Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทฤษฎีจิตวิเคราะห์-ฟรอยด์-แปลง

ทฤษฎีจิตวิเคราะห์-ฟรอยด์-แปลง

Published by Tuk Sarawut, 2019-09-28 01:51:20

Description: ทฤษฎีจิตวิเคราะห์-ฟรอยด์-แปลง

Search

Read the Text Version

ทฤษฎจี ติ วเิ คราะห์ของฟรอยด์ ซิกมุนด์ ฟรอยด์ เป็ นนักจติ วทิ ยาชาวออสเตรีย เป็ นผู้ทส่ี ร้างทฤษฎี จิตวเิ คราะห์ (Psychoanlytic Thory ) ซึ่งเป็ นทฤษฎที างด้านการพฒั นา โดยเชื่อ ว่าเพศหรือกามารมณ์ เป็ นส่ิงทม่ี อี ทิ ธิพลต่อการพฒั นาของมนุษย์ซ่ึงแนวคดิ ดงั กล่าวเกดิ จากการสนใจศึกษาและสังเกตผู้ป่ วยโรคประสาท โดยการให้ผู้ป่ วย นอนบนเก้าอใี้ นอริ ิยาบถทสี่ บายทสี่ ุด จากน้ันให้ผู้ป่ วยเล่าเร่ืองราวของตนเองไป เรื่อยๆผู้รักษาจะน่ังอยู่ด้านศีรษะของผู้ป่ วยคอยกระตุ้นให้ผู้ป่ วยได้พดู เล่าเร่ือง ต่อไปเท่าทจ่ี าได้ และคอยบนั ทกึ ส่ิงทผ่ี ู้ป่ วยเล่าอย่างละเอยี ด โดยไม่มีการ ขดั จงั หวะแสดงความคดิ เห็น หรือตาหนิผู้ป่ วยซ่ึงพบว่าการกระทาดงั กล่าว เป็ น วธิ ีการทชี่ ่วยให้รักษาข้อมูลทอ่ี ยู่ในจติ ใต้สานึกของผู้ป่ วยและจากการรักษาด้วย วธิ ีการรักษานีเ้ องจึงทาให้ ฟรอยด์สร้างทฤษฎจี ิตวเิ คราะห์

Sigmund Freud เช่ือวา่ มนุษยม์ ีสญั ชาตญาณ (Instincts) 2 ชนิด ท่ตี ดิ ตวั มาแต่กาเนิดคือ สญั ชาตญาณในการดารงชีวติ (Life Instinct : Eros) และ สญั ชาตญาณแหง่ ความตาย (Death Instinct : Thanatos) แนวคดิ จติ วเิ คราะห์ (Psychoanalytic Approach)

➢1.สัญชาตญาณในการดารงชีวิต (LIFE INSTINCT) คือ สัญชาตญาณในการตอบสนองความต้องการของร่างกาย เช่น ความหวิ กระหาย ความต้องการทางเพศเพ่อื ดารงชาตพิ นั ธ์ุ ➢2.สัญชาตญาณแห่งความตาย (DEATH INSTINCT) คือ สัญชาตญาณในการดบั สังขารและถงึ แก่ความตายในท่สี ุด

ขัน้ พัฒนาการทางเพศไว้ 5 ขัน้ ตอน คือ 1. ขัน้ ปาก (ORAL STAGE) (แรกเกิด - 18 เดือน) ลบิ โิ ดไปกระต้นุ บริเวณปาก การดดู จงึ เป็นการลด ภาวะเครียดของเดก็ แต่เดก็ บางคนอาจเกิดภาวะติด ค้างได้ ซงึ่ อาจเนื่องจากการหยา่ นมด้วยวิธีการ รุนแรง การมีน้องเร็ว การที่มารดามีภารกิจมาก เป็น ต้น เมื่อบคุ คลนีเ้ตบิ โตขนึ ้ กอ็ าจมีพฤติกรรมชอบกิน เหล้า สบู บหุ รี่ กินจกุ จิก จ้จู ีข้ ีบ้ น่ เป็นต้น

2. ขนั้ ทวารหนัก (ANAL STAGE) (อายุ 1 ปี 6 เดอื น - 3 ปี 6 เดอื น) ลบิ โิ ดไปกระตุน้ ทท่ี วารหนกั การกกั และการปลอ่ ย อุจจาระจงึ เป็นการลดภาวะเครยี ดของเดก็ แต่ถา้ ผใู้ หญ่ทเ่ี ลย้ี งดใู ชว้ ธิ กี ารเขม้ งวดในการฝึกวนิ ยั ใน การขบั ถ่าย เดก็ จะเกดิ ภาวะตดิ คา้ ง เมอ่ื โตขน้ึ อาจ มนี ิสยั เผดจ็ การหรอื ไมม่ คี วามพอดใี นเร่อื งความ สะอาดและการใชจ้ า่ ย

3. ขนั้ อวยั วะเพศ (PHALLIC STAGE) (อายุ 3 ปี 6 เดอื น - 6 ปี) ลบิ โิ ดไปกระตุน้ บรเิ วณอวยั วะเพศ ทงั้ น้อี าจเน่ืองมาจากเดก็ เรมิ่ สนใจ ความแตกตา่ งระหวา่ งเพศ จงึ ทาใหช้ อบจบั ตอ้ งอวยั วะเพศเลน่ เป็นการ ลดภาวะเครยี ด แตผ่ ใู้ หญ่มกั ใชค้ า่ นยิ มของตนไปตดั สนิ พฤตกิ รรมของ เดก็ วา่ ไมเ่ หมาะสม ซง่ึ เป็นการขดั ขวางการลดภาวะเครยี ดของเดก็ ทา ใหเ้ ดก็ เกดิ ภาวะตดิ คา้ ง เมอ่ื โตขน้ึ เดก็ กอ็ าจจะชอบแสดงออกในเรอ่ื ง เพศ ชอบพดู จาสองแงส่ องงา่ ม หรอื ใหค้ วามสนใจตอ่ เรอ่ื งเพศมากเป็น พเิ ศษ ในขนั้ น้มี สี งิ่ สาคญั เกดิ ขน้ึ คอื เดก็ ชายเกดิ ปมโอดปิ ุส (OEDIPUS COMPLEX) และเดก็ หญงิ จะเกดิ ปมอเี ลคตรา้ (ELECTRA COMPLEX) ซง่ึ หมายถงึ ความรสู้ กึ ของเดก็ ชายทร่ี กั และตดิ แม่ เดก็ หญงิ จะรกั และตดิ พอ่ และเดก็ ชายจะเลยี นแบบพอ่ เพอ่ื ใหเ้ ป็นทร่ี กั ของแม่ สว่ นเดก็ หญงิ จะเลยี นแบบแมเ่ พอ่ื ใหเ้ ป็นทร่ี กั ของพอ่ อนั สง่ ผล ใหเ้ รมิ่ มบี ุคลกิ ภาพสอดคลอ้ งกบั เพศของตน

4. ขนั้ พกั หรอื ขนั้ แฝง (LATENCY STAGE) (อายุ 6 - 12 ปี) ขนั้ น้ีถอื ไดว้ า่ เป็นการพกั แต่มใิ ชว่ ่าไมม่ กี ารกระตุน้ ของลบิ โิ ดแต่พฤตกิ รรมทางเพศเป็นไปอยา่ ง สะเปะสะปะไมอ่ ยทู่ บ่ี รเิ วณใดบรเิ วณหน่ึง โดยเฉพาะจงึ ไมม่ ภี าวะตดิ คา้ ง

5. ขนั้ เพศ (GENITAL STAGE) (อายุ 12 - 18 ปี ) เป็นชว่ งวยั รนุ่ ลบิ โิ ดจะไปกระตุน้ บรเิ วณอวยั วะเพศ และ เป็นไปอยา่ งมี “วฒุ ภิ าวะทางเพศ” กล่าวคอื พรอ้ มต่อการ สบื พนั ธุ์ การลดภาวะเครยี ดจงึ เป็นการบาบดั ความใครด่ ว้ ย ตนเอง (MASTURBATION) ทงั้ น้เี น่อื งจากสภาพทางสงั คม ยงั ไมเ่ ออ้ื ตอ่ การใหบ้ ุคคลในวยั น้มี คี คู่ รองทงั้ ๆ ทม่ี คี วาม ตอ้ งการทางการสบื พนั ธสุ์ งู มาก

กระบวนการทางานตามธรรมชาตขิ องจติ มนุษย์ ฟรอยด์ แบง่ กระบวนการทางานตามธรรมชาตขิ องจิตมนษุ ย์ไว้ 3 ระดบั โดยเปรียบจติ เสมือนภเู ขานา้ แข็งลอยนา้ ซงึ่ ปรากฎลกั ษณะภเู ขานา้ แข็ง 3 สว่ น ดงั นี ้ โดย FREUD กลา่ วา่ บคุ คลมีระดบั ความคดิ และความรู้สกึ อยู่ 3 ระดบั ดงั นี ้

1. จิตสานึก (Conscious) เปรยี บเสมอื นภเู ขาน้าแขง็ สว่ นทอ่ี ย่เู หนือน้า คอื ระดบั จติ สานึกเป็นระดบั ทค่ี นสามารถรบั รไู้ ดด้ ว้ ยประสาทสมั ผสั ทงั้ 5 เป็นสว่ นทร่ี ตู้ วั มกี ารใชส้ ตปิ ัญญา ความรแู้ ละประสบการณ์ในการ พจิ ารณาหรอื ทาในสงิ่ ทถ่ี กู ทค่ี วร หรอื ทส่ี งั คมยอมรบั

2.จิตใต้สานึก (Preconscious หรอื Subconscious) เปรยี บจติ เสมอื นภเู ขา น้าแขง็ สว่ นทอ่ี ยรู่ ะดบั ผวิ น้าระหวา่ งจติ สานึกกบั จติ ไรส้ านึก คอื เป็นระดบั ท่ี ตอ้ งใชค้ วามจา และสมาธใิ นการจา ประสบการณ์ทส่ี ะสมไวใ้ นลกั ษณะ ลาง เลอื น ซง่ึ ถกู กระตุน้ จากสงิ่ เรา้ ทเ่ี หมาะสมกจ็ ะเขา้ มาสรู่ ะดบั จติ สานึก

3. จิตไรส้ านึก (Unconscious) โดยเปรยี บจติ เสมอื นภเู ขาน้าแขง็ สว่ นทอ่ี ยใู่ ต้ น้า คอื เป็นทร่ี วมของกระบวนการคดิ ความรสู้ กึ ความจา ความตอ้ งการ เป็น ระดบั ทเ่ี กบ็ กด สง่ิ ตา่ งๆ ทท่ี าใหร้ สู้ กึ เจบ็ ปวดหรอื ไมส่ บายใจ ใหอ้ ยใู่ นระดบั ไมร่ ตู้ วั แต่สง่ิ เหลา่ น้ีจะหลดุ ออกมาในรปู ของ ความฝัน หรอื แสดง พฤตกิ รรมทไ่ี มร่ ตู้ วั

โครงสร้ างของจติ ฟรอยด์ ได้อธิบายโครงสร้างทางจิตหรือโครงสร้างของบคุ ลกิ ภาพวา่ ประกอบไปด้วยระบบที่สาคญั 3 ประการ ได้แก่





แนวคดิ จติ วเิ คราะห์ (Psychoanalytic Approach)

1. อดิ (Id) จะเป็นต้นกาเนิดของบคุ ลกิ ภาพ และเป็นสว่ นท่ีติดตวั มนษุ ย์มาตงั้ แต่ เกิด Id ประกอบด้วยแรงขบั ทางสญั ชาตญาณ (Instinct) ที่กระต้นุ ให้มนษุ ย์ตอบสนองความ ต้องการ ความสขุ ความพอใจ ในขณะเดยี วกนั ก็จะทาหน้าที่ลดความเครียดที่เกิดขนึ ้ การทางาน ของ Id จงึ เป็นไปตามหลกั ความพอใจ (Pleasure Principle) ท่ีไม่คานงึ ถึงความเหมาะสมตามความเป็น จริง จะเป็นไปในลกั ษณะของการใช้ความคดิ ในขนั้ ปฐมภมู ิ (Primary Process of Thinking) เช่น เดก็ หวิ ก็จะร้องไห้ทนั ที เพื่อตอบสนองความต้องการของเขา และสว่ นใหญ่ท่ีอยใู่ นระดบั จิตไร้สานกึ

2. อโี ก้ (Ego) จะเป็นสว่ นของบคุ ลิกภาพท่ีทาหน้าท่ีประสาน อดิ และ ซเู ปอร์อีโก้ ให้แสดง บคุ ลกิ ภาพออกมาเพื่อให้เหมาะสมกบั ความเป็นจริง และขอบเขตที่สงั คมกาหนดเป็นสว่ นท่ี ทารกเริ่มรู้จกั ตนเองวา่ ฉนั เป็นใคร Egoขนึ ้ อยกู่ บั หลกั แหง่ ความเป็นจริง(Reality Principle)ที่มี ลกั ษณะของการใช้ความคิดในขนั้ ทตุ ยิ ภมู ิ (Secondary Process of Thinking) ซงึ่ มีการใช้ เหตผุ ล มีการใช้สตปิ ัญญา และการรับรู้ที่เหมาะสม และอีโก้ (Ego) เป็นสว่ นท่ีอยใู่ นระดบั จิตสานกึ เป็นสว่ นใหญ่

3. ซเู ปอรอ์ ีโก้(Superego)นนั้ เป็นสว่ นทท่ี าหน้าทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ศลี ธรรมจรรยา บรรทดั ฐานของ สงั คม ค่านิยม และขนบธรรมเนียมประเพณตี ่างๆ ซง่ึ ทาหน้าทผ่ี ลกั ดนั ใหบ้ ุคคลประเมนิ พฤตกิ รรม ต่างๆ ทเี กย่ี วขอ้ งกบั มโนธรรม จรยิ ธรรมทพ่ี ฒั นามาจากการอบรมเลย้ี งดู โดยเดก็ จะรบั เอา ค่านิยม บรรทดั ฐานทางศลี ธรรมจรรยา และอุดมคตทิ พ่ี อ่ แมส่ อนเขา้ มาไวใ้ นตนเอง โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ใน ระยะทเ่ี ดก็ มอี ายปุ ระมาณ 3 – 5 ขวบ (ระยะ Oedipus Complex) และเดก็ จะพฒั นาความรสู้ กึ เหลา่ น้ีไป ตามวยั โดยมสี ภาพแวดลอ้ มทางบุคคลเป็นองคป์ ระกอบสาคญั การทางานของ Superego จะขน้ึ อยกู่ บั หลกั แหง่ จรยิ ธรรม (Moral Principle) ทห่ี า้ มควบคุม และจดั การไมใ่ ห้ Id ไดร้ บั การตอบสนองโดยไม่ คานึงถงึ ความผดิ ชอบชวั่ ดี โดยมี Ego เป็นตวั กลางทป่ี ระสานการทางานของแรงผลกั ดนั จาก Id และ Superego

กลไกในการป้ องกนั ตวั  การเกบ็ กด (Repression) หมายถงึ การเก็บกดความรูส้ กึ ไมส่ บายใจ หรอื ความรูส้ กึ ผดิ หวงั ความคบั ขอ้ งใจไวใ้ นจติ ใตส้ านึก จนกระทงั่ ลมื กลไกป้องกนั ตวั ประเภทน้มี อี นั ตราย เพราะถา้ เกบ็ กดความรูส้ กึ ไวม้ ากจะมคี วามวติ กกงั วลใจมาก และอาจทาใหเ้ป็นโรคประสาทได้  การหาเหตผุ ลเขา้ ขา้ งตนเอง (Rationalization) หมายถงึ การปรบั ตวั โดยการหาเหตผุ ลเขา้ ขา้ งตนเอง โดยใหค้ าอธบิ ายทเ่ี ป็นท่ยี อมรบั สาหรบั คนอน่ื การถดถอย (Regression) หมายถงึ การหนีกลบั ไปอยู่ในสภาพอดตี ทเ่ี คยทาใหต้ นมคี วามสขุ  การแสดงปฏกิ ริ ยิ าตรงขา้ มกบั ความปรารถนาทแ่ี ทจ้ รงิ (Reaction Formation) หมายถงึ กลไกป้องกนั ตน โดยการทมุ่ เทในการแสดง พฤตกิ รรมตรงขา้ มกบั ความรูส้ กึ ของตนเอง ทต่ี นเองคดิ วา่ เป็นสง่ิ ทส่ี งั คม อาจจะไมย่ อมรบั  การสรา้ งวมิ านในอากาศ หรอื การฝนั กลางวนั (Fantasy หรอื Day dreaming) เป็นการสรา้ งจนิ ตนาการ หรอื มโนภาพ เก่ยี วกบั สง่ิ ทต่ี นมคี วามตอ้ งการ แต่เป็นไปไมไ่ ด้  การแยกตวั (Isolation) หมายถงึ การแยกตนใหพ้ น้ จากสถานการณท์ น่ี าความคบั ขอ้ งใจมาให้ โดยการแยกตนออกไปอยู่ตามลาพงั  การหาสง่ิ มาแทนท่ี (Displacement) เป็นการระบายอารมณโ์ กรธ หรอื คบั ขอ้ งใจต่อคน หรอื สง่ิ ของ ทไ่ี มไ่ ดเ้ป็นตน้ เหตขุ องความคบั ขอ้ งใจ  การเลยี นแบบ (Identification) หมายถงึ การปรบั ตวั โดยการเลยี นแบบบคุ คลทต่ี นนยิ มยกย่อง  กลไกในการป้องกนั ตวั เป็นวธิ กี ารทบ่ี คุ คลใชใ้ นการปรบั ตวั เมอ่ื ประสบปญั หาความคบั ขอ้ งใจ การใชก้ ลไกป้องกนั จะช่วยยดื เวลาในการแกป้ ญั หา

การประยุก์ต์ใชทฤษฎพี ัฒนาการทางเพศของซิก มัน์ดฟรอย์ด พฒั นาการมนษุ ย์ตามแนวคิดของฟรอยด์เราสามารถนามาประยกุ ต์ใช้ให้เดก็ มีการพฒั นาการด้านบคุ ลิกภาพที่เหมาะสมได้ เพราะหาก เดก็ ผา่ นแตล่ ะวยั มาโดยไมม่ ีปัญหา ไม่เกิดการชะงกั ท่ีวยั ใดวยั หนง่ึ ก็จะโตขนึ ้ มีบคุ ลกิ ภาพที่ปกติ แตถ่ ้าเดก็ มีปัญหาในแต่ละขนั้ ของพฒั นาการก็จะ มีบคุ ลกิ ภาพผิดปกติ เชน่ เดก็ เกิดการชะงกั ที่ขนั้ ปาก ก็จะสง่ ผลตอ่ เด็กเม่ือโตขนึ ้ เช่น สบู บหุ ร่ี กดั นิว้ ดดู นิว้ รับประทานมาก เป็นต้น เราจงึ ควรมี การเลยี ้ งดทู ี่เหมาะสมแตล่ ะช่วงวยั ในขนั้ อวยั วะเพศ เดก็ จะมีการแบง่ แยกบคุ ลิกภาพทางเพศในขนั้ นี ้เดก็ เร่ิมมีการสนในและเรียนรู้เร่ืองของแตกต่างด้านเพศ มีความสนใจ สอบถามหรือเลยี นแบบพฤตกิ รรม เดก็ ผ้ชู ายจะเลียนแบบพฤติกรรมของพอ่ เด็กผ้หู ญิงจะเรียนแบบพฤติกรรมของแม่ เพราะฉะนนั้ ต้องให้ความรู้ ด้านเพศท่ีถกู ต้องแก่เดก็ หากเด็กไมไ่ ด้รับความรู้ท่ีถกู ต้อง หรือขาดต้นแบบท่ีดีอาจทาให้เดก็ เกิดการสบั สนทางเพศ และโตขนึ ้ อาจจะเบีย่ งเบนทาง เพศได้ ครูผ้สู อนสามารถนาทฤษฎีมาประยกุ ต์ใช้โดยการให้ความรู้เก่ียวกบั เรื่องเพศท่ีถกู ต้อง เร่ิมมีการสอนในเร่ืองของบทบาทในสงั คมที่ ถกู ต้อง และในขนั้ ของเพศครูก็ควรหากิจกรรมเสริมตา่ งๆ ให้นกั เรียนได้ทา เชน่ กิจกรรมกีฬา กิจกรรมดนตรี เป็นต้น เพื่อไม่ให้เดก็ หมกม่นุ แตใ่ น เร่ืองเพศ

แหล่งท่ีอา้ งอิง • 1. จิตวิทยาสาหรับครู (502 204) รศ.มณั ฑรา ธรรมบศุ ย์. ทฤษฎีจิตวเิ คราะห์ของฟรอยด์ [ออนไลน์]. 2016, แหลง่ ที่มา : HTTPS://SITES.GOOGLE.COM/SITE/PSYCHOLOGYBKF1/HOME/CITWITHYA- PHATHNAKAR/THVSDI-CIT-WI-KHERAAH-KHXNG-F-RXY-D (24 กนั ยายน 2562) • 2.บ้านจอมยทุ ธ์. จติ วทิ ยาพฒั นาการมนษุ ย์ [ออนไลน์]. 2016, แหลง่ ที่มา : HTTPS://WWW.BAANJOMYUT.COM/LIBRARY_2/EXTENSION- 1/CONCEPTS_OF_DEVELOPMENTAL_PSYCHOLOGY/01_3.HTML (24 กนั ยายน 2562) • 1.ทฤษฎีของนกั จิตวทิ ยา. ทฤษฎีจติ วิเคราะห์ของซกิ มนั ฟรอยด์ [ออนไลน์]. 2016, แหลง่ ที่มา : HTTP://NUKJIT.BLOGSPOT.COM/2015/12/BLOG-POST_82.HTML (24 กนั ยายน 2562)

จบการนาเสนอ ขอขอบพระคณุ มากค่ะ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook