Toxic Family ดร.อภิรัชศักดิ์ รัชนีวงศ์ Toxic Family1 หมายถึง พ้ืนที่ที่เป็นพิษต่อสมาชิกในครอบครัว ซ่ึงเกิดจากการแสดง พฤติกรรมบางอย่างของสมาชิกในครอบครัวท่ีทาลายความสัมพันธ์ท่ีดีของครอบครัว เช่น การ ไม่ให้เกียรติซ่ึงกันและกัน การใช้อานาจข่มขู่ การทาร้ายร่างกายและจิตใจ จนทาให้เกิด ความเครียด ความทุกข์ทางจิตใจและอารมณ์ และทาให้สมาชิกในครอบครัวรู้สึกว่า ครอบครัว ไม่ใช่พื้นที่ปลอดภยั อกี ต่อไป Toxic Relationship4 คือความสัมพันธ์เชิงลบท่ีย่ิงใช้เวลาร่วมกันมากเท่าไหร่ก็ย่ิงรู้สึก บ่ันทอนกนั และกันไปมากเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการไม่ให้เกียรติกัน ไม่เคารพตัวตนของกันและกัน หรอื ใชอ้ านาจในการพยายามควบคุมคนอ่ืนๆ ซ่ึงในตอนแรกน้ัน ความสัมพันธ์นี้มักใช้พูดในกรณี ของคู่รักและคคู่ รองแต่มาในตอนนี้กลบั ใช้ครอบคลุมไปถึงความสัมพันธ์ภายในครอบครัว ไม่ว่าจะ เปน็ พอ่ แม่, พอ่ กบั ลกู , แมก่ บั ลกู , พ่ีน้อง, ญาตผิ ู้ใหญก่ ับพอ่ แม่, ลุงปา้ นา้ อากบั หลาน Toxic Parents (พ่อแม่เป็นพิษ)2 คือ พฤติกรรมหรือการกระทาบางสิ่งบางอย่างท่ี พอ่ แมท่ าซา้ แล้วซา้ เลา่ (บางคร้ังก็ผิดธรรมชาติ) จนก่อให้เกิดบาดแผลในใจของลูก และบาดแผล นั้นกส็ ง่ ผลกระทบตอ่ การดาเนนิ ชวี ติ ของเขาตงั้ แต่วัยเดก็ ไปจนถึงเติบโตเป็นผ้ใู หญ่ Toxic people (คนเป็นพิษ)9 เป็นคาที่ใช้เรียกคนท่ีมีนิสัยยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง ชอบควบคุมบงการคนอ่ืน เจ้าอารมณ์ และบ่อยคร้ังที่คาพูดและการกระทาของของคนเหล่านี้ ทารา้ ยคนรอบตัวให้รสู้ ึกแย่ เครียดและเจบ็ ปวด การอยู่ใกลค้ นเป็นพิษจงึ ทาร้ายเราท้ังทางร่างกาย และจติ ใจ ทม่ี า https://thaihypnosis.com/Content/page/
๒ ความแตกต่างของคนแต่ละรุ่นน่าจะเป็นหน่ึงในสาเหตุท่ีทาให้เกิดความขัดแย้งกัน ระหว่างสมาชิกในครอบครัว3 Baby Boomer มักให้ความสาคัญกับการสร้างครอบครัวและ การคงไวซ้ ึ่งขนบธรรมเนยี ม คน Gen X มักมองไปยังการสร้างความม่ันคงทางการเงิน แต่สาหรับ Gen Y แลว้ โดยมากมกั แสวงหาหนทางในการสร้างความเปล่ียนแปลงทางสังคม และ Gen Z คือ รุ่นที่มักถูกมองว่าเป็นรุ่นท่ีเกิดและเติบโตข้ึนมาพร้อมกับเทคโนโลยีท่ีพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทาใหม้ ีพื้นท่ใี นการคน้ หาความตอ้ งการของตัวเองมากกวา่ และตน่ื รเู้ รือ่ งความเป็นปัจเจกของตัวเอง รวดเรว็ กว่ารุ่นไหนๆ ถ้าเราลองจับคู่ว่าโดยมากแล้ว Baby Boomer มักมีลูกเป็นคน Gen Y และ คน Gen X มักมีลกู เป็นคน Gen Z กไ็ มย่ ากอะไรท่ีจะคาดเดาวา่ การนาคนตา่ งรุ่นเหลา่ น้ีอยู่ร่วมกัน อาจก่อให้เกิดความไม่ลงรอยต่อกันในระดับแนวคิดพื้นฐานไปจนการใช้ชีวิต ตัวอย่างท่ีอาจเป็น จุดเริ่มต้นของความขัดแย้งท่ีกลายเป็นความท็อกซิกน้ีได้ คือมุมมองต่อวัยและความเคารพ ในขณะที่ Baby Boomer อาจเชื่อในความเคารพต่อคนอายุมากกว่าไม่ว่าจะในกรณีใด อาจจะ เพราะประสบการณ์ที่พวกเขาผ่านมา แต่ Gen Y และ Z อาจมองว่าคนทุกวัยควรอยู่ในระดับ เดียวกัน และต้องการให้ผู้ใหญ่อยู่ในตาแหน่งท่ีจับต้องได้มากกว่าคนท่ีอยู่เหนือกว่า หรือ คน Gen X อาจมองว่าลูกต้องสืบทอดและสานต่อกิจการที่พวกเขาทามาตลอดชีวิต แต่คนรุ่น หลังจากนั้นอาจต้องการทางานตามความฝันและความถนัดของตัวเองมากกว่า แต่ Generation Gap เป็นอย่างเดียวท่ีทาให้เกิดความท็อกซิกในครอบครัวหรือเปล่า? ถ้าเป็นอย่างน้ันแล้ว ทาไมการดีลกับผู้ใหญ่หรือเด็กในและนอกครอบครัวถึงให้ความรู้สึกแตกต่างกัน? เพราะมิติและ ความต้องการในความสัมพันธ์จากครอบครัวนั้นแตกต่างออกไปจากความสัมพันธ์แบบอื่นๆ ในความต้องการของหลายๆ คน บ้านควรเป็นเซฟโซนจากโลกภายนอกท่ีเหนื่อยหน่าย ในขณะท่ี หลายๆ คนมองว่าความสัมพนั ธค์ รอบครัวเก่ียวขอ้ งกบั ความใกล้ชิด หรือบางคนมองว่าคือท่ีท่ีพวก เขาสามารถหาที่พ่ึงพิงได้เม่ือแก่เฒ่า เม่ือมุมมองและความคาดหวังเหล่าน้ันชนกันก็อาจนาไปสู่ ความขดั แยง้ และความรู้สึกไมพ่ งึ ประสงค์ มติ เิ หลา่ น้ยี ่ิงซบั ซอ้ นขึน้ ไปเม่ือเราพูดถึงบางวัฒนธรรมท่ี มีลาดับชั้นในสายเลือด คนท่ีเกิดจากลูกชายคนโตมีลาดับช้ันสูงท่ีสุดในบ้าน สามารถสร้างความ ขัดแยง้ ภายในระหวา่ งคนในรุน่ เดยี วกนั ได้อกี ตา่ งหาก ฉะนั้นไม่ใช่เพียงช่องว่างระหว่างวัยเป็นเหตุ เทา่ นัน้ ทางออกของปญั หาภายในครอบครัวทีเ่ ร่ิมมาจากความแตกต่างและช่องวา่ งระหว่างวัยอาจ ตอ้ งเรมิ่ จากการสอื่ สาร โดยในการสื่อสารนั้นตอ้ งอาศัยการเปิดใจฟังจากทั้งสองฝัง่ ไมใ่ ชเ่ พ่ือให้เกิด ความใกล้ชิดอย่างเดียว แต่เป็นการสร้างความเข้าใจว่าทาไมแต่ละคนถึงเป็นแบบที่เป็น ความ เข้าใจน้ีสาคัญเพราะมันสามารถทาให้เรารู้ได้ถึงแหล่งท่ีมาของพฤติกรรมเหล่านั้น ทั้งของตัวเอง และฝั่งตรงข้าม เพ่ือให้การปรับตัวเข้าหากันง่ายข้ึน หรืออย่างน้อยก็ไม่นาไปสู่การขัดแย้งต่อกัน และกนั อกี ขอ้ สาคัญคือหากพ่อแม่เคยตกอยู่ในประสบการณ์การอยู่ในครอบครัวท่ีกดขี่นี้ พวกเขา ตอ้ งใชป้ ระสบการณด์ งั กลา่ วในการแก้ไขปัญหาและจบวงจรการส่งต่อประสบการณ์ดังกล่าวจาก ร่นุ สู่รนุ่ ไปยงั ลูกหลานของตัวเอง และสุดท้ายคือการหาระยะห่างที่พอดีสาหรับมิติครอบครัวของ ตัวเอง
๓ นาตาลี แฟรงก์ (Natalie Frank)3 นักเขียนและนักวิชาการด้านจิตวิทยาจาก มหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน เขียนเกี่ยวกับผลของการอยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษว่าสามารถ สง่ ผลลบตอ่ ลูกไปจนการใชช้ วี ติ ผู้ใหญ่และความสมั พันธ์ในอนาคตอีกด้วย ท้ังความรู้สึกไม่เติมเต็ม ในตัวเอง สละความเป็นตัวเองเพ่ือเป็นในส่ิงท่ีคนอื่นต้องการ ไม่ม่ันใจในตัวเอง ไม่ยืดหยุ่น และ คิดว่าการถูกปฏิบัติไม่ดีจากคนอ่ืนเป็นเรื่องปกติ ซึ่งสามารถทาให้เราตกอยู่ในความสัมพันธ์เป็น พิษอ่ืนๆ ในอนาคตโดยไม่รู้ตัวได้ ในงานวิจัยเกี่ยวกับการส่งต่อพฤติกรรมการประพฤติเป็นภัย ต่อเด็กในพื้นที่ชนบท โดยโทมัส สกอร์ฟิลด์ (Thomas Schofield) พบว่าพฤติกรรมเหล่านี้ สามารถสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้ โดยมีการประมาณไว้ในงานวิจัยในเร่ืองใกล้ๆ กัน โดยผู้วิจัยจาก มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ว่าราวๆ 1 ใน 3 ของกลุ่มตัวอย่าง พบว่าพ่อแม่ท่ีผ่านประสบการณ์ใน ครอบครัวทม่ี ีการกดขล่ี กู นน้ั มโี อกาสจะทาแบบเดยี วกันกบั ลกู ของตัวเอง ฉะน้ัน แม้การหาข้อสรุป ของการทางานจิตใจและความคิดของมนุษย์นั้นสามารถทาได้ยากก็ไม่ใช่ว่ามันไม่มีความเช่ือโยง เลยเสียทเี ดียว ทมี่ า https://aboutmom.co/features/toxic-family/28133/
๔ สัญญาณท่ีบอกว่ากาลังเป็นพ่อแม่ท่ีเป็นพิษ: ลักษณะของพ่อแม่ที่เป็นพิษ (Toxic Parent)5 1. เป็นพอ่ แม่ทีแ่ สดงออกเกินความเปน็ จริง เช่น เพียงแค่ลูกทาการบ้านไม่เสร็จ โวยวาย เหมอื นลูกสอบตกต้องซา้ ช้ัน หรือลกู ขอคา่ ขนมเพม่ิ กโ็ มโหเหมอื นลกู ขโมยเงนิ หลกั หม่นื เปน็ ตน้ 2. มพี ้ืนฐานอารมณร์ ุนแรง คอื อารมณ์เสียตลอดเวลา หงดุ หงดิ เปน็ ปกติ 3. เป็นนักเรียกร้อง ลูกทาเท่าไหร่ก็ไม่พอกับความคาดหวัง ต้ังความคาดหวังต่อลูกไว้ สงู เกินความสามารถทล่ี กู จะทาได้ และเมอื่ ลูกทาไม่ได้ก็พรอ้ มจะซ้าเตมิ ลกู อยู่ตลอด 4. พยายามควบคมุ ลูก คดิ วา่ ตวั เองให้กาเนิดลูกแล้วจะเป็นเจ้าของชีวิตลูก ขีดเส้นลูกให้ ลกู เดินตามในทุก ๆ ด้าน 5. เป็นนักเปรียบเทียบและวิพากษ์วิจารณ์ ลูกข้างบ้านจะดีกว่าลูกตัวเองเสมอ ลูกทา อะไรคณุ จะหงดุ หงดิ ขวางหขู วางตา เพราะไม่เปน็ ไปตามทค่ี ุณหวัง 6. ไมใ่ สใ่ จรับฟังลกู เทา่ ที่ควร คาพูดลูกมีค่านอ้ ยกว่าข้อความทส่ี ง่ ต่อผา่ นกันมาในไลน์ 7. เม่ือมีเร่ืองผิดปกติในบ้าน เชน่ ของหาย มคี นลืมปดิ น้า ลกู จะเปน็ คนผดิ เสมอ 8. ดเุ ก่ง ใชถ้ ้อยคาตาหนิลกู จนกลายเป็นวธิ กี ารสือ่ สารปกติภายในบา้ น 9. พอ่ แมไ่ มเ่ คยผดิ พ่อแม่ถกู เสมอ ไมเ่ คยมคี าขอโทษแมว้ า่ จะรู้ตัวว่าผิดกต็ าม 10. ขา้ มเสน้ ความเปน็ สว่ นตัวของลกู ท้งั ดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ ความคิด และความรู้สึก ไมป่ ลอ่ ยให้ลกู ไดเ้ ปน็ ตัวของตวั เอง 11. ละเลยความร้สู ึกของลกู สนใจอย่างเดยี วคอื ลกู ต้องเป็นไปตามทพี่ อ่ แม่ต้องการ 12. มองวา่ ลูกเปน็ คู่แข่ง โดยเปรียบเทียบลูกกับตัวเองตอนอายุเท่ากัน และแสดงออก อย่างชัดเจนว่ากาลังข่มลูก มองว่าลูกไม่สามารถเท่าเทียมตัวเองได้ โดยจะมีคาพูดติดปากว่า “ตอนแม่อายุเทา่ ลกู นะ แม่.....” ทม่ี า https://www.istrong.co/single-post/toxic-parent
๕ ความสัมพันธ์ toxic relationship ท่ีต้องไดร้ ับการแก้ไข4 1. ควบคมุ ให้คนอนื่ เปน็ ดั่งใจเรา ในบางครงั้ การมคี นนาหรือเป็นเสาหลักในการประคอง ความสัมพันธ์และชีวิตคนในบ้านเป็นเร่ืองที่ดีแต่เม่ือไหร่ที่มันกลายเป็นการควบคุม การบังคับรึ แม้แต่การข่มขู่เพ่ือให้คนในบ้านยินยอมและยินดีที่จะเป็นอยู่หรือทาตามและร้ายแรงที่สุดก็คง ไม่พ้นการทาให้คนที่เรารักถูกตัดสิทธิทุกอย่างในการได้ตัดสินใจสิ่งต่างๆ ในชีวิต น่ันจึงเป็น สัญญาณแล้วว่าความสัมพันธ์เชิงลบได้เริ่มก่อตัวซึ่งตัวอย่างเหตุการณ์มีดังน้ี “นี่ฉันเป็นเสาหลัก ของบ้าน เธอต้องฟัง ต้องรู้จักสงบปากสงบคา จาไว้!” “ฉันแต่งเข้ามาเพื่อจะได้ใช้ชีวิตสบายๆ เปน็ ผูช้ ายกห็ ัดหาเงินมาเลีย้ งดูถึงจะสมกบั เปน็ ผู้ชาย” “หา้ มเรียนวิชาอะไรไร้สาระ ไปเรียนแพทย์ สิ เงินดีกว่าตั้งเยอะ” “เป็นลูกนะ ต้องฟังคาส่ังพ่อกับแม่!” “พ่ีเป็นพ่ี ต้องได้ก่อน น้องเอาทีหลัง เอามาน่ี!” ท่ีมา https://www.parentsone.com/6-toxic-relationship-for-family/ 2. ความผดิ เกา่ เล่าใหม่ ทกุ คนล้วนเคยทาผิดพลาดหรือเคยทาให้เกิดความไม่พอใจกับ บุคคลต่างๆ รอบตัวไม่เว้นแม้แต่คนในบ้าน หากการทาผิด ได้รับการตักเตือนหรือทาโทษไปแล้ว นั้นก็ควรจบลงแต่ในความจริงทุกวันน้ี การขุดความผิดเก่าๆ หรือข้อพลาดในอดีตมาโจมตี ความรู้สกึ ของคนที่เรากาลังสนทนาหรอื โต้เถียงอย่ดู ้วย ยงั คงมอี ยตู่ อ่ เนอื่ งและเปน็ กนั เกอื บทุกบ้าน จนทาให้ความสัมพันธ์ของสมาชิกครอบครัวเริ่มส่ันคลอนไปด้วยความรู้สึกทางลบ ทะเลาะกันได้ ต้งั แตเ่ รอื่ งเล็กนอ้ ยท่แี ก้ปัญหาไดไ้ ปจนปัญหาใหญ่มากทาให้เกิดความรูส้ ึกถกู ต่อต้านและไม่ยอมรับ ตัวตน ยกตวั อยา่ งการกระทาที่เปน็ การขุดส่งิ เกา่ ๆ มาทาร้ายความรู้สึกอีกฝ่าย “อย่านึกว่าจะลืม นะที่เคยไม่ฟังกันจนเราต้องเจ็บตัว” “จาได้แม่นเลยท่ีโกหกกัน จะทาอีกแล้วใช่ไหม?” “เคยเอา
๖ ชุดแม่ไปเล่นจนขาด โตมาเดี๋ยวก็คงทาอีก สอนไม่จา” “มันซุ่มซ่ามจะตาย ให้มันไปถือเด๋ียว ก็ทาตกเหมอื นเดิม” ท่มี า https://www.parentsone.com/6-toxic-relationship-for-family/ 3. อยู่เพื่อลูก โดยไม่ได้ถามลูก ในภาพฝันของครอบครัวแสนสมบูรณ์เราต้อง ประกอบด้วยพ่อ, แม่และลูก เป็นมโนภาพท่ีกรอบสังคมและวัฒนธรรมหล่อหลอมให้เรามาเป็น เชน่ นี้ ทาให้บอ่ ยคร้ังเราจึงจะได้เห็นความสมั พนั ธ์ที่แตกรา้ วไปแลว้ ไมส่ ามารถต่อกันติดได้ แต่ทว่า คนทเี่ จบ็ ปวดนนั้ กจ็ ะยงั คงอยูด่ ้วยกนั ตอ่ ไปโดยการบอกถึงความอดทนน้ีว่า “อยู่เพื่อลูก” เด๋ียวใคร จะวา่ ลกู เอาได้ว่าไม่มีพอ่ หรอื ไม่มีแม่ สงสารลกู ถูกสังคมประณาม แต่ในความจริงย่ิงอยู่อาจย่ิงเป็น การทาร้ายลูกทางออ้ มโดยที่ผปู้ กครองไมท่ นั ได้รตู้ ัว เพราะในชว่ งเวลาของความรักคนคู่ได้สิ้นสุดลง นัน้ การตอ้ งฝนื อยดู่ ว้ ยกันกล็ ว้ นเต็มไปด้วยความทรมาน, อยากท่ีจะมีอิสระในการทาอะไรก็ทาได้ ไม่เตม็ ที่, ตอ้ งพบเจอกบั ปัญหาเดิมๆ ทีท่ าให้ตดั ใจจากคคู่ รองและยังปัญหาต่างๆ จากความกดดัน ท่ีเกิดข้ึนไม่ว่าจะเป็นภาระทางการงาน, การเงิน และในจังหวะเดียวกันกับความรู้สึกของลูก ท่ีถกู กล่าวอ้างกอ็ าจจะรบั รูไ้ ด้ถึงความสัมพันธ์กันไม่ราบร่ืนนี้จนนาไปสู่การเก็บตัว ไม่อยากพูดคุย หรือบอกความรสู้ ึกกบั ใครได้อีกเพราะไม่วา่ พอ่ หรอื แม่กไ็ มส่ ามารถทาใหเ้ ขาไวใ้ จได้
๗ ทมี่ า https://www.parentsone.com/6-toxic-relationship-for-family/ 4. ลดทอนคุณคา่ โดยไมร่ ู้ตัว บ่อยคร้ังที่ความสัมพันธ์ของทุกคนในครอบครัวอยู่กันด้วย ความรูส้ กึ วา่ น่คี ือความรกั และความหวังดที ่มี อบให้ แต่ถ้าลองมาสังเกตดูดีๆ อาจกลายเป็นปัญหา ใหญ่ก็ได้ในอนาคตท่ีเราเองก็ไม่ทันได้ระวัง เช่น “ไม่ต้องทาหรอก เดี๋ยวแม่จัดการเอง” “เหนื่อย ทาไม อยูบ่ า้ นเราสบายๆ จะออกไปลาบากลาบนทาไม” “ผมมเี งินพอเลย้ี งได้ทง้ั คุณและลูก ไม่เห็น ต้องทางานอะไรเลย” “อยากทาอะไรก็ตามใจเลยนะ พ่อแม่เตรียมทุกอย่างไว้ให้แล้ว ไม่ต้อง เหนื่อยเอง” คาพูดเหล่าน้ี ฟังแล้วอาจดูเป็นความห่วงใยหรือเตรียมรากฐานที่ดีไว้ให้แล้วสาหรับ ทุกคนในครอบครัวเพราะมันเต็มไปด้วยความห่วงใยและหวังดี แต่ในขณะเดียวกันมันกลับเป็น ดาบสองคมท่ีอาจทาให้คนในบ้านคนอ่ืนไม่มีที่ยึดเหน่ียวอ่ืนเลยนอกจากทางเลือกน้ี เพราะหาก มีคุณพอ่ หรอื คุณแมเ่ พียงคนเดียวเปน็ เสาหลักที่ตอ้ งจดั การทุกอยา่ ง และถ้าวันใดล้มลงก็อาจทาให้ สถานะของทางบ้านท้ังหมด ล้มลงไปได้ มันเป็นความประมาทที่ละเลยไม่ได้โดยเด็ดขาด การเล้ียงดูลูกโดยการช่วยทุกอย่าง เล้ียงแบบไข่ในหินจนไม่ให้ลูกได้มีโอกาสลองทาหรือเรียนรู้ ความเหนือ่ ยยากเหลา่ น้เี อง พอถึงเวลาที่ลูกต้องออกไปมีครอบครัวของตนเองหรือประสบเข้ากับ ปัญหาต่างๆ ที่ยากเกนิ จะแก้ อาจสง่ ผลให้ลูกทาอะไรไมไ่ ดเ้ ลย ไม่รู้วิธีแก้ท่ีถูกต้อง มีอะไรก็จะต้อง ร้องเรยี กแตใ่ ห้พ่อแม่มาช่วย
๘ ที่มา https://www.parentsone.com/6-toxic-relationship-for-family/ 5. ทีพ่ ักพิงจอมปลอม เราคงเคยได้ยินกนั อยบู่ อ่ ยครั้งวา่ หากมีเร่ืองทุกข์ร้อนหรือไม่สบาย ใจ ทบี่ ้านคอื เซฟโซนหรอื ทพ่ี ักพงิ เดียวท่ีจะพ่ึงพาได้ แต่ในความจริงมันอาจไม่เป็นเช่นน้ันเสมอไป เพราะคนท่ีใกล้ตัวท่ีสุดมักเข้าใจว่าตนเองรู้ดีท่ีสุดแล้วว่าสมาชิกของครอบครัวต้องการอะไรและ ต้องปฏิบัติตัวด้วยแบบไหนซึ่งใครจะรู้ได้ว่าในความเข้าใจนั้นคือการเข้าใจไปเองโดยไม่ได้สารวจ ความรู้สึกของคนในบ้านเลยสักนิดจนกลายเป็นคาพูดท่ีเกิดการบ่ันทอนมากกว่าช่วยฉุดให้ดีขึ้น อาทิ “งานเยอะเหรอ ง้ีแหละเดี๋ยวก็ชิน” “เครียดอะไรล่ะ แค่น้ีเอง” “โอ๊ย ผ่านมาก่อน สบายๆ น่ะ มองเป็นเรื่องตลกเข้าไว้สิ” “ทาไมอ่อนแอจัง ถ้าเป็นแม่/พ่อนะ ไม่มาเสียใจอะไรง่ีเง่าแบบน้ี หรอก” ถึงจุดประสงค์ของการพูดจะต้องการให้คนในครอบครัวรู้สึกผ่อนคลายและละทิ้งปัญหา ออกไปจากใจได้บ้างแต่ผลที่ได้ตอบกลับมายิ่งทาให้เกิดการปิดใจและตีตัวออกห่างไปเพราะไม่มี ใครเลยทีเ่ ข้าใจปัญหาจริงๆ วา่ สมาชกิ ในครอบครวั น้นั ต้องการกาลังใจแบบไหน
๙ ที่มา https://www.parentsone.com/6-toxic-relationship-for-family/ 6. ต้ังความหวัง โดยการบอกว่าไม่หวัง “ไม่ต้องเรียนเก่งหรอกแต่ก็มีเกรดดีๆ มาให้ ช่ืนใจบ้างก็ดีนะ” “ซอื้ อาหารเขา้ มากินก็ไดแ้ หละ ทาอาหารเองมนั เหน่ือย ก็หวังว่าพอไม่มีการเข้า ครัวแลว้ บ้านจะสะอาดขนึ้ ” “เงนิ เรามพี อใชแ้ หละแต่ก็เดือนชนเดือนนะ ได้เงินมากกว่านี้ก็คงดี” “พี่ไม่ต้องเสียสละให้น้องหรอก แต่ก็ควรทาไว้บ้างจะได้ไม่ถูกใครตาหนิเอา” ในประโยคท่ีได้ ยกตัวอย่าง สังเกตได้วา่ ในความไมห่ วังนน้ั กลับเตม็ ไปด้วยความกดดันที่แสดงความรู้สึกจริงๆ ของ คนพูดโดยไมร่ ูต้ วั สว่ นมากทกุ คนในบ้านหวงั ให้แมเ่ ปน็ แม่บา้ นทีด่ ี ทกุ คนหวังใหค้ ณุ พอ่ เป็นเสาหลัก ในการหาเงินเข้าบ้าน ทุกคนหวังให้ลูกสามารถสร้างความภูมิใจให้กับที่บ้าน สมาชิกทุกคนใน ครอบครัวมักตั้งความหวังตนไว้เสมอแต่เพราะกลัวจะทาให้กดดันเลยมักจะพูดหรือบอกออกไป ก่อนว่าไม่ได้ต้ังความหวังหรือต้องการบังคับ หากปล่อยไว้ให้เป็นเช่นน้ีก็อาจทาให้ความสัมพันธ์ ของครอบครัวเป็นพษิ ไปได้ตลอดกาลเพราะฝ่งั ผู้พูดก็จะรสู้ กึ ไมไ่ ด้ดั่งใจและในเวลาเดียวกันฝ่ังผู้ฟัง เองกจ็ ะรสู้ กึ โทษตวั เองอยตู่ ลอดเวลาท่ที าอะไรแล้วกไ็ ม่ไดด้ ง่ั ใจคนในครอบครัวเสยี ที
๑๐ ทมี่ า https://www.parentsone.com/6-toxic-relationship-for-family/ พฤติกรรมทาร้ายจิตใจลูก สร้างบาดแผลในใจให้ลูกไปจนโต6 ดังนี้ (1) ทอดท้ิงลูก (2) ก้าวร้าวรุนแรงตลอดเวลา (3) ทรยศลูก (4๗ แบล็กเมล์ลูก (5) ตาหนิลูกอย่างไม่มีเหตุผล (6) หักหลงั ความไว้เนอื้ เชื่อใจลูก (7) ตดิ สินบนลกู (8) เอาลูกไปเปรียบเทียบกับคนอ่ืนตลอดเวลา (รวมถึงพีน่ ้องของลูกดว้ ย) (9) ควบคมุ ลูก (10) ชา่ งวิจารณส์ ิ่งทล่ี ูกทา (11) ทารณุ กรรมลกู ทงั้ ทาง ใจและทางกาย (12) ชา่ งส่งั (13) ไม่ยอมรับความผดิ ของตน (14) มีพฤติกรรมที่ทาให้ลูกรู้สึกว่า ตัวเองด้อยค่า (15) เผด็จการ ไม่รับฟังความคิดเห็นของลูก (16) แสดงออกซึ่งความผิดหวังใน ตัวของลูก (17) ไม่เห็นด้วยส่ิงที่ลูกทาในทุก ๆ ทาง (18) ไม่ยอมรับว่าลูกเป็นลูกของตน (19) มีความผิดปกติทางจิตใจ (20) ต้องเป็นผู้ชนะตลอดเวลา (21) มักทาร้ายจิตใจของลูก (22) ครอบงาลกู (23) อิจฉาลูก (24) เชิดชูลูกมากเกินไป (25) บังคับลูก (26) ไม่เช่ือในคาพูด ของลูกจนทาให้ลูกเกิดความสับสนในใจ (27) ทาให้ลูกรู้สึกผิดอยู่ตลอด (28) อาฆาตแค้น (29) ใช้ลูกเป็นท่ีระบายอารมณ์ (30) ล้อเลียนลูก (31) ไม่สนใจลูก (32) ดูถูกลูก (33) มอง ไม่เห็นคุณค่าในตัวของลูก (34) ถือว่าลูกเป็นสมบัติของตน (35) โกหกลูก (36ป ป่ันหัวลูก (37) จมอยูใ่ นความทกุ ขต์ ลอดเวลา (38) งก (39) หลงตัวเอง (40) ขาดลูกไม่ได้ (41) มองโลก ในแง่ร้าย (42) ละเลยลูก (43) ประหม่าและวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา (44ป ขาดความเห็นอก เห็นใจ (45) วตั ถนุ ิยม (46) กดขี่ลูก (47) กระตา่ ยต่ืนตูม (48) ถ่ายโอนบทบาทความเป็นพ่อแม่ มายังลกู (ทาใหล้ กู ตอ้ งเป็นผ้ใู หญ่กอ่ นเวลาอันควร) (49) ร้ายลึก (50) ทารา้ ยรา่ งกาย (51) ทาตัว เหมือนเป็นเหยื่อของสังคมอยู่ตลอดเวลา (52) แบ่งฝักแบ่งฝ่าย (53) บ้าอานาจ (54) ลาเอียง (55) กดดันลกู (56) ขาดความจรงิ ใจ (57) มีแผนการร้าย ๆ ตลอดเวลา (58) กดข่ีลูก (59) ขาด ความรับผิดชอบ (60) คลั่งศาสนา (จนใช้ศาสนามาเป็นตัวทาร้ายลูก) (61) เจ้าคิดเจ้าแค้น (แม้กระท่ังลูกตนเอง) (62) เข้มงวด (63) เจ้าบทบาท (64) ช่างประชดประชัน (65) มักให้ ลูกเป็นแพะรับบาป (66) วิตกกังวล กลัวไปทุก ๆ เรื่อง (67) มีความลับอยู่ตลอดเวลา
๑๑ (68) ทาโทษลูกอย่างหนักเกินความจาเป็น (69) คุกคามทางเพศ (70) ใส่ร้ายลูก (เพื่อความ สะใจ) (71) มักทาอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ มีพิรุธ (72) ติดยาเสพติด (73) อารมณ์ร้าย (74) ข่มขู่ (75) ชอบขู่จะฆ่าตวั ตาย (76) ไมค่ ุยกับลูกตรง ๆ (ตอ้ งคุยผา่ นคนอื่น) (77) รู้สึกละอายในตัวของ ลูกตลอดเวลา (78) หลอกใช้ (79) บีบบังคับลูกด้วยการยื่นคาขาด (80) ใช้ลูกตลอดเวลา (81) ดุด่าลกู (82) ผกู พยาบาท (83) ชักจงู และโนม้ นา้ วลูกใหท้ าในส่งิ ท่ตี นตอ้ งการ (84) ตะคอก ลกู ท่ีมา https://www.amarinbabyandkids.com/parenting/parenting-tips/84-toxic-parent/3/ พฤติกรรมของผใู้ หญท่ ี่ทาใหบ้ ้านไม่นา่ อยู่7 1. ไม่ฟังใคร ฉันใหญ่ท่ีสุด ผู้ปกครองเป็นพิษมักจะเอาตัวเองเป็นท่ีตั้ง มองความ ต้องการของตวั เองเป็นหลัก และไม่สนวา่ การกระทาของตวั เองจะสง่ ผลต่อความรู้สึกคนอน่ื อยา่ งไร 2. ควบคุมทุกอยา่ ง ผ้ปู กครองประเภทนมี้ กั จะบอกว่าเราต้องทาอะไร เม่ือไหร่ อย่างไร อยู่ตลอดเวลา โดยใช้เหตุผลว่าเป็นคนเล้ียงดู ให้ค่าใช้จ่าย และใช้อานาจของการเป็นผู้ปกครอง เพอื่ ให้ลูกเดินตามเสน้ ทางท่ีเขาต้องการ 3. ใช้อารมณม์ ากกวา่ เหตุผล เมือ่ คนใกลต้ วั กลายเป็นคนท่ีไม่สบายใจที่จะเข้าไปพูดคุย ด้วย เพราะเขาใชอ้ ารมณม์ ากกวา่ เหตุผล และคาดเดาไม่ได้ว่ากาลังคิดหรือรู้สึกอะไรอยู่ บางครั้ง การใช้อารมณ์อาจมาในรปู แบบของการอารมณเ์ สยี จากเร่อื งอ่ืนมา แล้วมาระบายอารมณ์ใส่คนใน ครอบครวั ใช้คาพูดทาร้ายจิตใจ ไปจนถงึ การใชก้ าลัง
๑๒ 4. ทาดีแค่ไหนก็ไม่พอใจ เป็นเด็กดีก็แล้ว ตั้งใจเรียนก็แล้ว ผู้ปกครองที่เป็นพิษก็ยัง ไมพ่ อใจ หาข้อบกพร่องและสิ่งที่เราต้องปรับปรุงเพ่ือให้ถูกใจเขาอยู่เสมอ บางครั้งก็เปรียบเทียบ กับคนอน่ื ที่ทาไดด้ กี วา่ แมว้ า่ เราจะทาเตม็ ทแี่ ลว้ ก็ตาม 5. โตแค่ไหนก็ยังก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว มีเส้นบางๆ ระหว่างเป็นห่วงกับก้าวก่าย แม้ว่า เราจะโตเป็นผู้ใหญ่ ดูแลตัวเองได้แล้ว ผู้ปกครองประเภทน้ีก็ยังเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัว จนกลายเปน็ เข้ามาล้าเส้นพ้ืนท่ีส่วนตัวของเรา เช่น เข้ามาในห้องโดยไม่ขออนุญาต เช็คโทรศัพท์ ใหค้ าแนะนา (กง่ึ บังคับ) แบบไมส่ มเหตสุ มผล 6. รสู้ ึกไม่สบายใจ เม่ือต้องใช้เวลาร่วมกัน ช่วงเวลาท่ีควรจะอบอุ่นและสบายใจท่ีสุด กลับเป็นช่วงเวลาท่ีไม่อยากเผชิญหน้า มักจะรู้สึกแย่หลังจากพูดคุยกับผู้ปกครอง บางครั้งอาจ สง่ ผลไปถึงร่างกาย ทาให้เกิดความเครียด ย่ิงถ้าเคยมีความทรงจาท่ีไม่ดีกับครอบครัว ความรู้สึก แยๆ่ เหลา่ น้ันจะแฝงอยู่ในสง่ิ ของทมี่ ีความเกย่ี วข้องกับคนเหล่าน้นั ด้วย 7. รับมอื อยา่ งไร เมื่ออยู่บ้านแล้วไม่มีความสุข เม่ือเราทาหน้าที่ของตัวเองดีที่สุดแล้ว อย่าเพ่ิงคิดว่าการไม่สบายใจเม่ือต้องเผชิญหน้ากับผู้ปกครองเป็นความผิดของตัวเอง ทางที่ดี ควรจะพยายามปรับความเขา้ ใจและเลือกทางออกทีด่ ตี อ่ ใจมากทีส่ ุด 8. เปิดใจคุยกัน อย่าเก็บความรู้สึกอึดอัดใจเอาไว้คนเดียว ให้พูดคุยกับผู้ปกครองถึง สิ่งที่เรากาลังรู้สึก แต่ต้องระวังคาพูด ควรเริ่มต้นด้วยการใช้คาพูดว่าเราเข้าใจในมุมของเขา แลว้ ค่อยอธบิ ายความรสู้ ึกของเรา 9. อยู่กับคนที่สบายใจ ถ้าการอยู่บ้านทาให้เราไม่สบายใจ ลองใช้เวลาว่างออกไปอยู่ กบั เพอ่ื น หรือคนทอ่ี ย่ดู ้วยแล้วทาให้เราลืมเรอ่ื งราวแย่ๆ เมอ่ื กลับมาบา้ นก็ใหห้ ากิจกรรมท่ีเราสนุก เช่น ฟงั เพลง อ่านหนงั สอื หรือสิ่งทที่ าให้เราไม่จมอย่กู ับความรสู้ ึกแย่ๆ 10. รักษาระยะหา่ งทางความสัมพันธ์ เมือ่ เราไม่สามารถเปลย่ี นพวกเขาได้ ก็ต้องสร้าง ขอบเขตพนื้ ทสี่ ่วนตัวของเรา ไมใ่ หเ้ หลา่ ผปู้ กครองทีเ่ ปน็ พษิ เข้ามากา้ วก่าย การปฏิเสธสิ่งท่ีเรารู้สึก ไม่โอเคบา้ ง ไมใ่ ชเ่ รือ่ งผดิ เพื่อแสดงใหพ้ วกเขาเห็นว่าเราก็มสี ทิ ธิ์ตัดสนิ ใจเช่นกนั ในภาวะปกติ เราไม่ได้อยู่บ้านร่วมกับสมาชิกในครอบครัวของเราตลอดเวลา เพราะฉะนั้น เราเลยไม่คอ่ ยร้สู ึกหรอกว่า คนในครอบครวั ของเรามคี วาม toxic บางอย่างอยดู่ ้วย8 ทะไลลามะ เคยกล่าววา่ “จงปลอ่ ยวางคนทค่ี ิดในแง่ลบไปเถิด พวกเขาเป็นอย่างนั้นก็เพราะอยาก แลกเปลี่ยนแบ่งปันเรื่องแย่ๆ ปัญหา หายนะ ความกลัว และการพิพากษาตัดสินคนอื่น ถ้าใคร อยากโยนขยะแห่งจิตใจท้ิงออกมา ขอเพียงอย่าให้เขาโยนมันกลับเข้ามาในความคิดของเรา กพ็ อแลว้ ” ถา้ ต้องอยู่รว่ มบา้ นกบั คนท่ี toxic แมจ้ ะ toxic ตามสถานการณ์ ดังนี้ 1. การขีดเส้นให้ชัด การขีดเส้นท่ีว่า ก็คือการดูว่าพฤติกรรมแบบไหนท่ีเรารับไม่ได้ เราคิดวา่ มัน toxic ตอ่ ตวั เราแล้ว และเราจะไมท่ นอกี ต่อไป มนั คือการขีดขอบเขต เช่น ถ้าเราต้อง อยรู่ ่วมกับพ่ีนอ้ งในห้องเดียวกนั แลว้ เราไมอ่ ยากใหพ้ ่ีน้องของเรามาละเมิดความเป็นส่วนตัวก็อาจ ต้องพูดคุยกันอย่างจรงิ จัง วา่ ตรงไหนทีเ่ ราอยากรักษาความเปน็ สว่ นตัวเอาไว้บ้าง อะไรคือสิ่งท่ีเรา
๑๓ อยากหรอื ไมอ่ ยากทาในเวลาไหน ตอ้ งขดี เสน้ เอาไว้ให้ชดั ในเวลาเดียวกันกับที่เรา ‘ขีดเส้น’ ให้กับ ความ toxic ของคนอื่น เส้นที่ว่าก็จะสะท้อนกลับมา ทาให้เราเห็นด้วยว่า ในบางคราว เราก็มี ความ toxic นั้นเสยี เองหรอื เปล่า 2. เลือกสู้ให้ถูก กรณีน้ีเกิดข้ึนหลังขีดเส้นไปแล้ว แต่คู่กรณีของเรายังคงแสดง พฤตกิ รรมแบบเดิมอยู่ เช่น อาจละเมิดความเป็นส่วนตัวของเรา หรือบังคับให้เราทาสิ่งที่ไม่อยาก ทาโดยใช้คาพดู แย่ๆ ฯลฯ อยา่ งแรกสดุ เราควรต้องระลึกไว้เสมอว่า คนในครอบครัวของเรา ส่วน หน่ึงกค็ ือตัวของเราเอง การทเ่ี ขาไม่ทาอยา่ งท่ีเราอยากให้เขาทา เป็นเพราะเราไม่ได้ปฏิบัติกับเขา อย่างที่ควรจะเปน็ กอ่ นหรือเปลา่ วิธีที่ ตชิ นัท ฮันห์ พระเซ็นเวยี ดนามสอนไว้ก็คือ เม่ือเราโกรธจ๊ีด ขึ้นมา ไม่ต้องไปกดความโกรธน้ัน แต่ให้ดึงความรักความเมตตาท่ีเรามีอยู่ในตัวออกมา แล้วใช้ ความรกั ความเมตตาเหลา่ นน้ั โอบกอดความโกรธเหมือนแม่กอดลูก น่ันจะนาไปสู่วิธีการแก้ปัญหา ท่ีอ่อนโยนละมุน ไม่ใช่ใช้ toxic ไปต่อสู้กับ toxic ซึ่งสุดท้ายจะไม่นาไปสู่ข้อยุติท่ีดีได้ อาจลอง สงั เกตความโกรธของเรา แลว้ ลองใหค้ ะแนนว่าพฤติกรรมนั้นๆ ทาให้เราโกรธระดับไหน จาก 1 ถึง 10 สมมติว่าแม่พูดบางอย่างเก่ียวกับน้าหนักตัวของเรา ทาให้เราโกรธระดับ 6 เราก็อาจคิดว่า ยังไมต่ อ้ งตอบโต้อะไรก็ได้ แต่ถ้าโกรธถึงระดับ 8 หรือ 10 ก็อาจเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องร้องขอให้ อีกฝ่ายทาความเข้าใจและละเลิกพฤติกรรมเหล่าน้ัน การลองให้คะแนนความโกรธ จะทาให้ เราไมห่ ลงไปในความโกรธ แต่จะชว่ ยให้เรารตู้ ัวและมีสตขิ ึ้นมา การเจรจาพูดคยุ ระหว่างกัน จึงอาจ นาไปสูผ่ ลดีมากกวา่ 3. รับรู้และรกั ษาระยะห่างจากพฤติกรรม toxic บางทเี รากพ็ อรเู้ ลาๆ ว่าอีกฝ่ายเริ่มมี อารมณ์ความรู้สึกแบบ toxic แล้ว เช่น เริ่มบ่นโน่นน่ี ในเวลาเหล่านี้ เราอาจต้องละเอียดอ่อน สงั เกต แลว้ คอ่ ยๆ รกั ษาระยะห่างเอาไว้ ไม่เข้าไปรองรบั ปะทะ หรือยั่วยุ ซ่ึงอาจย่ิงไปทาให้ความ toxic เข้มข้นมากขึ้น แต่ถา้ ไมส่ าเรจ็ ก็คอ่ ยกลับไปใช้วธิ ใี นขอ้ 2 4. มองหาข้อดี ขอ้ นอี้ าจฟงั ดซู ้าซาก แตถ่ ้ารกั ษาสติกย็ ังไม่ได้ ความโกรธผุดพลุ่งข้ึนมา ไม่ยอมหายไป โอบกอดอยา่ งไรกไ็ ม่หาย เราอาจลองนึกถึงขอ้ ดขี องอีกฝ่ายในยามที่เขาไม่ได้ toxic เช่น นึกถงึ โมงยามดีๆ ทพ่ี ่หี รอื น้อง (หรือแม้กระทั่งพ่อหรือแม่) เคยทาอะไรให้เรา นึกถึงช่วงเวลา แสนสุขทเ่ี คยใชร้ ่วมกัน วธิ ีนี้จะทาใหเ้ ราอารมณ์เยน็ ลงจนสามารถกลับไปใชว้ ิธใี นขอ้ 2 ได้ 5. หาทีส่ งบใจ ที่สงบใจของเราไม่จาเป็นต้องเป็นสถานที่เสมอไป บางครั้งแค่หูฟังดีๆ สักอันที่มีระบบตัดเสียงรบกวน ก็อาจช่วยให้เรา ‘หนี’ ไปไกลแสนไกลได้แล้ว ไม่อย่างน้ัน อาจต้องลองหา ‘ระบบสนับสนุน’ หรือ Support System ซ่ึงก็คือคนในบ้านที่ไม่ toxic (หรือ อย่างน้อยความเครยี ดก็ยงั ไม่ไดท้ าให้เขาเกิดอาการ toxic ขึ้นมา) เพื่อช่วยกันอธิบายดีๆ ว่ากาลัง เกิดอะไรขึ้น และจะชวนคนท่ี toxic นน้ั มาร่วมแกป้ ัญหากันอยา่ งไร เริ่มจาก Toxic People คือเป็นคนที่มีพฤติกรรมท่ีเป็นพิษ ไม่น่าอยู่ใกล้ ไม่น่าเข้าใจ เพราะจะทาใหเ้ รารูส้ ึกแย่ ไม่มคี วามสุข หรือเลวรา้ ยทส่ี ดุ ก็ส่งผลตอ่ สขุ ภาพจติ เราอย่างมาก เม่ืออยู่ ในครอบครัวกจ็ ะเป็น Toxic Family และเม่ือเขา้ ไปอยู่ในทท่ี างานก็จะเป็น Toxic Office
๑๔ ที่มา https://www.sanook.com/men/79517/ ทม่ี า https://today.line.me/th/v2/article/WBZpyV5
๑๕ อา้ งองิ 1 aboutmom.co. ม.ป.พ. Toxic Family. เขา้ ถึงขอ้ มลู ไดจ้ าก https://aboutmom.co/ features/toxic-family/28133/ วนั ทส่ี บื คน้ ขอ้ มูล 5 กนั ยายน 2565. 2 Thai Hypnosis. ม.ป.พ. พ่อแม่เป็นพษิ . เข้าถึงขอ้ มูลได้จาก https://thaihypnosis.com/ Content/page/ วันทีส่ ืบค้นขอ้ มลู 5 กันยายน 2565. 3 Tassana Puttaprasart. ม.ป.พ. Toxic แต่ตอ้ งทน? ความสัมพนั ธ์ในบ้านกบั คนตา่ งวยั ทไ่ี ม่เขา้ ใจกัน. เข้าถึงขอ้ มลู ไดจ้ าก https://thematter.co/social/family-can-be-toxic/ 178523 วันทสี่ ืบคน้ ข้อมลู 5 กนั ยายน 2565. 4 OttChan. 2563. 6 ความสมั พนั ธ์ toxic relationship ท่ตี อ้ งได้รบั การแกไ้ ข. เขา้ ถงึ ข้อมลู ได้จาก https://www.parentsone.com/6-toxic-relationship-for-family/ วันทส่ี ืบค้น ขอ้ มลู 5 กันยายน 2565. 5 iSTRONG. ม.ป.พ. 12 สัญญาณท่ีบอกวา่ คณุ กาลงั เป็นพอ่ แมท่ เี่ ป็นพิษ. เข้าถงึ ข้อมูลไดจ้ าก https://www.istrong.co/single-post/toxic-parent วันทสี่ ืบคน้ ข้อมลู 5 กนั ยายน 2565. 6 แม่ฮันน่าห์. 2561. รวม 84 พฤตกิ รรม “ทารา้ ยจิตใจลกู ” สร้างบาดแผลในใจใหล้ ูกไปจนโต. เขา้ ถงึ ข้อมูลได้จาก https://www.amarinbabyandkids.com/parenting/parenting-tips/ 84-toxic-parent/3/ วันทส่ี บื ค้นขอ้ มลู 5 กันยายน 2565. 7 incwaran. 2563. Toxic Parents พฤตกิ รรมของผใู้ หญท่ ี่ทาใหบ้ ้านไม่นา่ อยู่. เขา้ ถงึ ขอ้ มลู ได้จาก https://www.mangozero.com/toxic-parents/# วนั ทส่ี ืบค้นข้อมูล 5 กนั ยายน 2565. 8 โตมร ศขุ ปรีชา. 2563. แค่อยู่บ้านกแ็ ย่แล้ว แต่ต้องอยบู่ า้ นกับคน toxic นสี่ ิ – จะทายงั ไงดี. เข้าถึงข้อมลู ได้จาก https://adaybulletin.com/know-agenda-social-distancing-with- toxic-people/48325 วันที่สืบค้นขอ้ มลู 5 กันยายน 2565. 9 POBPAD. ม.ป.พ. รจู้ ัก Toxic People อยา่ ใหค้ นเป็นพิษทาร้ายชีวติ คณุ . เขา้ ถึงขอ้ มูลไดจ้ าก https://www.pobpad.com/ วันที่สืบคน้ ข้อมูล 5 กันยายน 2565.
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: