Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore internet of things

internet of things

Published by gib.pitinan, 2021-12-21 13:15:57

Description: internet of things

Search

Read the Text Version

INTHTEOINR FNGESTByPitinanKasemrat อิ น เ ท อ ร์ เ น็ ต เ พื่ อ ส ร ร พ สิ่ ง



Page 2 1.SMART HOME ระบบสมาร์ทโฮม (Smart Home System) หรือ “ระบบบ้านอัจฉริยะ” เป็นการนำอุปกรณ์ที่สามารถส่งสัญญานผ่านอินเตอร์เน็ตได้ มาทำงาน ร่วมกับซอพท์แวร์ บนโทรศัพท์มือถือ ทำให้เราสามารถควบคุมระบบไฟฟ้า อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือ ระบบรักษาความปลอดภัย ต่างๆ ภายในบ้าน ด้วยการกดปุ่มสั่งการผ่านสมาร์ทโฟน (Smartphone) หรือใช้ เสียงพูด (Voice Command) ช่วยในการเปิดปิดหรือควบคุมการทำงานของสิ่งของ ในบ้าน นอกจากจะช่วยให้การอยู่อาศัย และ การดูแลบ้านมีความสะดวก สบาย ทันสมัยมากขึ้น ยังช่วยเรื่องความปลอดภัย และช่วยประหยัดทั้ง เวลา และค่าไฟฟ้ามากยิ่งขึ้นด้วย ประโยชน์ของ Smart Home บ้านอัจฉริยะ หรือ Smart Home คือตัวระบบที่จะคอยช่วยอำนวยความ สะดวกให้กับเจ้าของบ้าน ช่วยรักษาความปลอดภัย รวมถึงควบคุมระบบ ต่างๆให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ว่าตัวเราจะไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้าน ก็ตาม ในเรื่องของประโยชน์ แน่นอนว่า เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ถูกคิดค้นขึ้นจะ ต้องเป็นตัวช่วยเสริมคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น โดยมีการจำแนกประโยชน์ ของ Smart Home ออกมาได้หลัก ๆ ดังนี้

Page 3 1. Fast สั่งงานง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว ในส่วนของ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่สามารถเชื่อมโยงกันได้ ที่มักจะ ชอบใช้ชื่อประกอบผลิตภัณฑ์ว่า Smart TV , Smart Refrigerator หรือ อะไรก็ตามที่มักจะมีคำว่า Smart อยู่ ล้วนแล้วแต่สามารถสั่งงานผ่านทาง Smart Phone หรือ Tablet ได้ ซึ่งรวมไปถึงการเปิดปิดไฟ ล็อกหรือปลด ล็อกประตูบ้านอีก 2. Safety มีความปลอดภัยสูง ในด้านของความปลอดภัยจากการใช้ Smart Home จะช่วยให้เรา สามารถตรวจสอบ การเข้าออกบ้าน หรือ การตรวจสอบว่ามีประตูหรือ หน้าต่างบานไหน ที่เราลืม หรือไม่ได้ล็อคใว้หรือไม่ รวมถึงการติดตั้งระบบ เปิดปิดประตูที่มีระบบล็อกอัตโนมัติ และยังมีในส่วนของระบบกล้องวงจรปิด ที่สามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวและแจ้งเตือนหากมีสิ่งผิดปกติเวลาที่เรา ไม่อยู่บ้าน ซึงจะช่วยป้องกันอันตรายให้ชีวิตและทรัพย์สินของเราได้เป็น อย่างดี และทำให้เรารู้สึกอุ่นใจเมื่อไม่อยู่บ้านอีกด้วย

Page 4 3 Easyใช้งานง่าย ในส่วนของการใช้ Smart Home ทุกคนในบ้านสามารถใช้งาน Technology นี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม มีระบบสั่งการที่หลากหลาย ไม่ ต้องกังวลว่าผู้สูงอายุจะไม่สามารถใช้งานได้ เพราะมีระบบสั่งงานด้วยเสียง ไม่ว่าจะเป็น เปิด/ปิด ไฟ หรืออุปกรณ์ต่างๆ ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย และสะดวก 4. Save Energy ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า ในส่วนของการใช้พลังงานภายในบ้านนั้นที่มีระบบ Smart Home นอกจากเราจะสามารถตรวจสอบภายในระบบว่าเราลืมเปิด/ปิดไฟตัวไหน แล้ว ปัจจุบันการใช้เซนเซอร์ในการเปิดปิดไฟ เริ่มถูกใช้งานมากขึ้นเนื่องจาก ช่วยประหยัดพลังงานได้มาก และไม่ต้องกังวลว่าจะลืมปิดไฟด้วย 5. Safe cost ประหยัดค่าไฟฟ้าได้อย่างน้อย 10 – 30% จากข้อที่ 4 ที่ว่า Smart Home คือ ตัวช่วยในการใช้พลังงานนั้น จึง ส่งผลให้เกิดประโยชน์ในข้อที่ 5 นี้ขึ้น โดยอ้างอิงตามรายงานจากจาก US Environmental Protection Agency พบว่าผู้ที่ใช้ Technology Smart Home ภายในบ้าน สามารถประหยัดค่าไฟได้ถึง 10 – 30% ต่อเดือน เลย

Page 5 5. Safe cost ประหยัดค่าไฟฟ้าได้อย่างน้อย 10 – 30% จากข้อที่ 4 ที่ว่า Smart Home คือ ตัวช่วยในการใช้พลังงานนั้น จึง ส่งผลให้เกิดประโยชน์ในข้อที่ 5 นี้ขึ้น โดยอ้างอิงตามรายงานจากจาก US Environmental Protection Agency พบว่าผู้ที่ใช้ Technology Smart Home ภายในบ้าน สามารถประหยัดค่าไฟได้ถึง 10 – 30% ต่อเดือน เลย 6. Future เทคโนโลยีของอนาคต สำหรับประเทศของเรานะคะ เทคโนโลยีSmart home ยังถือว่าเป็น ของใหม่ และยังมีการใช้งานไม่มาก เนื่องด้วยปัจจัยหลาย ๆอย่าง แต่สำหรับ หลายๆประเทศที่มีการพัฒนาสูง ๆ ได้มีการใช้เทคโนโลยีนี้กันอย่างแพร่ หลาย และในอนาคต สำหรับประเทศไทยนั้น ค่อนข้างเชื่อว่าในการใช้ เทคโนโลยี Smart Home จะต้องมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต หรือคุณภาพชีวิตของเราไม่มากก็น้อย อย่างแน่นอนค่ะ



Page 7 2.SMART CITY เมืองอัจฉริยะ หรือ Smart City เป็นรูปแบบการประยุกต์เทคโนโลยี ดิจิทัล หรือข้อมูลสารสนเทศและการสื่อสารในการเพิ่มประสิทธิและคุณภาพ ของบริการชุมชน เพื่อช่วยในการลดต้นทุน และลดการบริโภคของประชากร โดยยังคงเพิ่มประสิทธิภาพให้ประชาชนสามารถอยู่อาศัยได้ในคุณภาพชีวิต ที่ดีขึ้น Smart City เป็นโครงการที่หลาย ๆ เมืองทั่วโลก พยายามพัฒนาให้ เข้ากับยุค 4.0 โดยการเอาเทคโนโลยีมาผสานกับการใช้ชีวิตของประชาชน ไม่ว่าจะทั้งด้านการขนส่ง การใช้พลังงาน หรือโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะทำให้ เมืองที่สะดวกสบายเหมือนในฝัน เกิดขึ้นได้จริง ทั้งยังทำให้ประชาชนอยู่ดีมี สุขกันด้วย แนวคิด Smart City เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ของเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) ซึ่งเป็นรากฐานในการเชื่อมโยง อุปกรณ์หรือสิ่งของรอบ ๆ ตัวเข้ากับโครงข่ายการสื่อสารแบบอินเทอร์เน็ต รวมไปถึงการวางผังเมืองที่ชาญฉลาด รองรับการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายรูป แบบการบริหารจัดการเมืองแบบ Smart City เป็นการสร้างเมืองที่จะมีการ เติบโตอย่างยั่งยืน เน้นการจัดสมดุลของสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงาน และ เลือกใช้พลังงานสะอาด จึงช่วยลดปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อม ปัญหา มลภาวะทางอากาศ น้ำเสีย ขยะ การระบายน้ำ ช่วยส่งเสริมสภาพแวดล้อม ที่ดี คุณภาพอากาศที่ดี เพิ่มพื้นที่สีเขียว และลดปรากฏการณ์เกาะความ ร้อน (Heat Island Effect)

Page 8 แม้ว่าประเทศไทยจะยังไม่มี Smart City ที่สมบูรณ์เป็นรูปเป็นร่าง แต่ก็ กำลังขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่เป้าหมายที่คัดเลือกเป็นเมืองอัจฉริยะต้นเเบ บด้วยกัน 7 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา โดยความร่วมมือของ 3 กระทรวง คือ กระทรวง พลังงาน กระทรวงคมนาคม และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จัด ทำแผนแม่บทการพัฒนาเมืองอัจฉริยะซึ่งมีแนวทางการขับเคลื่อนการ พัฒนาเมืองอัจฉริยะ เน้น 5 เสาหลักสำคัญ ดังนี้ เสาหลักที่ 1 การพัฒนาเมืองอัจฉริยะต้นแบบ มีเป้าหมายในการเลือก เมืองที่มีศักยภาพ ที่จะใช้สำหรับการดำเนินงานนำร่อง เพื่อสนับสนุน การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ เสาหลักที่ 2 การปฏิรูปกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ โดยมีเป้าหมายที่จะบูรณาการกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งระบบ เสาหลักที่ 3 สร้างกลไกบริหารจัดการในการขับเคลื่อนการพัฒนาเมือง อัจฉริยะไปสู่ภาคปฏิบัติ มีเป้าหมายให้มีผู้รับผิดชอบการบริหารจัดการ พื้นที่ จัดเตรียมองค์กร ระบบ และเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อส่งเสริม การให้บริการสาธารณะในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน เสาหลักที่ 4 ผลักดันเมืองอัจฉริยะด้วยการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม มีเป้าหมายในการส่งเสริมและต่อยอดการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่ สามารถนำไปปรับใช้สำหรับเมืองอัจฉริยะในอนาคต เสาหลักที่ 5 ส่งเสริมการจัดเก็บข้อมูล ตลอดจนเข้าถึงการเชื่อมโยงและ การใช้งานข้อมูล โดยมีเป้าหมายเพื่อเผยแพร่ข้อมูล สร้างการเรียนรู้ รวมทั้งสนับสนุนการวางแผน ตลอดจนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะอย่าง เป็นรูปธรรม

Page 9 องค์ประกอบสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ การที่จะเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) สมบูรณ์แบบ จำเป็นต้องมี องค์ประกอบ 7 อย่าง ดังต่อไปนี้ 1.Smart Mobility การสัญจรอัจฉริยะ 2.Smart Community ชุมชนอัจฉริยะ 3.Smart Economy เศรษฐกิจอัจฉริยะ 4.Smart Environment สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ 5.Smart Governance การปกครองอัจฉริยะ 6.Smart Building อาคารอัจฉริยะ 7.Smart Energy พลังงานอัจฉริยะ



Page 11 3.SMART GRID สมาร์ทกริด (Smart Grid) คือระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่นำ เทคโนโลยีหลากหลายประเภทเข้ามาทำงานร่วมกัน โดยครอบคลุมตั้งแต่ การประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีเหล่านั้นตลอดทั้งห่วงโซ่ของระบบไฟฟ้าตั้งแต่ การผลิตไฟฟ้า การส่งไฟฟ้า การจำหน่ายไฟฟ้า ไปจนถึงภาคส่วนของผู้ บริโภค ได้อย่างชาญฉลาด การสื่อสารในการเก็บข้อมูลและทำการสั่งการ ควบคุมโครงข่ายไฟฟ้าโดยใช้ข้อมูลดังกล่าวในการตัดสินใจ เช่น เก็บข้อมูล พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าจากผู้ใช้งานและการผลิตไฟฟ้าจากผู้ผลิตการ ควบคุมอัตโนมัติของระบบโครงข่ายไฟฟ้าเพื่อทำการปรับปรุงประสิทธิภาพ ความเชื่อถือได้ ความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ และความยั่งยืนในการผลิต และจ่ายไฟฟ้าในระบบโครงข่ายไฟฟ้า นั่นคือผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วไปตั้งแต่ภาคบ้าน เรือน ภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจและการพาณิชย์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยัง ครอบคลุมไปถึงการเชื่อมต่อพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนเข้าระบบโครงข่าย ไฟฟ้าและเตรียมพร้อมรองรับการนำรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาใช้งานในอนาคต เป็นต้น

Page 12 ประโยชน์ของ Smart Grid : ด้านระบบไฟฟ้า - ระบบส่งจ่ายไฟฟ้ามีความมั่นคง เชื่อถือได้และมีคุณภาพสูงขึ้นมาก - ระบบส่งจ่ายไฟฟ้าจะสื่อสารกันได้อย่างทั่วถึง ทําให้เพิ่มประสิทธิภาพสูงขึ้น - ในกรณีที่เกิดปัญหาไฟฟ้าดับขึ้น ผู้ใช้ไฟฟ้าจะสามารถกลับมาใช้ไฟฟ้าได้ ใหม่ภายในระยะเวลาอันสั้น ด้านบริการ - ผู้ใช้ไฟฟ้าตรวจสอบลักษณะการใช้ไฟฟ้าและลดค่าไฟฟ้าในแต่ละเดือนได้ - มีระบบแจ้งเตือนไฟฟ้าขัดข้องแบบอัตโนมัติ - มีบริการใหม่ ๆ ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม - สนับสนุนให้ผู้ใช้ไฟฟ้าประหยัดการใช้พลังงาน และผลิตพลังงานที่เป็นมิตร กับสิ่งแวดล้อม -สนับสนุนนโยบายภาครัฐในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ - สร้างความปลอดภัยให้ชุมชน



Page 14 4.SMART FARMING Smart Farming คือเกษตรกรที่มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและระบบ ดิจิทัล นวัตกรรม รวมถึงข้อมูล หรือแนวคิดทางธุรกิจแบบใหม่ เพื่อผลักดัน ประสิทธิภาพการผลิตของตัวเองให้ได้มากที่สุด ภายใต้งบประมาณที่เหมาะสม ที่สุด หลายคนเข้าใจว่าการทำงานของ Smart Farming นั้นไกลตัว แต่ในความ เป็นจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น การใช้อุปกรณ์สมาร์ทโฟนและแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อเก็บข้อมูลการเกษตร การผลิตและการคำนวณหาการเพาะปลูกที่เหมาะ สมที่สุด ก็เป็นขั้นแรกของ Smart Farming แล้วแนวคิดของ Smart Farming เพิ่มความเป็นไปได้ยิ่งขึ้นอีก เนื่องจากการพัฒนาของเทคโนโลยีและ ระบบดิจิทัล ที่ทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ IoT การใช้ งาน Big Data การใช้งานโดรน หรือการใช้หุ่นยนต์รูปแบบต่างๆ ร่วมกับ การเกษตรก็สามารถหาได้ง่ายขึ้น ต้นทุนลดต่ำลง โดยการใช้งาน Smart Farmer มีตัวอย่างดังต่อไปนี้

Page 15 ตัวอย่างของ Smart Farming การใช้เทคโนโลยี GPS เพื่อตรวจสอบพื้นที่การเกษตรและเทคโนโลยี จัดการข้อมูลเพื่อตรวจสอบสภาพภูมิอากาศในออสเตรเลีย ทำให้ เกษตรกรสามารถคาดเดาการรดน้ำใส่ปุ๋ยให้พืชผลของตนเองได้ การเกษตรของญี่ปุ่น ที่ภาครัฐและมหาวิทยาลัยได้มีการศึกษาแนวคิด รถแทร็กเตอร์ไร้คนขับ เพื่อนำมาใช้งานแทนแรงงานคน โดยรถแทร็ก เตอร์นี้จะสามารถทำงานได้ทั้งการไถ หว่าน ให้ปุ๋ย จนถึงการเก็บเกี่ยว การนำเทคโนโลยี Big Data มาประยุกต์ใช้ในฟาร์มญี่ปุ่น เพื่อรวบรวม ข้อมูลการปลูกพืชทั้งหมด มาวิเคราะห์ว่าการทำการเกษตรแบบไหน สามารถให้ผลตอบแทนได้ดีที่สุด เห็นได้ชัดว่าการทำการเกษตรด้วยแนวคิด Smart Farming นั้นครอบคลุม ตั้งแต่การวางแผนก่อนการหว่านเมล็ด จนถึงการขายสินค้า ทำให้เกษตรกร สามารถลดภาระของตัวเองได้ ด้วยการลงทุนในระบบที่ดีในระยะยาว

Page 16 ประโยชน์ของการทำการเกษตรแบบ Smart Farming ลดการใช้แรงงานคน เนื่องจากงานบางส่วนจะมีการใช้เทคโนโลยี เช่น โดรน หุ่นยนต์ รถไถอัตโนมัติ เข้ามาช่วย ดังนั้นจะลดภาระงานของคน โดยรวมได้ ได้สินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น การใช้เครื่องมือที่มีความแม่นยำสูงเข้ามา ช่วย จะทำให้เกษตรกรสามารถเพิ่มคุณภาพของสินค้าได้ ผ่านการ ปรับปรุงพันธุ์ ปรับสัดส่วนปุ๋ย การให้น้ำ การให้แสง เป็นต้น ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการทำงานที่มีการเก็บข้อมูลอยู่ ตลอดและการจัดการในรูปแบบ Zero Waste ทำให้เกษตรกรสามารถ คำนวณพื้นที่การปลูก รูปแบบพันธุกรรมต่างๆ ให้มีคุณภาพที่ดี ตาม ต้องการของผู้บริคในลักษณะต่างๆ หรือในลักษณะ customization เพื่อขายได้ในราคาที่เหมาะสม ไม่ล้นตลาด มีการขายที่ง่ายขึ้น ในปัจจุบันชาวนาชาวสวนสามารถเข้าถึงการขายได้ ง่ายผ่านการตลาดออนไลน์ในแอปพลิเคชันต่างๆ โดยการสนับสนุนจาก ภาครัฐหรือบริษัทเอกชน

Page 17 ชัดเจนว่าการนำระบบ Smart Farm มาประยุกต์ใช้นั้นได้ประโยชน์อย่าง มาก โดยเฉพาะประเทศไทยที่การทำเกษตรยังคงเป็นหัวใจหลักของประชาชน ทว่าในการทำงานจริงนั้นอาจไม่ได้สวยงามเสมอไป ซึ่งการทำงานดังกล่าวมี ความเป็นไปได้ดังนี้ Smart Farmer ในไทยและการทำงานจริง สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับสำหรับการทำงานด้วย Smart Farm คือ การเข้า ถึงเทคโนโลยีและะระบบดิจิทัลต่างๆ ยังคงเป็นอุปสรรคกับพี่น้องเกษตรกรอยู่ ไม่น้อย จนสามารถกล่าวได้ว่าแนวคิดนี้ยังต้องใช้เวลาอีกมากสำหรับการ ประยุกต์ใช้งานจริง ขณะเดียวกัน ในหน่วยงานทั้งจากภาครัฐและเอกชนก็มีการลงทุนในด้าน เทคโนโลยีนี้เพื่อทำให้การผลิตภายในประเทศดีขึ้น เช่นบริษัท เอไอ โรโบติกส์ เวนเจอร์ ในเครือ PTTEP ได้ร่วมลงทุนในการสร้างระบบโดรนนวัตกรรม การเกษตร พร้อมบริการครบวงจร รวมถึงระบบการเก็บข้อมูล เพื่อทำให้ทาง เกษตรกรเข้าถึงเครื่องมือชนิดนี้ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ปตท. ส่งเสริมและผลักดันกลุ่ม “วังจันทร์รวมรัก ปลูกผักแบ่ง ปัน” ในการสร้างร้านค้าผักวังจันทร์ ซึ่งเป็นตลาดออนไลน์สำหรับจำหน่าย ผลผลิตจากชุมชนราษฎรตำบลป่ายุบใน อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง จำนวน 8 หมู่บ้านครัวเรือนนำร่อง ผลกำไรจากการจำหน่ายผักจะปันผลคืนให้ แก่สมาชิก แน่นอนว่าการใช้งานอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ระบบ IoT และการใช้ Robotics ในการเกษตร รวมถึง Smart Farmer เองก็ยังเป็นหนึ่งในหัวข้อสำคัญ สำหรับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีด้วย คาดว่าหลังจากนี้ในส่วนของ การเกษตรจะมีการใช้งานเทคโนโลยีต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างเป็นนัยสำคัญอย่าง แน่นอน

Page 18 สรุป การทำการเกษตรแบบ Smart Farmer นั้นมีส่วนช่วยอย่างมากในการ ยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องเกษตรกร ทั้งรายย่อยและรายใหญ่ รวมถึง ทำให้ผู้บริโภคได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ทว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะกระจายเทคโนโลยี และระบบดิจิทัลรวมถึงบอกเล่าความรู้เหล่านั้นไปสู่มือของเกษตรกร จึงอาจ เป็นหน้าที่ของทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลและสนับสนุนใน ระยะยาว เพื่อทำให้การเกษตรแบบอัจฉริยะนี้กลายเป็นหนึ่งในหนทาง พัฒนาคุณภาพของประเทศไทยในอนาคต



Page 20 5.CONNECTED CAR Connected Car เป็นการประยุกต์ใช้งานอย่างหนึ่งของ Internet of Things (IoT) โดยเป็นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้กับยาน ยนต์และการคมนาคมขนส่ง ทำให้รถยนต์สามารถสื่อสารกับสิ่งต่างๆ หรือ เป็นเหมือน “สมาร์ทโฟนติดล้อ (Smartphone on wheels)” ตามคำ กล่าวของ Akio Toyoda ประธานบริษัท Toyota Motor Corporation Connected Car จะทำให้เกิดบริการแอพพลิเคชันและรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ที่ ช่วยให้การคมนาคมขนส่งมีความปลอดภัยมากขึ้น มีประสิทธิภาพคล่องตัว มากขึ้น ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้เดินทาง ดังนี้ 1. บริการด้านข่าวสารและความบันเทิง (Infotainment) โดยผู้ โดยสารรถยนต์สามารถดูหนังฟังเพลงจากในรถที่ sync ข้อมูลกับโทรศัพท์ มือถือ ทำให้ประสบการณ์ในการใช้งานระหว่างอุปกรณ์เป็นไปอย่างลื่นไหล ตัวอย่างเช่น Apple Carplay 2. บริการประกันภัยที่คิดเงินตามการขับจริง (Usage-based Insurance) โดยจากข้อมูลลักษณะการขับขี่จะทำให้บริษัทประกันภัย สามารถประเมินความเสี่ยงของผู้ขับขี่ได้ดีขึ้น และนำมาคิดค่าเบี้ยประกัน ตามพฤติกรรมในการขับรถได้ เช่น ผู้ขับขี่เป็นระยะทางสั้นๆ และใช้ความเร็ว ต่ำ ก็จะจ่ายค่าเบี้ยประกันต่ำกว่าผู้ขับขี่ระยะทางไกลๆ และใช้ความเร็วสูง

Page 20 4) บริการตรวจเช็ครถยนต์จากระยะไกล (Remote Diagnostic and Maintenance) โดยเซนเซอร์ที่อยู่บนรถยนต์จะตรวจวัดสภาพรถและส่ง ข้อมูลไปยังศูนย์บริการโดยอัตโนมัติ ทำให้ศูนย์บริการสามารถวิเคราะห์ สภาพรถและพยากรณ์การเสียของรถได้ล่วงหน้าแล้วแจ้งให้ผู้ขับขี่นำรถมา ซ่อมได้ก่อนที่จะเกิดการเสียจริง 5) การสื่อสารของรถยนต์กับสิ่งรอบตัว (Vehicle-to-Everything Communications: V2X) โดยมีทั้งการสื่อสารระหว่างรถยนต์ (Vehicle- to-vehicle: V2V) เช่น รถยนต์คันหน้าแจ้งเตือนรถยนต์ที่ตามมาเมื่อมี การเบรกเพื่อความปลอดภัย การสื่อสารระหว่างรถและโครงสร้างพื้นฐาน (Vehicle-to-infrastructure: V2I) เช่น สัญญาณไฟจราจรอาจแจ้งให้ รถหลีกเลี่ยงเส้นทางรถติด ช่วยให้การคมนาคมคล่องตัวขึ้น ซึ่งการสื่อสาร ของรถยนต์ในลักษณะนี้จะเป็นโอกาสของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในการ เข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมยานยนต์ ตัวอย่างเช่น การจัดตั้งสมาคม 5G Automotive Association ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างผู้เล่นใน อุตสาหกรรมโทรคมนาคมกับอุตสาหกรรมยานยนต์ 6) การประยุกต์ใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) โดยสามารถนำข้อมูลจาก เซนเซอร์ต่างๆ ที่ติดตั้งในรถยนต์มาใช้ในการวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงระบบ การคมนาคมขนส่งและการพัฒนาเมือง ตามแนวคิดของเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ได้ เช่น หากเซนเซอร์ตรวจพบการเบรกของรถยนต์บนถนน เส้นหนึ่งอย่างผิดปกติ อาจเป็นไปได้ว่าผู้ใช้ทางเบรกเนื่องจากถนนดังกล่าว เกิดการทรุดตัว ข้อมูลดังกล่าวสามารถนำมาใช้ในการแจ้งผู้เกี่ยวข้องเพื่อ ซ่อมแซมถนนได้ 7) การขับขี่โดยอัตโนมัติ (Automated Driving) โดยนำการสื่อสารมาใช้ ร่วมกับเซนเซอร์ต่างๆ ซึ่งใช้ในการตรวจจับสิ่งที่อยู่รอบตัว



Page 22 6.SMART RETAIL ระบบร้านค้าปลีกอัจฉริยะ (Smart Retail Solution) ในยุคที่ เทคโนโลยีมีการก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วและมีบทบาทสำคัญในชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมของทุกคน คงเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ในรอบหลายปีที่ผ่าน รูปแบบการซื้อของผู้บริโภคมีแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไปจากกระแสเทคโนโลยี (Technology disruption) อาทิเช่น การซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ (Online shopping) แว่นตาภาพเสมือนจริง(Virtual reality) และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การปรับตัวให้ก้าวทันต่อเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงใน ทุกๆ วัน จึงเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการหลายๆ รายที่ต้องแข่งขันกัน และเรียนรู้เพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ในด้านอุตสาหกรรมค้าปลีกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการซื้อและเข้าถึงสินค้า ที่ต้องการของผู้บริโภคกับพฤติกรรมการซื้อ การลดต้นทุนของการดำเนิน งาน(Operation cost) และการเก็บข้อมูลลูกค้า (Customer static) จึง เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมร้านค้าปลีกยุคใหม่ (Smart Retail solution) ซึ่งมีจุดเด่นหลักดังต่อไปนี้

Page 23 1. ระบบป้องกันบุคคลต้องสงสัยจากใบหน้า (Face recognition) เพื่อป้องกันการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการโจรกรรม โดยบุคคลผู้ต้องสงสัย เดิม ผู้ประกอบการสามารถนำใบหน้าของผู้ต้องสงสัยจากการโจรกรรมใน ร้านค้ามาบันทึกในระบบ เพื่อป้องกันการกระทำผิดซ้ำหากผู้ต้องสงสัยย้อน กลับมาที่ร้าน 2. ระบบนับจำนวนบุคคลด้วยกล้อง (People counting camera) สามารถนับจำนวนของลูกค้าในจุดเข้า-ออก แล้วทำรายงานทางสถิติเพื่อ วางแผนการใช้ทรัพยากรบุคคลในแต่ละช่วงเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพของ ระบบบริหารจัดการ

Page 24 3. ระบบภาพแสดงความหนาแน่นของผู้ใช้บริการ (heatmap) ระบบเก็บข้อมูลความหนาแน่นของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ สามารถทำรายงาน กำหนดช่วงเวลาต่างๆ เพื่อนำมาวิเคราะห์พื้นที่หรือสินค้าที่ได้รับความนิยม บริหารจัดการพื้นที่ให้เกิดความสะดวกสบาย และวางแผนการขายให้มี ประสิทธิภาพ 4. ระบบนับคนในขณะเข้าคิว (People counting in queue) เป็นระบบแจ้งเตือนเมื่อมีลูกค้ารอคิวมากกว่าที่กำหนดไว้ ในชุดเช็คอิน หรือ จุดชำระสินค้า เพื่อแจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการให้ทราบโดยทันที

Page 25 5. ระบบตรวจจับความหนาแน่นของชั้นวางสินค้า (shelf fullness check) ระบบจับภาพชั้นวางสินค้าและแจ้งเตือนปริมาณของสินค้าที่เหลืออยู่ไปยัง พนักงานให้มาเติมสินค้าให้เต็มอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างโอกาสการขาย สินค้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ลดการเสียโอกาสจากชั้นวางสินค้าที่ไม่เต็ม



Page 27 7.SMART WEARABLE แวร์เอเบิ้ล (Wearable) คืออะไร? มีประวัติความเป็นมาจากไหน? Wearableก็คืออุปกรณ์สวมใส่ติดตัวกับร่างกายเสมือนว่าสิ่งของชิ้นนี้ที่เรา พกพาเป็นดั่งอวัยวะส่วนนึงของร่างกายที่เราจะขาดเสียไม่ได้ในชีวิตประจำ วันหรือห่างตัวเราไม่ได้เลยหากคิดและมองให้ดี Wearable มันก็เหมือนของ เล่นที่เราเล่นหรือใช้จนเกิดอาการเสพติดขาดมันไปเราก็ลงแดงแล้วถ้าเรา ย้อนอดีตไปในช่วงยุคต้น ๆ จากการที่ผมสืบค้นหาข้อมูลจากหลาย ๆ เว็บที่ มีเรื่องราวประวัติของ Wearable พบว่ามันเริ่มมาจากสิ่งประดิษฐ์ง่าย ๆ อย่าแว่นตาที่มีต้นกำเนิดจากประเทศอิตาลี ในช่วงค.ศ 1285 และมีการ พัฒนาตัวแว่นตามาเรื่อย ๆ โดยเริ่มต้นโดยบาทหลวง Giordano da Pisa เป็นผู้คิดค้นแว่นตาขึ้นมานับ เป็นเวลาถึง 12 ปีที่เขาคิดค้นและพัฒนาและนำสู่การปฏิวัติให้ผู้คนที่มีปัญหา ทางสายตาได้มองเห็นได้อย่างชัดเจนเหมือนเป็นคนปกติหรืออย่างเครื่อง คิดเลขอย่างลูกคิดที่ชาวจีนคิดค้นขึ้นในช่วงยุคทศวรรษที่ 17 และดัดแปลง ให้มันเล็กลงจนเป็นแหวนเป็นต้น

Page 28 Wearable Technology ในยุคใหม่เริ่มต้นจากไหน? Wearable หรืออุปกรณ์สวมใส่นั้นตามที่กล่าวตอบไว้แล้วและหลาย ๆ คนรู้จักดีอย่าง Smartwatch ที่ คนในยุคไอทีอยากได้มาใช้งานโดยมี ประโยชน์ในด้านช่วยให้คนเราที่รักสุขภาพหรือรักการออกกำลังกายได้รับรู้ ว่าแต่ล่ะวันใช้พลังงานไปกี่แคลโลรี่ เดินวิ่งไปกี่ก้าว นอนไปกี่ชั่วโมง หรือตั้ง เวลากำหนดแจ้งเตือนหรือใช้งานร่วมกับ Smart Phone เพื่อช่วยแจ้งเตือน นัดหมาย แจ้งเตือนว่ามีมิสคอลกี่สาย มีแมสเซสข้อความเข้ามันก็ช่วยให้เรา คล่องตัวขึ้นแต่นั้นมันไม่ได้เหมาะกับคนทุกคนเพราะ Life Style แต่ล่ะคน ต่างกันไปอีกอย่างเจ้าตัว Wearable ในยุคไอทีมีความเกี่ยวข้องกับงาน ด้านแฟชั่นรวมอยู่ด้วยตัวอย่าง Wearable ที่เกิดขึ้นมาสำหรับผู้ชื่นชอบ ออกกำลังกายและเป็นจุดเริ่มต้นก็คงเป็นอุปกรณ์ของไนกี้คือ Nike+ FuelBand Wearable Technology มีชื่อเรียกว่าแยกประเภทใดบ้าง? 1.Smart Glasses 2.smart watch 3.smart ring 4.smart bracelet 5.smart shoes

Page 29 สรุป ไม่ว่าโลกของเราและเทคโนโลยีจะหมุนไปเร็วเพียงใดเราจะมีอุปกรณ์ คอยช่วยอำนวยความสะดวกและช่วยแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันของเรา ที่แสนจะยุ่งเหยิงแค่ไหนตัวเราก็ยังคงคอยพึ่งพาอาศัยเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่เสมอเพื่อให้ทันโลกทันเกมการแข่งขันเพราะชีวิตคือ “การแข่งขัน” ที่มี มูลค่าสูงกว่าเงินทองหรือสิ่งใด ๆ แต่เราจะใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Wearable ต่าง ๆ เหล่านี้มาประยุกต์ใช้อย่างไร้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดก็ ขึ้นกับตัวเราเอง



Page 31 8.SMART SUPPLY CHAIN Supply Chain คือ Supply Chain หรือ ห่วงโซ่อุปทาน คือ กระบวนการตั้งแต่การติดต่อซัพพลายเออร์เพื่อนำวัตถุดิบจนเข้าสู่ กระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ การจัดเก็บ จนถึงขั้นตอนการนำส่ง ถึงมือลูกค้า เป็นสิ่งสำคัญที่ธุรกิจจำเป็นต้องศึกษาเพื่อลดค่าใช้จ่ายและ เพิ่ทโอกาสแห่งการเติบโตในอนาคต หากแปลอย่างเข้าใจง่าย Supply Chain คือ ห่วงโซ่อุปทาน หมายถึง กระบวนการต่าง ๆ ตั้งแต่ก่อนผลิตสินค้ากระทั่งนำสินค้าไปสู่กลุ่มผู้บริโภค เพื่อความพึงพอใจสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการจัดซื้อวัตถุดิบ, การผลิต, การจัด เก็บ, การนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วย, จัดจำหน่ายสินค้า, การขนส่ง สินค้า ซึ่งตรงนี้หากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าทุกกระบวนการมีความเชื่อมโยง ถึงกันทั้งหมด และต้องผ่านขั้นตอนตามมาตรฐานเพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความ ประทับใจต่อผลิตภัณฑ์ดังกล่าว Supply Chain มีประโยชน์อย่างไร เมื่อรู้ถึงความหมายของ Supply Chain กันแล้ว คราวนี้ก็มาเข้า เรื่องราวของประโยชน์ที่จะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นว่า หากมีระบบ Supply Chain ซึ่งจริง ๆ รวมถึง Supply Chain Management หรือ ระบบบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน ที่ดี ย่อมช่วยส่งเสริมความสำเร็จให้กับ องค์กรได้เยอะมาก และนี่คือประโยชน์ของ Supply Chain

Page 32 1. มีระบบขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน เมื่อทุกอย่างถูกวางเอาไว้ตั้งแต่เริ่มต้นการผลิตด้วยซ้ำ นั่นคือจัดซื้อวัตถุดิบ ต่าง ๆ ไปจนถึงกระบวนการจัดเก็บ, การซื้อขายสินค้า, การขนส่ง ท้ายที่สุด คือไปถึงมือลูกค้า นั่นแสดงให้เห็นว่าหากมีวิธีบริหารจัดการ supply chain ที่ดีจะช่วยให้การทำงานคล่องตัว มีความเป็นขั้นตอนชัดเจน พนักงานทำงานง่ายขึ้น ตัวผู้บริหารรับรู้ถึงปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แก้ไขได้ รวดเร็ว 2. องค์กรเดินหน้าได้เร็วกว่าคู่แข่ง เมื่อระบบจัดการต่าง ๆ มีประสิทธิภาพย่อมเป็นเรื่องปกติที่จะทำให้องค์กร สามารถเดินหน้าได้เร็วกว่าคู่แข่งของตนเอง เรื่องนี้เป็นสิ่งเพิ่มโอกาสแห่ง ความสำเร็จให้กับคนทำธุรกิจได้เป็นอย่างดี เพราะทุก ๆ องค์กรย่อมมีเป้า หมายของตนเองชัดเจนอยู่แล้ว เมื่อนำระบบจัดการที่มีมาตรฐานเข้ามา เสริมอีก คราวนี้ก็เดินหน้าแบบก้าวกระโดดกันเลย 3. ประหยัดต้นทุนมากขึ้น เรื่องต้นทุนเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจ เพราะยิ่งต้นทุนสูงแต่ราคา ขายเท่าเดิม หมายถึง การขาดทุนกำไร แต่เมื่อกำไรก็ไม่มีแต่ต้นทุนยังสูง เหมือนเดิม เท่ากับการขาดทุนแบบจริงจัง ดังนั้นระบบ Supply Chain จะ ช่วยให้คุณรู้ว่าแต่ละขั้นตอนนั้นมีค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนที่เกิดขึ้นเท่าไหร่ สามารถควบคุมหรือลดปริมาณต้นทุนบางส่วนที่ไม่จำเป็นลงได้ 4. สร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ท้ายที่สุดการมีระบบ Supply Chain ที่ดีจะช่วยให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ และอยากกลับมาซื้อสินค้าของคุณอยู่เรื่อย ๆ ตรงนี้ย่อมส่งผลดีต่อธุรกิจที่ จะเติบโตไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ซึ่งเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็คาดหวังอยากให้ เกิดขึ้นทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้การบริหารจัดการระบบ Supply Chain ให้ถูกต้อง จะช่วยให้องค์กรก้าวไปตามจุดมุ่งหมายที่คาดหวังเอาไว้ได้จริง

Page 33 องค์ประกอบของ Supply Chain มีอะไรบ้าง ในด้านองค์ประกอบของระบบ Supply Chain คือ รูปแบบการทำงาน ในขั้นตอนต่าง ๆ ที่มีความเชื่อมโยงเพื่อเข้าสู่เป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ ความ พึงพอใจของลูกค้า ตั้งแต่เริ่มต้นจัดหา จัดซื้อวัตถุดิบ, การผลิต ไปจนถึงขั้น ตอนต่าง ๆ หลังการผลิตและถึงมือลูกค้า ซึ่งหลัก ๆ แล้วสามารถแยกออก ได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ 1. Upstream Supply Chain ห่วงโซ่อุปทานที่เตรียมเข้าสู่ขั้นตอนการผลิต ตรงนี้ปัจจัยหลัก ๆ ขององค์ ประกอบก็คือ การจัดหาซัพพลายเออร์ (Supplier) ที่ดี เพื่อการจัดซื้อ วัตถุดิบต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพและได้มาตรฐาน ราคาคุ้มค่า เหมาะกับ การนำมาใช้เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการผลิตต่อไป 2. Internal Supply Chain ห่วงโซ่อุปทานในระหว่างขั้นตอนการผลิต อธิบายให้เข้าใจง่ายก็คือ การ เปลี่ยนจากวัตถุดิบที่จัดซื้อเข้ามาสู่ผลิตภัณฑ์ที่ต้องการออกสู่ท้องตลาด หลัก ๆ เลยจะต้องมีผู้ผลิต, การนำเอาเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาประกอบเพื่อ ให้ผลิตภัณฑ์ตรงกับความต้องการของลูกค้า และเป็นไปตามมาตรฐานที่ วางเอาไว้มากที่สุด ไปจนถึงขั้นตอนการจัดเก็บสต็อกสินค้าอย่างมีระเบียบ มีพื้นที่เหมาะสม 3. Downstream Supply Chain ห่วงโซ่อุปทานเข้าสู่ขั้นตอนส่งถึงมือลูกค้า หลังจากผ่านการนำเข้าวัตถุดิบ จนถึงการผลิต ท้ายที่สุดผลิตภัณฑ์ก็ต้องถูกส่งให้ถึงมือลูกค้า ซึ่งจะมีส่วน เกี่ยวข้องหลัก ๆ คือ ช่องทางการซื้อ-ขาย, การขนส่งสินค้า และความพึง พอใจของลูกค้าเมื่อได้ใช้งานผลิตภัณฑ์ดังกล่าว

Page 34 การจัดการ Supply Chain 5 กระบวนการ ท้ายที่สุดเพื่อสร้างระบบ Supply Chain อย่างมีประสิทธิภาพ มา ทำความเข้าใจกับแนวทางการจัดการทั้ง 5 กระบวนการ เพื่อเป็นตัวช่วยให้ ธุรกิจก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง 1. การจัดซื้อวัตถุดิบ Purchasing ส่วนสำคัญมาก ๆ ในเรื่องนี้คือการจัดหาซัพพลายเออร์ที่มีคุณภาพ พร้อม ทั้งทีมฝ่ายจัดซื้อต้องมีความเชี่ยวชาญ สามารถต่อรองราคาได้ในจำนวนที่ เหมาะสม คุ้มค่ากับต้นทุนที่จ่ายไปจริง ๆ นี่คือปัจจัยสำคัญลำดับแรกของ กระบวนการจัดการ Supply Chain 2. การผลิต Manufacturing เมื่อได้วัตถุดิบมาแล้วก็เข้าสู่กระบวนการผลิต ตรงนี้จะมีเรื่องของเทคโนโลยี และระบบสารสนเทศต่าง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเพื่อเป็นตัวช่วยในการผลิต ให้เกิดความทันสมัย สินค้าออกมามีคุณภาพ ได้มาตรฐานตามความพึง พอใจของลูกค้า เป็นอีกสิ่งสำคัญที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาด 3. การตลาด Marketing แม้ว่าการผลิตสินค้าจะยังไม่เสร็จดีแต่กระบวนการต่อมาของ Supply Chain ที่ต้องทำรอเอาไว้ล่าวงหน้าเลยคือ ช่องทางการตลาด หรือบางคน อาจเรียกแค่ช่องทางการซื้อ-ขายก็พอได้ หลักคือทำให้คนหันมาสนใจและ ยินดีใช้สินค้าของธุรกิจมากที่สุด เช่น มีการโฆษณา, สร้างโปรโมชั่น, กำหนดราคาสินค้าให้เหมาะสม เป็นต้น กระบวนการเหล่านี้คืออีกหัวใจ สำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้อย่างคุ้มค่า เพราะถ้าผลิตมา แต่การตลาดไม่ดีก็มีสิทธิ์จมทุน

Page 35 4. การกระจายสินค้า Distribution ต้องแยกความต่างจากการขนสง่ ก่อน การกระจายสินค้าในระบบ Supply Chain จะเน้นไปที่เรื่องของสต็อกสินค้าเป็นหลัก อธิบายแบบเข้าใจง่ายคือ หลังการผลิตสินค้าเสร็จอาจมีการกระจายสินค้าไปไว้ตามสต็อกหลาย ๆ แห่ง เพื่อให้สะดวกต่อการขนส่งในลำดับต่อไป ซึ่งคลังสินค้าจะต้องมี มาตรฐานเพื่อให้สินค้าไม่เกิดความเสียหาย 5. การขนส่ง Logistics ท้ายที่สุดของกระบวนการ Supply Chain คือ การขนส่งสินค้าไปยังลูกค้า ซึ่งในที่นี้ไม่ได้หมายถึง ผู้บริโภคคนสุดท้ายเสมอไป แต่อาจเป็นช่องทางการ จัดจำหน่ายที่ได้ตกลงกันไว้ อาทิ ร้านสะดวกซื้อ, ร้านโชห่วยต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งความสำคัญของระบบขนส่งคือ ต้องตรงเวลา สินค้าไม่เกิดความเสีย หาย ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของ Supply Chain เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มความ เข้าใจให้กับธุรกิจได้มากขึ้นกว่าเดิม และอย่าลืมว่านี่เป็นระบบที่มีความ สำคัญมาก ๆ ดังนั้นอย่าคิดแค่การทำแบบผิวเผินเท่านั้น แต่ต้องเจาะลึกใน ขั้นตอนต่าง ๆ อย่างถูกต้อง เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้ธุรกิจเดินไปข้างหน้า อย่างมั่นคงไม่ยาก

บรรณานุกรม ribbiebo. (2015). Smart home คืออะไร?. [ออนไลน์]. จาก:https://www.indyinsights.info Engineering Today. (2020). เมืองอัจฉริยะ (Smart City) คืออะไร และ จะเกิดขึ้นได้อย่างไร.[ออนไลน์]. จาก:https://www.engineeringtoday.net การไฟฟ้านครหลวง. (2020). Smart Grid คืออะไร ? ตอบสนองวิถีชีวิต คนในเมืองอย่างเราได้ยังไงนะ .[ออนไลน์]. จาก:https://www.mea.or.th/content/detail/82/3131/5524 expresso. (2020). Smart Farmer คืออะไร ? ช่วยลดต้นทุนทางการ เกษตรได้อย่างไรบ้าง .[ออนไลน์]. จาก:https://blog.pttexpresso.com/what-is-smart- farmer/ Techsauce Team. (2018). Connected Car : เทคโนโลยีดิจิทัลกับยาน ยนต์.[ออนไลน์].จาก:https://techsauce.co/tech-and- biz/connected-car entech. (2021). ระบบร้านค้าปลีกอัจฉริยะ (Smart Retail Solution) .[ออนไลน์]. จาก:https://www.entech.co.th ByakkoHD. (2015). แวร์เอเบิ้ล (Wearable) เทคโนโลยีเคียงคู่ Life Style สุดล้ำหน้า.[ออนไลน์]. จาก:https://ireview.in.th/article- what-is-wearable-technology/ tIGER. (2021). Supply Chain คืออะไร? 5 กระบวนการจัดการห่วงโซ่ อุปทาน.[ออนไลน์]. จาก:https://thaiwinner.com/supply- chain/


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook