2ตน้ ทุนหรอื ค่าใช้จ่าย ในการผลติ ทางดา้ นการเกษตร ซ่งึ เป็นการผลิตพชื สตั ว์และประมงตามฤดกู าล ซึง่ ค่าใชจ้ ่ายที่จะเกดิ ข้นึ สามารถแบง่ ได้เปน็ 2 ประเภท 1. คา่ ใช้จา่ ยคงท่ี (Fixed Cost) 2. ค่าใช้จา่ ยผนั แปร (Variable Cost) 1. คา่ ใช้จ่ายคงท่ี (Fixed Cost) คือ ค่าใช้จา่ ยในการผลิตท่ีเกดิ โดยไมม่ ีการเปลยี่ นแปลงหรอื แปรไปตามปรมิ าณการ ผลติซงึ่ เป็นการใช้ปจั จยั การผลิตทเ่ี ปน็ ปจั จัยการผลิตท่เี ปน็ ปจั จัยคงท่ี เช่น ค่าเช่าทด่ี ิน ค่าภาษีท่ีดิน ค่าเส่อื มราคาของโรงเรอื นและอปุ กรณก์ ารเกษตร เป็นตน้ ผู้ผลิตไมส่ ามารถเปลีย่ นแปลงปริมาณการใช้ได้ช่วงระยะเวลาการผลติ หนง่ึ ๆ ค่าใช้จ่ายคงที่ยังสามารถแบง่ ออกไดอ้ กี 2 ลกั ษณะ กล่าวคือ 1.1 คา่ ใช้จ่ายคงท่ที ่ีเปน็ เงินสด คอื ค่าใช้จ่ายคงท่ที ผ่ี ู้ผลิตจะต้องจา่ ยจริงเป็นเงินสด จานวนคงทใี่ นการผลิต เช่น ค่าเช่าทีด่ นิ คา่ ภาษีทดี่ นิ เป็นตน้ 1.2 ค่าใช้จา่ ยคงทท่ี ี่ไมเ่ ป็นเงินสด คือ ค่าใช้จา่ ยคงท่ีทผ่ี ู้ผลิตไม่ไดจ้ า่ ยจริงเปน็ เงนิ สด จานวนคงทใ่ี นการผลติ เช่น คา่ เสือ่ มราคาหรือสึกหรอของโรงเรอื นและอปุ กรณ์การเกษตร ค่าใช้ที่ดินกรณเี ปน็ ทด่ี นิ ของตนเอง แต่มกี ารประเมินอตั ราค่าเช่าทีด่ ิน เปน็ ต้น
32. คา่ ใชจ้ ่ายผันแปร (Variables Cost) คอื ค่าใช้จ่ายในการผลิตท่ีเกดิ โดยการเปลีย่ นแปลงหรือแปรไปตามปรมิ าณการผลิต ซ่ึงเป็นการใช้ปจั จยั การผลติ ท่เี ป็นปัจจยั ผันแปร เช่น เมล็ดพันธ์พุ ชื พันธ์ุสัตว์ ปยุ๋ เคมี สารเคมี แรงงาน ค่าซ่อมแซมของโรงเรือนและอุปกรณก์ ารเกษตร ค่าเสยี โอกาส เงินลงทุน เปน็ ต้น ผูผ้ ลิตสามารถเปลี่ยนแปลงปรมิ าณการใช้ได้ในชว่ งระยะเวลาการผลิตหนงึ่ ๆ คา่ ใชจ้ ่ายผนั แปรยังสามารถแบง่ ออกไดอ้ ีก 2 ลกั ษณะ กลา่ วคือ 2.1 คา่ ใช้จา่ ยผนั แปรที่เปน็ เงนิ สด คอื คา่ ใชจ้ า่ ยผันแปรทีผ่ ผู้ ลติ จะตอ้ งจา่ ยจรงิ เปน็ เงนิ สด ในการผลิตเชน่ เมล็ดพนั ธ์ุ พันธสุ์ ัตว์ ปุ๋ยเคมี แรงงานจา้ ง เป็นตน้ 2.2 ค่าใช้จา่ ยผนั แปรท่ีไม่เปน็ เงินสด คือ ค่าใชจ้ ่ายผันแปรท่ผี ู้ผลติ ไมไ่ ดจ้ า่ ยจริง เปน็ เงินสดในการผลิต ซ่ึงสามารถจดั หามาในรปู ส่งิ ของหรือดาเนนิ การเอง เช่น เมล็ดพันธ์ุพชื ที่เกบ็ ไว้เอง พันธส์ุ ตั ว์ทเ่ี กิดจากการขยายพนั ธุ์ แรงงานในครัวเรือน แรงงานแลกเปลย่ี นท่ีไม่ไดค้ ิดเป็นเงนิ สด (ลงแขก) คา่ เสยี โอกาสเงนิ ลงทุนเป็นต้น อยา่ งไรก็ตามยังมีคา่ ใช้จา่ ยบางอยา่ งงในภาคเกษตรที่ไม่ได้คิดใหก้ ับเกษตรกร เชน่ คา่ เสยี โอกาสเงินลงทุน ค่าเส่อื ม เป็นต้น หากจะคดิ สามารถดาเนนิ การได้ ดังน้ี ค่าเสียโอกาสเงินลงทุน (Opportunity Cost) หมายถงึ คา่ ใช้จา่ ยผนั แปรที่เกิดขึ้นจากการผลิต โดยคดิ อัตราดอกเบย้ี และระยะเวลาในการผลิต เชน่ คา่ ใช้จ่ายผนั แปร 1,000 บาท อัตราดอกเบีย้ 12% ระยะเวลา 6 เดือน ดังน้นั คา่ เสียโอกาส เงนิ ลงทนุ เทา่ กบั 60 บาท ค่าเสื่อมราคา (Depreciation) หมายถึง ค่าใชจ้ ่ายคงทท่ี ่ีเกิดขน้ึ จากการใชใ้ นการผลติ สว่ นใหญจ่ ะคิดเปน็ รายปีโดยคดิ แบบ Straight-line method ดังน้ี คา่ เสื่อมราคา = มลู ค่าซอื้ ทรพั ย์สนิ – มูลคา่ คงเหลือสดุ ทา้ ย อายกุ ารใชง้ านของทรพั ยส์ ิน เชน่ รถไถเดนิ ตามมูลคา่ ซ้ือมา 35,000 บาท อายกุ ารใช้งานนาน 10 ปี และมูลค่าคงเหลือ สุดทา้ ย 5,000 บาท ค่าเส่ือมราคา = 35,000 – 5,000 = 3,000 บาทต่อปี 10สูตรการคดิ คานวณ รายได้ รายจ่าย และกาไรของการทาฟารม์ 1. รายได้ = ผลผลิต x ราคา 2. รายจ่าย = คา่ ใช้จ่ายท่ีเกิดจากการทากิจกรรม 3. รายจ่ายทง้ั หมด = ค่าใชจ้ ่ายผันแปร + ค่าใช้จา่ ยคงท่ี
44. กาไร = รายได้ – รายจ่าย5. กาไรเบ้ืองต้น (Gross Profit) = รายได้ – รายจา่ ยผันแปร6. กาไรสทุ ธิ (Net Profit) = รายได้ – (รายจ่ายผันแปร + รายจ่ายคงท)่ีตารางที่ 7 ตัวอยา่ งต้นทุนการผลิตข้าว 1 ไร่ ตน้ ทุนคงที่ ตน้ ทุนผนั แปร บาท/ไร่ ต้นทนุ ทัง้ หมด รายการ - 200 - เตรียมดนิ (จา้ ง) 200 - เมล็ดพันธ์ุ - 70 - แรงงานในการปลกู 70 - แรงงานครัวเรือน - - แรงงานจ้าง - 60 60 - ปยุ๋ เคมี - 180 180 - สารเคมี - 210 210 - แรงงานครวั เรือนท่ใี ชป้ ุ๋ยและสารเคมี - 100 100 - แรงงานในการเก็บเกยี่ ว - 60 60 - แรงงานครัวเรือน - - แรงงานจ้าง - 60 60 - ค่าซอ่ มแซมโรงเรือนและอุปกรณก์ ารเกษตร - 180 180 - ค่าขนส่ง - 50 50 - คา่ เชา่ ทดี่ ิน - 30 30 - คา่ เสอื่ มราคาอปุ กรณก์ ารเกษตร 200 - 200 - คา่ เสยี โอกาสเงินลงทุน (12% 6 เดือน) 50 - 50 - 72 72 รวม 250 1,272 1,522ผลผลิต = 800 กก.ราคา = 3.50 บาท/กก.ดังนั้น : รายได้ข้าว 1 ไร่ = 800 กก. X 3.50 บาท = 2,800 บาทคา่ ใช้จ่ายผนั แปร = 1,272 บาท 1,020 บาท - เงินสด = 252 บาท - ไมเ่ ป็นเงนิ สด = บาทคา่ ใช้จา่ ยคงที่ = 250 200 บาท - เงนิ สด = 50 บาท - ไม่เปน็ เงินสด =
5 ค่าใช้จ่ายทั้งหมด = 1,522 บาท กาไรเบอ้ื งตน้ = รายได้ – รายจา่ ยผันแปร = 2,800 – 1,272 = 1,528 บาท กาไรสทุ ธิ = รายได้ – รายจา่ ยผันแปร – รายจ่ายคงท่ี = 2,800 – 1,272 - 250 = 1,278 บาทการวเิ คราะห์เงนิ ทนุ และผลตอบแทนการผลติ ทเ่ี กิดจากปัจจยั การผลติ 1. อัตราสว่ นรายไดต้ อ่ รายจา่ ยต่อ 1 หนว่ ย (Benefit/Cost Ratio (B/C) 2. ตน้ ทนุ การผลติ ตอ่ 1 หน่วย (ราคาทข่ี ายค้มุ ทนุ ต่อหนว่ ย) 3. ผลผลติ ทคี่ ุม้ ทนุ ต่อ 1 หนว่ ย 4. ผลตอบแทนค่าใช้จ่ายวสั ดกุ ารเกษตรต่อ 1 หนว่ ย 5. ผลตอบแทนค่าใช้จ่ายแรงงานจ้างต่อ 1 หน่วย 6. วเิ คราะห์ระบบการปลกู พชื (ใช้วิธกี าร Marginal Benefit Cost Ratio หรอื (MBCR) หรือวเิ คราะหอ์ ัตราส่วนรายไดเ้ พ่ิมตอ่ รายจ่ายเพิ่ม จดุ ประสงค์ของการวเิ คราะห์เงินทุนและผลตอบแทนการผลติ ท่ีเกิดจากปจั จัยการผลิต อตั ราส่วนรายไดต้ ่อรายจ่ายต่อ 1 หนว่ ย เพ่อื ทราบถึงผลการลงทุนในการผลติ กิจ กรรมการเกษตรว่าลงทนุ ไป 1 บาท จะได้ผลตอบแทนหรือรายได้เป็นอตั ราสว่ นเทา่ ไร เชน่ รายได้ 5,000 บาท รายจ่าย 2,500 บาท อัตราส่วนรายจ่าย (รายได้ 5,000/2,500 = 2) ซึง่ หมายถงึ ลงทนุ 1 บาท ได้ผลตอบแทนหรือรายได้ 2 บาทแสดงว่ากาไร 1 บาท การวเิ คราะหเ์ ชน่ น้ชี ว่ ยในการตดั สนิ ใจและประเมนิ ผลดวู ่าควรเลือกทากิจกรรมใดบา้ งทใ่ี ห้ผลตอบแทนสูงและลดความเส่ยี ง ตน้ ทุนการผลติ ตอ่ 1 หนว่ ย (ราคาที่ขายคุม้ ทนุ ตอ่ 1 หน่วย) เพ่ือทราบตน้ ทนุ การผลิตตอ่ 1 หนว่ ยว่าในการผลิตกิจกรรมต่าง ๆ น้นั มตี น้ ทนุ การผลิตหรอื ค่าใช้จา่ ยต่อ 1 หนว่ ย เปน็ เงินเทา่ ไร เชน่ ผลผลติ ข้าว 320 กก./ไร่ รายจ่ายไร่ละ 832 บาท ดงั นน้ัต้นทนุ ต่อกโิ ลกรมั ของข้าวเทา่ กับ 2.60 บาท (รายจา่ ย 832/ผลผลติ 320 = 2.6) ในเม่ือราคา ข้าวกโิ ลกรัมละ 2 บาท แสดงวา่ ยงั มีกาไรกโิ ลกรมั ละ 0.40 บาท (ในทางตรงกันขา้ ม ถ้าราคาข้าว กโิ ลกรมั ละ 2.50บาท แสดงว่าขาดทนุ กิโลกรัมละ 0.10 บาท) นอกจากนจ้ี ะช่วยหาวิธกี ารท่จี ะลดต้นทุนการผลติ ได้ เมอื่ เราทราบวา่ ตน้ ทุนการผลติ สงู และส่วนที่สงู เกดิ จากอะไร เชน่ อาจจะค่าปุ๋ยเคมีหรืออาจจะคา่ สารเคมี หรอืคา่ จ้างในการกาจัดวชั พืชและเก็บเกย่ี ว เปน็ ตน้
6 ผลผลติ ที่คุ้มลงทุนต่อ 1 หนว่ ย เพอ่ื ทราบถงึ ขีดระดับความสามารถในการผลติ และการลงทุนตอ่ 1 หน่วย วา่ อยู่ในระดับใด ในขณะทร่ี าคาผลผลิตอยใู่ นระดบั หนึ่งเช่นกัน ในการผลิตนน้ั จะต้องวิเคราะหว์ า่ ผลผลิตที่ไดค้ ุม้ หรอื ไม่ควรจะเรง่ รัดเพ่ิมผลผลิตเพมิ่ ข้ึนอีกเท่าไรจงึ จะคุ้มทนุ เชน่ ผลผลิตท่ีผลิตไดข้ องข้าวประมาณ 320 กิโลกรัมตอ่ไร่ แต่ในขณะนั้นราคาข้าวกโิ ลกรมั ละ 3 บาท และต้นทุนการผลิต 832 บาท ดังน้ันผลผลิต ที่คุ้มทุน(รายจ่าย 832/ราคา 3 = 277.33) จะเท่ากับ 277.33 กิโลกรัมตอ่ ไร่ แสดงให้เห็นว่าผลผลติ ไดส้ งู กวา่จุดคมุ้ ทนุ เทา่ กบั 320 – 277 = 43 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ แต่ถา้ ผลผลิตที่ผลติ ได้ 250 กโิ ลกรมั ต่อไร่ แสดงผลผลิตท่ผี ลิตไดต้ ่ากว่าจุดคมุ้ ทุนเท่ากับ 277 – 250 = 27 กิโลกรมั ตอ่ ไร่ ดังนนั้ ควรจะเร่งรัดเพ่มิ ผลผลิตจาก 250 กิโลกรมั ต่อไร่ ใหไ้ ด้อยา่ งน้อย 277 กิโลกรมั ต่อไรจ่ งึ จะค้มุ ทนุ ผลตอบแทนค่าใชจ้ ่ายวสั ดกุ ารเกษตรต่อ 1 หนว่ ย เพื่อใหท้ ราบถงึ การลงทุนหรอื คา่ ใช้จ่ายวัสดุการเกษตรในการผลิตว่าเปน็ เท่าไร เม่ือเปรยี บเทยี บกบั รายได้ ซ่งึ ค่าวสั ดุการเกษตร ไดแ้ ก่ พันธพุ์ ชื และสัตว์ ปุ๋ยและอาหารสัตว์สารเคมีและวคั ซนีตลอดจนอปุ กรณ์การเกษตรในการผลติ เป็นตน้ เชน่ ผลตอบแทนคา่ วัสดุการเกษตรมคี ่าเท่ากบั 1.85 แสดงให้เห็นวา่ ลงทุนซื้อวสั ดุการเกษตร 1 บาท ได้ผลตอบแทนจากการลงทนุ ค่าวัสดกุ ารเกษตร เท่ากับ 1.85บาทขอ้ มูลดังกล่าวจากการคานวณและการวิเคราะหถ์ า้ เกิน 1 แสดงวา่ เพยี งพอหรือมีกาไร แตถ่ ้าตา่ กวา่ 1แสดงว่าไมเ่ พียงพอหรือขาดทนุ ตอ่ 1 หน่วยการลงทุนคา่ วัสดกุ ารเกษตร ผลตอบแทนค่าใช้จา่ ยแรงงานต่อ 1 หน่วย เพอื่ ใหท้ ราบถงึ การลงทุนหรอื คา่ ใช้จ่ายวัสดุการเกษตรในการผลิตวา่ เป็นเทา่ ไร เม่ือเปรียบเทยี บกับรายได้ ซึง่ คา่ แรงงานจ้าง ได้แก่ ค่าจา้ งเตรียมดินปลูก กาจัดวชั พชื เก็บเกี่ยว เป็นต้นผลตอบแทนค่าจ้างแรงงานมคี า่ เท่ากับ 1.65 แสดงใหเ้ หน็ วา่ ลงทนุ ในการจา้ งแรงงาน 1 บาท ได้ผลตอบแทนจากการลงทนุ จา้ งเท่ากบั 1.65 บาท ข้อมูลดังกล่าวจากการคานวณและวิเคราะห์ ถา้ เกิน 1 แสดงว่าพึงพอใจหรอื มีกาไร แต่ถ้าต่ากว่า 1 แสดงว่าไมพ่ ึงพอใจหรือขาดทนุ ต่อ 1 หนว่ ย การลงทนุ ค่าแรงงานจ้าง การวเิ คราะห์ระบบการปลูกพืช ใช้วิธกี าร MBCR เพอ่ื ใหทราบถงึ ผลตอบแทนแห่งการลงทนุ ว่า ระบบการปลูกพชื แบบใดมีประสทิ ธภิ าพสงูและลดความเสี่ยง วิธกี ารดังกลา่ วเราเรยี กวา่ วเิ คราะห์อัตราสว่ น รายไดเ้ พิ่มตอ่ รายจ่ายเพ่มิ หรือMarginal Benefit Cost Ratio (MBCR) เช่น ระบบการปลูกพืช ขา้ ว – ข้าวโพดฝกั ออ่ นมคี ่า MBCR = 1.7แต่ระบบการปลูกพชื ขา้ ว – ถว่ั เขียว – ข้าวโพดฝักอ่อนมีค่า MBCR = 1.4 แสดงให้เห็นวา่ ระบบ การปลูกพืชแบบที่ 1 (ขา้ ว – ข้าวโพดฝกั ออ่ น) ดีกว่าระบบการปลูกพชื แบบท่ี 2 (ขา้ ว – ถ่ัวเขียว – ข้าวโพดฝกั ออ่ น) เพราะว่า ระบบการปลกู พชื แบบท่ี 1 มีคา่ MBCR = 1.7 มคี า่ มากกว่า ระบบ การปลูกพืชแบบที่ 2 ซึ่งมีคา่ MBCR = 1.4 โดยปกตแิ ลว้ คา่ MBCR ต้ังแต่ 2 ข้ึนไปถือวา่ มคี วาม เสยี่ งนอ้ ย
7วธิ กี ารวิเคราะห์ ขอ้ มลู ที่สาคัญในการวเิ คราะห์ทางเศรษฐกจิ ได้แก่ 1. รายได้ = ผลผลติ x ราคา 2. รายจ่าย ค่าวสั ดุ - พนั ธ์พุ ชื และพนั ธสุ์ ัตว์ - ปยุ๋ และอาหารสัตว์ - สารเคมแี ละวัคซนี - อุปกรณ์ต่าง ๆ เกีย่ วกบั การปลูกพืช เลีย้ งสตั ว์ และประมง - อืน่ ๆ คา่ แรงงาน - ค่าจ้างเตรยี มดิน ขุดหลุม ยกรอ่ ง ฯลฯ - ค่าจา้ งปลูก - ค่าจ้างใส่ปยุ๋ กาจัดวัชพชื และพน่ สารเคมี - คา่ จา้ งเก็บเก่ียว - คา่ ขนสง่ - ค่าจา้ งอ่นื ๆ 3. กาไร หมายถงึ รายได้ – รายจ่าย 4. ผลผลิตตอ่ ไร่ ผลผลิตต่อตน้ ผลผลิตตอ่ ตวั ผลผลติ ตอ่ บ่อ 5. ราคาผลผลติ ต่อหน่วย 6. อืน่ ๆ1. วิธีการวเิ คราะหอ์ ตั ราส่วนรายไดต้ ่อรายจ่ายในการผลติ กจิ กรรม รายได้ หรอื Benefit/Cost Ratio (B/C) รายจ่าย
8 ข้อพจิ ารณาในการตดั สนิ ใจคา่ อตั ราสว่ นรายได้ตอ่ รายจา่ ย = รายได้ - ความหมาย รายจ่ายก. น้อยกว่า 1 - รายไดน้ อ้ ยกว่ารายจ่าย กิจกรรมท่ีจะดาเนนิ การ นนั้ ขาดทุนไมส่ มควรทาการผลิตข. เท่ากับ 1 - รายได้เทา่ กบั รายจ่าย กิจกรรมทจี่ ะดาเนินการนนั้ จะไม่มีกาไรและไม่ขาดทนุ กล่าวคอื เสมอทนุ มีความ เสีย่ งในการผลติ มาก ไม่สมควรทาการผลิตค. มากกวา่ 1 - รายไดม้ ากกว่ารายจา่ ย กจิ กรรมที่จะดาเนนิ การ น้ัน มีกาไร มคี วามเส่ยี งน้อยสามารถทาการผลติ ได้ แตค่ วร ระมัดระวังง. เทา่ กับ 2 หรอื มากกวา่ 2 - รายไดม้ ากกวา่ รายจา่ ย กิจกรรมท่ีจะดาเนนิ การมี กาไร มคี วามเสีย่ งนอ้ ยมาก อยู่ในขัน้ พงึ พอใจ สามารถตัดสนิ ใจทาการผลติ ได้2. วธิ ีการวิเคราะห์ต้นทุนการผลติ ต่อ 1 หน่วย (ราคาขายท่ีค้มุ ทนุ ) รายได้ = ผลผลิต x ราคา จดุ คมุ้ ทนุ ณ รายได้ = รายจา่ ย ตน้ ทุนการผลิต (ราคาขายท่ีคมุ้ ทุน) = รายได้ ณ จุดเท่ากับรายจ่าย จานวนผลผลิต ต้นทุนการผลิต (ราคาขายท่ีคมุ้ ทุน)= รายจา่ ย ผลผลติ3. วิธกี ารวเิ คราะห์ผลผลิตทีค่ ุม้ กบั การลงทนุ (ผลผลิตทค่ี ุ้มทุน) รายได้ = ผลผลิต x ราคาจดุ คมุ้ ทุน ณ รายได้ = รายจ่ายผลผลิตทคี่ ุ้มกบั การลงทนุ = รายได้ ณ จุดเท่ากับรายจ่าย ราคาผลผลติ ผลผลติ ทค่ี ้มุ กบั การลงทุน = รายจ่าย ราคาผลผลติ
94. วิธีการวเิ คราะหผ์ ลตอบแทนค่าใช้จ่ายวัสดุ การหาผลตอบแทนค่าใช้จา่ ยปัจจยั A = รายได้ – คา่ ใช้จา่ ยทงั้ หมดท่ีไม่ใชป่ ัจจัย A คา่ ใชจ้ ่ายปัจจัย Aดังนนั้ ผลตอบแทนคา่ ใชจ้ ่ายค่าวัสดุ = รายได้ – ค่าใชจ้ า่ ยทัง้ หมดที่ไม่ใช่คา่ วัสดุ คา่ ใช้จ่ายค่าวสั ดุ5. วิธีการวิเคราะห์ผลตอบแทนแรงงานจ้าง ผลตอบแทนค่าใชจ้ ่ายแรงงานจ้าง = รายได้ – ค่าใชจ้ ่ายท้งั หมดท่ีไมใ่ ช่ค่าแรงงานจ้าง ค่าใช้จ่ายแรงงานจ้างเงินและมูลค่า ใช้ประโยชนใ์ นการวเิ คราะหก์ จิ กรรมระยะยาว เช่น ไมผ้ ล หรอื การลงทุนในทรพั ยส์ ินถาวรมลู ค่าของเงนิ และอตั ราดอกเบ้ียปกติการคิดมูลค่าของเงิน จะมีปัจจยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง 3 สว่ น ไดแ้ ก่1. เงินตน้ (Principal) =P2. ระยะเวลา (Period of time) = n3. อัตราดอกเบยี้ (Interest rate) = iมูลคา่ เงินปัจจุบัน (Present Value) หรือ P.V.หมายถงึ มลู ค่าเงนิ ปจั จบุ นั ท่ีจะตอ้ งฝาก เพ่ือให้ไดจ้ านวนเงนิ ในอนาคตสตู ร P.V. = X [ 1 ] (1 + i)n 1 = F.V. factor (1 + i)n สัมประสิทธ์ิมลู ค่าเงินปจั จุบันของเงนิ ในอนาคต ระยะเวลา n period อัตราดอกเบยี้ iมูลค่าเงินอนาคต (Future Value) หรือ F.V.สตู ร F.V. = X (1 = i)n (1 + i)n = F.V. factor = สัมประสิทธ์ิมูลคา่ เงินอนาคตของเงินปจั จุบัน หมายถงึ มูลค่าเงนิ X บาท ในระยะเวลา n period อัตราดอกเบ้ีย i
10ตัวอย่างที่ 1 การหามลู ค่าเงนิ อนาคตเกษตรกรมเี งิน 150 บาท ในวันนี้ในอนาคต 3 ปขี ้างหน้าเงนิ ของเกษตรกรจะมมี ูลคา่ เท่าใด ถ้าอตั ราดอกเบี้ย = 7วธิ ีทา มูลคา่ เงินปจั จบุ นั X = 150อัตราดอกเบย้ี = 7%ระยะเวลา n =3จากสูตร มูลคา่ เงินอนาคต F.V. = X (1 + i)nสมั ประสทิ ธม์ิ ูลคา่ เงนิ อนาคต (F.V.factor) = (1 + i)n = 1.225 F.V. = 150 x 1.225 = 183.75ตวั อย่างท่ี 2 การหามูลคา่ เงนิ ปจั จุบันจงหามลู ค่าเงินปัจจบุ ัน (P.V.) ของเงนิ 1,000 บาท ในอนาคต (ระยะเวลา 5ป)ี ถ้าอัตราดอกเบย้ีเท่ากับ 5% ต่อปีวธิ ีทา มูลคา่ เงินอนาคต X = 1,000อตั ราดอกเบย้ี i = 5%ระยะเวลา n = 5จากสูตร มูลคา่ เงนิ ปจั จุบนั P.V. = X [ 1 ] (1 + i)nสัมประสิทธิ์มูลค่าเงนิ ปจั จุบนั (P.V.factor) = 1 (1+i)n = 0.7835 P.V. = 1,000 X 0.7835 = 783.5มูลคา่ เงนิ อนาคตของจานวนเงนิ งวด (Future Value of a uniform series)หมายถึง จานวนของเงนิ ในอนาคตของเงินฝากซึ่งฝากทุกปี ๆ ละเท่า ๆ กนั ในระยะเวลา n ปีตัวอย่างที่ 3 การหามูลคา่ เงินอนาคตของจานวนเงนิ งวดเกษตรกรวางแผนฝากเงนิ ไวซ้ ื้อปุย๋ ใน 4 ปีข้างหนา้ โดยฝากทุกปี ๆ ละ 6,000 บาท เขาจะต้องจา่ ยเงนิ ซ้อื ปุย๋ เปน็ จานวนเทา่ ใด เมื่อส้นิ ปีที่ 4 ถ้าอตั ราดอกเบี้ยเงินฝากเทา่ กับ 6% ตอ่ ปีวธิ ที า มลู ค่าเงินอนาคตของเงินงวด = Factor X เงนิ งวด (เงินฝากแตล่ ะปี)สูตร f/a = Factor X aเงนิ งวด (เงนิ ฝากแต่ละป)ี a = 600อตั ราดอกเบี้ย i = 6%จานวนปี n =4
11Factor (สัมประสทิ ธม์ิ ลู ค่าเงินอนาคตของเงนิ งวด) = 4.375แทนค่า f/a = 4.375 X 600 = 2,625เกษตรกรตอ้ งจา่ ยเงนิ ซือ้ ปยุ๋ 2,625 บาท ใน 4 ปีขา้ งหน้าการใช้สตู ร การหามูลค่าเงนิ อนาคตของเงนิ งวด (1 + i)n- 1 สัมประสิทธม์ิ ลู ค่าเงนิ อนาคตของเงนิ งวด = i ถ้า i = 6%สัมประสิทธ์ิ n = 4 (Factor) = (1 + 0.06)4 - 1 = 0.06 4.375 ตน้ ทุน
12มูลค่าเงินปจั จบุ ันของเงินงวด (Present Value of Uniform Series)หมายถึงมลู คา่ ของเงนิ ปจั จุบัน ซึง่ มมี ูลคา่ เทา่ กับผลรวมของเงินงวด (งวดละเทา่ ๆ กนั ) ใน n ปี เชน่มูลคา่ ของเงนิ ปจั จบุ ันเปน็ เทา่ ไร ถ้ามรี ายไดร้ ายปี ๆ ละเท่า ๆ กัน ในระยะเวลา n ปีตัวอยา่ งท่ี 4 การหามูลค่าเงินปัจจุบันของเงนิ งวดเกษตรกรมรี ายได้รายปขี องการปลกู ข้าวโพดปลี ะ 1,400 บาท ในระยะเวลา 5 ปี อยากทราบวา่มูลค่าเงินปัจจบุ นั ของรายไดใ้ น 5 ปี ดงั กลา่ วเปน็ เท่าใด ถา้ อัตราดอกเบีย้ เท่ากับ 7 %วธิ ีทา มลู คา่ เงนิ ปจั จบุ ันของเงนิ งวด = สัมประสทิ ธิ์ (Factor) X รายไดร้ ายปี (Uniform sum) P/a = Factor X aUniform Sum = 1,400 n =5 i = 7%สมั ประสิทธิ์มลู ค่าเงนิ อนาคตของเงนิ งวด (Factor) = 4,100แทนค่า P/a = 4,100 X 1,400P/a = 5,740การแทนค่า โดยการใช้สตู รการหามูลคา่ เงินปจั จุบันของเงินงวด Factor = (1 + i)n - 1 I (1 +i)nถา้ i = 7%n=5Factor (สัมประสิทธ์ิ) = (1 + 0.07)5 - 1 0.07 (1 + 0.07)5 = (1.07)5 - 1 0.07 (1.07)5 = 4.100
13การจ่ายเงินต้นและดอกเบ้ยี คนื งวดละเท่า ๆ กนั (Capital Recovery)หมายถงึ การจา่ ยเงนิ ต้นและดอกเบี้ยคืนงวดละเท่า ๆ กัน ในระยะเวลา n ปี ซ่งึ จะจ่ายคนื ครบท้งัเงินต้นและดอกเบี้ย หรอื การสิ้นสดุ การจ่ายเงนิ งวด ๆ ละเท่า ๆ กัน ซง่ึ มีมลู ค่าเงนิ ปัจจบุ ัน เทา่ กบั การลงทนุครั้งแรก เช่น การกาหนดวงเงินกู้ 1,000 บาท อัตราดอกเบ้ยี 15% ระยะเวลาส่งคนื 5 ปี ใหห้ าเงินงวดท่ีตอ้ งจ่ายคืน (Capital Recovery)วิธีคิด เงินตน้ 1,000 บาท เปิดตารางอัตราดอกเบี้ย 15% ดูช่อง Capital Recoveryตรงบรรทัดจานวนระยะเวลา 5 ปีคา่ Capital Recovery = 0.29832C.R. = X (Capital Recovery factor) = 1,000 X 0.29832 = 298.32 บาท/ปีหมายความว่า จะตอ้ งจา่ ยคนื เงนิ ตน้ พร้อมดอกเบีย้ งวดละ 298.32 บาท จนครบ 5 ปี เป็นเงิน = 298.32 X 5 = 1,491.60 บาทดังนัน้ เมอื่ จา่ ยเงนิ กู้ครบ5 ปี เงินตน้ 1,000 บาท ดอกเบีย้ 491.60 บาท
14การหาค่าสมั ประสทิ ธ์เิ งนิ งวดของมลู ค่าเงินปจั จบุ ัน (C.R. Factor)โดยการใชส้ ตู ร C.R. Factor = i (1 + i)n (1 + i)n - 1ตัวอยา่ งที่ 5 การหาการจ่ายเงนิ ต้นและดอกเบ้ยี คนื งวดละเท่า ๆ กันเกษตรกรซ้ือเคร่อื งสูบนา้ ราคา 6,000 บาท โดยการกูเ้ งินธนาคาร 6 ปี อตั ราดอกเบยี้ 5% เกษตรกรตอ้ งจา่ ยคืนเงนิ ต้นพร้อมดอกเบี้ย (Capital Recovery) ปลี ะเท่าไรวธิ ที า x = เงนิ กู้ 6,000i = 5%n=6สตู ร C.R. = X x C.R. FactorC.R. Factor = 0.19702 (เปิดตาราง)C.R. = 1,182.12 บาทตอ้ งจ่ายคนื เงินก้พู ร้อมดอกเบ้ีย ปีละ 1,182.12 บาท จานวน 6 ปีดังนั้นต้องจา่ ยเงินทั้งหมด 1,182.12 x 6 = 7,092.72เปน็ เงนิ ตน้ = 6,000 บาทดอกเบยี้ = 1,092.72 บาทการลงทนุ ในระยะยาวและเกณฑก์ ารตัดสินใจในกจิ กรรมระยะยาว ปกติในการลงทนุ กจิ กรรม ซ่งึ ให้ผลตอบแทนในระยะยาว (มากกวา่ 1 ป)ี เช่น การปลูกไม้ผล การทาฟารม์ ปศสุ ัตว์ ฯลฯ ซ่ึงต้องลงทุนจานวนมากและตอ้ งใชเ้ วลานาน ถงึ จะไดผ้ ลตอบแทนและผลตอบแทนทไี่ ดม้ ีตดิ ตอ่ กันในระยะยาว ปจั จัยท่ีเกี่ยวขอ้ งซ่ึงจะต้องนามาพิจารณากอ่ นการตดั สนิ ใจเลอื กกิจกรรมท่ีจะดาเนนิ การ ได้แก่ 1. ขอ้ มลู พื้นฐานทวั่ ไป ประชากร สถานการณ์ทางการเมืองสภาพดนิ ฟา้ อากาศ 2. การศึกษาเรือ่ งตลาด ชอ่ งทางในการจาหน่ายผลผลิต การแข่งขนั ด้านการตลาด 3. การวเิ คราะหด์ ้านเศรษฐศาสตร์ ไดแ้ ก่ การลงทุนในระยะยาว รายได้ รายจา่ ย ดอกเบี้ย 4. การตดั สินใจว่าจะลงทุนทากจิ กรรมระยะยาวนนั้ หรอื ไม่ สว่ นใหญ่การวิเคราะห์ความเป็นไปไดข้ องกิจกรรมหรือโครงการใช้เกณฑ์ในการตัดสินใจ ดังน้ี 1. Net Present Value (NPV) 2. B/C ratio 3. Internal rate of return (IRP) ในทนี่ ้จี ะอธิบายเฉพาะ NPV และ B/C ratio
15 ในการวเิ คราะหท์ างเศรษฐศาสตร์ ปกติแบง่ เป็น 2 สว่ น ไดแ้ ก่ รายได้ Receipts : ไดแ้ ก่ รายได้จากผลผลิต (Income from products) เงินกู้ ระยะส้นั และระยะยาว (Loans short and long term) เงนิ ทนุ สนับสนนุ (Grants) มลู ค่าซาก (Salvage value) รายจา่ ย Expense : ไดแ้ ก่ เงนิ ลงทนุ ครงั้ แรก (Initial investment) ค่าใช้จ่ายระหว่างปี (Annual operating costs) การจา่ ยคืนเงินกู้ (Loan payments) ภาษรี ายได้ (Income tax) 1. Net Present Value (NPV) มูลคา่ ปัจจุบันสทุ ธิ ไดแ้ ก่ ผลรวมสุทธิของมลู ค่าเงนิ ปัจจุบนั ของรายจ่ายและรายได้ ซ่ึงเกิดจากการดาเนนิ กิจกรรมระยะยาว ในการตดั สินใจเลือกกิจกรรมใดกจิ กรรมหน่งึ ปกติ ถา้ NPV > 0 กิจกรรมนั้นจะมกี าไร ในการวเิ คราะห์ NPV ข้อมลู ตอ้ งประกอบด้วย 1. ผลตอบแทน (รายไดใ้ นแต่ละป)ี 2. ค่าใช้จ่ายในแตล่ ะปี 3. ระยะเวลาสิ้นสุดของกิจกรรม 4. อตั ราดอกเบ้ยี 5. สัมประสทิ ธม์ิ ลู ค่าเงนิ ปจั จุบัน (PV factor) ตวั อย่างที่ 6 การคานวณเร่ือง NPV เกษตรกรลงทนุ สรา้ งโรงเรือนสาหรบั ปลูกไม้ดอก 50,000 บาท รายได้ประจาปีเป็นเงิน 20,000 บาทคา่ ใช้จ่ายในการปลูกไมด้ อก ปลี ะ 5,000 บาท ระยะเวลาของการทาโครงการนี้ 4 ปี อตั ราดอกเบี้ย 5% ต่อปีจงหา NPV
16วิธที า Cash flow ของฟาร์มไมด้ อก 2 3 4 5 Year 1 - - - -Investment -50,000 20,000 20,000 20,000 20,000 -5,000 -5,000 -5,000 -5,000Annual income - 15,000 15,000 15,000 15,000 0.952 0.907 0.846 0.823Operating Expens 14,280 13,605 12,960 12,345 -35,720 -22,115 -9,155 3,190Cashflo -50,000P.V. Factor (50%) 1Present Valu -50,000Acc N.P.V -50,000 ตัวอย่างมูลคา่ ปัจจบุ ันสุทธิเป็นบวกในปที ่ี 4 หรอื ดาเนินการอยา่ งนอ้ ย 4 ปี จึงได้กาาไรจากกิจกรรมไม้ดอกตวั อยา่ งที่ 7 เกษตรกรทาฟาร์มเพาะเหด็ ในพน้ื ที่ 1งาน มรี ะยะเวลาดาเนนิ การ 5 ปี มกี ารลงทุนผลตอบแทนดังตารางขา้ งล่าง ถา้ อตั ราดอกเบยี้ เทา่ กบั 10% จงหา NPV ของการทากจิ กรรมนี้
17วิธที า Cash flow ของฟารม์ เห็ด ปีที่ 2 ปที ี่ 3 ปที ี่ 4 ปที ่ี 5 Year ปีท่ี 1 3,500 4,000 4,500 5,000 3,000 2,000 2,000 2,000ผลตอบแทน 3,000 500 2,000 2,500 3,000 0.82 0.75 0.68 0.62ค่าใช้จ่าย 5,000 410 1,500 1,700 1,860 -9,155 3,190Cash flow -2,000 -35,720 -22,115P.V. Factor 10% 0.91มูลค่าปัจจุบันของ Cash flow -1,999.09Acc N.P.V -50,000 จากตัวอยา่ ง มลู ค่าปัจจบุ นั สุทธิ เปน็ บวก ในปที ี่ 4 หรอื ดาเนินการอยา่ งนอ้ ย 4 ปี จึงจะไดก้ าไรจากกิจกรรมการเพาะเห็ด การหามูลค่าปัจจุบนั สทุ ธิ อาจคานวณจากความแตกตา่ งระหวา่ งมูลคา่ ปัจจุบันของผลประโยชนข์ องโครงการกบั มลู ค่าปัจจบุ นั ของรายจ่ายหรือเงนิ ลงทนุ ของโครงการ NPV = มูลค่าปัจจุบันของผลประโยชน์ของโครงการ - มลู ค่าปจั จุบนั ของค่าใช้จ่าย 2. อตั ราผลตอบแทนต่อคา่ ใช้จา่ ย (Benefit Cost ratio) หรอื B/C ratio เกณฑ์การตัดสินใจนี้ แสดงถงึ อตั ราส่วนระหว่างมลู ค่าปัจจบุ ันของผลตอบแทนกับมูลค่าปัจจุบนั ของคา่ ใช้จ่ายตลอดอายุของโครงการ คา่ ใช้จา่ ยน้ี คอื คา่ ใช้จ่ายทง้ั ทางด้านเงนิ ลงทนุ (Investment) และคา่ ใช้จ่ายในการดาเนินงานและบารงุ รักษา (Annual Operation cost) ในการวิเคราะหโ์ ครงการได้ เราจะต้องมีข้อมลู ท่จี ะทาการวิเคราะห์ คอื 1. ผลตอบแทน 2. ค่าใชจ้ า่ ย (เงนิ ลงทุนและคา่ ใช้จ่ายประจาปี) 3. อายขุ องโครงการ 4. อตั ราดอกเบย้ี สตู รทีใ่ ชใ้ นการคานวณ คอื B/C = PV of benefit a PV of casts
18ตวั อยา่ งท่ี 8 การคานวณอัตราผลตอบแทนต่อคา่ ใช้จา่ ยของโครงการ โครงการหนง่ึ ดงั ตารางข้างลา่ ง จงหา B/C ratio รายการ ปีที่ 1 ปที ่ี 2 ปีท่ี 3 ปที ี่ 4 ปที ี่ 5 ปีท่ี 6ผลตอบแทน 3,000 3,500 4,000 4,500 5,000 20,000ค่าใช้จ่าย 5,000 3,000 2,000 2,000 2,000 14,000P.V. Factor 10% 0.91 0.82 0.75 0.68 0.62 -P.V. 10% ของ 2,730 2,870 3,000 3,060 3,100 14,760ผลตอบแทนP.V. 10% ของค่าใช้จา่ ย 4,550 2,460 1,500 1,360 1,240 11,110 B/C ratio = 14,760 = 1.3 11,110ตัวอย่างที่ 9 จงคานวณหาอตั ราผลตอบแทนตอ่ ค่าใช้จ่ายของโครงการ รายการ ปที ี่ 1 ปีท่ี 2 ปีที่ 3 ปที ี่ 4 ปที ี่ 5 ปที ่ี 6 900 3,500ผลตอบแทน 500 600 700 800 200 2,500 -คา่ ใช้จา่ ย 1,700 200 200 200 0.681 2,734 613P.V. Factor 10% 0.925 0.857 0.794 0.735 2,187 136P.V. 10% ของ 463 514 556 588ผลตอบแทนP.V. 10% ของคา่ ใชจ้ ่าย 1,574 171 159 147 B/C ratio = 2,734 = 1.25 2,187 เมอ่ื อัตราสว่ นผลประโยชนต์ ่อตน้ ทุน (B/C ratio) มีค่ามากกว่า 1 โครงการนน้ั ก็มีความเปน็ ไปไดใ้ นการลงทนุ ณ อัตราดอกเบยี้ ที่ใช้ ค่า B/C ratio จะเปล่ยี นไปตามค่าของอัตราดอกเบ้ยี ซง่ึ ค่าอตั ราดอกเบย้ีทีใ่ ช้สงู คา่ B/C ratio ก็จะน้อยลง และยิง่ อตั ราดอกเบย้ี มีคา่ มากถึงระดับหนงึ่ ค่า B/C ratio จะนอ้ ยกวา่ 1ซงึ่ อตั ราดอกเบี้ยท่จี ะนามาพิจารณาในการคดิ ลด ควรจะเป็นคา่ ท่ีใกล้เคยี งกับตน้ ทนุ ของเงนิ ทนุ หรอื คา่ เสยีโอกาสของเงนิ ทนุ ในระบบเศรษฐกิจ
19 การใช้ B/C ratio ในการตัดสินใจ อาจทาให้ไขวเ้ ขวได้ เช่น ถึงแม้ค่าB/C ratio จะสงู แต่อาจตอ้ งลงทนุ มาก ดงั นั้น ในการวเิ คราะห์โครงการใด ๆ ก็ตาม หากมกี ารใช้ B/C ratio วัดคา่ แลว้ ควรใชก้ ับวิธีอ่นื ๆ ประกอบด้วย 3. IRR (Internal Rate of Return) ได้แก่ อัตราดอกเบี้ย ซง่ึ ทาให้ Net present Value ของการลงทุน มคี ่าเท่ากบั O (NPV=O) การใช้ IRR ในการพจิ ารณาผลกาไรของฟาร์มหรอื โครงการ ถ้า I = อัตราดอกเบย้ี และ I < IRR ดังนน้ั การลงทุนในโครงการนนั้ จะมผี ลกาไร กระแสเงินสด (Cash Flow) กระแสเงนิ สด (Cash Flow) หมายถงึ การสรปุ รายรับและรายจา่ ยของกจิ กรรมของท้งั ฟาร์มในชว่ งระยะเวลาใดเวลาหนึง่ ทเ่ี ปน็ เงินสด โดยปกติมกั จะทาเป็นเดือนหรือเป็นปี ซ่งึ กระแส เงนิ สดจะเปน็ การคาดคะเนความต้องการเงนิ ทุนและเงนิ กู้ ตลอดจนความสามารถในการจ่ายคนื เงนิ กขู้ องกจิ กรรมการลงทุนน้ัน ๆ โดยคิดเฉพาะการไหลเวยี นของเงนิ สดที่เป็นค่าใช้จ่ายและรายได้ใน แต่ละเดือนหรือปเี ท่านั้น รปู แบบของกระแสเงนิ สด สามารถแบง่ ตามขนั้ ตอนไดด้ ังนี้ รายรับเงินสด ซ่ึงประกอบดว้ ยรายรบั จากการขายผลผลติ ในแต่ละกจิ กรรม หรือของท้ังฟาร์มหรือรายรับอนื่ ๆ รายจ่ายเงนิ สด ท่เี ปน็ คา่ ใช้จ่ายผันแปรที่เกี่ยวกบั การดาเนนิ กจิ กรรมของฟาร์ม รวมท้ัง คา่ ชาระหน้ีเงินกทู้ ั้งตน้ และดอกเบยี้ ดงั นน้ั กระแสเงนิ สดถอื เป็นเครือ่ งมอื สาคัญในการวางแผนและงบประมาณฟาร์ม หลังจากที่ มีการทางบประมาณรายรบั และรายจ่ายของกจิ กรรมการเกษตรแตล่ ะกจิ กรรมหรอื ของท้ังฟารม์ มาแลว้ กระแสเงนิสด จะเป็นตวั บ่งบอกถึงความต้องการของเงินทนุ หรอื เงนิ ท่ตี อ้ งการก้มู าใช้ในการลงทุนเพื่อการผลิต
20ตวั อย่างที่ 10 ตารางกระแสเงินสดของการปลกู ถั่วลิสงพน้ื ท่ี 1 ไร่ ได้มาจากการวางแผนและงบประมาณฟารม์กจิ กรรม เดือน ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. รวมรายได้ (บาท) 10,800 (บาท)รายจา่ ย 10,800เตรียมเมลด็ พันธุ์ 300 300สารเคมีดิน เชอ้ื ไรโซเบียม 3,600 3,600ปูนขาวปยุ๋ เคมี 50 50 100กาจดั วชั พชืเกบ็ เกีย่ ว - ขนย้าย 30 30รวมรายจ่าย (บาท) 100 100 200 200 150 150 800 800 4,030 400 50 800 5,280 การจดบนั ทึกและการทาบญั ชีฟารม์ ประโยชนข์ องการจดบนั ทกึ และการทาบัญชฟี ารม์ การทาฟารม์ เปน็ ธุรกิจอยา่ งหน่งึ เชน่ เดยี วกบั ธรุ กิจการคา้ หรอื ธุรกจิ อย่างอื่น ซึ่งสว่ นใหญ่มกี าไรเป็นเป้าหมายที่สาคัญ เป้าหมายท่แี ท้จริงของเกษตรกรสว่ นมากกค็ ือ การมรี ะดับความเปน็ อยู่ทีด่ ี และ
21ครอบครัวมรี ายไดม้ ากข้ึน เกษตรกรจะต้องเป็นผู้ท่ีมคี วามสนใจในการปรับปรุงแก้ไขการทาฟารม์ ของตนเองและควรจะคานึงว่าตนเองทาหน้าท่ีเป็นผู้จดั การธุรกิจอยา่ งหนึง่ มหี น้าท่วี างแผนและวนิ จิ ฉัยกจิ การตา่ ง ๆภายในฟารม์ ของตน แต่ละปีวา่ จะทาการผลิตอะไร จะปลกู พชื หรือเลีย้ งสัตวช์ นิดใดบ้าง ในท่ีดนิ แต่ละแห่งมีเครื่องมืออะไรบ้างที่ตอ้ งใชใ้ นการผลิต จะทาการผลิตโดยวธิ ีไหนและมีวิธีปฏบิ ัตอิ ย่างไร เปน็ จานวนเทา่ ใดควรจะทาการผลิตพืชหรอื สตั ว์ในชว่ งเวลาไหนจึงสามารถขายผลติ ผลให้ไดร้ าคาดแี ละทรัพยากรต่าง ๆ ท่ีมีอยู่ มีผลเพียงทจ่ี ะทาการผลิตตามแผนที่วางไว้หรอื ไม่ หลังจากที่เกษตรกรได้ตดั สนิ ใจในปญั หาต่าง ๆ พร้อมทงั้ดาเนนิ การผลิตตามแผนท่ีวางไว้แลว้ นนั้ เกษตรกรควรจะทาการสรปุ ผลการดาเนินธรุ กิจของฟารม์ ในรอบปีว่าประสบผลมากหรือนอ้ ยเพียงไร มีปญั หาและอุปสรรคอยา่ งไร ควรจะปรับปรงุ หรอื แกไ้ ขในสว่ นไหน เพ่อื จะได้หาทางวางแผนการปลูกพืชและเลีย้ งสัตว์ให้ดยี ่งิ ขนึ้ ในปีต่อไปได้ ปญั หาท่ีเกษตรกรประสบอยเู่ กยี่ วกับการวางแผนพัฒนาฟารม์ คอื การไม่มีข้อมลู ที่ถูกต้อง อนั เน่ืองจากไมม่ ีการจดบันทกึ กิจการและการลงบญั ชฟี าร์ม ท้งั น้เี น่อื งจากเกษตรกรสว่ นใหญ่มักจะอาศัยความทรงจาและประสบการณท์ ี่ผา่ นมาช่วยในการวนิ จิ ฉยั และตัดสนิ ใจในการผลติ พชื และสัตว์ ในแต่ละปี ซึง่ การกระทาดงั กลา่ วอาจจะมีข้อผิดพลาดในการวางแผนดาเนินธุรกิจฟารม์ ได้ ทาาให้ไม่ประสบผลเท่าท่ีควร วธิ กี ารที่จะช่วยให้เกษตรกรมขี อ้ มลู ที่เพยี งพอนนั้ เกษตรกรควรจะต้องมีการลงบญั ชีและบนั ทกึ รายละเอยี ดของกจิ การฟารม์ ต่าง ๆ ไว้ เชน่ รายไดแ้ ละรายจ่าย พ้ืนที่เพาะปลูก ผลผลิต การใชแ้ รงงานในการผลิตพืชและสัตว์ตลอดจนทรพั ย์สินและหนส้ี นิ ของฟารม์ เป็นต้น การจดบนั ทึกและทาบญั ชฟี าร์มใหป้ ระโยชน์ ดังนี้ 1. การจดบันทกึ รายการทางการเงินต่าง ๆ ไว้ ชว่ ยปอ้ งกนั การหลงลมื อันก่อให้เกดิ ความผิดพลาดในการดาเนนิ การได้ ทาใหร้ ้เู งินสดท่เี หลอื อยู่ ในมอื นน้ั ได้มาจากทางไหนบ้าง เป็นเงนิ เท่าไร แลว้ ใชจ้ า่ ยเป็น คา่อะไรบา้ ง ฟมุ่ เฟือยเกนิ ฐานะหรอื ใช้ไปในทางไม่ถกู ไมค่ วรหรอื ไม่ก็อาศยั ตัวเลขขอ้ มูลทีจ่ ดไว้นน้ั เตอื นตวั เองให้ร้จู ดั ใช้ เลกิ ใช้จ่ายทไ่ี ร้ประโยชน์ เชน่ ค่าเหล้า บุหร่ี ค่าหวยบนดนิ เปน็ ตน้ 2. ชว่ ยใหเ้ กษตรกรทราบถึงผลกาไรหรือขาดทุนในการดาเนินงาน การทาธรุ กจิ อย่างใดอยา่ ง หรอืประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทา่ นก็ สามารถรู้วา่ กิจกรรมท่ีทาไปน้นั มกี าไรหรือ โดยอาศัยการจดบันทกึคา่ ใช้จา่ ยต่าง ๆ เพอ่ื ค้นหาต้นทนุ ซง่ึ จะนาไปหักกบั รายได้ทจี่ ดไว้ ก็จะทราบผลว่าไดก้ าไรหรอื ขาดทุนเทา่ ไรบ้าง และมีสาเหตจุ ากด้านใด 3. ใชเ้ ป็นขอ้ มูลยืนยันรายการของรายรับ – รายจา่ ยตา่ ง ๆ ท่ีท่านจดไว้ สามารถใช้เปน็ หลักฐานยืนยัน ➢ คนในครอบครัวหรอื เพ่ือนบา้ นอยากรู้วา่ ในปีก่อนแตล่ ะครอบครวั ช่วยเหลืองาน ทอดกฐนิ ของหมบู่ ้านคนละเทา่ ไร หรือแต่ละครอบครัวไดร้ บั เงินค่าแรงจากโครงการชว่ ยเหลอื ของ ทางราชการอะไรบา้ งและเป็นเงินเท่าไร ➢ เมอื่ เวลาสหกรณ์หรอื กลมุ่ เกษตรกรพรอ้ มดว้ ยผู้ตรวจสอบบัญชีออกมาพบทา่ น ซ่ึงเปน็ สมาชกิเพือ่ ขอสอบถามหรอื ยนื ยนั เก่ียวกับคา่ หุ้น หนี้เงนิ ก้คู งเหลอื หนก้ี ารคา้ คงเหลอื เงิน รับฝากคงเหลือ
22 ➢ ช้ีแจงกบั หนว่ ยราชการตา่ ง ๆ ที่ตอ้ งการตวั เลขรายได้และคา่ ใชจ้ า่ ยหรอื ต้นทนุ ทาง การเกษตรของเกษตรกร เพอื่ ทางราชการจะไดน้ าตัวเลขเหลา่ นน้ั ไปประกอบการกาหนดนโยบายและแผนงานชว่ ยเหลอืได้ตรงเป้าหมายยง่ิ ขน้ึ และทาให้สามารถพิจารณาการช่วยเหลอื ดา้ นเงินกู้ และแหล่งเงนิ ทนุ ได้เหมาะสมยง่ิ ขึน้ 4. ทาให้เกษตรกรทราบรายละเอียดเก่ียวกบั ทรัพยส์ ินตา่ ง ๆ ที่มีอยู่และให้ข้อมูลแก่เกษตรกรเพ่อื ทาการตดั สินใจวางแผนและงบประมาณการดาเนนิ งานในปีต่อไป ประเภทของการจดบนั ทกึ กจิ การฟารม์ การบนั ทกึ กิจการฟารม์ มหี ลายประเภทดว้ ยกนั รูปแบบท่ีใชใ้ นการบนั ทกึ และจานวนบนั ทกึ ที่ต้องใช้นั้น ข้ึนอยู่กบั ประเภทของการทาฟารม์ และรายละเอียดปลกี ยอ่ ยของข้อมูลที่ต้องการ การบันทกึ กิจการฟารม์ที่จะกลา่ วถึงตอ่ ไปนน้ี บั ไดว้ า่ ครอบคลุมการบนั ทกึ ข้อมูลทจี่ ะใชใ้ นการวเิ คราะหก์ จิ การฟาร์มทัง้ หมดโดยจาแนกออกเป็น 3 ประเภท คอื 1. การบนั ทึกหนี้สนิ และทรัพย์สนิ 2. การบันทึกขอ้ มลู ในดา้ นการผลิต แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คอื 1) การบนั ทึกการผลิตพืช 2) การบนั ทกึ การผลิตสัตว์ 3) การบันทกึ การใช้แรงงาน 3. การบันทึกรายรบั และรายจา่ ยของฟาร์มวิธีการจดบันทึกฟารม์ การบนั ทกึ หน้สี นิ และทรพั ยส์ นิ การกาหนดบันทกึ ทรพั ย์สนิ ฟารม์ นั้น อาจทาได้2 ประเภท คอื 1. การกาหนดโดยการพจิ ารณาชว่ งปดี าเนนิ การผลติ กล่าวคอื จดั เวลาบนั ทึกทรพั ยส์ นิ ฟารม์ ให้อยใู่ นระยะท่กี ารดาเนนิ ธุรกิจฟารม์ มีอย่นู ้อยหรือส้ินสุดแล้ว เชน่ ในทอ้ งที่เกษตรกรมกี ารทานาเปน็ หลกั การกาหนดวนั บนั ทกึทรพั ย์สนิ ฟาร์ม ควรจะอยูใ่ นชว่ งทเ่ี กษตรกรเกบ็ เกย่ี วขา้ วเรยี บร้อยแล้ว และมีการจาหน่ายผลผลิตฟาร์มสว่ นใหญ่ออกไปแล้ว 2. การกาหนดโดยการพจิ ารณาความสะดวกของเกษตรกรผบู้ นั ทึกเป็นสาคญั กล่าวคอื ผู้บนั ทกึสะดวกในชว่ งใดกบ็ นั ทกึ ในชว่ งน้นั รายละเอยี ดในการบันทกึ ทรัพยส์ นิ ฟารม์ อาจแยกออกไดเ้ ปน็ 6 กล่มุ คอื
23 1. ท่ีดิน การบันทกึ ทรพั ยส์ นิ ทีเ่ ปน็ ท่ีดนิ จะแบ่งที่ดนิ ในฟาร์ม ออกเปน็ แปลงย่อยตามลกั ษณะของพืน้ ทแ่ี ละการใช้ทดี่ ินลักษณะการถอื ครอง โดยกาหนดมูลค่าของที่ดินแต่ละแปลงตามราคาการซือ้ และ ขายทดี่ ินในแตล่ ะปขี องทอ้ งทใ่ี นชว่ งปีดาเนนิ การ ถ้ามีการซื้อขาย เช่าท่ดี นิ ในระหวา่ งปตี ้องหมายเหตุไวด้ ้วย 2. โรงเรือน สิง่ ก่อสรา้ งและเครือ่ งมือเคร่ืองจกั รในการเกษตร หรอื ทรัพย์สนิ ถาวร การบนั ทกึ ทรพั ยส์ นิ ประเภทนคี้ วรจดบันทึกมูลค่าในปีท่ีซอื้ หรือสร้างไวด้ ว้ ย เพราะทรพั ยส์ นิดงั กล่าวจะมอี ายุการใช้งานในชว่ งระยะเวลาหนงึ่ แล้วหมดสภาพ ไมส่ามารถนามาใช้งานได้อีก จงึ ต้อง คดิ คา่เส่ือมหรอื คา่ สึกหรอระหว่างปีดว้ ย โดยการหาค่าเส่ือมหรือคา่ สกึ หรอแบบหาเฉล่ยี โดยตรง 3. จานวนและมูลคา่ พืชผล เป็นการบันทึกทรัพยส์ นิ ทเี่ ก่ยี วกับพืช ซง่ึ ไดแ้ ก่ จานวนและมูลคา่ ของพืชผลท่เี ปน็ พืช อายุสัน้ไม้ผล ไมย้ นื ต้น ส่วนท่สี าคญั ในการคดิ มลู ค่าพืชผลเหล่านว้ี า่ ควรมีมูลค่าเท่าใดในวันท่ีทาการบันทึกรายละเอยี ดทีค่ วรมีในการบนั ทกึ เกี่ยวกับพืชผลอายสุ นั้ คือ ชนิดพืช จานวนและมูลค่าของพืชผลท่ยี ังไมไ่ ดเ้ กบ็เก่ียว (ท่รี อจาหนา่ ย บริโภค หรือไว้ทาพันธุ์) ส่วนพชื ผลประเภท ไม้ผล ไมย้ ืนตน้ ต่าง ๆ จะมรี ายละเอียดเปน็จานวนและมูลคา่ ท่ยี งั ไม่ได้ผล จานวนและมูลคา่ ท่ใี หผ้ ลแลว้ เพ่ือจะได้ ประเมินมลู คา่ ได้เหมาะสมใกล้เคียงความเปน็ จริง 4. จานวนและมลู คา่ สัตว์ การบันทึกทรพั ยส์ ินทเ่ี กย่ี วกบั สัตวแ์ ละผลติ ผลจากสัตว์ ควรจะมกี ารบันทกึ รายละเอียดเกยี่ วกบั สตั วแ์ ละผลิตผลไวใ้ หช้ ัดเจน เช่น โคเน้อื โคงาน สุกรแม่พันธ์ สุกรขนุ ไกเ่ นื้อ ไกไ่ ข่ ฯลฯ เพือ่ จะได้ประเมินมูลค่าได้เหมาะสมยง่ิ ข้ึน การบนั ทึกจานวนและนา้ หนกั ของสตั ว์ควรจะได้บันทกึ ให้ถถี่ ว้ น เพอ่ื จะได้เปน็ ขอ้ มลู ในการคานวณผลผลิตและประสิทธภิ าพในการผลิตสตั วต์ อ่ ไป 5. อาหารสัตว์และปัจจัยคงเหลอืเปน็ การบนั ทึกจานวนและมลู ค่าของอาหารสัตวแ์ ละปัจจยั การผลติ อนื่ ๆ เช่น ปุ๋ย ยาปราบศัตรพู ชื ที่คงเหลือ อยู่ในวนั ทีจ่ ดบนั ทกึ การ ประเมินมูลคา่ อาจใชร้ าคาที่ ซ้ือมาเพื่อขจัดปัญหาการ เพ่ิมหรือลดลงของทรัพยส์ นิ เหล่านี้ ซงึ่ อาจเกิดข้นึ เน่อื งจากการเปลี่ยนแปลง
24 6. การบนั ทกึ รายการเจ้าหน้ลี กู หนี้ การวิเคราะห์ทางการเงนิ ของเกษตรกร ไดแ้ ก่ การบนั ทึกเก่ยี วกับเจ้าหนี้ ลูกหน้ี ตลอดจนเงินสดในมอื และในธนาคารทีม่ ีอยู่ในวันทท่ี าการสารวจและบันทึก เนื่องจากเกษตรกรบางรายอาจมี การกูย้ มืเงินจากแหล่งสินเชอื่ ตา่ ง ๆ หรือเพอื่ นบ้าน เพ่อื นาไปซอื้ ปจั จัยการผลติ และในบางกรณอี าจมลี กู หน้มี าขอกยู้ มืเงิน จงึ ควรมีการจดบนั ทกึ รายละเอยี ดไว้ใหช้ ัดเจน การบันทึกขอ้ มลู ในด้านการผลิต การบนั ทกึ ขอ้ มลู ในการผลิต นับว่าเปน็ ขอ้ มูลพ้ืนฐานอย่างหนึง่ ซง่ึ มคี วามสาคัญท่ีจะชว่ ย ตดั สนิ ใจเกีย่ วกับการวางแผนจัดระบบการปลกู พืชหรือเล้ยี งสตั วภ์ ายในฟาร์มและการปรับปรงุ ประสิทธิภาพของการผลิตแต่ละกิจกรรมให้ดียง่ิ ขึน้ การบนั ทกึ ขอ้ มลู การผลติ พชื และการผลิตสัตว์ ส่วนใหญจ่ ะเป็นการบนั ทกึ ขอ้ มลู ทเ่ี กี่ยวข้อง ระยะเวลา จานวนวัสดทุ น่ี ามาใช้ในการผลิต พ้นื ท่กี ารผลติ และผลผลติ รวมท้ังการใชแ้ รงงานของทั้งฟารม์ 1. การบนั ทกึ การผลิตพชื เปน็ การบันทึกสถติ แิ ละขอ้ มลู ในการผลติ พืชผลตา่ ง ๆ เชน่ เนอ้ื ทีเ่ พาะปลกู การใช้ป๋ยุ และสารปราบศัตรพู ืชและผลผลติ ของพืชแตล่ ะชนดิ และแตล่ ะแปลง รวมทัง้ การสรปุ การผลติ พืชทั้งหมดภายในฟารม์ เพือ่ ทราบรายไดท้ ั้งหมดจากการผลิตพชื ส่วนรายละเอยี ดในการบนั ทึกน้นั ยอ่ มแล้วแตค่ วามประสงค์ของเกษตรกร การบันทึกต้นทนุ การผลติ พชื เป็นการบันทึกข้อมูลคา่ ใช้จ่ายตา่ ง ๆ ของการผลิตพืชแตล่ ะชนดิ ต้งั แตเ่ รม่ิ ปลูกจนถึงการเกบ็ เก่ยี วและการจาหนา่ ยในช่วงระยะเวลา 1 รอบของการผลิต การบันทึกตน้ ทนุ การผลติ พชื อาจจะแยกมาจากการบนั ทึกประจาวนั หรอื การบันทึกรายยอ่ ยท่เี กษตรกรจดไว้ ซึ่งจะเป็นขอ้ มลู สาคญั ในการจดั ทางบประมาณและการวางแผนฟารม์ ตอ่ ไป การสรปกุ ารผลิตพชื เปน็ การนาข้อมลู การผลติ พืชทั้งฟาร์มมาสรปลุ งในตารางเพอื่ ท่ีจะได้ทราบว่าผลผลติ ทไี่ ด้รับจากการปลูกพชื ทุกชนดิ มีมลู ค่าเทา่ ใด และเนือ้ ทเี่ พาะปลกู ทงั้ หมดของฟาร์มในรอบปีนน้ั จานวนกไี่ ร่ การสรุปดังกล่าวนี้เป็นส่ิงทจี่ าเป็น เพราะจะชว่ ยให้เกษตรกรคานวณมูลคา่ ผลผลติของพชื แต่ละชนิดและของทั้งฟาร์มได้สะดวกขนึ้ และชว่ ยในการวิเคราะห์ผลการดาเนนิ งานฟารม์ ในปี น้ัน ๆ ดว้ ย สาหรับการบนั ทกึ ข้อมูลเก่ยี วกับเนอ้ื ที่เพาะปลกู พืชแตล่ ะชนดิ นน้ั ควรจะทาการบันทกึ เม่ือไดท้ าการเพาะปลกู พชื ชนิดนั้นเสรจ็ สิ้นแลว้ ส่วนผลผลติ นน้ั จะทาการบนั ทึกหลงั การเกบ็ เกีย่ วหรอื นวดกย็ ่อมแล้วแตช่ นดิ ของผลิตผลว่า มีขั้นตอนการผลิตอย่างไรกอ่ นทจ่ี ะนาจาหน่าย หรือแปรรูป และการบนั ทึกชอื่ พนั ธ์ุไว้ จะช่วยใหเ้ กษตรกรสามารถเปรียบเทยี บผลผลติระหว่างสายพันธ์ุเดยี วกนั หรือตา่ งสายพันธไ์ุ ด้ 2. การบันทึกการผลิตสัตว์ การบันทกึ การผลติ สัตวแ์ ต่ละชนดิ มรี ปู แบบแตกต่างกันตามประเภทของสัตว์ สาหรบั ฟาร์มที่มกี ารเลยี้ งสตั ว์เป็นกิจการหลกั อาจจาเป็นตอ้ งมีรายละเอียดของการบนั ทึกมากกว่าฟาร์มทมี่ กี ารปลูกพืช
25เปน็ หลกั และมกี ารเลี้ยงสัตว์ไมม่ าก นอกจากนนั้ การบันทกึ บางอย่างอาจจาเปน็ สาหรบั ฟารม์ บางขนาดหรอืบางประเภท เชน่ การบนั ทกึ การผสมเทียม เป็นตน้ 3. การบันทึกการใชแ้ รงงาน การบันทกึ รายละเอยี ดเก่ียวกับการใชแ้ รงงานในฟาร์มนัน้ จะทาให้เกษตรกรได้ทราบถึงการใชแ้ รงงานในการปลูกพชื และเลี้ยงสัตว์แต่ละชนดิ ในแต่ละชว่ ง เพือ่ ทีจ่ ะได้ใช้เปน็ พน้ื ฐานในการวางแผน การกระจายแรงงานให้เหมาะสม และเพือ่ ป้องกันปัญหาการขาดแคลนแรงงานในบางช่วงของการ ผลติ ได้ การบันทกึ การใช้แรงงานอาจแยกเป็น บันทกึ การใชแ้ รงงานเกยี่ วกบั พชื บันทึกการใชแ้ รงงาน เกีย่ วกบั สตั ว์ ซ่งึรวมถึงแรงงานประเภทต่าง ๆ คอื คน สตั ว์ และเครอื่ งจักรด้วย การบนั ทกึ รายรบั และรายจา่ ยของฟารม์ การบนั ทึก รายรับ และรายจ่ายของฟาร์ม มีความสาคัญมาก เนื่องจากเปน็ แหลง่ ข้อมูลส่วนใหญ่ ในการกาหนดรายได้ รายจ่าย และเป็นข้อมูลพ้นื ฐานในการทาแผนและงบประมาณฟารมด์ ว้ ย ประเภทของการบนั ทึกรายรบั และรายจา่ ย แยกเป็น 4 ประเภทใหญ่ ๆ คอื 1. บันทกึ รายรบั และรายจา่ ยจากพชื 2. บนั ทึกรายรับและรายจา่ ยจากสัตว์ 3. บันทึกรายรบั และรายจ่ายจากผลิตภณั ฑ์สัตว์ 4. บนั ทึกรายรบั และรายจ่ายจากรายการเบ็ดเตล็ด
26 รูปแบบของการบันทึกรายรบั และรายจ่ายของฟารม์ มัก จะมลี กั ษณะเดียวกนั คือ ประกอบด้วย ชอ่ งรายการ วนั เดือนปี ปริมาณ ราคา/หนว่ ย และมูลค่า การบันทกึ รายรับและรายจา่ ยของฟารม์ อาจจะแยกประเภทตามชนิดของกจิ กรรมหรือจะบันทึกคละกันไปหลาย ๆ กิจกรรม แต่เมือ่ ถงึ สน้ิ ปีหรือรอบการผลิตจะต้องจดั ทาสรุป งบรายไดแ้ ละรายจา่ ยของฟารม์ เปน็ ภาพรวม ดังตัวอย่างในตาราง เมอื่ มีการจดบนั ทึกขอ้ มูลตา่ ง ๆ ของฟารม์ แลว้ สิ่งทีจ่ าเปน็ ที่เกษตรกรต้องทาคอื การทาบญั ชฟี าร์มมาประกอบการวางแผนการผลติ ในปตี อ่ ไป เพอ่ื จะได้นาตวั เลขรายรับ รายจ่าย จากการทาบญั ชี ฟาร์มมาประกอบการวางแผนการผลติ ในปีต่อไป เพื่อการใช้ประโยชน์จากทรพั ยากรการผลติ คือ ท่ีดิน ทุน แรงงานตลอดจนปัจจัยการผลติ ต่าง ๆอย่างมปี ระสิทธภิ าพ ประโยชนข์ องการทาบญั ชฟี าร์ม พอสรปุ ได้ดงั นี้ 1. เป็นการเตอื นความจาว่ามรี ายรบั รายจ่ายและกาไรจากกิจกรรมในฟารม์ มากน้อยเพียงใด กจิ กรรมใดมีกาไร กจิ กรรมใดขาดทุน ขาดทุนเพราะเหตุใด ควรจะปรบั ปรุงแก้ไขอย่างไรเพอื่ ใหก้ าร ผลติ มปี ระสทิ ธิภา 2. การทาบัญชีฟาร์มทด่ี ีสามารถใช้เปน็ หลักในการวิเคราะห์กิจกรรมทงั้ หมดของฟารม์ เพื่อปรบั ปรงุแกไ้ ขสิง่ ที่บกพร่อง 3. เพอื่ เปน็ ขอ้ มูลพ้นื ฐานในการทีจ่ ะปรบั ปรงุ และวางแผนฟาร์มใหด้ ียิง่ ข้นึ 4. การทาบัญชีฟารม์ ที่ถกู ต้องจะเปน็ ขอ้ มลู ในเรื่องตน้ ทุนการผลิตเพอื่ ประโยชน์ในการอา้ งอิง วางแผนนโยบาย 5. การทาบญั ชชี ว่ ยในการแบง่ ปนั ผลประโยชนใ์ นกรณขี องการทาการผลิตแบบหุน้ ส่วน
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: