Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่มที่ 3 กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง

เล่มที่ 3 กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง

Published by pid_33, 2022-08-23 08:58:14

Description: เล่มที่ 3 กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง

Search

Read the Text Version

ชดุ การเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรโ์ ดยใชป้ ญั หาเป็นฐาน เรื่อง เซลลข์ องสิ่งมชี วี ิตและการดารงชีวิตของพชื กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 1 กติ ติมา สันตะกจิ โรงเรียนเทศบาล 4 บา้ นบ่อแขม (เรอื นพร้งิ อาสาสงเคราะห์) เทศบาลเมอื งชะอา จงั หวัดเพชรบุรี

คานา ชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เร่ืองเซลล์ของส่ิงมีชีวิตและการดารงชีวิต ของพืช ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 จัดทาขึ้นเพ่ือพัฒนาการการเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ของผู้เรียน ซึ่งผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง เสริมสร้างศักยภาพให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามความสามารถ โดยเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ และความแตกต่างระหว่างบุคคล ซ่ึงสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เร่ืองเซลล์ของส่ิงมีชีวิตและการดารงชีวิต ของพชื ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 มีท้งั หมด 5 ชุด ประกอบด้วย ชดุ ท่ี 1 เซลล์ ชดุ ที่ 2 กระบวนการลาเลียงสารของพชื ชดุ ท่ี 3 กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง ชุดท่ี 4 การสืบพันธุ์และการตอบสนองของพืชตอ่ สง่ิ เรา้ ชดุ ที่ 5 พืชกับเทคโนโลยีชวี ภาพ ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เร่ือง เซลล์ของสิ่งมีชีวิตและการดารงชีวิตของพืช ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 จะทาให้ผู้เรียนได้รับ ความรู้และประสบการณ์การเรียนวชิ าวทิ ยาศาสตร์มากขึ้น และสามารถนาความรู้ที่ได้รับมาพัฒนา คณุ ภาพการเรียนวทิ ยาศาสตร์ใหม้ ีประสทิ ธิภาพยงิ่ ขึน้ นางสาวกิตตมิ า สันตะกจิ ครู วทิ ยฐานะ ครูชานาญการพเิ ศษ กระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง

สารบัญ หน้า คานา 1 คาแนะนาการใช้ชดุ การเรยี นรู้ 2 คาแนะนาการใช้ชุดการเรยี นรูส้ าหรบั ครู 3 คาแนะนาการใช้ชดุ การเรยี นร้สู าหรบั ผเู้ รยี น 4 มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชี้วดั 5 จุดประสงค์การเรยี นรู้ 6 ผงั มโนทศั น์ 7 แบบทดสอบก่อนเรยี น 11 พชื สังเคราะห์แสงอยา่ งไร 12 กิจกรรมที่ 1 มารู้จักคลอโรฟิลล์กนั นะ 14 ปัจจยั ท่ีใช้ในการสงั เคราะห์ด้วยแสง 15 กิจกรรมท่ี 2 ปจั จัยที่ใชใ้ นการสงั เคราะหด์ ้วยแสง 17 กระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสงของพชื 18 กจิ กรรมที่ 3 แกส๊ ที่ได้จากการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง 20 แบบทดสอบหลังเรียน 23 เกณฑ์การประเมนิ แบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลังเรียน 24 แบบบันทึกผลการประเมินก่อนเรียนและหลงั เรียน 25 แบบประเมนิ กจิ กรรมกลุ่ม 26 เกณฑ์การประเมินกจิ กรรมกลุ่ม 28 แบบประเมนิ กิจกรรม 29 แบบบนั ทึกการประเมนิ กิจกรรม 30 เกณฑ์การประเมนิ กิจกรรม 31 แบบประเมินด้านคุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ 33 เกณฑ์การประเมนิ ด้านคณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์ 34 แบบประเมินสมรรถนะผู้เรยี นรายบุคคล 35 แบบบันทึกการประเมนิ สมรรถนะผู้เรยี น 36 เฉลยชุดการเรยี นร้ทู ่ี 3 กระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสง บรรณานกุ รม ประวตั ิผู้จัดทา กระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสง

1 คาแนะนาการใช้ชดุ การเรียนรู้ ชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เร่ืองเซลล์ของส่ิงมีชีวิตและการดารงชีวิต ของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 จัดทาขึ้นตาม ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้สืบเสาะหาความรู้ และสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยเน้นการใช้คาถามและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ให้ผู้เรียนได้คิดและลงมือปฏิบัติ โดยครูเป็นผู้กาหนดสถานการณ์ปัญหา ให้ผู้เรียนเกิดการคิด อย่างมีวิจารณญาณ การหาเหตุผล นาไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการสร้าง แรงจูงใจในการเรียนให้กับผู้เรียน ทาให้สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองอย่างต่อเน่ือง ความคงอยู่ ของความรูจ้ ะนานขนึ้ ลกั ษณะของการเรยี นร้โู ดยใช้ปญั หาเปน็ ฐาน ประกอบดว้ ย 1. ใช้ปญั หาสอดคลอ้ งกบั สถานการณ์จรงิ เป็นสงิ่ กระตนุ้ หรอื เร่ิมต้นในการแสวงหาความรู้ 2. บูรณาการความรใู้ นสาขาตา่ งๆทเี่ กยี่ วข้องกบั ปญั หานนั้ ๆ 3. เน้นกระบวนการคิดอย่างมีเหตุผลเป็นระบบ 4. เรยี นเปน็ กลมุ่ ย่อย โดยมีผ้สู อนเปน็ ผสู้ นับสนนุ และกระตุน้ ชุดการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์โดยใชป้ ญั หาเป็นฐาน เรือ่ ง เซลลข์ องสง่ิ มชี วี ิตและการดารงชีวิต ของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ชุดนี้มีข้ันตอน การเรียนรู้ ดังน้ี ขัน้ ที่ 1 ทดสอบก่อนเรียน ขั้นท่ี 2 ศกึ ษาเรยี นรูจ้ ากใบความรู้ ขัน้ ท่ี 3 ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมกลมุ่ ตามใบงาน ขัน้ ท่ี 4 ทดสอบหลังเรียน กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง

2 คาแนะนาการใชช้ ดุ การเรียนร้สู าหรบั ผูส้ อน เม่ือผู้สอนนาชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เร่ืองเซลล์ของสิ่งมีชีวิต และการดารงชีวิตของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ชุดน้ี ไปใช้ในการจดั กจิ กรรมการเรียนรคู้ วรปฏบิ ัติดังนี้ 1. ทดสอบความร้กู อ่ นเรียนของผูเ้ รียน เพื่อวดั ความร้พู ื้นฐานของผู้เรยี นแต่ละคน 2. จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เร่ือง เซลล์ของสิ่งมีชีวิตและการดารงชีวิตของพืช กลุ่มสาระเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ชดุ ที่ 3 กระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง ควบคกู่ บั แผนการจดั การเรยี นรู้ 3. ขณะปฏิบตั กิ จิ กรรมควรแนะนาผู้เรยี นอยา่ งใกล้ชิด 4. เมื่อผู้เรยี นปฏิบัตกิ จิ กรรมเรียบรอ้ ยแล้ว ให้ช่วยกนั ตรวจสอบคาตอบจากแบบเฉลย 5. ให้ผู้เรียนซักถามเน้อื หาทไ่ี มเ่ ข้าใจ แลว้ ผู้สอนอธิบายคามรเู้ พม่ิ เติม 6. ทดสอบความเขา้ ใจของผู้เรียน โดยใชแ้ บบทดสอบหลงั เรยี น 7. ใช้ชุดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคามรู้และทักษะให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และซ่อมเสริมความรู้ ด้วยตนเอง กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง

3 คาแนะนาการใช้ชดุ การเรียนร้สู าหรับผ้เู รยี น ก่อนที่ผู้เรียนจะนาชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เร่ืองเซลล์ ของสิ่งมีชีวิตและการดารงชีวิตของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 1 ชดุ นี้ ไปศกึ ษาเรียนรู้ ผู้เรียนควรทาความเข้าใจเก่ียวกับข้ันตอนการใช้ชุด การเรียนรู้อย่างละเอียดเพื่อจะได้ปฏิบัติได้ถูกต้อง โดยทาตามคาแนะนาและปฏิบัติตาม ขนั้ ตอน ดงั นี้ 1. อ่านคาชี้แจงในการใช้ชุดการเรียนรู้ให้เข้าใจ ศึกษาตัวชี้วัด จุดประสงค์การเรียนรู้ ก่อนศึกษาเรียนรู้ 2. ทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน โดยใช้เวลา 10 นาที เพอื่ วัดความรพู้ ื้นฐานของผู้เรยี น 3. ผเู้ รียนทากจิ กรรมตามชุดการเรียนรเู้ ป็นกลุ่ม โดยปฏิบัติดังนี้ ขั้นที่ 1 นาเสนอสถานการณป์ ัญหา ขน้ั ท่ี 2 ระบแุ ละวเิ คราะหป์ ญั หา ขน้ั ท่ี 3 ต้งั สมมตฐิ านการแกป้ ัญหา ขน้ั ที่ 4 แสวงหาความรแู้ ละรวบรวมข้อมลู ขั้นท่ี 5 อภปิ รายและสรุปภายในกลุ่มย่อย ขนั้ ท่ี 6 แลกเปลยี่ นความรใู้ นชน้ั เรยี น ขัน้ ที่ 7 ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 3. เมื่อผู้เรยี นปฏบิ ตั ิกจิ กรรมเรียบรอ้ ยแลว้ ช่วยกนั ตรวจสอบจากแบบเฉลยกจิ กรรม 5. ในการทากิจกรรมตามชุดการเรียนรู้ ไม่ควรเปิดเฉลยดูก่อน ขอให้มีความซื่อสัตย์ ต่อตนเองใหม้ ากทสี่ ุด 6. เม่ือศึกษาเรียนรู้และทากิจกรรมตามท่ีกาหนดแล้ว ให้ทาแบบทดสอบหลังเรียน เพอื่ ประเมินความเข้าใจและความก้าวหนา้ ของตนเองในการเรยี นรู้ กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง

4 มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ช้ีวดั มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.2 สมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวิต การลาเลียงสารเข้า และออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ ทางานสมั พนั ธ์กนั รวมทง้ั นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตัวชี้วดั ว 1.2 ม.1/6 ระบุปจั จัยที่จาเป็นในการสงั เคราะห์ด้วยแสง และผลผลติ ท่ี เกดิ ข้ึนจากการสงั เคราะห์ด้วยแสง โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ว 1.2 ม.1/7 อธบิ ายความสาคญั ของการสงั เคราะห์ด้วยแสง ของพชื ต่อ ส่ิงมชี วี ติ และสิ่งแวดล้อม กระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง

5 จุดประสงค์การเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) 1. ผเู้ รยี นมคี วามรูค้ วามเข้าใจโครงสร้างของใบพชื 2. ผ้เู รยี นมคี วามรู้ความเขา้ ใจความสาคัญของการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง 3. ผเู้ รยี นเขา้ ใจและอธบิ ายกระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพืชได้ ด้านทักษะกระบวนการ (P) 1. ระบปุ ญั หาและสมมติฐานของกจิ กรรมได้ 2. ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมการทดลองตามข้นั ตอนที่กาหนดให้ได้ 3. นาเสนอผลการอภปิ รายหลังการปฏิบตั กิ จิ กรรมได้ ดา้ นคณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ (A) 1. มวี ินัย 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มงุ่ ม่นั ในการทางาน 4. มีความรอบคอบ 5. มเี จตคติที่ดตี ่อการเรยี นวิทยาศาสตร์ กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง

6 ผงั มโนทัศน์ เซลล์ของสิง่ มีชวี ิตและกระบวนการดารงชีวติ ของพชื ความหมายและหน้าทีข่ องเซลล์ การศึกษาเซลลด์ ้วยกล้องจุลทรรศน์ เซลล์ ขนาดและรูปรา่ งของเซลล์ ส่วนประกอบของเซลล์ กระบวนการ การแพร่และการออสโมซิส ลาเลียงสาร การลาเลยี งนา้ และอาหารของพืช โครงสร้างระบบลาเลียงของพืช ของพชื การบวนการ พืชสังเคราะหแ์ สงอย่างไร สงั เคราะหด์ ว้ ยแสง ปัจจยั ทใ่ี ช้ในการสังเคราะห์ดว้ ยแสง กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง การสืบพนั ธุ์ โครงสรา้ งของดอกท่เี กี่ยวข้องกบั การสืบพนั ธุ์ และการตอบสนอง การสบื พันธุ์แบบอาศยั เพศของพืช ของพชื ตอ่ ส่งิ เรา้ การสบื พันธ์ุแบบไม่อาศัยเพศของพืช การตอบสนองตอ่ สิ่งเรา้ ของพืช พชื กับ เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีชวี ภาพการขยายพนั ธ์พุ ชื เทคโนโลยีชวี ภาพการปรับปรงุ พนั ธุ์ และเพิ่มผลผลิตพืช ประโยชนข์ องเทคโนโลยีชีวภาพ กระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสง

7 แบบทดสอบก่อนเรยี น ชดุ การเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์โดยใชป้ ญั หาเป็นฐาน เรือ่ ง เซลล์ของสงิ่ มีชีวติ และการดารงชวี ติ ของพืช ชดุ ที่ 3 กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 คาช้ีแจง ให้นกั เรียนเขยี นเครือ่ งหมาย × ขอ้ ทถี่ ูกตอ้ งลงในกระดาษคาตอบ 1. การสร้างอาหารของพชื มีการเปลี่ยนรูปพลังงานอย่างไร ก. พลังงานเคมีเปน็ พลังงานแสง ข. พลังงานแสงเปน็ พลังงานเคมี ค. พลงั งานความร้อนเปน็ พลงั งานเคมี ง. พลงั งานแสงเปน็ พลงั งานความรอ้ น แสง 2. กระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสงของพชื มดี ังน้ี A + B F C + D + E ถ้า A เป็นแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ B , E และ F คืออะไร ตามลาดบั ก. นา้ , นา้ , คลอโรฟลิ ล์ ข. แก๊สออกซิเจน , นา้ , คลอโรฟลิ ล์ ค. น้า , แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ , คลอโรฟิลล์ ง. แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ , น้า , คลอโรฟิลล์ 3. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ ปัจจยั สาคัญในการสังเคราะห์ด้วยแสง ก. นา้ ข. แสง ค. แกส๊ ออกซิเจน ง. แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ กระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง

8 4. การสังเคราะหด์ ้วยแสงหมายถึงอะไร ก. กระบวนการสร้างอาหารของพชื ข. กระบวนการคายความร้อนของพชื ค. กระบวนการเปลยี่ นแรธ่ าตเุ ป็นแปงู ง. กระบวนการเปลีย่ นพลงั งานความรอ้ น 5. ผลิตภณั ฑท์ ไ่ี ด้จากกระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสงของพืชคือข้อใด ก. แกส๊ ออกซิเจน , นา้ , แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ข. นา้ ตาลกลูโคส , น้า , แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ ค. แกส๊ ออกซิเจน , แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ , น้า ง. นา้ ตาลกลโู คส , แก๊สออกซิเจน , นา้ 6. กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงมีความสัมพนั ธ์กับสงิ่ ใดมากทีส่ ดุ ก. ปรมิ าณธาตุอาหารท่ีจาเป็นในดนิ ข. ปรมิ าณอาหารทจี่ าเป็นต่อสงิ่ มชี ีวิตทุกชนดิ ค. จานวนพืชและสัตวท์ ่อี าศยั อยู่ในบริเวณต่างๆ ง. การหมนุ เวยี นของแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์และแก๊สออกซิเจน 7. ข้อใดสรุปถูกต้องเกีย่ วกบั กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง ก. การสังเคราะหด์ ้วยแสงของพืชเกดิ ขน้ึ ที่บรเิ วณใบเทา่ นนั้ ข. พชื สง่ อาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆของลาต้นในรูปของน้าตาล ค. แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์เกดิ จากกระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสง ง. แก๊สออกซิเจนเป็นวตั ถุดิบทีใ่ ช้ในกระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสง กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง

9 8. รงควตั ถุสเี ขียวท่ีพืชใช้ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง คือข้อใด ก. กลูโคส ข. แคโรทนี ค. คลอโรฟลิ ล์ ง. คลอโรพลาสต์ 9. เมอื่ ตดั กงิ่ ไมท้ ี่มีใบมาวางไวใ้ นที่รม่ ในตอนกลางวนั จะยังมีการสงั เคราะหแ์ สงในใบไมห้ รือไม่ ถา้ ก่ิงไมน้ ้นั ยงั สดอยู่ ก. ไมม่ ี เนื่องจากก่งิ ไมถ้ ูกตดั ขาด ข. มี เพราะเซลล์ของพชื ยังมชี ีวิต ค. ไม่มี เพราะเซลล์ของพืชจะตาย ง. ไมม่ ี เพราะไม่ถูกแสงแดดโดยตรง 10. ต้นอ่อนของพืชจาเปน็ ต้องสร้างอาหารด้วยการสังเคราะห์ด้วยแสงหรือไม่ เพราะเหตุใด ก. จาเปน็ เพราะต้องเร่งการเจริญเตบิ โต ข. ไม่จาเป็น เพราะมอี าหารสะสมอยแู่ ล้ว ค. ไม่จาเปน็ เพราะรากสามารถหาอาหารได้ ง. จาเป็น เพราะพืชทุกชนิดต้องสรา้ งอาหาร กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง

10 พชื สงั เคราะห์ด้วยแสงอย่างไรนะ? มาเรยี นรู้เรือ่ ง “กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง”กันค่ะ พชื สังเคราะหด์ ว้ ยแสงได้อยา่ งไร กระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสงสาคัญอย่างไร ถ้าไมม่ ีกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง พชื จะเป็นอยา่ งไร ไปเรียนรูก้ นั เลย กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง

11 พืชสงั เคราะห์ด้วยแสงอย่างไร ใบ คือ อวัยวะของพืชหรือรยางค์ที่เจริญออกมาจากข้อลาต้นและก่ิง ใบส่วนใหญ่จะมีสีเขียว ของคลอโรฟิลล์ ใบของพืชมีรูปร่างลักษณะแตกต่างกันไปตามชนิดของพืช ทาหน้าท่ีหลัก ในการสงั เคราะห์ด้วยแสง หายใจ และคายน้า การสังเคราะหด์ ้วยแสง คือ การสรา้ งอาหารของพชื พืชเปน็ ส่งิ มชี ีวิตทีส่ รา้ งอาหารเองได้ พชื สีเขยี วจงึ เป็นผู้ผลิตอาหารสาหรบั สิ่งมชี ีวิตอื่นๆบนโลก การสงั เคราะห์ดว้ ยแสงตอ้ งอาศยั ปจั จัยต่างๆ คือ คลอโรฟลิ ล์ แสง แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และนา้ คลอโรฟิลล์ คือ รงควตั ถุที่มีขนาดเลก็ มาก เปน็ สารประกอบท่มี สี เี ขยี ว สามารถพบในส่วนทม่ี สี ี เขียวของพชื ในสาหร่ายทุกชนิด และในแบคทเี รียบางชนดิ เป็นโมเลกุลที่รบั พลงั งานจากแสงมาใชใ้ น กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง เพ่ือที่จะสร้างสารอินทรยี ์ เชน่ น้าตาล เพอื่ ให้พชื นาไปใชใ้ นการ ดารงชีวิต คลอโรฟลิ ล์ อยูภ่ ายในโครงสรา้ งที่ชื่อวา่ เย่ือหุ้มไทลาคอยล์ ซ่ึงเปน็ โครงสรา้ งท่ีมีเย่ือห้มุ ท่ีอยู่ ภายในออรแ์ กเนลล์ ท่ีชื่อว่า คลอโรพลาสต์ ท่ีมา : http://www.thaibiotech.info กระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสง

12 กิจกรรมท่ี 1 มารจู้ ักคลอโรฟลิ ล์กันนะ จดุ ประสงค์ 1. ศึกษาเรยี นรู้ อธิบายรปู ร่างและหน้าทีข่ องคลอโรฟลิ ลไ์ ด้ 2. บอกความสาคัญของคลอโรฟลิ ลท์ มี่ ตี ่อการสังเคราะห์ด้วยแสงได้ สอ่ื การเรยี นรู้ 1. ใบสาหร่ายหางกระรอก 2. ใบว่านกาบหอย 3. กล้องจุลทรรศน์ 4. แผน่ สไลด์ กระจกปดิ สไลด์ 2 แผ่น กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. นาใบอ่อนของสาหร่ายหางกระรอกวางบนแผน่ สไลด์ นาไปส่องดู ด้วยกล้องจลุ ทรรศน์ สังเกตแล้ววาดภาพรงควตั ถทุ ี่พบในเซลล์ 2. นาใบวา่ นกาบหอยมาฉกี ให้ได้แผ่นดา้ นล่างของใบบางๆ ตัดสว่ นทบี่ างทส่ี ดุ วางบนแผ่นสไลด์ แลว้ นาไปส่องดูดว้ ยกล้องจลุ ทรรศน์ สังเกตแลว้ วาดภาพ คาถามก่อนทากิจกรรม 1. ปัญหาของการทากิจกรรมนค้ี ืออะไร ............................................................................................................................. ............................ ............................................................................................................................. ............................ 2. สมมติฐาน .................................................................................................................... ................... ............................................................................................................................. ............................ ............................................................................................................................. ............................ บนั ทึกผลกจิ กรรม เซลลว์ า่ นกาบหอย เซลล์สาหรา่ ยหางกระรอก กระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสง

13 คาถามหลงั ทากิจกรรม 1. โครงสรา้ งที่เหน็ ชัดเจน ในเซลล์สาหรา่ ยหางกระรอก ลกั ษณะเปน็ เมด็ กลมรจี านวนมาก มีสีเขียว คืออะไร ทาหนา้ ที่อะไร ............................................................................................................................ ............................ ............................................................................................................................ ............................ 2. รงควัตถุสีเขียวทเี่ หน็ ในเซลลข์ องสาหรา่ ยหางกระรอก บรรจุอยู่ในเมด็ กลมรี คืออะไร มีหนา้ ทอี่ ย่างไร ............................................................................................................................ ............................ ............................................................................................................................ ............................ 3. เพราะเหตใุ ดจงึ มองไม่เหน็ นิวเคลยี สในเซลล์สาหรา่ ยหางกระรอก ............................................................................................................................ ............................ ............................................................................................................................ ............................ 4. เซลลว์ า่ นกาบหอย ประกอบดว้ ยโครงสร้างอะไรบ้าง และทาหน้าท่ีอย่างไร ............................................................................................................................ ............................ ............................................................................................................................ ............................ สรปุ ผลกจิ กรรม ................................................................................................................................. ........................................................................................................................................... ............................................................................................................................................. ตอบไดไ้ หมครับ กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง

14 ปจั จยั ทใี่ ช้ในการสังเคราะห์ดว้ ยแสง ปัจจัยสาคัญในกระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง 1. แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นแก๊สที่เกิดขึ้นจากการหายใจของพืชและส่ิงมีชีวิต ต่างๆ เกิดจากการเผาไหม้ของสาร และการย่อยสลายของสิ่งมีชีวิตและส่ิงไม่มีชีวิต ซ่ึงในอากาศ มีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 0.03 - 0.04 % แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เป็นวัตถุดิบที่ใช้ ในการสร้างอาหารของพืช โดยเป็นแก๊สท่ีให้ธาตุคาร์บอนแก่พืช เพื่อนาไปใช้การสร้างแปูง และน้าตาล 2. นา้ (H2O) เปน็ วัตถดุ บิ ที่พชื ดูดซึมมาจากดนิ โดยอาศัยหลกั การแพร่ของน้า จากรากเข้าสู่ ท่อลาเลียงน้าของพืชไปยังใบ น้าเป็นสารท่ีให้ธาตุไฮโดรเจนแก่พืช เมื่อธาตุไฮโดรเจนรวมกับแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์จะได้เป็นสารประกอบคารโ์ บไฮเดรต 3. แสงสว่าง (light) เป็นพลังงานที่มีบทบาทสาคัญต่อกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ของพืช โดยพลังงานแสงทาให้เกิดปฏิกิริยาเคมีระหว่างแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และน้า ซึ่งเป็น วัตถุดิบสาคัญในการสร้างน้าตาลกลูโคสและแก๊สออกซิเจน พืชแต่ละชนิดต้องการแสงเพ่ือใช้ ในการสร้างอาหารไม่เท่ากัน พืชบางชนิดต้องการแสงในปริมาณมาก เช่น ทานตะวัน เฟ่ืองฟูา ขา้ ว เปน็ ตน้ แตพ่ ชื บางชนดิ ต้องการแสงในปริมาณน้อย เช่น พลดู า่ ง เป็นต้น 4. คลอโรฟิลล์ (chlorophyll) เป็นสารประกอบพวกรงควัตถุท่ีทาหน้าที่ดูดกลืนพลังงาน แสงสีต่างๆจากแสงแดด (ยกเว้นแสงสีเขียวและสีเหลือง) คลอโรฟิลล์เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีธาตุ แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก และธาตุแมงกานีสเป็นองค์ประกอบอยู่ภายในโมเลกุล พบได้ในพืชและ สาหร่ายทุกชนิด ทม่ี า : http://www.scimath.org. กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง

15 กิจกรรมท่ี 2 ปจั จัยทใี่ ชใ้ นการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง จดุ ประสงค์ ทาการทดลองเพ่อื สรปุ ความสาคัญของคลอโรฟิลล์ต่อการสังเคราะห์ ด้วยแสงของพืชได้ สอื่ การเรียนรู้ 1. ใบชบาด่าง 1 ใบ 2. สารละลายไอโอดนี 5 ลบ.ซม. 3. นา้ แปงู 5 ลบ.ซม. 4. แอลกอฮอล์ 5 ลบ.ซม. 5. หลอดหยด 1 อัน 6. นา้ 40 ลบ.ซม. 7. หลอดทดลองขนาดใหญ่ 1 หลอด 8. หลอดทดลองขนาดเลก็ 1 หลอด 9. บีกเกอร์ขนาด 250 ลบ.ซม. 10. ถว้ ยกระเบ้ือง 1 ใบ 11. ปากคีบ 1 อัน 12. แท่งแก้วคนสาร 1 อัน 13. ตะเกยี งแอลกอฮอล์พร้อมท่ีกนั้ ลมและตะแกรงลวด 1 ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ 1. นาใบชบาดา่ งทีถ่ ูกแสง 3 ชวั่ โมง มาวาดรูปแสดงส่วนทเี่ ปน็ สีเขียวและสขี าว 2. ต้มน้า 40 ลบ.ซม. ในบกี เกอร์ให้เดือด ใส่ใบชบาด่างลงไปต้มตอ่ อกี 1 นาที 3. คบี ใบชบาดา่ งจากบีกเกอร์ใส่หลอดทดลองขนาดใหญท่ มี่ ีแอลกอฮอล์ ต้มหลอดทดลองในนา้ เดอื ด 2 นาที แลว้ คีบใบชบาดา่ งจากหลอดทดลองจ่มุ ในบีกเกอร์ที่มีนา้ เยน็ 4. คีบใบชบาด่างใส่ถ้วยกระเบือ้ ง หยดสารละลายไอโอดีนใหท้ ่ัวทัง้ ใบ ทิง้ ไวค้ ร่งึ นาที ลา้ งใบชบา ดา่ ง สังเกตการเปลีย่ นแปลง วาดภาพเปรียบเทยี บกบั ภาพท่วี าดไว้ก่อนทดลอง และบันทกึ ผลการ สังเกต 5. ใส่นา้ แปงู ลงในหลอดทดลอง หยดสารละลายไอโอดนี 2 หยด ลงในน้าแปงู สงั เกตการ เปลย่ี นแปลงและบันทึกผลการสังเกต คาถามกอ่ นทากิจกรรม 1. ปัญหาของการทากิจกรรมนีค้ ืออะไร ............................................................................................................................. ............................ ............................................................................................................................. ............................ 2. สมมตฐิ าน .................................................................................................................... ................... ............................................................................................................................. ............................ ............................................................................................................................. ............................ บันทึกผลกจิ กรรม ส่ิงทนี่ ามาทดสอบ ผลการทดสอบกบั สารละลายไอโอดนี ส่วนสีเขยี วของใบชบาดา่ ง สว่ นสขี าวของใบชบาดา่ ง น้าแปูง กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง

16 คาถามหลังทากิจกรรม 1. การทดลองน้ถี ้าไม่ใชใ้ บชบาด่าง สามารถใชใ้ บพืชชนดิ ใดแทนได้บา้ ง ............................................................................................................................ ............................ 2. เหตุใดต้องตม้ ใบชบาด่างในแอลกอฮอล์ ............................................................................................................................ ............................ 3. นกั เรยี นคิดวา่ ส่วนใดของใบชบาด่างทส่ี ามารถสังเคราะหด์ ้วยแสงได้ ............................................................................................................................ ............................ 4. เพราะเหตุใดจึงตอ้ งใส่แอลกอฮอล์ในหลอดทดลองแลว้ คอ่ ยต้มในบีกเกอร์ ทาไมจงึ ไม่ ใส่แอลกอฮอลใ์ นบีกเกอร์แลว้ ตม้ โดยตรง ............................................................................................................................ ............................ ............................................................................................................................ ............................ สรุปผลกจิ กรรม ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................................. ................................. ............................................................................................................................. .................................. ............................................................................................................................. .................................. ............................................................................................................................. ............................... หาคาตอบกนั ไดไ้ หมครบั กระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง

17 กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพชื กระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสงของพืช สารตง้ั ตน้ ในการสงั เคราะหด์ ้วยแสง คือ แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ และ น้า ผลติ ภณั ฑ์ท่ไี ดจ้ าการสงั เคราะหด์ ้วยแสง คอื น้าตาลกลโู คส และ แก๊สออกซเิ จน ผลพลอยไดจ้ ากการสงั เคราะห์ด้วยแสง คือ น้า สมการการสังเคราะหด์ ้วยแสง แสง C6H12O6 + 6O2 + 6H2O 6CO2 + 6H2O คลอโรฟลิ ล์ น้าตาลกลูโคส แก๊สออกซเิ จน น้า แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ นา้ กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง

18 กจิ กรรมท่ี 3 แกส๊ ทีไ่ ดจ้ ากการสงั เคราะหด์ ้วยแสง จดุ ประสงค์ ทาการทดลองเพ่ือตรวจสอบได้วา่ แกส๊ ท่ีเกิดจากการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง คอื แก๊สออกซเิ จน สื่อการเรยี นรู้ 1. สาหรา่ ยหางกระรอก 10 ตน้ 2. อ่างแก้วขนาด 2 ลิตร 3. หลอดทดลองขนาดกลาง 1 หลอด 4. ธูป 1 ดอก 5. นา้ 2,500 ลบ.ซม. 6. กรวยแกว้ 1 อัน 7. ไมข้ ดี ไฟ 1 กลัก กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ใสส่ าหร่ายหางกระรอกในกรวยแก้ว คว่ากรวยแก้วลงในอา่ งแก้วท่ีมนี า้ อยู่ โดยให้ปลาย ของกรวยแกว้ จมอย่ใู นนา้ 2. ใส่นา้ ใหเ้ ต็มหลอดทดลอง แลว้ คว่าหลอดทดลองให้ครอบปลายกรวยแกว้ โดยไม่ให้มี ฟองอากาศเกดิ ขน้ึ 3. นาอุปกรณ์ท้ังหมดไปตง้ั ไว้กลางแดดประมาณ 3-4 ช่วั โมง สงั เกตการเปลย่ี นแปลงทเ่ี กิดขน้ึ ในหลอดทดลอง 4. คอ่ ยๆยกหลอดทดลองขน้ึ เหนือกรวยแกว้ อยา่ งช้าๆ แลว้ ใชม้ ืออุดปากหลอดทดลองตอนอยู่ ใต้นา้ แล้วจงึ ยกหลอดทดลองข้ึนมาเหนอื น้า 5. รีบนาธปู ที่ตดิ ไฟแหยล่ งไปในหลอดทดลองทันที สงั เกตการเปลีย่ นแปลงทีเ่ กิดขึ้น แล้วบันทึก ผลการสงั เกต คาถามก่อนทากิจกรรม 1. ปัญหาของการทากิจกรรมนคี้ อื อะไร ............................................................................................................................. ............................ ............................................................................................................................. ............................ 2. สมมติฐาน .................................................................................................................... ................... ............................................................................................................................. ............................ ............................................................................................................................. ............................ บันทกึ ผลกิจกรรม ผลการสังเกต สิ่งทส่ี ังเกต ตง้ั ชดุ ทดลองไวก้ ลางแดด 3-4 ชว่ั โมง ใชธ้ ปู ตดิ ไฟแหยล่ งไปในหลอดทดลอง กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง

คาถามหลังทากจิ กรรม 19 ชว่ ยกันคดิ นะเด็กๆ 1. ถา้ ทาการทดลองนี้ในทม่ี ดื ผลการทดลองจะเปน็ อย่างไร ............................................................................................................................ ............................ 2. ถา้ ในการทดลองไม่มแี สงแดด สามารถใช้ส่ิงใดเปน็ แหล่งกาเนิดแสงได้ ............................................................................................................................ ............................ ............................................................................................................................ ............................ 3. ฟองอากาศคืออะไร และมาจากสว่ นใดของสาหร่ายหางกระรอก ............................................................................................................................ ............................ ............................................................................................................................ ............................ 4. ทราบไดอ้ ยา่ งไรวา่ ฟองอากาศคืออะไร ............................................................................................................................ ............................ ............................................................................................................................ ............................ 5. แก๊สทีไ่ ดจ้ ากการทดลองในกจิ กรรมนม้ี ีประโยชน์ตอ่ สง่ิ มีชีวิตอื่นหรือไม่ อย่างไร ............................................................................................................................ ............................ ............................................................................................................................ ............................ สรุปผลกจิ กรรม ............................................................................................................................ ............................ ............................................................................................................................ ............................ ............................................................................................................................ ............................ ............................................................................................................................ ............................ กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง

20 แบบทดสอบหลังเรียน ชดุ การเรยี นรู้วิทยาศาสตรโ์ ดยใช้ปญั หาเป็นฐาน เรอ่ื ง เซลล์ของสง่ิ มีชวี ติ และการดารงชีวิตของพืช ชุดท่ี 3 กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 1 คาช้แี จง ให้นักเรียนเขยี นเครือ่ งหมาย × ข้อทีถ่ กู ตอ้ งลงในกระดาษคาตอบ 1. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ ปัจจยั สาคัญในการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง ก. น้า ข. แสง ค. แก๊สออกซิเจน ง. แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ 2. รงควตั ถุสเี ขยี วทพี่ ชื ใช้ในกระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสง คอื ข้อใด ก. กลโู คส ข. แคโรทนี ค. คลอโรฟลิ ล์ ง. คลอโรพลาสต์ 3. ต้นออ่ นของพชื จาเปน็ ต้องสร้างอาหารด้วยการสังเคราะห์ด้วยแสงหรอื ไม่ เพราะเหตุใด ก. จาเป็น เพราะต้องเร่งการเจริญเติบโต ข. ไม่จาเป็น เพราะมอี าหารสะสมอย่แู ล้ว ค. ไมจ่ าเป็น เพราะรากสามารถหาอาหารได้ ง. จาเป็น เพราะพชื ทุกชนดิ ต้องสรา้ งอาหาร กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง

21 แสง 4. กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพชื มดี งั น้ี A + B F C + D + E ถ้า A เปน็ แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ B , D และ F คืออะไร ตามลาดบั ก. น้า , นา้ , คลอโรฟิลล์ ข. แก๊สออกซิเจน , นา้ , คลอโรฟิลล์ ค. นา้ , แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ , คลอโรฟิลล์ ง. แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ , น้า , คลอโรฟิลล์ 5. การสรา้ งอาหารของพชื มีการเปล่ยี นรูปพลังงานอยา่ งไร ก. พลงั งานเคมเี ปน็ พลงั งานแสง ข. พลังงานแสงเป็นพลงั งานเคมี ค. พลังงานความร้อนเปน็ พลังงานเคมี ง. พลงั งานแสงเปน็ พลงั งานความรอ้ น 6. เมือ่ ตัดก่งิ ไมท้ ่ีมีใบมาวางไวใ้ นที่ร่มในตอนกลางวนั จะยังมกี ารสังเคราะหแ์ สงในใบไม้หรอื ไม่ ถา้ กิ่งไมน้ ้ันยังสดอยู่ ก. ไม่มี เน่ืองจากกิ่งไมถ้ ูกตดั ขาด ข. มี เพราะเซลล์ของพืชยังมีชีวติ ค. ไมม่ ี เพราะเซลล์ของพืชจะตาย ง. ไม่มี เพราะไม่ถกู แสงแดดโดยตรง กระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง

22 7. การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงหมายถงึ อะไร ก. กระบวนการสร้างอาหารของพชื ข. กระบวนการคายความร้อนของพชื ค. กระบวนการเปลยี่ นแร่ธาตเุ ป็นแปงู ง. กระบวนการเปลยี่ นพลงั งานความรอ้ น 8. ผลิตภัณฑท์ ่ีไดจ้ ากกระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพืชคือข้อใด ก. แกส๊ ออกซิเจน , น้า , แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ ข. นา้ ตาลกลูโคส , นา้ , แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ ค. แก๊สออกซิเจน , แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ , นา้ ง. นา้ ตาลกลูโคส , แกส๊ ออกซิเจน , น้า 9. กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงมีความสมั พนั ธก์ บั ส่งิ ใดมากทส่ี ุด ก. ปริมาณธาตอุ าหารทีจ่ าเป็นในดิน ข. ปรมิ าณอาหารทจ่ี าเปน็ ต่อสงิ่ มชี วี ติ ทุกชนิด ค. จานวนพืชและสัตว์ท่ีอาศัยอยู่ในบริเวณต่างๆ ง. การหมนุ เวยี นของแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์และแกส๊ ออกซิเจน 10. ข้อใดสรปุ ถูกต้องเก่ียวกับกระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสง ก. การสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพืชเกดิ ข้นึ ทบ่ี ริเวณใบเทา่ น้ัน ข. พชื สง่ อาหารไปเลย้ี งสว่ นตา่ งๆของลาตน้ ในรปู ของน้าตาล ค. แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์เกิดจากกระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง ง. แก๊สออกซิเจนเป็นวัตถดุ ิบทใี่ ช้ในกระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง

23 แบบบันทึกผลการประเมินกอ่ นเรียนและหลังเรียน ชดุ การเรียนรวู้ ิทยาศาสตรโ์ ดยใชป้ ญั หาเป็นฐาน เรือ่ ง เซลล์ของสิง่ มชี ีวติ และการดารงชวี ิตของพชื ชดุ ท่ี 3 กระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสง กล่มุ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 1 การประเมิน เลขท่ี ชือ่ - นามสกุล ก่อนเรียน ผล หลังเรยี น ผล หมายเหตุ การประเมนิ การประเมิน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง

24 เกณฑก์ ารประเมินแบบทดสอบกอ่ นเรยี น และหลงั เรียน 6 - 10 คะแนน หมายถึง ผา่ นเกณฑ์การประเมิน ต่ากวา่ 6 คะแนน หมายถึง ไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมิน ระดบั คุณภาพ 9 - 10 คะแนน หมายถึง ดมี าก 7 - 8 คะแนน หมายถึง พอใช้ ต่ากว่า 6 คะแนน หมายถงึ ไมผ่ า่ นเกณฑก์ ารประเมิน กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง

25 แบบประเมนิ กจิ กรรมกลุ่ม กลุ่มท่ี......................................................... เรอื่ ง............................................................................... คาชแ้ี จง ใหผ้ ปู้ ระเมินใส่เครือ่ งหมาย ลงในชอ่ งวา่ งตามความเป็นจริง ที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 4321 1 ความร่วมมือกนั ภายในกลุ่ม 2 ความสนใจและความต้ังใจในการทางาน 3 การนาเสนอผลงาน 4 ทกั ษะการแกป้ ญั หา 5 ความคิดรเิ ริม่ สร้างสรรค์ รวมคะแนน 20 คะแนน เกณฑท์ ่ใี ชใ้ นการประเมิน 4 คะแนน หมายถงึ ดีมาก ดี 3 คะแนน หมายถงึ พอใช้ ปรับปรงุ 2 คะแนน หมายถึง 1 คะแนน หมายถงึ ระดับคณุ ภาพ ไดร้ ะดบั คณุ ภาพ 4 หมายถงึ ดมี าก ได้ระดับคุณภาพ 3 หมายถึง ดี คะแนนรวม 16 - 20 คะแนน ได้ระดับคณุ ภาพ 2 หมายถึง พอใช้ คะแนนรวม 11 - 15 คะแนน ไดร้ ะดบั คุณภาพ 1 หมายถึง ปรับปรงุ คะแนนรวม 6 - 10 คะแนน คะแนนรวม 1 - 5 คะแนน กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง

26 เกณฑ์การประเมนิ กจิ กรรมกลมุ่ ประเด็น ระดบั คณุ ภาพ การประเมนิ ท่ี ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ 4 คะแนน 0 คะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน สว่ นน้อย ไมป่ ฏบิ ตั ิ 1 ความร่วมมือกัน ทกุ คนปฏบิ ตั ิหนา้ ที่ สว่ นใหญ่ปฏิบตั ิ บางส่วนปฏิบัติ หน้าทีข่ องตนตามท่ี ได้รับมอบหมาย ภายในกลุ่ม ของตนเองตามที่ หนา้ ท่ขี องตนตามท่ี หนา้ ทข่ี องตนตามท่ี ไม่ช่วยเหลือเพอ่ื น และไมย่ อมรบั ฟงั ได้รับมอบหมาย ได้รบั มอบหมาย ไดร้ ับมอบหมายและ ความคดิ เห็น ของผ้อู นื่ และช่วยเหลอื เพ่ือน และช่วยเหลือเพ่อื น ช่วยเหลือเพอ่ื น ในกล่มุ เปน็ อยา่ งดี ในกลุ่ม ยอมรบั ฟัง ในกลุม่ ยอมรับฟัง มีความรับผดิ ชอบ ความคดิ เห็นของ ความคดิ เห็นของ ยอมรับฟงั ความ ผอู้ น่ื เปน็ สว่ นใหญ่ ผู้อน่ื บา้ งเลก็ นอ้ ย คดิ เห็นของผอู้ ื่น ทุกครง้ั 2 กระบวนการ มีการวางแผน มกี ารวางแผน มีการวางแผน มกี ารวางแผน ทางานของกลมุ่ การทางานอย่างเป็น การทางานอยา่ ง การทางานอย่างเปน็ การทางานอยา่ ง ขนั้ ตอนทุกครง้ั เปน็ ขั้นตอนส่วน ขัน้ ตอนบา้ ง ผูน้ า เปน็ ขนั้ ตอนนอ้ ย ผู้นากลมุ่ สามารถ ใหญ่ ผู้นากลมุ่ กลุ่มสามารถ มาก ผู้นากลมุ่ ดาเนินงานตาม สามารถดาเนนิ งาน ดาเนินงานตาม สามารถดาเนินงาน บทบาทและหน้าท่ี ตามบทบาท มภี าวะ บทบาท มภี าวะเป็น ตามบทบาท มภี าวะ มีภาวะเปน็ ผู้นา เปน็ ผู้นา สมาชิกใน ผู้นา สมาชิกในกลุม่ เปน็ ผนู้ า สมาชิกใน สมาชิกในกล่มุ ปฏบิ ัติ กลุ่มปฏิบตั ติ าม ปฏบิ ตั ิตามหน้าท่ี กล่มุ ปฏิบตั ติ าม ตามหนา้ ที่ มีการ หน้าที่และส่วนใหญ่ และมีการ หน้าท่ี และมกี าร ปรกึ ษาหารือ ในกลมุ่ มีการปรกึ ษาหารือ ปรกึ ษาหารือในกลมุ่ ปรึกษาหารอื เปน็ อย่างดี ในกลมุ่ บา้ งเลก็ น้อย ในกลุ่มนอ้ ย 3 การนาเสนอ การนาเสนอผลงาน การนาเสนอผลงาน การนาเสนอผลงาน การนาเสนอผลงาน ผลงาน หนา้ ชน้ั เรยี นชัดเจน หนา้ ชัน้ เรียนชัดเจน หนา้ ชัน้ เรียนไม่คอ่ ย หนา้ ชัน้ เรียนขาด เข้าใจง่าย นาเสนอ เขา้ ใจงา่ ย นาเสนอ ชดั เจน มีทา่ ทาง ชัดเจน มที ่าทาง ดว้ ยความมน่ั ใจ ไดท้ กุ คน มคี วาม เขินอาย บางส่วน เขินอาย ส่วนน้อย ทกุ คนมีความภมู ใิ จ ภูมิใจในผลงาน มีความภมู ใิ จใน มคี วามภมู ิใจใน ในผลงานของตน ของตน และสมาชิก ผลงานของตนและ ผลงานของตน และสมาชิกในกลุ่ม ในกลมุ่ ยินดนี าเสนอ สมาชกิ ในกล่มุ และสมาชกิ ในกลมุ่ ยินดนี าเสนอและ และแลกเปลย่ี น ไม่ค่อยเตม็ ใจ ไมเ่ ต็มใจนาเสนอ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ เรยี นรผู้ ลงานกบั นาเสนอ และ และแลกเปลย่ี น ผลงานกบั กลมุ่ อ่นื ๆ กลุ่มอ่ืน ๆ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ เรียนรผู้ ลงานกบั ผลงานกับกลมุ่ อ่ืน ๆ กลมุ่ อ่นื ๆ กระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสง

27 เกณฑก์ ารประเมนิ กจิ กรรมกลมุ่ ประเด็น ระดบั คุณภาพ การประเมิน ท่ี ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ 4 คะแนน 0 คะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน 4 ทักษะในการ ทางานสาเรจ็ ลลุ ่วง ไป ทางานสาเร็จลลุ ว่ ง ไป ทางานสาเรจ็ ใช้ ทางานสาเรจ็ ใช้ แกป้ ญั หา ด้วยดี ใช้ทักษะ ดว้ ยดี ใช้ทักษะ ทกั ษะกระบวนการ ทกั ษะกระบวนการ กระบวนการ กระบวนการ วิทยาศาสตร์ในการ วทิ ยาศาสตร์ในการ วทิ ยาศาสตร์ ในการ วิทยาศาสตร์ ในการ ทากิจกรรมการ ทากิจกรรมการ ทากจิ กรรม การ ทากจิ กรรม การ ทดลอง แก้ไขปญั หา ทดลอง แก้ไขปญั หา ทดลอง แกไ้ ขปัญหาที่ ทดลอง แก้ไขปัญหา ที่ ทเี่ กดิ ขึ้น ไดบ้ ้าง ที่เกดิ ขึ้นไมไ่ ด้เลย เกดิ ขึ้นได้ทุกคร้งั เกิดขน้ึ ได้บางครั้ง เล็กน้อย 5 ความคิด มีการตกแตง่ ชนิ้ งาน ท่ี มีการตกแตง่ ช้นิ งาน ท่ี มกี ารตกแตง่ ช้ินงาน มีการตกแตง่ ช้นิ งาน รเิ รมิ่ มคี วามแปลกใหม่ ไม่ มคี วามแปลกใหม่ แต่ เลยี นแบบผอู้ น่ื เลียนแบบผู้อ่นื สรา้ งสรรค์ ซ้าใคร มรี ปู แบบ ดัดแปลงมาจากผอู้ ่นื บางสว่ น รูปแบบ ท้ังหมดรปู แบบไม่ น่าสนใจ ชดั เจนใน เนอื้ หาส่วนใหญช่ ัดเจน นา่ สนใจบา้ ง ไม่คอ่ ย น่าสนใจ ไม่ชดั เจน เนอ้ื หา เข้าใจงา่ ย และ ในเนอ้ื หา เขา้ ใจง่าย ชดั เจนในเนื้อหา ในเนือ้ หา เขา้ ใจ ถกู ตอ้ ง ถูกต้อง เขา้ ใจยาก และ ยาก และถกู ตอ้ ง ถูกต้องบา้ งเลก็ นอ้ ย น้อยมาก กระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสง

28 แบบบันทกึ การประเมินกิจกรรม ประเดน็ การประเมนิ เลขท่ี ชื่อ-สกลุ ค้นควา้ ขอ้ มลู จากแหล่งเรยี นรอู้ ่นื รวม สรปุ ผล การแลกเปลีย่ นเรียนรกู้ ับเพื่อน การประเมนิ ความสนใจและความตั้งใจ ความถกู ตอ้ งและสมเหตุสมผลของ การตอบคาถาม ความสมบรู ณ์ครบถว้ นของใบงาน 4 4 4 4 4 20 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง

29 เกณฑก์ ารประเมินกจิ กรรม แบบประเมินกิจกรรมผ้เู รียน ใช้ประเมนิ แบบฝึกกิจกรรมผเู้ รียนท่เี กิดข้ึนในระหว่าง ดาเนนิ กิจกรรมการเรียนการสอน โดยครูผ้สู อนเป็นผู้บันทึกเหตกุ ารณต์ ่าง ๆ ที่เกิดขึ้นของผเู้ รยี น เมอ่ื สิ้นสุดการเรียนในแตล่ ะแผนการจดั การเรยี นรู้ โดยใชเ้ กณฑ์การประเมนิ ดงั นี้ เกณฑ์การให้คะแนนแบบรูบริค (Scoring rubrics) แบง่ เป็น 4 ระดบั โดยเกณฑ์ การประเมนิ ดงั น้ี เกณฑ์ที่ใช้ในการประเมนิ 4 คะแนน หมายถึง ดมี าก 3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ปรับปรุง ระดบั คุณภาพ ได้ระดับคณุ ภาพ 4 หมายถึง ดีมาก ได้ระดับคุณภาพ 3 หมายถงึ ดี คะแนนรวม 16 - 20 คะแนน ได้ระดับคุณภาพ 2 หมายถึง พอใช้ คะแนนรวม 11 - 15 คะแนน ไดร้ ะดบั คณุ ภาพ 1 หมายถึง ปรบั ปรงุ คะแนนรวม 6 - 10 คะแนน คะแนนรวม 1 - 5 คะแนน กระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง

30 เกณฑก์ ารประเมินกิจกรรม ระดบั คณุ ภาพ รายการประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ 1. ความสมบรู ณ์ 4 คะแนน 1 คะแนน ของใบงาน 3 คะแนน 2 คะแนน งานไมส่ มบูรณ์ งานสมบูรณ์ ไม่ชดั เจน 2. ความถกู ตอ้ ง ชดั เจน ทาใบงาน งานสมบูรณ์ งานสมบรู ณ์ และไมต่ รงประเดน็ และสมเหตุ สมผล ได้อย่างครบถ้วน ของการตอบ ของจานวนทั้งหมด ชัดเจน ทาใบงาน แต่ไม่ชัดเจน ทางานได้ถกู ต้อง คาถาม และตรงประเดน็ บา้ งแตไ่ ม่สามารถ ไดไ้ ม่ครบถว้ น และ และไม่ตรงประเดน็ ยกตวั อยา่ งมา 3. ความคิด ทางานได้ถกู ตอ้ ง อธิบายคาตอบได้ สรา้ งสรรค์ ยกตวั อย่างเพิ่มเติม ส่วนใหญต่ รง ไดเ้ ปน็ อย่างดี คาตอบยงั ไม่ 4. การ อธิบายคาตอบได้ ประเด็น สรา้ งสรรค์ แลกเปลีย่ น ชัดเจน มียกตวั อยา่ ง แต่ยงั เรยี นรกู้ ับเพือ่ น มีเหตมุ ผี ล ทางานได้ถกู ต้อง ทางานไดถ้ ูกตอ้ ง ไมช่ ดั เจน และ ช้นิ งาน 5. การคน้ ควา้ คาตอบสร้างสรรค์ ยกตวั อย่างเพ่ิมเติม บางสว่ นไม่สามารถ ไมแ่ ปลกใหม่ ข้อมูลเพม่ิ เตมิ จาก มแี นวคิดเปน็ ของ แหลง่ เรยี นรอู้ ื่น ๆ ตนเอง ยกตัวอย่าง ไดเ้ ลก็ น้อย ยกตวั อยา่ งเพม่ิ เติม ไม่เกดิ ชดั เจน การแลกเปล่ียน และชน้ิ งานแปลก ยงั อธบิ ายได้ไม่ ได้ ไม่อธิบาย เรยี นรูก้ บั เพื่อน ใหม่ ไม่เหมอื นใคร ชัดเจนในบางส่วน คาตอบ ไมไ่ ดค้ ้นควา้ จากแหลง่ ขอ้ มูล เตม็ ใจใหเ้ พื่อนติชม คาตอบสรา้ งสรรค์ คาตอบยงั ไม่ อืน่ เลย งานของตนเอง มียกตัวอย่างแต่ยัง สรา้ งสรรคม์ ี นาใบงานมา ไม่ชดั เจน และ ยกตวั อย่าง ตรวจสอบ มา ชน้ิ งานแปลกใหม่ แต่ยงั ไมช่ ัดเจน พัฒนางานของ ไม่เหมือนใคร และชน้ิ งานแปลก ตนเองทุกคร้ัง ใหม่ไมเ่ หมอื นใคร ค้นคว้าจาก เตม็ ใจใหเ้ พ่ือนตชิ ม ใหเ้ พ่อื นตชิ มงาน แหล่งข้อมลู งานของตนเอง ของตนเองเพียง มากกวา่ 3 แหล่ง แต่นาใบงานมา บางส่วน ไม่ไดน้ า มกี ารยกตวั อยา่ ง ตรวจสอบ มา มาพัฒนางาน และอ้างอิงแหล่ง พฒั นางานของ ของตนเอง คน้ ควา้ เพม่ิ เตมิ ตนเองเป็นบางครั้ง คน้ คว้าจากแหลง่ คน้ ควา้ จากแหล่ง ขอ้ มลู 2 แหล่ง ขอ้ มูลมา 1 แหล่ง มีการยกตัวอย่าง มีการยกตัวอยา่ ง และอา้ งอิงแหล่ง แตไ่ มอ่ า้ งอิงแหลง่ คน้ ควา้ ค้นควา้ เพิม่ เตมิ เพ่ิมเตมิ บ้าง กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง

31 แบบบันทกึ การประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ คาชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมการทางาน การปฏิบตั ิงานของผู้เรยี นว่ามกี ารปฏบิ ตั หิ รือไม่ ถา้ มีการปฏบิ ตั ิในรายการใดใหข้ ดี ถา้ ไม่มใี ห้เวน้ ว่าง คุณธรรม จริยธรรม และคา่ นิยม เลขที่ ชือ่ -สกลุ ระดบั คุณภาพรวมสรุปผล การประเมิน มีเจตคติท่ีดีตอ่ การเรียน วิทยาศาสตร์ มคี วามรอบคอบ มงุ่ มัน่ การทางาน ใฝ่เรียนรู้ มีวินัย 3 3 3 3 3 15 ผ่าน / ไม่ผ่าน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 กระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง

32 แบบบันทกึ การประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ คุณธรรม จริยธรรม และคา่ นิยม เลขที่ ช่ือ-สกลุ ระดบั คุณภาพรวมสรปุ ผล การประเมิน มีเจตคติท่ีดีตอ่ การเรียน วิทยาศาสตร์ มคี วามรอบคอบ มงุ่ มัน่ การทางาน ใฝ่เรียนรู้ มีวินัย 3 3 3 3 3 15 ผ่าน / ไมผ่ า่ น 21 22 23 24 เกณฑ์การประเมนิ ระดับคะแนน คะแนน ระดับคุณภาพ 3 หมายถงึ ดเี ยี่ยม คะแนน ระดบั คุณภาพ 2 หมายถึง ดี 13 - 15 คะแนน ระดบั คุณภาพ 1 หมายถงึ ผา่ น 10 - 12 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 0 หมายถึง ไมผ่ า่ น 7-9 ต่ากวา่ 7 กระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสง

33 เกณฑ์การประเมนิ คณุ ลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ รายการประเมิน 3 (ดี) เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1 (ต้องปรบั ปรุง) 1. มวี นิ ยั 2 (พอใช้) - สมดุ งาน ชน้ิ งาน - สมุดงาน ชน้ิ งาน 2. ใฝุเรียนรู้ สะอาดเรยี บร้อย - สมุดงาน ชิ้นงาน ไม่ค่อยเรยี บรอ้ ย ส่วนใหญส่ ะอาดเรยี บรอ้ ย - ปฏิบตั ติ นอยู่ในขอ้ ตกลง 3. มงุ่ มัน่ - ปฏิบัติตนตามขอ้ ตกลง ในการทางาน ทก่ี าหนดให้รว่ มกันทุก - ปฏบิ ัตติ นอยู่ในขอ้ ตกลง ทีก่ าหนดรว่ มกัน 4. มคี วามรอบคอบ คร้งั ทีก่ าหนดให้เปน็ บางครั้ง เป็นบางครัง้ ตอ้ งอาศยั การแนะนา 5. เจตคตทิ ดี่ ี - ต้ังใจเรยี น - ตัง้ ใจเรียน - ตง้ั ใจเรยี นแตข่ าด ต่อการเรยี น มคี วามกระตือรือร้น มคี วามกระตอื รอื ร้น ความกระตือรอื รน้ วทิ ยาศาสตร์ ในการเรยี น เปน็ บางครง้ั - ไมค่ อ่ ยรบั ผดิ ชอบ งานท่ไี ด้รบั มอบหมาย - ทางานทไ่ี ด้รับมอบหมาย - ทางานทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย - ไมส่ นใจซกั ถามปญั หา เปน็ อย่างดี เปน็ สว่ นใหญ่ ข้อสงสัย - สนใจซกั ถามปญั หาข้อ - ไมส่ นใจซักถามปญั หา - ไมส่ ง่ งาน สงสัย ข้อสงสยั - ไม่มกี ารติดต่อช้ีแจง - ส่งงานตามเวลาทก่ี าหนด - ส่งงานช้ากว่ากาหนด - ไม่มกี ารวางแผน - รับผดิ ชอบในงานทไ่ี ด้รับ - ปฏบิ ตั ิงานโดยต้องอาศยั การดาเนนิ งาน มอบหมาย การชแี้ นะ คาแนะนา - การทางานไม่มขี ั้นตอน - ปฏิบตั จิ นเปน็ นสิ ยั และการตักเตือน มีความผิดพลาดตอ้ งแกไ้ ข - มีการวางแผนการ - มกี ารวางแผนการ ดาเนินงาน การทางานไม่ - ไมจ่ ัดเรียงลาดบั ดาเนนิ งานเปน็ ระบบ ครบทุกข้นั ตอน และ ความสาคญั - การทางานมีครบทุก ผิดพลาดบา้ ง - จัดเรียงลาดบั - ไม่มีความสนใจ ขน้ั ตอน ตดั ข้ันตอน ความสาคญั กอ่ น-หลังได้ ในการเรยี น ทีไ่ ม่สาคัญออก เป็นสัดสว่ น - จดั เรียงลาดับ - สงั เกตได้วา่ ไมม่ คี วามสุข ความสาคญั ก่อน-หลัง - มีความสนใจในบางเร่ือง ในบางเรื่องขณะเรียน ถกู ต้องครบถ้วน - สงั เกตได้ว่ามคี วามสุข - มีความสนใจขณะเรยี น - ไมค่ อ่ ยทากจิ กรรม ตามท่ี - สังเกตได้ว่ามีความสุข ในบางเร่อื งขณะเรียน ไดร้ ับมอบหมายบางเรือ่ ง ขณะเรียน - ทากิจกรรมตามทไ่ี ดร้ ับ - ทากจิ กรรมตามที่ไดร้ ับ มอบหมายทกุ ข้ันตอน มอบหมายบางเร่ือง กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง

34 แบบประเมนิ สมรรถนะผูเ้ รียน คาช้แี จง : ให้ผ้สู อนสงั เกตพฤตกิ รรมของผู้เรียนในระหว่างเรยี น แลว้ ทาเครือ่ งหมาย ลงในชอ่ งทต่ี รงกบั ระดับคะแนน สมรรถนะที่ประเมนิ ระดบั คะแนน 32 1 0 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1.1 ใชภ้ าษาถา่ ยทอดความรู้ ความเข้าใจ ความคิด ความรูส้ ึกและทศั นะ ของตนเองดว้ ยการพดู และการเขยี น 1.2 พดู เจรจาตอ่ รอง 1.3 เลอื กรับหรอื ไมร่ ับข้อมลู ขา่ วสาร 1.4 เลือกใชว้ ธิ ีการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 2.1 คิดพ้ืนฐาน (การคดิ วิเคราะห)์ 2.2 คดิ ขน้ั สงู (การคดิ สังเคราะห์ คิดสรา้ งสรรค์ คดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ) 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 3.1 ใชก้ ระบวนการแก้ปัญหาโดยวเิ คราะห์ปญั หา วางแผน ในการแก้ปัญหาดาเนนิ การแก้ปญั หา ตรวจสอบและสรุปผล 3.2 ผลลพั ธท์ ี่เกิดจากการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต 4.1 นากระบวนการเรยี นรู้ทีห่ ลากหลายไปใช้ในชีวติ ประจาวนั 4.2 เรยี นรดู้ ้วยตนเองและเรยี นรอู้ ย่างต่อเนือ่ ง 4.3 ทางานและอยรู่ ว่ มกันในสังคมอย่างมคี วามสุข 4.4 จดั การกบั ปญั หาและความขดั แย้งในสถานการณต์ า่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 4.5 ปรับตวั ต่อการเปลย่ี นแปลงทางสงั คมและสภาพแวดล้อม 4.6 หลกี เล่ยี งพฤตกิ รรมไมพ่ งึ ประสงคท์ ส่ี ง่ ผลกระทบต่อตนเอง และผอู้ ่นื รวม เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ - พฤติกรรมทีป่ ฏิบัติชดั เจนและสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ - พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบตั ิชดั เจนและบอ่ ยครง้ั ให้ 2 คะแนน 35 - 42 3 หมายถึง ดเี ย่ียม - พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ตั ิบางคร้งั ให้ 1 คะแนน - ไมเ่ คยปฏิบตั ิเลย ให้ 0 คะแนน 28 - 34 2 หมายถึง ดี 21 - 27 1 หมายถงึ ผา่ น ตา่ กวา่ 21 0 หมายถึง ไมผ่ ่าน กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง

35 แบบบันทึกการประเมินสมรรถนะผู้เรียน สมรรถนะผู้เรียน เลขที่ ช่ือ-สกลุ ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ รวม ระดบั สรปุ ผล ความสามารถในการแกป้ ญั หา คณุ ภาพ การประเมนิ ความสามารถในการคิด ความสามารถในการสื่อสาร 3 3 3 3 12 ผา่ น / ไมผ่ ่าน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 กระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสง

36 เฉลยชุดการเรยี นรู้ที่ 3 กระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสง กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง

37 เฉลย แบบทดสอบกอ่ นเรียน ชดุ การเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตรโ์ ดยใช้ปญั หาเป็นฐาน เรอ่ื ง เซลล์ของส่ิงมีชวี ติ และการดารงชีวติ ของพชื ชดุ ที่ 3 กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 1. ข 2. ก 3. ค 4. ก 5. ง 6. ง 7. ข 8. ค 9. ข 10. ง กระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง

38 แนวคาตอบ กิจกรรมที่ 1 มาร้จู ักคลอโรฟลิ ล์กนั นะ คาถามกอ่ นทากิจกรรม 1. ปญั หาของการทากิจกรรมนคี้ ืออะไร คลอโรฟลิ ลค์ ืออะไร อยู่สว่ นไหนของเซลล์พชื และมีหน้าทีอ่ ย่างไร 2. สมมตฐิ าน คลอโรฟลิ ล์คอื สว่ นประกอบของเซลลพ์ ืช นา่ จะอยู่ในคลอโรพลาสต์ ทาหนา้ ท่ีในการสังเคราะห์ ดว้ ยแสงของพืช บันทกึ ผลกิจกรรม เซลล์ว่านกาบหอย เซลลส์ าหรา่ ยหางกระรอก กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง

คาถามหลังทากิจกรรม 39 ตอบถกู กันใช่ไหมครับ 1. โครงสรา้ งที่เห็นชดั เจน ในเซลลส์ าหร่ายหางกระรอก ลักษณะเป็นเมด็ กลมรีจานวนมาก มสี ีเขียว คอื อะไร ทาหน้าที่อะไร คลอโรพลาสต์ มีสีเขียวเนอ่ื งจากบรรจุสารรงควตั ถสุ ีเขียว คือคลอโรฟลิ ล์ 2. รงควัตถุสีเขยี วท่ีเห็นในเซลล์ของสาหร่ายหางกระรอก บรรจอุ ยใู่ นเมด็ กลมรี คืออะไร มีหน้าที่ อยา่ งไร คลอโรฟิลล์ ทาหน้าที่ในการสงั เคราะห์ด้วยแสงของพชื 3. เพราะเหตุใดจึงมองไม่เหน็ นวิ เคลยี สในเซลลส์ าหรา่ ยหางกระรอก เพราะคลอโรพลาสตใ์ นเซลลส์ าหร่ายหากระรอกมีอยู่มาก จังบังทาใหม้ องไม่เห็นนิวเคลียส 4. เซลล์วา่ นกาบหอย ประกอบด้วยโครงสรา้ งอะไรบ้าง และทาหน้าท่ีอยา่ งไร สว่ นที่เป็นชอ่ งเลก็ ๆ เรียกว่าปากใบ ซึ่งจะอยบู่ ริเวณผวิ ใบดา้ นลา่ งมากกว่าด้านบนทาหนา้ ท่ี ในการคายน้า สรุปผลกิจกรรม เซลล์สาหรา่ ยหางกระรอก โครงสร้างที่เห็นชดั เจน คือ คลอโรพลาสต์ ลักษณะเปน็ เม็ดกลมๆ หรือกลมรจี านวนมาก มีสเี ขยี วเน่ืองจากบรรจสุ ารรงควตั ถุสเี ขียว คือคลอโรฟิลล์ สว่ นโครงสร้างอนื่ ท่ี เหน็ ได้ คือ ผนังเซลล์ เยื่อหุ้มเซลล์ ไซโตพลาซมึ แวคิวโอล สว่ นนิวเคลียสมกั จะไม่เหน็ เน่อื งจากถูก คลอโรพลาสต์บังไว้ เซลล์ว่านกาบหอย จะสังเกตเหน็ สว่ นที่เปน็ ช่องเลก็ ๆ เรียกวา่ ปากใบ ซ่ึงจะอย่บู ริเวณผิวใบ ด้านลา่ งมากกวา่ ดา้ นบน ดา้ นข้างจะสงั เกตเหน็ เม็ดคลอโรพลาสตช์ ัดเจน กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง

40 แนวคาตอบ กิจกรรมที่ 2 ปจั จยั ทีใ่ ช้ในการสังเคราะห์ดว้ ยแสง คาถามกอ่ นทากจิ กรรม 1. ปัญหาของการทากจิ กรรมนคี้ อื อะไร ส่วนใดของใบชบาด่างที่สามารถสงั เคราะห์ดว้ ยแสงได้ 2. สมมตฐิ าน ส่วนของใบชบาด่างท่สี ามารถสงั เคราะห์ด้วยแสงได้คือส่วนที่มีสีเขยี ว เพราะมคี ลอโรฟลิ ล์ บันทกึ ผลกจิ กรรม สง่ิ ทีน่ ามาทดสอบ ผลการทดสอบกับสารละลายไอโอดนี สว่ นสเี ขยี วของใบชบาด่าง เปลย่ี นสีจากสีน้าตาลเปน็ สนี ้าเงินอมมว่ ง สว่ นสีขาวของใบชบาด่าง ไม่มีการเปลีย่ นแปลง นา้ แปูง เปลี่ยนสีจากสีนา้ ตาลเป็นสนี า้ เงินอมมว่ ง ทากนั ไดถ้ ูกต้องหรอื ไมค่ ะ กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง

41 คาถามหลงั ทากิจกรรม 1. การทดลองนถี้ ้าไม่ใชใ้ บชบาดา่ ง สามารถใช้ใบพชื ชนดิ ใดแทนได้บา้ ง ใบพชื ชนิดอน่ื ทม่ี ใี บสเี ขียวปนสีขาว เชน่ ใบเลบ็ ครฑุ ใบพลูด่าง 2. เหตใุ ดตอ้ งต้มใบชบาด่างในแอลกอฮอล์ เพอ่ื สกดั สารสีเขยี วคือคลอโรฟลิ ล์ ออกจากใบชบาดา่ งเพื่อให้สารละลายไอโอดีนทา ปฏกิ ริ ยิ ากบั แปงู ในใบชบาดา่ งแลว้ เหน็ ผลชดั เจน 3. นักเรยี นคิดวา่ ส่วนใดของใบชบาดา่ งที่สามารถสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงได้ ส่วนท่เี ป็นสีเขยี ว 4. เพราะเหตุใดจงึ ต้องใสแ่ อลกอฮอล์ในหลอดทดลองแล้วค่อยต้มในบีกเกอร์ ทาไมจึงไม่ใส่ แอลกอฮอลใ์ นบีกเกอร์แล้วต้มโดยตรง เพราะแอลกอฮอล์เปน็ สารทตี่ ิดไฟง่าย จะเกิดอนั ตรายในขณะทดลอง 5. ผลสรุปของกิจกรรมน้ีคอื อะไร สเี ขยี วในใบพืชคือคลอโรฟิลล์ซ่งึ เปน็ ปจั จัยสาคัญในการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื สรปุ ผลกจิ กรรม จากการทดลองจะพบว่า ใบชบาด่างส่วนท่ีมีสีเขียวมีคลอโรฟิลล์ เพราะเมื่อทดสอบ กับสารละลายไอโอดีน จะเปลี่ยนเป็นสีม่วงแกมน้าเงินเช่นเดียวกับน้าแปูง แสดงว่าส่วนสีเขียว ของพืชมีแปูงเป็นผลิตภัณฑ์ท่ีได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสง ส่วนใบชบาด่างส่วนท่ีมีสีขาว ไม่มคี ลอโรฟลิ ล์ จงึ ตรวจไม่พบแปงู เพราะเมือ่ หยดสารละลายไอโอดนี แลว้ ไม่มีการเปล่ียนแปลง ทากนั ถกู ตอ้ งไหมครบั เด็กๆ กระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง

42 แนวคาตอบ กจิ กรรมที่ 3 แกส๊ ทไี่ ดจ้ ากการสังเคราะห์ดว้ ยแสง คาถามกอ่ นทากิจกรรม 1. ปญั หาของการทากจิ กรรมน้คี อื อะไร แก๊สที่ไดจ้ ากการสงั เคราะห์ด้วยแสงคอื แก๊สอะไร 2. สมมติฐาน แก๊สท่ีได้จากการสังเคราะห์ดว้ ยแสงคือแกส๊ ออกซิเจน บันทึกผลกจิ กรรม ผลการสงั เกต สิ่งท่สี ังเกต มีฟองแกส๊ เกดิ ขึน้ ลอยจากกรวยแก้วเขา้ ไปในหลอดทดลอง ตั้งชดุ ทดลองไว้กลางแดด 3-4 ชว่ั โมง ธูปที่ตดิ ไฟจะลกุ สวา่ งวาบขน้ึ กวา่ เดิม ใช้ธูปตดิ ไฟแหย่ลงไปในหลอดทดลอง ไมย่ ากเลยใช่ไหม กระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสง

43 คาถามหลงั ทากจิ กรรม 1. ถ้าทาการทดลองนใี้ นท่มี ดื ผลการทดลองจะเปน็ อย่างไร แกส๊ ท่เี กดิ ข้ึนจะไม่ติดไฟ เพราะกลางคืนพืชไม่มีการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง 2. ถา้ ในการทดลองไมม่ แี สงแดด สามารถใชส้ ่งิ ใดเปน็ แหล่งกาเนิดแสงได้ ใชโ้ คมไฟส่องไปท่ีสาหรา่ ยหางกระรอกแทนแสงแดด 3. ฟองอากาศคืออะไร และมาจากส่วนใดของสาหร่ายหางกระรอก ฟองอากาศคอื แกส๊ ออกซิเจนท่มี าจากใบของสาหรา่ ยหางกระรอก 4. ทราบได้อย่างไรวา่ ฟองอากาศคืออะไร ทราบว่าเป็นแกส๊ ออกซเิ จน เพราะเมื่อนาธปู ติดไฟไปแหยล่ งในหลอดทดลอง แล้วธปู สวา่ งวาบขนึ้ เนื่องจากแก๊สออกซเิ จนเปน็ แกส๊ ทที่ าใหไ้ ฟติด 5. แก๊สทไี่ ด้จากการทดลองในกจิ กรรมนมี้ ีประโยชน์ตอ่ ส่งิ มีชีวติ อืน่ หรอื ไม่ อยา่ งไร แกส๊ ท่ีไดจ้ ากการทดลองเปน็ แก๊สออกซเิ จน มปี ระโยชน์ในการหายใจของสง่ิ มชี ีวติ ทุกชนดิ ไม่วา่ จะเปน็ พชื สตั ว์หรือมนษุ ย์ สรุปผลกจิ กรรม เม่ือต้ังชุดการทดลองไว้กลางแดดจะสังเกตเห็นฟองแก๊สผุดจากสาหร่ายหางกระรอก แล้วไปแทนที่น้าในหลอดทดลอง เม่ือทดสอบแก๊สในหลอดทดลองโดยใช้ธูปติดแหย่เข้าไปใน หลอดทดลอง พบว่าธปู ท่ตี ดิ ไฟสวา่ งวาบข้ึน แสดงว่าแกส๊ ทเี่ กดิ ข้ึนเป็นแก๊สที่ทาให้เกิดการเผาไหม้ได้ น่ันกค็ อื แก๊สออกซเิ จน ดงั นั้น แก๊สทีไ่ ดจ้ ากการสังเคราะห์ดว้ ยแสง คอื แก๊สออกซเิ จน ทากันได้ ไมย่ ากเลยใช่ไหม กระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสง

44 เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น ชุดการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรโ์ ดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน เรอ่ื ง เซลลข์ องส่ิงมชี วี ติ และการดารงชีวิตของพืช ชดุ ท่ี 3 กระบวนการเคราะหด์ ว้ ยแสง ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 1. ค 2. ค 3. ง 4. ก 5. ข 6. ข 7. ก 8. ง 9. ง 10. ข กระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสง

บรรณานกุ รม กระทรวงศกึ ษาธิการ. (2551). ตวั ช้ีวดั และสาระการเรียนรแู้ กนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์. กรงเทพฯ : โรงพมิ พช์ มุ นุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. ถนัด ศรีบญุ เรือง และคณะ. (ม.ป.พ.). สอ่ื การเรียนรู้ รายวิชาพน้ื ฐานกลุ่มสระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ ชุดสัมฤทธิ์มาตรฐาน หลกั สูตรแกนกลางฯ วทิ ยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 1. กรงุ เทพฯ : อักษรเจริญทัศน์ อจท.จากดั . ยุพา วรยศ และคณะ. (ม.ป.พ.). หนงั สอื เรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พ.ศ.2551 ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 เล่ม 1. กรุงเทพฯ : อักษรเจรญิ ทัศน์ อจท.จากัด. ________. (2554). หนงั สือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พ.ศ.2551 ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 เลม่ 1. กรงุ เทพฯ : อกั ษรเจริญทศั น์ อจท.จากดั . สถาบนั พัฒนาคุณภาพวิชาการ. (2554). หนังสือเรยี นรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1. กรุงเทพฯ: บรษิ ัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ. ________. (2556). หนังสือเรียนรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1. กรุงเทพฯ : บริษัทพัฒนาคณุ ภาพวชิ าการ. ________. (2556). ชดุ กิจกรรมพัฒนาการคิด เสริมสร้างสมรรถนะสาคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผูเ้ รียน วิทยาศาสตร์ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 เล่ม 1. กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั พัฒนาคณุ ภาพวชิ าการ. สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย.ี หนังสอื เรียนรายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 1 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 เล่ม 1. กรุงเทพฯ : ครุ สุ ภาลาดพร้าว. ________. (2553). คมู่ ือครรู ายวชิ าชีววิทยาเพ่ิมเตมิ เล่ม 1. กรุงเทพฯ: สกสค. http://www.thaibiotech.info. การสังเคราะห์ดว้ ยแสง (ออนไลน์). เขา้ ถึงเมื่อวนั ท่ีสบื คน้ ข้อมูล 30 สิงหาคม 2556. http://www.scimath.org. ปัจจยั สาคญั ของการสังเคราะหด์ ้วยแสง (ออนไลน)์ . เข้าถึงเมื่อวันทส่ี ืบคน้ ขอ้ มลู 30 สิงหาคม 2556. กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง

ประวตั ผิ จู้ ดั ทา ช่อื นางสาวกติ ติมา สนั ตะกจิ วนั เดือน ปเี กิด 5 เมษายน 2519 การศึกษา พ.ศ. 2557 ศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑติ สาขา การบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบรุ ี การทางาน พ.ศ. 2540 ครุศาสตรบัณฑติ วิชาเอก วิทยาศาสตรท์ ั่วไป มหาวทิ ยาลัยราชภัฎเพชรบรุ ี ครู วิทยฐานะ ครชู านาญการพิเศษ โรงเรยี นเทศบาล 4 บา้ นบ่อแขม (เรือนพรง้ิ อาสาสงเคราะห์) เทศบาลเมืองชะอา จงั หวัดเพชรบุรี กระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook