E-Book เรื่อง การเพิ่มผลผลิตโดยการพัฒนาบุคลากร

หนว่ ยที่ 9การเพมิ่ ผลผลิตโดยการพฒั นาบุคลากร (Productivity By Human Development)

1.การสร้างแรงจูงใจในการทางานของพนักงาน แรงจูงใจ (Motivation) แรงผลักดันขนึ้ ภายในตวั ของบคุ คล ใหบ้ ุคคลเกิดความตอ้ งการทางานด้วย ความกระตอื รอื รน้ และด้วยความพยายามเอาชนะ อปุ สรรคต่าง ๆ

ทฤษฎีแรงจงู ใจลาดับข้ันความต้องการของมนุษย์ของ อบั ราฮมั มาสโลว์ (Abraham Maslow)ความต้องการของมนุษย์ (Hierarchical Needs) เปน็ 5 ขัน้1. ความต้องการทางกายภาพ (Physiological Needs)2. ความต้องการความปลอดภยั (Safety and Security Needs)3. ความต้องการความผกู พนั ในสงั คม (Belonging and Social Needs)

4. ความต้องการเกียรตยิ ศชอื่ เสียง (Esteem and Status Needs)5. ความต้องการพิสจู นต์ นเอง (Self Actualization and Fulfillment Needs)

ทฤษฏี x และ y ของ ดกั ลาส แมคเกรเกอร์ (Douglas McGregor) ทฤษฎแี บบเกา่ (ทฤษฏี x) กลา่ วคอื มนษุ ย์ส่วนมากมีนิสัยไมช่ อบ ทางาน จะพยายามเล่ยี งการทางานทุกอยา่ งเทา่ ทโ่ี อกาสจะอานวย ทฤษฎแี บบใหม่ (ทฤษฏี y) กล่าวคือ การออกแรงหรอื การใช้ สมองทางานเป็นของธรรมดา เชน่ เดยี วกบั การเลน่ หรือการพักผอ่ น เพราะการทางานอาจเป็นแหล่งท่มี าของความพึงพอใจ

วธิ ีการจูงใจพนกั งานในการเพม่ิ ผลผลิต1. การตอบแทนการทางานเปน็ ตัวเงนิ การจ่ายเงินคา่ ตอบแทนตามผลงานเปน็ รายชนิ้ (Piece- rate system) การจ่ายตอบแทนตามมาตรฐานชั่วโมงการทางาน (Standard hour Plans) การจา่ ยคา่ ตอบแทนเปน็ คา่ นายหนา้ (Commission) การแบ่งปนั ผลกาไรให้พนกั งาน หรอื จ่ายโบนัส การจ่ายเงนิ เพ่ิมพิเศษตามภาวะเศรษฐกจิ

2. การตอบแทนท่ไี มใ่ ชต่ วั เงนิ การจัดสวสั ดิการให้แก่พนักงาน การขยายขอบเขตงาน (Job Enlargement) การสับเปล่ียนหมุนเวยี นงาน (Job Rotation) การเลอ่ื นระดับหรอื เลือ่ นตาแหน่ง

3. การลงโทษ (Punishment)4. การจูงใจวธิ ีอ่นื ๆ

2. การปรบั ปรงุ สภาพการทางาน (Working Condition Improvement) 2.1 ปรบั ปรงุ สภาพแวดลอ้ มในการทางาน  แสงสว่าง  อณุ หภูมิ  การระบายอากาศ  สภาพทางเดินภายในโรงงาน  การใชเ้ ครอ่ื งจกั รและอุปกรณ์  การตดิ ต้ังเครอื่ งจักร  ความสะอาด ความเปน็ ระเบียบ  สถานทสี่ าหรับนันทนาการของพนักงาน

2.2 ปรบั ปรงุ สภาพการทางานที่เหมาะสมกบั พนักงาน2.3 ปรบั ปรงุ ด้านความปลอดภยั ในการทางาน จัดหาอุปกรณป์ ้องกันอบุ ัตเิ หตุส่วนบุคคล ปรบั ปรงุ อปุ กรณ์ป้องกนั อุบัติเหตุ สรา้ งแรงจูงใจใหก้ ับพนักงานในการป้องกันอบุ ัติเหตุรว่ มกัน ฝึกอบรมพนกั งานทกุ คน ประสานงานกบั หน่วยงานภายนอกในการปอ้ งกนั อบุ ตั ิเหตุ ติดตามและนิเทศใหพ้ นักงานทุกระดับ

3. การพฒั นาพนกั งานการพฒั นาพนกั งานมีวธิ ตี า่ ง ๆ ดงั น้ี1) การฝกึ อบรม (Training)2) การให้การศึกษา (Education)3) การพัฒนา (Development)

การฝึกอบรม (Training) การบรรยาย (Lecture) การประชมุ อภปิ ราย (Conference) วธิ กี ารศกึ ษากรณีตวั อย่าง (Case study) วิธกี ารสมั มนา (Seminar) วธิ ีการระดมสมอง (Brainstorming) วธิ กี ารทดลองเรียนงาน (Understudies) วิธีการสอนแนะ (Coaching) วธิ กี ารสรา้ งสถานการณ์จาลอง (Simulation)

 วธิ กี ารแสดงบทบาทสมมติ (Role playing) วธิ กี ารสาธิต (Demonstration)

การใหก้ ารศกึ ษา (Education) การพฒั นาพนักงานในระยะยาว เพื่อใหม้ ีความรู้ ความ เขา้ ใจและมีทกั ษะในการทางานเพิม่ มากข้ึน โดยส่งไป ศกึ ษาตอ่ ทง้ั ในหลกั สตู รการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน หรือ ฝกึ อบรมในหลกั สูตรทีจ่ าเป็นในการทางานขององค์กร หรอื เพอื่ เตรียมบุคคลในการรับตาแหน่งระดับสูงขนึ้

การพัฒนา (Development) เปน็ การใหค้ วามรู้ ความเขา้ ใจในเร่ืองทัว่ ๆ ไป แก่ พนกั งาน เพ่อื ใหม้ คี วามรู้ ความเขา้ ใจในสงั คม เศรษฐกจิ การเมอื งการปกครอง การพัฒนาตนเองให้มี คณุ ภาพชวี ิตท่ดี ีข้ึน ไมว่ า่ จะด้วยวิธีการประชาสัมพันธ์ใน หน่วยงาน การจดั กิจกรรมตา่ ง ๆ ในหน่วยงาน การศกึ ษา หาความรู้ดว้ ยตนเอง การเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม รวมถึงการ จัดประชมุ สมั มนา

4. การสรา้ งสัมพนั ธ์ที่ดรี ะหว่าง นายจา้ งหรอื องคก์ ร กับพนักงาน  องค์กรเปิดโอกาสให้พนกั งานได้รวมกลุ ่มกจิ กรรมเพอ่ื รักษา สทิ ธิของตนเอง หรอื สมัครเปน็ สมาชกิ สหภาพแรงงาน ให้ พนักงานมสี ิทธิตามทก่ี าหนด ในกฎหมายแรงงานสมั พนั ธ์ รวมทงั้ ฝ่ายบรหิ ารหรอื แผนกบคุ ลากรขององคก์ รจะตอ้ งลงมา คลกุ คลีกับพนักงานในบางโอกาส เพื่อจะได้รับทราบปญั หา ของพนกั งานรวมท้งั เปน็ การสร้างความสมั พนั ธ์ทด่ี ีระหว่าง องค์กรกบั พนกั งาน

5. การพฒั นาตนเองของพนกั งานหรอื ผบู้ รหิ าร เพอ่ื ให้สามารถทางานร่วมกบั ผูอ้ ื่นได้  การเป็นกนั เอง  ยมิ้ อยูเ่ สมอ  จาช่อื และเรยี กชื่อผอู้ ่ืนบอ่ ย ๆ  สนใจในกจิ กรรมของเพือ่ นร่วมงาน  ไม่ถอื ตวั ไม่ยกตนขม่ ทา่ น  หลกี เลย่ี งการใช้สทิ ธิพิเศษ  สุภาพ เรียบร้อย

 ตรงตอ่ เวลา ร่วมมือและทางานด้วยความเต็มใจ ปฏบิ ัตติ ามคาขอร้อง ทาตามสญั ญา พิจารณาบคุ คลในแงด่ ี ให้เกยี รตผิ รู้ ว่ มงาน ฟังดว้ ยความตงั้ ใจ ไมแ่ สดงอานาจหรืออวดรู้ หลกี เลีย่ งการแตกแยกในหมู่คณะ

 อย่าถกเถียงถงึ ปัญหา ชว่ ยประนปี ระนอมเมือ่ มีความคิดขัดแย้ง มคี วามจรงิ ใจ มองประโยชนอ์ งค์กรมากกวา่ ประโยชน์ส่วนตน

ข้เี กยี จและสบาย ทาลายตนขยันและอดทน ทาใหต้ นสบาย