Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่-1

บทที่-1

Published by ปวริศ เรืองฉิม, 2020-10-20 06:30:44

Description: บทที่-1

Search

Read the Text Version

1 บทที่ 1 ความรพู้ ้ืนฐานเก่ียวกบั คอมพิวเตอร์ 1.1 ความหมายและคณุ ลกั ษณะที่สาคญั ของคอมพิวเตอร์ พจนานกุ รม ฉบับเฉลิมพระเกียรติ พทุ ธศักราช 2530 ใหค้ วามหมาย ของคอมพิวเตอรไ์ วว้ ่า \"เคร่ืองอิเล็กทรอนิกสแ์ บบอัตโนมัติทาหนา้ ท่ีเหมือนสมองกล ใชส้ าหรับแกป้ ัญหาตา่ งๆ ทงั้ ท่ีงา่ ยและซับซอ้ นโดยวิธที างคณิตศาสตร\"์ พจนานกุ รมไทย มานติ มานติ เจริญ ใหค้ วามหมายของคอมพิวเตอร์ไว้ ว่า \"เคร่ืองคานวณแบบอตั โนมตั ิ สมองกล \" คอมพิวเตอร์มาจากภาษาละติว่า Computer หรือตรงกับภาษาไทยว่า \"คณิตกรณ์\" ซ่ึงหมายถึง การนับ การคานวณ ดังนั้น คอมพิวเตอร์จึงเป็ น เคร่ืองจักรอิเล็กทรอนกิ สท์ ่ีถกู สรา้ งขนึ้ เพ่ือทางานแทนมนษุ ยใ์ นดา้ นการคิดคานวณ และสามารถจดจาขอ้ มลู ท่เี ป็ นตัวอักษร ตัวเลขเพื่อการใชง้ านในคร้ังต่อไปนอกจากนี้ ยังสามารถจัดการกับสัญลักษณ์ไดด้ ว้ ยความเร็วสงู โดยปฏิบัติตามขน้ั ตอนการ สัง่ งานของโปรแกรม มีความสามารถในการรับ - ส่งขอ้ มูล การเปรียบเทียบ ประมวลผลขอ้ มลู จัดเก็บขอ้ มลู ไวเ้ พื่อนามาใชใ้ นครั้งต่อๆไป รปู ที่ 1.1 ไมโครคอมพิวเตอร์ ไมโครคอมพิวเตอร์ (Micro Computer) หรือคอมพิวเตอร์พีซี (PC :Personal Computer) หรือดิจิตอลคอมพิวเตอร์ (Digital Computer) หมายถึง คอมพิวเตอร์ ส่วนบคุ คลที่ใชก้ นั ทวั่ ๆ ไป

2 คณุ ลกั ษณะที่สาคญั ของคอมพิวเตอร์ 1. ทางานโดยอตั โนมตั โิ ดยโปรแกรมท่มี นษุ ยเ์ ขยี นขนึ้ 2. ทางานไดห้ ลายอย่างตามโปรแกรมทมี่ นษุ ยเ์ ขยี นขน้ึ 3. ประกอบดว้ ยอปุ กรณอ์ ิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งแตกต่างจากเครื่องจักรกลโดยทวั่ ไป เพราะเครื่องจักรกลหรือเคร่ืองยนต์ เม่ือทางานชิ้นส่วนต่างๆ จะตอ้ งเคล่ือนไหว ซึ่ง อปุ กรณอ์ ิเล็กทรอนกิ ส์ เช่น ทรานซิลเดอร์ วงจรไอซี และซีพียู จะทางานโยไม่เคลื่อนไหวเลย (ยกเวน้ พัดลมภายในเคสที่ตอ้ งระบายความรอ้ น) 4. เป็ นระบบดิจิตอล (Digital) คาว่า Digital มาจากคาว่า “Digit” ซ่ึงแปลว่า ตัวเลข ขอ้ มลู ท่ปี ้ อนเขา้ เคร่ืองคอมพิวเตอรไ์ ม่ว่าจะเป็ น ตวั อักษร ตวั เลข หรือสัญลักษณต์ ่างๆ จะ ถกู แปลงเป็ นตวั เลขทง้ั หมดก่อนท่ีเครื่องจะทาการประมวลผล ดังนนั้ จึงเรียกคอมพิวเตอร์ ว่า “ดิจิตอลคอมพิวเตอร”์ 5. ทางานด้วยความเร็ว ถูกต้อง และแม่นยา หน่วยวัดความเร็วของ คอมพิวเตอร์ - มิลลิเซกัน (Millisecond) เปรียบเทียบความเร็วเท่ากับ 1/1,000 วินาที หรือของวินาที - ไมโครเซกนั (Microsecond) เปรียบเทียบความเร็วเท่ากบั 1/1,000,000 วินาที หรือของวินาที - น า โ น เ ซ กั น ( Nanosecond) เ ป รี ย บ เ ที ย บ ค ว า ม เ ร็ ว เ ท่ า กั บ 1/1,000,000,000 วินาที หรือของวินาที 6. มีหนว่ ยความจาภายใน ซึ่งมีหนา้ ท่ีเก็บโปรแกรม หรือชดุ คาสงั่ และเก็บขอ้ มลู ไวใ้ นเคร่ืองคอมพิวเตอร์เพื่อประมวลผลตามคาสัง่ ต้ังแต่คาสัง่ แรกจนถึงคาสัง่ สดุ ทา้ ย จนกระทงั่ แสดงผลลพั ธท์ ่แี สดงจอคอมพิวเตอรห์ รือเครื่องพิมพ์ 7. มีความนา่ เชื่อถือ หมายถึง ความสามารถในการประมวลผลใหเ้ กิดผลลพั ธท์ ่ี ถกู ตอ้ ง ซึ่งเก่ียวขอ้ งกบั ชดุ คาสงั่ หรือโปรแกรม และขอ้ มลู ท่ีป้ อนเขา้ ส่คู อมพิวเตอร์เพื่อนาไป ประมวลผลหากป้ อนขอ้ มลู ผิดพลาด ผลลพั ธท์ ไ่ี ดก้ ็ไม่ถกู ตอ้ งดว้ ย 8. มีความสามารถในการทางานซ้าๆ ช่วยลดปัญหาเรื่องความเม่ือยลา้ จากการ ทางานดว้ ยแรงงานมนษุ ยน์ อกจากนนั้ ยงั ลดความผิดพลาดต่างๆไดเ้ ป็ นอย่างดี ขอ้ มลู ที่ใช้ ในการประมวลผล แมจ้ ะมีขนั้ ตอนที่ย่งุ ยากและซับซอ้ น คอมพิวเตอร์จะคานวณและหา ผลลพั ธไ์ ดอ้ ย่างรวดเร็ว

3 1.2. ยคุ ของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอรแ์ บ่งเป็ น 5 ยคุ คอมพิวเตอรย์ คุ ที่ 1 (First Generation Computer) พ.ศ. 2488 ถึง พ.ศ. 2501 เป็ นคอมพิวเตอรท์ ี่ใชห้ ลอดสญุ ญากาศซึ่งใชก้ าลังไฟฟ้ าสงู จึงมีปัญหาเรื่องความ ร้อนและไสห้ ลอดขาดบ่อย ถึงแม้จะมีระบบระบายความร้อนท่ีดีมาก การสัง่ งานใช้ ภาษาเครื่องซ่ึงเป็ นรหัสตัวเลขที่ย่งุ ยากซับซอ้ น เคร่ืองคอมพิวเตอร์ของยคุ นี้มีขนาด ใหญโ่ ต เชน่ มารค์ วนั (MARK I), อีนแิ อค (ENIAC), ยนู แิ วค (UNIVAC) รปู ท่ี 1.2 หลอดสญุ ญากาศ รปู ที่ 1.3 เครอ่ื ง Mark 1 รปู ที่ 1.4 เครอื่ ง ENIAC รปู ท่ี 1.5 เครอื่ ง UNIVAC คอมพิวเตอร์ยคุ ท่ี 2 (Second Generation) พ.ศ. 2502 ถึง พ.ศ. 2506 เป็ นคอมพิวเตอร์ที่ใชท้ รานซิสเตอร์ โดยมีแกนเฟอร์ไรท์เป็ นหน่วยความจา มี อุป ก ร ณ์เ ก็ บ ข้อ มูล ส า รอ ง ใ น รูป ขอ ง สื่ อ บั น ทึ กแ ม่ เ ห ล็ ก เ ช่ น จ า นแ ม่ เ ห ล็ ก

4 คอมพิวเตอรย์ คุ ท่ี 2 (Second Generation) พ.ศ. 2502 ถึง พ.ศ. 2506 เป็ นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ทรานซิสเตอร์ โดยมีแกนเฟอร์ไรท์เป็ น ห น่ว ย ค ว า ม จ า มี อุป ก ร ณ์เ ก็ บ ข้อ มูล ส า ร อ ง ใ น รูป ข อ ง สื่ อ บั น ทึ ก แม่เหล็ก เช่น จานแม่เหล็ก รปู ที่ 1.6 ทรานซซิสเตอร์ (Transistor) คอมพิวเตอรย์ คุ ท่ี 3 (Third Generation Computer) พ.ศ. 2507 ถึง พ.ศ. 2512 มีการประดิษฐ์คิดคน้ เก่ียวกับวงจรรวม (IC Integrated Circuit) วงจรเหล่านส้ี ามารถวางลงบนชิปเล็กๆ เพียงแผ่นเดียวและนาชิป เหล่านมี้ าใชแ้ ทนทรานซิลเตอร์ ทาใหป้ ระหยดั พ้ืนท่ีไดม้ าก ชิป (Chip) เป็ นการเรียกไมโครชิปอย่างสน้ั ๆ เป็ นโมดลุ ขนาดเล็ก และซับซอ้ น ใชเ้ ป็ นหน่วยความจาของคอมพิวเตอร์ หรือเป็ นวงจรทาง ต ร ร ก ะ ข อ ง ไ ม โ ค ร โ ป ร เ ซ ส เ ซ อ ร์ ชิ ป ที่ รู้จั ก กั น ดี คื อ Pentium ไมโครโปรเซสเซอรข์ อง Intel หรือ Power PC ไมโครโปรเซสเซอร์ท่ีพัฒนา โดย Apple, Motorola และ IBM ใชใ้ นเคร่ือง Macintosh และเครื่อง เวิร์กสเตชั่นบางรุ่น AMD และ Cyrix เป็ นผู้ผลิตชิปของ ไมโครโปรเซสเซอรท์ ่ีมชี อื่ เสียง

5 คอมพิวเตอรย์ คุ ที่ 4 (Fourth Generation Computer) พ.ศ. 2513 จนถึง ปัจจบุ นั เป็ นยคุ ของคอมพิวเตอรท์ ี่ใชว้ งจรรวมความจสุ งู มาก (Very Large Scale Integration : VLSI) เช่น ไมโครโพรเซสเซอรท์ ีบ่ รรจทุ รานซิสเตอรน์ บั หม่ืนนบั แสน ตวั ทาใหข้ นาดเคร่ืองคอมพิวเตอรม์ ีขนาดเล็กลงสามารถตงั้ บนโตะ๊ ในสานกั งาน หรือพกพาเหมอื นกระเป๋ าหว้ิ ไปในที่ตา่ ง ๆ ได้ ขณะเดยี วกนั ระบบซอฟตแ์ วรก์ ็ได้ พฒั นาขดี ความสามารถสงู ขน้ึ มาก มีโปรแกรมสาเร็จใหเ้ ลือกใชก้ นั มากทาใหเ้ กิด ความสะดวกในการใชง้ านอยา่ งกวา้ งขวาง รปู ที่ 1.8 วงจรรวมความจสุ งู (VLSI : Very Last Scale Integrated Circuit) คอมพิวเตอรย์ คุ ที่ 5 (Fifth Generation Computer) พ.ศ.2533- ปัจจบุ ัน คอมพิวเตอรย์ คุ ที่ 5 นี้ ม่งุ หนา้ พัฒนาความสามารถในการ ทางานของระบบคอมพิวเตอร์ และความสะดวกสบายในการใช้ คอมพิวเตอร์ มีการพัฒนาสรา้ งเคร่ืองคอมพิวเตอรแ์ บบพกพาขนาด เล็ก โครงการพัฒนาอปุ กรณ์ VLSI (Very Large Scale Integrated Circuit) ใชง้ านง่ายมีความสามาสงู ขึ้น รวมท้ังโครงการวิจัย ปัญญาประดิษฐ์ เป็ นหัวใจของการพัฒนาระบบคอมพิวเตอรใ์ นยคุ นี้ โดยหวังใหร้ ะบบคอมพิวเตอรม์ ีความรคู้ วามสามารถวิเคราะหป์ ัญหา อย่างมีเหตผู ล

6 ปัญญาประดิษฐ์ (AI : Artificial Intelligence) คือ ความฉลาดเทียมที่สรา้ งขน้ึ ใชก้ ับสิ่งท่ีไม่มีชีวิต ปัญญาประดิษฐเ์ ป็ นสาขาทางดา้ นวิทยาการคอมพิวเตอร์และ วิศวกรรมเป็ นหลัก และยังรวมถึงศาสตร์ในดา้ นต่างๆ เช่น จิตวิทยา ปรัชญา หรือชวี วิทยา ซึ่งสาขาปัญญาประดษิ ฐเ์ ป็ นการเรียนรเู้ กี่ยวกับกระบวนการคิด การ กระทา การใหเ้ หตผุ ล การปรับตวั การอนมุ าน และการทางานของสมอง รปู ท่ี 1.9 เครอื่ งคอมพิวเตอรแ์ บบพกพา

7 องคป์ ระกอบของระบบปัญญาประดิษฐ์ ประกอบดว้ ย 1. ระบบห่นุ ยนต์ หรอื แขนกล (Robotics or Robotarm System) คือ หุ่นจาลองร่างกายมนุษย์ที่ควบคุมการทางานด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ มี จดุ ประสงคเ์ พื่อใหท้ างานแทนมนษุ ยใ์ นงานท่ีตอ้ งการความเร็ว หรือเส่ียงอันตราย เช่น แขนกลในโรงงานอตุ สาหกรรม หรือห่นุ ยนตก์ รู้ ะเบิด เป็ นตน้ 2. ระบบประมวลภาษาพดู (Natural Language Processing System) คือ การพัฒนาใหร้ ะบบคอมพิวเตอร์สามารถสังเคราะหเ์ สียงที่มีอย่ใู นธรรมชาติ (Synthesize) เพื่อส่ือความหมายกับมนษุ ย์ เช่น เคร่ืองคิดเลขพดู ได้ (Talking Calculator) หรือนาฬิกาปลกุ พดู ได้ (Talking Clock) เป็ นตน้ 3. การรจู้ าเสียงพดู (Speech Recognition System) คือ การพัฒนา ใหร้ ะบบคอมพิวเตอรเ์ ขา้ ใจภาษามนษุ ย์ และสามารถจดจาคาพดู ของมนษุ ยไ์ ดอ้ ย่าง ตอ่ เนอื่ ง กลา่ วคือเป็ นการพัฒนาใหเ้ คร่ืองคอมพิวเตอรท์ างานไดด้ ว้ ยภาษาพดู เช่น งานระบบรักษาความปลอดภยั งานพิมพเ์ อกสารสาหรับผพู้ ิการ เป็ นตน้ 4. ระบบผเู้ ช่ียวชาญ (Expert System) คือ การพัฒนาใหร้ ะบบ คอมพิวเตอรม์ ีความรู้ รจู้ กั ใชเ้ หตผุ ลในการวิเคราะหป์ ัญหา โดยใชค้ วามรทู้ ี่มี หรือ จากประสบการณใ์ นการแกป้ ัญหาหนึ่ง ไปแกไ้ ขปัญหาอ่ืนอย่างมีเหตผุ ล ระบบนี้ จาเป็ นตอ้ งอาศัยฐานขอ้ มลู (Database) ซ่ึงมนษุ ยผ์ มู้ ีความรคู้ วามสามารถเป็ นผู้ กาหนดองคค์ วามรไู้ วใ้ นฐานขอ้ มลู รปู ท่ี 1.10 อาซีโม ห่นุ ยนตเ์ ลยี นแบบมนษุ ยข์ องบรษิ ทั ฮอนดา้

8 เม่ือคอมพิวเตอร์พัฒนามาถึงยคุ ท่ี 5 มีความสามารถมากขึ้น ทางานไดเ้ ร็ว การประมวลผลขอ้ มลู ไดค้ รั้งละมากๆ สามารถทางานหลายงานได้ ในเวลาเดียวกัน (Multitasking) ขณะเดียวกันก็มีการเช่ือมโยงเครือข่าย คอมพิวเตอรภ์ ายในองคก์ ร โดยใชร้ ะบบเครือขา่ ยทอ้ งถ่ิน (LAN : Local Area Network) เม่ือเชื่อมเครือข่ายหลายๆเครือข่ายองค์กร ก็เกิดเป็ นเครือขา่ ย อินเตอรเ์ น็ต รปู ท่ี 1.11 ระบบเครอื ข่ายแบบ LAN (Local Area Network)

9 1.3. ประเภทของคอมพิวเตอร์ 1. แบ่งตามลกั ษณะของการประมวลผลได้ 3 ประเภท 1.1 อนาล็อกคอมพิวเตอร์ (Analog computer) คือ เคร่ืองคานวณ อิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ได้ใช้ค่าตัวเลขเป็ นหลักของการคานวณ แต่จะใช้ระดับ แรงดันไฟฟ้ าแทน เช่น ไมบ้ รรทัดคานวณมีขีดตัวเลขกากับอยู่ เม่ือไมบ้ รรทัด คานวณหลายอันมาประกอบรวมกัน การประมวลผล เช่น การคณู จะเป็ นการ เลื่อนไมบ้ รรทัดคานวณอันหน่ึงไปตรงกบั ตัวต้งั และตัวคณู ของขีดตวั เลขชดุ หน่ึง แลว้ ไปอ่านผลลัพธ์ของขีดตัวเลขอีกชดุ หนึ่ง ซึ่งอนาล็อกคอมพิวเตอร์แบบ อิเล็กทรอนกิ สจ์ ะใชห้ ลกั การเดยี วกนั กบั ไมบ้ รรทดั คานวณ โดยใชแ้ รงดันไฟฟ้ าแทน ขีดตัวเลขตามแนวยาวของไม้บรรทัด อนาล็อกคอมพิวเตอร์จะมีอนาล็อก คอมพิวเตอรจ์ ึงเหมาะสาหรับงานคานวณทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมท่ีอย่ใู น รปู ของสมการทางคณิตศาสตร์ เช่น การศึกษาเรื่องการสัน่ สะเทือนของตึก เนอื่ งจากแผ่นดินไหว การจาลองการบิน ขอ้ มลู นาเขา้ อาจเป็ นอณุ หภมู ิความดัน ของอากาศหรืความเร็ว ซ่ึงจะตอ้ งแปลงใหเ้ ป็ นค่าแรงดนั ไฟฟ้ า เพ่ือนาเขา้ อนาล็อก คอมพิวเตอร์ ผลลัพธ์ท่ีไดอ้ อกมาเป็ นแรงดันไฟฟ้ าแปรกับเวลาซ่ึงตอ้ งแปลง กลบั ไปเป็ นค่าของตวั แปรทกี่ าลงั ศึกษา รปู ท่ี 1.12 สญั ญาณอนาลอ็ ก รปู ท่ี 1.13 ไมบ้ รรทดั คานวณ (Slide Rule)

10 สไลดร์ ลู (slide rule) หรือ สลิปสติก (slip stick) นบั เป็ นคอมพิวเตอร์แบบ อนาล็อกอยา่ งหนงึ่ ประกอบดว้ ยแถบปรับ 3 แถบ และช่องสาหรับเลื่อน 1 ช่อง เรียกว่า \"เคอร์เซอร\"์ (cursor) นยิ มใชก้ ันทวั่ ไปในหม่วู ิศวกรและ สถาปนิก หรือนกั ศึกษาดา้ นวิทยาศาสตร์ เม่ือมีการผลิตเคร่ืองคิดเลข ในปี พ.ศ. 2513 จึงทาใหส้ ไลดร์ ลู กลายเป็ นเทคโนโลยที ่ีลา้ สมยั 1.2 ดิ จิ ตอลคอมพิ วเตอร์ (Digital Computer) หรื อ ไมโครคอมพิวเตอร์ (Micro Computer) หรือคอมพิวเตอร์ส่วนบคุ คล (PC : Personal Computer) คือ เคร่ืองคอมพิวเตอร์แบบหนึ่งท่ีแกป้ ัญหาดว้ ย วิธกี ารทางคณติ ศาสตรโ์ ดยป้ อนขอ้ มลู นาเขา้ เป็ นตวั เลข และใหผ้ ลลพั ธเ์ ป็ น ตัวเลข คอมพิวเตอร์ชนิดน้ีจะประมวลผลในระบบตัวเลขดว้ ยสัญญาณ ดิจิตอล คือ การบวก ลบ คณู หาร และเปรียบเทียบ ใหค้ ่าที่ไม่ต่อเนอื่ ง คอมพิวเตอรท์ ีน่ ยิ มใชก้ นั ในปัจจบุ ัน คือ ดิจิตอลคอมพิวเตอร์ รปู ที่ 1.14 สญั ญาณดิจิตอล

11 1.3 ไฮบรดิ คอมพิวเตอร์ (Hybrid Computer) คือ เคร่ืองคอมพิวเตอร์ ทน่ี าลกั ษณะการทางานของอนาล็อกคอมพิวเตอรแ์ ละดิจิตอลคอมพิวเตอรม์ า ผสมกนั ลกั ษณะการทางานจะมีการรับขอ้ มลู เขา้ เคร่ืองหรือมีการแสดงผล ขอ้ มลู ออกมารอย่างต่อเนอ่ื ง คอมพิวเตอรป์ ระเภทน้มี ีความสามารถในการ คานวณท่ีถกู ตอ้ งและแม่นยา สามารถทางานตามโปรแกรมท่ีสลับซับซอ้ นได้ งานทจี่ าเป็ นตอ้ งใชค้ อมพิวเตอรแ์ บบไฮบริด คอื งานดา้ นวิทยาศาสตร์ การ ฝึ กการบิน และใชใ้ นงานอตุ สาหกรรม หรืองานดา้ นการแพทย์ 2.แบ่งตามขนาดของเครอื่ งคอมพิวเตอร์ 2.1 ซเู ปอรค์ อมพิวเตอร์ (Super Computer) คือ คอมพิวเตอรท์ ่ี มีความสามารถในการประมวลผลสงู สดุ โดยทัว่ ไป ซเู ปอร์คอมพิวเตอร์ สร้างข้ึนมาเป็ นการเฉพาะสาหรับงานทางด้านวิทยาศาสตร์ที่มีการ ประมวลผลสลบั ซบั ซอ้ นและตอ้ งการความเร็วสงู เช่น งานโครงการอวกาศ ของสหรัฐอเมริกา (NASA : National Aeronautics and Space Administration) งานสือ่ สารผ่านดาวเทยี ม หรืองานพยากรณอ์ ากาศ เป็ นตน้ ลกั ษณะของซเู ปอรค์ อมพิวเตอร์ 1) มขี าดใหญ่ 2) ราคาสงู 3) ใชค้ านวณทางคณิตศาสตรไ์ ดห้ ลายแสนลา้ นครั้ง/วินาที 4) ใชแ้ กป้ ัญหาทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ไดอ้ ย่าง รวดเร็ว รปู ที่ 1.15 Super Computer

12 2.2 เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer) คือ คอมพิวเตอรข์ นาดใหญ่ มีราคาแพง ประกอบดว้ ย ตขู้ นาดใหญ่ ภายใน ตจู้ ะมีช้นิ สว่ นและอปุ กรณต์ ่างๆ อยเู่ ป็ นจานวนมาก เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ มกั จะอยทู่ ี่ศนู ยค์ อมพิวเตอรห์ ลกั ขององคก์ ร และอย่ใู นหอ้ งทม่ี ีการควบคมุ อณุ หภมู ิสงู มีการดแู ลรกั ษาเป็ นอยา่ งดี ลกั ษณะของเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ 1) ใหบ้ ริการผใู้ ชไ้ ดห้ ลายๆ คนพรอ้ มๆกนั 2) มคี วามเร็วและสมรรถนะการทางานสงู 3) นยิ มใชใ้ นองคก์ รขนาดใหญ่ รปู ที่ 1.16 Mainframe Computer

13 2.3 มินิคอมพิวเตอร์ (Mini Computer) คือ เครื่องคอมพิวเตอรข์ นาดกลาง ใชก้ บั ธรุ กจิ ขนาดกลาง เชน่ โรงพยาบาล สถาบันการศึกษาท่มี กี ารออนไลนภ์ ายใน ตวั อาคาร ลกั ษณะมินิคอมพิวเตอร์ 1) ใชง้ านในองคก์ รขนาดกลาง 2) ใชเ้ ป็ นเคร่ืองแมข่ า่ ย (Server) ทาหนา้ ที่ใหบ้ ริการแกเ่ คร่ืองลกู ขา่ ย (Client) รปู ที่ 1.17 Mini Computer

14 2.4 ไมโครคอมพิวเตอร์ (Micro Computer) คือ คอมพิวเตอรท์ ี่มีขนาด เล็ก หรือคอมพิวเตอรท์ ่ีใชง้ านส่วนบคุ คล (PC : Personal Computer) หรือ ดิจิตอลคอมพิวเตอร์ (Digital Computer) ใชไ้ มโครโปรเซสเซอรเ์ ป็ นหนว่ ย ประมวลผลกลาง สามารถใชเ้ ป็ นเคร่ืองต่อ เช่ือมในระบบเครือขา่ ย หรือใช้ เป็ นเคร่ืองปลายทาง (Terminal) ลกั ษณะของไมโครคอมพิวเตอร์ 1) ราคาถกู มีประสิทธิภาพสงู 2) ไดร้ ับความนยิ มในปัจจบุ นั 3) นยิ มใชส้ ่วนตวั สถาบนั การศึกษาตา่ งๆ ไมโครคอมพิวเตอรแ์ บ่งตามขนาดได้ ดงั น้ี 2.4.1 คอมพิวเตอรท์ ่ีติดตั้งอย่บู นโต๊ะทางาน (Desktop Computer) รปู ที่ 1.18 Desktop Computer

15 2.4.2 คอมพิวเตอรแ์ บบเคลื่อนยา้ ยได้ (Portable Computer) สามารถพกพาติดตัวได้อาศัยพลังงานไฟ้ ฟ้ าจากแบตเตอรี่ภายนอก ส่วนมากมักเรียกตามลักษณะการใชง้ านว่า Laptop Computer หรือ Notebook computer - แล็ปท็อปคอมพิวเตอร์ (Laptop Computer) คือ ไมโครคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กวางบนโต๊ะได้ จอภาพเป็ นชนิดผนึกเหลว (LED : Liquld Crystal Display) รปู ท่ี 1.19 แลป็ ท็อป (Laptop Computer) - โนต้ บคุ คอมพิวเตอร์ (Notebook computer) คือ คอมพิวเตอร์ ทม่ี ขี นาดและความหนามากกว่าแล็ปท็อปจอแสดงผลแบบราบ รปู ที่ 1.20 Notebook

16 2.4.3 ปาล์มท็อปคอมพิวเตอร์ (Palmtop Computer) คือ คอมพิวเตอร์ที่ใชง้ านเฉพาะอย่าง เช่น เป็ นสมดุ จดบันทึกประจาวัน บันทึกการนดั หมายการเก็บขอ้ มลู เฉพาะอยา่ งที่สามารถพกพาไดส้ ะดวก รปู ท่ี 1.21 Palmtop Computer 2.4.4 แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ (Tablet Computer) คือ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแบบพกพาไร้สายที่มีอินเตอร์เฟซ (Interface) แบบจอสัมผัส (Touch Screen) ปกติแฟกเตอรร์ ปู แบบ (Form Factor) ของแท็บเล็ต จะเล็กกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค สัง่ งานดว้ ยการสัมผัสหนา้ จอและคียบ์ อร์ดเสมือนปรับหมนุ หนา้ จอได้ อัตโนมัติแบตเตอรี่ใชง้ านไดน้ านกว่าคอมพิวเตอร์แบบพกพาทัว่ ๆ ไป ระบบปฏิบัติการมีทงั้ ที่เป็ น Android, ios และ Windows ระบบการ เชื่อมต่อสญั ญาณเครือขา่ ยอินเตอร์เน็ตมีท้ังท่ีเป็ น Wi-Fi และ Wi- Fi+3G รปู ที่ 1.22 แท็บเลต็ (Tablet)

17 3G (Third Generation) คือ เทคโนโลยีการสื่อสารในยคุ ท่ี 3 ซึ่งอปุ กรณืการสอ่ื สารในยคุ ท่ี 3 นจี้ ะเป็ นอปุ กรณท์ ีผ่ สมผสานการนาเสนอ ขอ้ มลู และเทคโนโลยีในปัจจบุ ันเขา้ ดว้ ยกัน เช่น คอมพิวเตอร์พกพาขนาด เล็ก (PDA : Personal Digital Assistants) โทรศัพทม์ ือถือ กลอ้ งถ่ายรปู และอินเตอรเ์ นต็ ความหมายที่แท้จริงของแท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์กระดาน ชนวนก็คือ แผ่นจารึกที่เอาไวบ้ ันทึกขอ้ ความต่างๆ โดยการเขยี นซ่ึงมีมา นานแลว้ ในอดีต แต่ในปัจจบุ ันมีการพัฒนาคอมพิวเตอร์ท่ีมีการปรับใช้ แนวคิดน้ีมาแทนที่ ซ่ึงจะมีหลายบริษัทไดใ้ หค้ านิยามหรือการเรียกชื่อท่ี แตกต่างกนั ออกไป แท็บเล็ตพีซี (Tablet PC : Tablet Personal Computer) คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบคุ คลที่สามารถพกพาได้ ในการทางานจะใชก้ าร สัมผสั หนา้ จอ ออกแบบใหส้ ามารถใชง้ านไดด้ ว้ ยตัวมันเอง เป็ นแนวคิดที่ ไดร้ ับความสนใจ ภายหลงั จากที่ Microsoft ไดท้ าการเปิ ดตัว Microsoft Tablet PC ในปี 2001 แตไ่ ม่เป็ นท่นี ยิ มในขณะนนั้ แท็บเล็ตพีซีไม่เหมือนกบั คอมพิวเตอร์ตง้ั โตะ๊ หรือ Laptop ตรงท่ี ไม่มีแป้ นพิมพ์ แต่จะใชแ้ ป้ นพิมพเ์ สมือนจริงในการทางาน แท็บเล็ตพีซีจะมี อปุ กรณไ์ รส้ ายสาหรบั การเชื่อมต่ออินเตอรเ์ นต็ และระบบเครือขา่ ยภายใน มี ระบบปฏิบตั กิ ารทงั้ ทเ่ี ป็ น Windows และ Android รปู ที่ 1.23 แป้ นพิมพเ์ สมือนจรงิ

18 แท็บเล็ตเพ่ือการศึกษา นโยบายภาครัฐโดยเฉพาะดา้ นการจัดการศึกษาของรัฐบาล ปัจจบุ ัน (2556) โดยเฉพาะนโยบายดา้ นการพัฒนาการใชเ้ ทคโนโลยี สารสนเทศเพื่อการศึกษาใหท้ ัดเทียมกับนานาชาติน้ัน เป็ นนโยบายที่มี ความสาคัญย่ิง โดยรัฐบาลได้กาหนดแนวนโยบายที่ชัดเจนเพ่ือเร่ง พฒั นาการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการศึกษาใหเ้ ป็ นเครื่องมือยกระดับ คุณภาพและกระจายโอกาสทางการศึกษา ใหม้ ีระบบการเรียนแบบ อิเล็กทรอนิกสแ์ ห่งชาติ เป็ นกลไกลในการปรับเปล่ียนกระบวนทัศนข์ อง การเรียนรู้ โดยเนน้ ผเู้ รียนเป็ นศนู ยก์ ลางและเอ้ือใหเ้ กิดการเรียนรตู้ ลอด ชีพ พัฒนาเครือขา่ ยและพัฒนาระบบ “ไซเบอรโ์ ฮม (Cyber Home)” ที่ สามารถส่งความร้มู ายังผู้เรียนโดยระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ส่งเสริมใหน้ ักเรียนทกุ ระดับชั้นใชอ้ ปุ กรณ์คอมพิวเตอร์แท็บเล็ตเพ่ือ การศึกษา ขยายระบบโทรทัศนเ์ พื่อการศึกษาใหก้ วา้ งขวาง ปรับปรงุ ห้องเรียนเพื่อให้ได้มาตรฐานห้องเรียนอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งเร่ง ดาเนนิ การใหก้ องทนุ พฒั นาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาสามารถดาเนนิ การได้ จะเห็นไดว้ ่าแนวนโยบายของการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือ การศึกษา เป็ นปัจจัยและมิติสาคญั ในการการขบั เคลื่อนยทุ ธศาสตรก์ าร จัดการศึกษาใหก้ า้ วส่ปู ระสิทธิภาพการเรียนรขู้ องสงั คมโดยรวมและจะ เป็ นมติ ิของการสรา้ งกระบวนทศั น์ เพื่อนาไปส่กู ารเปลี่ยนแปลงของระบบ การจดั การศึกษาท่มี งุ่ เนน้ ผเู้ รียนเป็ นสาคญั ภายใตก้ ารศึกษาในยคุ ปฏิรปู ปัจจบุ ัน ขณะเดียวกัน นโยบาย ” แท็บเล็ตเพ่ือการศึกษา (Tablet for Education)” กลายเป็ นเครื่องมือดา้ นส่ือเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาท่ีสาคญั และมีอิทธิพลค่อนขา้ งมากต่อการปรับใช้ในการสร้างมิติแห่งการ เปลี่ยนแปลงและพัฒนาการจัดการศึกษาไทยในปัจจบุ ันในยคุ สารสนเทศ และอินเทอรเ์ นต็ ความเร็วสงู นโยบาลของรัฐบาลมงุ่ ใชส้ ื่อแท็บเล็ตใหผ้ เู้ รียน ทกุ คนไดเ้ รียนรตู้ ามศกั ยภาพและความพรอ้ มท่ีมีอย่โู ดยที่นโยบายของการ ปฏิบัติกับนกั เรียนช่วงแรกตามโครงการ One Tablet PC Per Child จะ มุ่งเน้นไปท่ีนักเรียนช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 1 จานวน 539,466 คน โดยประมาณ

19 ในสังคมยคุ ปัจจุบันซึ่งเป็ นสังคมแห่งการเรียนรู้ (Learning Society) ในปัจจบุ ันนน้ั ส่ือและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาจะมีบทบาทสาคัญ ค่อนขา้ งมากต่อการนามาใชใ้ นการพัฒนาใหเ้ กิดประสิทธิภาพทางการเรียน ของสังคมยคุ ใหม่ในปัจจบุ ันท่ีส่ือการศึกษาประเภท “คอมพิวเตอร์” จะมี อิทธิพลค่อนขา้ งสงู ในศักยภาพการปรับใชด้ ังกล่าวโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การศึกษาไทยตามนโยบายการแจกแท็บแล็ตเพื่อเด็กนักเรียนปัจจบุ ันโดย ม่งุ เนน้ ใหเ้ ด็กนักเรียนระดับช้ันประถมศึกษาปี ที่ 1 ตามโครงการ One Tablet PC Per Child เป็ นการสรา้ งมิติใหม่ของการศึกษาไทยในการเขา้ ถึง การปรบั ใชส้ ่อื เทคโนโลยเี พื่อการศึกษาในยคุ ปฏริ ปู การศึกษา 2.4.5 คอมพิวเตอร์มือถือหรือเคร่ืองช่วยงานส่วนบคุ คลแบบ ดิจิตอล หรอื PDA (Personal Digital Assistant) คือ คอมพิวเตอร์ท่ีใชพ้ กพามีประโยชนใ์ นดา้ นการบันทึกหรือ เตอื นเร่ืองการนดั หมายการเก็บที่อย่แู ละหมายเลขโทรศัพทร์ วมถึงการเล่น เกมต่างทางานดว้ ยแบตเตอรี่มีหนา้ จอสมั ผัสท่ีสามารถใชง้ านไดโ้ ดยการใช้ นวิ้ มอื หรือปากกาสไตลสั ปัจจบุ ันนี้ คอมพิวเตอร์มือถือแบบ PDA ถกู รวมเขา้ ไวก้ ับ โทรศัพทเ์ คลื่อนที่ในลกั ษณะของ Smarty Phone ทาใหโ้ ทรศัพทเ์ คล่ือนที่ สามารถทางานต่างๆไดม้ ากขน้ึ ซ่ึงตอ้ งอาศัยเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เช่น โทรศพั ทท์ ีใ่ ชร้ ะบบปฏิบัติการ IOS หรือ Android เป็ นตน้ รปู ท่ี 1.24 ปากกาแสง (light pen)

20 1.4. องคป์ ระกอบของคอมพิวเตอร์ ราชบัณฑิตสถานใหค้ วามหมายของฮาร์ดแวร์ไวใ้ นหนังสือ “ศัพท์ คอมพิวเตอรแ์ ละเทคโนโลยีสารสนเทศ” ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พิมพ์ครั้ง ที่ 6 ว่า Hardware 1. สว่ นเครื่อง ฮารด์ แวร์ 2. ส่วนอปุ กรณ์ ฮารด์ แวร์ 4.1 ฮารด์ แวร์ (Hardware) คือ อปุ กรณต์ ่างๆที่ประกอบขนึ้ เป็ น เครื่องคอมพิวเตอร์มีลักษณะเป็ นโครงร่างสามารถมองเห็นและสัมผัสได้ เชน่ จอภาพ เครื่องพิมพ์ เมา้ ส์ เป็ นตน้ ฮารด์ แวร์ แบ่งตามลกั ษณะการ ทางานได้ 4 ส่วน คอื 1.1 หน่วยรบั ขอ้ มลู (Input Unit) คือ อปุ กรณท์ ี่ทาหนา้ ท่ีรับ โปรแกรมและขอ้ มูลเขา้ สู่เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์รับขอ้ มูลและ โปรแกรมทใ่ี ชก้ นั เป็ นสว่ นใหญ่ ไดแ้ ก่ 1. อปุ กรณร์ บั ขอ้ มลู แบบกด ไดแ้ ก่ แผงแป้ นอกั ขระ (Keyboard รปู ท่ี 1.25 แผงแป้ นอกั ขระ (Keyboard)

21 2. อปุ กรณร์ ับขอ้ มลู แบบชี้ตาแหนง่ ไดแ้ ก่ เมา้ ส์ (Mouse) รปู ท่ี 1.26 เมา้ ส์ (Mouse) รปู ท่ี 1.28 กา้ นควบคมุ (Joystick) สาหรบั การเลน่ เกม รปู ที่ 1.27 อปุ กรณช์ ้ีตาแหน่งของโนต๊ บ๊คุ รปู ที่ 1.29 ลกู กลมควบคมุ (Trackball) (Touch Pad) รปู ท่ี 1.30 แท่งช้ีควบคมุ (Track Point)

22 3. อปุ กรณร์ ับขอ้ มลู แบบปากกา ไดแ้ ก่ ปากกาแสง (Light Pan) รปู ที่ 1.31 ปากกาแสง (Light Pan) 4. อปุ กรณร์ ับขอ้ มลู ประเภทเครื่องอ่านพิกดั (Digitizing Tablet) รปู ที่ 1.32 เครอื่ งอ่านพิกดั (Digitizing Tablet) 5. อปุ กรณร์ ับขอ้ มลู ประเภทจอสมั ผสั (Touch Screen) รปู ที่ 1.33 จอสมั ผสั (Touch Screen)

23 6. อปุ กรณร์ ับขอ้ มลู แบบกราดตรวจ (MOR : Optical Mark Render) รปู ท่ี 1.34 เครอ่ื งอ่านรหสั แท่ง รปู ที่ 1.35 เครอ่ื งกราดตรวจ (Optical Mark (Bar Code) Reader) รปู ท่ี 1.36 กลอ้ งดิจิตอล รปู ท่ี 1.37 สแกนเนอร์ (Scanner) 7. อปุ กรณร์ บั เขา้ แบบจาเสียง รปู ที่ 1.38 ไมโครโฟน (Microphone)

24 8. เว็บแคม (Web Can) หรือเว็บแคเมรา (Web Camera) รปู ที่ 1.39 Web Cam/Web Camera 1.2 หน่วยประมวลผล (CPU : Central Processing Unit) หรือ ไมโครโปรเซสเซอรท์ าหนา้ ทีน่ าคาสงั่ และขอ้ มลู ท่ีเก็บไวใ้ นหนว่ ยความจามาแปล ความหมาย และทาตามคาสงั่ พ้ืนฐานของไมโครโปรเซสเซอร์ ซึ่งแทนดว้ ยรหสั เลขฐานสอง หนว่ ยประมวลผลกลาง ประกอบดว้ ย ส่วนท่ีมีความสาคญั 3 สว่ น 1. หน่วยควบคมุ (Control Unit) ทาหนา้ ท่ีควบคมุ ขนั้ ตอนการ ทางานของอปุ กรณต์ ่างๆ และประสานการทางานร่วมกันระหว่างอปุ กรณร์ ับ ขอ้ มลู หน่วยประมวลผลกลางและอปุ กรณ์แสดงผล รวมทั้งหน่วยความจา สารองดว้ ย 2. หน่วยคานวณและตรรกะ (Arithmetic and Logical Unit : ALU) ทาหนา้ ที่เกี่ยวกับการคานวณทางคณิตศาสตร์และเปรียบเทียบตาม เงอ่ื นไขและกฎเกณฑท์ างคณิตศาสตร์ รปู ท่ี 1.40 CPU Intel Core i7-3820 RETAIL BOX BX80619i73820

25 3. หน่วยความจา (Memory) ทาหนา้ ที่เก็บขอ้ มลู และโปรแกรมต่างๆ ขณะท่คี อมพิวเตอรท์ างานอยู่ หนว่ ยความจาแบ่งได้ 2 ประเภท คอื 3.1.1 หน่วยความจาท่ีอ่านไดเ้ พียงอย่างเดียว (ROM : Reod Only Memory) คือ หนว่ ยความจาท่ีติดตงั้ มากบั เครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีโปรแกรมหรือขอ้ มลู อย่แู ลว้ แมจ้ ะไม่มีการจ่ายไฟเล้ียงใหแ้ ก่ระบบขอ้ มลู ที่ เก็บไวใ้ น ROM สามารถอ่านขอ้ มลู ไดแ้ ต่ รปู ที่ 1.41 ROM (Read Only Memory) 3.1.2 หน่วยความจาที่สามารถอ่านและเขียนได้ (RAM : Rondom Access Memory) แบ่งได้ 2 ประเภท คอื - SDRAM (Static RAM) นยิ มใชเ้ ป็ นหนว่ ยความจาแคช (Cache) ภายในตวั CPU เพราะมีความเร็วในการทางานสงู แต่ไม่สามารถทาใหม้ ีขนาด ความจสุ งู ไดเ้ พราะกนิ กระแสไฟมาก รปู ที่ 1.42 RAM (Random Access Memory)

26 -DRAM (Dynamic RAM) นิยมใชเ้ ป็ นหนว่ ยความจาในรปู แบบของิปไอซี (Integrated Circuit) บนแผงโมเดลของหนว่ ยความจา RAM Multi-core Processor คือ การรวมแกนประมวลผลกลางต้งั แต่ 2 ตัวข้นึ ไปเขา้ ดว้ ยกัน ทาใหร้ ะบบการประมวลผลรวมดีขึน้ สาหรับการรวม หนว่ ยประมวลผลกลาง 2 ตัว จะเรียกว่า Dual-core และการรวมหน่วย ประมวลผลกลาง 3 ตวั จะเรียกว่า Tri-core หรือ Triple-core 1.3 หน่วยแสดงผล (Output unit) หน่วยแสดงผล (Output Unit) แบ่งออกไดเ้ ป็ น 2 ประเภท คอื 1.3.1 หน่วยแสดงผลชวั่ คราว (Soft Copy) คือ การ แสดงผลใหผ้ ใู้ ชไ้ ดท้ ราบในขณะนั้น เม่ือเลิกการทางานผลท่ีแสดงอย่นู ั้นจะ หายไป จอคอมพิวเตอร์ Projector รปู ที่ 1.43 หนว่ ยแสดงผลชวั่ คราว 1.3.2 หนว่ ยแสดงผลถาวร (Hard Copy) การแสดงผลที่สามารถจับ ตอ้ งไดแ้ ละเคลื่อนยา้ ยได้ ไดแ้ ก่ เครื่องพิมพ์ (Printer) เครื่องพิมพ์ (Printer) คือ อปุ กรณท์ ่ีใชใ้ นการแสดงผลใน รปู ของตวั อกั ษร ตวั เลข และรปู ภาพลงบนกระดาษ รปู ท่ี 1.44 เครอื่ งพิมพค์ อตเมทรกิ ซ์ (Dot Matrix Printer)

27 1.4 หน่วยเก็บขอ้ มลู สารอง (Secondary Storage) คอื หนว่ ยความจา ที่สามารถเก็บขอ้ มลู ไวใ้ ชไ้ ดต้ ลอด ไดแ้ ก่ ฮารด์ ดสิ ก์ ฟลอปปี้ ดิสก์ ซีดี ดวี ี ดี ยเู อสบี ฯลฯ รปู ที่ 1.45 ฮารด์ ดิสก์ (Hard Disk) รปู ท่ี 1.46 ดิสกเ์ ก็ต (Diskette) รปู ท่ี 1.47 ซดี ี (Compact Disk) รปู ท่ี 1.48 ดีวีดี (DVD : Digital Disk)

28 Flash Drive หรือ Thumb Drive คือ สื่อบันทึกขอ้ มลู ที่ต่อเขา้ กบั เคร่ือง คอมพิวเตอรผ์ ่านทางพอร์ต USB Flash Drive หรือ Thumb Drive มีขนาดเล็ก สะดวกในการพกพา โดยทัว่ ไป OS ต่างๆ จะใชว้ ิธีการที่เรียกว่า “Write Caching” ในการเขยี นไฟลไ์ ปยงั ไดรฟ์ ต่างๆ ซึ่ง Write Caching ก็คือการ “สะสม” หรือ “Cache” คาสัง่ รอ้ งขอในการเขียนไฟล์ไปยังไดร์ฟต่างๆ ไว้ จานวนหน่ึงก่อนแลว้ ทาทีเดียวพรอ้ มกัน เพื่อเพ่ิมประสิทธิภาพในการเช่ือมต่อ และเขยี นไฟลไ์ ปยงั ไดรฟ์ นน้ั ๆ หากผใู้ ชด้ ึงแฟลชไดร์ฟออก เพราะคิดว่าคัดลอกไฟล์เรียบรอ้ ยแลว้ โดยไม่ทาการ Eject เสยี กอ่ นจะทาใหข้ อ้ มลู ที่คา้ งอยหู่ รือยังไม่ไดเ้ ขยี นลงไปจริงๆ หรือเขียนยังไม่เสร็จเกิดความเสียหายไดเ้ น่ืองจากการ Eject น้ันป็ นการบอก OS ว่า “มีอะไรทท่ี าคา้ งอย่กู ็ทาใหเ้ สร็จกอ่ น ฉนั จะเอาแฟลชไดรฟ์ ออกแลว้ ” รปู ท่ี 1.49 ยเู อสบี (USB : Universal Serial Bus) USB : Universal Serial Bus คือ พอรต์ (Port) หรือ ช่องทางในการ ติดต่อสื่อสาร หรือเช่ือมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เคร่ืองพิมพ์ โมเด็ม เมาส์ แผงแป้ นอกั ขระ กลอ้ งดิจิตอล เป็ นตน้ เป็ นพอร์ตที่ มคี วามสาคญั และนยิ มใชก้ นั ในปัจจบุ ัน รปู ที่ 1.50 พอรต์ ยเู อสบี (USB Port)

29 1.5. การใชค้ อมพิวเตอรใ์ นดา้ นต่างๆ 1. การใชค้ อมพิวเตอร์ในสถานศึกษา ปัจจบุ ันสถานศึกษาทกุ ระดับ ไม่ ว่าจะเป็ นโรงเรียนวิทยาลัย มหาวิทยาลัยต่างก็นาคอมพิวเตอร์มาใชบ้ ริหารการ เรียนการสอน เช่น ใช้คอมพิวเตอร์บริหารระบบงานทะเบียนของนักเรียน- นักศึกษา ใช้คอมพิวเตอร์จัดตารางสอน ตัดเกรด แจ้งผลการเรียน การ ลงทะเบียนออนไลน์ เป็ นตน้ 2. การใชค้ อมพิวเตอร์ในโรงพยาบาล ปัจจบุ ันโรงพยาบาลหลายแห่งได้ นาระบบ PACS (Picture Archiving and Communication System) มาใชแ้ ทนฟิ ลม์ เอกซเรย์ ใชค้ อมพิวเตอรเ์ ก็บประวัติของผปู้ ่ วย ฯลฯ 3. การใชค้ อมพิวเตอรใ์ นงานคมนาคมและการส่ือสาร ปัจจบุ ันเป็ นยกุ ค์ ของการส่ือสารไรพ้ รมแดนมีการสื่อสารในรปู แบบสาธารณะที่เรียกว่า ระบบ เครือขา่ ยอินเทอรเ์ น็ต สามารถสอื่ สารกนั ไดท้ วั่ โลกทางอิน ฯลฯ 4. การใชค้ อมพิวเตอร์ในโรงงานอตุ สาหกรรม คอมพิวเตอร์เขา้ มามี บทบาทในโรงงานอตุ สาหกรรม เช่น การสางแผนการผลิต การควบคมุ การ ผลิต การใชค้ อมควบคมุ การทางานของเคร่ืองจักร การใชห้ ่นุ ยนตท์ างานแทน มนษุ ยใ์ นงานทอี่ าจเป็ นอนั ตราย เป็ นตน้ 5. การใชค้ อมพิวเตอรใ์ นสว่ นราชการ ปัจจบุ ันส่วนราชการต่างๆ ไดน้ า คอมพิวเตอรม์ าใชก้ นั อยา่ งแพร่หลาย เช่น การชาระภาษีเงินไดผ้ ่าน Web การนา คอมพิวเตอร์มาใช้ในงานทะเบียนราษฏร์ ได้แก่ การทาบัตรประจาตัว ประชาชน การสารวจสามโนประชาราช ฯลฯ 6. การนาคอมพิวเตอรม์ าใชใ้ นงานธนาคาร เช่น การคิดอกเบี้ยเงนิ ฝาก ธนาคาร การถอน-ฝากเงนิ ผา่ นตู้ ATM 7. การใชค้ อมพิวเตอร์ในงานวิศวกรรม การนาคอมพิวเตอรใ์ นการ ออกแบบ CAD and Cam

30 CAD ย่อมาจาก Computer Aided Design หมายถึง คอมพิวเตอร์ในการ ออกแบบเทคโนโลยีนี้ คือ การใชค้ อมพิวเตอรม์ าช่วยในการสรา้ งชิ้นส่วนดว้ ย แบบจาลองทางเรขาคณิต ช้ินส่วนที่ถูกสร้างขึ้นมาเรียกว่า แบบจาลอง (Model) ซ่ึงแบบจาลองนส้ี ามารถแสดงเป็ นแบบ Drawing หรือไฟลข์ อ้ มลู CAD CAM ย่อมาจาก Computer Aided Manufacturing หมายถึง คอมพิวเตอรช์ ว่ ยในการผลติ เป็ นเทคโนโลยีที่ใชค้ อมพิวเตอร์มาช่วยในการสรา้ ง G-code เพ่ือควบคมุ เคร่ืองจกั ร CNC โดยใชข้ อ้ มลู Modeling จาก CAD G-code คือ เครื่องหมายคาสงั่ ท่ีอย่หู นา้ ตัวเลข เพ่ือนาคาสงั่ นี้ไป สงั่ การใหเ้ คร่ืองจักร CNC ทางานตามท่ตี อ้ งการ CNC ย่อมาจาก Computer Numerical Control หมายถึง การ ควบคมุ เชงิ ตวั เลขดว้ ยคอมพิวเตอร์ เป็ นการใชค้ อมพิวเตอรค์ วบคมุ การทางาน ของเคร่ืองจักรกลต่างๆ ท่ีทาใหก้ ารผลิตช้ินส่วนไดถ้ กู ตอ้ ง รวดเร็ว และ เที่ยงตรง 8. การใชค้ อมพิวเตอร์ในองคก์ รธรุ กิจ บริษัท หา้ งรา้ นต่างๆ นา คอมพิวเตอรม์ าเก็บขอ้ มลู พนกั งานผลติ ภณั ฑ์ และใชค้ อมพิวเตอร์จัดทาเอกสาร ตา่ งๆ ทใี่ ชใ้ นการดาเนนิ งานทางธรุ กจิ 9. การใชค้ อมพิวเตอรใ์ นงานสังคมศาสตร์ เช่น การใชค้ อมพิวเตอร์ มาช่วยในงานวิจัย โดยใชโ้ ปรแกรม SPSS (Statistical Package for Social Science) 10. การใชค้ อมพิวเตอรใ์ นงานรา้ นคา้ ปลีก หา้ งสรรพสินคา้ ขนาด ใหญใ่ ชค้ อมพิวเตอรค์ ิดเงนิ แทนการใชเ้ คร่ืองคิดเลข โดยอาศัยบาร์โคด้ อ่านรหัส ของสินคา้ ฯลฯ

31 1.6. วิธีเปิ ดและปิ ดเคร่ืองคอมพิวเตอร์ การเปิ ดเครอ่ื งคอมพิวเตอรท์ ี่ถกู ตอ้ ง 1. ตรวจสอบปลกั๊ ว่าเสยี บถกู ตอ้ งเรียบรอ้ ย 2. กดสวิตชท์ ่ีจอภาพ 3. กดสวิตชท์ ี่เคส 4. กรณุ ารอสักครู่ ท่ีจอภาพจะปรากฏขอ้ ความเพ่ือตรวจสอบระบบ ต่างๆ 5. จะมีเสยี งดงั 1 ครั้ง 6. จะปรากฏคาว่า “Windows” ที่หนา้ จอเป็ นการเริ่มตน้ การใชเ้ คร่ือง เพราะเครื่องคอมพิวเตอรจ์ ะตอ้ งเรียกโปรแกรมควบคมุ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ ช่ือว่า “Windows” ก่อน 7. จะปรากฏ Icon, Shortcut ที่เดสกท์ อป เพ่ือใหผ้ ใู้ ชเ้ ลือกใชง้ านได้ สะดวก การปิ ดเครอื่ งคอมพิวเตอร์ 1. คลกิ ที่ป่ ุม Start 2. เลื่อนเมาสไ์ ปที่ Shut Down 3. คลกิ OK 4. กรณุ ารอสกั ครู่ เครื่องคอมพิวเตอร์จะทาการปิ ดระบบต่างๆ ของ เครื่องคอมพิวเตอร์ 5. เครื่องจะดบั 6. ปิ ดสวิตชท์ ่จี อ

32 1.7. หลกั การใชค้ อมพิวเตอรใ์ หม้ ีประสิทธิภาพ หลกั การใชค้ อมพิวเตอรใ์ หม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ 1. ปรับอุณหภูมิของห้องปฏิบัติการให้สบายไม่ร้อนหรือหนาว จนเกนิ ไป 2. นงั่ ใหห้ ่างจากจอภาพประมาณ 45-60 เซนติเมตร ขอบจอภาพ อย่รู ะดบั สายตา 3. เกา้ อ้ีทีน่ งั่ พิมพ์คอมพิวเตอรค์ วรปรับความสงู -ตา่ ไดเ้ พ่ือใหก้ ารนงั่ พิมพอ์ ย่ใู นท่าทส่ี บาย 4. วางขอ้ มือใหอ้ ย่ใู นตาแหน่งที่เป็ นธรรมชาติไม่ควรเอียงขอ้ มือไป ทางซา้ ยหรือทางขวา 5. ยกแป้ นที่อยขู่ า้ งใตแ้ ป้ นคียบ์ อรด์ ขนึ้ เพื่อความสะดวกสบายในการ พิมพ์ 6. วางคียบ์ อรด์ และเมา้ สอ์ ย่ใู นระดบั เดยี วกนั 7. เลอื กใชค้ ียบ์ อรด์ และเมา้ สท์ มี่ คี ณุ ภาพดี 8. หมัน่ เอาใจใส่ในการรักษาความสะอาดของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ สมา่ เสมอ อย่างนอ้ ยสปั ดาหล์ ะ 1 ครัง้ 9. ปรับค่าความสว่างของจอภาพ (Brightness) และความคมชัด (Contrast) ใหพ้ อเหมาะพอดี 10. เม่ือมีอาการเม่ือยลา้ สายตาควรมองไปยงั ท่ีท่ีอย่ไู กลๆ เพ่ือพัก สายตาและหาทศั นยี ภาพที่สบาย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook