องคก์ ารสหประชาชาติ (united Nations : UN) หนำ้ ท่ีของUN ระบบกำรบริหำรงำน สำเหตุกำรกอ่ ตง้ั ควำมหมำย บทนำ
บทนา สารบญั องคก์ ารสหประชาชาติ (united Nations : UN) ความหมายขององคก์ ารสหประชาชาติ สาเหตขุ องการก่อตง้ั องคก์ ารสหประชาชาติ จดั เป็นองคก์ ารระหวา่ งประเทศระดบั ระดบั โลก ทม่ี ปี ระเทศตา่ ง ระบบการบรหิ ารงานขององคก์ ารสหประชาชาติ ๆจากทวั่ โลกเขา้ เป็นสมาชกิ องคก์ ารสหประชาชาตกิ อ่ ตงั้ ข้ึนมาแทนท่ี หนา้ ทขี่ องUN องคก์ ารสนั นิบาตชาติ ทปี่ ระสบความลม้ เหลวในการรกั ษาสนั ตภิ าพ ภาระหนา้ ทข่ี องUN ของโลกเนื่องจากไมส่ ามารถยบั ยงั้ การเกิดสงครามโลกครง้ั ท่ี 2 ได้ สรุปเน้ือหา เพราะองคก์ ารสนั นิบาตชาตติ กเป็นเครอื่ งมือทางการเมืองของประเทศ มหาอานาจ ความไมแ่ น่นอนชดั เจนของกฎกตกิ า การไมม่ ีกาลงั ทหารคอยรกั ษาสนั ตภิ าพ การทสี่ หรฐั อเมรกิ าไมไ่ ดเ้ ขา้ เป็นสมาชกิ และการทส่ี หภาพโซเวยี ตถอนตวั ออกจากการเป็นสมาชกิ ดงั นนั้ ภาระ หลกั ขององคก์ ารสหประชาชาติ คอื ป้ องกนั การเกิดสงครามโลกครง้ั ที่ 3
ความหมายขององคก์ าร สาเหตขุ องการก่อตงั้ องคก์ ารสหประชาชาติ สหประชาชาติ จากเวบ็ ไซตข์ ององคก์ าร สรุปความจากเวบ็ ไชต์ ขององคก์ ารสหประชาชาติ ทก่ี ลา่ วถึงสาเหตุ การก่อตง้ั องคก์ ารสหประชาชาตไิ วด้ งั น้ี สหประชาชาติ สรุปไดว้ า่ องคก์ ารสหประชาชาตจิ ดั เป็นตวั แสดง 1. ปฏิญญาระหวา่ งประเทศสมั พนั ธมิตร (inter –Allied ทไี่ มใ่ ชร่ ฐั เป็นองคก์ ารระหวา่ งประเทศระดบั โลก ทรี่ ฐั บาลแตะ่ Declaration) เกิดข้นึ ในขณะทสี่ งครามโลกครงั้ ท่ี 2 ดาเนินอยูเ่ มอื่ ประเทศรว่ มกนั จดั ตงั้ ข้ึน โดยไดส้ ถาปนาจดั ตงั้ ข้ึนอยา่ งเป็น วนั ท่ี 12 มิถุนายน พ.ศ. 2484 เป็นผลจากการลงนามของผแู้ ทนจาก ทางการเม่อื วนั ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ 2488 ภายหลงั จากท่ี 8 ประเทศ ไดแ้ ก่ ฮอลแลนด์ นอรเ์ วย์ โปแลนด์ เบลเยียม กรีซ สงครามโลกครง้ั ท2ี่ ไดย้ ุตลิ ง โดยมีสมาชกิ เรม่ิ ก่อตง้ั เป็น ลกั แซมเบริ ก์ เซกโกโลวาเกีย และยูโกสลาเวยี รวมทง้ั ผแู้ ทนทางทหาร ประเทศฝ่ ายสมั พนั ธมิตรทชี่ นะสงครามโลกครงั้ ท2่ี จานวน จากฝรงั่ เศส ไดเ้ ขา้ รว่ มประชุมทอี่ งั กฤษเพ่ือปรกึ ษาหารอื ใหท้ าสงคราม ทงั้ หมด 51 ประเทศมสี านกั งานใหญต่ งั้ อยูท่ เ่ี มืองนิวยอรค์ (New ไดช้ ยั ชนะจากฝ่ ายอกั ษะ สาระสาคญั ของปฎิญญาฉบบั น้ีไดแ้ ก่ York) ประเทศสหรฐั อเมรกิ าประเทศไทยไดเ้ ขา้ เป็นสมาชกิ ใน ประเทศสมั พนั ธมิตรไดใ้ หค้ ามนั่ สญั ญาในการทป่ี ฏิบตั งิ านรว่ มกนั ลาดบั ที่ 55 เม่ือวนั ที่ 16 ธนั วาคม พ.ศ 2489 ถา้ นบั ถึงพ.ศ อยา่ งเขม้ แข็งเพื่อตอ่ ตา้ นการรุกรานจากฝ่ ายอกั ษะ รว่ มมือชว่ ยเหลอื 2554 หลงั จากทซ่ี ดู านใตเ้ ขา้ เป็นสมาชกิ แลว้ มสี มาชกิ แลว้ มี กนั ในดา้ นเศรษฐกิจและสงั คม สมาชกิ รวมทง้ั หมด 193 ประเทศ
สาเหตุของการก่อตง้ั องคก์ ารสหประชาชาติ (ต่อ) 4. ปฎญิ ญามอสโคว์ (Moscow Deciaration) เป็นผลมาจาก การลวนามของรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงการตา่ งประเทศของ 2. กฎบตั รแอตแลนตกิ ( Atlantic Charter) สหรฐั อเมรกิ า สหภาพโซเวยี ต องั กฤษและจนี เม่อื วนั ที่ 30 เป็นผลจากการเจรจาระหวา่ ง 2 ประเทศมหาอานาจ ไดแ้ ก่ ตลุ าคมพ.ศ 2486 เพ่ือทจ่ี ะไดร้ บั ความรูค้ วามจาเป็นในการจดั ตง้ั องคก์ ารระหวา่ งประเทศดดยยดึ หลกั ความเสมอภาคระหวา่ งรฐั ทรี่ กั นายกรฐั มนตรวี นิ สตนั เชอรช์ ลิ ( Winston Churchill) ของ สนั ตภิ าพทงั้ มวล ดว้ ยการยอมรบั รฐั เหล่านน้ั เป็นสมาชกิ องั กฤษกบั ประธานาธิบดี แฟรงคลิน ดี รูสเวลท์ (Franklin D. Roosevelt) ของสหรฐั อเมรกิ า ไดห้ ารอื และลงนามรว่ มกนั บนเรอื ใน 5. การประชมุ ทกี่ รุงเตหะราน (Teharan Conference) ทป่ี ระทศ มหาสมุทรแอตแลนตกิ เมอ่ื วนั ที่ 14 สงิ หาคม พ.ศ 2484 สาระสญั ใน อหิ รา่ นเมือ่ วนั ท่ี 1 ธนั วาคม พ.ศ.2486 ซงึ่ เป็นการพบกนั ของผนู้ า กฏบตั รแอตแลนตกิ เป็นหลกั 8 ประการวา่ ดว้ ยความรว่ มมอื เพ่ือรกั ษา ทง้ั 3 ชาตไิ ดแ้ ก่ สหภาพโซเวยี ต สหรฐั อเมรกิ าและองั กฤษ เพ่ือ สนั ตภิ าพและความมน่ั คงระหวา่ งประเทศ เนน้ ยา้ ในวตั ถุประสงคข์ องการจดั ตงั้ องคก์ ารสหประชาชาตเิ พื่อดารง 3. ปฎญิ ญาวอชงิ ตนั (Washington Declaration) ปฎิญญา ไวซ้ ง่ึ สนั ตภิ าพและความมน่ั คงระหวา่ งประเทศ สหประชาชาติ (Declaration of United Nations) เกิดข้ึนเมอ่ื วนั ท1ี่ มกราคม พ.ศ 2485 ซง่ึ เป็นผลมาจากการรว่ มลงนามจากตวั แทนฝ่ าย สมั พนั ธมิตร 26 ประเทศทต่ี อ่ สกู้ บั ฝ่ ายอกั ษะและไดป้ ระกาศสนบั สนุนกฎ บตั รแอตแลนตกิ พรอ้ มกนั น้ีประธานาธิบดี แฟรงคลิน ดี รูสเวลท์ ของสหรฐั อเมรกิ า ไดเ้ รม่ิ ตน้ ประกาศใชค้ าวา่ สหประชาชาตหิ รอื United Nations อยา่ งเป็นทางการ มีนยั สาคญั วา่ ประเทศตา่ ง ๆ ใหค้ วาม รว่ มมอื ในการตอ่ ตา้ นศตั รูรว่ มกนั
สาเหตุของการก่อตง้ั องคก์ ารสหประชาชาติ 8. การประชมุ ทฟี่ รานซสิ โก (San Francisco Conference) เป็น (ต่อ) การประชมุ สหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยการจดั ตงั้ องคก์ ารระหวา่ งประเทศ ของตวั แทนจาก 50 ประเทศเพื่อพิจารณารา่ งกฎบตั รสหประชาชาติ 6. การประชุมดมั บารต์ นั โอค๊ ส์ (Dumbarton Oaks Conference) ทง้ั 111 มาตรา เรมิ่ การประชุมเม่อื วนั ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2488 ระหวา่ งผแู้ ทนจาก องั กฤษ สหรฐั อเมรกิ า สหภาพโซเวยี ตและจนี ตอ่ มาในวนั ท่ี 26 มถิ ุนายน พ.ศ. 2488 คณะผแู้ ทนดงั กลา่ วไดร้ ว่ ม เมื่อวนั ท่ี 21 กนั ยายน และ 7 ตุลาคม พ.ศ.2487 เพื่อทจี่ ดั ทา ลงนาม รูปแบบโครงสรา้ งของสหประชาชาตเิ ป็นครง้ั แรก ในกฎบตั รสหประชาชาติ (Charter of the United Nations) และใน ทสี่ ดุ เมื่อวนั ท2่ี 4 ตลุ าคม พ.ศ. 2488 ประเทศสมาชกิ สหประชาชาตกิ ็ 7. ขอ้ ตกลงยลั ตา้ (Yalla Agreement) เกิดข้ึนเมื่อวนั ที่ 11 ไดใ้ หส้ ตั ยาบนั รบั รองกฎบตั รสหประชาชาตอิ ยา่ งเป็นเอกฉนั ทเ์ พื่อให้ กุมภาพนั ธ์ พ.ศ 2488 อนั เป็นผลมาจากการประกาศเจตนารมณ์ มีผลบงั คบั ใชอ้ ยา่ งเป็นทางการ ดงั นน้ั จงึ ถือวา่ วนั ท่ี 24 ตลุ าคม รว่ มกนั ระหวา่ งนายกรฐั มนตรวี นิ สตนั เชอรช์ ลิ ขององั กฤษ ของทุกปีเป็นวนั สหปร ประธานธิบดี แฟรงคลิน ดี รูสเวลท์ ของสหรฐั อเมรกิ า และ เลขาธิการของโจเซฟ สตาลินจากสหภาพโซเวยี ต ในการจดั ตง้ั องคก์ ารระหวา่ งประเทศเพื่อธารงไวซ้ ง่ึ สนั ตภิ าพและความมนั่ คง ระหวา่ งประเทศ ตลอดจนมกี ารพิจารณาการรา่ งกฎบตั ร สหประชาชาตใิ นรายละเอยี ดดว้ ย
ระบบการบรหิ ารงานขององคก์ ารสหประชาชาติ 2. คณะมนตรีควำมมน่ั คง ( Securily Council) มี หนำ้ ท่ีรบั ผิดชอบโดยตรงเร่ืองรักษำสนั ติภำพและควำมมน่ั คง สรุปความจากเวบ็ ไซตข์ ององคก์ ารสหประชาชาติ ทก่ี ลา่ วถึงระบบ ระหวำ่ งประเทศสมำชิก คณะรฐั มนตรีควำมมน่ั คงประกอบดว้ ย การบรหิ ารงานขององคการสหประชาชาตไิ วด้ งั น้ี สมำชิก 15 ประเทศโดยแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ องคก์ ารหลกั ของสหประชาชาตแิ บ่งออกเป็ น 6 2.1 สมำชิกถำวร (Permanent Members) มี 5 องคก์ ารไดแ้ ก่ ประเทศ ไดแ้ ก่ สหรัฐอเมริกำ องั กฤษ ฝร่ังเศสรัสเซียและจีน สมำชิกประเภทน้ีมีสิทธิออกเสียงคดั คำ้ นหรือวีโต้ (Veto) ใน 1. สมชั ชาสหประชาชาติ (General Assembly) เร่ืองสำคญั ท่ีเขำ้ สูว่ ำระกำรพิจำรณำ ดงั น้ันกำรพิจำรณำเร่ือง เป็นทป่ี ระชุมใหญข่ ององคก์ ารสหประชาชาติ ผเู้ ขา้ รว่ มประชุมเป็นผแู้ ทน สำคญั มหำอำนำจไมส่ ำมรถออกเสียงขดั แยง้ กนั ไดเ้ ลย จากรฐั สมาชกิ ทงั้ หมด สหประชาชาตจิ ดั การประชมุ สามญั ประจาปีทุกปี 2.2 สมำชิกชว่ั ครำว มี 10 ประเทศ ไดม้ ำจำกกำรเลือกตงั้ ของ โดยเรม่ิ ตงั้ แตส่ ปั ดาหท์ ่ี 3 ของเดอื นกนั ยายนไปจนถึงเดือนธนั วาคม สมชั ชำดว้ ยกำรลงคะแนนเสียง 2 ใน 3 และอยูใ่ นวำระครำวละ ของทกุ ปี มตทิ ป่ี ระชุมคอื คะแนนเสยี งสว่ นใหญ่ 2 ใน 3 ของสมาชกิ 2 ปี โดยสมำชิกชว่ั ครำวแตล่ ะประเทศจะมีเสียง 1เสียงเทำ่ กนั ทม่ี าประชมุ และออกเสยี ง สำหรับกำรตดั สินปัญหำของคณะมนตรีควำมมน่ั คงในเร่ืองอ่ืนๆ ทงั้ หมดน้ันจะตอ้ งไดร้ บั คะแนนเสียงสว่ นใหญ่ 9 เสียง ซ่ึงรวม คะแนนเสียงเห็นชอบของสมำชิกถำวรทงั้ 5 ประเทศดว้ ย
องคก์ ารหลกั ของสหประชาชาติ (ต่อ) 5. ศาลยุตธิ รรมระหวา่ งประเทศ หรอื ศาลโลก (International Court of Justice) เป็นองคก์ ารตลุ าการของสหประชาชาตใิ นการ 3. คณะมนตรีเศรษฐกิจและสงั คม (Economic and ดาเนินการตดั สนิ ทางกฎหมายประเทศคกู่ รณีตา่ งๆ มีสานกั งาน Social Council) ประกอบดว้ ยสมำชิจำก 54 ประเทศ ตงั้ อยูท่ กี่ รุงเฮก ประเทศเนเธอรแ์ ลนด์ และมีองคค์ ณะผูพ้ ิพากษา ซ่ึงไดร้ ับเลือกในกำรเขำ้ มำปฎิบตั ิหนำ้ ท่ีครำวละ 3 ปี มีกำรประชุม 15 คน ซง่ึ เลอื กมาจากสมชั ชาและคณะมนตรคี วามมนั่ คง ทงั้ น้ีผู้ ปีละ 1 ครั้ง โดยทำหนำ้ ท่ีสง่ เสริมเศรษฐกิจและสงั คมระหวำ่ ง พิพากษา 2 คน จะมาจากประเทศเดยี วกนั ไมไ่ ดแ้ ละในการพิจารณา ประเทศ ประสำนงำนกบั ทบวงชำนำญกำรพิเศษ หรือองคก์ ำร ตดั สนิ คดตี อ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบจากผูพ้ ิพากษา 9 คน ระหวำ่ งประเทศอ่ืนๆ ท่ีมำเขำ้ ร่วมกบั สหประชำชำติ 6. สำนกั เลขำธิกำร (Secretary Office) 4. คณะรัฐมนตรีภำวะทรสั ตี (Trusteeship Council) มีเลขาธกิ ารเป็นผบู้ รหิ ารสานกั งาน โดยไดร้ บั การ มีหนำ้ ท่ีดูแลดินแดนท่ียงั ไมไ่ ดร้ บั เอกรำชภำยใตร้ ะบบของ แตง่ ตงั้ จากสมชั ชาตามมตเิ อกฉนั ทข์ องคณะมนตรคี วามมนั่ คง สหประชำชำติ องคก์ ำรน้ีไดห้ ยุดปฎิบตั ิหนำ้ ท่ีอยำ่ งเป็นทำงกำรไป ถาวรทงั้ 5 ประเทศ เลขาธิการมวี าระการดารงตาแหน่งคราว แลว้ อยำ่ งเป็นทำงกำรตง้ั แตเ่ ม่ือวนั ท่ี 1 กนั ยำยน พ.ศ. 2537 แต่ ละ 5 ปี เลขาธิการมีหนา้ ทด่ี แู ลทุกอยา่ งในองคก์ าร ยงั คงมีกำรประชุมอยูบ่ ำ้ งในเร่ืองพิเศษในครำวจำเป็นเทำ่ น้นั สหประชาชาตใิ หด้ าเนินการเป็นไปอยา่ งราบรน่ื และตอ้ งจบั ตา ดรู วมไปถึงเสนอเรอ่ื งทคี่ าดการณว์ า่ จะเป็นภยั คกุ คามตอ่ สนั ตภิ าพและความมนั่ คงของโลกตอ่ คณะมนตรคี วามมน่ั คง
หนา้ ที่ของ UN องคก์ รสหประชาชาติ สมชั ชาใหญแ่ หง่ สหประชาชาตทิ ซี่ ง่ึ ตวั แทนแต่ ละประเทศจะเขา้ มามีสว่ นรว่ มประเทศละหน่ึงคน โดยทมี่ ีสทิ ธิทุก สหประชาชาติ หรอื ทเี่ ราเรยี กกนั ตดิ ปากวา่ UN “United อยา่ งเทา่ เทยี มกนั คณะมนตรคี วามมนั่ คง Nations” วตั ถุประสงคข์ อง สหประชาชาตคิ อื การรกั ษาสนั ตภิ าพและ มอี านาจในการตรวจสอบหากเกิดความขดั แยง้ ระหวา่ งประเทศ ความมนั่ คงระหวา่ งประเทศ, การสง่ เสรมิ สทิ ธิมนุษยชน,การ พฒั นา หลกั การ ด าเนินการจะเรมิ่ จกการตดั ความสมั พนั ธท์ างการทตู ใน ทางสงั คมและเศรษฐกิจ, การปกป้ องสง่ิ แวดลอ้ ม และการใหค้ วาม กลุม่ ประเทศทล่ี งนามตอ่ ประเทศตน้ เหตรุ วมถึงการ ใชก้ าลงั ชว่ ยเหลือดา้ นมนุษยธรรมใน กรณที มี่ คี วามอดอยากภยั พิบตั ทิ าง ทางการทหารเพื่อยบั ยงั สภาเศรษฐกิจและสงั คมมีหนา้ ทรี่ บั ผดิ ชอบ ธรรมชาตแิ ละความขดั แยง้ เม่ือ 24 ตลุ าคม 2488 ภายหลงั การเกิด ในการประสานงานดา้ นเศรษฐกิจและสงั คมทเ่ี ก่ียวขอ้ ง กบั การท า สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 สหประชาชาตมิ ี 51 ประเทศ ส านกั งานใหญ่ งานของ 15 หน่วยงานเฉพาะของสหประชาชาติ ECOSOC ทาหนา้ ท่ี ตอ่ ไปจะตงั้ อยูใ่ นเจนีวา เป็นศูนยก์ ลางสาหรบั การหารอื เรอื่ งเศรษฐกิจและสงั คมระหวา่ ง ประเทศและการ กาหนดขอ้ เสนอเชงิ นโยบายทส่ี ง่ ไปยงั ประเทศ สมาชกิ และ สหประชาชาติ เลขาธิการ เลขาธกิ ารมีหนา้ ทชี่ ว่ ยแกไ้ ขขอ้ พิพาท ระหวา่ งประเทศ, การบรหิ ารการปฏิบตั กิ ารรกั ษา สนั ตภิ าพ, การจดั ประชุมระหวา่ งประเทศทรี่ วบรวมขอ้ มูลเก่ียวกบั การดาเนินงานของ การตดั สนิ ใจของ คณะมนตรคี วามมน่ั คงและใหค้ าปรกึ ษากบั รฐั บาล สมาชกิ เกี่ยวกบั โครงการ
ภาระหนา้ ที่ของUN 2.คณะมนตรคี วามมน่ั คงแหง่ สหประชาชาติ (United Nations Security Council - UNSC): มีหนา้ ทดี่ าเนินการกบั ปัญหาเรอื่ งสงครามและ องคก์ รหลกั ของสหประชาชาติ สนั ตภิ าพของโลก สมาชกิ ของคณะมนตรคี วามมน่ั คงแหง่ 1.สมชั ชาสหประชาชาติ (United Nations General Assembly - สหประชาชาต:ิ 15 ประเทศ สมาชกิ ถาวร (Permanent Members) 5 UNGA): ทป่ี ระชุมของประเทศสมาชกิ ทง้ั หมด เพ่ือปรกึ ษาหารอื และ ประเทศ จนี ฝรง่ั เศส รสั เซยี องั กฤษ และสหรฐั อเมรกิ า สามารถใชส้ ทิ ธิ ตดั สนิ ใจประเด็นตา่ ง ๆ ทเ่ี ป็นปัญหาระดบั โลก รว่ มกนั โดยฉนั ทามติ ยบั ยง้ั (Veto) สมาชกิ ไมถ่ าวร (Non-Permanent Members) การจดั สรร หรอื การลงคะแนนเสยี ง หนา้ ทขี่ องสมชั ชาสหประชาชาติ 1.1 อภิปราย โควตา้ ของแตล่ ะภูมภิ าค :แอฟรกิ า (3 ทนี่ งั่ ) / เอเชยี (2 ทน่ี งั่ ) / ละตนิ ปัญหาเพ่ือก าหนดทศิ ทางการด าเนินงาน 1.2 ศกึ ษาและจดั ทา เอมรกิ าและแครบิ เบยี น (2 ทน่ี งั่ )/ ยุโรปตะวนั ตก (2 ทนี่ งั่ ) / ยุโรป คาแนะนาเพื่อสง่ เสรมิ ความรว่ มมือในดา้ นการเมอื ง กฎหมายระหวา่ ง ตะวนั ออก (1 ทนี่ งั่ )สมาชกิ 10 ประเทศ ปัจจบุ นั : Angola / Egypt / ประเทศ เศรษฐกิจ สงั คม วฒั นธรรม การศึกษาและอนามยั 1.3 Japan / Malaysia / New Zealand / Senegal / Spain / Ukraine / พิจารณาใหค้ วามเห็นชอบงบประมาณขององคก์ ารและกาหนดสว่ นเฉลี่ย Uruguay / Venezuela (สถานะลา่ สุด : วนั ท่ี 28 ตลุ าคม 2559) ไดร้ บั คา่ รุง ของสมาชกิ 1.4 เลือกตงั้ สมาชกิ องคก์ รหลกั อนื่ ๆ องคก์ รยอ่ ย เลอื กตง้ั จากสมชั ชาสหประชาชาติ วาระการดารงตาแหน่ง 2 ปี และไมม่ ี โครงการหรอื กองทุนของสหประชาชาติ สทิ ธเิ ขา้ รบั เลือกตงั้ ซา้ โดยทนั ที สมาชกิ ไมถ่ าวรคณะมนตรคี วามมนั่ คง แหง่ สหประชาชาตใิ นปัจจบุ นั
ภาระหนา้ ที่ของUN (ต่อ) 4. คณะมนตรเี ศรษฐกิจและสงั คมแหง่ สหประชาชาติ (United Nations Economic and Social Council - ECOSOC): 3. หนา้ ทขี่ อง UNSC ศึกษาและรายงานเกี่ยวกบั ประเด็นทางเศรษฐกิจ สงั คม 3.1 การระงบั กรณีพิพาท วฒั นธรรม การศกึ ษา และสาธารณสุขระหวา่ ง ประเทศ 3.2 การดาเนินการเก่ียวกบั การคกุ คามตอ่ สนั ตภิ าพ การ 5. สมาชกิ ของคณะมนตรเี ศรษฐกิจและสงั คม: 54 ประเทศ - ละเมดิ สนั ตภิ าพ และการกระท าการ รุกราน - พิจารณาให้ เลือกโดยสมชั ชาสหประชาชาติ - วาระการด ารงตาแหน่ง 3 ปี คาแนะนาหรอื วนิ ิจฉยั วา่ จะใชม้ าตรการใดเพื่อฟ้ืนฟู และมสี ทิ ธิ เขา้ รบั ตาแหน่งชา้ โดยทนั ที - ไทยเคยเป็นสมาชกิ สนั ตภิ าพ และความ มนั่ คงระหวา่ งประเทศ - ใช้ หรอื ไมใ่ ช้ มาแลว้ 6 ครง้ั คอื ปี พ.ศ. 2517-2519, 2523-2525 , 2526- กาลงั -การควา่ บาตรทางเศรษฐกิจ การหา้ มเดนิ ทาง การ 2528 , 2532-2534 , 2538-2540 และ 2548-2550 ตดั ความสมั พนั ธท์ างการทตู -ขอใหร้ ฐั สมาชกิ ด าเนินการ โดยใชก้ าลงั ทางบก ทางทะเล หรอื อากาศ - สง่ ขอ้ ขดั แยง้ ทางกฎหมายระหวา่ งรฐั คกู่ รณีใหศ้ าลยุตธิ รรมระหวา่ ง ประเทศ (International Court of Justice - ICJ) พิจารณา 3.3 ตามขอ้ บทที่ 25 ของกฎบตั รสหประชาชาติ รฐั สมาชกิ สหประชาชาตมิ พี นั ธกรณีทจี่ ะตอ้ ง ปฏิบตั ติ าม มาตรการและผลการตดั สนิ ใจของ UNSC
ภาระหนา้ ท่ีของUN (ต่อ) สรปุ 6. หนา้ ทขี่ องคณะมนตรเี ศรษฐกิจและสงั คม 6.1 ปรบั ปรุงฐานะทาง องคก์ ารสหประชาชาตกิ ่อตง้ั เม่อื 24 ตลุ าคม พ.ศ. 2488 มบี ทบาท เศรษฐกิจ สงั คม วฒั นธรรม การศึกษา และสาธารณสขุ และใหค้ า ธารงรกั ษาสนั ตภิ าพและความมนั่ คงของโลก สง่ เสรมิ สนั ตภิ าพ แนะน า เรอ่ื งดงั กลา่ วตอ่ สมชั ชาสหประชาชาติ รฐั สมาชกิ และทบวง สง่ เสรมิ กิจกรรมประชาธปิ ไตยใหเ้ กิดข้นึ ทวั่ โลก สง่ เสรมิ สทิ ธิ การชานาญพิเศษทเ่ี กี่ยวขอ้ ง 6.2 ใหข้ อ้ เสนอแนะเพื่อสง่ เสรมิ การ มนุษยชน สทิ ธเิ ดก็ ยกระดบั ชวี ติ ความเป็นอยูข่ องพลเมอื งโลก เคารพเเละปฏิบตั ติ ามสทิ ธิมนุษยชน 6.3 จดั เตรยี มรา่ งอนุสญั ญา ชว่ ยเหลือผหู้ ล้ภี ยั และการรกั ษาสง่ิ แวดลอ้ มของโลกอยา่ งยง่ั ยืน ผา่ น และเรยี กประชมุ ระหวา่ งประเทศในเรอ่ื งทง้ั หลายทอี่ ยใู่ นขอบอ านาจ องคก์ ารชานาญการพิเศษหลายองคก์ ารเชน่ FAO, WTO , WHO, ของคณะฯ 6.4 ทาความตกลงและประสานกิจกรรมกบั ทบวงการ World Bank , IMF , UNICEF , UNHCR และ UNESCO ชานาญพิเศษ เป็นตน้ โดยผูท้ ม่ี ีบทบาทหลกั ในการแสดงออกของสหประชาชาติ และทาใหป้ ระเด็นตา่ งๆอยใู่ นความสนใจของชาวโลก คอื ผูท้ ด่ี ารง ตาแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติ แตใ่ นระบบการเมอื งโลกนนั้ พบวา่ สหประชาชาตเิ องยงั ไมม่ คี วามเป็นกลางเนื่องจากมกี ารใหส้ ทิ ธิ ยบั ยงั้ หรอื วโี ต้ (Veto) แก่ 5 มหาอานาจอยา่ ง สหรฐั อเมรกิ า องั กฤษ ฝรงั่ เศส รสั เซยี และจนี ซงึ่ เป็นสาเหตนุ าไปสกู่ ารเลือก ปฎบิ ตั ใิ นประเด็นระหวา่ งประเทศทถ่ี ือวา่ เป็นประโยชนข์ องชาติ มหาอานาจ
นำงสำว อริศรำ สืบสงดั 16122088 (รฐั ประศำสนศำสตร)์
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: