Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การจัดการเรียนรู้ Learning management

การจัดการเรียนรู้ Learning management

Published by Milkky, 2022-01-09 08:13:49

Description: การจัดการเรียนรู้ Learning management

Search

Read the Text Version

HE L L O การจัดการเรียนรู้ (Learning management) ต่างกับ การสอน (Teaching) ยังไง ?

มาทำความรู้จัก การจัดการเรียนรู้ (Learning management)

สุรางค์ โค้วตระกุล (2550:186) การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมซึ่งเป็ น ผลมาจากประสบการณ์ ที่คนเรามี ปฏิสั มพันธ์กับสิ่ งแวดล้อมหรือจาก การฝึ กหัด รวมทั้งการเปลี่ยนแปลง ความรู้ของผู้เรียน

สิริอร วิชชาวุธ (2554:2) ได้กล่าวว่าการ เรียนรู้มีองค์ประกอบ 3 อย่างคือมนุษย์ ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงจากไม่รู้ เป็ น รู้ ทำไม่ได้ เป็ นได้ ไม่เคยทำ เป็ นทำ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนั้นเป็ นไป อย่างถาวร การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม นั้นเกิดจากประสบการณ์ การฝึ กฝน และการฝึ กหัด

การเรียนรู้นั้ นเกิดจากการเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมอย่างถาวรของบุคคล อันเป็ น ผลมาจากประสบการณ์ในอดีต จากการ ฝึ กฝน การปฏิสัมพันธ์กับประสบการณ์ รอบตัวและมีปริมาณองค์ความรู้ที่เพิ่ม มากขึ้น

สุมน อมรวิวัฒน์ 2533:460) การจัดการเรียน รู้คือ มีความสัมพันธ์และมีปฏิสัมพันธ์เกิด ขึ้น ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน ผู้เรียนกับผู้ เรียน ผู้เรียนกับสิ่ งแวดล้อม ผู้สอนกับสิ่ ง แวดล้อม ความสัมพันธ์และการมี ปฏิสัมพันธ์ก่อให้เกิดการเรียนรู้ และ ประสบการณ์ใหม่ ผู้เรียนสามารถนำ ประสบการณ์ใหม่นั้ นไปใช้ได้

วิชัย ประสิทธ์วุฒิเวชช์ (2542 :255) ได้กล่าวว่า การจัดการเรียนรู้ เป็ นกระบวนการที่มีระบบ ระเบียบ ครอบคลุมการดำเนิ น การ ตั้งแต่การวางแผนการจัดการ เรียนรู้ จนถึงการประเมินผล

ฮู และ ดันแคน (HOUGH AND DUNCAN 1970: 144) กิจกรรมที่บุคคลได้ใช้ความรู้ของตนเอง อย่างสร้างสรรค์เพื่อสนั บสนุนให้ผู้อื่นเกิดการ เรียนรู้ และมีความผาสุขดังนั้ นการจัดการเรียนรู้ จึงเป็ นกิจกรรมในแง่มุมต่างๆ การจัดการ หลักสูตร การจัดการเรียนการสอน การวัดผล การประเมินผลการเรียนรู้หลังการเรียนการสอน

การสอน (Teaching)

ข้อความรู้ย่อยๆ ที่พรรณนา / อธิบาย / ทำนาย ปรากฏการณ์ต่างๆ ทางการสอน ที่ ได้รับการพิสูจน์ ทดสอบและการยอมรับว่า เชื่อถือได้ สามารถนำไปใช้ในการสอนผู้ เรียนให้เกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ที่ กำหนด หลักการสอนหลายๆ หลักการ อาจ นำไปสู่การสร้างเป็ นทฤษฎีการสอนได้ อ้างอิง http://www.seal2thai.org/sara/sara014.htm

ACTIVE LEARNING

Active Learning กระบวนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้ เรียนได้ลงมือกระทำและได้ ใช้กระบวนการคิด เกี่ยวกับสิ่ ง ที่เขาได้กระทำลงไป (Bonwell, 1991)

การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ภายใต้สมมติฐานพื้นฐาน 2 ประการ คือ 1) การเรียนรู้เป็ นความพยายามโดยธรรมชาติของมนุษย์ 2) แต่ละบุคคลมีแนวทางในการ เรียนรู้ที่แตกต่างกัน (Meyers and Jones, 1993) โดยผู้เรียนจะถูกเปลี่ยน บทบาทจากผู้รับความรู้ (receive) ไปสู่การมีส่วนร่วมใน การสร้างความรู้ (co-creators) (Fedler and Brent, 1996)

ลักษณะของการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning เป็ นดังนี้ (ไชยยศ เรืองสุวรรณ, 2553) 1. เป็ นการเรียนการสอนที่พัฒนาศั กยภาพทางสมอง ได้แก่ การคิด การแก้ปั ญหา และการนำความรู้ ไป ประยุกต์ใช้ 2. เป็ นการเรียนการสอนที่เปิ ดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วน ร่วมในกระบวนการเรียนรู้สู งสุ ด 3. ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้และจัดกระบวนการเรียนรู้ด้วย ตนเอง

4. ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนการสอนทั้งในด้านการสร้างองค์ ความรู้ การสร้างปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน ร่วมมือกันมากกว่าการ แข่งขัน 5. ผู้เรียนเรียนรู้ความรับผิดชอบร่วมกัน การมีวินั ยในการทำงาน และการแบ่งหน้ าที่ความรับผิดชอบ 6. เป็ นกระบวนการสร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนอ่าน พูด ฟั ง คิด อย่างลุ่มลึก ผู้เรียนจะเป็ นผู้จัดระบบการเรียนรู้ด้วยตนเอง 7. เป็ นกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้ นทักษะการคิดขั้นสูง

8. เป็ นกิจกรรมที่เปิ ดโอกาสให้ผู้เรียนบูรณาการ ข้อมูลข่าวสาร หรือสารสนเทศ และหลักการความ คิดรวบยอด 9. ผู้สอนจะเป็ นผู้อำนวยความสะดวกในการจัดการ เรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนเป็ นผู้ปฏิบัติด้วยตนเอง 10. ความรู้เกิดจากประสบการณ์ การสร้างองค์ความ รู้ และการสรุ ปทบทวนของผู้เรียน

การสร้างองค์ ความรู้ด้วยตนเอง CONSTRUCTIVISIM AND CONSTRUCTIVISION

PROFESSOR SEYMOUR PAPERT แห่ง MASSACHUSETTE INSTITUTE OF TECHNOLOGY ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เป็ น ทฤษฎีการเรียนรู้ที่เน้ นผู้เรียนเป็ นผู้สร้างองค์ ความรู้ด้วยตนเอง

ซีมัวร์ พาร์เพิร์ท (SEYMOUR PAPERT) ได้ให้ความเห็นว่า ทฤษฎีการศึ กษาการ เรียนรู้ที่มีพื้นฐานอยู่บนกระบวนการการ สร้าง 2 กระบวนการ คือ

1. ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยการสร้างความรู้ ใหม่ขึ้นด้วยตนเอง ไม่ใช่รับแต่ข้อมูล ที่หลั่งไหลเข้ามาในสมองของผู้เรียน เท่านั้ น โดยความรู้จะเกิดขึ้นจากการ แปลความหมายของประสบการณ์ที่ ได้รับ

2. กระบวนการการเรียน รู้จะมีประสิ ทธิภาพมาก ที่สุด หากกระบวนการ นั้ นมีความหมายกับผู้ เรียนคนนั้ น

T HAN K S F OR WA T CH I N G


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook