วิวฒั นาการของการศึกษาไทย วิสยั ทศั น์ และแผนพฒั นาการศึกษาไทย
ตอนท่ี 1 ความเป็ นมาของการศึกษาไทยโดยสงั เขป ประวตั ิของการศึกษาไทยแบ่งเป็ น 4 สมยั ดงั น้ี 1.การศึกษาของไทยสมยั โบราณ 2.การศึกษาของไทยสมยั ปฏริ ปู การศึกษา 3.การศึกษาของไทยสมยั เปลี่ยนแปลงการปกครอง 4.การศึกษาของไทยสมยั พฒั นาการศึกษา
1.การศึกษาของไทยสมยั โบราณ พ.ศ. 1800-2411 สมยั สโุ ขทยั ( พ่อขนุ รามคาแหง พ.ศ.1800-1981) • สภาวะประเทศ – สงบสขุ มีความเจรญิ รง่ ุ เรอื ง • สภาวะผนู้ า – ใหก้ ารสนบั สนนุ ดา้ นการศาสนาและ ดา้ นการรหู้ นงั สือ • การศึกษา • สถานที่สอน – วดั สานกั ราชบณั ฑิต • ผสู้ อน – พระ พราหมณ์ กษตั รยิ ์ • ผเู้ รยี น – ประชาชนทวั่ ไป บตุ รหลานขนุ นาง ขา้ ราชการ • การจดั การเรยี นการสอน – ไมม่ ีการจดั หอ้ งเรยี น ใครใครเ่ รยี นเรยี น ใครใคร่ สอนสอน ไมม่ ีสื่อการสอน ไมม่ ีแบบเรยี น สอนแบบสะกดคา อ่าน ท่องจา เลา่ ปากต่อปาก • วิชาท่ีสอน – ธรรมะ ศาสตรด์ า้ นอาวธุ เวชกรรม วิชาชา่ ง การเรอื น • หลกั ฐานทางการศึกษา – ศิลาจารกึ ไตรภมู ิพระรว่ ง
สมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา ( ยคุ ทองของวรรณคดี พระบรมไตรโลกนาถ-พระนารายณ์ พ.ศ.1893 – 2310) สภาวะประเทศ – มีความเจรญิ รง่ ุ เรอื ง สลบั กบั สงคราม สภาวะผนู้ า – ใหก้ ารสนบั สนนุ ดา้ นการศาสนาและดา้ นวรรณคดี การศึกษา สถานท่ีสอน – วดั ราชวงั สานกั ราชบณั ฑิต โรงเรยี นสอนศาสนามิชนั นารี ผสู้ อน – พระ พวกมิชชนั นารี ผเู้ รยี น – ประชาชนทว่ั ไป บตุ รหลานขนุ นาง ขา้ ราชการ การจดั การเรยี นการสอน – ตามแต่สมคั รใจเรยี น สื่อการสอนหนงั สอื จินดามณี สอนแบบอ่านเขียน ท่องจา การสอนเชิงปฏิบตั ิ เชน่ การหลอ่ ปื นใหญ่ การใชป้ ื นไฟ การสรา้ งป้ อมคา่ ย การทาขนมฝรงั่ วิชาท่ีสอน – ธรรมะ การแต่งโคลงกลอน ครสิ ตศ์ าสนา การเรอื น ภาษาไทย บาลี เขมร ฝรงั่ เศส หลกั ฐานทางการศึกษา – พระไตรปิ ฎก มหาชาติคาหลวง กาสรวลศรปี ราชญ์ อนิรทุ ธค์ าฉนั ท์ เป็ นตน้
สมยั กรงุ ธนบรุ ี (พระเจา้ ตากสนิ พ.ศ. 2310-2325) • สภาวะประเทศ – ทรดุ โทรมมากหลงั จากเสียกรงุ อยใู่ นช่วงเตรยี มพรอ้ ม สาหรบั การทาสงคราม • สภาวะผนู้ า – บรู ณะศาสนสถาน ฟ้ื นฟดู า้ นการศาสนาและศิลปการแสดง • การศึกษา • สถานท่ีสอน – วดั ราชสานกั • ผสู้ อน – พระ ศิลปิ นสาขาต่างๆ เท่าที่หลงเหลอื • ผเู้ รยี น – ประชาชนทวั่ ไป บตุ รหลานขนุ นาง ขา้ ราชการ • การจดั การเรยี นการสอน – ไมเ่ นน้ ดา้ นการรหู้ นงั สือ แต่เนน้ ดา้ น ศิลปะการแสดง • วิชาท่ีสอน – ธรรมะ การแต่งโคลงกลอน นาฏศิลป์ การพลศึกษา การฝึ กอาวธุ • หลกั ฐานทางการศึกษา – ตาราเท่าที่เหลือ รามเกยี รต์ิบางตอน อิเหนาคาฉนั ท์
สมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ ( รชั กาลท่ี 1-4 พ.ศ. 2325-2411) สภาวะประเทศ – ยคุ เรมิ่ ฟ้ื นฟู สภาวะผนู้ า – ฟ้ื นฟดู า้ นการศาสนา วรรณคดี ศิลปวฒั นธรรม และการศึกษา การศึกษา สถานที่สอน – วดั ราชสานกั สานกั ราชบณั ฑิต โรงเรยี นชาย ผสู้ อน – พระ ครตู ่างประเทศ ผเู้ รยี น – ศิษยว์ ดั ประชาชนทวั่ ไป บตุ รหลานขนุ นาง ขา้ ราชการ การจดั การเรยี นการสอน – เรยี นตามความสมคั รใจ ยงั ไมม่ ีการแบ่งชน้ั เรยี น แนน่ อนนอกจากแบ่งเป็ นชน้ั 1 เรยี น ก ข นโม ประถม ก กา ชนั้ 2 เรยี น อ่าน แบบเรยี นจินดามณี ชน้ั 3 เรยี นเลขเบ้ืองตน้ เรม่ิ ใช้ กระดานชนวน ดินสอหิน ดินสอพอง ไมบ้ รรทดั ท่ีรองหนงั สอื วิชาท่ีสอน – การอ่านหนงั สอื เลข การกวี หลกั ฐานทางการศึกษา – ศิลาจารกึ สรรพวิทยาการต่างท่ีวดั พระเชตพุ น ให้ บคุ คลทว่ั ไปไดเ้ รยี นดว้ ยตนเอง วรรณคดีท่ีสาคญั - สามกก๊ ราชาธิราช สงั ขท์ อง พระอภยั มณี อิเหนา พระ มะเหลเถไถ ฯลฯ
สรปุ การศึกษาของไทยสมยั โบราณ 1. ยดึ หลกั ปรชั ญาจิตนิยม ที่ เนน้ พฒั นาการดา้ นจิตใจ เนน้ การเขา้ ใจชีวิตสง่ เสรมิ คณุ ธรรมศีลธรรม ศิลปะ ผลิตคนใหเ้ ป็ นนกั อกั ษรศาสตร์ และศิลปศาสตร์ เป็ นผรู้ อบ รู้ 2. สภาวะประเทศ เจรญิ รง่ ุ เรอื งสลบั กบั ชว่ งขยายอาณานิคมมีการทาศึกสงคราม 3. วดั และรฐั เป็ นศนู ยก์ ลางประชาคม เป็ นสถานท่ีสอน และประกอบพิธีทางศาสนา 4. ผนู้ าของประเทศเนน้ การทานบุ ารงุ ดา้ นการศาสนา และวรรณคดี มากกว่าดา้ น การศึกษา 5. การจดั การเรยี นการสอน เป็ นไปดว้ ยความสมคั รใจไมม่ ีการบงั คบั ไมม่ ีคา่ จา้ ง สาหรบั ผสู้ อน ไมม่ ีการแบ่งชน้ั เรยี นที่ชดั เจน สอนแบบอ่าน ท่องจา เลา่ ปากต่อปาก มีเขียนบาง ส่อื การสอนมี แบบเรยี นจินดามณีเป็ นหลกั วิชาท่ีสอน เนน้ ธรรมะ ศาสตรด์ า้ นอาวธุ การแต่งโคลงกลอน และการอ่านหนงั สอื วิชาการปฏบิ ตั ิ เช่น วิชา ช่างต่าง ๆ การฝึ กอาวธุ การหลอ่ ปื นใหญ่ การสรา้ งป้ อมปราการ เป็ นตน้ 6. การศึกษาของสตรไี มไ่ ดร้ บั การสนบั สนนุ นอกจากเรยี นการเรอื นท่ีบา้ น หรือใน ราชสานกั
2. การศึกษาไทยสมยั ปฏิรปู การศึกษา ( พ.ศ. 2412-2474) สมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนปลาย ( รชั กาลท่ี 5-7 ) • สมยั รชั กาลที่ 5 (พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ) • สภาวะประเทศ – ยคุ การคกุ คามของจกั รวรรดินิยมตะวนั ตก • สภาวะผนู้ า – ปฏิรปู ประเทศในทกุ ดา้ นโดยเฉพาะดา้ นการศึกษาซ่ึงไดร้ บั อิทธิพลจากทาง ตะวนั ตก • การศึกษา • สถานที่สอน – จดั ตง้ั โรงเรยี นชาย โรงเรยี นสตรี โรงเรยี นราษฎร์ โรงเรยี นสอนภาษา โรงเรยี นแพทย์ โรงเรยี นปรยิ ตั ิธรรม • แผนการศึกษา – ประกาศใชโ้ ครงการศึกษาตามแนวคิดตะวนั ตก แบ่งระดบั การศึกษา เป็ นประถม มธั ยม สายสามญั สายวิสามญั มีหลกั สตู รการสอนตามระดบั มีการตรวจ นิเทศโรงเรยี น • หน่วยงานดา้ นการศึกษา – จดั ตงั้ กรมศึกษาธิการ กรมฝึ กหดั คร ู • ผสู้ อน – ครไู ทย ครชู าวต่างประเทศ • การจดั การเรยี นการสอน – มีการแบ่งระดบั ชน้ั เรยี น ใชส้ ื่อแบบเรยี นภาษาไทย 6 เลม่ สอนการอ่านเขียนมีการสอบไล่ • วิชาที่สอน – ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ การคดั ลายมือ การแต่งจดหมาย เลข บญั ชี และ วิชาช่างต่าง ๆ
สมยั รชั กาลที่ 6 (พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ) สภาวะประเทศ – ยคุ ปฎริ ปู สภาวะผนู้ า – เนน้ พฒั นาดา้ นการศึกษา การศึกษา ปรบั ปรงุ พฒั นาแผนการศึกษา – ประกาศใชโ้ ครงการศึกษาเนน้ สาย วิชาชีพ พ.ร.บ.ประถมศึกษา ภาคบงั คบั 1 กย.2464 พ.ร.บ. โรงเรยี น ราษฎร์ 2461 หนว่ ยงานดา้ นการศึกษาระดบั สงู – จดั การศึกษาระดบั อดุ มศึกษา โดย จดั ตงั้ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั การจดั การเรยี นการสอนและวิชาท่ีสอน – เช่นเดียวกบั สมยั รชั กาลท่ี 5 แต่ เพิ่มวิชาการช่างมากข้ึน
สมยั รชั กาลที่ 7 ( พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ) สภาวะประเทศ – รบั ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่าทว่ั โลกหลงั สงครามโลกครง้ั ท่ี 1 สภาวะผนู้ า – แกว้ ิกฤตภาวะเศรษฐกจิ ตกต่า ลดงบประมาณในการ พฒั นาทกุ ดา้ น การศึกษา ปรบั ปรงุ พฒั นาแผนการศึกษา – แบ่งหลกั สตู รมธั ยมศึกษาตอน ปลายออกเป็ น แผนกกลาง แผนกภาษา และแผนกวิทยาศาสตร์ การจดั การเรยี นการสอน – ไมม่ ีการพฒั นาเทา่ ท่ีควร ตอ้ งยบุ โรงเรยี นจานวนมากเพื่อตดั ปัญหาดา้ นงบประมาณ
สรปุ การศึกษาของไทยสมยั ปฏริ ปู การศึกษา 1. เป็ นการวางรากฐานของการจดั การศึกษาท่ีครบถว้ น เร่มิ ตงั้ แต่การสรา้ ง โรงเรยี น การประกาศใชโ้ ครงการศึกษาแบ่งเป็ นระดบั ประถม มธั ยม และ อาชีวศึกษา การสรา้ งหลกั สตู รและแบบเรยี น การประเมินผล การนิเทศ โรงเรยี น 2. มีการบงั คบั การรหู้ นงั สอื โดยประกาศใช้ พ.ร.บ.ประถมศึกษาภาคบงั คบั ปี 2464 เพ่ือใหเ้ ด็กอายถุ ึงเกณฑ์ 7 ปี บรบิ รู ณต์ อ้ งเขา้ โรงเรยี น ถือเป็ นการ พฒั นาบคุ คลและสรา้ งโอกาสใหค้ นไดเ้ รยี นรู้ 3. สรา้ งความเท่าเทียมกนั ในการศึกษาของหญิงและชาย โดยการจดั ตงั้ โรงเรยี นสตรขี ้ึน 4. เป็ นจดุ เร่ิมตน้ ของการขยายการศึกษาสมู่ วลชนเพ่ือความเท่าเทียมกนั ใน ดา้ นการศึกษา
5. ดา้ นการจดั การเรยี นการสอนมีหลากหลายวิชามากข้ึน แบ่งเป็ นระดบั ชน้ั ต่าง เพ่ือพฒั นาผเู้ รียนตามศกั ยภาพของตนเอง แมว้ ่าบรรยากาศการ จดั การเรยี นรยู้ งั เป็ นแบบครเู ป็ นศนู ย์ ใชว้ ิธีการบรรยายใหจ้ ดตามคาบอก เนน้ เน้ือหาวิชามากกว่าการปฏบิ ตั ิ 6. ขยายโอกาสในระดบั อดุ มศึกษา โดยการจดั ตงั้ มหาวิทยาลยั ซ่ึงถือว่าเป็ น การพฒั นาผเู้ รียนใหเ้ ป็ นบคุ ลากรดา้ นการศึกษา 7. มีการปลกู ฝังคา่ นิยมในการประกอบอาชีพอิสระโดยการจดั ตงั้ สถาบนั การอาชีวศึกษาซ่ึงถือเป็ นกา้ วแห่งการพฒั นาในการเปลีย่ นแปลงคา่ นิยมของ อาชีพการรบั ราชการ แมว้ ่าจะไมไ่ ดผ้ ลเท่าที่ควรก็ตาม 8. การประกาศใช้ พ.ร.บ.โรงเรยี นราษฎรซ์ ึ่งสว่ นมากเป็ นโรงเรยี นครสิ ตเ์ พ่ือ ควบคมุ โรงเรยี นเอกชนเหลา่ น้ีมิใหอ้ บรมแนวคิดท่ีรฐั ไมต่ อ้ งการใหเ้ กิดแก่ เยาวชน แต่ควบคมุ ใหส้ อนการอา่ น เขียน พดู ภาษาไทยอยา่ งถกู ตอ้ ง ทงั้ ปลกู ฝังคา่ นิยมความรกั ในความเป็ นไทย ซ่ึงเป็ นผลดีอยา่ งมหาศาล ต่อประเทศไทย เพราะไมเ่ กิดปัญหาดา้ นการถกู กลืนชาติ
3.การศึกษาไทยสมยั เปลยี่ นแปลงการปกครอง ( พ.ศ. 2475-2502 ) สภาวะประเทศ – เปลยี่ นแปลงจากระบบสมบรู ณาญาสิทธิราชเป็ นระบอบ ประชาธิปไตย และผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่าสมยั สงครามโลก ครงั้ ท่ี 2 สภาวะผนู้ า – คณะราษฎรพ์ ฒั นาระบบการศึกษาเรง่ ด่วน การจดั ระบบการศึกษา ประกาศแผนการศึกษาชาติ ประถมเป็ น 6 ชนั้ มธั ยมศึกษาตอนตน้ และ ปลาย สายอาชีวศึกษาประกาศใชพ้ .ร.บ. ประถมศึกษา พ.ศ. 2478เพื่อ ขยายโอกาส จดั ตงั้ มหาวิทยาลยั ข้ึนหลายแห่ง จดั ตงั้ ศนู ยอ์ บรมการศึกษา ผใู้ หญ่ กระทรวงศึกษาธิการรว่ มมือกบั องคก์ ารยเู นสโกเพ่ือปรบั ปรงุ การศึกษาไทย มีโครงการฝึ กหดั ครชู นบทและจดั ตงั้ กรมสามญั ศึกษา
ปัญหา 1.การขาดแคลนครทู งั้ ดา้ นปรมิ าณและคณุ ภาพทาใหอ้ ตั ราสว่ นระหว่าง ครแู ละนกั เรยี นไมไ่ ดม้ าตราฐาน มีผลทาใหค้ ณุ ภาพผเู้ รียนและดา้ นการ เรียนการสอนลดลงอยา่ งมาก 2.การสอนเป็ นแบบลองผิดลองถกู เน่ืองจากครผู สู้ อนไมม่ ีประสบการณ์ เพราะครผู สู้ อนจบแคร่ ะดบั มธั ยมตน้ และตอ้ งออกไปสอนโรงเรยี น ประชาบาลทนั ทีโดยมิไดผ้ า่ นการฝึ กหดั ครู ดงั นน้ั รฐั จึงไดต้ งั้ กรมฝึ กหดั ครขู ้ึนเพื่อยกระดบั คณุ ภาพของครใู หส้ งู ข้ึน
1.การศึกษาของไทยสมยั พฒั นาการศึกษา พ.ศ.2503-ปัจจบุ นั สภาวะประเทศ – ยคุ กา้ วหนา้ แห่งการสอ่ื สารสารสนเทศและเทคโนโลยี สภาวะผนู้ า – พฒั นาแผนการศึกษาใหส้ อดคลอ้ งกบั แผนพฒั นาเศรษฐกิจ และสงั คมแห่งชาติ การพฒั นาดา้ นการศึกษา 1. ประกาศใชแ้ ผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2503 เนน้ จริยศึกษา พลศึกษา พทุ ธิศึกษา และหตั ถศึกษา 2. ประกาศใชห้ ลกั สตู รประถมศึกษา และ หลกั สตู รมธั ยมศึกษาตอนตน้ มี การประกาศใชแ้ ผนพฒั นาการศึกษาแห่งชาติ ตง้ั แตฉ่ บบั ที่ 1 – 8 3. ประกาศใชแ้ ผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2535 เพ่ือเตรยี มความพรอ้ ม สาหรบั เด็กอยา่ งนอ้ ย 1ปี กอ่ นเขา้ เรียนระดบั ประถมศึกษา
4. สง่ เสริมการศึกษาของบคุ คลากรดา้ นศาสนา 5. เนน้ การจดั เครอื ขา่ ยการเรยี นรโู้ ดยใชเ้ ทคโนโลยีการสื่อสาร สารสนเทศ และส่อื มวลชนทกุ ประเภท ในการใหค้ วามรขู้ อ้ มลู ขา่ วสารแกป่ ระชาชน 6. ประกาศใชแ้ ผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 จนถึงปัจจบุ นั ซ่ึงเนน้ หลกั สตู รการศึกษาขน้ั พ้ืนฐานท่ีมงุ่ พฒั นาผเู้ รยี นในทกุ ดา้ น ทกุ ระดบั ชว่ งชนั้ ใหม้ ีคณุ ภาพ มีความรู้ และดารงตนอยา่ งมี ความสขุ ในสงั คม
ขอ้ ดี 1. แผนพฒั นาการศึกษาที่มีการปรบั ปรงุ ใหเ้ หมาะสมกบั ช่วงเวลาและ ประกาศใชเ้ ป็ นระยะ ๆ เพื่อใหเ้ หมาะกบั กระแสแห่งยคุ โลกาภิวฒั นท์ ี่นาเอา เทคโนโลยี และการส่อื สารต่าง ๆ มาใชใ้ หเ้ กิดประโยชนใ์ นวงการศึกษา เป็ นการจดั การศึกษาใหแ้ กป่ ระชาชนโดยไรพ้ รมแดนและอยา่ งเท่าเทียมกนั 2. ดา้ นการจดั การเรยี นการสอนยดึ หลกั ปรชั ญาพิพฒั นาการนิยม ที่เนน้ ผเู้ รยี นเป็ นสาคญั การมีสว่ นรว่ ม คิด ปฏิบตั ิ แกป้ ัญหา และนาไปใช้ ในชีวิตจรงิ 3. การจดั บรรยากาศชน้ั เรียนคละกนั ทงั้ เด็กเกง่ และเด็กออ่ นตามสภาพสงั คม จรงิ โตะ๊ เกา้ อ้ีสามารถเคลือ่ นยา้ ยไดต้ ามความเหมาะสม มีการจดั กร เรยี นรใู้ นชนั้ เรยี นโดยการใชส้ ื่อต่าง ๆ 4. ครผู สู้ อนตอ้ งมีการ พฒั นาตนเอง
ขอ้ ที่ควรปรบั ปรงุ แกไ้ ขพฒั นา 1. ความไมเ่ สมอภาคทางการศึกษาในเด็กดอ้ ยโอกาส 2. คณุ ภาพการศึกษาที่ตกต่าลงเนื่องจากระบบการบรหิ ารการ จดั การศึกษาของโรงเรยี นที่ไมเ่ ป็ นเอกภาพอยา่ งแทจ้ รงิ 3. ปัญหาดา้ นหลกั สตู รที่ไมม่ ีจดุ ยนื แนน่ นอนมีการเปลย่ี นแปลง ที่ทาใหเ้ กิดความสบั สนต่อผสู้ อนและผเู้ รียน 4. ปัญหาดา้ นการจดั หาเทคโนโลยที างดา้ นการศึกษา 5. ความเส่ือมในดา้ นคณุ ธรรมและจรยิ ธรรม
ตอนที่ 2 แผนการพฒั นาการศึกษาไทย แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2503 ประกอบดว้ ยแผนพฒั นาการศึกษาแห่งชาติ ฉบบั 1 – 3 มงุ่ จดั การศึกษาเพื่อตอบสนองความตอ้ งการของสงั คมและ บคุ คลเป็ นหลกั เพื่อมงุ่ พฒั นาคนใหม้ ีรายไดเ้ พ่ิมข้ึน
แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2520 ประกอบดว้ ยแผนการศึกษาแห่งชาติ ฉบบั 4-6 มีการปฏริ ปู การศึกษาโดยการจดั การศึกษาต่อเนื่องตลอดชีวิต เพื่อเสรมิ สรา้ งคณุ ภาพของพลเมือง ใหส้ ามารถดาเนินชีวิตและ ทาประโยชนแ์ กส่ งั คม และอยรู่ ว่ มกนั อยา่ งมีความสขุ
แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ประกอบดว้ ยแผนการศึกษาแห่งชาติ ฉบบั 7-8 เนน้ พฒั นาบคุ คลใหม้ ีคณุ ภาพชีวิต สามารถดาเนินชีวิตใน สงั คมไดอ้ ยา่ งมีความสขุ โดยมีการพฒั นาบคุ คล 4 ดา้ นคือ ดา้ นปัญญา ดา้ นจิตใจ ดา้ นรา่ งกายและดา้ นสงั คม
พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มีนโยบายปฏริ ปู การศึกษาเพ่ือพฒั นาคนไทยใหเ้ ป็ นมนษุ ยท์ ่ีสมบรู ณท์ ง้ั ทางรา่ งกาย จิตใจ สติปัญญาความรแู้ ละคณุ ธรรม มีจรยิ ธรรม และสามารถดารงชีวิตอยรู่ ว่ มกบั ผอู้ ่ืนไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
ตอนที่ 3 วิสยั ทศั น์ โลกาภิวตั น์ คือ กระบวนการที่ทาใหโ้ ลกกลายเป็ นหน่ึงเดียว วิสยั ทศั น์ คือภาพท่ีองคก์ รตอ้ งการจะตอ้ งเป็ นหรอื เบา้ ประสงค์ โดยรวมหรอื เป็ นเบา้ ประสงคโ์ ดยรวมท่ีองคก์ รตอ้ งการ ณ เวลาใดเวลาหน่ึงในอนาคต วิสยั ทศั นจ์ ึงเสมือนแสงทาง ของผบู้ รหิ าร ผปู้ ฏิบตั ิงานและผรู้ ว่ มประโยชนใ์ นการนา องคก์ ารไปจดุ หมายปลายทางรว่ มกนั เป็ นการสรา้ งสรรค์ และกาหนดความสาเรจ็ ขององคก์ ร
ลกั ษณะสงั คมไทย จากสงั คมเกษตรสสู่ งั คมอตุ สาหกรรม และกาลงั จะวิวฒั นาการไปสสู่ งั คมสารนิเทศ ซ่ึงระดบั การพฒั นาท่ีแตกต่าง เป็ นปัญหาต่อการจดั การศึกษา
วิสยั ทศั นข์ องสงั คมไทย ในอนาคตในภาพรวม ระบบการศึกษาและการจดั ระบบการเรยี นรใู้ นสงั คม มีความสาคญั ในการปรบั ค่านิยมวฒั นธรรม แนวคิดและอดุ มการณข์ องชาวไทย ใหส้ ามารถผสมผสานกลมกลนื ไดท้ ่ามกลาง ความหลากหลายของแนวคิด ใหม้ ีความเป็ นเอกภาพท่ามกลางความแตกต่างและความขดั แยง้
สงั คมไทยในอนาคต นา่ จะเป็ นสงั คมท่ีมีการพฒั นาที่ยง่ั ยนื มีความสมดลุ ระหว่างการพฒั นาทางเศรษฐกจิ และการพฒั นาทางจิตใจ เป็ นสงั คมที่ตระหนกั ในคณุ คา่ มรดกทางวฒั นธรรม คณุ คา่ ของทรพั ยากรธรรมชาติ และสงิ่ แวดลอ้ มสามารถเรยี นรไู้ ดต้ ลอดเวลา
สรปุ วิสยั ทศั นเ์ ชิงอดุ มคติสงั คมไทย น่าจะพฒั นาไปสคู่ วามเป็ น -สงั คมแห่งปัญญาชน -สงั คมแห่งวิทยาศาสตร์ -สงั คมแห่งความเป็ นพลเมืองดี -สงั คมแห่งนกั บกุ เบิก
ตอนท่ี 4 การปฏิรปู การศึกษาไทย ความจาเป็ นของการปฏิรปู การศึกษา 1. ความเจรญิ ในดา้ นเทคโนโลยี 2. ความเปลี่ยนแปลงทางดา้ นสงั คมเศรษฐกจิ และวฒั นธรรม 3. หลกั สตู ร 4. การกระจายอานาจ
แนวคิดในการปฏิรปู การศึกษา 1. การยดึ โรงเรียนเป็ นศนู ยก์ ลาง 2. โรงเรยี นเป็ นศนู ยก์ ลางการผลติ 3. การมีสว่ นรว่ มและรว่ มคิดรว่ มทา 4. การกระจายอานาจ 5. ความรบั ผิดชอบที่ตรวจสอบได้
สาระสาคญั ของการปฏิรปู 1. ปฏริ ปู ระบบการศึกษา 2. ปฏริ ปู การเรียนรู้ 3. ปฏริ ปู ระบบการบริหารและการจดั การศึกษา 4. ปฏิรปู ครอู าจารย์ และบคุ ลากรทางการศึกษา 5. ปฏริ ปู ทรพั ยากรและการลงทนุ ทางการศึกษา
ผลท่ีเกิดข้ึนหลงั การปฏริ ปู การศึกษา 1.วฒั นธรรมการทางาน 2.ระบบการศึกษา 3.หลกั สตู ร 4.การเรยี นรู้
Search
Read the Text Version
- 1 - 31
Pages: