รายงาน วชิ า ห้องสมุดสู่สากล (ง22103) จดั ทาโดย น.ส.ณหทยั วนิ ยั วฒั น์ เลขท่ี 30 ม.3/14 เสนอ น.ส. สิริพรรณพร แก่นเพช็ ร์ รายงานฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงของรายวชิ า หอ้ งสมุดสู่สากล (ง 22103) โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ๒ ภาคเรียนท่ี ๒ ปี การศึกษา ๒๕๖๑
คานา รายงานฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงของวชิ า หอ้ งสมุดสู่สากล (ง๒๑๒๐๓) ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ ๑ โดยมีจุดประสงค์ เพอื่ การศึกษาความหมายความสาคญั ประเภท วตั ถุประสงค์ วสั ดุสารสนเทศน์ และการจดั หมวดหมู่หนงั สือระบบ ทศนิยมดิวอ้ี ผจู้ ดั ทาไดเ้ ลือก หวั ขอ้ น้ีในการทารายงาน เน่ืองมาจากเป็นเรื่องท่ี น่าสนใจ และใกลต้ วั ผจู้ ดั ทาจะตอ้ งขอขอบคุณ อ. สิริพรรณพร แก่นเพช็ ร์ ผใู้ ห้ ความรู้ และแนวทางการศึกษาเพ่อื น ๆ ทุกคนที่ให้ ความช่วยเหลือมาโดยตลอด ผจู้ ดั ทาหวงั วา่ รายงานฉบบั น้ีจะใหค้ วามรู้ และเป็นประโยชน์แก่ผอู้ ่านทุก ๆ ท่าน หากมีขอ้ เสนอแนะหรือผดิ พลาดประการใด ผจู้ ดั ทาขอนอ้ มรับและขออภยั ไว้ ณ ท่ีน้ี ดว้ ย นางสาวณหทยั วนิ ยั วฒั น์ ผจู้ ดั ทา
สารบัญ หน้า เรื่อง ก ข คานา 1-2 สารบญั 3-4 บทที่ 1 ความหมายความสาคญั ของหอ้ งสมุด 5 บทที่ 2 ประเภทและวตั ถุประสงคข์ องหอ้ งสมุด 6 บทที่ 3 วสั ดุสารสนเทศหอ้ งสมุด 7 8-9 ส่ิงพิมพ์ ไม่ใช่สิ่งพมิ พ์ บทที่ 4 การจดั หมวดหมู่หนงั สือระบบทศนิยมดิวต้ี
บทท่ี 1 1 ความหมาย ความสาคญั ของห้องสมุด ความหมายของห้องสมุด หอ้ งสมุด (Library) คือแหลง่ สะสม และใหบ้ ริการทรัพยากร สารสนเทศ ในรูปส่ิงตีพมิ พ์ ส่ิงไม่ตีพิมพ์ และสื่ออิเลก็ ทรอนิกส์ มีการจดั หมวดหมู่ของทรัพยากรสารสนเทศ อยา่ งเป็นระบบ เพอื่ ใหม้ ี การเขา้ ถึงการใชแ้ ละบริการอยา่ งสะดวกรวดเร็ว โดยมีบรรณารักษ์ และเจา้ หนา้ ท่ีหอ้ งสมุด ผมู้ ีความรู้ทางบรรณารักษศาสตร์เป็น ผรู้ ับผดิ ชอบในการดาเนินการต่าง ๆ
ความสาคญั ของห้องสมุด 2 1. หอ้ งสมุดเป็นแหล่งรวบรวมความรู้ต่างๆ ในโลกเอาไว้ เมื่อมนุษยม์ ีการคน้ พบความรู้ต่างๆข้ึนมาใหม่ กจ็ ะมี การบนั ทึกเกบ็ รวบรวมไวใ้ นรูปแบบต่างๆ ส่วนใหญ่จะอยใู่ นรูปสิ่งพมิ พ์ แต่ปัจจุบนั จะบนั ทึกในคอมพวิ เตอร์ หอ้ งสมุดจึงตอ้ งมีหนา้ ที่เกบ็ รวบรวมสารนิเทศไวบ้ ริการ 2. หอ้ งสมุดเป็นสถานที่ท่ีทุกคนสามารถคน้ ควา้ หาความรู้ไดอ้ ยา่ งเสรี ตามความสนใจการเรียนช้นั เรียนแต่ละคน จะมีความสนใจหรือความชอบที่ต่างกนั ไม่เหมือนกนั บางคร้ังครูผสู้ อน สอนจากดั ในหลกั สูตร แต่ผเู้ รียนมีความ สนใจ ตอ้ งการคน้ ควา้ เพิ่มเติม กส็ ามารถคน้ ควา้ เพิ่มเติมไดจ้ ากหอ้ งสมดุ 3. หอ้ งสมุดช่วยปลูกฝังนิสยั รักการอ่านและการคน้ ควา้ เม่ือเขา้ หอ้ งสมุดไปอ่าน หรือศกึ ษาคน้ ควา้ หนงั สือหรือ สารนิเทศอ่ืนๆ เพ่ือความบนั เทิง หรือคลายเครียด กเ็ ป็นสิ่งหน่ึงท่ีจะสามารถปลูกฝังใหเ้ กิดนิสัยรักการอ่าน และ การคน้ ควา้ ได้ 4. หอ้ งสมุดช่วยส่งเสริมการใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ มนุษยเ์ ราเม่ือมีเวลาวา่ งมกั จะหากิจกรรมท่ีไม่ใช่งาน ประจาทา บางคนเลือกอ่านหนงั สือดูโทรทศั น์ ฟังวทิ ยุ ดูภาพยนตร์ ปลูกตน้ ไม้ เล้ียงสัตว์ ฯลฯ ซ่ึงการอ่าน หนงั สือกส็ ามารถนาความรู้ ความคิดใหม่ๆ ท่ีไดจ้ ากการอ่านไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั หรืองานประจาได้ หนงั สือ อ่านนอกจากจะซ้ือเป็นสมบตั ิส่วนตวั หรือยมื จากเพื่อน คนใกลช้ ิดอ่านแลว้ หอ้ งสมุดกเ็ ป็นแหล่งหน่ึงที่จะสนอง ความตอ้ งการดงั กล่าว 5. หอ้ งสมุดช่วยใหผ้ ใู้ ช้ มีความรู้ที่ทนั สมยั อยเู่ สมอ โดยทว่ั ไปหอ้ งสมุดมีหนา้ ที่จดั หาทรัพยากรสารนิเทศใหม่ๆ มาบริการผใู้ ชอ้ ยเู่ สมอ สารนิเทศบางประเภทจะมีการเสนอข่าวสารขอ้ มูลใหม่ๆ โดยเฉพาะหนงั สือพิมพ์ วารสาร ซ่ึงใหข้ อ้ มูลที่เป็นปัจจุบนั และทนั สมยั กวา่ หนงั สือ
บทที่ 2 3 ประเภทและวตั ถุประสงคห์ อ้ งสมุด ประเภทของห้องสมุด หอ้ งสมุดที่ใหบ้ ริการในประเทศไทย โดยทว่ั ไปแบ่งตามลกั ษณะหนา้ ที่และวตั ถุประสงคใ์ หบ้ ริการ ได้ 5 ประเภท 1. ห้องสมุดแห่งชาติ (National Library) เป็นแหล่งรวบรวมและเกบ็ รักษาหนงั สือพมิ พท์ ่ีพิมพ์ ภายในประเทศ ตามพระราชบญั ญตั ิการพิมพ์ ทาหนา้ ท่ีรวบรวมและรักษาวรรณกรรมของชาติ ศิลปวฒั นธรรมที่แสดงเอกลกั ษณ์ของประเทศ 2. ห้องสมุดวทิ ยาลยั และมหาวทิ ยาลยั เป็นศูนยส์ ารสนเทศในระดบั อุดมศึกษาครอบคลุมหลกั ศูนยก์ ลางศึกษา และการวจิ ยั พฒั นาใหเ้ กิดความรู้ใหม่ๆ 3. ห้องสมุดโรงเรียน เป็ นทจ่ี ดั ต้งั ขนึ้ ในโรงเรียน เพื่อการศึกษาคน้ ควา้ ของนกั เรียนและครูโรงเรียน ใชป้ ระกอบการเรียนการสอนตามหลกั สูตร ท้งั ในระบบประถมศึกษาและมธั ยมศึกษารวมท้งั เป็น ศูนยร์ วมวสั ดุศึกษาทุกชนิด ที่ครอบคลุมเน้ือหาที่มีในสูตร ครู นกั เรียนสามารถเลือกใชต้ ามความ ตอ้ งการ ความสนใจ และความสามารถของแต่ละบุคคล 4. ห้องสมุดประชาชน เป็นศูนยก์ ลางบริการสารสนเทศโดยตรงแก่ประชาชนทวั่ ไปในชุมชนมี ทรัพยากรสารสนเทศประเภท เพ่ือสนองความตอ้ งการความสนใจของผใู้ ชโ้ ดยเปิ ดใหป้ ระชาชนเขา้ ใชแ้ ละขอยมื หนงั สือออกนอกหอ้ งสมุดได้ 5. ห้องสมุดเฉพาะ เป็นแหล่งรวบรวมทรัพยากรสารสนเทศทุกรูปแบบ ท่ีมีเน้ือหาเฉพาะสาขาวิชาใด วิชาหน่ึง และสาขาอื่นท่ีเกี่ยวขอ้ ง เพื่อใหบ้ ริการแก่ผใู้ ชซ้ ่ึงเป็นผทู้ ี่ทางานหรือศึกษาในสาขาวชิ าน้นั ๆ โดยมีการกาหนดวตั ถุประสงคใ์ หส้ อดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคข์ องหน่วยงานตน้ สงั กดั
วตั ถุประสงคข์ องหอ้ งสมุด 4 หอ้ งสมุดโดยทว่ั ไปมีวตั ถุประสงคท์ ี่สาคญั 5 ประการ คือ 1. เพื่อการศึกษา (Education) หอ้ งสมุดเป็นสถานท่ีสาหรับการศกึ ษา คน้ ควา้ เปิ ดโอกาสใหท้ ุกคนศึกษาคน้ ควา้ อยา่ งเตม็ ที่ตามความสนใจ และความตอ้ งการของแต่ละบุคคล เป็นแหล่งที่สาคญั ท่ีจะช่วยส่งเสริมใหก้ ารจดั การศกึ ษาท้งั ระบบโรงเรียนและนอกโรงเรียนไดบ้ รรลุตามวตั ถุประสงค์ 2. เพ่ือให้ความรู้และข่าวสาร (Information) สังคมมีความเคล่ือนไหวและเปลี่ยนแปลงอยเู่ สมอ ดงั น้นั มนุษยใ์ น สงั คมจึงจาเป็นตอ้ งทราบข่าวสาร ความเคลื่อนไหวต่างๆ อยเู่ สมอเพอ่ื เป็นบุคคลท่ีทนั สมยั ทนั ต่อเหตุการณ์ มี ความเฉลียวฉลาด มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ 3. เพื่อการค้นคว้าวจิ ัย (Research) การคน้ ควา้ วจิ ยั เป็นสิ่งจาเป็นเพ่อื ความกา้ วหนา้ ทางวชิ าการ หอ้ งสมุดมี บทบาทมากในการเป็นแหล่งความรู้ขอ้ มูลต่างๆ เพอ่ื เป็นหลกั ฐานอา้ งอิง ในการวจิ ยั ผทู้ ่ีจะทาการวจิ ยั เร่ืองใหม่ๆ ยอ่ มตอ้ งการคน้ ควา้ เรื่องที่มีอยเู่ ดิมเพือ่ ความรู้ 4. เพื่อความจรรโลงใจ (Inspiration) การอ่านหนงั สือนอกจากจะไดร้ ับความรู้แลว้ ยงั ก่อใหเ้ กิดความสุข ทาง จิตใจ ซาบซ้ึง ในสานวนภาษาอนั ไพเราะชื่นชมในความคิดความดีงามของผอู้ ่ืน ความงดงามในศลิ ปะการเขียน ส่ิงเหล่าน้ีจะเป็นส่ิงบนั ดาลใจใหอ้ ยากทาในส่ิงที่ดีงาม และเป็นประโยชนต์ ่อตนเอง สังคม และประเทศชาติ 5. เพ่ือการพกั ผ่อนหย่อนใจ (Recreation) การอ่านหนงั สือเป็นการพกั ผอ่ นหยอ่ นใจที่ดีก่อใหเ้ กิดความ เพลิดเพลิน คลายความตึงเครียด รู้จกั ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ และยงั ช่วยปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน ใหม้ ีมาก ข้ึนอยา่ งต่อเน่ืองเป็นประจาสม่าเสมอ
บทที่ 3 5 วสั ดุสารสนเทศหอ้ งสมุด ความหมายของวสั ดุสารสนเทศน์ สารนิเทศ หรือ สารสนเทศ (Information) เป็นศพั ทบ์ ญั ญตั ิของคาวา่ Information ราชบณั ฑิตยสถานกาหนดใหใ้ ชไ้ ดท้ ้งั สองคา ในวงการคอมพิวเตอร์ การส่ือสาร และธุรกิจ นิยมใชค้ า วา่ “สารสนเทศ”ส่วนในวงการบรรณารักษศาสตร์ สารนิเทศศาสตร์ ใชค้ าวา่ “สารนิเทศ”ซ่ึงมี ความหมายกวา้ ง ๆ หมายถึง ขอ้ มูล ข่าวสารต่าง ๆ ที่มีการบนั ทึกอยา่ งเป็นระบบตามหลกั วชิ าการ เพ่ือนามาเผยแพร่และใชใ้ นงานต่าง ๆ ทุกสาขา ทรัพยากรสารนิเทศหอ้ งสมุด (Information Resources) หมายถึง วสั ดุท่ีใชบ้ นั ทึก ขา่ วสาร ความรู้ต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อการเสริมสร้างสติปัญญา อารมณ์และจิตใจของมนุษย์ ซ่ึงวสั ดุ เหล่าน้ีถูกจดั เกบ็ รวบรวมไวใ้ นหอ้ งสมุด โดยวสั ดุสารสนเทศของหอ้ งสมุดแบ่งเป็น 2 ประเภท 1.หนงั สือ (Book) 2.วสั ดุไม่ตีพิมพ์ (Nonprint Materials) แบ่งออกเป็น
วสั ดุตพี มิ พ์ (Printed Materials) 6 วสั ดุตีพิมพเ์ ป็นวสั ดุสารนิเทศประเภทแผน่ กระดาษ ที่ใชส้ าหรับการบนั ทึกความรู้ต่าง ๆ ซ่ึง ประกอบดว้ ย 1. หนงั สือ (Book) แบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ดงั น้ี 1.1 หนงั สือสารคดี (Non-Fiction Books) ประกอบดว้ ย 1.1.1 หนงั สือตาราวิชาการหรือแบบเรียน (Textbooks) 1.1.2 หนงั สืออ่านประกอบ (External Readings) 1.1.3 หนงั สือความรู้ทวั่ ไป (General Readings) 1.1.4 หนงั สืออา้ งอิง (Reference Books) 1.1.5 ปริญญานิพนธ์หรือวทิ ยานิพนธ์ (Thesis or Dissertations 1.1.6 หนงั สือคู่มือครู หลกั สูตร โครงการสอน แผนการสอน และคู่มือสถาบนั การศึกษาต่าง ๆ 1.2 หนงั สือบนั เทิงคดี (Fictions) 1.2.1 หนงั สือนวนิยาย (Fictions) 1.2.2 หนงั สือเรื่องส้นั (Short Story) 1.2.3 หนงั สือสาหรับเดก็ และเยาวชน (Baby Books 2. วารสาร นิตยสาร และหนงั สือพิมพ์ ประเภทน้ีประกอบดว้ ย 2.1 วารสาร (Periodicals or Journals) 2.2 นิตยสาร (Magazines) 2.3 หนงั สือพิมพ์ (Newspapers) 3. จุลสาร (Phamphlets) 4. กฤตภาค (Clippings)
2.2 วสั ดุไม่ตีพิมพ์ (Nonprint Materials) วสั ดุไม่ใชส้ าหรับการบนั ทึกขอ้ มูลความรู้ต่างๆ ประกอบดว้ ย 7 1.โสตทศั นวสั ดุ (Audio Visual Materials 1.1 แผน่ เสียง (Phonodiscs) และเทปบนั ทึกเสียง (Phonotapes) 1.2 ภาพยนตร์ (Motion pictures or Films) 1.3 เทปวดี ิทศั นแ์ ละแผน่ วดี ิทศั น์ (Videotapes and Videodiscs) 1.4 รูปภาพ (Pictures) 1.5 แผนท่ีและลูกโลก (Maps and Globes) 1.6 ภาพเล่ือน และภาพน่ิง (Filmstrips and Slides 1.7 แผนภูมิ (Charts) 1.8 แผน่ โปร่งใส (Transparencies) 1.9 หุ่นจาลอง (Models) 1.10 ของจริงและของตวั อยา่ ง (Reals and Specimens) 2. วสั ดุยอ่ ส่วน (Microforms) 2.1 ไมโครฟิ ลม์ (Microfilms 2.2 ไมโครฟิ ช (Microfiches) 3.วสั ดุอิเลก็ ทรอนิกส์ (Electronic Materials) 3.1 ซีดีรอม 3.2 แผน่ วดี ิทศั นร์ ะบบดิจิตอล 3.3 หนงั สืออิเลก็ ทรอนิกส์ 3.4 วารสารอิเลก็ ทรอนิกส์ 3.5 หนงั สือพิมพอ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ 3.6 ฐานขอ้ มูล 3.7 ไปรษณียอ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ 3.8 เคเบิลทีวี
บทที่ 4 8 การจดั หมวดหมหู่ นงั สือระบบทศนิยมดิวตี ้ ระบบทศนิยมดวิ อี้ (Dewey Decimal Classification) เรียกยอ่ ๆ วา่ D.C. หรือ D.D.C เป็นระบบการ จดั หมวดหมู่หนงั สือในหอ้ งสมุดที่นิยมระบบหน่ึง คิดคน้ ข้ึนโดยชาวอเมริกนั เมลวิล ดิวอ้ี ในขณะที่ เขา กาลงั เป็นผชู้ ่วยบรรณารักษอ์ ยทู่ ่ีวิทยาลยั แอมเฮอร์ส (Amherst College) การจดั หมวดหมู่หนงั สือ ตามระบบทศนิยมของดิวอ้ี แบ่งหนงั สือออกเป็นหมวดหมู่ต่างๆ จากหมวดหมู่ใหญ่ไปหาหมวดหมู่ ยอ่ ยต่างๆ หมวดใหญ่ การแบ่งหมวดหมู่หนงั สือระดบั ที่ 1 แบ่งตามประเภทของสรรพวิชาใหญ่ๆ 10 หมวด โดยใชต้ วั เลข หลกั ร้อยเป็นตวั บ่งช้ี 000 เบต็ เตลด็ หรือความรู้ทว่ั ไป (Generalities) 100 ปรัชญา (Philosophy) 200 ศาสนา (Religion) 300 สงั คมศาสตร์ (Social sciences) 400 ภาษาศาสตร์ (Language) 500 วิทยาศาสตร์ (Science) 600 วทิ ยาศาสตร์ประยกุ ต์ หรือเทคโนโลยี (Technology) 700 ศิลปกรรมและการบนั เทิง (Arts and recreation) 800 วรรณคดี (Literature) 900 ประวตั ิศาสตร์และภูมิศาสตร์ (History and geography)
9 การแบ่งหมวดหมู่หนงั สือระดบั ท่ี 2 แบ่งออกเป็นอีก 10 หมวดยอ่ ย โดยใชต้ วั เลขหลกั สิบเป็นตวั บ่งช้ี รวมเป็น 100 หมวดยอ่ ย เช่น 000 คอมพิวเตอร์ ความรู้ทวั่ ไป 010 บรรณานุกรม แคตตาลอ็ ก 020 บรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์ 030 หนงั สือรวบรวมความรู้ทว่ั ไป สารานุกรม 040 ยงั ไม่กาหนดใช้ 050 ส่ิงพิมพต์ ่อเนื่อง วารสาร และดรรชนี 060 องคก์ ารต่างๆ พิพิธภณั ฑวทิ ยา 070 วารสารศาสตร์ การพิมพ์ 080 ชุมนุมนิพนธ์ 090 ตน้ ฉบบั ตวั เขียน หนงั สือหายาก 100 ปรัชญา 200 ศาสนา 300 สงั คมศาสตร์ 400 ภาษา 500 วทิ ยาศาสตร์ 600 วิทยาศาสตร์ประยกุ ต์ เทคโนโลยี 700 ศิลปกรรม การบนั เทิง 800 วรรณกรรม วรรณคดี 900 ประวตั ิศาสตร์ ภูมิศาสตร์
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: