2 การวางแผนและงบประมาณฟารม์ เปน็ การกาหนดรูปร่างหน้าตา หรือแนวทางในการทางานลว่ งหน้า เชน่ เดียวกับกจิ กรรมอื่น ๆ ในภาคการเกษตร จะตอ้ งกลา่ วถงึ การปลกู พืชเลี้ยงสัตวช์ นดิ ใด จานวนเทา่ ใด จะต้องเสียคา่ ใช้จา่ ยจานวนเทา่ ไร และจะมีรายไดจ้ ากกจกิ รรมเหล่านั้นเทา่ ไร เมื่อหกั คา่ ใช้จา่ ยออกจากรายไดแ้ ลว้ จะคงเหลอื กาไรเท่าใด เปน็ ตน้ การวางแผนและงบประมาณฟาร์มจะช่วยให้ผู้วางแผนได้มโี อกาสใช้วจิ ารณญาณในการผลตขิ องตนเองอยา่ งสุขุม รอบคอบความหมายการวางแผนฟาร์ม (Farm Planning) การวางแผนฟาร์ม คอื การวางแผนการผลิตโดยใช้ปัจจยั การผลิต เช่น ทดี่ นิ ทนุ และแรงงาน ให้เกดิประโยชน์มากท่สี ุด โดยนามาวางแผนในกจิ กรรมต่าง ๆ ในชว่ งระยะเวลาหนึ่งความหมายงบประมาณฟารม์ (Farm Budgeting) งบประมาณฟาร์ม คือ การประมาณการคา่ ใช้จา่ ยในการผลิตกิจกรรมหน่งึ ๆ ในช่วงระยะเวลาหนงึ่ ตามแผนที่ได้วางเอาไว้ ค่าใชจ้ า่ ยเรอื่ งปจั จยั การผลติ จานวนเทา่ ไร และผลท่คี าดหวงั เอาไวต้ ามแผนจานวนเท่าไร รวมถงึ รายได้และกาไรดว้ ย
3ประเภทของการวางแผนและงบประมาณฟารม์1. การวางแผนและงบประมาณฟารม์ ทง้ั หมด (Complete Farm Planning and Budgeting) การวางแผนและงบประมาณฟาร์มทง้ั หมดหรือการวางแผนและงบประมาณฟาร์มสมบรณู ์แบบ หรอื แบบครบถ้วน เปน็ การวางแผนและงบประมาณทจ่ี ะจัดรปู หรือกาหนดรปู องค์ประกอบของฟาร์มว่า ฟารม์ นน้ั ประกอบข้ึนด้วยกิจกรรมอะไร จะจดั การกับทรัพยากรทีม่ อี ยอู่ ย่างจากดั อย่างไรในแต่ละกิจกรรมใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ ทางบประมาณรายจ่ายและรายได้ในแต่ละกจิ กรรมของฟาร์ม ว่าเป็นจานวนเทา่ ใด การวางแผนและงบประมาณดังกล่าวมักจะทาในระยะเรมิ่ แรกของฟารม์2. การวางแผนและงบประมาณฟารม์ บางส่วน (Partial Farm Planning and Budgeting)การวางแผนและงบประมาณบางส่วน หมายถงึ การวางแผนและงบประมาณในระยะเวลาหลังจากการวางแผนและงบประมาณฟาร์มท้งั หมดได้ดาเนนิ การแลว้ หรืออย่รู ะหว่างดาเนนิ กจิ กรรมอยูใ่ นแตล่ ะปี ซึ่งมจี ุดประสงค์ท่ีต้องการแกไ้ ข ปรบั ปรุงและเปลีย่ นแปลงให้มปี ระสทิ ธภิ าพดขี ้ึน หรอื เป็นการหลกี เลี่ยงปญั หาท่ีเกดิ ขึ้นแลว้ ในระยะแรกๆ ของการดาเนินงาน สาหรบั การวางแผนและงบประมาณฟาร์มบางส่วนจะเปน็ ไปในทางกิจกรรมที่เฉพาะเจาะจงลงไป เช่นกจิ กรรมการปลูกพชื กจิ กรรมเลย้ี งสัตว์ กิจกรรมประมง เป็นตน้ ในการเน้นลงไปน้ีเพ่ือหาทางปรบั ปรงุ เปลี่ยนแปลงและแก้ไขบางอยา่ งง เพอื่ ทจ่ี ะขยายหรือลดพ้ืนทกี่ ารปลูกและจานวนสัตวท์ ่เี ลีย้ ง การเปล่ียนแปลงกิจกรรมใหม่โดยนา กจิ กรรมใหม่มาเสริมหรือเพมิ่ เติม หรือนาเข้ามาใหม่หมด นาเทคโนโลยีสมยั ใหม่หรือพ้ืนบ้าน นาเครื่องจักรกลการเกษตรเครื่องมือ เคร่ืองใช้ เขา้ มาสนบั สนนุ การทางานหรือกจิ กรรมเดิมท่ียังดาเนินการอยู่
4แต่ต้องมีการปรบั ปรุง เช่น การเปลี่ยนแปลงพันธ์ุข้าว สูตรป๋ยุ เคมีและสารเคมีปราบศัตรพู ชื ตลอดจนการจัดการ การใช้แรงงานครอบครัวและแรงงานจา้ งให้มีประสทิ ธิภาพมากที่สดุ นอกจากน้ียังรวมถึง การเก็บเกี่ยวการเกบ็ รกั ษา การขนส่ง และการจัดหาแหลง่ ตลาด เปน็ ตน้ ดงั น้ัน การวางแผนและงบประมาณบางส่วนจึงมคี วามสาคญั เช่นกันในภาวะปจั จุบันหรือสภาพที่เป็นอยู่ในท้องถ่นิ ของเกษตรกรเอง ซง่ึ ถา้ จาเป็นตอ้ งมีการแกไ้ ข ปรับปรุงและเปล่ียนแปลง กใ็ ชก้ ารวางแผนและงบประมาณฟารม์ บางส่วนเข้าช่วย สว่ นมากแลว้ จะมีการแก้ไขปีละครง้ั ตามฤดูกาลผลติ ของทอ้ งถ่นิ เนื่องจากแผนและงบประมาณท่วี ่าน้ีจะเกยี่ วขอ้ งกับการลงทนุ และรายได้ ดังน้นั ควรมีการพจิ ารณาใหร้ อบคอบและควรมกี ารวางแผนและงบประมาณไวห้ ลายชดุ แล้วเลือกเอาแผนและงบประมาณอนั ใดอันหน่ึงทีเ่ หน็ วา่ ดที ่สี ุดและเหมาะสมทส่ี ุดลกั ษณะของแผนและงบประมาณฟาร์มท่ีดี ในการวางแผนและงบประมาณฟารม์ น้ัน มีความสาคัญเป็นอยา่ งมากในการดาเนินกิจกรรม ก่อนอน่ื จะต้องเข้าใจหรือรเู้ สยี กอ่ นวา่ การวางแผนและงบประมาณท่ีดีน้ันเป็นอย่างไร ซ่ึงสรปไุ ดด้ ังน้ี 1. กิจกรรมแต่ละชนิดทจ่ี ะดาเนินการ ซ่ึงกาหนดไวใ้ นแผนและงบประมาณน้ันต้องมีขนาดเหมาะสมกับฟาร์มพอสมควร เพราะถ้ากิจกรรมใหญห่ รือเล็กเกนิ ไป อาจจะทาให้ทรพั ยากรทม่ี ีอยู่อย่างจากัดจะสูญเสียหรือใช้อยา่ งไมม่ ีประสิทธภิ าพ 2. ควรกาหนดการใชป้ ัจจัยการผลิตตา่ ง ๆ อย่างเตม็ ที่ ซึ่งหมายถึง การใชท้ ดี่ นิ ทุน และแรงงานกลา่ วคอื ไมค่ วรปลอ่ ยให้ที่ดินวา่ งโดยเปลา่ ประโยชน์ หรอื ดไม่ไดใ้ ช้แรงงานในครอบครวั อยา่ งเต็มที่ ตลอดจนรู้จักใชท้ นุ และวัสดอุ ุปกรณใ์ นทอ้ งถิ่นให้เกิดประโยชนม์ ากทสี่ ุด
5 3. ควรกาหนดใหใ้ ช้วิธีการผลติ ทีท่ นั สมยั ถกู ต้องตามหลักวิชาการ หรือวชิ าการพน้ื บา้ นทเ่ี หมาะสม ซึ่งสามารถทางานไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ รวดเรว็ สะดวก และลดต้นทุนการผลติ ดงั นั้น แผนและงบประมาณควรเปดิ โอกาสให้มกี ารนาเทคโนโลยีดงั กลา่ วเข้ามามบี ทบาทในการผลติ อย่างไรกต็ าม กค็ วรพิจารณาให้รอบคอบเสียก่อนในการท่ีจะนาเทคโนโลยีเขา้มาใช้ ควรเป็นเทคโนโลยีทค่ี ่อนข้างแนน่ อนและเหมาะสมแต่ละท้องถิ่น 4. แผนและงบประมาณฟาร์มควรมคี วามยดื หยนุ่ ไว้บ้าง หมายถงึ แผนและงบประมาณสามารถที่จะเปล่ียนแปลงแก้ไข และปรับปรุงไดต้ ามภาวการณ์ทีเ่ กดิ ข้ึนในระหวา่ งดาเนินการ เช่น การขาดแคลนแรงงานอาจจาเป็นตอ้ งใชแ้ รงงานหรือเครอ่ื งจกั รกลการเกษตรเขา้ มาช่วย ระยะ เวลาในการดาเนินการ เงินทนุ หมุนเวียน กิจกรรมการเปล่ียนแปลงของราคาสินคา้ แหล่งรับซอ้ื จานวนและคุณภาพทีต่ ลาดตอ้ งการ เปน็ ต้น 5. ควรคานงึ ถึงสภาพดนิ ฟา้ อากาศ และภูมปิ ระเทศ ดงั นนั้ การวางแผนและงบประมาณจงึ จาเปน็ ตอ้ งพจิ ารณาสภาพท้องทีว่ ่าเปน็ ท่ีลมุ่ ท่ีดอน หรอื ท่ีราบ ซ่ึงแต่ละสภาพมคี วามเหมาะสมแตล่ ะกจิ กรรมตา่ งกันเช่น ทล่ี ุม่ เหมาะสาหรบั ทานาหรือขดุ บอ่ เลี้ยงปลา เล้ยี งกุ้ง สว่ นท่ีดอนอาจจะเหมาะกับพืชไร่ เช่น มนั สาปะหลัง ปอ ทรี่ าบอาจจะเหมาะสมกับทานา ปลูกผกั และพืชไร่บางชนิด นอกจากนี้ อณุ หภมู ิ ปรมิ าณน้าฝนและแหลง่ น้าก็มีสว่ นในการวางแผน ตวั อย่างสาหรบั แตล่ ะสภาพทีม่ คี วามเหมาะสมตา่ งกัน เช่น ภาคเหนอื ลักษณะพนื้ ทีเ่ ล็ก ๆ ตามเชงิ ภูเขา มีความชน้ื และอากาศคอ่ นข้างหนาว เหมาะสมสาหรับการปลูกสตรอเบอรร์ ี่ อง่นุ ลาไย ล้นิ จี่ และพชื ผักเปน็ ต้น ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะดนิ ไมค่ ่อยอดุ มสมบรู ณ์มากนัก ดนิ รว่ นปนทรายและดินทรายมีความแห้งแล้ง เปน็ ทรี่ าบสูงเหมาะในการปลูกพืชไร่ เช่น มนั สาปะหลัง ปอ ข้าวโพด เป็นต้น ดังนั้นการวางแผนและงบประมาณกค็ วรคานงึ ถึงสภาพดิน ฟ้า อากาศ และภูมปิ ระเทศดว้ ย 6. ควรคานงึ ถงึ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งรายจา่ ยและรายรับ สาหรบั รายจ่ายน้ันจะตอ้ งพิจารณาแนวโน้มของราคาปัจจยัการผลติ ดว้ ยว่าในอนาคตจะเพิ่มข้ึนเท่าไร จะเพม่ิ ในอตั ราทีร่ วดเร็วหรอื คอ่ ยเป็นค่อยไป รวมทง้ั รายจ่ายอืน่ ๆ ทม่ี ีสว่ นเก่ยี วขอ้ งกับการวางแผน ส่วนรายรับน้นั ข้ึนอยกู่ บั แผนทวี่ างไว้ว่าจะผลติอะไรได้จานวนเท่าไร จะผลิตเมอื่ ไร โดยวิธีการใด และราคาผลผลติ ทคี่ าดคะเนวา่ จะไดร้ ับจากการผลิตกจิ กรรมน้ัน ๆ โดยหลักทว่ั ไปแผนและงบประมาณจะต้องลงทุนใหต้ ่าทสี่ ดุ มีความเสย่ี งนอ้ ยที่สุด และได้กาไรมากทสี่ ุด 7. ควรคานึงถึงความสามารถความชานาญของเจ้าของฟารม์ การกาหนดกจิ กรรมลง ในแผนและงบประมาณน้ันตอ้ งดเู กษตรกรหรือเจ้าของฟาร์มเองว่ามคี วามสามารถ ความชานาญ และประสบการณ์มากนอ้ ยแค่ไหน เกษตรกรเคย
6ปลูกพชื หรอื เล้ยี งสตั วช์ นดิ เหล่าน้หี รือไม่ เช่น เกษตรกร มคี วามชานาญการปลูกไม้ผล แต่กลับมาเลย้ี งสัตวห์ รอื เพาะเลี้ยงก้งุเพราะเหน็ วา่ มีราคาสงู และได้กาไรมาก หรอื อาจจะทาตามเพอ่ื นบา้ น โดยทีไ่ ม่ได้ไตรต่ รองให้รอบคอบถึงขีดความสามารถเฉพาะตัว กอ็ าจจะทากจิ การนน้ั ล้มเหลว หรือไมป่ ระสบความสาเร็จเท่าท่คี วร อย่างไรกต็ ามหากกจิ กรรมยงั ใหม่ มีผลตอบแทนสูง เหมาะสมกบั สภาพพนื้ ทแี่ ตไ่ ม่เคยทามาก่อน กใ็ ห้พิจารณาเป็นกจิ กรรมรอง โดยเริ่มทาแต่นอ้ ยกอ่ น หากมีความชานาญมากขึ้นและได้ผลดี ทราบถึงปญั หาและอปุ สรรค จึงคอ่ ย ๆ ขยายออกไปเป็นกจิ กรรมหลักก็ได้ 8. ควรคานึงถึงแผนและงบประมาณฟารม์ ในเร่อื งความเสยี่ ง โดยปกตแิ ล้วการทากิจกรรมดา้ นการเกษตรมคี วามเสี่ยงมากมายอย่แู ลว้ เช่น สภาพดินฟ้าอากาศ ปริมาณน้าฝน ความแห้งแล้ง โรคแมลงและสัตว์ศัตรูพืช การเคล่ือนไหวของ ราคาและการตลาด เปน็ ต้น อย่างไรก็ตาม มิไดห้ มายความว่า หากทากิจกรรมดา้ นการเกษตร แล้วจะตอ้ งพบกบั ความเส่ยี งทุกครง้ั ไป ฉะนนั้ ทางแกไ้ ขคอื การวางแผนและงบประมาณอย่าง รอบคอบ โดย พิจารณาอย่างสขุ มุ และให้มรความ เสย่ี งนอ้ ยทส่ี ุดเทา่ ทจ่ี ะน้อยได้ ในการดาเนินกจิ การไม่ ควรทากิจกรรมทใี่ หญเ่ กินไปหรอื มีการลงทุนสูงเพราะ จะทาให้เกิดความเสยี่ งสงู ดงั นน้ั ควรจะคอ่ ย ๆ ขยายกจิ การออกไป นอกจากนีแ้ ล้ว อาจจัดกจิ กรรม รองหรือเสริมไว้รองรับกิจกรรมหลักเพอ่ื ลดความเสีย่ ง 9. ควรคานึงถงึ สภาวะการตลาดของผลผลิต ซง่ึ อาจกลา่ วไดว้ ่า ตลาดมีความสาคัญหรอื มอี ิทธิพลอย่างมากตอ่ระบบการผลิตของการเกษตรบา้ นเรา ดงั นัน้ การวางแผนและงบประมาณการผลิตควรคานึงถงึ การตลาดและการเคลื่อนไหวของราคาผลผลิต มใิ ช่มองแต่ลดต้นทุนต่าสุดอย่างเดยี วหรือทาอยา่ งไรให้ผลผลติ สงู ควรพิจารณาดา้ นดงั กล่าวด้วยข้นั ตอนในการวางแผนและงบประมาณฟารม์ โดยปกติแล้ว การวางแผนและงบประมาณมักจะทาควบคู่กันไป เมอ่ื เก็บขอ้ มลู และศึกษาสภาพการผลิตแล้วจะพิจารณาเลือกกิจกรรมการผลิต วธิ ีการผลิต ผลติ เมอ่ื ไร จานวนเท่าใด คานวณคา่ ใช้จา่ ย คาดคะเนผลผลติ รายได้ และกาไรที่ไดร้ บั ในแต่ละกิจกรรมของแผน ดงั นัน้ การจดั ทาแผนและงบประมาณฟารม์ มีขัน้ ตอนพอสรปุ ได้คือ 1. รวบรวมข้อมูลจากการสารวจ อาจจะได้มาจากการสารวจ สงั เกต สมั ภาษณ์ หรือเอกสารอะไรก็ตามจะเป็นขอ้ มูลตวั เลขหรือเชงิ ปริมาณ (Quantitative data) หรอื จะเปน็ ขอ้ มลู เชงิ พรรณนาหรือเชิงคุณภาพ(Qualitative data) หรือข้อมูลทั้งสองอยา่ งรวมกัน หากเปน็ ขอ้ มูลทแี่ ท้จรงิ ของจุดทจ่ี ะดาเนินการวางแผนก็จะช่วยให้แผนและงบประมาณมีประสิทธภิ าพมากข้ึน ข้อมลู ดงั กล่าว ไดแ้ ก่ ข้อมูลทางด้านการผลิตวธิ กี ารผลิต ตน้ ทุนการผลติ ราคาปัจจยั การผลติ ราคาผลผลิต แหลง่ รับซ้อื ผลผลติ นโยบายรัฐบาล ความต้องการภายในและภายนอกประเทศ ขดี จากัดความสามารถของเกษตรกร ขดี จากดั ของทรพั ยากรธรรมชาติความเชื่อและความศรทั ธา คา่ นยิ ม ลักษณะของตวั เกษตรกร โดยสรปุ แล้วข้อมูลควรครอบคลมุ ถึงด้านเกษตร เศรษฐกจิ และสังคม (Agro – Socioeconomic) 2. ศกึ ษาและรวบรวมทรัพยากรท้ังหมดท่มี ีอยู่ ซ่งึ เปน็ ขอ้ มูลจากการสารวจหรือโดยวธิ ี ใดก็ตามซ่งึ เปน็ ประโยชน์ในการวางแผนและงบประมาณฟาร์ม ซึ่งจะเปน็ ตัววัดว่าหลงั จากการวางแผนและดาเนินการไปแลว้ ผลจะเป็นอยา่ งไร ทรัพยส์ ินลดหรอื เพิม่ ขึ้น นอกจากนจี้ ะได้ทราบวา่ จะต้องเพิ่มทรัพยากรอะไรหรือขาดอะไร ทรัพยากรเหล่านไี้ ด้แก่ ทด่ี ิน แรงงานเครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตร สิ่งกอ่ สรา้ ง เงนิ ทนุ ดาเนินการ เปน็ ต้น
7 3. การเลือกกิจกรรมท่ีจะดาเนินการลงในแผนการผลติ โดยพจิ ารณาในหลาย ๆ ด้าน ขึ้นอยูก่ ับวัตถปุ ระสงคว์ า่วางแผนการผลิตเพ่ือบรโิ ภค เพอื่ จาหน่ายให้ไดร้ าคาสูง เพ่อื เพิ่มรายได้ เพ่ือ ให้เกิดความเสี่ยงน้อยทส่ี ดุ เพ่ือความพอใจ หรอื เพ่อื ดา้ นอืน่ ๆ แตโ่ ดยหลกั ทัว่ ไปการวางแผนการผลติ เพื่อให้เกษตรกรได้บริโภคและเหลือพอทีจ่ ะจาหนา่ ยซึง่เปน็ การเพิ่มรายได้ ยกฐานะความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีข้ึน สิง่ สาคัญจะต้องเป็นกจิ กรรมที่เกษตรกรมคี วามตอ้ งการและสอดคล้องกับการตลาดด้วย 4. การคาดคะเนรายจา่ ยและรายไดจ้ ากกจิ กรรมตา่ ง ๆ ทไี่ ด้กาหนดในแผนการผลติ ในเรื่องการผลติ น้ัน กิจกรรมแต่ละชนิดจะตอ้ งมีการคดิ ตน้ ทนุ การผลติ ไว้ก่อน สาหรับสนิ คา้ เกษตรโดยท่ัวไปผูผ้ ลติ ไม่สามารถมสี ว่ นกาหนดราคาของผลผลติ ดังนัน้ การวางแผนการผลิตและงบประมาณจึงจาเป็นจะตอ้ งคานวณตน้ ทนุ การผลติ หรอื รายจ่ายแตล่ ะหมวดหมู่ไดแ้ ก่ คา่ เมล็ดพันธุพ์ ชื พันธส์ุ ัตว์ คา่ เตรียมดิน ค่าปุ๋ยและสารเคมี คา่ อาหารสัตว์ คา่ โรงเรอื น ค่าจา้ งแรงงานโดยคิดจากสภาพราคาทเี่ ปน็ จรงิ หรอื แนวโน้มทีร่ าคาปจั จยั การผลิตเหลา่ น้จี ะเพม่ิ ขึน้ ในอนาคต ซง่ึ ในด้านสง่ เสรมิ หรอื ทเี่ กษตรกรปฏบิ ัตอิ ยมู่ กั จะคิดเฉพาะค่าใชจ้ า่ ยทเี่ ป็นเงนิ สด คือ ค่าใชจ้ ่ายทจ่ี ่ายออกไปจรงิ ในรปู เงินสด ในส่วนของรายได้น้ัน ตามแผนการผลติ ยงั ไมไ่ ด้มกี ารดาเนินการเปน็ เพียงแตก่ ารคาดคะเนสถานการณ์การผลตวิ ่า ผลผลติ ไดจ้ านวนเทา่ ไร ราคาตอหนว่ ยเป็นเท่าไร โดยอาศัยประสบการณ์ ข้อมลู ที่ไดจ้ ากการสารวจและรวบรวมมาศึกษาพจิ ารณาความเป็นไปได้ของแผนท่วี างไว้ หากได้ขอ้ มูลทแ่ี ท้จรงิ การคาดคะเนกใ็ กลเ้ คียงความจริงมาก ถงึ แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงก็ตาม แต่เป็นวิธีทดี ีทส่ี ุดในการวางแผนก่อนปฏบิ ตั งิ านจริงในภาคสนาม 5. คดิ กาไรจากแผนการผลิตที่กาหนดไว้ หากกาไรกแ็ สดงว่าการผลติ มีประสทิ ธภิ าพพอใช้ได้ถา้ หากขาดทนุ จาเป็นจะต้องมกี ารเปล่ียนแปลงการวางแผนและงบประมาณใหมบ่ างสว่ นหรืออาจจะทัง้ หมดกไ็ ด้ การคดิ หากาไรให้แยกประเภทของกิจกรรมดา้ นพชื และสตั ว์แตล่ ะชนิด โดยท่ีกาไรคิดได้จากผลตา่ งของรายไดก้ ับรายจา่ ยอย่างง่ายๆสาหรับรายได้และรายจ่ายไดจ้ ากการคานวณในการวางแผนและงบประมาณในขอ้ 4ท่ีกลา่ วมาแล้วการวางแผนและงบประมาณฟาร์มช่วยใหเ้ ราทราบอะไรบ้าง 1. เป็นเคร่ืองมือในการตัดสินใจว่า จะทากจิ กรรมดา้ นพชื หรอื ดา้ นสัตว์ หรือท้งั พืชและสัตว์ จึงจะเหมาะสมกับสภาพฟารม์ 2. กาหนดวธิ ีการผลิต ขน้ั ตอนการผลิต และการใช้ปจั จัยการผลิต 3. บง่ บอกถงึ ความสัมพันธแ์ ต่ละกจิ กรรมในขบวนการผลติ และการจาหนา่ ยผลผลิต 4. การกระจายแรงงาน ไดแ้ ก่ แรงงานในครอบครัว แรงงานจา้ ง และแรงงานแลกเปลย่ี น ชว่ งไหนควรจะจ้างแรงงานเพมิ่ เติม หรือแรงงานเหลือ หรือแรงงานเพียงพอตอ่ การผลติ 5. การกระจายเงนิ ลงทุนในแตล่ ะข้ันตอนของการผลิตและชนดิ ของกิจกรรมวา่ ช่วงไหนตอ้ งใช้จา่ ยเงนิ ในการลงทนุช่วงไหนไดร้ ับรายได้จากการจาหน่ายผลผลติ 6. ทาใหท้ ราบถงึ การใช้ทด่ี ินในช่วงการผลติ วา่ ชว่ งไหนที่ดนิ ว่างเปลา่ ช่วงไหนท่ดี ินกาลงั ใช้ในการผลติ เพ่อื ให้เกิดประสทิ ธิภาพในการใชท้ ด่ี นิ 7. ทาใหท้ ราบถงึ งบประมาณคา่ ใช้จา่ ยในการผลติ แตล่ ะกิจกรรมและท้ังฟาร์ม 8. ทาให้ทราบถึงรายได้และกาไรจากการผลิตตามแผนทวี่ างไว้ในแต่ละกิจกรรมและท้ังฟาร์ม
8ข้ันตอนการวางแผนและงบประมาณฟาร์มในการปรับปรงุ และสง่ เสรมิ ฟารม์ คงเปน็ ท่ที ราบกันทั่วไปว่า การทีจ่ ะเบนเขม็ หรอื แนวทางของการปฏบิ ัตทิ างการเกษตรของเกษตรกรจากการผลิตเพอ่ื ใช้ในครอบครัวไปสู่การผลิตเพอ่ื การค้านน้ั ต้องให้เกษตรกรรจู้ ักการใช้ทด่ี ิน ทนุ แรงงานและทรัพยากรอนื่ ๆ เพอ่ื ให้ไดก้ ารผลิตที่มกี าไรสูงสุด น่ันคอื การใหเ้ กษตรกรเปน็ นกั จัดการฟารม์ ท่ดี ี รูจ้ ักการวางแผนและงบประมาณการผลติ โดยใชท้ รัพยากรดังกล่าวใหม้ ีประสทิ ธิภาพในการผลิต ในการส่งเสริมและปรับปรงุ สภาพไร่นาของเกษตรกรน้ัน ไดก้ าหนดหรือสมมติฐานไว้ 4 ขั้นตอน โดยเรมิ่ จากสภาพฟารม์ ทีม่ อี ยู่จริงในทอ้ งถิ่นและศึกษาหาทางปรับปรุงใหเ้ จา้ ของฟาร์มมกี าไรเพ่ิมพูน หลักการ 4 ขั้นตอน ไดก้ าหนดไวด้ งั นี้ ขน้ั ตอนท่ี 1 การปรบั ปรุงด้านวิชาการ (Technological Improvement) ขัน้ ตอนท่ี 2 การใช้ปัจจยั การผลติ (Bought Inputs) ขน้ั ตอนที่ 3 การทดแทนและปรับเปล่ียนกิจกรรมใหม่ (New Enterprise and Substitution) ขั้นตอนท่ี 4 การลงทุนในทรพั ยส์ ินถาวร (Investment) อยา่ งไรก็ตาม ในการที่จะปรับปรุงฟาร์มใหม้ ีรายไดแ้ ละกาไรสูงข้นึ กวา่ เดิม มใิ ชเ่ ปน็ เร่อื งง่าย สาหรับระบบการผลติของเกษตรกรท่ีมอี ยู่ดงั นั้น การปรับเปล่ียนหรือเปลี่ยนแปลงใด ๆ ก็ตามจะต้องให้เหมาะสมและสอดคลอ้ งกับความเป็นจริงในพืน้ ท่ี และตัวเกษตรกรเปน็ หลัก ดังน้ัน ก่อนจะมีการปรบั ปรุงฟารม์ ในขน้ั ตอนต่างๆ จาเป็นตอ้ งวเิ คราะห์สภาพฟาร์มก่อนการปรับปรงุ
9การวเิ คราะหฟ์ าร์มกอ่ นการปรบั ปรุง การวิเคราะห์สภาพไร่นาก่อนการปรับปรงุ จะดาเนินการหลังจากได้มกี ารสารวจและรวบรวมข้อมูลของฟารม์มาแล้ว ประเดน็ สาคญั สาหรับการวเิ คราะห์ คอื 1. ขนาดของฟาร์มและครอบครัวเปน็ อย่างไร 2. มีกจิ กรรมประเภทไหนบา้ ง ลงทนุ และแรงงานไปเท่าไร และการกระจายแรงงานและทุน เป็นอย่างไร 3. วิธกี ารผลติ รวมถงึ การจัดการฟาร์ม เปน็ อย่างไร 4. กาไรตอ่ ไร่หรือตอ่ หน่วยของกจิ กรรมน้นั มมี ากน้อยแค่ไหน 5. ปญั หาและอปุ สรรคในการดาเนนิ งาน จากท่ีกลา่ วมาขา้ งต้นก็พอทีจ่ ะทาให้เราทราบวา่ ข้อมลู อะไรที่ควรจะทราบเพื่อจะนามาวิเคราะห์ สภาพฟาร์ม จงึขอแนะนาว่าควรประกอบด้วยหัวข้อกวา้ ง ๆ ดงั น้ี 1. ชอื่ เจา้ ของฟาร์ม สมาชกิ ในครอบครวั เพศ และวยั 2. สภาพการคมนาคม แหลง่ รับซ้ือผลผลิต และจาหน่ายปัจจัยการผลติ 3. ขนาดของฟารม์ ระดับพืน้ ที่ และสภาพของดิน 4. ปริมาณนา้ ฝน การกระจายน้าฝน แหล่งน้าเพื่อการเกษตรและอณุ หภมู ิ 5. วิธกี ารและระบบการปลกู พชื และเล้ียงสัตว์ 6. สภาพการลงทนุ และการใช้แรงงาน 7. ผลผลิตทไี่ ด้รับ ราคาผลผลติ และแหล่งตลาด 8. รายได้ กาไรหรือขาดทุนในการดาเนินกิจกรรม 9. ข้อมลู ด้านสงั คม เช่น ความรู้ ทศั นคติ และพฤติกรรม 10. อ่นื ๆ (โดยเฉพาะขีดจากดั และศักยภาพของฟาร์ม)
10แนวทางในการวเิ คราะหส์ ภาพฟาร์มกอ่ นการปรับปรงุ 1. สามารถจัดทาแผนปฏทิ นิ การปลกู พืชและเลยี้ งสตั ว์ของแตล่ ะกจิ กรรมและทัง้ ฟาร์ม 2. คานวณคา่ ใชจ้ ่ายการผลติ แต่ละกิจกรรม (ต้นทุนการผลติ ) และท้งั ฟารม์ 3. คานวณผลผลติ และราคาทไ่ี ด้จากการสสารวจในแตล่ ะกจิ กรรมและทั้งฟารม์ 4. คานวณหากาไร (Gross Margin) แตล่ ะกจิ กรรมและทง้ั ฟาร์ม 5. การใชเ้ งนิ ทุน โดยทาแผนกระแสเงินสด (Cash Flow) 6. ถ้าทราบขอ้ มลู เกย่ี วกับแรงงานก็สามารถคานวณการใชแ้ รงงานและการกระจายแรงงาน ในแต่ละกจิ กรรมและทง้ัฟารม์ 7. หาผลตอบแทนการใช้ท่ีดนิ เงินลงทนุ และแรงงานในแต่ละกจิ กรรมและท้งั ฟาร์ม 8. สรุปประเด็นสาคญั และปญั หาอปุ สรรคในด้านการเกษตร เศรษฐกิจและสงั คม โดยเร่ิมตน้ จากสภาพความเปน็ จรงิในไรน่ าของเกษตรกรก่อน จากสภาพฟารม์ หรอื ไรน่ าของ เกษตรกรทเ่ี ปน็ อย่จู ะสามารถเพิ่มรายได้และกาไรให้สูงข้ึนกว่าเดิมได้อย่างไร โดยทเ่ี กษตรกรไม่ควรท่ี จะลงทุนเพิ่มจากเดิมในการผลติแนวทางการปรบั ปรงุ ฟาร์มจงึ เรมิ่ ต้นจาก ขน้ั ตอนท่ี 1 คอื การปรบั ปรงุ ดา้ นวชิ าการเพยี งอยา่ งเดียว เพือ่ ให้ผลผลิตเพ่ิมขึน้ หรือทาให้ต้นทนุ การผลิตลดลงหรือผลผลิตมีคุณภาพมากขน้ึ หลังจากปรบั ปรุงดา้ นวชิ าการแลว้ หากจะตอ้ งปรับปรุงใหม้ รี ายได้และกาไรเพิ่มมากขนึ้ อกี ควรพิจารณาดา้ นการใชป้ ัจจัยการผลิต โดยเฉพาะการใช้ปุ๋ย การใชส้ ารเคมี หรือสตู รผสมอาหารสัตว์ เป็นตน้ ขน้ั ตอนที่ 2 การใช้ปจั จยั การผลติ โดยมจี ดุ เนน้ ว่าจะต้องคมุ้ ค่ากับการลงทุนหรือก่อใหเ้ กิด กาไรสูงสุดจากการใช้ปัจจัยการผลิตแต่ละหนว่ ยเมอื่ ผา่ นข้ันตอนที่ 2 แล้วต้องพิจารณาต่อไปวา่ กิจกรรมเดมิ ท่ีทาอยู่มกี ิจกรรมใดบา้ ง สมควรจะขยายในเชิงปรมิ าณการผลติ หรือลดปรมิ าณการผลิตลง หรอื อาจจะต้องปรับเปลี่ยนกิจกรรมใหมเ่ ข้ามาทดแทนกจิ กรรมเก่า เพอ่ื ให้มรี ายได้และกาไรมากขึ้นกว่าเดมิ ตลอดจนพิจารณาเร่อื งความต้องการของตลาดและความสอดคล้องของพ้นื ที่ ข้ันตอนท่ี 3 เปน็ การทดแทนและปรับเปล่ียนกิจกรรมใหม่ หลังจากได้มกี ารพัฒนาและปรับปรุง ฟาร์มผ่านข้ันตอนตา่ ง ๆ เช่น การปรับปรุงดา้ นวิชาการ ด้านการใช้ปัจจัยการผลิตให้คมุ้ ค่ากบั การลงทุนและการทดแทนและปรับเปลย่ี นกิจกรรมใหมแ่ ล้ว ข้ันตอนท่ี 4 คอื การลงทนุ ในทรพั ย์สนิ ถาวร เนื่องจากอาจจะมีการขยายธรุ กิจฟารม์ ใหใ้ หญ่ข้ึนหรือมกี ิจกรรมใหม่ทต่ี อ้ งลงทุนและอาศัยปัจจัยพน้ื ฐาน ระบบการให้น้า อุปกรณ์และเคร่ืองจักรกลการเกษตร รวมทงั้ ระบบการผลิตที่เช่อื มโยงระบบธรุ กจิ ในด้านการตลาดและสนิ เชื่อมากขึน้ ซงึ่ จะส่งผลภาพรวมในระยะสั้นและระยะยาวของฟาร์มให้มรี ายได้และกาไรมากขึ้นกวา่ เดมิ ตลอดจนมีความมนั่ คงในระบบการผลติแนวทางการปรบั ปรุงฟารม์ขน้ั ตอนที่ 1 การปรับปรงุ ด้านวิชาการ : Technological Improvement ในการปรบั ปรุงขัน้ ตอนท่ี 1 นเ้ี ปน็ การปรบั ปรุงดา้ นวชิ าการโดยไมต่ ้องลงทนุ เพิม่ วิชาการใด ๆ กต็ ามท่ีนามาใชใ้ นฟารม์ เพอ่ื ปรบั ปรงุ ให้ดีข้นึ หรอื ให้กาไรสงู ขน้ึ กวา่ เดมิ โดยไม่ต้องเสียเงินทองหรือลงทุนเพม่ิ จากเดมิ ทีเ่ กษตรกรมีปัจจัย
11ทางทุนทจี่ ากดั เม่อื ไดพ้ ิจารณาจะเหน็ ได้วา่ ส่งิ ทีค่ วรจะทาภายใตเ้ งื่อนไขดังกล่าวไดแ้ ก่ การเตรียมดินท่ีถูกต้องและเหมาะสมการปราบวัชพืชด้วยมือ วิธีการปลูก ระยะปลูก ฤดูกาลเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ เปน็ ต้น การปรับปรุงข้ันตอนท่ี 1เปน็ การวางแผนภายใต้ขีดจากัดหรือเงอ่ื นไขต่อไปน้ี โดยท่ผี ูว้ างแผนจะทาอะไรได้บา้ งให้ไดก้ าไรสงู ขึน้ กว่าเดมิ >> ขดี จากัด (Constraints) และเง่ือนไขในการปรบั ปรงุ ฟารม์ ข้ันตอนท่ี 1 << 1. จานวนพืน้ ทถ่ี ือครองท่ีสามารถทาการเกษตรได้มีเท่าเดิม เกษตรกรไม่สามารถเพิม่ หรอื ลดพื้นทไี่ ด้ 2. ประเภทและชนดิ กจิ กรรม (พชื สตั ว์ ประมง) เหมอื นเดมิ รวมทั้งปรมิ าณการผลิตเทา่ เดมิ 3. ปจั จยั การผลติ ท่ีใช้ เชน่ แรงงานครัวเรอื น แรงงานจ้าง แรงงานแลกเปล่ียน พันธุ์พชื พันธุ์สตั ว์ป๋ยุ เคมี ปุ๋ยธรรมชาติ (ป๋ยุ คอก ปุ๋ยหมกั ปยุ๋ พชื สด) สารเคมี อาหารสัตวแ์ ละอน่ื ๆ 4. อาศัยน้าฝน (ขึ้นอยูก่ บั สภาพฟาร์มเดมิ ) 5. ราคาผลผลิตแตล่ ะชนิดของกิจกรรม ขอใหเ้ สมือนหนึ่งมีราคาเท่าเดมิ 6. เกษตรกรมีเงินทุน (เงินสด) เท่าเดมิ ในการลงทุนเช่นเดยี วกับสภาพฟาร์มก่อนการปรับปรุง >> ศกั ยภาพ (Potentials) หรอื แนวทางการปรบั ปรุงฟารม์ ข้นั ตอนท่ี 1 << การปรบั ปรงุ ดา้ นวชิ าการท่ไี มต่ ้องลงทนุ เพมิ่ - การเตรียมดินอย่างดี มปี ระสทิ ธภิ าพ และถกู ต้องตามหลกั วิชาการ - การใชพ้ นั ธดุ์ ี (โดยนาพันธุเ์ ก่ามาแลกพนั ธุ์ใหมใ่ นราคาท่เี ท่ากัน) - การคัดและเตรยี มพันธุ์ดีที่ถกู ตอ้ ง รวมทง้ั วิธีการปลกู พืชและเล้ยี งสตั ว์ - การใช้แรงงานครอบครัวให้มากที่สุดในการจัดการทุกขัน้ ตอนการผลิต - การใชป้ ยุ๋ คอกหรอื วัสดใุ นทอ้ งถน่ิ ใหเ้ กิดประโยชน์มากท่ีสุด - การกาหนดช่วงฤดูกาลปลกู พชื และเลย้ี งสัตวใ์ ห้เหมาะสมกับปรมิ าณนา้ ฝน - การกาหนดระยะปลกู หรอื จานวนสตั ว์ต่อคอก หรือจานวนลูกปลาต่อบอ่ - การเก็บเกี่ยวและรกั ษาตามเวลาทีเ่ หมาะสมและถูกต้อง - การจดั การดา้ นต่าง ๆ ท่ีสง่ ผลใหผ้ ลกาไรสงู ข้ึน แมว้ า่ เกษตรกรจะทราบถึงวิธีการท่ีถูกต้องในการปลูกพชื และเล้ยี งสัตว์ แต่ถ้าไมม่ กี ารนาไปปฏิบตั จิ ริงในไรน่ ากจ็ ะไม่เกดิ ประโยชน์ต่อเกษตรกร ดังนั้นเจา้ หนา้ ทสี่ ง่ เสริมการเกษตรหรอื ผทู้ ่ีมีหน้าทีร่ ับผิดชอบจงึ ต้องใชค้ วามพยายามและกลวิธีอย่างสูงท่ีจะใหเ้ กษตรกรยอมรับและนาไปปฏบิ ัตใิ นไรน่ าของเกษตรกรจรงิ ๆ การปรับปรงุ ขัน้ น้ถี อื ว่ามคี วามสาคญั ทีส่ ดุ กว็ ่าได้ เพราะสภาพความเปน็ จรงิ เกษตรกรไมช่ อบการลงทุนเพิ่มหรือมีเงนิ ทุนจากัดอยแู่ ลว้ และอีกหลาย ๆ อยา่ งท่ยี ากและลาบากในการเปล่ยี นแปลงความรู้ ทศั นคติและพฤติกรรมของเกษตรกร อย่างไรกต็ าม หากมคี วามพยายามจนถึงทสี่ ดุ แล้วก็อาจมีขอ้ ยกเว้น โดยส่วนรวมแล้วผลประโยชน์จะตกอยกู่ บั เกษตรกรเอง และเกษตรกรเป็นผตู้ ดั สินใจ แนวทางในการทาแผนและงบประมาณฟาร์มในขนั้ ตอนที่ 1 1. จัดทาแผนปฏทิ นิ การปลกู พชื และเลีย้ งสตั ว์ 2. คานวณคา่ ใชจ้ า่ ยการผลิตแต่ละกจิ กรรม (งบประมาณ) 3. คาดคะเนผลผลติ ทีเ่ พม่ิ ข้นึ จากการปรับปรุงด้านวชิ าการ 4. ยดึ ถอื ราคาผลผลิตเทา่ เดิม 5. คานวณหากาไร (Gross Margin) 6. ทาแผนการใช้เงินทนุ กระแสเงินสด (Cash Flow)
127. ให้คาแนะนาทางวชิ าการประกอบการวางแผน8. ทาแผนการใชแ้ รงงานและกระจายแรงงาน ถ้ามขี อ้ มูลและจาเป็น9. หาผลตอบแทนการใชท้ ่ดี ิน เงนิ ทนุ และแรงงานการปรับปรุงการใช้ปจั จยั การผลิต : Bought Inputs เกษตรกรมีผลกาไรสูงข้ึน ดงั น้ันในการปรับปรุงขั้นตอนตอ่ ไปจะทาอย่างไรเมือ่ ทา่ นทราบปัญหา และจุดออ่ นทางวชิ าการและท่านไดใ้ ห้คาแนะนาแลว้ ต่อไปนเี้ ป็นการลงทนุ โดยมกี ารปรับปรงุ เพมิ่ เตมิ ในการใช้ปัจจยั การผลิต (Bought
13Inputs) ตามจานวนเงนิ ทุนท่ีสามารถจะซื้อได้ เพอื่ ให้กาไรสูงขนึ้ กว่าเดมิ ปัจจัยการผลติ เหล่านไ้ี ด้แก่ พันธ์ุ ปุ๋ย ยา เคมี อาหารสัตว์ เป็นต้น โดยทั่ว ๆ ไปควรทาความเขา้ ใจทฤษฎีเรือ่ งปจั จยั การผลิตและทฤษฎที างเศรษฐศาสตร์ทใ่ี ชใ้ นการจัดการฟารม์ - ประเภทปจั จยั การผลติ ทางการเกษตร - ความสมั พนั ธ์ระหว่างปัจจยั การผลิตกบั ผลผลิต * กฎว่าด้วยผลตอบแทนท่ไี ม่ได้สดั สว่ น The Law of Non – Proportional Returns หรอื บางครงั้ เรียกว่า กฎวา่ ด้วยการเพ่มิ ขึ้นในอัตราทล่ี ดน้อยถอยลง The Law of Diminishing Returnsประเภทปจั จยั การผลิตทางการเกษตร ปจั จยั การผลติ ในการผลติ ทางการเกษตร แบง่ ออกได้ 2 ชนิด คอื 1. ปัจจัยคงท่ี (Fixed Inputs) ปัจจยั ทไ่ี มมกี ารเปลี่ยนแปลงในช่วงระยะเวลาที่ทาการผลิต ซึ่งปจั จัยการผลติ ประเภทน้ีจะทาการผลิตหรือไม่กต็ าม ผู้ผลติ จะต้องเสียค่าใชจ้ า่ ยในรปู ของเงินสดหรือไม่เปน็ เงินสดอยแู่ ล้ว เช่น ค่าเสอ่ื มราคาของอุปกรณ์และเครอื่ งจกั รกลการเกษตร คา่ ภาษีที่ดนิ เปน็ ต้น 2. ปจั จยั ผันแปร (Variable Inputs) คอื ปจั จยั ท่ีสามารถเปล่ยี นแปลงได้ (เพม่ิ หรือลด) ในช่วงระยะเวลาที่ทาการผลติ ซึง่ปจั จยั การผลติ ประเภทน้ี ถา้ หากทาการผลติ มากจะต้องใชป้ ัจจัยการผลิตมากและเสียค่าใชจ้ า่ ยมากดว้ ย ในทางตรงกันข้ามถ้าหากทาการผลติ นอ้ ยจะต้องใช้ปจั จัยการผลิตน้อยและเสยี คา่ ใช้จา่ ยนอ้ ยตามไปดว้ ย เช่น พนั ธุ์พืช พันธสุ์ ตั ว์ ปุ๋ย อาหารสัตว์ สารเคมี แรงงาน ค่าซอ่ มแซมอปุ กรณ์การเกษตร ค่าดอกเบี้ยเงนิ กู้ เป็นต้นความสัมพนั ธ์ระหวา่ งปัจจยั การผลิตกบั ผลผลติกฎวา่ ดว้ ยผลตอบแทนที่ไมไ่ ด้สัดส่วนหรือ กฎว่าดว้ ยการเพิ่มขน้ึ อย่างลดนอ้ ยถอยลงในการผลิตน้นั เมื่อใส่ปัจจัยผนัแปรใด ๆ เขา้ ไปในปจั จัยคงที่ที่มอี ยอู่ ย่างจากดั แล้วน้ัน ในตอนแรกผลผลติ ท้ังหมดจะเพิ่มข้ึนอย่างรวดเรว็ (ผลผลิตเพิ่มข้ึนในอัตราทีเ่ พิ่มข้ึน) ตอ่ ไปผลผลติ ทั้งหมดจะคอ่ ย ๆ เพมิ่ ขนึ้ อยา่ งลดน้อยถอยลง(ผลผลติ เพิ่มขนึ้ ในอัตราทีล่ ดลง)จนกระท่ังถงึ จุดหนง่ึ ผลผลติ ทง้ั หมดเรมิ่ ลดลง ในการใช้ปจั จัยการผลติ ทางการเกษตรนน้ั ตอ้ งมีการศึกษาและพิจารณาอยา่ งรอบคอบและมีหลักเกณฑ์ เพราะว่าการผลิตทางดา้ นการเกษตรนัน้ แตกตา่ งไปจากการผลติ ทางดา้ นอุตสาหกรรมโดยทั่วไปแล้วถา้ ต้องการผลผลติ มากก็ต้องใชป้ จั จัยการผลติ มากตามไปด้วย ในดา้ นการเกษตรถ้าใชป้ ัจจัยการผลติ มากหรอืมากเกินไป แทนทีจ่ ะได้ผลผลิตมากหรือเพ่มิ ข้นึ กอ็ าจจะลดลงได้ เพราะทางดา้ นการเกษตรนั้นเก่ียวข้องกับสง่ิ มีชวี ติ และมีปจั จัยทางธรรมชาติมากมายที่ไมส่ ามารถควบคมุ ได้ ขอยกตัวอย่าง ข้าว ถ้าใสป่ ุย๋ ในปรมิ าณต่าง ๆ กนั ผลผลิตจะเพมิ่ในระดบั ต่าง ๆ ดังแสดงในตัวอยา่ งน้ีระดับท่ี 1 2 3 4 5 6ปรมิ าณปยุ๋ ที่ใส่ (กก.) 0 10 20 30 40 50ผลผลิตตอ่ ไร่ (กก.) 180 220 280 300 310 300ใชป้ ยุ๋ เพ่ิม (กก.) 10 10 10 10 10ผลผลติ เพิ่ม 40 60 20 10 10
14จากตวั อย่างนีจ้ ะเห็นว่า การใช้ปุ๋ยในระยะแรก ๆ นนั้ ผลผลิตท้งั หมดเพมิ่ ข้นึ มาก ถา้ หากใชป้ ุ๋ยเกนิ 40 กก.ตอ่ ไร่หรือเกนิ ระดับท่ี 5 ผลผลิตทง้ั หมดจะลดลง เม่ือพิจารณาการเพิม่ ของผลผลติ แล้ว ผลผลิตเพมิ่ จะเพมิ่ ในอตั ราท่ลี ดลงเม่อื ใส่ปุ๋ยเกิน 20 กก.ตอ่ ไร่หรือเกนิ ระดบั ท่ี 3 ลักษณะนีเ้ รียกว่าการลดน้อยถอยลงของผลผลิตเพม่ิข้ันตอนท่ี 2 การใช้ปจั จัยการผลิต จะตอ้ งซื้อปจั จยั มาชว่ ยเพื่อจะทาใหผ้ ลกาไรสงู กวา่ เดมิ จะขอยกตัวอย่างการใช้ปุ๋ยเพ่อื เพม่ิ ผลผลติ ของข้าวทุก ๆกโิ ลกรัมของป๋ยุ ทใี่ ช้ ผลผลติจะสูงเพ่ิมมากขึ้นถึงระดับหน่ึง (ข้ึนอยู่กบั สภาพท้องถิ่น) ป๋ยุ กิโลกรมั แรกอาจจะได้ผลผลิตเพม่ิ ขึ้นกว่าป๋ยุ กิโลกรมั สุดท้าย ถ้าหากเพ่ิมจานวนปุย๋ มากขึ้นไปเรอื่ ย ๆ ผลผลติ ส่วนทเ่ี พม่ิ ขน้ึ จะเพิม่ ทลี ะนอ้ ย ๆ จนกระท่ังไม่เพิ่มข้ึนเลย ซ่ึงเรียกปรากฏการณ์เชน่ น้ีวา่ ผลตอบแทนไมไ่ ดส้ ดั สว่ นหรือลดน้อยถอยลง การท่ีจะเพิ่มผลผลติ ใหม้ ากข้ึนจนถงึ จุดสูงสดุ (Maximum Outputs) โดยการเพ่ิมจานวนป๋ยุ นั้นเป็นไปได้ แต่มไิ ด้หมายความวา่ จะเป็นสิ่งจาเป็นทจ่ี ะทาใหไ้ ด้ผลกาไรสงู สุด (Maximum Profit) ระดบั การผลิตท่จี ะทาให้เกษตรกรมผี ลกาไรน้นัข้ึนอยู่กบั ราคาของป๋ยุ ท่ีใชแ้ ละราคาของข้าว และเนอื่ งจากราคาเปลย่ี นแปลงอยู่เสมอ ระดบั หรือจานวนปัจจัยที่เกษตรกรใช้จงึ ต้องเปลย่ี นไปด้วย ตามท่ีกลา่ วว่าผลผลิตเพิ่มขน้ึ ทีละน้อย ๆ (จากจานวนปยุ๋ ทกุ ๆ กโิ ลกรมั ทีใ่ ชเ้ พ่มิ ) ผลผลติ เพิ่ม (MarginalProduct) ก็จะเพ่มิ อยู่เร่ือย ๆ เป็นการเพ่มิ ในอัตราทลี่ ดลง จนกระทัง่ ถึงระดบั หน่ึงผลผลติ เพมิ่ จะไมเ่ พิ่มขึ้น คอื จะเท่ากับศูนย์(0) ณ จดุ น้ผี ลผลติ เป็นการเพ่ิมขึน้ ในอัตราที่ลดลงทง้ั หมดจะสงู สุด ถ้าหากยังใส่ปัจจัย (ป๋ยุ )เขา้ ไปอกี ผลผลติ ทั้งหมดจะลดลง จากที่กลา่ วมาแล้วขา้ งต้นว่า จุดกาไรสูงสุดจะเก่ียวขอ้ งกับราคาปยุ๋ และราคาขา้ วทไ่ี ด้รับ ผลผลิตขา้ วท่ีเพ่มิ ข้ึนและปริมาณปุย๋ ทีใ่ ช้เพ่ิมขนึ้ ในแตล่ ะช่วงท่ีให้ผลผลิตขา้ วเพิ่มขึ้น แตผ่ ลผลิตสงู สุดเปน็ จุดท่ีผลผลิตข้าวที่เพิม่ ข้นึ ไม่มีการเพิ่มอีกแล้วหรอื เท่ากบั ศนู ย์ (0) ดังนน้ั จุดกาไรสงู สดุ มิใชเ่ ป็นจุดเดยี วกับจดุ ผลผลิตสงู สดุ กลา่ วโดยสรุป ระยะหรือชว่ งของการเพ่มิ ผลผลิตหรอื ผลไดจ้ ะมี 3 ระยะดังนี้ ระยะที่ 1 ผลผลิตหรือผลไดเ้ พ่ิมขึ้นอย่างรวดเรว็ (การเพิ่มขน้ึ ในอัตราท่เี พม่ิ ข้ึน) เรียกว่า Increasing Returns ระยะท่ี 2 ผลผลติ หรือผลไดเ้ พ่มิ ขน้ึ อย่างลดนอ้ ยถอยลง (การเพมิ่ ข้ึนในอัตราทล่ี ดลง) เรยี กวา่ Diminishing Returns
15ระยะที่ 3 ผลผลติ หรือผลได้ลดลง (การเพิ่มขึน้ เทา่ กบั ศนู ย)์ เรยี กวา่ Decreasing Returns) การแสดงกราฟความสัมพนั ธ์ระหว่างปจั จยั ผนั แปรกับผลผลติ ทไ่ี ดร้ ับในการใช้ปจั จัยผนั แปรท่รี ะดับต่าง ๆ >> ขดี จากัด (Constraints) และเงื่อนไขในการปรบั ปรุงฟาร์มข้นั ตอนที่ 2 << 1. จานวนเนื้อทีเ่ ทา่ เดิมไม่มีการขยายหรอื ลด 2. กิจกรรมพืชและสัตวเ์ หมือนเดิม รวมท้ังเนื้อทที่ ่ีดาเนินกิจกรรม 3. ใชแ้ รงงานใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพและเน้นการใชแ้ รงงานในครอบครัว 4. อาศยั นา้ ฝน (ข้ึนอยู่กบั สภาพฟารม์ เดิม) 5. ราคาผลผลิตเทา่ เดมิ 6. มกี ารเพิ่มทนุ ได้ในการซ้อื ปัจจัยการผลิต แต่ต้องอยใู่ นกาลงั ความสามารถของเกษตรกร >> ศกั ยภาพ (Potentials) ในการปรบั ปรงุ ฟารม์ ขน้ั ตอนท่ี 2 << เกษตรกรสามารถมีการเพ่มิ เงินทนุ ในการซื้อปจั จัยการผลติ ได้ แตต่ ้องอยใู่ นกาลังความสามารถและการตดั สนิ ใจของเกษตรกรวา่ จะเพ่ิมทนุ ไดอ้ กี สกั เทา่ ไร โดยเนน้ ในหลักการงา่ ย ๆ ว่า ทุนท่ีเพม่ิ ขึ้นจากการใส่ปจั จยั ลงไป ควรจะนอ้ ยกว่ารายไดท้ ่ีเพิ่มข้ึนจากการเพมิ่ ทุนลงไป แนวทางในการทาแผนปรบั ปรุงฟาร์มข้นั ตอนที่ 2 1. จดั ทาแผนปฏทิ ินการปลูกพชื และเลี้ยงสตั ว์ 2. คานวณค่าใช้จา่ ยการผลติ แตล่ ะกจิ กรรม (งบประมาณ) 3. คาดคะเนผลผลติ ทเ่ี พ่มิ ขน้ึ จากการปรบั ปรุงโดยใช้ปจั จยั การผลิต 4. ยึดถอื ราคาผลผลติ เท่าเดมิ 5. คานวณหากาไร (Gross Margin)
16 6. ทาแผนการใช้เงินทนุ กระแสเงนิ สด (Cash Flow) 7. ให้คาแนะนาทางวชิ าการประกอบแผนการผลติ 8. ทาแผนการใช้แรงงานและกระจายแรงงาน ถ้ามขี ้อมูลและมีความจาเป็น 9. หาผลตอบแทนการใชท้ ่ดี ิน เงินทนุ และแรงงานท่คี ุ้มคา่ ที่สดุขัน้ ตอนท่ี 3 การทดแทน และปรับเปลี่ยนกิจกรรมใหม่ (New Enterprise and Substitution) สาหรบั การปรบั ปรงุ ขนั้ ตอนท่ี 3 เปน็ การเลอื กกิจกรรมหรอื ทดแทนกจิ กรรมใหไ้ ด้กาไรของฟารม์ มากขนึ้ เราควรจะทาความเข้าใจเบื้องต้นของลักษณะแต่ละกิจกรรมทมี่ ผี ลตอ่ กนั เพื่อจะชว่ ยให้ มปี ระสิทธภิ าพในการผลติ1. เลอื กกิจกรรม การเลือกกจิ กรรม หมายถึง การเลือกพชื ทจ่ี ะปลูกด้วยกัน หรืออาจจะมีการเลี้ยงสัตวป์ ระกอบเขา้ ดว้ ยกนั ในการผลติหลาย ๆ อย่างน้ัน เพอ่ื ทีจ่ ะลดความเสยี่ ง เพราะการผลติ ทางการเกษตรมคี วามเส่ยี ง เช่นกิจกรรมใดกจิ กรรมหน่ึงลม้ เหลว กย็ งัมีกจิ กรรมอื่นมาทดแทนได้ แต่ในบางครงั้ การทากิจกรรมหลาย ๆ อย่างถา้ หากว่าเกษตรกรไมพ่ รอ้ มหรือขดี ความสามารถจากดัสภาพความเหมาะสมและทรัพยากรไม่เออื้ อานวยก็อาจจะทาให้กิจกรรมท้ังหมดล้มเหลวได้ ดงั นนั้ ควรพิจารณาให้รอบคอบเสยี ก่อนการเลอื กกจิ กรรมที่ทาร่วมกนั ซ่ึงพอแยกความสัมพนั ธ์ออกได้ดังน้ี 1.1 กจิ กรรมทเ่ี ปน็ ศัตรูซึง่ กันและกนั (Antagonistic Enterprise) กิจกรรมชนดิ น้เี มื่อนาเขา้ ไปในฟารม์ แล้วจะมีผลกระทบกระเทือนต่อกิจกรรมอน่ื ๆ โดยอาจจะนาเชือ้ โรค หรอื เปน็ ตัวพาหะ หรือทาลายซึ่งกันและกัน (ศัตรู) เชน่การเลย้ี งปลากนิ เนอ้ื (ปลาชอ่ น ปลาดุก) กบั ปลากินพชื (ปลานลิ ) หรือการเลีย้ งปลาน้าเคม็ ในแถบชายทะเลและชกั น้าเข้าร่องสวน นา้ เค็มในร่องสวนที่เล้ยี งปลา จะทาให้สวนผลไมต้ ายได้ เปน็ ต้น 1.2 กจิ กรรมท่แี ขง่ ขนั กนั (Competitive Enterprise) กจิ กรรมท่แี ข่งขันในด้านการใชท้ รัพยากร ธรรมชาติในการผลติเชน่ การปลกู หอมแดงกบั กระเทยี มในแถบภาคเหนอื หากมกี ารปลูก พืชหอมแดงก็ตอ้ งลดเน้ือทปี่ ลูกกระเทียมเน่ืองจากท่ีดนิ เป็นปจั จัยการผลิตทจ่ี ากดั หรือการใชแ้ รงงานในการปลกู ขา้ วโพดกบั ถว่ั ลสิ งหรอื ฝ้ายรวมกัน พชื ทัง้ สองชนิดมักมีความต้องการใช้แรงงานในคราวเดียวกัน ฉะน้ันกิจกรรมท้งั สองตวั อย่างน้ี จงึ ต้องแย่งเรื่องทด่ี ินและแรงงาน เปน็ ต้น 1.3 กจิ กรรมทสี่ นับสนุน (Complementary Enterprise) กิจกรรมทท่ี าดว้ ยกนั อานวยประโยชน์ใหก้ ันและกนั ในแง่ของผลผลิตหรอื สิง่ พลอยได้ ซึง่ ก่อใหเ้ กิดประโยชน์ซ่ึงกันและกนั การปลูกถ่ัวเหลืองกับข้าวโพดหรือฝา้ ย การปลูกผัก เลย้ี งสกุ รเศษผกั ใหห้ มกู ิน สว่ นมูลหมใู ช้เป็นปุ๋ยคอกในสวนผัก
17 1.4 กิจกรรมทเ่ี ป็นอิสระซ่ึงกนั และกัน (Independent Enterprise) กิจกรรมซงึ่ ไมม่ คี วามสมั พันธ์เกย่ี วขอ้ งกันกบักจิ กรรมอ่นื เลย เชน่ การปลกู มันสาปะหลงั การเลี้ยงปลา การเลย้ี งไกก่ ับสวนมะพรา้ ว ซงึ่ ใน ช่วงระยะแรก ๆ อาจจะมีผลต่อกันในแงข่ องแรงงานและทนุ แต่ในระยะยาวไมค่ ่อยจะมผี ล เพราะชว่ งเกบ็ เก่ยี วตา่ งกนั ซึง่ สามารถหลบหลีกได้ 1.5 กจิ กรรมแทรก (Supplementary Enterprise) กิจกรรมทเ่ี พมิ่ เข้าไปเพอ่ื ให้มกี ารใช้ปัจจัยการผลติ ใหเ้ ตม็ ท่ี แตจ่ ะไม่ มผี ล กระทบกระเทือนต่อการเพิ่ม ผลผลิตและรายได้ เชน่ การเลีย้ งหมู และไก่ ในบรเิ วณเดียวกนั การทาสวน ครัว และปลูกพืชร้ัวกนิ ได้เปน็ ตน้ เปน็ การใช้เวลาวา่ งให้เกิดประโยชน์ และใช้ปัจจยั ให้มีประสทิ ธิภาพ ไม่มี การเออื้ อานวยหรอื แขง่ ขนั กัน 2. หลกั การเลือกกิจกรรมเขา้ ดว้ ยกัน 2.1 พจิ ารณาถงึ รายได้ 2.1.1 เลือกกจิ กรรมหลกั (Main Enterprise) กิจกรรมหลักหรอื กจิ กรรมใหญ่เป็นกจิ กรรมท่สี ามารถ เขา้ กนั กับกิจกรรมยอ่ ยได้ และรายได้สว่ นใหญม่ ากจากกจิ กรรมหลกั น้ี 2.1.2 เลือกกิจกรรมรอง (Minor Enterprise) กิจกรรมรองทส่ี ามารถเอื้ออานวยประโยชน์กบั กิจกรรมหลักได้คือ สนับสนุน (Complement) หรอื เสริมกจิ กรรมยอ่ ยอื่น ๆ ไดด้ ้วยรายได้ของฟาร์มจะเปน็ รายไดร้ องจากกิจกรรมหลัก 2.1.3 เลอื กกิจกรรมแทรก (Supplementary Enterprise) กิจกรรมย่อย ๆ เปน็ การเสริมรายไดแ้ ละเพอ่ื ใหเ้ กิดการใช้ปจั จยั การผลิตให้มปี ระสิทธิภาพและเต็มท่ี กจิ กรรมชนิดนอ้ี าจจะเพ่ิมรายไดเ้ พียงเลก็ น้อยหรอื ไมเ่ พ่ิมเลยก็ได้ หรอือาจจะใช้บรโิ ภคภายในครัวเรือนเท่านั้น 2.2 พจิ ารณาถึงการใชป้ จั จัยการผลิตและอืน่ ๆ 2.2.1 ควรใหม้ กี ารใช้ท่ดี ินตลอดปี 2.2.2 ควรให้มกี ารใช้แรงงานในครอบครัวให้มากท่สี ุดและแรงงานอ่นื ๆ เปน็ ไปอยา่ งสม่าเสมอตลอดปี2.2.3 ควรใหม้ กี ารใช้เงนิ ทุนหมุนเวียนอยตู่ ลอดเวลาและมีรายไดแ้ ละกาไรสมา่ เสมอ2.2.4 ควรพจิ ารณาถงึ เงินทุนทีม่ ีจากดั2.2.5 ควรใหม้ ีการใช้เคร่ืองจกั รกลการเกษตรสม่าเสมอ2.2.6 ควรใหม้ โี อกาสสามารถเปลย่ี นแปลงทางเลือกหรอื ปรบั ปรงุ กจิ กรรมได้ตลอดเวลา ตามสถานการณ์เช่น การปลกู หมนุ เวยี น การปลกู พืชสลบั การปลูกพืชเหล่อื มกัน 2.2.7ควรใหม้ ีการทากิจกรรมแบบผสมผสาน เอือ้ อานวย และใช้ประโยชน์จากกันและกัน>> ขดี จากดั (Constraints) และเง่อื นไขในการปรบั ปรงุ ฟาร์มขนั้ ตอนท่ี 3 <<
18 1. จานวนเน้ือท่ีเท่าเดิม แต่สามารถเพิ่มหรือลดในแต่ละกิจกรรมตามความต้องการได้ เมอ่ื รวมเนื้อท่ขี องกจิ กรรมทง้ั หมดแลว้ จะตอ้ งเท่าเดมิ เหมอื นครง้ั แรก 2. สามารถเปลย่ี นแปลงกจิ กรรมทดแทนหรือปรับปรุงได้ 3. ใช้แรงงานให้มีประสิทธภิ าพ เน้นการใชแ้ รงงานในครอบครวั 4. อาศัยน้าฝน (ขึ้นอยู่กับสภาพฟาร์มเดมิ ) 5. ราคาผลผลิตเทา่ เดมิ 6. กาไรของฟารม์ จะต้องมากกว่าเดมิ >> ศกั ยภาพ (Potentials) ในการปรบั ปรุงฟาร์มขนั้ ตอนท่ี 3 << เกษตรกรสามารถเพ่มิ เงนิ ทนุ ปรับปรุงเปลย่ี นแปลง และทดแทนกจิ กรรมได้ หากพิจารณาว่ากจิ กรรมเกา่ ไม่สามารถทารายได้ หรือมีปญั หาด้านการตลาด หรอื ราคาผลผลติ ตกต่า หรอื เป็นกิจกรรมท่ีแย่งทรัพยากรกบั กจิ กรรมอ่นื ๆภายในฟาร์ม นอกจากนี้ยังสามารถนาความรูเ้ รื่องระบบการปลูกพืช เชน่ การปลกู พชื หมุนเวียน การปลูกพชื แซม การปลูกพชื เหล่อื มฤดูเปน็ ต้น มาผสมผสานในระบบการผลติ ของฟารม์ตลอดจนผสมผสานด้านพชื สัตว์ และประมงในลักษณะเกษตรผสมผสาน แนวทางในการทาแผนปรบั ปรงุ ฟารม์ ข้ันตอนท่ี 3 1. จัดทาแผนปฏทิ ินการปลกู พืชและเล้ียงสัตว์ 2. คานวณค่าใชจ้ า่ ยการผลิตแต่ละกจิ กรรม (งบประมาณ) 3. คาดคะเนผลผลติ ทีเ่ พิม่ ขึ้นจากการปรบั ปรุง 4. ยึดราคาผลผลิตเทา่ เดมิ ตามชนิดของผลผลิต 5. รายไดร้ วมและกาไรรวมจะตอ้ งมากกว่าเดิมจากข้ันตอนที่ 2 6. คานวณหากาไร (Gross Margin) แต่ละกิจกรรม 7. ทาแผนการใช้เงินทุน กระแสเงนิ สด (Cash Flow) 8. ให้คาแนะนาทางวชิ าการประกอบกจิ กรรมใหมห่ รือปรบั ปรุง 9. ทาแผนการใชแ้ รงงานและกระจายแรงงาน ถา้ มีขอ้ มลู และมคี วามจาเปน็ 10. หาผลตอบแทนการใช้ทดี่ ินเงนิ ทนุ และแรงงานขน้ั ตอนที่ 4 การลงทนุ ในทรัพยส์ ินถาวร (Investment) การปรบั ปรงุ ขน้ั ตอนที่ 4 น้ี เป็นการทดแทนกจิ กรรมในสภาพทมี่ ีน้าชลประทาน เราสามารถวางแผนใหม้ ีกจิ กรรมตลอดทัง้ ปี อย่างน้อยทสี่ ดุ สามารถส่งเสรมิ วางแผนปลูกพืชและเล้ยี งสัตว์ไดถ้ ึง 2 – 3 ครั้งในรอบ 1 ปี โดยผวู้ างแผนมีอิสรเสรใี นการวางแผนตามภาวะจากัดของการตลาด ขีดจากัดของทรพั ยากรและความสามารถทางวชิ าการทีม่ อี ยู่ ตลอดจนภาวะของสงั คมในท้องถิ่น เนอ่ื งจากมีนา้ ชลประทานจึงอาจจะมีการซอ้ื เครอ่ื งสบู น้าและทอ่ สง่ นา้ บ้างและเนื่องจากมีกจิ กรรมมากขึ้น ต้องทางานแข่งกบั เวลา กอ็ าจจะมกี ารซือ้ รถไถเดนิ ตาม เครอ่ื งพน่ สารเคมี เปน็ต้น ปัจจยั เหลา่ นี้ถอื วา่ เป็นการลงทุนในทรพั ย์สนิ ถาวร การลงทุนดา้ นนี้จึงจาเป็นต้องพิจารณาให้รอบคอบเสยี ก่อนกอ่ นท่ีจะตัดสินใจซื้อหรอื สรา้ ง เช่น การซื้อรถแทรกเตอรม์ าใช้ต้องพิจารณาว่า ซ้ือรถแทรกเตอร์ที่ใชแ้ ล้ว ราคาถูกหรือจะซ้ือของใหม่ หรือเชา่ รถแทรกเตอร์ นอกจากนีใ้ นการสร้างโรงเรือนหรือคอกสตั ว์ก็เช่นเดียวกนั จะต้องพจิ ารณาว่า จะสรา้ งอยา่ งดีสามารถใชง้ านได้หลาย ๆ ปี หรอื จะสร้างอย่างปานกลางและราคาถกู การลงทุนดังกลา่ วค่อนขา้ งจะใช้เงนิ ทนุ จานวนมากก่อให้เกิดความยุ่งยากในการตัดสนิ ใจพอสมควรว่าควรจะลงทุนในปัจจุบันหรือจะลงทุนในอนาคต และอาจจาเปน็ ต้องอาศัย
19แหล่งเงินทนุ ซ่ึงเก่ียวกบั ระบบสินเชื่อ อย่างไรก็ตามขน้ั ตอนนค้ี ่อนขา้ งจะเป็นระดบั ท่เี กษตรกรมเี งินทนุ พรอ้ มในการลงทนุ การผลติ การปรับปรงุ ขั้นตอนท่ี 4 การลงทุนในทรัพย์สนิ ิถาวร หากมกี ารลงทุนในทรัพยส์ ินถาวรแล้วผูว้ างแผนหรือเจา้ ของฟารม์ ควรมคี วามร้ทู างด้นเศรษฐศาสตร์ ดังตอ่ ไปนี้ 1. ระบบการผลิตโดยเทคโนโลยสี มยั ใหม่ 2. ภาวะการผลติ และการตลาด 3. ระบบธนาคาร แหลง่ สินเชื่อและประเภทของเงนิ ทุน 4. มูลคา่ เงินปจั จบุ ันและมูลค่าเงนิ ในอนาคต 5. สินเชอื่ และการคดิ อตั ราดอกเบย้ี ในระบบการกู้ยมื 6. คา่ เส่ือมราคา ค่าเสียโอกาส 7. จุดคุม้ ทนุ 8. ค่าใชจ้ า่ ยคงที่และผนั แปร 9. การจัดการและบรหิ ารฟารม์ 10. อื่น ๆ >> ขดี จากัด (Constraints) และเงอ่ื นไขในการปรบั ปรงุ ฟาร์มขน้ั ตอนที่ 4 << 1. จานวนเนอ้ื ทส่ี ามารถเปลย่ี นแปลงได้ 2. สามารถเปลย่ี นแปลง ทดแทนกจิ กรรมได้ 3. มีการจา้ งแรงงาน และใชเ้ ครือ่ งจักรกลการเกษตรได้ 4. เน้นการใชแ้ รงงานในครอบครวั เป็นอนั ดับแรก 5. อาศัยแหล่งน้าชลประทาน บ่อบาดาล สระนา้ คลอง ทั้งนขี้ ึ้นอยู่กับสภาพฟาร์มเดมิ 6. ราคาของผลผลติ เท่าเดิม 7. กาไรรวมของฟารม์ จะต้องสงู ข้ึนมากกว่าเดิม >> ศักยภาพ (Potentials) ในการปรบั ปรงุ ฟาร์ม ขนั้ ตอนที่ 4 << เกษตรกรสามารถมีเงินทุนเพ่มิ ซ่งึ อาจจะหามาไดจ้ ากการจาหน่ายผลิตผลการเกษตรในรอบปที ่ีผา่ นมา หรอื เงินออม หรือกองทนุ หมุนเวียนตา่ ง ๆ หรือขอรับบรกิ ารสนิ เช่ือจากภาครัฐบาลและเอกชน ในการลงทนุ ทรัพย์สินถาวร เชน่
20 เคร่อื งสบู น้าและทอ่ ส่งน้า รถไถเดินตาม เครือ่ งพน่ สารเคมี เคร่อื งเกบ็ เกี่ยว เคร่อื งนวดหรอื กะเทาะเมล็ด เคร่ืองผสมอาหาร เคร่ืองรดี นม โรงเรือน เก็บผลผลติ รถแทรกเตอร์ เปน็ ต้น เนื่องจากโครงสร้างปจั จยั พ้ืนฐานเอ้อื อานวย เช่นระบบน้าชลประทาน ถนนหนทางสะดวก ระบบไฟฟา้ และนา้ ประปาระบบตลาดและสินเชื่อ ตลอดจนสถาบนั การศึกษาและวิจัย ระบบขา่ วสารและเทคโนโลยสี ารสนเทศ เทคโนโลยี (InformationTechnology) เป็นต้น นอกจากน้ีแล้วการผลตทิ างการเกษตรมีการผลิตในเชิงการค้ามากขน้ึ มธี รุ กจิ ของกิจกรรมภายในฟาร์มมากขนึ้ แรงงานมีจากดั ดังนั้นการแข่งขนั เชิงการผลิตและการคา้ จงึ มมี ากข้ึนด้วย จึงทาใหร้ ะบบการผลติ ทเี่ ปน็ อยตู่ อ้ งปรับปรงุ เปลย่ี นแปลงให้ทนั สมัยและทางานแข่งกบั เวลา เพอ่ื ให้ไดส้ ินคา้ ท่ีมคี ุณภาพดี ตรงตามความต้องการของตลาด >> แนวทางในการทาแผนปรบั ปรงุ ฟารม์ ขั้นตอนท่ี 4 ใชข้ ้อเดยี วกบั ขัน้ ตอนท่ี 3 <<แนวทางการวิเคราะห์และสง่ เสรมิ การวางแผนการผลิต จากแผนท่ไี ด้วางไว้นนั้ จะเป็นจรงิ ไดจ้ ะตอ้ งอยูบ่ นพื้นฐานของความเป็นไปได้หลายอยา่ ง ก่อนทจ่ี ะนาแผนไปใช้เราจะตอ้ งพิจารณาและวิเคราะห์ก่อนวา่ แผนนั้นมคี วามเป็นไปได้มากน้อยเพียงไร และอะไรบา้ งจะตอ้ งเส่ียงอนั เน่ืองมาจากข้อมลู ท่ีเราไดม้ าไม่ชัดเจน หรอื ยงั ไมผ่ า่ นการพสิ จู น์ และยังขาดข้อมลู อะไรบ้าง ดังน้ันขอ้ มลู จากฟาร์มทจ่ี ะนามาวางแผนถือไดว้ า่ เป็นสิ่งสาคัญทสี่ ดุ ในการวางแผน หากข้อมลู เปน็ ข้อมลู ทแี่ ท้ จริงจากฟาร์มถูกต้องมากเทา่ ไร และมากพอทจี่ ะนามาวางแผนได้ แผนที่เกิดขึ้นกจ็ ะมีความถูกต้องและมีประสิทธภิ าพมากขึ้นตามไปดว้ ย ในการวางแผนการส่งเสริมอาจจะไมเ่ หมือนกับการวางแผนในการฝึกปฏิบตั ิ สาหรับการฝกึ ปฏบิ ัตนิ ้ันได้แบง่ออกเป็นขั้นตอนต่าง ๆ โดยเร่ิมจากการเกบ็ และรวบรวมขอ้ มูล วิเคราะหข์ อ้ มลู กอ่ นการปรับปรงุ การปรับปรงุ ข้ันตอนที่ 1วชิ าการทีไ่ ม่ตอ้ งลงทุน การปรบั ปรงุ ขัน้ ตอนท่ี 2 การใช้ปจั จัยการผลิต การปรับปรุงขัน้ ตอนที่ 3 การทดแทนกิจกรรม และการปรับปรงุ ขน้ั ตอนที่ 4 การลงทุนในทรัพย์สนิ ถาวร ข้ันตอนเหลา่ เกิดจากผู้ศกึ ษาสภาพการเกษตรทวั่ ๆ ไปในไรน่ านามาแบง่ ขั้นตอนเพือ่ ให้เห็นภาพพจน์ เปน็ ข้ันตอนและมีหลกั เกณฑ์ เพ่อื ใช้ ในการฝกึ ปฏบิ ัติให้ผ้ฝู กึ เห็นรูปแบบ และ
21พฒั นาความรูป้ รบั ปรุงไร่นาเปน็ ข้ันตอนจากฟาร์มทไี่ ม่มคี วามยุง่ ยาก จนกระทั่งมกี ารลงทนุ และสลบั ซบั ซอ้ นข้ึนตามลาดับ แต่ในสภาพความเป็นจริงฟาร์มของเกษตรกรไม่จาเปน็ จะต้องเร่มิ จากขั้นตอนท่ี 1 แลว้ พัฒนา ปรับปรุงมาเป็นขั้นตอนท่ี 2 หรือขั้นตอนท่ี 3 หรือข้ันตอนท่ี 4 ตามลาดบั ฟาร์มของเกษตรกรหรอื สภาพ ความเป็นจรงิ ในทอ้ งถิ่นจะอยู่ไหนก็ได้ นอกจากน้ี ฟาร์มของเกษตรกรอาจจะไมไ่ ดอ้ ย่ใู นขัน้ ตอนใดเลยกล่าวคอื มีส่วนของข้ันตอนต่าง ๆ ปะปนกันไปกไ็ ด้ฉะนนั้ นกั ส่งเสริมควรจะใชว้ จิ ารณญาณวินิจฉยั ว่า ควรจะทาอยา่ งไร เพอ่ื ทจี่ ะปรับปรุงฟาร์มให้ดขี ้ึน มกี าไรมากข้ึน ในทางปฏิบตั ินกั ส่งเสริมอาจจะใชแ้ นวข้ันตอนต่าง ๆ ทเ่ี รยี นรจู้ ากการฝึกอบรมมาผสมผสานกันทกุ ข้ันตอนหรือบางขั้นตอน หรือใช้ประสบการณ์ ความรู้ของตนเองหรือความร้ตู า่ ง ๆ ทีไ่ ด้รบั มา ตลอดจนเอกสารหรอื คาแนะนาต่าง ๆ มาประกอบการวางแผนสง่ เสรมิ ในการปฏบิ ตั ิจรงิ จะขอยกตวั อย่างฟาร์มของเกษตรกรรายหน่งึ ซึง่ จากการเกบ็ ข้อมลู จากฟาร์มดังกล่าว เกษตรกรรายน้ีอาจจะมี การใช้ปจั จัยการผลติแล้ว เช่น ปุ๋ย สารเคมี พันธ์ดุ เี ป็นต้น มีการปลูกพืช เลยี้ งสตั ว์ หลายชนดิ อาศยั นา้ ชลประทาน แตผ่ ลผลิตยงั ไม่ดพี อ นกั สง่ เสริมตอ้ งวิเคราะห์ ฟาร์มดวู า่ อะไรบา้ งท่ี นกั ส่งเสรมิ จะช่วยได้ อะไรยงั เป็นปัญหาอยู่เช่น อาจจะเปน็ ปญั หาด้านวชิ าการ ฤดูกาลปลูก ช่วงการเกบ็ เกี่ยว ระยะปลูก การเตรยี มดนิ หรือการใชป้ จั จัยการผลติ อาจจะมากไปไม่คุม้ กับรายได้ทไ่ี ดร้ บั เป็นต้น จากท่กี ล่าวมาแล้ว ขอ้ มลู จะมคี วามสมั พันธ์ กบั การวางแผนและงบประมาณฟารม์ ถา้ ข้อมลู ดี การวางแผนก็จะดตี ามไปด้วย ดงั นน้ั อยากจะ ใหน้ กั ส่งเสริมตระหนกั และไตร่ตรองให้มากโดยเฉพาะข้อมลู จากการทดลองและแหลง่ อนื่ ๆ ทจี่ ะนามาใชว้ า่ มีความแตกตา่ งจากสภาพฟารม์ ท่เี ปน็ จรงิ สกั เท่าไร และมีอะไรบา้ งทเี่ ป็นขดี จากัด
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: