สรุปผลการจัดกิจกรรมการศกึ ษาเพอื่ พัฒนาสังคมและชมุ ชน ปงี บประมาณ 2563 (ไตรมาส3-4) โครงการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร การป้องกนั อัคคีภยั ในชุมชนในวันที่ 19 มีนาคม 2563 ณ กศน.ตาบลไรห่ ลักทองหมทู่ ี่6 ตาบลไร่หลกั ทองอาเภอพนสั นิคม จงั หวัดชลบุรี กศน.ตาบลไรห่ ลักทอง ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอพนัสนคิ ม สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จังหวัดชลบรุ ี
คานา กศน.ตาบลไรห่ ลักทองสังกดั ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอพนัสนคิ ม ได้จัดทา โครงการอบรมเชิงปฏบิ ตั กิ าร การปูองกนั อัคคีภยั ในชุมชนโดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พื่อให้ผู้เข้ารว่ มกิจกรรม มีความความรู้ ความเข้าใจสามารถนาความรู้ไปใช้ในชีวติ ประจาวันและเผยแพร่ใหก้ ับชมุ ชนได้ซง่ึ มกี ารสรุปผลการจดั กิจกรรมโครงการ ดงั กลา่ วเพ่ือต้องการทราบว่าการดาเนนิ โครงการบรรลตุ ามวัตถปุ ระสงค์ท่กี าหนดไวห้ รือไม่ บรรลใุ นระดบั ใดและได้จัดทา เอกสารสรุปผลการจดั กิจกรรมการศึกษาเพ่ือพัฒนาสงั คมและชมุ ชนเสนอต่อผู้บรหิ าร ผู้เก่ยี วข้องเพ่ือนาข้อมูลไปใช้ในการ ปรับปรงุ และพฒั นาการดาเนินโครงการให้ดียง่ิ ขึ้น คณะผจู้ ดั ทา ขอขอบคณุ ผู้อานวยการศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอพนสั นิคม ท่ีให้คาแนะนา คาปรึกษา ในการจดั ทาสรปุ ผลการจดั กจิ กรรมการศึกษาเพือ่ พัฒนาสงั คมและชุมชนในคร้งั นี้ หวงั เปน็ อยา่ งยงิ่ วา่ เอกสารสรุปผลการจัดกจิ กรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและชมุ ชนฉบับนี้ จะเปน็ ประโยชน์ตอ่ ผู้ปฏิบตั งิ านโครงการและหน่วยงานทเ่ี ก่ียวข้องในการนาไปใช้ในการจัดกิจกรรมการศึกษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอัธยาศยั ต่อไป นางสาวจนั ทกานต์ ทาเนาว์ ครู กศน.ตาบลไร่หลกั ทอง มถิ ุนายน 2563
สารบญั หนา้ ก หัวเรื่อง ข คานา ค สารบญั สารบญั ตาราง 1 บทที่ 1 บทนา 1 1 - หลักการและเหตุผล 1 - วตั ถุประสงค์ 2 - เปาู หมายการดาเนนิ งาน - ผลลพั ธ์ 3 - ตัวชวี้ ัดผลสาเรจ็ ของโครงการ 3 บทท่ี 2 เอกสารการศึกษาและงานวจิ ยั ท่ีเก่ียวข้อง 8 - กรอบการจดั กิจกรรมการศึกษาเพ่อื พฒั นาสังคมและชมุ ชน 11 - เอกสาร/งานที่เกยี่ วข้อง 16 บทท่ี 3 วธิ ีดาเนินงาน บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล บทท่ี 5 อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ บรรณานุกรม ภาคผนวก - แผนการจัดกิจกรรมการศึกษาเพื่อพฒั นาสังคมและชมุ ชน - ขออนุมัติปรบั แผนฯ - โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ การปูองกันอัคคภี ัยในชุมชน - หนังสอื ขออนเุ คราะห์วทิ ยากร/หนงั สือเชิญวิทยากร - รายงานผลการจัดกิจกรรม - แบบประเมินผู้รบั บริการ คณะผู้จดั ทา
สารบญั ตาราง หน้า ตารางท่ี 11 1. ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการท่ตี อบแบบสอบถามไดน้ ามาจาแนกตามเพศ 11 12 2. ผู้เขา้ รว่ มโครงการท่ีตอบแบบสอบถามไดน้ ามาจาแนกตามอายุ 12 3. ผเู้ ข้ารว่ มโครงการที่ตอบแบบสอบถามไดน้ ามาจาแนกตามอาชพี 12 4. ผู้เขา้ รว่ มโครงการที่ตอบแบบสอบถามไดน้ ามาจาแนกตามระดับการศึกษา 13 5. แสดงค่ารอ้ ยละเฉลยี่ ความสาเรจ็ ของตัวชว้ี ดั ผลผลิต ประชาชนทัว่ ไป 13 6. ค่าเฉลย่ี และสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐานความพึงพอใจฯ โครงการ ในภาพรวม 14 7. ค่าเฉล่ยี และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐานความพงึ พอใจฯ โครงการ ด้านบริหารจดั การ 14 8. ค่าเฉลยี่ และส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐานความพึงพอใจฯ โครงการ ดา้ นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 9. คา่ เฉลย่ี และสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐานความพึงพอใจฯ โครงการ ดา้ นประโยชน์ท่ีไดร้ บั
1 บทท่ี 1 บทนา หลกั การและเหตผุ ล “เพลงิ ไหม้” เปน็ เหตกุ ารณ์ไม่คาดฝนั ทีม่ ักนามาซ่ึงความสญู เสยี ท้งั ชวี ิตและทรพั ยส์ นิ เพ่อื ปูองกันมใิ หเ้ กิดเหตุ เพลิงไหม้ และสร้างความพร้อมในการปูองกันและรับมือกับอคั คีภยั ในพืน้ ที่ชมุ ชน ท่ีมีทงั้ อาคารร้านค้า รวมท้ังบ้านเรือนท่ี อย่อู าศยั ของประชาชนที่และทรัพยส์ นิ ตลอดจนสง่ิ แวดลอ้ ม จะต้องไดร้ ับหลกั ประกันความปลอดภยั ดา้ นอัคคีภยั ภายใต้ การจดั การท่ีมปี ระสิทธิภาพ ครอบคลุมพืน้ ท่ีทั่วทกุ ชมุ ชน โดยประชาชนและชุมชนท่ีอยู่ในพนื้ ที่ จะต้องมคี วามรู้ ความ เขา้ ใจ และตระหนกั ถึงความสาคัญของการมสี ่วนรว่ ม ในการบรหิ ารจดั การสาธารณภัยในเบอ้ื งต้น และฝึกซ้อมเพ่ือเตรยี มรบั มือกับภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในพนื้ ท่ีการปฏิบัตกิ ารใน ภาวะฉุกเฉินขณะเกดิ ภยั รวมถงึ การอพยพประชาชนไปส่พู ้ืนที่ปลอดภยั อันเป็นการเตรยี มความพร้อมและเพิ่มศักยภาพ ของชมุ ชนในการปอู งกันและบรรเทาสาธารณภยั ทง้ั น้ี เพื่อลดภยันตรายทอ่ี าจเกิดข้นึ ท้ังชีวติ และทรัพย์สินของประชาชนและของรฐั เพอื่ เปน็ การเตรยี มความพรอ้ มและเสริมสร้างทักษะความรูแ้ กป่ ระชาชน กศน.ตาบลไรห่ ลักทอง ไดเ้ ลง็ เห็นความสาคญั จากเหตุผลขา้ งต้นดังกล่าว จึงได้ดาเนนิ การจดั ทาโครงการ อบรมเชิงปฏบิ ัตกิ าร การปอู งกนั อัคคภี ัยในชุมชน เพ่ือให้ความรแู้ ก่ผเู้ ข้ารับการฝึกอบรมเกิดความชานาญ และทราบถงึ วธิ กี ารดับเพลิง ชนิดต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง และปลอดภัย เป็นการสรา้ งความมนั่ ใจให้กับประชาชนท่ีจะเผชิญเหตใุ น ระยะแรกและสามารถใชอ้ ุปกรณ์ในการดบั เพลงิ ไดอ้ ย่างถูกวธิ แี ละปลอดภยั ซงึ่ เป็นผลให้สามารถลดการสญู เสยี ชวี ติ และ ทรพั ยส์ ินของประชาชน และส่วนราชการในเขตพน้ื ทไี่ ด้ วัตถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือให้ผูเ้ ขา้ รบั การอบรมไดม้ ีความรู้ ความเข้าใจและความสามารถรบั มือกบั อัคคีภัยในครวั เรอื นและชมุ ชน ของตนเองได้ 2. เพ่ือให้ผเู้ ข้าอบรมนาความรไู้ ปใชใ้ นชวี ติ ประจาวันและเผยแพรใ่ หก้ ับชุมชนได้ เป้าหมาย (Outputs) เป้าหมายเชิงปริมาณ ประชาชนตาบลไรห่ ลกั ทอง จานวน 15 คน เปา้ หมายเชิงคณุ ภาพ - ผเู้ ขา้ อบรมได้รบั ความรู้ ความเขา้ ใจและสามารถในการรับมือกบั อคั คีภัยในครวั เรือนและชุมชนของ
ตนเองนาความรู้ไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั และเผยแพรใ่ หก้ ับชุมชนได้ 2 ผลลัพธ์ - เขา้ อบรมได้รับความรู้ ความเข้าใจและสามารถรบั มือกบั อัคคภี ยั ในครัวเรอื นและชมุ ชนของตนเองและ นาความรไู้ ปใช้ในชีวิตประจาวันและเผยแพรใ่ ห้กบั ชมุ ชนได้ ดัชนีชว้ี ดั ผลสาเรจ็ ของโครงการ ตัวชว้ี ดั ผลผลิต (Outputs) ร้อยและ 80 ของผ้เู ขา้ ร่วมกจิ กรรม มีความรู้ ความเขา้ ใจในการปูองกันอคั คภี ัย ตวั ช้วี ัดผลลพั ธ์ (Outcomes) ร้อยและ 80 ของผู้เขา้ รว่ มกิจกรรม นาความรู้ทไี่ ด้รับมาปรับใชใ้ นชวี ิตประจาวัน
3 บทท่ี 2 เอกสารการศึกษาและงานวจิ ัยทเ่ี กย่ี วข้อง ในการจัดทาสรปุ ผลโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ การปูองกันอัคคภี ยั ในชมุ ชนครัง้ นี้ คณะผู้จัดทาโครงการได้ ทาการคน้ ควา้ เนอื้ หาเอกสารการศึกษาและงานวจิ ัยทเ่ี ก่ยี วข้อง ดังน้ี 1. กรอบการจัดกจิ กรรมการศึกษาเพอ่ื พัฒนาสังคมและชุมชน 2. เอกสาร/งานวิจัยที่เก่ยี วข้อง 1. กรอบการจดั กจิ กรรมการศึกษาเพ่ือพฒั นาสังคมและชมุ ชน นโยบายเรง่ ด่วนเพ่อื ร่วมขับเคลอื่ นยทุ ธศาสตร์การพฒั นาประเทศ ภารกิจตอ่ เนอ่ื ง 1. ด้านการจดั การศกึ ษาและการเรยี นรู้ 1.3 การศึกษาตอ่ เน่อื ง 3) จัดการศึกษาเพ่ือพฒั นาสงั คมและชมุ ชน โดยใช้หลกั สูตรและการจดั กระบวนการเรียนรแู้ บบบรู ณาการใน รูปแบบของการฝึกอบรม การประชมุ สัมมนา การจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การจดั กิจกรรมจติ อาสา การสรา้ งชมุ ชนนัก ปฏิบัติ และรูปแบบอน่ื ๆ ท่ีเหมาะสมกับกลมุ่ เปาู หมาย และบรบิ ทของชุมชนแตล่ ะพื้นที่ เคารพความคิดเหน็ ของผู้อ่นื โดย ยอมรบั ความแตกตา่ งและหลายหลายทางความคิดและอดุ มการณ์ รวมท้ังสงั คมพหวุ ฒั นธรรม โดยจัดกระบวนการให้บุคคล รวมกลมุ่ เพ่ือแลกเปลยี่ นเรยี นรรู้ ่วมกนั สร้างกระบวนการจิตสาธารณะ การสร้างจติ สานึกความเป็นประชาธปิ ไตย การเคารพใน สิทธิ และรบั ผดิ ชอบตอ่ หนา้ ที่ความเป็นพลเมืองดี การส่งเสริมคณุ ธรรม จริยธรรม การบาเพ็ญประโยชน์ในชมุ ชนการบรหิ าร จดั การนา้ การรบั มือกับสาธารณภยั การอนรุ กั ษ์พลังงานทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม ช่วยเหลอื ซ่งึ กนั และกนั ในการ พัฒนาสงั คมและชมุ ชนอย่างย่ังยืน 2. เอกสาร/งานทเี่ ก่ียวขอ้ ง การสนั ดาปหรอื การเผาไหม้ (COMBUSTION) คอื กระบวนการเปล่ยี นแปลงของเชื้อเพลิงทดี่ ีรบั ความร้อน และทาปฏกิ ริ ิยารวมตวั กบั ออกซเิ จนจนเกิดความรอ้ นสะสมขึ้นอย่างมากมาย ทาให้อะตอมของเชือ้ เพลงิ แยกตัวออกเป็น อนภุ าคเล็กๆจนถึงข้นั เกิดการลกุ ไหมข้ ึ้นเป็นเปลวไฟ อคั คภี ัย หมายถงึ อันตรายท่ีเกิดจากไฟ ท่ีขาดการควบคุมจนเกดิ การลกุ ลามต่อเน่ืองเปน็ เพลงิ สร้างความ เสียหายใหแ้ กชวี ิต ทรพั ย์สิน รา่ งกายและส่งิ แวดลอ้ ม สาเหตุของอคั คภี ัย จนทาให้เกิดการลุกลามเกิดเพลงิ ไหม้ขนาดใหญ่นน้ั อาจเกิดได้ 2 ลักษณะใหญ่คือ สาเหตุของอคั คีภยั อันเกิดจากการตัง้ ใจ และสาเหตุของอัคคีภยั อันเกิดจากการประมาทขาดความระมดั ระวังหรือ มไิ ดต้ งั้ ใจ
4 1. สาเหตุของอัคคีภยั อนั เกดิ จากความต้ังใจ เชน่ การลอบวางเพลิงหรอื การก่อวนิ าศกรรม ซึ่งเกดิ จากการจงู ใจ อันมีมูลสาเหตจุ งู ใจท่ีทาใหเ้ กิดการลอบวางเพลงิ อาจเน่ืองมาจากเปน็ พวกโรคจติ 2. สาเหตุของอคั คีภัยอันเกดิ จากความประมาท ขาดความระมดั ระวัง ในกรณนี ้ีพอจะแบ่งเปน็ ประเดน็ หลกั ๆ ได้ 2 ประเด็นคือ 1. ขาดความระมัดระวังทาใหเ้ ช้ือเพลิงแพร่กระจาย ในกรณีดังกลา่ วนีเ้ กิดจากการทาใหส้ ่ิงที่เป็นเช้ือเพลิง ซึง่ เป็น สารลุกไหมไ้ ฟหรือติดไฟไดแ้ พรก่ ระจายเมื่อไปสัมผัสกบั ความร้อนกจ็ ะเป็นสาเหตุของการเกดิ อัคคีภัยได้ ตวั อยา่ งเช่น ใน บริเวณทมี่ ีไอของตวั ทาละลาย หรือน้ามันเชอื้ เพลงิ แพร่กระจาย เมือ่ ไปสัมผัสกบั แหล่งความรอ้ น เช่น บรเิ วณที่มีจุดสบู บุหรีก่ ็จะทาใหเ้ กิดอคั คภี ยั ได้ 2. ขาดความระมดั ระวงั การใช้ไฟและความร้อน ในกรณีดงั กลา่ วนี้กเ็ ช่นกันทาให้แหลง่ ความรอ้ นซึ่งอาจอยใู่ น รูปแบบและลักษณะต่างๆ กัน เชน่ ความร้อนจากอปุ กรณ์ไฟฟูา การเชอ่ื มตัด เตาเผา เป็นตน้ ทาให้แหล่งกาเนิดความร้อน น้ันไปสัมผสั กบั เชอื้ เพลิงในสภาพท่ีเหมาะสม กจ็ ะเป็นสาเหตุของอคั คีภัยได้ ตัวอยา่ งเช่น การที่สะเกด็ ไฟจากการเช่ือมติด ด้วยไฟฟาู หรอื ก๊าซไปตกลงในบรเิ วณท่มี กี องเศษไม้หรือผา้ ทาใหเ้ กดิ การคุกรุน่ ลุกไหมเ้ กิดอคั คภี ยั องคป์ ระกอบของไฟ (FIRE TRIANGLE) การเผาไหม้เปน็ ปฏิกิริยาคายความรอ้ น ซ่งึ ไฟจะเกดิ ขนึ้ ได้ตอ้ งประกอบดว้ ยองค์ประกอบ 3 อย่าง คือ 1. เชือ้ เพลิง (FUEL) เชอื้ เพลงิ มีอยู่ 3 สถานะ คือ - เชอ้ื เพลิงแขง็ (SOLID FUEL) - เชอ้ื เพลงิ เหลว (LIQUID FUEL) - กา๊ ซ (GASES) 2. ออกซเิ จน (OXYGEN) โดยทั่วไปจะมีออกซิเจนอย่ใู นอากาศประมาณ 21% 3. ความร้อน (HEAT) การทจ่ี ะทาใหเ้ กิดการเผาไหม้หรอื ไฟตดิ ได้ต้องมอี งคป์ ระกอบทัง้ 3 ไดแ้ ก่ เชอื้ เพลงิ ออกซิเจน และความร้อน ขาดตวั ใดตวั หน่งึ ไม่ได้ซึ่งถา้ ขาดองค์ประกอบตวั ใดตวั หน่ึงไฟจะไมส่ ามารถติดหรือ เกิดการเผาไหม้ได้ การปอ้ งกนั ไฟ (FIRE PREVENTION) หลกั สาคญั คอื การแยกองคป์ ระกอบของไฟออกจากกัน เชน่ การเก็บวสั ดุ ตดิ ไฟไวเ้ ทา่ ทีจ่ าเปน็ และใน สถานท่ที ห่ี า่ งจากแหลง่ กาเนิดของการติดไฟ การเกบ็ สารไวไฟไว้ในภาชนะท่ีเหมาะสม การปูองกันระบบไฟฟูา ลัดวงจร การควบคมุ การสูบบหุ รี่ให้เป็นที่ การวางระเบียบในการเชอ่ื มการตดั การเกบ็ สารเคมีอย่างถูกตอ้ ง การจดั ให้มกี ารรักษาความสะอาดในสถานทีท่ างานทด่ี ี ฯลฯ
5 แหลง่ ที่เกิดเพลิงไหม้ (IGNITION SOURCES) 1. 23% เกดิ จากไฟฟูา 10. 3% เกดิ จากการปล่อยปละละเลย 2. 18% เกิดจากการสูบบุหร่ี 11. 3% เกดิ จากการลอบวางเพลิง 3. 10% เกดิ จากการเสยี ดสี 12. 2% เกดิ จากการสปาร์คของเครื่องจกั รกล 4. 8% เกิดจากความร้อนจัด 13. 2% เกดิ จากการหลอมโลหะ 5. 7% เกดิ จากผวิ โลหะร้อน 14. 1% เกดิ จากปฏกิ ิรยิ าเคมี 6. 7% เกิดจากเปลวไฟ 15. 1% เกดิ จากฟาู ผา่ 7. 5% เกดิ จากประกายไฟ 16. 1% เกดิ จากไฟฟูาสถิต 8. 4% เกดิ จากการลกุ ติดไฟข้ึนเอง 17. 1% เกดิ จากสาเหตอุ ่ืน 9. 4% เกิดจากการตดั หรอื เช่ือม 1. ไฟท่ีเกดิ จากกระแสไฟฟูา (Electric Fires) เกิดจากไฟฟูาอาร์ค (arcing) ลัดวงจรเกนิ โหลด (Overloaded) และ อุปกรณ์ไฟฟูาทใ่ี ช้สายไฟคุณภาพตา่ กว่ามาตรฐานและการติดตัง้ ไม่ดพี อ 2. ไฟท่ีเกิดจากการสบู บุหร่ี (Smoking) อัคคีภยั ทเ่ี กดิ จากการสูบบหุ รี่นับเปน็ อนั ดบั สอง ของสาเหตุทั้งหมด จักต้อง มีกฎระเบยี บควบคมุ การสูบบุหร่ี และการจุดไฟ ไว้อยา่ งเข้มงวดกวดขัน 3. ไฟท่เี กิดจากการเสยี ดสี (Friction) การเสยี ดสที ี่เกิดจาก Bearing ชารุด หรอื ปรับไม่ได้ระดบั หรอื การขัดตัวของ อุปกรณ์ ท่หี มุนตลอดเวลา อาจกอ่ ให้เกิดอัคคภี ยั ไดม้ าก 4. วัสดุท่ีร้อนจัด หรือผวิ โลหะร้อน (Overheated Materials and Hot Surfaces) ไฟท่ีเกิดจากเช้อื เพลิงทส่ี ัมผัส กบั วสั ดุทร่ี อ้ นจัด ไมว่ า่ จะด้วยการน า การพา หรอื แผ่รังสจี ากแหล่งความร้อน เช่น หม้อน้า ท่อหรอื ปล่องเตา ท่อ ไอนา้ หลอดไฟ ฯลฯ ซึ่งจะต้องปูองกนั ด้วย ระยะหา่ งการหุ้มฉนวน การปฏบิ ัตกิ ารที่ถูกวิธี และมอี ุปกรณ์ เครื่อง ตรวจวดั และสญั ญาณ ฯลฯ 5. อัคคภี ยั ท่เี กดิ จากการจุดหัวเผา (Bunner Flames and Combustible Sparks) มักจะเกดิ กบั อปุ กรณ์ทีช่ ารุด ทรุดโทรม หรอื ขาดการดูแลเอาใจใส่ เช่น หัวตัดแก๊ส หัวจุดในหม้อน้าหรือเตา และอุปกรณใ์ หค้ วามร้อน โดยมี เชอื้ เพลิงและเศษสิง่ ของทีต่ ิดไฟได้อยใู่ นบริเวณใกลเ้ คยี ง 6. ไฟทตี่ ิดขน้ึ ได้เอง (Spontaneous Ignition) เม่อื มีเชอื้ เพลิงและออกซิเจน (ในอากาศ) รวมตัวกนั อยู่แลว้ หากมี ปฏกิ ิรยิ าเคมีที่ให้ความร้อนเกิดข้นึ และสะสมจากอุณหภมู ถิ ึงจดุ ติดไฟ ไฟก็จะเกิดขนึ้ เองได้ ซ่งึ เป็นส่งิ ทคี่ วรระวัง มาก คือการเกบ็ รกั ษาให้ถูกวิธี และปลอดภยั และไมม่ ีเชื้อเพลิงในบรเิ วณใกล้เคยี งทจ่ี ะใหไ้ ฟลุกลามได้ 7. การตดั หรือการเช่อื มโลลหะ (Cutting and Welding) เคร่อื งตดั หรือเช่ือมโลหะ ต้องดูแลอุปกรณ์ และถงั แก๊ส หรือท่อแก๊ส มใิ หร้ วั่ หรอื ซึมได้รวมท้ังสิง่ แวดล้อมบรเิ วณทางาน ปราศจากไอน้ามนั หรอื เช้ือเพลิงทจี่ ะติดไฟได้ 8. การปลอ่ ยปะละเลย (Exposure) วัสดุไวไฟ หากเปดิ ทง้ิ ไว้โดยไมป่ ิดฝาให้มิดชิด หรอื วางไว้ในที่ตากแดดจนเกิด ความรอ้ นสูง จะเกิดไอระเหยออกสบู่ นบรรยากาศได้ตลอดเวลา และมโี อกาสเกดิ อัคคภี ัยไดท้ กุ เวลา
6 9. การถูกลอบวางเพลงิ (Incendiarism) การปิดกั้นบรเิ วณและรกั ษาการ มีความจาเป็นมากกับวัสดุอุปกรณส์ าคัญ 10. ประกายไฟทเี่ กดิ จากเคร่ืองจักรกล (Mechanical Sparks) การเจียร การขดั ฯลฯ จะตอ้ งระมัดระวังสะเก็ดไฟ ทจี่ ะก่อให้เกดิ อัคคีไฟได้ 11. การหลอมโลหะ (Molten Substance) อาจเกดิ อคั คีภยั ได้จากการแตกสลายของเตาหลอมหรอื การรว่ั ไหลใน ระหวา่ งการเคล่ือนยา้ ย 12. ปฏิกริ ิยาเคมี (Chemical Reaction) ปฏิกิรยิ าเคมีทีก่ ่อให้เกิดความร้อนสูง บางคร้ังอาจเกดิ อย่างรุนแรงหรือ ระเบิดได้ต้องปฏบิ ตั ิใหถ้ กู วธิ ีด้วยความระมดั ระวัง 13. ประกายไฟจากไฟฟูาสถติ (Static Sparks) ประกายไฟฟูาท่เี กดิ จากไฟฟาู สถิต อาจจุดตดิ ไฟให้กับไอ ฝนุ ละออง หรือเศษผงของวสั ดไุ วไฟได้ง่าย เชน่ เครื่องปัน่ เครื่องกวน สายพาน การเติมน้ามันลงถงั ซง่ึ อาจปูองกนั ได้ ดายตอ่ สายดนิ ฯลฯ(Grounding, Bonding, Ionization and Ilumidification) ประเภทของไฟ (FIRE CLASSIFICATION) ไฟแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ตามลกั ษณะของเชื้อเพลงิ มาตรฐาน NFPA (NATION FIREPROTECTION ASSOCIATION) ได้ดงั น้ี คือ 1.ไฟประเภท เอ มีสญั ลักษณเ์ ป็น รูปตัว A สขี าวหรอื ดาอยูใ่ นสามเหลีย่ มสเี ขียว ไฟประเภท A คือ ไฟทีเ่ กดิ จาก เชอื้ เพลิงท่ีมีลักษณะเป็นของแข็งเชอื้ เพลงิ ธรรมดา เช่น ฟืน ฟาง ยางไม้ ผา้ กระดาษ พลาสตกิ หนงั สต๊ิก หนงั สัตว์ ปอ นุน่ ด้าย รวมท้งั ตัวเราเอง 2.ไฟประเภท บีมสี ัญลักษณ์เป็นรปู ตัว B สขี าวหรอื ด า อยู่ในรปู สี่เหลี่ยม สีแดง ไฟประเภท B คอื ไฟที่เกิดจากเช้อื เพลงิ ทม่ี ลี ักษณะเป็นของเหลวและกา๊ ซ เชน่ น้ามันทุกชนดิ แอลกอฮอล์ ทิเนอร์ ยางมะตอยจารบี และกา๊ ซตดิ ไฟทกุ ชนดิ เปน็ ต้น วิธดี ับไฟประเภท B ทด่ี ีท่ีสุด คือ กาจดั ออกซเิ จน ทา ใหอ้ บั อากาศ โดยคลมุ ดับ ใช้ผงเคมแี หง้ ใช้ฟองโฟมคลมุ 3.ไฟประเภท ซีมีสญั ลกั ษณเ์ ป็นรูป C สขี าวหรอื ด า อยใู่ นวงกลมสฟี าู ไฟประเภท C คือ ไฟที่เกดิ จากเชอื้ เพลิงท่ี มีลกั ษณะเป็นของแข็งทม่ี ีกระแสไฟฟาู ไหลอยู่ เชน่ อุปกรณไ์ ฟฟาู ทุกชนิด การอาร์ค การสปารค์ วิธดี บั ไฟประเภท C ท่ีดี ที่สุด คอื ตดั กระแสไฟฟาู แลว้ จงึ ใช้ก๊าซคารบ์ อนไดออกไซด์หรอื น้ายาเหลวระเหยท่ีไมม่ ี CFCไล่ออกซิเจนออกไป 4.ไฟประเภท ดีมสี ญั ลกั ษณเ์ ป็นรูปตวั D สขี าวหรือด า อยใู่ นดาว 5 แฉก สีเหลอื ง ไฟประเภท D คอื ไฟทเี่ กิดจากเชือ้ เพลิง ทมี่ ีลกั ษณะเปน็ โลหะและสารเคมีติดไฟ เชน่ วตั ถุระเบิดผงแมกนเี ซยี ม, ปุ๋ยยูเรีย (แอมโมเนียมไนเตรต) ฯลฯ วธิ ดี ับไฟประเภท D ทีด่ ที ีส่ ุด คอื การทาให้อับอากาศ หรือใชส้ ารเคมเี ฉพาะ (หา้ มใชน้ ้าเป็นอนั ขาด) ซึ่งต้องศึกษาหา
7 ข้อมูลแตล่ ะชนิดของสารเคมีหรือโลหะนัน้ ๆ หลกั ใน การดับเพลงิ หลกั การงา่ ยๆก็คือการกาจัดองคป์ ระกอบของการเกดิ ไฟอย่างใดอยา่ งหน่ึงออกไป หรอื กาจัดทง้ั หมดในคราวเดียวกนั เพราะไฟหากไม่ครบองค์ประกอบท้ัง 3 องค์ประกอบแลว้ จะไม่มกี ารเกิดขึน้ ของไฟอย่างแนน่ อน ดงั นนั้ วิธกี ารดบั เพลงิ แบง่ ออกไดเ้ ปน็ 3 วิธีคือ 1.การกาจดั เช้ือเพลงิ 2.การทาใหเ้ ย็นตวั ลง หรือการลดอุณหภูมิ 3.การคลุมดบั หรอื การกาจัดอากาศ ( ออกซเิ จน ) 1. การกาจัดเชอ้ื เพลงิ ทาได้ 3 ประการคอื 1. การเคลื่อนย้ายเชื้อเพลงิ ออก หรอื การตดั ทางหนุนเนื่องของเช้ือเพลงิ เชน่ การปดิ ก๊อกน้ามนั ท่ีร่วั ไหล / ปดิ วาล์วของถงั กา๊ ซ 2. การเคลอ่ื นย้ายเช้ือเพลงิ ที่ติดไฟออกจากกองเพลิง เชน่ ขนยา้ ยถงั นา้ มนั ถงั กา๊ ซ สารเคมอี อกจากทเี่ กิดเพลิง ไหม้ 3. การทาใหป้ ริมาณของส่งิ ท่ีไหม้ไฟน้อยลง ได้แก่การแบ่งหรอื แยกปริมาณของส่งิ ท่ีติดไฟให้เป็นกองเล็กๆเพ่อื ให้ ดับไดโ้ ดยงา่ ย หรอื การตีหญา้ ทไ่ี หม้ไฟให้สว่ นท่ีไหม้แตกแยกออกแลว้ ดบั ได้
8 2. การทาใหเ้ ยน็ ตัวลง คอื การทาใหเ้ ชื้อเพลิงมีอณุ หภูมิต่าจนไมส่ ามารถลกุ ไหม้ต่อไปได้ ซง่ึ ตามธรรมดา เราใช้น้า หรอื สารเคมเี หลวเป็นตัวลดอณุ หภมู ขิ องสงิ่ ท่ีไหม้ไฟ 3. การคลมุ ดับหรอื การกาจัดอากาศ คือการลดปรมิ าณของออกซเิ จนให้น้อยลง สิ่งที่ไหม้ไฟต้องการอากาศ (ออกซเิ จน)เป็นตัวช่วยในการเผาไหม้ ออกซเิ จนมีอยู่ในบรรยากาศประมาณ 21 % ถ้าลดลงเหลอื 15 % ไฟกจ็ ะดับ การคลมุ ดับหรือกาจัดอากาศทาได้ ดงั น้ี - การใชผ้ ้าห่อคลุมทาให้อับอากาศ - การใช้ผา้ ห่มหนาๆ หรอื ทราย หรือดินร่วนเทกลบ - การใช้โฟม หรอื น้ายาเป็นฟองฉีดคลมุ ลงไป
9 บทที่ 3 วิธีดาเนนิ งาน การดาเนินโครงการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั ิการ การปูองกันอคั คีภัยในชมุ ชน ไดด้ าเนินการตามขนั้ ตอนตา่ งๆ ดังนี้ 1. ขน้ั เตรียมการ การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวขอ้ งกับโครงการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั ิการ การปอ้ งกนั อัคคีภยั ในชมุ ชน ผู้รบั ผดิ ชอบโครงการได้ศกึ ษาคน้ ควา้ เอกสารทีเ่ กย่ี วข้องเพ่ือเป็นข้อมูลและแนวทางในการดาเนนิ การโครงการ อบรมเชิงปฏิบตั กิ าร การป้องกนั อคั คีภยั ในชุมชน ดงั นี้ 1. ศึกษาเอกสาร / คู่มือ ข้อมูลจากหนงั สือ เก่ยี วกบั การปูองกนั อัคคีภยั ในชมุ ชนเพื่อเปน็ แนวทางเก่ยี วกบั การจดั โครงการอบรมเชิงปฏิบตั กิ าร การปูองกันอัคคภี ัยในชุมชน 2. ศึกษาขน้ั ตอนการดาเนินโครงการอบรมเชงิ ปฏิบัติการ การปูองกันอคั คภี ัยในชมุ ชน เพ่ือเป็นแนวทางในการ จัดเตรยี มงาน วัสดุอปุ กรณ์ และบุคลากรใหเ้ หมาะสม การสารวจความตอ้ งการของประชาชนในพ้นื ที่ (ตามนโยบายของรัฐบาล) กล่มุ ภารกจิ การจดั การศึกษานอกระบบ มอบหมายให้ ครู กศน.ตาบล สารวจความต้องการของ กล่มุ เปูาหมายเพ่ือทราบความต้องการท่ีแท้จรงิ ของประชาชนในตาบล และมีข้อมูลในการจดั กจิ กรรมท่ีตรงกับความ ต้องการของชมุ ชน การประสานงานผ้นู าชมุ ชน / ประชาชน /วิทยากร 1. ครู กศน.ตาบล ไดป้ ระสานงานกับหัวหน้า/ผู้นาชมุ ชนและประชาชนในตาบลเพอ่ื ร่วมกันปรึกษาหารือ ในกลุ่มเกี่ยวกบั การดาเนนิ การจดั โครงการใหต้ รงกบั ความต้องการของชุมชน 2. ครู กศน.ตาบล ได้ประสานงานกับหน่วยงานท่ีเกี่ยวขอ้ งเพื่อจดั หาวิทยากร การประชาสัมพนั ธ์โครงการฯ ครู กศน.ตาบล ไดด้ าเนนิ การประชาสมั พันธ์การจัดโครงการอบรมเชงิ ปฏิบัตกิ าร การปอู งกันอัคคภี ยั ใน ชมุ ชน เพอ่ื ให้ประชาชนทราบขอ้ มูลการจดั กจิ กรรมดังกล่าวผ่านผนู้ าชมุ ชน ประชุมเตรียมการ / วางแผน 1) ประชมุ ปรกึ ษาหารือผู้ทีเ่ กี่ยวขอ้ ง 2) เขียนโครงการ วางแผนมอบหมายงานใหฝ้ าุ ยต่างๆ เตรียมดาเนนิ การ 3) มอบหมายหน้าท่ี แต่งต้ังคณะทางาน
10 การรับสมัครผเู้ ขา้ ร่วมโครงการฯ ครู กศน.ตาบล ได้รบั สมัครผู้เข้าร่วมโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ การปูองกันอคั คีภยั ในชมุ ชน โดยให้ ประชาชนทวั่ ไปที่อาศยั อยู่ในพืน้ ท่ีตาบลไร่หลักทองเข้ารว่ ม เปูาหมายจานวน 15 คน การกาหนดสถานทแ่ี ละระยะเวลาดาเนินการ ครู กศน.ตาบล ได้กาหนดสถานท่ใี นการจดั อบรมคือ วัดเกาะแกว้ คลองหลวง หมทู่ 6่ี ตาบลไรห่ ลกั ทอง อาเภอพนสั นิคม จงั หวดั ชลบรุ ี ในวนั ที่ 19 มนี าคม พ.ศ. 2563 จานวน 1 วัน เวลา 08.30-12.00 น. 2. ข้ันดาเนนิ งาน กลุ่มเป้าหมาย ประชาชนตาบลไรห่ ลกั ทอง จานวน 15 คน สถานที่ดาเนนิ งาน ครู กศน.ตาบล จัดกิจกรรมโครงการอบรมเชงิ ปฏิบัตกิ าร การปอู งกันอัคคีภยั ในชุมชน โดยจดั กจิ กรรม อบรมให้ความรู้ ในวันท่ี 18 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2563 เวลา 08.30-14.30 น. ณ วัดเกาะแก้วคลองหลวง หมู่ท่ี 6 ตาบลไร่หลกั ทอง อาเภอพนสั นิคม จงั หวดั ชลบรุ ี การขออนุมตั ิแผนการจัดกิจกรรมการศึกษาเพ่อื พัฒนาสังคมและชุมชน กศน.ตาบล ไดด้ าเนินการขออนุมัติแผนการจดั กิจกรรมการศกึ ษาเพ่ือพัฒนาสังคมและชมุ ชน โครงการ อบรมเชิงปฏิบัตกิ าร การปูองกนั อคั คีภัยในชมุ ชน ตอ่ สานักงาน กศน.จงั หวัดชลบรุ ี เพ่ือให้ต้นสังกดั อนุมตั แิ ผนการจัด กจิ กรรมการศกึ ษาเพ่ือพัฒนาสงั คมและชมุ ชน การจดั ทาเครื่องมือการวัดความพึงพอใจของผรู้ ว่ มกิจกรรม เคร่ืองมือท่ีใช้ในการติดตามประเมนิ ผลโครงการ ได้แก่ แบบประเมินความพึงพอใจ ขน้ั ดาเนนิ การ / ปฏบิ ตั ิ 1. เสนอโครงการเพื่อขอความเหน็ ชอบ/อนมุ ัติจากตน้ สังกดั 2. วางแผนการจดั กิจกรรมในโครงการอบรมเชิงปฏบิ ัติการ การปอู งกันอัคคีภยั ในชมุ ชน โดยกาหนด ตารางกจิ กรรมที่กาหนดการ 3. มอบหมายงานใหแ้ ก่ผูร้ บั ผิดชอบฝาุ ยต่างๆ
11 กาหนดการ 4. แตง่ ตง้ั คณะกรมการดาเนนิ งาน 5. ประชาสัมพนั ธ์โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ การปูองกันอัคคภี ยั ในชมุ ชน 6. จดั กจิ กรรมโครงการอบรมเชิงปฏิบตั กิ าร การปอู งกนั อคั คภี ยั ในชุมชน ตามตารางกิจกรรมท่ี 7. ตดิ ตามและประเมนิ ผลโครงการอบรมเชิงปฏบิ ัติการ การปอู งกนั อัคคีภัยในชมุ ชน 3. การประเมนิ ผล วเิ คราะหข์ ้อมลู 1. บนั ทกึ ผลการสังเกตจากผูเ้ ขา้ รว่ มกิจกรรม 2. วเิ คราะห์ผลจากการประเมินในแบบประเมนิ ความพึงพอใจ 3. รายงานผลการปฏิบตั งิ านรวบรวมสรปุ ผลการปฏิบัตงิ านของโครงการนาเสนอต่อผ้บู ริหารนาปญั หา ขอ้ บกพร่องไปแก้ไขครง้ั ตอ่ ไป คา่ สถติ ิทีใ่ ช้ การวิเคราะห์ข้อมลู ใชค้ า่ สถติ ิร้อยละในการประมวลผลขอ้ มูลส่วนตวั และตวั ชีว้ ัดความสาเรจ็ ของ โครงการตามแบบสอบถามคิดเป็นรายข้อ โดยแปลความหมายค่าสถิติร้อยละออกมาไดด้ ังนี้ คา่ สถิตริ อ้ ยละ 90 ขนึ้ ไป ดมี าก คา่ สถิตริ อ้ ยละ 75 – 89.99 ดี คา่ สถติ ริ อ้ ยละ 60 – 74.99 พอใช้ คา่ สถิตริ ้อยละ 50 – 59.99 ปรับปรงุ คา่ สถิตริ ้อยละ 0 – 49.99 ปรบั ปรงุ เรง่ ด่วน ส่วนการวเิ คราะหข์ ้อมลู จากแบบสอบถามความคิดเห็นรายขอ้ ซง่ึ มลี ักษณะเปน็ คา่ น้าหนักคะแนน และนามาเปรยี บเทียบ ได้ระดับคณุ ภาพตามเกณฑ์การประเมนิ ดงั น้ี เกณฑ์การประเมนิ (X) คา่ น้าหนกั คะแนน 4.50 – 5.00 ระดบั คณุ ภาพ คือ ดีมาก ค่าน้าหนกั คะแนน 3.75 – 4.49 ระดบั คุณภาพ คอื ดี ค่าน้าหนกั คะแนน 3.00 – 3.74 ระดับคุณภาพ คือ พอใช้ คา่ น้าหนกั คะแนน 2.50 – 2.99 ระดบั คณุ ภาพ คือ ตอ้ งปรบั ปรงุ คา่ น้าหนกั คะแนน 0.00 – 2.49 ระดบั คณุ ภาพ คอื ต้องปรับปรงุ เร่งดว่ น
12 บทที่ 4 ผลการดาเนนิ งานและการวิเคราะหข์ ้อมูล ตอนท่ี 1 รายงานผลการจัดกจิ กรรมโครงการอบรมเชิงปฏบิ ัตกิ าร การป้องกนั อัคคภี ัยในชมุ ชน การจัดกจิ กรรมโครงการอบรมเชงิ ปฏิบตั กิ าร การปูองกนั อัคคภี ยั ในชมุ ชน สรปุ รายงานผลการจัดกจิ กรรมไดด้ งั นี้ ในการจดั กจิ กรรมอบรมให้ความรตู้ ามโครงการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร การปอู งกันอัคคภี ยั ในชมุ ชน เป็นการอบรม ให้ความรู้ โดยมี จ่าเอกศราวุธ จันทรา เป็นวทิ ยากรในการบรรยายใหค้ วามรู้ เร่ือง เรื่อง สาเหตขุ องการเกดิ อัคคภี ัย,การ ปูองกนั อคั คีภัยในชมุ ชน,อุปกรณใ์ นการบรรเทาอัคคีภยั ,ขั้นตอนในการปฏิบัตติ นเม่ือเกิดอัคคภี ัย,การใช้อปุ กรณใ์ นการ บรรเทาอคั คีภัยและสาธติ และฝึกปฏบิ ัติ หลังจากเสรจ็ ส้ินกจิ กรรมดังกล่าวแล้ว ผเู้ ขา้ รว่ มกิจกรรม มคี วามรู้ ความเข้าใจใน เรอ่ื งการปูองกนั อัคคภี ยั ในชุมชน และนาความร้ทู ่ีได้รบั มาปรบั ใช้ในชวี ติ ประจาวนั ตอนที่ 2 รายงานผลความพึงพอใจของโครงการอบรมเชิงปฏบิ ัติการ การป้องกนั อคั คีภัยในชมุ ชน การจัดกิจกรรมโครงการอบรมเชิงปฏบิ ัตกิ าร การปูองกนั อัคคภี ัยในชุมชน ซ่ึงสรุปรายงานผลจากแบบสอบถาม ความคิดเห็น ข้อมลู ท่ีได้สามารถวเิ คราะหแ์ ละแสดงค่าสถติ ิ ดงั นี้ ตารางท่ี 1 ผู้เขา้ ร่วมโครงการทต่ี อบแบบสอบถามไดน้ ามาจาแนกตามเพศ รายละเอยี ด เพศ หญงิ ชาย 11 68.75 จานวน (คน) 5 ร้อยละ 31.25 จากตารางท่ี 1 พบวา่ ผตู้ อบแบบสอบถามทีเ่ ขา้ รว่ มกจิ กรรมการศึกษาเพื่อพฒั นาสงั คมและชุมชน โครงการอบรมเชงิ ปฏิบตั ิการ การปูองกนั อัคคีภัยในชุมชน เป็นชาย 5 คน คิดเปน็ ร้อยละ 31.25 และเป็นหญงิ จานวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 68.75 ตารางท่ี 2 ผ้เู ขา้ ร่วมโครงการที่ตอบแบบสอบถามไดน้ ามาจาแนกตามอายุ รายละเอียด อายุ (ปี) อายุ 15-29 30 - 39 40-59 60 ข้นึ ไป 9 จานวน (คน) - - 7 56.25 รอ้ ยละ - - 43.75
12 จากตารางท่ี 2 พบวา่ ผตู้ อบแบบสอบถามทีเ่ ขา้ ร่วมกจิ กรรมการศึกษาเพ่ือพัฒนาสังคมและชมุ ชน โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ การปอู งกนั อัคคีภยั ในชุมชน มีอายุ 40-59 ปี จานวน6 คน คิดเป็นร้อยละ 43.75 และมีอายุ 60 ปีขนึ้ ไป จานวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 56.25 ตารางท่ี 3 ผู้เข้ารว่ มโครงการทีต่ อบแบบสอบถามได้นามาจาแนกตามอาชีพ รายละเอยี ด เกษตรกรรม รบั จ้าง อาชพี คา้ ขาย อ่ืนๆ รับราชการ/รฐั วิสาหกจิ - 8 - 50.00 จานวน (คน) 5 3 - รอ้ ยละ 31.25 18.75 - จากตารางท่ี 3 พบวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามท่ีเขา้ รว่ มกจิ กรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาสงั คมและชมุ ชน โครงการอบรมเชิงปฏบิ ัติการ การปอู งกนั อัคคีภัยในชมุ ชน มีอาชีพเกษตรกรรม จานวน 5 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 31.25 มอี าชีพรบั จา้ ง จานวน 3 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 18.75 และอาชีพอ่ืนๆ จานวน 8 คน คิดเปน็ ร้อยละ 50.00 ตารางท่ี 4 ผเู้ ข้าร่วมโครงการทตี่ อบแบบสอบถามได้นามาจาแนกตามระดบั การศึกษา รายละเอยี ด ระดับการศกึ ษา การศึกษา ป.4 ประถม ม.ปลาย/ปวช. ปวส./ป.ตรีขึน้ ไป จานวน (คน) 5 2 6 2 ร้อยละ 37.50 12.50 37.50 12.50 จากตารางที่ 4 พบวา่ ผูต้ อบแบบสอบถามทีเ่ ขา้ ร่วมกิจกรรมการศึกษาเพ่ือพัฒนาสังคมและชุมชน โครงการอบรมเชิงปฏบิ ตั ิการ การปอู งกันอัคคภี ยั ในชมุ ชน มีระดบั ป.4 จานวน 6 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 37.50 มีระดบั ระถมศึกษา จานวน 2 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 12.50 มรี ะดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย จานวน 6 คน คดิ เป็นร้อยละ 37.50 และมีระดบั ปวส./ป.ตรี ขนึ้ ไป จานวน 2 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 12.50 ตารางท่ี 5 แสดงค่ารอ้ ยละเฉลี่ยความสาเรจ็ ของตวั ชวี้ ดั ผลผลติ ประชาชนทั่วไป เข้ารว่ มโครงการจานวน 16 คน ผลสาเรจ็ ของโครงการ เปา้ หมาย(คน) ผู้เข้าร่วมโครงการ(คน) คดิ เปน็ ร้อยละ 15 16 100
13 จากตารางที่ 5 พบว่าผลสาเร็จของตัวช้ีวดั ผลผลิตกิจกรรมการศกึ ษาเพอื่ พัฒนาสงั คมและชมุ ชน โครงการอบรมเชิงปฏบิ ตั ิการ การปอู งกันอัคคีภัยในชุมชน มีผเู้ ขา้ ร่วมโครงการ จานวน 15 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 100 ซ่ึงบรรลุเปูาหมายดา้ นตวั ชว้ี ัด ผลผลิต ตารางที่ 6 คา่ เฉลย่ี และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐานความพึงพอใจของผเู้ ขา้ รว่ มกจิ กรรมท่ีมีความพงึ พอใจต่อโครงการอบรม เชงิ ปฏบิ ัตกิ าร การปูองกนั อัคคีภยั ในชุมชน ในภาพรวม รายการ ค่าเฉล่ยี สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน ระดับ ความพึงพอใจ ด้านบรหิ ารจดั การ () () ดา้ นการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 4.72 0.48 ดมี าก ดา้ นประโยชน์ท่ไี ด้รบั 4.54 0.55 ดีมาก รวมทกุ ดา้ น 4.77 0.43 ดมี าก 4.68 0.48 ดีมาก จากตารางที่ 6 พบวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามทมี่ ีความพึงพอใจต่อโครงการอบรมเชิงปฏบิ ัติการ การปอู งกัน อัคคีภัยในชมุ ชน ในภาพรวมอย่ใู นระดับดมี าก (=4.68) เมื่อพิจารณาเปน็ รายด้าน พบว่า ดา้ นประโยชนท์ ีไ่ ดร้ ับ อยู่ใน ระดับดีมาก มคี ่าเฉลี่ย (= 4.77) รองลงมาคือ ด้านบริหารจดั การ มอี ยใู่ นระดับดีมาก มคี ่าเฉลีย่ (= 4.72) และ ด้าน การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ อยู่ในระดับดีมาก มีคา่ เฉลยี่ (= 4.54) ตามลาดับ โดยมสี ่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน () อยู่ ระหวา่ ง 0.43 - 0.52 แสดงวา่ ผู้เข้าร่วมกจิ กรรมมีความพึงพอใจสอดคล้องกัน ตารางท่ี 7 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่มีความพึงพอใจต่อโครงการอบรม เชงิ ปฏิบัตกิ าร การปูองกนั อัคคีภัยในชมุ ชน ดา้ นบรหิ ารจดั การ รายการ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบน ระดับ มาตรฐาน () ความพึงพอใจ 1. อาคารสถานที่ () 2. สิ่งอานวยความสะดวก 4.93 0.25 ดมี าก 3. กาหนดการและระยะเวลาในการดาเนนิ โครงการ 4.47 0.50 ดี 4. เอกสารการอบรม 4.80 0.40 ดมี าก 5. วิทยากรผู้ใหก้ ารอบรม 4.60 0.49 ดีมาก 4.93 0.25 ดมี าก รวม 4.75 0.44 ดมี าก
14 จากตารางที่ 7 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามท่ีมีความพึงพอใจต่อโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ การปูองกัน อัคคภี ยั ในชมุ ชน ด้านบรหิ ารจดั การ ในภาพรวมอยใู่ นระดับดีมาก มีค่าเฉล่ีย (= 4.75) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อาคารสถานที่ และวิทยากรผู้ให้การอบรม มีค่าเฉลี่ย (= 4.93) รองลงมา คือกาหนดการและระยะเวลาในการดาเนิน โครงการ มีค่าเฉลี่ย (= 4.80) เอกสารการอบรม มีค่าเฉล่ีย (= 4.60) และส่ิงอานวยความสะดวก มีค่าเฉล่ีย (= 4.47) ตามลาดับ โดยมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน () อยู่ระหว่าง 0.25 - 0.50 แสดงว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีความ คิดเหน็ ไปในทิศทางเดยี วกัน ตารางที่ 8 ค่าเฉลีย่ และสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐานความพงึ พอใจของผเู้ ขา้ รว่ มกิจกรรมที่มคี วามพึงพอใจต่อโครงการอบรม เชงิ ปฏิบตั ิการ การปูองกนั อัคคภี ยั ในชมุ ชน ด้านการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ รายการ ค่าเฉลี่ย สว่ นเบยี่ งเบน ระดบั () มาตรฐาน () ความพงึ พอใจ 6. การจัดกิจกรรมโครงการอบรมเชิงปฏิบัตกิ าร การ ปอู งกันอัคคภี ยั ในชมุ ชน 4.47 0.50 ดี 7. การให้ความรเู้ ร่ืองการปูองกันอัคคีภยั ในชมุ ชน 8. การตอบข้อซักถามของวิทยากร 4.60 0.49 ดมี าก 4.93 0.25 ดมี าก 9. การแลกเปลีย่ นเรยี นรู้ของผู้เขา้ รบั การอบรม 10. การสรปุ องค์ความรรู้ ว่ มกัน 4.73 0.44 ดมี าก 11. การวัดผล ประเมนิ ผล การฝกึ อบรม 4.47 0.50 ดี 4.07 0.44 ดี รวม 4.54 0.52 ดมี าก จากตารางท่ี 8 พบว่า ผตู้ อบแบบสอบถามมีความพงึ พอใจต่อโครงการอบรมเชิงปฏิบตั ิการ การปูองกันอัคคีภยั ใน ชมุ ชน ดา้ นการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ในภาพรวมอยใู่ นระดับดีมาก มีค่าเฉลย่ี (= 4.54) เมือ่ พจิ ารณาเป็นรายข้อ พบวา่ การตอบขอ้ ซกั ถามของวิทยากร มีคา่ เฉลย่ี (= 4.93) รองลงมาคอื การแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ของผูเ้ ข้ารับการอบรม มีค่าเฉล่ยี (= 4.73 ) การให้ความรู้เรือ่ งการปูองกนั อคั คีภยั ในชมุ ชน มคี า่ เฉลย่ี (= 4.60 ) การจัดกิจกรรมโครงการ อบรมเชงิ ปฏิบัตกิ าร การปูองกนั อคั คภี ัยในชุมชน มคี ่าเฉล่ีย (=4.47) การสรปุ องค์ความรรู้ ว่ มกัน มีคา่ เฉล่ยี (= 4.47) และการวดั ผล ประเมินผล การฝกึ อบรมมีคา่ เฉล่ีย ( = 4.07) ตามลาดับ โดยมีส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน () อยูร่ ะหว่าง 0.25 - 0.50 แสดงวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามมีความคิดเห็นสอดคล้องกนั การสรปุ องคค์ วามรู้รว่ มกนั
15 ตารางท่ี 9 คา่ เฉล่ียและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานความพงึ พอใจของผ้เู ข้าร่วมกจิ กรรมที่มีความพงึ พอใจต่อโครงการอบรม เชงิ ปฏบิ ัติการ การปูองกันอคั คีภัยในชุมชน ด้านประโยชนท์ ไ่ี ด้รบั รายการ คา่ เฉลย่ี ส่วนเบี่ยงเบน ระดบั ความ () มาตรฐาน () พงึ พอใจ 12. ไดเ้ รยี นรูแ้ ละฝึกปฏบิ ตั ิ 4.93 0.25 ดมี าก 13. นาความรู้ทไ่ี ด้รบั มาปรบั ใช้ในชีวติ ประจาวนั 4.60 0.49 ดีมาก รวม 4.77 0.43 ดีมาก จากตารางท่ี 9 พบวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามมคี วามพึงพอใจต่อโครงการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั ิการ การปอู งกัน อัคคภี ยั ในชมุ ชน ดา้ นประโยชนท์ ี่ได้รบั ในภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก มคี ่าเฉล่ยี (= 4.77) เมือ่ พิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าได้เรียนร้แู ละฝกึ ปฎิบัติ มคี า่ เฉลยี่ (= 4.93) รองลงมา ความรูท้ ่ีได้รับมาปรบั ใช้ในชวี ิตประจาวัน มีค่าเฉลย่ี (= 4.60) โดยมสี ่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน () อยู่ระหวา่ ง 0.25 - 0.49 แสดงวา่ ผตู้ อบแบบสอบถามมีความคดิ เห็นไปใน ทิศทางเดยี วกนั สรุปในภาพรวมของกจิ กรรมคิดเปน็ ร้อยละ 93.71 มีคา่ นา้ หนักคะแนน 4.69 ถือว่าผู้รับบริการ มคี วามพงึ พอใจทางด้านตา่ งๆ อยูใ่ นระดับดีมาก โดยเรียงลาดบั ดงั นี้ อันดับแรก ด้านประโยชนท์ ่ไี ด้รบั คดิ เป็นร้อยละ 95.33 มีค่าน้าหนกั คะแนน 4.77 อยใู่ นระดับ คุณภาพดีมาก อนั ดับสอง ดา้ นบริหารจดั การ คดิ เป็นร้อยละ 94.93 มีค่านา้ หนกั คะแนน 4.75 อยูใ่ นระดบั คุณภาพดีมาก อันดบั สาม ด้านการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ คิดเป็นร้อยละ 90.88 มีคา่ น้าหนกั คะแนน 4.54 อย่ใู นระดบั คุณภาพดีมาก
บทที่ 5 16 อภิปรายและข้อเสนอแนะ ผลการจัดกิจกรรมโครงการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั ิการ การปอู งกนั อัคคีภยั ในชมุ ชน ไดผ้ ลสรปุ ดงั นี้ วัตถุประสงค์ 1. เพอื่ ให้ผ้เู ข้ารับการอบรมได้มคี วามรู้ ความเขา้ ใจและความสามารถรบั มือกบั อัคคภี ัยในครัวเรือนและชมุ ชน ของตนเอง 2. เพอ่ื ให้ผ้เู ข้าอบรมนาความรไู้ ปใชใ้ นชีวิตประจาวนั และเผยแพรใ่ ห้กับชุมชนได้ เป้าหมาย (Outputs) เปา้ หมายเชิงปริมาณ - ประชาชนตาบลไร่หลกั ทอง จานวน 15 คน เป้าหมายเชิงคุณภาพ - ผเู้ ข้าอบรมได้รบั ความรู้ ความเข้าใจและสามารถในการรบั มือกับอคั คีภัยในครวั เรือนและชุมชนของตนเองนา ความรู้ไปใชใ้ นชีวิตประจาวันและเผยแพร่ใหก้ บั ชุมชนได้ เครือ่ งมือทใี่ ชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมูล เครอ่ื งมือท่ีใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ในคร้งั น้ี คือ แบบประเมินความพึงพอใจ การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ในการเก็บรวบรวมข้อมลู ได้มอบหมายให้ ครู กศน.ตาบล ที่รับผิดชอบกิจกรรมแจกแบบสอบถามความพงึ พอใจ ใหก้ บั ผ้รู ่วมกจิ กรรม โดยใหผ้ ู้เข้าร่วมกจิ กรรมประเมินผลการจดั กิจกรรมตา่ งๆ ตามโครงการอบรมเชิงปฏิบตั ิการ การ ปอู งกนั อคั คีภยั ในชมุ ชน สรปุ ผลการดาเนนิ งาน กศน.ตาบลไร่หลักทองไดด้ าเนินการจัดกิจกรรมตาม โครงการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร การปูองกันอคั คีภยั ในชมุ ชน โดยดาเนนิ การเสร็จส้นิ ลงแล้วและสรปุ รายงานผลการดาเนินงานได้ดังนี้ 1. ผู้ร่วมกิจกรรมจานวน 16 คน มีความรู้ ความเขา้ ใจในเร่ืองการปูองกันอัคคภี ัยและนาความรทู้ ไี่ ดร้ ับมาปรบั ใช้ ในชีวิตประจาวัน 2. ผู้รว่ มกจิ กรรมร้อยละ 95.33 นาความรทู้ ี่ได้รบั มาปรับใช้ในชีวิตประจาวนั 3. จากการดาเนินกิจกรรมตามโครงการดังกล่าว สรปุ โดยภาพรวมพบว่า ผู้เข้าร่วมกจิ กรรมส่วนใหญ่มีความพงึ พอใจตอ่ โครงการ อยู่ในระดบั “ดีมาก ” และบรรลคุ วามสาเร็จตามเปาู หมายตวั ชีว้ ัดผลลัพธท์ ี่ตั้งไว้ โดยมีค่าเฉล่ยี ร้อยละ ภาพรวมของกจิ กรรม 93.71 และคา่ การบรรลุเปาู หมายคา่ เฉล่ีย 4.69 ขอ้ เสนอแนะ - อยากใหม้ ีการจัดกจิ กรรมอีก จะไดน้ าความรู้ไปใช้ในการดาเนินชวี ิตต่อไป
บรรณานกุ รม ท่มี า http://mail.oae.go.th/filesdownload/km_fire.pdf http://www.kamphaengsaen.go.th/work_infomation/2557/fire_protect.pdf
ภาคผนวก
รายงานผลการจัดกจิ กรรม โครงการอบรมเชิงปฏบิ ัติการ การปูองกนั อัคคภี ัยในชุมชน ในวันที่ 22 มิถุนายน 2563 ณ วดั เกาะแก้วคลองหลวง หมู่ที่ 6 ตาบลไร่หลกั ทองอาเภอพนสั นคิ ม จังหวัดชลบุรี วทิ ยากรคือ นายศราวธุ จันทรา ผู้เข้ารว่ มกจิ กรรมจานวน 16 คน
แบบสอบถามความพึงพอใจ โครงการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั ิการ การปอ้ งกันอัคคภี ัยในชุมชน ปงี บประมาณ พ.ศ. 2563 กศน.อาเภอพนัสนิคม จงั หวดั ชลบุรี คาชีแ้ จง 1. แบบสอบถามฉบบั น้มี วี ตั ถุประสงค์ เพ่อื ใชใ้ นการสอบถามความพงึ พอใจตอ่ โครงการอบรมเชิงปฏบิ ัตกิ าร การปูองกันอคั คีภยั ในชมุ ชน 2. แบบสอบถามมี 3 ตอนดังนี้ ตอนท่ี 1 ถามขอ้ มลู เกี่ยวกบั ผตู้ อบแบบสอบถามจานวน 4 ขอ้ ให้ทาเครือ่ งหมาย ลงในช่องใหต้ รงกบั สภาพจรงิ ตอนท่ี 2 ความพงึ พอใจตอ่ โครงการอบรมเชิงปฏิบตั ิการ การปูองกนั อคั คีภัยในชุมชน จานวน 13 ข้อ ซึง่ มีระดบั ความพึง พอใจ 5 ระดบั ดังน้ี 5 มากทส่ี ดุ หมายถึง มีความพึงพอใจมากทส่ี ดุ 4 มาก หมายถงึ มคี วามพงึ พอใจมาก 3 ปานกลางหมายถงึ มีความพึงพอใจปานกลาง 2 นอ้ ย หมายถงึ มคี วามพึงพอใจนอ้ ย 1 น้อยท่ีสดุ หมายถึง มีความพงึ พอใจน้อยที่สดุ ตอนที่ 3 ขอ้ คดิ เหน็ และข้อเสนอแนะตอ่ โครงการอบรมเชิงปฏิบัตกิ าร การปอู งกนั อคั คีภยั ในชมุ ชน ตอนท่ี 1 ขอ้ มูลท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม หญงิ 40 ปี – 49 ปี เพศ 30 ปี – 39 ปี ชาย 60 ปีขึน้ ไป อายุ 15 ปี – 29 ปี 50 ปี – 59 ปี การศกึ ษา ต่ากวา่ ป.4 ป.4 ประถม ม.ต้น ม.ปลาย ประกอบอาชีพ อนุปริญญา ปริญญาตรี สูงกวา่ ปรญิ ญาตรี รบั จา้ ง ค้าขาย เกษตรกร ลูกจา้ ง/ข้าราชการหน่วยงานภาครัฐหรอื เอกชน อ่ืน ๆ ………………………………….
ตอนท่ี 2 ความพึงพอใจเกี่ยวกบั โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ การป้องกนั อัคคภี ยั ในชมุ ชน ข้อที่ รายการ ระดับความคดิ เห็น 1 5 432 ด้านบริหารจัดการ 1. อาคารและสถานที่ 2. ส่งิ อานวยความสะดวก 3. กาหนดการและระยะเวลาในการดาเนินโครงการ 4. เอกสารการอบรม 5. วิทยากรผู้ใหก้ ารอบรม ดา้ นการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 6. การจัดกิจกรรมโครงการอบรมเชงิ ปฏิบตั กิ าร การปูองกนั อคั คภี ัยในชมุ ชน 7. การให้ความรูเ้ ร่ืองปฏิบตั ิการเรียนรมู้ งุ่ สคู่ วามพอเพยี ง 8. การตอบข้อซักถามของวิทยากร 9. การแลกเปล่ียนเรยี นรขู้ องผูเ้ ข้ารบั การอบรม 10. การสรปุ องค์ความรูร้ ่วมกนั 11. การวดั ผล ประเมนิ ผล การฝึกอบรม ดา้ นประโยชน์ทไี่ ดร้ บั 12 ไดเ้ รยี นรแู้ ละฝึกตนเอง เกยี่ วกับปฏิบตั ิการเรียนรมู้ ุ่งสูค่ วาม พอเพยี ง 13 นาความรทู้ ไี่ ด้รบั มาปรับใชใ้ นชีวิตประจาวนั ตอนท่ี 3 ขอ้ คดิ เหน็ และข้อเสนอแนะ ขอ้ คดิ เห็น .............................................................................................................................................................................. ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................................ ขอบขอบคุณที่ใหค้ วามรว่ มมือ กศน. อาเภอพนสั นิคม จงั หวดั ชลบรุ ี
คณะผจู้ ัดทา ที่ปรึกษา หม่ืนสา ผ้อู านวยการ กศน.อาเภอพนัสนิคม การงานดี ครู 1. นางณัชธกญั ศรีเทพ บรรณารักษ์ปฏบิ ัติการ 2. นางสาวมุทกิ า คลงั สินธ์ ครู อาสาสมคั ร กศน. 3. นางปลื้มจติ ร 4. นางสาวเฟื่องฟูา ครู กศน.ตาบลไร่หลกั ทอง คณะทางาน ครู กศน.ตาบลไร่หลกั ทอง - นางสาวจันทกานต์ ทาเนาว์ บรรณาธิการ ทาเนาว์ - นางสาวจนั ทกานต์ ง
Search
Read the Text Version
- 1 - 29
Pages: