คูมอื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปท ่ี 5 141 15 − 15 + 15 = 53 25 3 135 6 25 9 125 5 = 3 25 14) เน่ืองจาก ( ) 1 1 2 3 21083 = 22 × 33 2 = 2 23 × 3 5 = 3 23 3 3 =1 1 ( )24 × 33 3 4323 =3 4 23 ×3 1 =4 23 ( )1 1 และ 2883 = 25 × 32 3 2 2 ( )243 23 × 3 3 52 23 × 33 =2 22 × 33 5−2 = 23 −1 = 23 1 =1 23 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
142 คมู ือครูรายวิชาพน้ื ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที่ 5 ดงั นั้น 1 2 1 3 − 1 = 1 5 − 1 − 1 1083 − 3 23 1 2883 23 23 4 1 4323 2 23 23 24 3 1+5 1−4 1−1 = 3 23 3 − 23 3 − 23 3 ( )= 3 22 − 2−1 − 20 6. 1) 3 4x5 − 5x 36x3 = 12 − 1 −1 2 = 21 2 ( ) ( )= 3 2x2 x − 5x 6x x = 6x2 x − 30x2 x ( )= 6x2 − 30x2 x = −24x2 x ( ) ( )2) x 3 8x − 43 27x4 + 3 675x6 = x 23 x − 4 3x 3 x + 3x2 3 25 3 25x2 3 25x2 = 2x 3 x −12x 3 x + 3x2 3 x2 = 2x3 x −12x 3 x 3x2 × 3 x + 3 x2 3 x = 2x 3 x −12x 3 x + 3x2 3 x x = 2x 3 x −12x 3 x + 3x 3 x = (2 −12 + 3) x 3 x = −7x 3 x 22 3) 27x3 3 = 33 × x3 3 y6 y6 = 32 × x2 y4 สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 143 2 27x3 3 = 32 x2 y4 y6 11 53 × x3−(−6) y4−1 3 4) 125x3 y4 3 = 5) 6) 27x−6 y 33 7. 1) 1 = 53 × x9 y3 3 33 = 5x3 y 3 ( )( ) 1 −2 1 2 6x2 y 3xy 2 = 6−2 x−1 y−2 32 x2 y = 9 x−1+2 y−2+1 36 = 1 xy−1 4 = x 22 y −2 − 3 − 2 x−2−1 − 3 − 1 − 2 2 3 2 2 3 x y = y 1 33 27xy 2 x−3 y−2 − 2 3 = 33 4 = x2 y3 3−2 4 = 32 x2 y 3 432a3b5 = 432a3b5 144ab2 144ab2 = 3a3−1b5−2 = 3a2b3 = ab 3b สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
144 คูม ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 5 2) 5a3 = 3 5a3 × b2 27b b2 3 27b = 5a3b2 3 33 b3 = a 3 5b2 3b 40x2 y5 ( )22 ×10 x2 y5 3) = 3a2b5 3a2b5 = 2xy2 10 y ab2 3b = 2xy2 10 y × 3b ab2 3b 3b 2xy2 30by = 3ab3 4) 11a3b 22x2 y = 11a3b 22x2 y 2xy3 25ab 2xy3 25ab = 121 a3−1b1−1x2−1 y1−3 25 = 121 a2b0 xy−2 25 = 121a2 x 25 y2 = 11a x 5y 8. 1) เนือ่ งจาก 2 2 < 3 ดงั นัน้ 2 2 5 < 3 5 ( )( )2) เนือ่ งจาก 3 −56 3 −49 =3 (−56)(−49) =3 (56)(49) =3 23 × 73 =14 ( )( )และ 3 48 3 36 = 3 (48)(36) = 3 26 × 33 = 12 ดังนั้น ( 3 −56 )( 3 −49 ) > ( 3 48)( 3 36 ) สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 145 3) เน่ืองจาก 2 = ( 1 2 =( −2 )2 =4 และ 1 ( −8) 3 −8)3 (−64)3 =−4 ดังนนั้ 21 (−8)3 > (−64)3 4) เนื่องจาก 2 =3 ( −27 ) 1 2 =3 ( −3)2 =27 3 3 ( −27 ) 3 และ 3 1 3 =−2(3)3 =−54 =−2 92 −2 ( 9 ) 2 ดังนั้น 23 3(−27)3 > − 2(9)2 5) เน่อื งจาก 1 =2(−2) =−4 และ 1 ≈ −4.24 2 ( −8) 3 −3 ( 2 ) 2 ดังน้ัน 11 2(−8)3 > −3(2)2 1 6) เนอื่ งจาก 13 = 1 13 และ 42 13 2 2−14 2 8 2 4282 −3 = 4282 82 1 ดังนนั้ 13 < 42 2−14 2 8 2 −3 82 ( ) ( )1 1 3 1 1 1 4 54 4 6 33 × 2 4 2×3 4 =34 24 2434 3+1 1+1−1 = 1 เน่ืองจาก ( )7) 1 22 =34 4 × 24 4 2 =3 6 8 23 6 ดงั น้ัน 32 4 54 4 6 313 2 3 3 > 68 9. จาก=n n0 (1+ r )t ในที่น้ี =n0 7.4=, r 1=.13 0.0113 และ t = 27 100 จะได n = 7.4(1+ 0.0113)27 = 7.4(1.0113)27 ≈ 10.02 ดงั นัน้ ใน พ.ศ. 2586 โลกจะมจี ํานวนประชากรประมาณ 10.02 พันลา นคน สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
146 คมู อื ครูรายวชิ าพืน้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 5 10. จาก t และ t = 10 n = 10000(1.3)10 จะได 10 n = 10000(1.3)10 = 10000(1.3) = 13000 ดงั นน้ั ในอีก 10 ปขา งหนา จะมีจาํ นวนประชากรในเมืองน้ี 13,000 คน 11. จาก S = (0.1091)( )wh 0.5 ในทนี่ ี้ w = 180 และ h = 64 จะได S = (0.1091)(180 × )64 0.5 1 = (0.1091)(180 × 64)2 ≈ 11.71 ดงั น้นั คนทส่ี งู 5 ฟุต 4 นวิ้ และหนัก 180 ปอนด จะมีพืน้ ท่ผี ิวหนงั ประมาณ 11.71 ตารางฟตุ 12. จาก A =10(0.8)t และ A = 1 จะได 1 = 10(0.8)t น่นั คือ (0.8)t = 0.1 เนอื่ งจาก (0.8)10 ≈ 0.107 และ (0.8)11 ≈ 0.086 ดังนนั้ ถา ตองการใหป รมิ าณยาที่เหลืออยูในรา งกายนอยกวา 1 มิลลกิ รมั จะตองใชเ วลา อยางนอย 11 ช่วั โมง 13. จาก 2 และ p = 165 a = p3 2 จะได a = 1653 1 2 = 1653 ≈ 30.08 ดังนน้ั ระยะทางเฉลย่ี จากดาวเนปจนู ไปยงั ดวงอาทิตยประมาณ 30.08 AU 14. 1) ในท่นี ี้ P = 100000, n = 50 และ=r =4 0.04 100 จากทฤษฎีบท 7 จะมีจาํ นวนเงนิ ฝากเมื่อสน้ิ ปท ี่ 50 คือ 100,000(1+ 0.04)50 ≈ 710,668.33 บาท ดังน้นั เมื่อฝากครบ 50 ป กรจะไดร บั เงินทั้งหมดประมาณ 710,668.33 บาท สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ี่ 5 147 2) ในทน่ี ้ี n = 30=, r =4 0.04 100 และเงนิ รวมในบญั ชีเมื่อส้ินปที่ 30 เทา กับ 10,000,000 บาท ให P คอื เงนิ ตน จากทฤษฎีบท 7 จะได P (1+ 0.04)30 = 10,000,000 P = 10,000,000(1.04)−30 ≈ 3,083,186.68 จะไดวา ถา ตองการใหมีเงินในบญั ชเี มื่อส้ินปที่ 30 เปน จํานวนเงิน 10,000,000 บาท แลวจะตองฝากเงนิ ตน อยางนอย 3,083,187 บาท 15. ในทีน่ ี้ P = 50,000 และ n = 10 เงนิ รวมเม่ือสนิ้ ปท ี่ 10 เทากบั 67,195.82 บาท ใหอ ตั ราดอกเบี้ยทธ่ี นาคารกําหนด คอื i% ตอ ป และ r = i จากทฤษฎบี ท 7 จะได 100 50,000(1+ r )10 = 67,195.82 (1 + r )10 = 67,195.82 50, 000 (1 + r )10 = 1.3439164 1 1 + r = (1.3439164)10 1 + r ≈ 1.03 r ≈ 0.03 น่นั คือ i ≈ 3 ดงั น้นั อัตราดอกเบ้ียท่ธี นาคารกําหนดสาํ หรับเงินฝากนปี้ ระมาณ 3% 16. จากโจทย สามารถใชแนวคดิ เดยี วกบั การคดิ ดอกเบ้ยี แบบทบตน โดยใช P แทน เงนิ เดอื นเรมิ่ ตน i แทนรอ ยละของเงนิ เดือนของแพทยทเี่ พิ่มข้ึนตอ ป และ r = i 100 จะได= r =6 0.06 100 1) พจิ ารณาเงนิ เดอื นของนายแพทยศ ุภกุล ในทนี่ ี้ P = 17,920 และ n = 30 − 24 =6 จากทฤษฎีบท 7 จะไดวา เมอื่ นายแพทยศุภกลุ มีอายุ 30 ป จะไดร ับเงนิ เดอื น ประมาณ 17,920(1+ 0.06)6 ≈ 25,419.86 บาท พจิ ารณาเงินเดอื นของแพทยหญิงวฒั นา ในทน่ี ี้ P = 20,000 และ n = 30 − 27 =3 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
148 คมู ือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 จากทฤษฎีบท 7 จะไดว า เมอ่ื แพทยห ญิงวฒั นามอี ายุ 30 ป จะไดร บั เงนิ เดอื น ประมาณ 20,000(1+ 0.06)3 ≈ 23,820.32 บาท ดังนน้ั เมอื่ ทั้งสองคนมีอายุ 30 ป นายแพทยศ ุภกุลจะมีเงินเดือนมากกวา แพทยหญงิ วฒั นา และมากกวาประมาณ 25,419.86 − 23,820.32 =1,599.54 บาท 2) จากโจทย อัตราเงนิ เดือนสงู สุดของแพทยจะไดรับ คือ 76,800 บาท พจิ ารณาเงินเดือนของนายแพทยศ ุภกุล ในทน่ี ้ี P = 17,920 จากทฤษฎบี ท 7 จะได 17,920(1+ 0.06)n = 76,800 (1.06)n = 76,800 17, 920 ≈ 4.2857 เนอ่ื งจาก (1.06)24 ≈ 4.0489 และ (1.06)25 ≈ 4.2919 จะได 17,920(1.06)24 ≈ 72,556.91 และ 17,920(1.06)25 ≈ 76,910.32 น่นั คือ เมื่อนายแพทยศุภกุลทํางานไปแลว 24 ป เงนิ เดือนจะยงั ไมถ ึง 76,800 บาท แตเมื่อนายแพทยศภุ กุลทํางานไปแลว 25 ป จงึ จะไดร ับเงินเดือนสูงสดุ ของแพทย คือ 76,800 บาท จะไดว า นายแพทยศุภกลุ จะไดรับเงินเดอื นสูงสดุ เมือ่ อายุ 24 + 25 =49 ป พิจารณาเงินเดอื นของแพทยหญิงวฒั นา ในท่นี ้ี P = 20,000 จากทฤษฎบี ท 7 จะได 20,000(1+ 0.06)n = 76,800 (1.06)n = 76,800 20, 000 = 3.84 เนอ่ื งจาก (1.06)23 ≈ 3.8197 และ (1.06)24 ≈ 4.0489 จะได 20,000(1.06)23 ≈ 76,394.99 และ 20,000(1.06)24 ≈ 80,978.69 น่นั คือ เมอ่ื แพทยหญิงวฒั นาทํางานไปแลว 23 ป เงนิ เดือนจะยงั ไมถึง 76,800 บาท แตเมอื่ แพทยหญิงวัฒนาทาํ งานไปแลว 24 ป จึงจะไดรับเงินเดอื นสงู สดุ ของแพทย คือ 76,800 บาท จะไดวา แพทยห ญิงวฒั นาจะไดร ับเงินเดือนสูงสุดเม่ืออายุ 27 + 24 =51 ป ดังนั้น นายแพทยศภุ กลุ จะไดรับเงินเดือนสูงสุดเมื่ออายุ 49 ป และแพทยห ญิงวฒั นา จะไดรับเงนิ เดอื นสงู สดุ เมอ่ื อายุ 51 ป สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี 5 149 บทที่ 2 ฟง กชนั แบบฝกหดั 2.1 1. 1) เนื่องจาก สมาชิกตวั หนาของคอู นั ดับใน A ไมมีตัวใดซ้าํ กนั เลย ดงั น้ัน A เปนฟง กช ัน 2) เนื่องจาก มคี ูอันดบั ใน B ที่มสี มาชิกตวั หนาเหมือนกัน แตสมาชิกตวั หลังตา งกัน คอื ( p, 1) และ ( p, 3) ดังน้ัน B ไมเปน ฟงกช นั 3) วธิ ีที่ 1 เขยี นกราฟแสดงความสัมพนั ธ {(x, y) =x y2 + 7} ไดดังน้ี จากกราฟ สงั เกตวา มีเสน ตรงทขี่ นานกับแกน Y ท่ตี ัดกราฟสองจุด เชน เสน ตรง x = 8 ตัดกราฟสองจุด คือ (8, 1) และ (8, −1) ดงั นน้ั C ไมเ ปนฟง กชนั วิธที ี่ 2 เนื่องจากมคี ูอันดับใน C ท่มี สี มาชิกตวั หนา เหมอื นกัน แตสมาชิกตัวหลัง ตางกนั เชน (8, 1) และ (8, −1) ดังนั้น C ไมเ ปน ฟง กชนั สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
150 คมู อื ครรู ายวชิ าพนื้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท่ี 5 4) เขียนกราฟแสดงความสัมพันธ {(x, y) =y x2 + 7} ไดด งั นี้ จากกราฟ สังเกตวา ไมมีเสน ตรงทข่ี นานกบั แกน Y เสนใดตัดกราฟมากกวา 1 จดุ ดังนนั้ D เปน ฟงกชัน 2. 1) f (a) = 2 f (b) = 4 f (c) = 3 f (d) =1 2) f (a) = 1 f (b) = 4 f (c) = 2 f (d) = 3 3. 1) จาก f ( x) = x2 และ Df ={−2,−1, 0, 1, 2} จะได f (−2) =(−2)2 =4 f (−1) =(−1)2 =1 f (0=) 0=2 0 f (1=) 1=2 1 f (2=) 2=2 4 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูม อื ครูรายวชิ าพ้ืนฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 151 ดังนั้น f ={(−2, 4), (−1, 1), (0, 0), (1, 1), (2, 4)} 2) จาก f ( x=) x + 2 และ Df ={−2, −1, 0, 1, 2} จะได f (−2) = (−2) + 2 = 0 = 0 f (−1) = (−1) + 2 = 1 = 1 f (0) = 0 + 2 = 2 f (1) = 1+ 2 = 3 f (2) = 2 + 2 = 4 = 2 { }ดงั น้นั (f =(−2, 0), (−1, 1), 0, 2 ), (1, )3 , (2, 2) 4. เน่ืองจาก −2 <1 จะได f (−2) =1 เนอ่ื งจาก 0 <1 จะได f (0) =1 เนอ่ื งจาก 1≤1≤ 3 จะได f (1) =1 เนอ่ื งจาก 1 < 1 จะได f 1 = 1 2 2 เนื่องจาก 1≤ 3 ≤ 3 จะได f ( 3) = 3 เน่อื งจาก 9 > 3 จะได f (9) = 2 เนอ่ื งจาก h > 0 จะได 3 + h > 3 นัน่ คือ f (3 + h) − f (3) =2 − 3 =−1 5. 1) แทน x ในสมการ y =−x + 2 ดว ย 0, 1 และ 2 จะไดคูอันดบั ซ่ึงเปนสมาชิกของ เซต r ดังตาราง x0 1 2 y2 1 0 ( x, y) (0, 2) (1, 1) (2, 0) ซึง่ เขยี นกราฟของคูอ ันดับในตาราง ไดจดุ (0,2), (1,1) และ (2,0) และเม่ือให x เปน จาํ นวนจริง จะเขยี นกราฟของ r ไดด ังน้ี สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
152 คมู ือครูรายวิชาพ้ืนฐานคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท่ี 5 จากรปู พบวาไมมเี สนขนานกบั แกน Y เสนใดที่ตดั กราฟของ r มากกวา 1 จดุ ดังน้นั r เปนฟงกชนั 2) แทน x ในสมการ y2 =−x + 4 ดวย 0, 3 และ 4 จะได คูอนั ดบั ซง่ึ เปน สมาชิก ของเซต r ดงั ตาราง x0 34 y −2, 2 −1, 1 0 ( x, y) (0,− 2), (0, 2) (3, −1), (3, 1) (4,0) ซง่ึ เขียนกราฟของคอู นั ดบั ในตาราง ไดจ ดุ (0,− 2), (0, 2),(3,−1),(3,1) และ (4,0) และเมื่อให x เปนจาํ นวนจรงิ จะเขียนกราฟของ r ไดดงั น้ี สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูม ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 5 153 จากรูป สังเกตวา มเี สน ตรงที่ขนานกบั แกน Y ท่ีตัดกับกราฟ r สองจดุ เชน เสนตรง x = 3 ตดั กราฟสองจดุ คอื (3,−1) และ (3,1) ดงั นั้น r ไมเ ปน ฟง กชัน 6. 1) พจิ ารณา f (x=) x2 −1 จะเห็นวา ไมว าแทน x เปน จาํ นวนจริงใดก็จะสามารถ หา f (x) ไดเสมอ ดงั นั้น โดเมนของฟงกช นั f คอื เซตของจาํ นวนจรงิ หรือ Df = และเมื่อพจิ ารณา =y x2 −1 จะไดวา x =± y +1 เน่ืองจาก จํานวนที่อยูใ นเคร่ืองหมายกรณฑท สี่ องตองไมเ ปนจาํ นวนลบ ดงั นั้น y +1 ≥ 0 นนั่ คอื y ≥ −1 ดังน้ัน Rf= {y ∈ y y ≥ −1} 2) เนอื่ งจากในระบบจาํ นวนจริง จาํ นวนท่อี ยูในเครื่องหมายกรณฑที่สองตองไมเ ปน จาํ นวนลบ ดงั นั้น x − 7 ≥ 0 นนั่ คือ x ≥ 7 จะไดวา โดเมนของฟงกช ัน f คอื เซตของจาํ นวนจริงท่ีมากกวาหรือเทา กับ 7 หรอื Df ={x ∈ x ≥ 7} สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
154 คูม อื ครรู ายวชิ าพ้ืนฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 5 และเมื่อพิจารณา =y x − 7 เน่อื งจาก x − 7 ≥ 0 จะได y ≥ 0 ดังนัน้ Rf ={y ∈ y y ≥ 0} 3) เน่อื งจากในระบบจาํ นวนจรงิ ไมน ิยามเศษสว นที่ตัวสว นเปนศนู ย ดังนนั้ 2x − 3 ≠ 0 นั่นคือ x ≠ 3 2 ดงั นั้น โดเมนของฟงกชัน f คอื เซตของจาํ นวนจรงิ ที่ไมเ ทากบั 3 2 หรอื Df =x ∈ x ≠ 3 2 และเม่ือพจิ ารณา y= 1 2x − 3 จะไดว า 2x − 3 =1 y แสดงวา y เปนจํานวนจริงทไี่ มเทากับ 0 ดังนน้ั Rf ={y ∈ y y ≠ 0} 4) เนอื่ งจากในระบบจาํ นวนจริง จํานวนทอี่ ยใู นเคร่ืองหมายกรณฑท สี่ องตองไมเปน จํานวนลบ ดงั นัน้ x ≥ 0 จะไดวา โดเมนของฟงกช นั f คอื เซตของจาํ นวนจรงิ ทม่ี ากกวา หรอื เทา กับ 0 หรือ Df ={x ∈ x ≥ 0} และเม่ือพจิ ารณา y = − x เนือ่ งจาก x ≥ 0 จะได − x ≤ 0 นั่นคือ y ≤ 0 ดงั นั้น Rf ={y ∈ y y ≤ 0} 7. เนอื่ งจาก −4 < x < 3 จะได 0 ≤ x2 <16 น่ันคอื −6 ≤ x2 − 6 <10 ดงั น้ัน −6 ≤ f ( x) <10 จะไดว า Rf = {y ∈ y − 6≤ y <10} สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวชิ าพนื้ ฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 5 155 แบบฝกหัด 2.2 1. 1) จ 2) ข 3) ง 4) ค 5) ก 2. 1) ให f (=x) 2 x +1 7 หาคา ของฟงกชัน f ที่ 3 จะได f (=3) 2 (3) +=1 13 77 จะได จุด 3, 13 อยูบนกราฟของ f 7 ดงั น้นั จดุ (3, 5) ไมอยูบนกราฟ =y 2 x +1 7 2) ให f ( x) =−2x − 7 หาคา ของฟงกช ัน f ที่ −4 จะได f (−4) =−2(−4) − 7 =1 จะได จดุ (−4, 1) อยูบนกราฟของ f ดังน้ัน จดุ (−4, − 5) ไมอ ยูบ นกราฟ 2x + y =−7 3) เนือ่ งจาก y = −1 เปนกราฟเสนตรงขนานแกน X ผานจดุ (0, −1) ดงั นัน้ จดุ (4, − 5) ไมอยูบนกราฟ y = −1 4) เนื่องจาก x = 2 เปนกราฟเสนตรงขนานแกน Y ผานจดุ (2, 0) ดงั น้นั จดุ (2, 0) อยูบ นกราฟ x = 2 5) ให f ( x) = −x หาคา ของฟงกชัน f ท่ี 1 จะได f (1) = −1 ดังนน้ั จุด (1,−1) อยูบนกราฟ x + y =0 3. 1) ให A(x) เปน ฟง กชนั ของความยาวท่มี ีหนวยเปน เซนตเิ มตร เมื่อ x เปนความยาวทม่ี ี หนวยเปน น้วิ เนื่องจาก ความยาวทีม่ หี นวยเปน นว้ิ เทา กับ 2.54 เทา ของความยาวท่มี หี นวยเปนเซนตเิ มตร ดงั นัน้ A(x) = 2.54x เมอื่ x ≥ 0 และเขยี นกราฟแสดงไดดงั นี้ สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
156 คูม ือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที่ 5 2) ให B(x) เปน ฟง กชันของคา ขนสงสินคาซึ่งมนี ํา้ หนัก x กิโลกรัม จากกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดที่อยใู นเขตชายแดนภาคใต เนือ่ งจาก คา ขนสงประกอบดวยคาขนสงข้นั ตน 150 บาท กบั คา ขนสงที่คดิ ตาม นํ้าหนกั สนิ คา กโิ ลกรัมละ 5 บาท ดังนน้ั B(x=) 5x +150 เมอื่ x > 0 และเขียนกราฟแสดงไดดงั น้ี สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวชิ าพืน้ ฐานคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 157 3) ให C (x) แทนฟง กช ันของรายไดข องพนักงานขายสนิ คาทมี่ ียอดขาย x บาท เน่ืองจาก รายไดของพนกั งานขายสนิ คา ประกอบดว ยเงนิ เดือนประจาํ 6,000 บาท รวมกับคานายหนา 5% ของยอดขายสินคา ดงั น้ัน C=( x) 5 x + 6,000 เมื่อ x ≥ 0 และเขียนกราฟแสดงไดด งั น้ี 100 สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
158 คูมอื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ่ี 5 4. 1) ให f (x) แทนฟงกช นั แสดงยอดขายสนิ คา (ช้ิน) เมอื่ เวลาผานไป x ป f ( x) = 12,000 + x(0.1)(12,000) = 12,000 +1, 200x ดงั นั้น ฟงกช ันแสดงยอดขายสินคาเมื่อเวลาผานไป x ป คือ =f (x) 12,000 +1,200x 2) เนอ่ื งจาก f (5) = 12,000 +1,200(5) = 18,000 ดงั นนั้ ใน พ.ศ. 2565 บรษิ ทั นจ้ี ะมียอดขายสินคา 18,000 ชิ้น 5. จากขอมูลในตารางพบวา ทุกๆ ระยะทางทเี่ พิม่ ขึน้ 600 กิโลเมตร จะมคี าใชจ ายเพิ่มขน้ึ 300 บาท นัน่ คือ ทกุ ๆ ระยะทีเ่ พิม่ ข้ึน 1 กิโลเมตร จะมีคาใชจ า ยเพม่ิ ขนึ้ 1 บาท 2 ให f (x) แทนฟง กชนั ของคาใชจ ายในการเดินทาง x กิโลเมตร ดงั น้ัน f (=x) 1 x + 5,000 2 เขียนกราฟของฟงกช นั ไดดงั นี้ สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวชิ าพื้นฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 5 159 1) คา ใชจา ยสําหรับการเดินทางประมาณ 400 กโิ ลเมตร คาํ นวณจากการแทน x ใน f ( x) ดว ย 400 จะได f (400) = 1 (400) + 5,000 = 5,200 2 ดงั นั้น ถา เดชตอ งการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังจังหวดั ขอนแกน เขาตองเสยี คา ใชจา ยประมาณ 5,200 บาท 2) ระยะทางในการเดนิ ทาง โดยท่มี เี งนิ 5,500 บาท คํานวณหา x ไดจาก 5,500 = 1 x + 5,000 2 x = 1,000 ดังนน้ั ถามีเงิน 5,500 บาท แลวเดชจะเดนิ ทางไดประมาณ 1,000 กโิ ลเมตร 3) คาใชจายสําหรับการเดนิ ทางประมาณ 2,100 กิโลเมตร คาํ นวณจากการแทน x ใน f ( x) ดว ย 2,100 จะได f (2,100) = 1 (2,100) + 5,000 = 6,050 2 นน่ั คอื การเดนิ ทาง 2,100 กโิ ลเมตร จะมคี าใชจ ายประมาณ 6,050 บาท ดังน้ัน ถา เดชมเี งนิ 6,000 บาท เขาจะไมส ามารถเดินทางจากจงั หวดั แมฮองสอน ไปยังจงั หวัดยะลาได โดยทเี่ ขายงั ขาดเงนิ อีกประมาณ 50 บาท สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
160 คูม อื ครูรายวชิ าพืน้ ฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที่ 5 6. 1) ให C (x) แทนฟง กชนั ของตนทุนในการผลติ มะมวงอบแหง x ถุง เนือ่ งจากตนทนุ ประกอบดวยสองสวน คอื ตนทนุ ขั้นต่าํ 100,000 บาท และ ตนทุนในการผลติ ถุงละ 25 บาท ดงั น้ัน C (=x) 25x +100,000 2) ให R(x) แทนฟง กช นั ของรายไดจากการขายมะมวงอบแหง x ถุง เนอื่ งจาก ชบาแกวขายมะมว งอบแหง ในราคาถุงละ 150 บาท ดงั นัน้ R( x) =150x สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพนื้ ฐานคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 161 3) ตนทนุ สําหรบั การผลิตมะมว งอบแหง 900 ถุง คาํ นวณจากการแทน x ใน C (x) ดวย 900 จะได C (900) = 25(900) +100,000 = 122,500 นนั่ คือ ชบาแกวผลติ มะมว งอบแหง 900 ถุง มีตน ทุน 122,500 บาท และรายไดสาํ หรบั การขายมะมวงอบแหง 900 ถงุ คาํ นวณจากการแทน x ใน R(x) ดวย 900 จะได R (900) = 150(900) = 135,000 นน่ั คอื ชบาแกว ขายมะมวงอบแหง 900 ถุง มรี ายได 135,000 บาท ดังน้นั ชบาแกวไดกําไรทง้ั หมด 135,000 −122,500 =12,500 บาท 4) จุดคุม ทุน คือ จดุ ทีร่ ายไดเ ทา กับตนทุน น่ันคือ R(x) = C(x) 150x = 25x +100,000 125x = 100,000 x = 800 ดังน้ัน ชบาแกวจะตองขายมะมวงอบแหง 800 ถงุ จึงจะคุมทุน 5) เนือ่ งจาก ถา ชบาแกว ขายมากกวา 800 ถุง ชบาแกวจะมรี ายไดม ากกวา ตนทนุ ดงั นน้ั สว นตางของตนทุนกบั รายได คือ R( x) − C ( x) = 150x − (25x +100,000) = 125x −100,000 ซึ่งจะมีสวนตา งที่ เพ่มิ มากขึ้น เมอ่ื ขายมะมวงอบแหงไดม ากขนึ้ 7. 1) ให f (t) แทนฟง กช นั แสดงนาํ้ หนักเน้อื ไกท่คี ัดแยกโดยเครื่องคัดแยกเคร่ืองท่ี 1 เมอ่ื เวลาผา นไป t ชวั่ โมง เนื่องจากเคร่ืองท่ี 1 คัดแยกน้ําหนกั เนือ้ ไกดวยอตั ราเร็วเฉลี่ย 12 ตันตอ ชั่วโมง จะได f (t) =12t เมอ่ื 0 ≤ t ≤10 ให g (t) แทนฟง กชันแสดงนํา้ หนักเน้ือไกทค่ี ัดแยกโดยเคร่ืองคัดแยกเครื่องท่ี 2 เมอ่ื เวลาผา นไป t ช่วั โมง เนอื่ งจากเคร่ืองที่ 2 คัดแยกนํ้าหนักเนอ้ื ไกด ว ยอัตราเร็วเฉล่ีย 16 ตนั ตอช่วั โมง แต เรมิ่ เปด ใชงานชา กวา เครื่องที่ 1 อยู 2 ชว่ั โมง นัน่ คอื g (t) = 16(t − 2) = 16t − 32 เมอ่ื 2 ≤ t ≤10 จะได g ( t ) = 0 − 32 ; 0≤t<2 16t ; 2 ≤ t ≤ 10 สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
162 คูม ือครรู ายวชิ าพื้นฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 เขยี นกราฟแสดง f (t) และ g (t) ไดด งั นี้ 2) ณ เวลา 12:00 น. จะได t = 5 จะได =f (5) 1=2(5) 60 และ g (5=) 16(5) − 32= 48 ดงั นน้ั ณ เวลา 12:00 น. เครอ่ื งท่ี 1 คัดแยกเน้ือไกไดมากกวา เครอื่ งที่ 2 และ มากกวาอยู 12 ตนั 3) ถา เคร่ืองคดั แยกเครือ่ งท่ี 2 คัดแยกนํา้ หนกั เนื้อไกไดมากกวาเคร่อื งท่ี 1 จะไดวา g(t) > f (t) น่นั คือ 16t − 32 > 12t จะได t > 8 นน่ั คอื เคร่ืองคัดแยกเครื่องท่ี 2 จะสามารถคัดแยกนํา้ หนักเนือ้ ไกไ ดมากกวา เครื่องท่ี 1 หลงั เวลา 15:00 น. สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวชิ าพื้นฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 163 8. 1) เขียนกราฟของฟงกช นั อปุ สงคแ ละฟง กช นั อปุ ทาน ดงั นี้ จากกราฟ จะเห็นวาจุดท่ีกราฟของฟงกช นั อุปสงคตัดกับกราฟของฟง กช ันอุปทาน คือ จดุ ดุลยภาพ 2) เนอ่ื งจากราคาดลุ ยภาพจะเกิดขึ้นเม่ืออุปสงคเ ทากับอปุ ทาน นั่นคอื D( p) = S( p) 220 − 2 p = p + 90 −3 p = −130 p = 130 3 ดงั นน้ั ราคาดุลยภาพ คือ 130 บาทตอกโิ ลกรัม 3 3) จากกราฟ เมื่อพจิ ารณาราคาขายท่นี อยกวา 130 บาทตอกโิ ลกรัม จะไดว า อุปสงค 3 มากกวา อปุ ทาน นนั่ คือ ปรมิ าณความตองการซอ้ื ยางพารามากกวา ปรมิ าณความ ตองการขายยางพารา สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
164 คูม ือครูรายวิชาพ้ืนฐานคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 แบบฝก หดั 2.3 1. 1) y =( x − 4)2 − 3 เมื่อเทยี บกบั y =( x − h)2 + k จะได= a 1,=h 4 และ k = −3 นัน่ คอื กราฟหงายขึน้ มจี ดุ ยอดทีจ่ ดุ (4,− 3) และคูกบั กราฟ (ง) 2) y =−( x − 4)2 + 3 เมอื่ เทยี บกบั y =( x − h)2 + k จะได a =−1, h =4 และ k = 3 น่นั คอื กราฟควํ่าลง มีจุดยอดทจี่ ุด (4, 3) และคูกบั กราฟ (ช) 3) y =( x + 4)2 − 3 เมอ่ื เทียบกับ y =( x − h)2 + k จะได a = 1, h = − 4 และ k = −3 น่ันคอื กราฟหงายข้นึ มจี ดุ ยอดท่จี ุด (−4,− 3) และคูกบั กราฟ (ญ) 4) y =−( x + 4)2 + 3 เมอื่ เทียบกบั y =( x − h)2 + k จะได a =−1, h =− 4 และ k = 3 นนั่ คอื กราฟควํ่าลง มีจุดยอดท่ีจดุ (−4, 3) และคูกับกราฟ (ก) 5) =y 2( x − 2)2 เมอ่ื เทยี บกับ y =( x − h)2 + k จะได= a 2=, h 2 และ k = 0 นั่นคือ กราฟหงายขน้ึ มีจดุ ยอดที่จดุ (2, 0) และคูกบั กราฟ (ฌ) 6) y =( x + 3)2 − 4 เมอื่ เทียบกับ y =( x − h)2 + k จะได a = 1, h = −3 และ k = − 4 น่นั คอื กราฟหงายขน้ึ มีจุดยอดทจ่ี ุด (−3, − 4) และคูกับกราฟ (ข) สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครูรายวิชาพื้นฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 165 7) y =− 1 ( x +1)2 − 3 2 เม่ือเทียบกบั y =( x − h)2 + k จะได a =− 1 , h =−1 และ k = −3 2 นั่นคอื กราฟควาํ่ ลง มีจดุ ยอดท่ีจุด (−1, − 3) และคูกบั กราฟ (ค) 8) y =−2( x + 3)2 + 2 เม่อื เทยี บกบั y =( x − h)2 + k จะได a =−2, h =−3 และ k = 2 นั่นคอื กราฟคว่ําลง มีจดุ ยอดที่จดุ (−3, 2) และคูกบั กราฟ (ฉ) 9) y = x2 − 2x + 3 ( )= x2 − 2x +1 + 2 = ( x −1)2 + 2 เมื่อเทยี บกบั y =( x − h)2 + k จะได= a 1,=h 1 และ k = 2 นั่นคอื กราฟหงายขน้ึ มีจดุ ยอดทจ่ี ุด (1, 2) และคูกบั กราฟ (ซ) 10) y = 2x2 − 4x + 5 ( )= 2 x2 − 2x +1 + 3 = 2( x −1)2 + 3 เมอ่ื เทยี บกบั y =( x − h)2 + k จะได= a 2=, h 1 และ k = 3 นั่นคอื กราฟหงายขนึ้ มีจุดยอดที่จดุ (1, 3) และคูกับกราฟ (จ) 2. 1) เขียน f ( x) = x2 − 4x − 5 ใหอ ยใู นรปู f ( x) =( x − h)2 + k ไดด งั นี้ ( )f ( x) = x2 − 4x + 4 − 9 = ( x − 2)2 − 9 จะได =a 1,=h 2 และ k = −9 เนอื่ งจาก a > 0 ดงั นน้ั กราฟของฟงกช นั f หงายขน้ึ และมจี ดุ ยอดทจ่ี ุด (2, − 9) และมคี า ต่าํ สุด คือ −9 หาจดุ ท่กี ราฟตดั แกน X โดยกําหนดให f (x) = 0 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
166 คูม ือครูรายวิชาพ้ืนฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ี่ 5 นนั่ คอื x2 − 4x − 5 = 0 ( x − 5)( x +1) = 0 จะได x = 5 หรือ x = −1 ดงั น้ัน กราฟตัดแกน X ท่จี ุด (−1, 0) และ (5, 0) เขยี นกราฟของ f ( x) = x2 − 4x − 5 ไดด งั น้ี จากกราฟ พบวา Df = และ=Rf {y y ≥ −9} 2) เขยี น f ( x) =−x2 + 6x − 8 ใหอยใู นรูป f ( x) =( x − h)2 + k ไดด ังน้ี ( )f ( x) = − x2 − 6x + 9 +1 = −( x − 3)2 +1 จะได a =−1, h =3 และ k =1 เนือ่ งจาก a < 0 ดังน้ัน กราฟของฟงกชัน f คว่ําลง และมีจุดยอดที่จุด (3, 1) และมคี า สูงสดุ คือ 1 หาจุดทกี่ ราฟตดั แกน X โดยกาํ หนดให f (x) = 0 นน่ั คอื −x2 + 6x −8 = 0 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 5 167 ( )− x2 − 6x + 8 = 0 −(x − 4)(x − 2) = 0 จะได x = 4 หรือ x = 2 ดงั น้ัน กราฟตัดแกน X ท่ีจดุ (2, 0) และ (4, 0) เขยี นกราฟของ f ( x) =−x2 + 6x − 8 ไดดังนี้ จากกราฟ พบวา Df = และ=Rf {y y ≤1} 3) เขียน f ( x) =−x2 − 2x ใหอยใู นรปู f ( x) = a( x − h)2 + k ไดด ังน้ี ( )f ( x) = − x2 + 2x +1 +1 = −( x +1)2 +1 จะได a =−1, h =−1 และ k =1 เนอื่ งจาก a < 0 ดงั นนั้ กราฟของฟงกชนั f ควํ่าลง และมจี ุดยอดทจ่ี ดุ (−1, 1) และมคี า สูงสดุ คือ 1 หาจดุ ทีก่ ราฟตดั แกน X โดยกาํ หนดให f (x) = 0 นั่นคอื −x2 − 2x = 0 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
168 คมู อื ครรู ายวชิ าพน้ื ฐานคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 −x(x + 2) = 0 จะได x = 0 หรือ x = −2 ดังนัน้ กราฟตดั แกน X ทจ่ี ุด (−2, 0) และ (0, 0) เขียนกราฟของ f ( x) =−x2 − 2x ไดดงั นี้ -5 จากกราฟ พบวา Df = และ=Rf {y y ≤1} 4) เขียน f ( x) = x2 − 6x + 8 ใหอ ยูใ นรูป f ( x) = a( x − h)2 + k ไดด งั นี้ ( )f ( x) = x2 − 6x + 9 −1 = ( x − 3)2 −1 จะได=a 1,=h 3 และ k = −1 เนอื่ งจาก a > 0 ดงั นั้น กราฟของฟงกชนั f หงายขน้ึ และมจี ุดยอดที่จุด (3, −1) และมคี าตํา่ สุด คือ −1 หาจดุ ท่ีกราฟตัดแกน X โดยกาํ หนดให f (x) = 0 นนั่ คอื x2 − 6x + 8 = 0 (x − 4)(x − 2) = 0 จะได x = 4 หรอื x = 2 ดังน้ัน กราฟตัดแกน X ทีจ่ ุด (2, 0) และ (4, 0) สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวชิ าพ้ืนฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 169 เขยี นกราฟของ f ( x) = x2 − 6x + 8 ไดดงั นี้ จากกราฟ พบวา Df = และ=Rf {y y ≥ −1} 3. 1) ให y แทนกาํ ไรจากการขายสินคา x ชน้ิ จะได y = x(100 − 0.1x) = 100x − 0.1x2 ดงั นน้ั สมการแสดงกาํ ไรจากการขายสนิ คา x ชิ้น ค=อื y 100x − 0.1x2 2) จาก=y 100x − 0.1x2 เขยี นใหอยูในรปู a(x − h)2 + k ไดด ังนี้ ( )y = −0.1 x2 −1,000x ( )= −0.1 x2 −1,000x + 5002 + (0.1)(500)2 = −0.1( x − 500)2 + 25,000 จะได a =−0.1, h =500 และ k = 25,000 เนื่องจาก a < 0 ดงั นัน้ กราฟของฟงกช นั f คว่ําลง และมจี ดุ ยอดทจ่ี ดุ (500, 25000) ดงั นั้น จะตอ งขายสนิ คา 500 ช้นิ จึงจะไดมีกาํ ไรมากที่สดุ 25,000 บาท สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
170 คมู ือครูรายวชิ าพนื้ ฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 5 4. 1) ให f (x) แทนรายไดตอเดือนของเจาของหอพักแหงนี้ เมอ่ื x คอื จํานวนหองวาง จะได f ( x) = (80 − x)(4,000 + 200x) = 320,000 +16,000x − 4,000x − 200x2 = −200x2 +12,000x + 320,000 ดังนน้ั สมการแสดงรายไดของเจา ของหอพกั แหง น้ี คอื f ( x) =−200x2 +12,000x + 320,000 2) จาก f ( x) =−200x2 +12,000x + 320,000 ถาตองการใหมรี ายไดเ ดอื นละ 375,000 บาท น่ันคือ 375,000 = −200x2 +12,000x + 320,000 200x2 −12,000x + 55,000 = 0 x2 − 60x + 275 = 0 ( x − 55)( x − 5) = 0 จะได x = 5 หรือ x = 55 ถา x = 5 เจาของหอพักตองคดิ คาเชาหอ งละ 4,000 + 200(5) =5,000 บาท ถา x = 55 เจา ของหอพักตองคดิ คาเชาหองละ 4,000 + 200(55) =15,000 บาท ดังนั้น ถาตองการใหมีรายไดเดอื นละ 375,000 บาท เจา ของหอพักตองคิดคาเชา หองละ 5,000 บาท หรือ 15,000 บาท 3) จาก f ( x) =−200x2 +12,000x + 320,000 เขยี นใหอยูในรูป a( x − h)2 + k ไดดังน้ี ( )f ( x) = −200 x2 − 60x + 900 + 500,000 = −200( x − 30)2 + 500,000 จะได a =−200, h =30 และ k = 500,000 ดงั นัน้ กราฟของฟง กชนั f มีจดุ ยอดที่จุด (30, 500000) จะไดวา เจาของหอพักตองต้งั ราคาหอ งละ 4,000 + 200(30) =10,000 บาท จงึ ทําใหมีรายไดมากทส่ี ุด 500,000 บาท สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวชิ าพื้นฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ี่ 5 171 5. ให f (x) แทนฟงกช ันแสดงพื้นท่ีของรูปส่ีเหลี่ยมจัตรุ ัส เมื่อความยาวของดานเปน x เซนติเมตร และ g (x) แทนฟงกช ันแสดงพ้ืนท่ีของรูปสเ่ี หลย่ี มมมุ ฉาก เมื่อความยาวของดานกวา งเปน x เซนติเมตร และดา นยาวยาวกวาดา นกวา ง 1 เซนติเมตร จะได f ( x) = x2 และ g ( x) = x( x +1) = x2 + x 1) เนอื่ งจากดา นยาวยาว 3.5 เซนติเมตร จะได ดานกวา งยาว 2.5 เซนตเิ มตร จะไดวา รูปสเ่ี หลีย่ มมมุ ฉากที่มีดานกวา งยาว 2.5 เซนตเิ มตร มพี ้ืนที่ (2.5)2 + 2.5 =8.75 ตารางเซนตเิ มตร ดงั นนั้ รูปสเี่ หลย่ี มมุมฉากท่ีมดี า นยาวยาว 3.5 เซนตเิ มตร จะมีพน้ื ท่ี 8.75 ตารางเซนติเมตร 2) จากรปู สีเ่ หล่ยี มจัตรุ ัสทม่ี ีพืน้ ท่ี 6.25 ตารางเซนตเิ มตร นนั่ คอื จะได x = 2.5 ดงั นน้ั รูปสเี่ หลีย่ มจัตรุ สั ท่มี ีพื้นท่ี 6.25 ตารางเซนติเมตร จะมคี วามยาวดา นเปน 2.5 เซนตเิ มตร 3) ถา พ้ืนท่ีของรูปทง้ั สองตางกัน 3 ตารางเซนตเิ มตร จะได ( x2 + x) − x2 =3 นน่ั คอื x = 3 ดังนนั้ รูปสี่เหล่ียมมมุ ฉาก มพี ้ืนที่ 12 ตารางเซนติเมตร และรปู ส่ีเหลย่ี มจตั ุรสั มี พ้ืนท่ี 9 ตารางเซนตเิ มตร สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
172 คูมือครรู ายวชิ าพืน้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ี่ 5 4) ถา ความยาวดา นของรปู สี่เหล่ียมจัตรุ ัสเปน x เซนตเิ มตร แลว ผลตางของพื้นท่ที ัง้ สองรปู เปน ( x2 + x) − x2 =x ตารางเซนตเิ มตร ให h(x) แทนความสมั พนั ธร ะหวางความยาวดานของรปู ส่เี หลยี่ มจัตุรัสและผลตา ง ของพืน้ ท่ีของรูปส่ีเหลี่ยมท้ังสอง จะไดว า h(x) = x แบบฝกหดั 2.4 1. ให f (x) แทนอตั ราคา บรกิ ารในการสงพัสดขุ องบรษิ ัทแหงหนึ่งมีหนว ยเปนบาท เมื่อ x แทนนํ้าหนกั ของพสั ดุมหี นวยเปน กโิ ลกรัม จะเขียนฟงกชนั ของ f (x) ไดด ังน้ี 20.00 ;0< x ≤1 35.00 ;1< x ≤ 2 f ( x) = 50.00 ;2< x≤3 65.00 ;3< x≤4 80.00 ;4< x≤5 ;5< x≤6 95.00 เขยี นกราฟของฟงกชัน f ไดดงั น้ี สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 173 2. ให f (x) แทนอตั ราคาบรกิ ารในการสง จดหมาย (ไปรษณยี ลงทะเบียน) ของบรษิ ัท แหง หนึง่ มหี นว ยเปน บาท เม่ือ x แทนนํา้ หนักของจดหมายมีหนว ยเปนกรมั จะเขียนฟง กชันของ f (x) ไดด งั นี้ 16.00 ; 0 < x ≤ 20 ; 20 < x ≤ 100 =f ( x) 1282..0000 ;100 < x ≤ 250 ; 250 < x ≤ 500 28.00 ; 500 < x ≤ 1,000 38.00 เขียนกราฟของฟงกชัน f ไดดงั นี้ 1) ถา ตองการสง จดหมายหนัก 700 กรัม ตองเสียคา บรกิ าร 38.00 บาท 2) ถาสง จดหมายหนงึ่ ฉบับเสียคาบริการ 22 บาท จดหมายฉบับน้จี ะหนักเกิน 100 กรมั แตไมเกิน 250 กรัม 3) จดหมายหนกั 500 กรมั จะเสียคาบรกิ าร 28.00 บาท และจดหมาย 230 กรมั จะเสียคา บริการ 22.00 บาท น่ันคอื ทุกเดือนตองเสียคาบริการ 28.00 + 22.00 =50.00 บาท ดงั นั้น เมื่อครบ 1 ป จะเสียคา บริการทั้งหมด 600.00 บาท สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
174 คูม อื ครูรายวชิ าพ้นื ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที่ 5 3. ให f (x) แทนคาโดยสารของรถโดยสารประเภทหนึ่งมหี นวยเปนบาท เม่ือ x แทนระยะทางหนวยเปนกิโลเมตร จะเขยี นฟง กช นั ของ f (x) ไดด งั น้ี 20 ;0 < x ≤ 2 23 ;2 < x ≤ 2.3 26 ;2.3 < x ≤ 2.6 29 ;2.6 < x ≤ 2.9 32 ;2.9 < x ≤ 3.2 =f ( x) 35 ;3.2 < x ≤ 3.5 38 ;3.5 < x ≤ 3.8 41 ;3.8 < x ≤ 4.1 44 ;4.1 < x ≤ 4.4 47 ;4.4 < x ≤ 4.7 50 ;4.7 < x ≤ 5.0 เขียนกราฟของฟงกชัน f ไดดังนี้ 2 1) ถา เดินทางดว ยรถโดยสารตง้ั แตตนสายจนสดุ สาย จะตองเสียคา โดยสาร 50 บาท 2) ถา เดนิ ทางไป 3.82 กโิ ลเมตร จะตองเสยี คาโดยสาร 41 บาท สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวชิ าพนื้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ่ี 5 175 3) ถา จา ยคา โดยสารไป 38 บาท แลว ระยะทางที่เปน ไปไดในการเดนิ ทางคร้งั น้ีเกนิ 3.5 กโิ ลเมตร แตไมเ กิน 3.8 กิโลเมตร 4) ถา มัดหมเ่ี ดินทางจากบา นไปโรงเรียนเปนระยะทาง 4.5 กิโลเมตร จะตอ งเสยี คา โดยสาร 47 บาท แตถ า เดนิ ทางจากบานไปรา นคา เพ่ือซื้ออปุ กรณกีฬาเปน ระยะทาง 2.6 กโิ ลเมตร จะเสยี คาโดยสาร 26 บาท และเดินทางตอจากรานคา ไปโรงเรียนเปนระยะทาง 1.9 กิโลเมตร จะเสียคา โดยสาร 20 บาท จะไดว า เสียคา โดยสารทงั้ หมด 46 บาท ดังนน้ั มัดหม่จี ะเสยี คาโดยสารนอ ยกวาปกติ อยู 1 บาท 4. 1) ให f (t) แทนอัตราคาโทรออกของซิมคยุ คุมมหี นวยเปนบาท เมื่อ t แทนเวลา โทรออกหนวยเปนนาที 0.75 ;0 < t ≤1 1.50 ;1 < t ≤ 2 2.25 ;2<t ≤3 3.00 ;3< t ≤ 4 3.75 ;4<t ≤5 ;5 < t ≤ 6 จ=ะได f (t) 4.50 ;6 < t ≤ 7 5.25 ;7 < t ≤8 6.00 ;8 < t ≤ 9 6.75 ;9 < t ≤ 10 7.50 ให g (t) แทนอตั ราคาโทรออกของซิมคยุ สนุกมีหนว ยเปน บาท เมือ่ t แทนเวลา โทรออกหนว ยเปนนาที สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
176 คูมือครรู ายวชิ าพ้ืนฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 3 ;0 < t ≤ 2 3.5 ;2 < t ≤ 3 4 ;3 < t ≤ 4 4.5 ;4 < t ≤ 5 5 จะได g ( t ) = 5.5 ;5 < t ≤ 6 ;6 < t ≤ 7 6 ;7 < t ≤ 8 6.5 ;8 < t ≤ 9 7 ;9 < t ≤ 10 เขยี นกราฟของ f และ g ไดด งั น้ี 2 4 6 8 10 2) จากกราฟ สําหรบั ผูท ใี่ ชโ ทรศัพทสําหรบั โทรออกไมเกนิ 5 นาที ควรจะใชซ ิมคยุ คุม จงึ จะประหยดั กวา 3) คาโทรออกของท้ังสองซิมจะเทากนั เมื่อโทรออกเปนระยะเวลาเกิน 7 นาที แตไมเกิน 8 นาที 4) ซิมคุยคุมจะประหยัดกวา เมื่อใชโ ทรออกไมเกนิ 7 นาที และซิมคุยสนุกจะประหยดั กวา เมอ่ื ใชเวลาโทรออกมากกวา 8 นาที สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวชิ าพนื้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ี่ 5 177 แบบฝกหัด 2.5 1. 1) แทน x ใน f ( x) = 3x ดว ย −3, − 2, −1, 0, 1, 2 และ 3 จะได x −3 −2 −1 0 1 2 3 9 27 f (x) 1 1 1 1 3 (2, 9) (3, 27) 27 9 3 ( )x, f ( x) −3, 1 −2, 1 −1, 1 (0, 1) (1, 3) 27 9 3 เขียนคอู ันดบั ในตาราง และเมื่อให x เปนจํานวนจรงิ จะเขียนกราฟไดด งั นี้ โดเมนของฟงกช ัน คอื เซตของจาํ นวนจรงิ เรนจของฟงกช นั คือ เซตของจํานวนจรงิ บวก สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
178 คูมือครรู ายวชิ าพืน้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 5 2) แทน x ใน f ( x) = 1 x ดวย −3, − 2, −1, 0, 1, 2 และ 3 จะได 3 x −3 −2 −1 0 1 2 3 f ( x) 27 9 3 1 1 1 1 39 27 ( x, f ( x)) (−3, 27) (−2, 9) (−1, 3) (0, 1) 1, 1 2, 1 3, 1 3 9 27 เขียนคอู ันดบั ในตาราง และเมื่อให x เปน จาํ นวนจริง จะเขียนกราฟไดดังนี้ โดเมนของฟง กช นั คือ เซตของจาํ นวนจริง เรนจของฟงกช นั คือ เซตของจาํ นวนจริงบวก สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพื้นฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท่ี 5 179 3) แทน x ใน f ( x=) 2x +1 ดวย −3, − 2, −1, 0, 1, 2 และ 3 จะได x −3 −2 −1 0 1 2 3 9 f (x) 9 5 3 2 3 5 (3, 9) 8 42 ( )x, f ( x) −3, 9 −2, 5 −1, 3 (0, 2) (1, 3) (2, 5) 8 4 2 เขยี นคูอันดับในตาราง และเมื่อให x เปน จาํ นวนจรงิ จะเขยี นกราฟไดดงั นี้ โดเมนของฟง กช นั คือ เซตของจาํ นวนจรงิ เรนจของฟง กชัน คือ เซตของจํานวนจรงิ ทีม่ ากกวา 1 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
180 คูมือครูรายวชิ าพน้ื ฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 5 4) แทน x ใน f ( x=) 3x −1 ดวย −3, − 2, −1, 0, 1, 2 และ 3 จะได x −3 −2 −1 0 1 2 3 0 2 8 26 f (x) − 26 −8 −2 27 9 3 (0, 0) (1, 2) (2, 8) (3, 26) (x, f ( x)) −3, − 26 −2, − 8 −1, − 2 27 9 3 เขยี นคูอันดบั ในตาราง และเมื่อให x เปนจํานวนจรงิ จะเขยี นกราฟไดดงั น้ี โดเมนของฟง กชนั คอื เซตของจาํ นวนจรงิ เรนจของฟง กชนั คือ เซตของจาํ นวนจรงิ ทีม่ ากกวา −1 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าพืน้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ่ี 5 181 5) แทน x ใน f ( x) = 2x−1 ดว ย −3, − 2, −1, 0, 1, 2 และ 3 จะได x −3 −2 −1 0 1 2 3 1 2 4 f (x) 1 1 1 1 (1, 1) (2, 2) (3, 4) (x, f ( x)) 16 8 4 2 −3, 1 −2, 1 −1, 1 0, 1 16 8 4 2 เขียนคอู ันดับในตาราง และเม่ือให x เปน จํานวนจริง จะเขยี นกราฟไดด งั นี้ โดเมนของฟงกช ัน คอื เซตของจาํ นวนจริง เรนจของฟงกชนั คือ เซตของจาํ นวนจริงบวก 2. ให x =10 จะได f (10) = 4,000(1.03)10 ≈ 5,375.67 น่ันคือ ใน 10 ปข างหนา เมืองนจ้ี ะมปี ระชากรประมาณ 5,375 คน ให x = 20 จะได f (20) = 4,000(1.03)20 ≈ 7,224.44 นนั่ คอื ใน 20 ปข า งหนา เมืองนีจ้ ะมีประชากรประมาณ 7,224 คน สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
182 คมู อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 5 3. 1) เม่ือครบ 3 ป ชายคนนีจ้ ะตองชําระเงินคนื ใหธ นาคารทง้ั หมด f (3) = 850,000(1.08)3 = 1,070,755.2 บาท โดยคิดเปนดอกเบ้ีย 1,070,755.2 − 850,000 =220,755.2 บาท 2) แทน n ใน f (n) = 850,000(1.08)n ดวย 1, 2, 3, 4 และ 5 จะได คูอนั ดบั ดังตาราง n f (n) 1 918,000 2 991,440 3 1,070,755.2 4 1,156,415.62 5 1,248,928.87 จากตาราง เขียนกราฟไดด ังน้ี สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวิชาพน้ื ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที่ 5 183 แบบฝกหดั ทายบท 1. 1) เปนฟงกชัน 2) เปนฟง กชนั 3) ไมเปนฟง กช ัน 4) ไมเ ปน ฟงกชนั 2. 1) ไมเ ปนฟงกช ัน เพราะมีคูอับดับทมี่ ีสมาชิกตวั หนาเหมือนกนั แตต ัวหลงั ตา งกนั คือ (4, d ) และ (4, e) 2) ไมเปน ฟง กชัน เพราะมีคอู ันดับที่มสี มาชกิ ตัวหนาเหมือนกนั แตต วั หลังตา งกัน เชน (3, 0) และ (3, 1) 3) เปน ฟง กช ัน 3. จาก f ( x) = x2 + 3x − 5 จะได f (0) = (0)2 + 3(0) − 5 = −5 f (−1) = (−1)2 + 3(−1) − 5 = −7 f (3) = (3)2 + 3(3) − 5 = 13 f (a) = a2 + 3a − 5 4. 1) พจิ ารณา f ( x) =−3x − 4 จะเห็นวา ไมวาแทน x ดวยจาํ นวนจริงใดก็จะสามารถหา f (x) ไดเสมอ ดงั น้นั โดเมนของฟง กช นั f คือ เซตของจาํ นวนจริง หรือ Df = หาเรนจข องฟง กชัน f โดยให y =−3x − 4 จะไดว า x = − y + 4 ซึ่งเห็นวา ไมวา แทน y เปนจํานวนจริงใดกจ็ ะสามารถหา x 3 ทค่ี กู ับ y ไดเสมอ ดังนั้น เรนจของฟง กช นั f คอื เซตของจํานวนจรงิ หรือ Rf = สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
184 คูม ือครูรายวชิ าพื้นฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 2) เน่ืองจากในระบบจํานวนจรงิ จาํ นวนในเคร่ืองหมายกรณฑท่ีสองตองไมเปนจํานวนจริงลบ ดังนั้น x − 2 ≥ 0 นั่นคือ x ≥ 2 ดังนัน้ โดเมนของฟง กช นั f คือ เซตของจํานวนจรงิ ท่ีมากกวาหรือเทากับ 2 ให =y x − 2 เนอื่ งจาก x − 2 ≥ 0 จะได y ≥ 0 ดังนน้ั เรนจของฟงกช นั f คือ เซตของจํานวนจริงที่มากกวา หรอื เทา กับ 0 3) พิจารณา f (x) = x2 จะเห็นวา ไมวา แทน x ดวยจาํ นวนจริงใดกจ็ ะสามารถหา 2 f (x) ไดเ สมอ ดงั น้ัน โดเมนของฟงกชนั f คือ เซตของจํานวนจริง และพจิ ารณา y = x2 2 เนือ่ งจาก x2 ≥ 0 จะได y ≥ 0 ดังนั้น เรนจข องฟง กช นั f คอื เซตของจาํ นวนจริงทม่ี ากกวา หรอื เทากับ 0 4) พจิ ารณา f (x) = 2x2 จะเหน็ วา ไมวาแทน x ดวยจํานวนจรงิ ใดก็จะสามารถหา f (x) ไดเสมอ ดงั น้นั โดเมนของฟงกช นั f คือ เซตของจํานวนจริง และพจิ ารณา y = 2x2 เน่ืองจาก x2 ≥ 0 จะได y ≥ 0 ดังนนั้ เรนจของฟงกช ัน f คือ เซตของจาํ นวนจริงทม่ี ากกวาหรอื เทา กับ 0 5. 1) ให f ( x) =−5x + 2 เม่ือแทน x ดวย 0 จะได f (0) = 2 น่ันคอื จดุ ที่กราฟของ f ตดั แกน Y คอื จดุ (0, 2) ถา f (x) = 0 จะได x=2 นั่นคอื จุดท่ีกราฟของ f ตัดแกน X คอื จุด 2, 0 5 5 เขยี นกราฟของ f (x) =−5x + 2 ไดด ังนี้ สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาพื้นฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ่ี 5 185 จากกราฟ จะไดว า โดเมนของฟง กช นั f คือ เซตของจาํ นวนจริง และ เรนจของฟง กช ัน f คอื เซตของจาํ นวนจริง 2) ให f ( x=) 5x + 2 เมือ่ แทน x ดว ย 0 จะได f (0) = 2 นั่นคอื จดุ ท่ีกราฟของ f ตดั แกน Y คือจุด (0, 2) ถา f (x) = 0 จะได x= −2 นน่ั คอื จดุ ท่ีกราฟของ f ตดั แกน X คือจดุ − 2, 0 5 5 เขียนกราฟของ f (x=) 5x + 2 ไดดังนี้ สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
186 คมู ือครูรายวชิ าพนื้ ฐานคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปที่ 5 จากกราฟ จะไดว า โดเมนของฟง กชัน f คอื เซตของจํานวนจรงิ และ เรนจของฟง กชัน f คอื เซตของจาํ นวนจรงิ 3) ให f ( x) =−x2 − 6x −10 เขียนใหอยูในรูป a(x − h)2 + k ไดดังนี้ ( )f ( x) = − x2 + 6x + 9 −1 = −( x + 3)2 −1 จะได a =−1, h =−3 และ k = −1 เนอ่ื งจาก a < 0 ดงั น้ัน กราฟของฟงกชัน f จะคว่ําลงและมีจดุ ยอดทจ่ี ดุ (−3, −1) เขยี นกราฟของ f ( x) =−x2 − 6x −10 ไดด งั นี้ สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาพ้นื ฐานคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี 5 187 จากกราฟ จะไดว า โดเมนของฟง กชัน คือ เซตของจํานวนจริง และเรนจของฟงกชนั คือ {y y ≤ −1} 4) ให f ( x) = x2 − 6x −10 เขยี นใหอ ยูในรูป a(x − h)2 + k ไดด ังนี้ ( )f ( x) = x2 − 6x + 9 −19 = ( x − 3)2 −19 จะได =a 1,=h 3 และ k = −19 เนือ่ งจาก a > 0 ดังน้นั กราฟของฟงกชัน f จะหงายข้ึนและมจี ุดยอดที่จดุ (3, −19) เขียนกราฟของ f ( x) = x2 − 6x −10 ไดด ังนี้ สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
188 คูมอื ครูรายวชิ าพนื้ ฐานคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 จากกราฟ จะไดว า โดเมนของฟง กช ัน คือ เซตของจาํ นวนจรงิ และเรนจของฟงกชนั คือ {y y ≥ −19} 5) แทน x ใน f ( x) =−1 − 1 x ดว ย −3, − 2, −1, 0,1, 2 และ 3 จะไดคอู ันดับดังตาราง 2 x −3 −2 −1 0 1 2 3 f ( x) −9 −5 −3 −2 − 3 − 5 − 9 248 ( x, f ( x)) (−3, − 9) (−2, − 5) (−1, − 3) (0, − 2) 1, − 3 2, − 5 3, − 9 2 4 8 เขยี นกราฟของ f ( x) =−1 − 1 x ไดดังน้ี 2 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวชิ าพืน้ ฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 189 จากกราฟ จะไดวา โดเมนของฟงกชัน คือ เซตของจาํ นวนจริง และเรนจของฟงกช ัน คือ {y y < −1} แทน x ใน 1 x ดวย −3, − 2, −1, 0,1, 2 และ 3 จะไดคูอันดับดังตาราง 2 6) f (x)= 1 − x −3 −2 −1 0 1 2 3 f ( x) −7 −3 −1 0 1 3 7 248 ( x, f ( x)) (−3, − 7) (−2, − 3) (−1, −1) (0, 0) 1, 1 2, 3 3, 7 2 4 8 เขียนกราฟของ 1 x ไดด ังนี้ 2 f (x)= 1 − สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
190 คูม อื ครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 จากกราฟ จะไดว า โดเมนของฟงกชนั คือ เซตของจํานวนจริง และเรนจข องฟงกชนั คือ {y y <1} 6. 1) (ง) 2) (ฉ) 3) (ก) 4) (จ) 5) (ข) 6) (ค) 7. จากกราฟ จะไดวา ศจีขับรถโดยเพม่ิ อัตราเรว็ จาก 0 กโิ ลเมตรตอชัว่ โมง ถึง 80 กิโลเมตรตอ ชว่ั โมง เปน เวลา 1 ชัว่ โมง แลว จงึ ขบั รถดว ยอตั ราเร็วคงที่ 80 กโิ ลเมตรตอช่วั โมง เปน เวลา 3 ชว่ั โมง จากน้ันจงึ ลดอตั ราเรว็ จนรถหยุดในเวลา 4 ชัว่ โมง สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311