศจกิ ายน ๒๔๕๙ ในช่วงเวลาน้ ี หลวงพ่อครุฑทาหนา้ ที่แทนเจา้ อาวาสตลอดเวลา สว่ นหลวงพ่อเคลือบก็ คงอยใู่ นวดั นครสวรรคเ์ พราะปรากฏจากคาบอกเล่าวา่ หลวงพ่อเคลือบเป็ นคนจดั การ ศพของหลวงพอ่ ครุฑ ต่อจากน้ันไมป่ รากฏหลกั ฐานวา่ หลวงพ่อเคลือบมรณภาพเมอ่ื ไร ท่ีไหนเท่าที่สืบคน้ ไดก้ ป็ รากฏวา่ พระครูเขมวิถีสงั ฆปาโมกข์ (สด) ดารงตาแหน่ง เจา้ อาวาสมาต้งั แต่ พ.ศ. ๒๔๕๗ ถึง พ.ศ. ๒๔๖๒ และดารงตาแหน่งเจา้ คณะจงั หวดั นครสวรรคด์ ว้ ย เหตุการณใ์ นสมยั ของหลวงพอ่ สดเป็ นเจา้ อาวาสน้ ีก็ปกครองดูแลวดั วาอารามสืบต่อ จากท่ีหลวงพอ่ ครุฑไดร้ ิเริ่มปลกู สรา้ งอาคารในวดั ไวเ้ ท่าน้ันจงึ นับไดว้ ่าในสมยั ของหลวงพอ่ ครุฑน้ันวดั นครสวรรคม์ ีความเจริญมาก จนทางราชการไดก้ าหนดเอาวดั นครสวรรค์ เป็ นวดั ที่ทางราชการใชเ้ ป็ นสถานที่ทาพิธีถือน้าพิพฒั นส์ ตั ยาของเมืองนครสวรรค์

เน่ืองจากวดั นครสวรรคเ์ ป็ นวดั เก่าแก่คู่บา้ นคู่เมือง มาต้งั แต่สมยั กรุงศรีอยุธยาเป็ น ราชธานี เป็ นวดั สาคญั ประจาเมืองพระบาง ประจามณฑลนครสวรรคแ์ ละประจาจงั หวดั นครสวรรคต์ ามลาดบั ทางคณะสงฆม์ ีความประสงคท์ ี่จะใหเ้ ป็ นสถานศึกษา หรือเป็ นศูนย์ การศึกษาทางภาคเหนือตอนล่างทางคณะสงฆส์ ว่ นกลางจึงไดส้ ่ง พระมหาหอ้ ง ชาติสิริ ป.ธ.๖ มาจดั การศึกษาวดั นครสวรรค์ เม่ือ พ.ศ. ๒๔๗๗ ซ่ึงขณะน้ันยงั เป็ นครูสอนท้งั นักธรรมและ บาลีที่สานักเรียนวดั มหาธาตุ เมื่อพระมหาหอ้ งมาอยู่วดั นครสวรรคแ์ ลว้ ก็ไดเ้ ร่ิมปรบั ปรุง การศึกษาใหม้ คี วามเจริญข้ ึนตามลาดบั นับไดว้ า่ พระมหาหอ้ งเป็ นผมู้ าจุดไฟแหง่ การศึกษาท้งั แผนกธรรมและบาลีใหล้ ุกโชติช่วงเป็ นคร้ังแรกจนมีความเจริญเป็ นสานักเรียนเป็ นศูนย์ การศึกษาและเป็ นสนามสอบท้งั นักธรรมและบาลี จนในปี พ.ศ. ๒๔๗๘ พระมหาหอ้ งไดเ้ ล่ือน ข้ ึนเป็ น พระคณาจารยโ์ ท เป็ นผชู้ ่วยเจา้ คณะจงั หวดั นครสวรรค์ และเป็ นพระอุปัชฌายใ์ นเขต จงั หวดั นครสวรรค์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ไดร้ บั สมณศกั ดิ์เป็ นพระราชาคณะท่ีพระเทพสิทธินายก และเป็ นผชู้ ่วยเจา้ คณะมณฑลอยุธยา เนื่องจากท่านเป็ นพระสงฆท์ ี่มคี วามรคู้ วามสามารถ มีจริยาวตั รน่าเลื่อมใสศรทั ธา มีความเป็ นระเบียบในการปฏิบตั ิตน จึงไดร้ บั ความเจริญใน การบริหารงานท้งั ฝ่ ายปกครองและการศึกษา กล่าวคือ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๘ เป็ นหวั หน้าคณะ วนิ ัยธรช้นั ตน้ พ.ศ. ๒๔๘๙ เป็ นผูร้ กั ษาการเจา้ คณะจงั หวดั นครสวรรคแ์ ละเป็ นเจา้ คณะตรวจ การผชู้ ่วย ภาค ๒ พ.ศ. ๒๔๙๒ เป็ นเจา้ คณะจงั หวดั นครสวรรค์ และเป็ นเจา้ คณะตรวจการ ภาค ๖ ต่อมา พ.ศ. ๒๔๙๓ ไดเ้ ล่ือนสมณศกั ด์ิเป็ นพระราชาคณะช้นั ราชในนามเดิมคือ เป็ น พระราช สิทธินายก และไดร้ บั สมณศกั ด์ิเป็ นพระราชาคณะช้นั เทพ เม่ือ พ.ศ. ๒๔๙๖ คือ พระเทพ สิทธินายก

ในดา้ นการจดั การศึกษา นอกจากวดั ใหม้ ีการเรียนการสอนแลว้ ก็ยงั ไดก้ ่อสรา้ ง อาคารโรงเรียนปริยตั ิธรรมข้ นึ ๑ หลงั เป็ นตึก ๓ ชน้ั ชื่อ โรงเรียนเทพประสิทธ์ิวทิ ยากร และสรา้ ง ศาลาเทพประสทิ ธ์ิ ข้ ึนท่ีฌาปนสถานวดั นครสวรรคน์ อกจากสรา้ งอาคารในวดั นครสวรรคแ์ ลว้ พระเทพสิทธินายกยงั ไดไ้ ปสรา้ งวดั ใหม่ข้ ึนแห่งหน่ึงที่บา้ นหนองกลับ ตาบลหนองกลบั อาเภอหนองบวั จงั หวดั นครสวรรค์ ช่ือวดั เทพสุทธาวาส ซึ่งเป็ นถิ่น มาตุภูมขิ องท่านอีกดว้ ย ในดา้ นการสง่ เสริมการศึกษา พระเทพสทิ ธินายก เป็ นผูใ้ หค้ าแนะนากบั บุคคลท่ีใฝ่ ธรรมใหจ้ ดั ต้งั พุทธสมาคมจงั หวดั นครสวรรคข์ ้ ึนท่ีวดั นครสวรรค์ โดยพระเทพสิทธินายก เป็ นผูอ้ ปุ การะและเป็ นท่ีปรึกษา พระเทพสิทธินายก เป็ นพระสงฆท์ ี่มีความรูค้ วามสามารถสูง รักงานและ รบั ผิดชอบการงานในหน้าที่เป็ นอยา่ งดี ดว้ ยเหตุน้ ีพระคุณท่านจึงตอ้ งทางานดว้ ยความ ต้งั ใจ อดทนต่อความลาบากเหน่ือยยากมาตลอดเวลาเคร่งครดั ต่อพระธรรมวนิ ัยจนเป็ น ท่ีเคารพรกั ของชาวพุทธทวั่ ไป ปฏบิ ตั ิงานมาจนถึงวนั ท่ี ๒๔ มีนาคม ๒๔๙๙ พระเทพ สิทธินายก ก็ถึงมรณภาพลงคานวณอายไุ ด้ ๖๐ ปี เศษ เม่ือพระเทพสิทธินายกมาดารงตาแหน่งเจา้ คณะจังหวดั อยู่ที่วดั นครสวรรคน์ ้ัน พระครูนิภาสธรรมคุณยงั เป็ นเจา้ อาวาสอยแู่ ต่สุขภาพไม่สูด้ ี พระเทพสิทธินายกจงึ ไดท้ า หนา้ ที่เจา้ อาวาสแทนมาโดยปริยายต้งั แต่ พ.ศ.๒๔๗๑ ถึง พ.ศ.๒๔๙๙

เม่ือพระเทพสิทธินายกมรณภาพแลว้ พระครูนิภาสธรรมคุณก็ไดท้ าหน้าที่เจา้ อาวาส ต่อมา เหตุการณใ์ นระยะน้ันก็เป็ นไปตามที่พระเทพสิทธินายกไดว้ างรากฐานไวเ้ ท่าน้ันในช่วง น้ ีพระครูนิภาสธรรมคุณเจา้ อาวาสมี พระมหาประสิทธ์ิ มิตฺ ตธมฺ โม ป.ธ.๖ ต่อมาไดร้ บั พระราชทานสมณศกั ด์ิเป็ นพระครูนิภาธรรมประสิทธ์ิ มีตาแหน่งเป็ นเผยแผ่จงั หวดั เป็ นกาลงั สาคญั ไดช้ ว่ ยเหลือเก่ียวกบั การจดั การศึกษาและการปกครองภายในวดั เป็ นอยา่ งดี เน่ืองจาก สุขภาพของพระครูนิภาสธรรมคุณไมด่ ีและในที่สุดก็ถึงมรณภาพ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๘ เม่ือพระครูนิภาสธรรมคุณ เจา้ อาวาสมรณภาพแลว้ พระครูนิภาธรรมประสิทธ์ิ (ประสิทธ์ิ มิตฺตธมฺโม ป.ธ. ๖) ก็ข้ ึนดารงตาแหน่งเจา้ อาวาส ในปี พ.ศ. ๒๕๐๘ ดารงตาแหน่ง เจา้ อาวาสเป็ นเวลาอนั ยาวนานถึง ๓๑ ปี ดารงตาแหน่งทางการปกครองคณะสงฆเ์ ช่นเป็ นเจา้ คณะอาเภอเมืองนครสวรรค์ เป็ นรองเจา้ คณะจงั หวดั นครสวรรค์ เป็ นเจา้ คณะจงั หวดั นครสวรรค์ เป็ นผูร้ กั ษาการแทนเจา้ คณะจงั หวดั นครสวรรค์ เป็ นรองเจา้ คณะภาค ๔ ไดร้ บั พระราชทานสมณศกั ด์ิ ดงั น้ ี พระครูนิภาธรรมประสิทธ์ิ พระสิทธธรรมเวที พระราชสิทธิเวที และพระเทพญาณโมลี ตามลาดบั เม่ือวนั ที่ ๒๘ ธนั วาคม ๒๕๓๙ พระเทพญาณโมลี รองเจา้ คณะภาค๔ เจา้ อาวาสวดั นครสวรรค์ พระ อารามหลวง ไดถ้ ึงแก่มรณภาพ พระราชปริยตั ิ (สฤษด์ิ สิริธโร ป.ธ.๙ กศ.ม.) ไดด้ ารง ตาแหน่งเจา้ อาวาสวดั นครสวรรค์ พระอารามหลวง สืบต่อมาและไดบ้ ริหารวดั ให้ เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้ามาโดยลาดับ มุ่งพัฒนาการศึกษาพระภิกษุสามเณรใหม้ ีความรู้ ความสามารถด้านการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรม -บาลีและการศึกษาใน ระดบั อุดมศึกษา

พระพุทธรูปสำคัญ ในบริเวณวดั นครสวรรค์ หนา้ พระอโุ บสถ มีเจดียเ์ ก่า ๓ องค์ ๒ องค์ องคแ์ รกสูง ๗ เมตร อีก ๑ องค์ สูง ๕ เมตร เจดียเ์ ก่าทง้ั ๓ องคน์ ้ ี ยงั ไม่คน้ พบว่าสรา้ งมาแต่ เมื่อไรและใครเป็ นผสู้ รา้ ง ต่อมาเมื่อเวลาผ่านมาอนั ยาวนาน อุโบสถชารุดทรุดโทรมส่ิงปลูกสรา้ งบนหลงั คา อุโบสถหกั พงั ลงมาทบั หลวงพอ่ ศรีสวรรคช์ ารุดมา เมื่อมีการซ่อมแซมอุโบสถก็ไดม้ ีการบรู ณะ องค์หลวงพ่อศรีสวรรค์ข้ ึนมาใหป้ ระชาชนเคารพกราบไหวไ้ ดแ้ ละไดม้ ีการซ่อมแซมอุโบสถ และหลวงพอ่ ศรีสวรรคก์ นั เร่ือยมาตามกาลสมยั ต่อมาเมื่อปี ใดไมป่ รากฏไดม้ ีการซอ่ มแซมอุโบสถคร้งั ใหญ่ และมกี ารหลอ่ พระประธาน โดยเอาทองเหลือง จากองคห์ ลวงพ่อศรีสวรรคอ์ งคเ์ ก่า ถึงในสมยั รตั น์โกสินทร์ ซ่ึงสืบคน้ ได้ เคา้ มาบา้ งวา่ อุโบสถชารุดทรุดโทรมมากในรชั สมยั พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ ๕ ไดเ้ สด็จ พระพาสเททองเมอื งพิษณุโลก เพ่อื เททองหล่อพระพุทธชินราชจาลองที่ วดั มหาธาตุ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๔ พระองคไ์ ดท้ รงเสด็จเยีย่ มเมืองนครสวรรค์ และทรงพระ กรุณาโปรดเกลา้ ใหย้ า้ ยหลวงพอ่ ครุฑ ซึ่งเป็ นเจา้ คณะจงั หวดั นครสวรรคอ์ ยทู่ ่ีวดั จอมคีรีนาค พรตใหม้ าอยวู่ ดั หวั เมือง ในคร้นั น้ันวดั หวั เมืองทรุดโทรมมากอุโบสถถูกพายุพดั อยา่ งแรง ทา ใหผ้ นังโบสถซ์ ึ่งสรา้ งมานานแลว้ พงั ทบั พระประธานในโบสถ์ หลงั คาโบสถห์ กั พงั ลงมาทบั องค์ พระประธาน ชารุดเสียหายมาก เม่ือระหวา่ ง พ.ศ. ๒๔๖๕ - ๒๔๗๐ ไดม้ ีการซ่อมแซม อุโบสถและหลวงพ่อศรีสวรรคค์ ร้งั ใหญ่ท่ีสุดโดยประชาชนบริจาคทองเหลือง ทองแดงและ ทองคา (ปัจจุบนั ยงั มีทองคาอยทู่ ี่เกศ) หล่อหลอมใหอ้ งคพ์ ระมีขนาดใหญ่กว่าเดิมหน้าตัก กวา้ ง ๒.๕๐ เมตร ในขณะท่ีเททองอยนู่ ้ัน พอตกเยน็ ใกลค้ า่ ไดเ้ กิดมีแสงพุง่ ออกจากองคพ์ ระ มีลาแสงเป็ นสีต่างกนั ถึง ๖ สี คือ

พระพุทธรูปสำคัญ ๑. นิล (เขียวเหมือนดอกอญั ชนั ) ๒. ปี ต (เหลืองเหมือนหรดาลทอง) ๓. โลหติ (แดงเหมือนตะวนั ออ่ น) ๔. โอทาต (ขาวเหมือนแผ่นเงิน) ๕. มญั เชฐ (สีหงสบาทเหมือนดอกเซ่งหรือหงอนไก่) ๖. ประภสั สร (เล่ือมพรายเหมือนแกว้ ผนึก) หรือเรียกวา่ ฉพั พรรณรงั สี ก็แปลวา่ รศั มี ๖ ประการ เป็ นอศั จรรยย์ งิ่ นอกจากน้ ีเวลากลางคืน ยามดึกสงดั ประชาชนท่ีมีบา้ นเรือนอยใู่ กลบ้ ริเวณของวดั จะไดย้ นิ เสียงพณิ พาทย์ ป่ี กลอง ดงั ออกมาจาก อุโบสถอยบู่ ่อย ๆ แมใ้ นขณะน้ ีบางคร้งั ก็ดเู หมือนจะมีแสงออกจากองคห์ ลวงพอ่ ศรีสวรรค์ พระราชสิทธิเวที อดีตเจา้ อาวาสและเจา้ คณะจงั หวดั นครสวรรค์ ก็เคยเหน็ จากอภินิหารดงั กล่าวจึงมีขา้ ราชการ พ่อคา้ ประชาชน มีความเชื่อถือศรทั ธาไดม้ าเคารพกราบ ไหวก้ นั อยตู่ ลอดเวลา และผูท้ ี่เคารพกราบไหวน้ ้ันก็มกั จะเป็ นผูม้ ีโชคลาภ ต่อมาในระยะหลงั ๆ น้ ี ผูใ้ ดมี ความทุกขค์ วามเดือดรอ้ นก็จะนาเครื่องสกั การะมาถวายและบริจาคทรพั ยก์ ันในพระอุโบสถ และมีการ บนบานกนั อยู่เสมอ จะเห็นไดก้ ารมีละครแกบ้ นฉลองกนั เกือบไม่เวน้ แต่ละวนั ดว้ ยความเลื่อมใสใน ศรทั ธาในความศกั ด์ิสิทธ์ิของหลวงพ่อศรีสวรรคช์ ่ือเสียงของหลวงพ่อศรีสวรรคจ์ ึงโด่งดงั ไปทวั่ ประเทศ มีผู้ แสวงหาพุทธรูปบูชา และวตั ถุมงคลของหลวงพ่อศรีสวรรค์เอาไวเ้ คารพบูชากราบไหวป้ ระจาตวั และ ประจาบา้ นเพ่ือเป็ นสิริมงคล และเป็ นที่พึ่งทางใจในยามตกทุกขไ์ ดย้ ากเป็ นอยา่ งดียิง่ ขา้ ราชการที่ยา้ ย มาอยู่จงั หวดั นครสวรรค์หรือบุคคลท่ีมาเยี่ยมเยือนเมืองสวรรคน์ ้ันมักจะถือเป็ นเร่ืองสาคญั ในการไป นมสั การหลวงพอ่ ศรีสวรรคเ์ ป็ นประการแรก เพื่อเป็ นการบอกกล่าวและขอที่พ่ึงบารมีของหลวงพ่อศรี สวรรคเ์ พ่อื ความเป็ นมงคล และคุม้ ครองภยนั ตรายท้งั ปวงดว้ ย

หลวงพ่อศรีสวรรค์ พระประธานในพระอุโบสถ ขนาดพระเพลากวา้ ง 2.50 เมตร สรา้ งดว้ ยทองเหลือง มีพระนามเรียกกนั วา่ “หลวงพอ่ ศรีสวรรค”์ พระพุทธรปู ใหญ่ 2 องคใ์ นพระ วหิ าร เรียกวา่ “พระผใู้ หอ้ ภยั ” พระพุทธรูปอ่ืนอีก 2 องคใ์ นพระวหิ าร พระพทุ ธรปู เน้ ือสาริดสมยั สุโขทยั ปาง มารวชิ ยั อยทู่ ่ีกุฏิเจา้ อาวาสจานวน 4 องค์ พระเจดียเ์ ก่า อยดู่ า้ นหนา้ พระอุโบสถ 3 องค์ พระปรางคซ์ ึ่งปรกั หกั พงั มีเพยี งซากและรากฐานปรากฏอยู่ ทางราชการไดเ้ คยใชส้ ถานที่วดั น้ ีประกอบพธิ ีถือน้า พิพฒั น์สตั ยา (มีศิลาจารกึ เป็ นหลกั ฐาน) เป็ นท่ีพานัก อยจู่ าพรรษาของเจา้ คณะจงั หวดั เป็ นสถานที่ใชส้ อบ ธรรมและบาลีสนามหลวงตลอดมา เม่ือ พ.ศ. 2203 ชาวบา้ นไดพ้ บชา้ งเผือก 1 เชือก ท่ีเมืองนครสวรรคไ์ ด้ ประกอบพิธีทางศาสนาที่วดั น้ ี แลว้ นาถวายสมเด็จพระ นารายณม์ หาราชท่ีเมืองลพบุรี ซึ่งไดพ้ ระราชทานนาม วา่ “เจา้ พระยาบรมคเชนทรฉทั ทนั ต”์ จึงนับวา่ เป็ นวดั คบู่ า้ นคูเ่ มืองมาแต่โบราณกาล

พระพุทธรูปใหญ่หันหลังให้กัน (หลวงพ่อสองพี่น้อง) เดิมอยใู่ นวหิ ารหลงั เกา่ ๒ องค์ ขนาดหน้า ตกั กวา้ ง ๓.๕๐ เมตร เมื่อพจิ ารณาถึงรปู ทรงของ พระพทุ ธรูปและอิฐที่สรา้ งวหิ ารน้ัน เป็ นของเกา่ ต้งั แตส่ มยั กรุงศรีอยุธยา พระพทุ ธรูปในวหิ ารหลงั เก่าน้ันมีดว้ ยกนั ท้งั หมด ๑๐ องค์ มขี นาดเล็กลงมา ตามลาดบั วหิ ารหลงั เก่า ฐานและฝาผนังกอ่ อิฐถือ ปนู เคร่ืองบนเป็ นไมเ้ น้ ือแข็งมุงกระเบ้ ืองสีแดง เนื่องจากสรา้ งมาเป็ นเวลานาน ส่ิงปลกู สรา้ ง ชารุดหกั พงั ไปแลว้ หลายคร้งั หลงั คาทางทิศเหนือ ท่ีมุงบงั พระพทุ ธรูปองคใ์ หญ่ ๒ องคน์ ้ัน หกั พงั หลงั คาเปิ ด คงเหลือแต่ดา้ นหน้าทางถนน โกสียจ์ ะร้ ือสรา้ งใหมก่ เ็ กิดมีฟ้าผ่าข้ ึนหลายคร้งั จนเป็ นท่ีเกรงกลวั กนั วา่ ถา้ กอ่ สรา้ งใหมจ่ ะเกิด อนั ตราย สาเหตุที่สรา้ งพระพทุ ธรูปหนั หลงั ใหก้ นั น้ันยงั ไมพ่ บหลกั ฐานท่ีแน่นอนก็ไดแ้ ต่มีการบอก เลา่ สืบต่อกนั มาเท่าน้ันจุดประสงคท์ ่ีแทจ้ ริงเขา้ ใจวา่ สรา้ งเพอ่ื เป็ นศิริมงคลและปกปักรกั ษา บา้ นเมอื งในทุกทิศทุกดา้ นจงึ สรา้ งไวใ้ นลกั ษณะน้ ี

พระพุทธรูปปำงสุโขทัย พระพุทธรูปปางสุโขทยั จานวน ๔ องค์ มีช่ือ ดงั น้ ี ๑. วรญั ญูสุโขทยั ๒. ชยั ฤทธ์ิมงคล ๓. ทศพลมุนินทร์ ๔. ชินณรงคม์ ุนี สาหรบั พระชินณรงคม์ ุนี องคท์ ่ี ๔ น้ัน ถอดออกเป็ นเป็ นช้ ินส่วนไดม้ ีหลวงหาญสงคราม นาทพั จากค่ายทหารจิรประวตั ิไปรบที่เมืองเชียงตุง หลงั สงครามโลกคร้งั ที่ ๒ ไดพ้ บพระพุทธรูป ปางสุโขทยั แลว้ ไดน้ ามาถวายพระเทพสิทธินายกเจา้ คณะจงั หวดั นครสวรรค์ ไดป้ ระดิษฐานไวท้ ี่วดั นครสวรรค์ คร้งั น้ันไดม้ ีการฉลองกนั เป็ นงานใหญ่ ปัจจุบนั น้ ีทายาทของหลวงพอ่ หาญสงครามจะ มานมสั การทุกปี เพราะถือวา่ เป็ นพระพุทธรปู ประจาตระกูลดว้ ยความเลื่อมใสศรทั ธาเป็ นอยา่ งยงิ่ พระพุทธรูปท้งั ๔ องคน์ ้ ี เก็บรกั ษาไวท้ ่ีกุฎิของเจา้ อาวาสวดั นครสวรรคเ์ มื่อถึงเทศกาล ลอยกระทงทุกปี ทางวดั จะนาเอาพระพุทธรูปท้งั ๔ องค์ มาต้งั ไวใ้ นบริเวณงานลอยกระทง เพอ่ื ใหป้ ระชาชนไดม้ โี อกาสเคารพกราบไหวพ้ ระพุทธรูปสาคญั ของวดั ทุกปี

พระพุทธคันธำรรำฐ (จำลองของรัชกำลท่ี ๑) ดว้ ย พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ภูมิพลอดุลยเดช (รชั กาลท่ี ๙) ไดม้ พี ระบรมราชานุญาต ให้ ดร.แสวง และ คุณหญิงสมจติ ร กุลทองคา สรา้ งข้ ึนจานวน ๙ องค์ เม่อื วนั ท่ี ๕ สิงหาคม ๒๕๒๗ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ วดั เบญจมบพติ รเจา้ คณะใหญ่หนเหนือไดท้ รงมาใหป้ ระจาทาง ภาคเหนือ ๑ องค์ โดยถวายมาใหเ้ ป็ นพระพทุ ธรปู สาคญั ประจาวดั นครสวรรค์ เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๓ ไดม้ ีญาติพ่ีน้องของพระเทพญาณโมลี (สมยั ดารงสมณศกั ด์ิเป็ นพระราชสิทธิ เวที) ท่ีตาบลวงั เกรด อาเภอบางมลู นาก มาปรารภกบั พระเทพญาณโมลีวา่ ปี น้ ีฝนแลง้ มากไมม่ ี ฝนตกเลย ขา้ วกลา้ ที่หวา่ นไวก้ ็ตายหมด ไดร้ บั ความเดือดรอ้ นมากไม่ทราบวา่ จะแกไ้ ขไดอ้ ยา่ งไร พระเทพญาณโมลี ไดแ้ นะนาวา่ ใหอ้ าราธนาพระพทุ ธคนั ธารราฐไปทาพิธีขอฝน ญาติโยมก็ดีใจพา กันยกขบวนมารับพระที่วัดนครสวรรค์ไป และได้นิมนต์พระมาสวดทาพิธีขอฝนต่อหน้า พระพุทธรูป หลงั จากน้ันไมน่ านฝนก็ตกเป็ นการใหญ่ ตกอยหู่ ลายวนั ติดต่อกนั จนน้าฝนท่วมทุ่งนา น้าเจิ่งนองไปทวั่ ตาบลฝนก็ยงั ไม่หยุดตก ชาวบา้ นวงั กรดตอ้ งอาราธนาพระพุทธคนั ธารราฐมาส่ง วดั นครสวรรคต์ ามเดิม

ลำดับเจ้ำอำวำส ๑. พระปลดั นารถ ๒. พระปลดั เคลือบ ๓. พระครสู วรรคว์ ถิ ีสังฆปาโมกข์ (ครฑุ ) ๔. พระสมหุ น์ ิ่ม ๕. พระครูเขมวถิ สี ังฆปาโมกข์ (สด) ๖. พระสมุหป์ ลงั่ ๗. พระอาจารยห์ ยบิ ๘. พระใบฎีกาอ๋นั ๙. พระครนู ภิ าสธรรมคณุ (บญุ เกดิ จนทฺ สาโร ป.ธ.๓ ) ๑๐. พระเทพญาณโมลี ( ประสทิ ธิ์ มิตฺตธมโฺ ม ป.ธ.๖ ) ๑๑. พระเทพปรยิ ัติเมธี (สฤษด์ิ สริ ธิ โร ป.ธ. ๙, กศ.ม., Ph.D.) รปู ปัจจบุ นั

พระเทพปริยัติเมธี  การศกึ ษา  พระเทพปรยิ ตั เิ มธี พระราชปริยตั ิ ฉายา สิริธโร นามสกุล ประธาตุ อายุ ๔๘ ปี พรรษา ๒๘ วิทยฐานะ ป.ธ.๙, ๑. พ.ศ. ๒๕๓๒ กศ.ม, Ph.D. ๒. พ.ศ.๒๕๔๓ ๓. พ.ศ. ๒๕๔๙  บรรพชา วนั ที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๑๔ ณ วดั หว้ ยร่วม ตาบลหว้ ยรว่ ม อาเภอหนองบวั จงั หวดั นครสวรรค์  สมณศกั ด์ิ โดยมพี ระครูนิรุติธรรมธร เป็ นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ. ๒๕๓๒ พ.ศ. ๒๕๓๙  อปุ สมบท เม่อื วนั ท่ี ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๑ ณ วดั หว้ ย รว่ ม ตาบลหว้ ยรว่ ม อาเภอหนองบวั จงั หวดั นครสวรรค์ โดยมี พ.ศ. ๒๕๔๕ พระครูนิรุติธรรมธร วดั หว้ ยร่วม เป็ นพระอุปัชฌาย์  ปัจจุบนั ดารงตาแหน่ง ๑. เจา้ อาวาสวดั นครสวรรค์ พระอารามหลวง ๒. เจา้ คณะจงั หวดั นครสวรรค์ ๓. ผูอ้ านวยการวทิ ยาลยั สงฆน์ ครสวรรค์ สอบไดเ้ ปรียญธรรม ๙ ประโยค สานักเรียนวดั ราชบุรณะราชวรวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร สาเร็จการศึกษามหาบณั ฑิต สาขาการบริหารการศึกษา จากมหาวิทยาลยั นเรศวร สาเร็จการศึกษาดุษฎีบณั ฑิต สาขาวชิ าพระพุทธศาสนา จากมหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั ( Buddhist Studies D0ctor of Philosophy) ไดร้ บั พระราชทานปริญญาบตั ร - พดั ยศ เปรียญธรรม ๙ ประโยค ไดร้ บั พระราชทานสมณศกั ด์ิเป็ นพระราชาคณะชน้ั สามญั ในราชทินนาม ที่ พระศรีวิสุทธิคุณ ในพระราชพิธีกาญจนาภิเษก ๕๐ ปี ครองราชย์ ๑๐ มถิ ุนายน ๒๕๓๙ ไดร้ บั พระราชทานสมณศกั ด์ิ เป็ นพระราชาคณะชน้ั ราช ในราชทินามท่ี พระราชปรยิ ตั ิ

เกียรติประวัติวัดนครสวรรค์ วัดนครสวรรค์ เป็ นวดั ท่ีเก่าแก่มาแต่โบราณ ไดร้ บั พระราชทานวิสุงคามสีมา เม่ือ พ.ศ. ๑๙๗๒ ตรงกบั รชั สมยั ของสมเด็จพระบรมราชาธิราชท่ี ๒ (พระเจา้ สามพระยา) จึงนับไดว้ ่ามีโบราณสถาน โบราณวตั ถุท่ีควรแกก่ ารศึกษา เป็ นวดั ท่ีมีพระพุทธรูปศกั ด์ิสทิ ธ์ิ หลวงพอ่ ศรสี วรรค์ (พระพุทธศรีสวรรค)์ เป็ นพระประธานใน พระอุโบสถมีพุทธลกั ษณะงดงาม เป็ นสง่าราศีของวดั นครสวรรคแ์ ละพทุ ธศานิกชนชาวนครสวรรค์ เมื่อ พ.ศ. ๒๒๐๓ ในรชั สมยั ของสมเด็จพระนารายณม์ หาราช ชาวจงั หวดั นครสวรรคจ์ บั ชา้ งเผือกได้ ๑ เชอื ก ไดท้ าพธิ ีสงฆข์ ้ นึ ที่วดั นครสวรรคแ์ ลว้ นาไปทูลเกลา้ ถวายพระนารายณม์ หาราชท่ีกรุงศรีอยุธยา วดั นครสวรรค์ ทางราชการถือเอาเป็ นวดั ที่ทาพธิ ีนาพพิ ฒั สตั ยา พ.ศ. ๒๔๔๔ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ ๕ เสด็จทางชลมารคเพ่ือ เททอง หลอ่ พระพุทธชนิ ราชจาลองที่จงั หวดั พษิ ณุโลกไดเ้ สด็จเยย่ี มวดั นครสวรรคด์ ว้ ย พ.ศ. ๒๔๕๔ สมเด็จพระบรมราชินีพระพนั ปี หลวงและพระมาตุจฉาเสด็จประพาสมลฑลฝ่ ายเหนือ ไดเ้ สด็จมาบาเพ็ญกุสลท่ีวดั นครสวรรค์ แลว้ ไดพ้ ระราชทานเงินจานวน ๔,๐๐๐ บาท เพ่ือเป็ นทุนสรา้ ง อาคารพระอุโบสถ (มีหลกั ฐานเป็ นศิลาจารึกอยทู่ ่ีวดั ) พ.ศ. ๒๔๕๖ สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสงั ฆราชองคท์ ี่ ๑๐ เสด็จตรวจการคณะสงฆไ์ ดเ้ สด็จเยยี่ มหลวงพอ่ ครุฑซึ่งเคยคุน้ เคยกนั มากอ่ น พ.ศ. ๒๔๕๗ สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส ทรงพระราชทานเงิน ๔๐๐ บาท เพ่ือร่วมสรา้ งอาคารพระอุโบสถหลงั ปัจจุบนั และในปลายปี ทรงเสด็จมาในงานศพหลวงพอ่ ครุฑดว้ ย (หลวงพอ่ ครุฑมรณภาพวนั ที่ ๓๐ พฤศจกิ ายน ๒๔๕๗) พ.ศ. ๒๔๖๗ พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ ๗ ไดพ้ ระราชทานทรพั ยส์ ว่ นพระองค์ เพอ่ื สรา้ งอาคารพระอุโบสถหลงั ปัจจุบนั น้ ีและไดพ้ ระราชทานพระบรมฉายาลกั ษณเ์ ป็ นโลหะ ทองแดงขนาด ใหญ่ไวเ้ ป็ นท่ีระลึกดว้ ย (สรา้ งเสร็จเม่ือ พ.ศ. ๒๔๗๑)

เกียรติประวัติวัดนครสวรรค์ พ.ศ. ๒๕๑๕ สมเด็จพระภคินีเธอ เจา้ ฟ้าเพชรรตั นราชสุดาสิริโสภาพณั ณวดี ทรงพระราชทานพระ กฐินมาถวายท่ีวดั นครสวรรค์ สมเดจ็ พระอรยิ วงศาคตญาณ (วาสนมหาเถระ) สมเดจ็ พระสงั ฆราชองคท์ ่ี ๑๘ ไดเ้ สด็จประทบั แรมท่ีวดั นครสวรรค์ ๓ คร้งั คือเมื่อวนั ท่ี ๒๑ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๒๒ วนั ที่ ๒๔ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๒๓ และ วนั ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๒๗ นายเสน่ห์ วฑั ฒนาธร รองปลดั กระทรวงมหาดไทยไดเ้ สนอเร่ืองขอพระราชทานพระบรมราช อนุญาต สถาปนาวดั นครสวรรค์ เป็ นพระอารามหลวง เมื่อวนั ที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๒๘ พ.ศ. ๒๕๓๔ พระองคเ์ จา้ โสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พรอ้ มดว้ ยพระเจา้ หลานเธอ พระองค์ เจา้ พชั รกิติยาภา ไดเ้ สด็จเยยี่ มวดั นครสวรรค์ และทรงปลกู ตน้ สาละขา้ งพระอุโบสถ เพ่ือเป็ นท่ีระลึก ๑ ตน้ พ.ศ. ๒๕๓๔ พระวรวงศเ์ ธอพระองคเ์ จา้ โสมสวลี ฯ เสด็จพรอ้ มดว้ ยพระเจา้ หลายเธอพระองคเ์ จา้ พชั รกิตติยาภา ถวายเคร่ืองอฐั บริขารและเงินบารุงพระอาราม ๕,๐๐๐ บาท และทรงปลกู ตน้ สาละ พ.ศ. ๒๕๓๔ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมงกุฏราชกุมารเสด็จพระราชทานพระพุทธรปู พุทธว ราชบพติ ร ไดเ้ ขา้ นมสั การพระราชสิทธิเวที อดีตเจา้ อาวาสวดั นครสวรรค์ ท่ีสนามกีฬากลางจงั หวดั นครสวรรค์ พ.ศ. ๒๕๓๔ พระราชสิทธิเวที เจา้ อาวาสวดั นครสวรรค์ และเจา้ คณะจงั หวดั นครสวรรค์ เป็ น ผูแ้ ทนพระองคฯ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี วางศิลาฤกษ์หอ้ งสมุดเฉลิมราชกุมารี ที่อาเภอตาคลีจงั หวดั นครสวรรค์ และในการหาเงินสรา้ งหอ้ งสมุดคร้งั น้ ี พระราชสิทธิเวทีไดร้ บั พระราชทาน โล่จากสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ พระที่นัง่ ดุสิตมหาปราสาทดว้ ย พ.ศ. ๒๕๓๕ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ไดเ้ สด็จมาทรงนมสั การหลวง พอ่ ศรีสวรรค์ (พระพทุ ธศรีสวรรค)์ ทรงเยย่ี มพสกนิกร และทรงปลกู ตน้ สาละขา้ งพระอุโบสถ วดั นครสวรรค์ ๑ ตน้ ซึ่งปัจจุบนั น้ ีตน้ สาละดงั กลา่ วเจริญงอกงาม เป็ นศรีสงา่ แกว่ ดั จนบดั น้ ี พ.ศ. ๒๕๔๒ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ไดเ้ สด็จพระราชดาเนินทรงยก ฉตั รหลวง หลวงพอ่ ศรีสวรรค์ (พระพุทธศรีสวรรค)์ ณ พระอุโบสถวดั นครสวรรค์



แหล่งท่ีมำของข้อมูล ขอขอบคณุ ขอ้ มลู จาก : วดั นครสวรรค์ พระอารามหลวง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook