47 เวลา(ช่วั โมง) 1 แผนท่ี เรือ่ ง 1 4. พระราชประวตั ิโดยสังเขปพระบาทสมเด็จพระมุงกฎุ เกลา้ เจ้าอยหู่ ัว - แต่ละหมู่นาเสนอพระราชกรณียกิจทีส่ าคัญ 1 5. ววิ ฒั นาการขบวนการลกู เสอื ไทยและลูกเสือโลก - แตล่ ะหมู่ศกึ ษาพระราชประวตั ิรัชกาลปจั จุบัน 1 - แต่ละหมนู่ าเสนอผลงาน 6. วิวฒั นาการขบวนการลูกเสอื ไทยและลกู เสือโลก 1 - ศกึ ษาวิวฒั นาการลูกเสอื โลก 1 - รว่ มกันอภปิ รายวิวัฒนาการลูกเสือโลก 1 7. วิวัฒนาการขบวนการลกู เสือไทยและลกู เสือโลก 1 - ศกึ ษาววิ ัฒนาการลกู เสอื ไทย 1 - ร่วมกนั อภปิ รายววิ ฒั นาการลกู เสอื ไทย 1 8. การแสดงความเคารพ การแสดงรหสั การจบั มอื ซ้าย คติพจนล์ กู เสอื สามัญ 1 - การแสดงความเคารพทา่ มือเปล่า 9. การแสดงความเคารพ การแสดงรหัส การจับมอื ซา้ ย คตพิ จนล์ ูกเสอื สามญั 1 - การแสดงความความเคารพทา่ ถอื ไมพ้ ลอง 1 10, การแสดงความเคารพ การแสดงรหัส การจับมอื ซา้ ย คตพิ จนล์ กู เสอื สามัญ 1 - การแสดงรหสั แบบลูกเสือ 1 11. การแสดงความเคารพ การแสดงรหสั การจับมอื ซ้าย คติพจนล์ ูกเสือสามัญ - ท่อง บอกปฏิบัตติ ามคตพิ จนข์ องลกู เสือสามัญ 1 12. การแสดงความเคารพ การแสดงรหัส การจับมอื ซ้าย คติพจนล์ กู เสอื สามญั - การเปดิ ประชุมกอง และการปิดประชุมกองลกู เสอื สามญั 13. คาปฏญิ าณ และกฎของลูกเสือสามัญ - ท่อง บอก ปฏิบตั ติ ามคาปฏญิ าณ กฎของลกู เสอื สามญั 14. คาปฏญิ าณ และกฎของลูกเสือสามัญ -แตล่ ะหม่แู สดงบทบาทสมมุติ กฎของลกู เสือสามัญ ขอ้ 1 -5 15. คาปฏิญาณ และกฎของลูกเสือสามัญ - แตล่ ะหมแู่ สดงบทบาทสมมุติ กฎของลกู เสอื สามญั ขอ้ 6 -10 16. กิจกรรมกลางแจง้ - การมีส่วนร่วมในกจิ กรรมภายในหมู่ของตนเอง 17. กิจกรรมกลางแจ้ง - การมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมภายในกองของตนเอง 18. ระเบียบแถวลูกเสอื - ทา่ ตรง ไม่มอี าวธุ ,ท่าหันอยู่กับท่มี ีอาวธุ - ทา่ พกั ไมม่ ีอาวุธ 19. ระเบียบแถวลูกเสือ - ท่าเดิน ท่าหยุด ท่าพกั ท่าตรงมีอาวธุ
48 เวลา(ชัว่ โมง) 1 แผนที่ เร่ือง 1 20. ระเบียบแถวลกู เสือ 1 1 - ท่าวนั ทยาวธุ เรียบอาวุธ -ทา่ แบกอาวธุ เรียบอาวุธ 1 21. ระเบยี บแถวลูกเสือ 1 1 - สญั ญาณมือแบบตา่ งๆ สญั ญาณนกหวีด 1 22. ระเบียบแถวลูกเสอื 1 1 - สัญญาณมือเรียกแถว ตง้ั แถว รปู แถวตอนเรียงหนง่ึ 1 23. ระเบียบแถวลกู เสือ - สญั ญาณมอื เรยี กแถว ตง้ั แถว รปู แถวหน้ากระดานแถวเดียว 24. ระเบยี บแถวลกู เสอื - สัญญาณมือเรยี กแถว ตงั้ แถว รูปแถวหน้ากระดานหมเู่ ปิดระยะ 25. ระเบยี บแถวลูกเสือ - สญั ญาณมือเรยี กแถว ตง้ั แถว รปู แถวหน้ากระดานหมปู่ ดิ ระยะ 26. ระเบยี บแถวลกู เสือ - สญั ญาณมือเรียกแถว ตงั้ แถว รปู แถวคร่ึงวงกลม 27. ระเบียบแถวลูกเสอื - สญั ญาณมอื เรียกแถว ตั้งแถว รปู แถววงกลม ก. 28. ระเบยี บแถวลูกเสือ - สัญญาณมือเรยี กแถว ตั้งแถว รูปแถววงกลม ข. 29. ระเบียบแถวลกู เสอื - สัญญาณมอื เรียกแถว ตั้งแถว รปู แถวรศั มี 30. ระเบียบแถวลกู เสือ - สญั ญาณมอื เรียกแถว ตั้งแถว รูปแถวสเ่ี หลยี่ มเปิด ผลการเรยี นรู้ กิจกรรมลกู เสือสามญั ตรี หนว่ ยท่ี 1 ประวตั ลิ อร์ด เบเดน โพเอลล์ 1.1เลา่ ประวัติของ ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ โดยยอ่ ๆ ได้ หน่วยท่ี 2 พระราชประวัตขิ องพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยู่หัว 2.1 เลา่ พระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยหู่ วั โดยย่อๆ ได้ 2.2 บอกพระราชกรณยี กิจของพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยู่หวั อย่างน้อย 2 ข้อ ได้ 2.3 อธิบายการกาเนดิ ของลกู เสือไทยโดยสังเขป ได้ หนว่ ยท่ี 3 วิวัฒนาการของลกู เสือโลกและลกู เสือไทย 3.1 บอกวิวฒั นาการของการลกู เสือโลกและลกู เสือไทยได้ หน่วยที่ 4 การทาความเคารพ การแสดงรหัส การจบั มือ คตพิ จนข์ องลกู เสอื สามญั 4.1 แสดงความเคารพทา่ มอื เปล่า และท่าถอื พลองได้
49 4.2 บอกความหมายของรหัสลูกเสอื ได้ถูกต้อง 4.3 บอกความเปน็ มาของการจับมอื แบบลูกเสือ และปฏิบตั ไิ ด้ 4.4 อธิบายความหมายของคติพจน์ของลูกเสือสามัญได้ หนว่ ยที่ 5 คาปฏิญาณ กฎ ของลูกเสอื สามญั 5.1 บอกความหมาย และปฏิบตั ติ ามคาปฏญิ าณลูกเสอื สามญั ได้ 5.2 กลา่ วคาปฏิญาณ และทอ่ งกฎของลูกเสือสามญั ได้ หน่วยที่ 6 กิจกรรมกลางแจ้ง 6.1 ปฏิบัตกิ จิ กรรมร่วมกบั หมู่ลูกเสอื และกองลูกเสอื นอกสถานที่ได้ หน่วยที่ 7 ระเบยี บแถว 7.1 ปฏิบัติตามระเบียบแถวทา่ มอื เปลา่ ได้ 7.2 ปฏบิ ตั ิตามระเบียบแถวทา่ ถือไม้พลองได้ 7.3 ปฏิบัติตามสัญญาณมอื สัญญาณนกหวีดได้ 7.4 เขา้ แถวรปู แบบต่างๆ ได้
50 คาอธิบายรายวชิ า การจัดกิจกรรมการเรียนรลู้ กู เสอื -เนตรนารี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 5 …………………………….. คาอธบิ าย เปิดประชุมกอง ดาเนินการตามกระบวนการลูกเสือและจัดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยให้ศึกษา วิเคราะห์วางแผน ปฏิบัติการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นฐานการเรียนรู้และใช้กระบวนการเรียนรู้ท่ี หลากหลาย โดยเน้นระบบหมู่ สรุปผลการปฏบิ ตั ิการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ปิดประชมุ กองในเร่อื ง หลักสูตรลูกเสือโท (การรู้จักตนเอง การช่วยเหลือผู้อื่น การเดินทางไปยังสถานท่ีต่างๆ ทักษะ ในทางวชิ าลูกเสือ งานอดิเรกและเรือ่ งที่น่าสนใจ คาปฏญิ าณและกฎของลูกเสือสามัญ) เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ลูกเสือสามัญ สามารถปฏิบัติตามคา ปฏิญาณ กฎและคติพจน์ของลูกเสือสามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจา มีความร่าเริงแจ่มใส มีระเบียบวินัย ประหยัด ซ่ือสัตย์สุจริต อดทน เสียสละ ช่วยเหลือตนเองและผู้อื่น เป็นผู้นาและผู้ตามท่ีดี สามารถทางาน และอยรู่ ว่ มกบั ผ้อู น่ื ได้ หมายเหตุ เมื่อผู้เรียนได้ปฏิบัติการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แล้ว และผ่านการทดสอบ จะได้รับ เครื่องหมายลูกเสือโทและเวลาท่ีเหลือสามารถทดสอบเครื่องหมายวิชาพิเศษท่ีเกี่ยวข้องได้ตามความถนัด ของผู้เรยี น และเม่อื สอบผา่ นแล้วกจ็ ะได้รับเครอ่ื งหมายวิชาพิเศษน้ันๆ กาหนดสาระการเรยี นรรู้ ายปี การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ลูกเสอื -เนตรนารี ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรรู้ ายปี 1. มีความรู้ความเขา้ ใจสาระการเรียนรู้ การรู้จักตนเอง เร่ืองราวการจดั กจิ กรรมการเรยี นร้แู ละเสนอแนะ 1) การบรรจสุ ิง่ ของลงในเคร่ืองหลงั การนาการจัดกิจกรรมการเรยี นรไู้ ปใช้ใน 2) เตรียมเคร่อื งปัจจุบันพยาบาล สถานการณ์ต่างๆ 3) การกอ่ ไฟ ปรงุ เครื่องดืม่ ร้อนปรงุ อาหารอย่างงา่ ย 2. ชว่ ยเหลอื หรอื แนะนาผอู้ น่ื ให้ปฏบิ ัตกิ ารจดั 4) กางเต็นท์สาหรับพกั แรม กจิ กรรมการเรยี นร้แู ละชื่นชมยนิ ดตี ่อผ้ปู ฏบิ ตั ไิ ด้ 5) ออกไปอยคู่ ่ายพกั แรมอย่างน้อย 1 คนื สาเร็จ การช่วยเหลือผู้อนื่ 3. ปฏบิ ัตกิ ารจดั กิจกรรมการเรียนรูโ้ ดยการ 1) การปฏิบัติต่อบาดแผล แมลงสัตว์กัดต่อย แดด วางแผนและกาหนดขั้นตอนด้วยตนเองหรอื ร่วมกับผอู้ ืน่ เผา นา้ ร้อนลวก ไฟลวก และการเป็นลม 2) แนะนาสถานทใี่ ห้คนต่างถิน่ 4. พฒั นาตนเองอยู่เสมอ 3) สถานทท่ี ่นี ่าสนใจ 5. ช่วยเหลอื หรือแนะนาผู้อื่นได้ทางานและ การเดินทางไปยังสถานทตี่ า่ งๆ ปฏบิ ตั ิตามคาปฏิญาณ กฎ ระเบยี บ ข้อบงั คบั คติ 1) ทศิ ทัง้ 8 และการใช้เข็มทศิ พจน์ ฯลฯ และชืน่ ชมตอ่ ผู้ปฏิบัตไิ ด้สาเรจ็ 2) มาตราสว่ นและเครื่องหมายต่างๆในแผนท่ี 3) เดนิ ทางไกลไป-กลบั ระยะทาง 10 กม. 4) กฎจราจรและเครอ่ื งหมายจราจร
51 ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรรู้ ายปี 5) ศกึ ษาเร่ืองราวเกย่ี วกบั ต่างประเทศ 1 ประเทศ ทักษะในทางวิชาลูกเสอื 1) การใช้ การเกบ็ รกั ษามดี และขวาน 2) การผกู เงอื่ น - เงื่อนเชือกทมี่ ีขนาดเดยี วกนั - เง่ือนเชือกทีม่ ีขนาดต่างกนั - เงอื่ นเชือกกบั วตั ถุ - ผกู แนน่ งานอดิเรกและเรื่องท่ีสนใจ แสดงถึงความสามารถของตนเองในงานอดิเรกหรือเร่ืองท่ี สนใจส่วนตัว เช่น การข่ีจักรยาน การว่ายน้า ธรรมชาติ ศึกษา กาลอากาศ การรู้จักชนิดของเคร่ืองบิน ดาว การข่ีม้า การทาหุ่นจาลอง การสานตะกร้า การสะสมแสตมป์ การ วาดภาพ ฯลฯ คาปฏิญาณและกฎของลกู เสือสามญั การปฏบิ ตั ติ ามคาปฏิญาณและกฎ ระเบียบแถว ทบทวนทา่ ฝึกต่างๆ วิชาพิเศษและการสอบเคร่ืองหมายวิชาพิเศษ ลูกเสือสามัญ - 53 รายวิชา - เครือ่ งหมายสายยงยศ กาหนดหนว่ ยการเรียนรู้ กจิ กรรมลูกเสือ-เนตรนารี (ลกู เสือโท) ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 5 เวลา 30 ชัว่ โมง หนว่ ยการเรียนรู้ เนอ้ื หา เวลา(ชว่ั โมง) 1 หลกั สูตรลกู เสือโท ( 30 ) ปฐมนเิ ทศ ภาคเรยี นที่ 1 4 การรจู้ ักตนเอง 1.การบรรจุสงิ่ ของลงในเครื่องหลงั 2.เตรยี มเครอ่ื งปัจจบุ นั พยาบาล 3.การกอ่ ไฟ ปรุงเคร่อื งดมื่ ร้อนปรงุ อาหารอยา่ งงา่ ย 4.กางเตน็ ท์สาหรับพกั แรม 5.ออกไปอยคู่ า่ ยพกั แรมอยา่ งน้อย 1 คนื
52 หน่วยการเรยี นรู้ เนอ้ื หา เวลา(ชัว่ โมง) 2 4 การช่วยเหลอื ผอู้ ืน่ 3 1.การปฏบิ ัติต่อบาดแผล แมลงสัตวก์ ัดต่อย แดดเผา น้าร้อนลวก ไฟ 5 ลวก และการเป็นลม 4 2.แนะนาสถานท่ีให้คนตา่ งถนิ่ 5 3.สถานทที่ ีน่ ่าสนใจ 5. 3 การเดินทางไปยังสถานทีต่ ่างๆ 6. 1.ทิศทั้ง 8 และการใช้เข็มทิศ 3 7 2.มาตราส่วนและเครอื่ งหมายต่างๆในแผนท่ี 4 8 3.เดินทางไกลไป-กลบั ระยะทาง 10 กม. 2 4.กฎจราจรและเครื่องหมายจราจร 5.ศกึ ษาเรื่องราวเกี่ยวกบั ต่างประเทศ 1 ประเทศ ทกั ษะในทางวชิ าลกู เสอื 1.การใช้ การเก็บรกั ษามีดและขวาน 2.การผกู เงอ่ื น - เง่อื นเชอื กทีม่ ขี นาดเดยี วกัน - เงอ่ื นเชือกทม่ี ขี นาดตา่ งกนั - เง่ือนเชอื กกบั วัตถุ - ผกู แนน่ งานอดเิ รกและเรอ่ื งท่ีสนใจ แสดงถึงความสามารถของตนเองในงานอดเิ รกหรอื เร่ืองท่ีในใจ ส่วนตวั เชน่ การขี่จกั รยาน การวา่ ยน้า ธรรมชาติศึกษา กาลอากาศ การรู้จกั ชนิดของเคร่ืองบิน ดาว การขมี่ า้ การทาหนุ่ จาลอง การสาน ตะกรา้ การสะสมแสตมป์ การวาดภาพ ฯลฯ คาปฏญิ าณและกฎของลกู เสือสามัญ การปฏิบตั ติ ามคาปฏญิ าณและกฎ ระเบยี บแถว ทบทวนทา่ ฝึกตา่ งๆ วชิ าพเิ ศษและการสอบเครอ่ื งหมายวิชาพิเศษลกู เสือ สามัญ - 53 รายวิชา - เครือ่ งหมายสายยงยศ
53 การจัดทาแผนการจดั การเรยี นรู้ กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ลูกเสือ-เนตรนารี (ลูกเสือโท) ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 เวลา 30 ช่วั โมง แผนท่ี เรื่อง เวลา(ชวั่ โมง) 1. การรจู้ กั ดูแลตนเอง 1 - การบรรจุส่ิงของลงเคร่ืองหลังสาหรับการเดินทางไกลและอยู่ค่าย พักแรม - เครือ่ งใชต้ ่างๆ และยา เครื่องปจั จุบนั พยาบาล 2. การรจู้ กั ดแู ลตนเอง 1 - เตา และการก่อไฟด้วยไมฟ้ ืนหรือถา่ น 3. การรู้จักดูแลตนเอง 1 - การปรงุ เครอ่ื งร้อน - การปรุงอาหารอย่างงา่ ย 4. การรู้จักดูแลตนเอง 1 - การออกไปตง้ั ค่ายพักแรม 1 คนื - เตน็ ท์ชนดิ ตา่ งๆ การกางเตน็ ท์, การเก็บเตน็ ท์ 5. การช่วยเหลอื ผู้อน่ื 1 - ชนดิ ของสตั วม์ พี ษิ - การปฐมพยาบาลสัตว์มพี ิษกัดต่อย 6. การชว่ ยเหลอื ผู้อนื่ 1 - การปฐมพยาบาลผู้ถูกแดดเผา - การปฐมพยาบาลผู้ถูกไฟลวก 7. การชว่ ยเหลือผูอ้ ื่น 1 - การปฐมพยาบาลผูถ้ กู น้าร้อนลวก - การปฐมพยาบาลคนเป็นลม 8. การชว่ ยเหลอื ผอู้ นื่ 1 - การแนะนาสถานท่ใี ห้คนต่างถ่นิ 9. การเดินทางไปยังสถานท่ีตา่ งๆ 1 - ทศิ ทั้ง 8 ทศิ 10. การเดนิ ทางไปยงั สถานที่ต่างๆ 1 - เขม็ ทศิ และการใช้เข็มทิศ 11. การเดินทางไปยงั สถานทต่ี ่างๆ 1 - การใชแ้ ผนทีป่ ระกอบเขม็ ทศิ 12. การเดนิ ทางไปยงั สถานทีต่ า่ งๆ 1 - การวางแผนท่ีให้ถูกทศิ และการใชเ้ ขม็ ทิศประกอบ 13. การเดนิ ทางไปยงั สถานทตี่ ่างๆ 1 - มาตราส่วน และเครือ่ งหมายตา่ งๆ ในแผนท่ี
54 แผนท่ี เรอ่ื ง เวลา(ช่วั โมง) -การเดินทางไกล ไป – กลบั ระยะทาง 1 กม. 14. ทกั ษะในทางวิชาการลกู เสือ 1 - การใชม้ ดี และขวาน - การระวงั รกั ษามดี และขวาน 15. ทักษะในทางวิชาการลกู เสอื 1 - การสับสมอบกดว้ ยมดี - การใช้ขวานฝ่าฟืน 16. ทกั ษะในทางวชิ าการลูกเสือ 1 - เง่อื นเชอื กท่มี ีขนาดเดียวกัน เชอื กท่มี ขี นาดตา่ งกัน -เงือ่ นเชอื กกับวัตถุ 17. ทกั ษะในทางวิชาการลกู เสือ 1 - การผกู ประกบ ,การผกู กากบาท 18. ทักษะในทางวชิ าการลูกเสือ 1 - การผกู ทแยง 19. งานอดิเรกและเร่อื งท่ีนา่ สนใจ 1 - การกฬี าและนนั ทนาการ 20. งานอดเิ รกและเร่อื งท่ีน่าสนใจ 1 - ธรรมชาติศึกษา 21. งานอดิเรกและเรือ่ งท่ีนา่ สนใจ 1 - งานประดิษฐ์ 22. คาปฏิญาณ กฎของลกู เสอื สามญั 1 - บอก ทอ่ ง คาปฏญิ าณ กฎ ของลกู เสือสามญั 23. คาปฏิญาณ กฎของลูกเสอื สามัญ 1 - แสดงบทบาทสมมตุ ิกฎลูกเสือสามัญ ข้อที่ 1 -5 24. คาปฏญิ าณ กฎของลกู เสอื สามัญ 1 - แสดงบทบาทสมมตุ กิ ฎลูกเสือสามัญ ข้อท่ี 6 -10 25. ระเบียบแถว 1 - การสวนสนาม 1 26. ระเบยี บแถว 1 - การสวนสนาม 2 27. ระเบยี บแถว 1 การสวนสนาม 3 28. ระเบยี บแถว 1 การสวนสนาม 4 วิชาพิเศษและการสอบเครื่องหมายวิชาพิเศษลูกเสือ 2
55 เวลา(ชั่วโมง) แผนท่ี เรื่อง สามัญ -53 รายวชิ า -เครอ่ื งหมายสายยงยศ
56 ผลการเรียนรู้ กจิ กรรมลกู เสือสามัญ – เนตรนารี โท หนว่ ยที่ 1 การรู้จักพง่ึ ตนเอง 1.1 แสดงวธิ บี รรจุส่งิ ของลงเคร่อื งหลงั ได้ 1.2 เตรยี มเคร่อื งปัจจุบันพยาบาล เป็นส่วนตัวสาหรบั การเดนิ ทางไกลได้ 1.3 กอ่ ไฟ ปรุงอาหาร เครอ่ื งดื่ม และปรุงอาหารอย่างงา่ ยนอกสถานท่ไี ด้ 1.4 กางเต็นท์ และเกบ็ เต็นทไ์ ด้ หนว่ ยท่ี 2 การช่วยเหลือผู้อื่น 2.1 แสดงวิธกี ารปฐมพยาบาลบาดแผลทเี่ กดิ จาก แมลง หรือสตั วม์ พี ิษตอ่ ย ได้ 2.2 แสดงวธิ ปี ฐมพยาบาลเมื่อถกู แดดเผา ไฟลวก นา้ รอ้ นลวกได้ 2.3 บอกชอื่ สถานทีส่ าคญั ในทอ้ งถิ่น และชแ้ี นะนาไปยังสถานที่สาคัญในท้องถ่ินได้ หน่วยที่ 3 การเดนิ ทางไปยังสถานที่ต่างๆ 3.1 บอกชื่อทศิ ท้ัง 8 ได้ถูกตอ้ ง 3.2 บอกเคร่ืองหมายต่างๆ ในแผนท่ี และหาทิศโดยใชแ้ ผนที่ เขม็ ทิศได้ 3.3 เดนิ ทางไป – กลบั ระยะทาง 5 กโิ ลเมตร และบอก กฎ เคร่ืองหมายจราจรได้ หนว่ ยท่ี 4 ทกั ษะในวิชาการลกู เสือ 4.1 บอกวิธกี ารใชม้ ดี ขวาน อยา่ งเหมาะสมกบั งาน และบอกวิธกี ารเก็บรักษามีด ขวานได้ 4.2 ผูกเงื่อนประมง เง่ือนผกู ร่น เงอ่ื นคนลากได้อยา่ งนอ้ ย 1 เงอ่ื น 4.3 ผกู เง่ือนขดั สมาธิ และเงอ่ื นขดั สมาธิ 2 ช้ัน ได้ 4.4 ผกู เงือ่ นผกู ซุง เงอื่ นตะกรุดเบด็ เงอ่ื นผกู ร้ัง ไดอ้ ย่างนอ้ ย 1 เง่อื น 4.5 ผูกแนน่ แบบต่างๆ และบอกประโยชน์ของการผูกแนน่ แบบต่างๆ ได้ หน่วยที่ 5 งานอดเิ รกและเรื่องท่ีนา่ สนใจ 5.1 เลือกทางานอดเิ รกท่ตี นเองถนดั และสนใจ อย่างนอ้ ย 2 อยา่ ง หนว่ ยท่ี 6 คาปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ ลูกเสอื สามัญ 6.1 บอกและปฏบิ ัตติ ามคาปฏญิ าณ กฎ คติพจน์ของลูกเสือสามัญได้ หน่วยที่ 7 ระเบยี บแถว 7.1 ปฏบิ ัตติ ามระเบียบแถวได้
57 กาหนดสาระการเรียนร้รู ายปี กจิ กรรมลกู เสอื -เนตรนารี ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 6 ผลการเรยี นรู้ทคี่ าดหวงั รายปี สาระการเรียนรู้รายปี 1. มคี วามรคู้ วามเข้าใจเนือ้ หาเร่อื งราว การพึง่ ตนเอง ของกิจกรรมและเสนอแนะการนากิจกรรมไป 1) การอยูค่ า่ ยพักแรมคืน ใชใ้ นสถานการณ์ตา่ งๆ 2) วา่ ยน้า ระยะทาง 45 เมตร (หรอื อืน่ ) 2. ช่วยเหลอื หรือแนะนาผู้อน่ื ให้ปฏิบัติ 3) การดูแลตนเองก่อนปฏบิ ตั ิกจิ กรรม กิจกรรมและช่นื ชมยินดตี อ่ ผ้ปู ฏบิ ัติไดส้ าเรจ็ 4) การใช้ ดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟา้ 3. ปฏิบัติกิจกรรมโดยการวางแผน 5) ปรงุ อาหาร 2 อยา่ ง สาหรบั คนในหมู่ และกาหนดข้นั ตอนด้วยตนเองหรอื ร่วมกบั ผูอ้ ่นื การบริการ 4. พัฒนาตนเองอย่เู สมอ 1) การติดต่อขอความชว่ ยเหลือ 5. ช่วยเห ลื อห รือแนะน าผู้อ่ืน ให้ 2) การปฐมพยาบาล ทางานและปฏิบัตติ ามคาปฏิญาณ กฎ ระเบียบ 3) บริการสาธารณะอย่างน้อย 3 ชั่วโมง ข้อบังคับ คติพจน์ ฯลฯ และชื่นชมต่อผู้ปฏิบัติ การผจญภยั ไดส้ าเรจ็ 1) เดนิ ทางไกลด้วยเท้า ระยะทางไป-กลบั 20 กม. 2) ใชเ้ ขม็ ทศิ ในท่กี ลางแจ้ง 3) อธบิ ายรายละเอยี ดในแผนท่ี วชิ าการลกู เสือ 1) โครงการบุกเบกิ 1 โครงการโดยใช้การผูกแนน่ 2) การผกู เงือ่ น 3) ปรงุ อาหารแบบชาวปา่ และพกั แรมคนื 4) กฎแหง่ ความปลอดภัยในการใชม้ ดี เล่ือยและขวาน 5) เยอื นสถานท่ีในทอ้ งถน่ิ และเขียนรายงาน 6) วิชาพเิ ศษอยา่ งนอ้ ย 2 รายวชิ า 7) โครงการอนุรักษธ์ รรมชาติ ระเบียบแถว 1) ทบทวนทา่ ฝกึ ต่างๆ 2) การเดินสวนสนาม วิชาพิเศษและการสอบเครื่องหมายวิชาพิเศษลูกเสือ สามัญ - 53 รายวชิ า - เครอ่ื งหมายสายยงยศ
58 คาอธบิ ายรายวิชา กจิ กรรมลกู เสอื -เนตรนารี ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ............................................................... คาอธิบาย เปิดประชุมกอง ดาเนินการตามกระบวนการลูกเสือและจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษาวิเคราะห์วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมเป็นฐานการเรียนรู้และใช้กระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย โดยเน้นระบบหมู่ สรุปผลการ ปฏบิ ัติกิจกรรม ปดิ ประชุมกองในเรื่อง หลักสูตรลกู เสือเอก (การพึ่งตนเอง การบริการ การผจญภัย วิชาการลกู เสือ ระเบียบแถว และหรือ วชิ าพิเศษ) เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสามัญ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎและคติ พจน์ของลูกเสือสามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจา มีความร่าเริงแจ่มใส มีระเบียบวินัย ประหยัด ซ่ือสัตย์ สุจริต อดทน เสียสละ ช่วยเหลือตนเองและผู้อื่น เป็นผู้นาและผู้ตามท่ีดี สามารถทางานและอยู่ร่วมกับผู้อื่น ได้ หมายเหตุ เมื่อผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้แล้ว และผ่านการทดสอบ จะได้รับเคร่ืองหมาย ลูกเสือเอกและเวลาที่เหลือสามารถทดสอบเคร่ืองหมายวิชาพิเศษท่ีเกี่ยวข้องได้ตามความถนัดของผู้เรียนทุก วชิ ารวมถึงวชิ าพิเศษเครอ่ื งหมายสายยงยศ และเม่อื สอบผา่ นแลว้ กจ็ ะไดร้ บั เครื่องหมายวชิ าพิเศษน้ันๆ กาหนดหนว่ ยการเรียนรู้ เวลา 30 ชัว่ โมง กิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี (ลกู เสือเอก) ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 6 หนว่ ยการเรียนรู้ เน้ือหา เวลา 1 หลกั สูตรลูกเสือเอก ( 30 ) 2 การพ่ึงตนเอง 2 1. การอยคู่ า่ ยพักแรมคืน อย่างน้อย 2 คืน 2. วา่ ยนา้ ระยะทาง 45 เมตร (หรอื อนื่ ) 6 3. การดแู ลตนเองกอ่ นปฏบิ ัติกจิ กรรม 4. การใช้ ดแู ลรักษาเครอื่ งใชไ้ ฟฟ้า 5. ปรุงอาหาร 2 อย่าง สาหรับสมาชิกภายในหมู่ การบรกิ าร 1. การติดต่อขอความชว่ ยเหลอื 2. การปฐมพยาบาล 1) เลอื ดออกภายนอกและภายใน 2) คนเป็นลม 3) การเคลอื่ นย้ายผปู้ ่วย 4) การบริการสาธารณะอย่างนอ้ ย 3 ชว่ั โมง
59 หน่วยการเรียนรู้ เนอ้ื หา เวลา 3 6 การผจญภัย 6 4 1. เดินทางไกลด้วยเท้าระยะทางไป-กลับ 20 กม. 30 5 2. การใชเ้ ขม็ ทิศในทกี่ ลางแจ้ง 6 3. อธิบายรายละเอยี ดในแผนท่ี 7 วชิ าการลกู เสอื 1. โครงการบุกเบิก 1 โครงการโดยใช้เง่ือนผูก แน่น 2. การผูกเง่ือน (บ่วงสายธนู,บ่วงสายธนู 2 ชั้น , เงือ่ นเกา้ อี้ ,เงอ่ื นผกู แน่น) 3. ปรงุ อาหารแบบชาวปา่ และพักแรมคนื 4. กฎแห่งความปลอดภยั ในการใช้มีด เล่ือยและ ขวาน 5. วชิ าพิเศษอย่างน้อย 2 รายวชิ า 6. โครงการอนรุ ักษธ์ รรมชาติ ระเบยี บแถว 1. ทบทวนทา่ ฝึกต่างๆ 2. การเดนิ สวนสนาม วชิ าพิเศษและการสอบเคร่ืองหมายวิชา พเิ ศษ 1. 53 รายวิชา 2. เครอื่ งหมายสายยงยศ การอย่คู า่ ยพกั แรม ประเมินผลทักษะทางวิชาการลูกเสือ 3 วัน 2 คืน รวม
60 การจัดทาแผนการจัดการเรยี นรู้ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น ลกู เสอื -เนตรนารี (ลูกเสอื เอก) ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 6 เวลา 30 ชั่วโมง แผนที่ เรื่อง เวลา(ช่วั โมง) 1. การพงึ่ ตนเอง 1 - เตาแบบต่างๆ -การก่อไฟดว้ ยไม้ฟนื หรือถา่ น -การว่ายนา้ ระยะทาง 45 เมตร( หรือกิจกรรมอย่างอ่นื ) 2. การพึ่งตนเอง 1 -การปรงุ อาหารอย่างงา่ ย 2 อยา่ งเครอ่ื งรอ้ นสาหรับหมู่ของตนเอง -การใช้ ดูแลรักษาเครอื่ งใชไ้ ฟฟ้า -การอยู่ค่ายพักแรมอย่างน้อย 2 คืน 3. การบรกิ าร 1 -ลักษณะของการบริการ -การขอความชว่ ยเหลอื เมอ่ื เกิดอบุ ัติเหตุ 4. การบรกิ าร 1 -ลักษณะของอบุ ตั ิเหตทุ ี่เกิดขึน้ บ่อย 1 -ลกั ษณะของการปฐมพยาบาลท่ีถูกวธิ ี 1 1 5. การบรกิ าร 1 -การปฐมพยาบาลผู้มีเลือกออกภายในและภายนอก 1 6. การบรกิ าร 1 -การปฐมพยาบาลผู้ป่วยทอี่ าการช็อค -การปฐมพยาบาลคนเป็นลม 7. การบรกิ าร -การเคลอื่ นย้ายผู้ป่วยแบบต่างๆ 8. การบรกิ าร -การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ อย่างน้อย 3 ชั่วโมง 9. การผจญภยั -การเดินทางด้วยเทา้ ไป กลบั 20 กม. -การเดนิ ทางโดยเรอื 10 กม. -การป่ันจักรยาน 20 กม. 10. การผจญภยั -อุปกรณใ์ นการเดินทางไกล -การอยคู่ า่ ยพักแรม 3 วัน 2 คนื
61 เวลา(ชว่ั โมง) 1 แผนที่ เรอ่ื ง 11. การผจญภัย 1 -การใช้เข็มทศิ -มาตรสว่ นและเคร่อื งหมายในแผนท่ี 1 12. การผจญภยั -การหาตาแหน่งพกิ ัดกริด 1 -การหาทิศโดยใชเ้ ข็มทศิ 13. การผจญภยั 1 -กจิ กรรมกลางแจ้ง การเลน่ การสารวจ -ศึกษาสถานทท่ี ่นี า่ สนใจกับเพ่อื น 1 19. การผจญภัย 1 -การเตรยี มการไปเยอื นสถานท่ีทน่ี ่าสนใจ 1 -การวางแผนการไปเยอื นสถานท่ที ่นี า่ สน เป็นหมู่ 20. วิชาการลูกเสอื 1 -จดั ทาโครงการบุกเบิก หมู่ละ 1 โครงการ 1 -โมเดลบกุ เบกิ 1 -จัดทาบัญชวี ัสดุ อุปกรณ์ 1 21. วิชาการลูกเสอื 1 -การผกู แน่น การผกู เงื่อน 1 22. วิชาการลูกเสือ -การปรงุ อาหารแบบชาวป่า 23. วชิ าการลกู เสอื -กฏแหง่ ความปลอดภยั -การใชม้ ดี ทาสมอบก -การใชข้ วาน ฝ่าฟืน 24. วิชาการลูกเสอื -ศกึ ษาวิชาพเิ ศษ อย่างนอ้ ย 3 วชิ า 25. วชิ าการลูกเสอื -จัดทาโครงการอนรุ ักษธ์ รรมชาติ หมู่ 1 โครงการ 26. ระเบียบแถว -ทบทวนท่าฝกึ ระเบยี บแถวตา่ งๆ 27. ระเบยี บแถว -ทบทวนทา่ ฝึกระเบียบแถวต่างๆ 28. ระเบียบแถว -การเดนิ สวนสนาม 1 29. ระเบียบแถว -การเดินสวนสนาม 2
62 เวลา(ชั่วโมง) 1 แผนท่ี เร่อื ง 30. ระเบยี บแถว 1 -การเดนิ สวนสนาม 3 31. ระเบยี บแถว 1 -การเดินสวนสนาม 4 32. วชิ าพิเศษและการสอบวิชาพิเศษ 1 -วชิ าพเิ ศษลูกเสือสามัญ 53 วชิ า 33. วชิ าพิเศษและการสอบวชิ าพิเศษ -เครื่องหมายสายยงยศ 34. อยูค่ ่าพกั แรมนอกสถานที่ ภาคปฏิบัติ
63 หลกั สตู รเคร่อื งหมายวชิ าพเิ ศษ ข้อบังคับคณะลกู เสือแห่งชาติ ว่าดว้ ย การปกครอง หลกั สูตรและวิชาพิเศษลกู เสือสารอง (ฉบบั ที่ 10 พ.ศ. 2522) 1. จติ รกร 2. นักกรีฑา 3. นกั อา่ นหนงั สอื 4. นกั จักรยานสองลอ้ 5. นักแสดงการบนั เทงิ 6. นักสารวจ 7. นักปฐมพยาบาล 8. นักสารพัดชา่ ง 9. งานอดิเรก 10. การช่วยเหลืองานบ้าน 11. นักอา่ นแผนที่ 12. นกั ธรรมชาติศึกษา 13. นกั ถ่ายภาพ 14. นกั วา่ ยนา้ 15. ผูช้ ่วยคนตกนา้ 16. นักวิทยาศาสตร์ 17. นักกฬี า 18. นักอนรุ กั ษ์ธรรมชาติ
64 เครือ่ งหมายลกู เสือสัมพนั ธ์ ข้อบงั คบั คณะลกู เสือแหง่ ชาติวา่ ดว้ ยการปกครอง หลกั สตู รและวิชาพเิ ศษลูกเสือสามัญ (ฉบบั ท่ี ๑๓) พ.ศ. ๒๕๒๕ ขอ้ ๑ นักจกั สาน ข้อ ๒ ช่างไม้ ขอ้ ๓ ชา่ งหนัง ขอ้ ๔ ชาวนา ข้อ ๕ ชาวสวน ข้อ ๖ ชาวไร่ ข้อ ๗ นักเลยี้ งสัตวเ์ ล็ก ข้อ ๘ นกั จักรยาน ๒ ล้อ ข้อ ๙ นักวา่ ยน้า ขอ้ ๑๐ ผชู้ ว่ ยคนดบั เพลงิ ขอ้ ๑๑ ผชู้ ว่ ยเหลือผ้ปู ระสบภัย ขอ้ ๑๒ ผใู้ หก้ ารปฐมพยาบาล ขอ้ ๑๓ นักสังเกตและจา ขอ้ ๑๔ การพราง ขอ้ ๑๕ ชาวคา่ ย ขอ้ ๑๖ ผู้ประกอบอาหารในค่าย ขอ้ ๑๗ ล่าม ขอ้ ๑๘ นกั ดนตรี ขอ้ ๑๙ นกั ผจญภยั ในป่า ขอ้ ๒๐ นกั สารวจ ขอ้ ๒๑ มัคคุเทศก์ ขอ้ ๒๒ ชา่ งเขียน ข้อ ๒๓ นกั สญั ญาณ ข้อ ๒๔ นักบกุ เบิก ข้อ ๒๕ นกั ธรรมชาตศิ ึกษา ข้อ ๒๖ ชา่ งเบด็ เตลด็ ข้อ ๒๗ ผู้บรบิ าลคนไข้ ข้อ ๒๘ นักจับปลา ข้อ ๒๙ ผู้ช่วยตน้ เดน่ ข้อ ๓๐ นกั พายเรือ ข้อ ๓๑ นายท้ายเรือบด ขอ้ ๓๒ นกั กระเชียงเรือ ขอ้ ๓๓ นกั แลน่ เรือใบ ข้อ ๓๔ นักดาราศาสตร์เบ้อื งต้น
65 ขอ้ ๓๕ นักอุตุนิยมวิทยาเบื้องต้น ข้อ ๓๖ ยามอากาศเบื้องต้น ข้อ ๓๗ นกั เคร่ืองบินเล็กเบือ้ งตน้ ข้อ ๓๘ นักสะสม ขอ้ ๓๙ บรรณารกั ษ์ ข้อ ๔๐ นกั กรีฑา ขอ้ ๔๑ นกั ขี่ม้า ข้อ ๔๒ มวยไทยเบื้องต้น ขอ้ ๔๓ มวยสากลเบ้อื งต้น ขอ้ ๔๔ กระบ่ีกระบองเบ้ืองต้น ข้อ ๔๕ นกั ยิงปืนเบ้ืองตน้ ขอ้ ๔๖ การอนุรักษธ์ รรมชาติ ข้อ ๔๗ การหามติ ร ขอ้ ๔๘ มารยาทในสงั คม ข้อ ๔๙ นเิ วศวทิ ยา ขอ้ ๕๐ การพัฒนาชมุ ชน ขอ้ ๕๑ การใช้พลังทดแทน ข้อ ๕๒ ลกู เสอื โทพระมงกฎุ เกลา้ ฯ ข้อ ๕๓ ลูกเสือเอกพระมงกฎุ เกล้าฯ ขอ้ ๕๔ สายยงยศ ๔๖
66 กจิ กรรมชุมนุม ชมรม การจดั กจิ กรรมชุมนุม ชมรม วตั ถุประสงค์ของกจิ กรรมชุมนุม ชมรม สมรรถนะสาคัญ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 5 ประการ 5 ประการ กิจกรรมท่ีจดั กจิ กรรม กิจกรรมที่จดั เสริม ตามความสนใจของ ชุมนุม หลกั สูตร ผเู้ รียน ชมรม สถานศึกษาในดา้ น กิจกรรมท่ีจดั ความรู้และทกั ษะ ไดท้ ้งั ในและนอก ปฏิบตั ิของผเู้ รียน สถานศึกษา กิจกรรมที่จดั ให้ ท้งั ในและนอก เวลาเรียน กจิ กรรมชุมนุม กิจกรรมชุมนุม เป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนรวมกลุ่มกันจัดข้ึนตามความสามารถ ความถนัดและความ สนใจของผู้เรียน เพ่ือเติมเต็มความรู้ ความชานาญ ประสบการณ์ ทักษะ เจตคติเพื่อพัฒนาตนเองตาม ศักยภาพ หลักการ กิจกรรมชมุ นุม มีหลกั การที่สาคญั ดังนี้ 1. เปน็ กจิ กรรมที่เกดิ จากการสร้างสรรคแ์ ละออกแบบกจิ กรรมของผเู้ รียนตามความสมัครใจ 2. เป็นกิจกรรมทผ่ี ้เู รยี นร่วมกันทางานเปน็ ทมี ช่วยกันคดิ ชว่ ยกันทา และชว่ ยกนั แก้ปัญหา 3. เปน็ กิจกรรมทสี่ ่งเสริมและพฒั นาศักยภาพของผู้เรยี น 4. เปน็ กิจกรรมทีเ่ หมาะสมกับวยั และวฒุ ภิ าวะของผู้เรียน รวมทั้งบรบิ ทของสถานศึกษา และทอ้ งถ่นิ
67 วัตถปุ ระสงค์ 1. เพอ่ื ให้สอดคลอ้ งกบั หลักสตู รพื้นฐานสถานศึกษา 2. เพอ่ื ใหม้ ีทกั ษะในการทางานรว่ มกัน 3. เพื่อให้นกั เรยี นมที กั ษะกระบวนการในการทางาน 4. เพ่ือใหร้ ู้จักการใช้เวลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์ 5. เพื่อใหม้ คี วามรับผดิ ชอบ ขยัน ประหยดั อดทนและมจี ติ ใจเอ้ือเฟื้อเผ่ือแผ่ ขอบข่าย กิจกรรมชุมนมุ มีขอบขา่ ยดงั น้ี 1. เป็นกจิ กรรมจดั ตามความสนใจของผู้เรียน 2. เป็นกจิ กรรมที่จดั เสรมิ หลกั สูตรสถานศกึ ษาในด้านความรู้และทักษะปฏิบัติ ของผ้เู รียน 3. สามารถจัดได้ทงั้ ในและนอกสถานศึกษา และทงั้ ในเวลาและนอกเวลาเรยี น การจัดกิจกรรมชมุ นมุ การจดั กจิ กรรมชมุ นุมของโรงเรียนวัดพชิ ัยมแี นวทางการปฏิบัตดิ งั นี้ 1. ผูเ้ รยี นรว่ มกันจดั ต้งั ชมุ นุมตามความสนใจและเชญิ ครเู ป็นที่ปรกึ ษาโดยร่วมกนั ดาเนินกจิ กรรมชมุ นุม ตามระเบยี บปฏบิ ัติที่สถานศกึ ษา 2. ครูท่ีปรึกษามีการจัดต้ังชุมนุมอยู่แล้ว และเปิดรับสมัครนักเรียนท่ีมีความสนใจในการเข้าร่วม กิจกรรมของชมุ นุม 3. ครูทปี่ รกึ ษาและผู้เรียนรว่ มกนั จดั ตัง้ กิจกรรมชุมนมุ ตามความสนใจของทง้ั สองฝ่าย 4. ผู้เรียนสามารถดาเนินกิจกรรมได้หลากหลายทั้งรูปแบบภายในหรือภายนอกห้องเรียนและ ระยะเวลาการจัดกิจกรรม เป็นระยะเวลา 1 ปีการศึกษา แต่นักเรียนท่ีต้องการย้ายชุมนุมใหม่ สามารถย้ายได้ในภาคเรียนที่ 2 แต่นักเรียนต้องแจ้งครูที่ปรึกษาชุมนุมที่นักเรียนย้ายออกและ หัวหน้ากิจกรรมชมุ นุมรับทราบ 5. ผ้เู รียนมกี ารออกแบบประสบการณแ์ ลกเปลยี่ นเรยี นรู้และเผยแพร่กจิ กรรม 6. ครูทป่ี รึกษากิจกรรมประเมินตามหลกั เกณฑก์ ารประเมินชมุ นุม ประเภทของกิจกรรมชมุ นมุ กิจกรรมชุมนุมมี 2 ประเภท ดังนี้ 1. กจิ กรรมกลุ่มเสรมิ ทักษะด้านวิชาการ ได้แกก่ ลมุ่ สาระ 8 สาระ 2. กิจกรรมชมุ นุม เลือกตามความถนดั และความสนใจ
68 กาหนดการจดั กจิ กรรมชมุ นุม ปีการศึกษา 2563 ที่ กิจกรรมชุมนมุ ชั่วโมง/ปีการศึกษา 1 ชุมนุมสนุกกบั คณิตศาสตร์ 40 2 ชุมนุมนกั วิทยาศาสตร์น้อย 40 3 ชุมนมุ ยูทูปเบอรน์ ้อย 40 4 ชุมนมุ ทาอาหาร 40 6 ชมุ นมุ Unplug Coding 40 7 ชุมนมุ รักการอา่ น 40 8 ชุมนุมดนตรี 40 9 ชุมนุมนาฏศิลป์ 40 10 ชมุ นมุ ภาษาตา่ งประเทศ 40 11 ชนุ นุมกีฬาพาเพลิน 40 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในหลักสูตรโรงเรียนวัดพิชัย พุทธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) กาหนดให้ผู้เรียนมีเวลา เข้าร่วม กิจกรรมชมุ นุม จานวน 40 ช่วั โมง / ปี เฉล่ีย สปั ดาหล์ ะ 1 ชัว่ โมง
69
70 กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสรมิ ให้ผเู้ รยี นบาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว ชุมชน สังคม ท้องถ่ินและ ประเทศชาติตามความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพ่ือช่วยขัดเกลาจิตใจของผ้เู รยี นและเพ่ือแสดงถึงความ รับผิดชอบ ความดีงาม มีความเมตตากรุณา มีความเสียสละต่อสังคม และมีจิตสาธารณะเพื่อช่วยสร้าง สงั คมให้อยู่รว่ มกันอย่างมคี วามสขุ เชน่ กิจกรรมอาสาพัฒนาต่าง ๆ กจิ กรรมสรา้ งสรรคส์ ังคม หลกั การ กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์เป็นกิจกรรมที่ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตนเอง ตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ โดยคานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและพัฒนาการทางสมอง เน้นให้ ความสาคัญทั้งความรู้ และคุณธรรมจริยธรรม จัดกิจกรรมโดยให้ผู้เรียนคิดสร้างสรรค์ออกแบบกิจกรรม บาเพญ็ ประโยชนอ์ ย่างหลากหลายรูปแบบ เพือ่ แสดงถึงความรบั ผิดชอบต่อสังคมในลักษณะจิตอาสา วัตถุประสงค์ 1. เพอื่ ให้ผเู้ รยี นบาเพญ็ ตนให้เป็นประโยชน์ตอ่ ครอบครัว โรงเรยี น ชุมชน สงั คมและประเทศชาติ 2. เพ่ือให้ผู้เรียนออกแบบการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ตาม ความถนดั และความสนใจในลกั ษณะอาสาสมคั ร 3. เพ่ือให้ผู้เรียนพัฒนาศักยภาพในการจัดกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ 4. เพื่อให้ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์จนเกิดคุณธรรมจริยธรรมตาม คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 5. เพ่ือให้ผู้เรยี นมีจติ สาธารณะและใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ ขอบข่าย เป็นกระบวนการจัดกิจกรรมในลักษณะกิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ และกิจกรรมจิตอาสาโดยผู้เรียน ดาเนินการด้วยตนเองในลักษณะอาสาสมัครเพื่อแสดงถงึ ความรับผิดชอบ ความดีงามความเสียสละตอ่ สงั คม มีจิตอาสา และจิตสาธารณะ การจดั กจิ กรรม โรงเรียนกาหนดให้มีการจัดกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ได้ทั้งภายในและภายนอก โรงเรียน โดยใชร้ ูปแบบทห่ี ลากหลาย ดังรายละเอียดตอ่ ไปน้ี 1. กาหนดใหค้ รทู ี่ปรกึ ษาเป็นผู้รับผดิ ชอบ กากบั ดูแล วางแผนการจัดกจิ กรรมรว่ มกับนักเรยี น 2. นักเรียนบันทึกการเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ ลงในแบบบันทึกการเข้าร่วม กิจกรรม โดยให้ครูที่ปรึกษาเป็นผู้ตรวจสอบ ซ่ึงผู้เรียนจะจัดกิจกรรมหรือ กิจกรรมเพื่อสังคม และสาธารณประโยชน์ในเวลา สถานที่ หรอื รูปแบบของกจิ กรรมใดก็ได้ 3. ครูที่ปรึกษาเป็นผู้ประเมินผลกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ โดยผู้เรียนต้องเข้าร่วม กิจกรรมให้ครบตามกรอบของโครงสรา้ งหลักสตู รโรงเรียน การจัดกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรียนผู้เรียนสามารถเลือกจัดกิจกรรมหรือ เขา้ รว่ มกิจกรรมไดท้ ้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน ดงั น้ี
71 1. จัดกิจกรรมในลักษณะบูรณาการใน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และประสบการณ์ของผู้เรียน โดย ผู้เรียนสามารถจัดกิจกรรมตามองค์ความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้และประสบการณ์ ซึ่งสามารถจัดกิจกรรมได้ ดังนี้ 1.1 จดั กิจกรรมภายในโรงเรยี น 1.2 จัดกจิ กรรมภายนอกโรงเรียน 2. จัดกิจกรรมลักษณะโครงการ โครงงาน หรือกิจกรรม หมายถึง กิจกรรมที่ผู้เรียนนาเสนอการ จัดกิจกรรมต่อโรงเรียนเพื่อขอความเห็นชอบในการจัดทาโครงการ โครงงาน หรือกิจกรรม ซ่ึงมีระยะเวลา เรม่ิ ต้นและสนิ้ สุดที่ชดั เจน โดยสามารถจัดกจิ กรรมได้ดังนี้ 2.1 จัดกจิ กรรมในโรงเรยี น 2.2 จดั กจิ กรรมนอกโรงเรียน 3. จัดกิจกรรมร่วมกับองค์กรอ่ืน หมายถึง กิจกรรมท่ีผู้เรียนอาสาสมัครเข้าร่วมกิจกรรมกับ หน่วยงานหรือองค์กรอ่ืน ๆ ที่จัดกิจกรรมในลักษณะเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์โดยผู้เรียนสามารถ เลอื กเข้ารว่ มกจิ กรรมไดด้ งั น้ี 3.1 ร่วมกบั หน่วยงานอนื่ ท่เี ขา้ มาจัดกิจกรรมในโรงเรียน 3.2 ร่วมกับหน่วยงานอืน่ ทีจ่ ัดกจิ กรรมนอกโรงเรยี น เงื่อนไข เวลาเข้าร่วมกิจกรรม ผูเ้ รียนเข้ารว่ มกิจกรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชนอ์ ยา่ งต่อเนื่องทุกภาค เรียน / ปี เน้นผู้เรียนเป็นผู้จัดกิจกรรมด้วยตนเองทุกขั้นตอนและต่อเนื่อง โดยมีครูที่ปรึกษาเป็นผู้ตรวจสอบและ ประเมนิ ผลการเข้ารว่ มกิจกรรม ผู้เรียนจะจัดกิจกรรมหรือแสดงพฤติกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ในเวลา สถานท่ี หรือ รูปแบบของกิจกรรมใดกไ็ ด้
72 ตารางกาหนดสาระการจัดกิจกรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 1 เวลาเรียน 10 ช่ัวโมงต่อปี ลาดับท่ี สาระกจิ กรรม เวลา 1 วันไหว้ครู บาเพ็ญประโยชน์โดยดูแลรักษาไม้ดอกไม้ประดับ การทา 1 2 ความสะอาดบรเิ วณโรงเรียน ( พฤหัสบดีท่ี 2 ของเดือนมิถนุ ายน ) 3 วันวิสาขบูชา บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาดบริเวณ 1 โรงเรียนและไปเวยี นเทยี นท่ีวดั 4 5 วนั เข้าพรรษาและวันปลูกต้นไม้แห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยดูแล 1 6 รักษาไม้ดอกไมป้ ระดับ การทาความสะอาดบริเวณโรงเรียน ( ขึน้ 15 7 8 คา่ เดอื น 8 ) 9 10 วันภาษาไทยแห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาด 1 บริเวณโรงเรยี น ( 29 กรกฎาคม ) วนั แม่แห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยดูแลรักษาไมด้ อกไม้ประดับ การ 1 ทาความสะอาดบริเวณโรงเรียน ( 12 สงิ หาคม ) วันลอยกระทง บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาดบริเวณ 1 โรงเรียน ( ขนึ้ 15 ค่า เดือน 12 ) วันพ่อแห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยดูแลรักษาไม้ดอกไม้ประดับ 1 การทาความสะอาดบริเวณโรงเรยี น ( 5 ธันวาคม ) วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความ 1 สะอาดบริเวณโรงเรียน ( 1 มกราคม ) วันเด็กแห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาดบริเวณ 1 โรงเรียน ( เสาร์ท่ี 2 ของเดือนมกราคม ) วันมาฆบูชา บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาดบริเวณ 1 โรงเรยี น ( ข้ึน 15 คา่ เดอื น 3 ) รวมเวลา 10
73 ตารางกาหนดสาระการจัดกจิ กรรมเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชน์ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 2 เวลาเรียน 10 ชั่วโมงต่อปี ลาดับท่ี สาระกจิ กรรม เวลา 1 วันไหว้ครู บาเพ็ญประโยชน์โดยดูแลรักษาไม้ดอกไม้ประดับ การทา 1 ความสะอาดบรเิ วณโรงเรยี น ( พฤหัสบดีท่ี 2 ของเดอื นมถิ ุนายน ) 1 2 วันวิสาขบูชา บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาดบริเวณ 1 โรงเรียนและไปเวยี นเทยี นท่ีวดั 3 วนั เข้าพรรษาและวันปลูกต้นไม้แห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยดูแล 1 รักษาไม้ดอกไมป้ ระดบั การทาความสะอาดบริเวณโรงเรียน ( ข้ึน 15 1 4 คา่ เดอื น 8 ) 1 5 วันภาษาไทยแห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาด 1 6 บริเวณโรงเรยี น ( 29 กรกฎาคม ) 1 7 วนั แม่แห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยดูแลรักษาไม้ดอกไม้ประดบั การ 1 8 ทาความสะอาดบรเิ วณโรงเรียน ( 12 สงิ หาคม ) 1 9 วันลอยกระทง บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาดบริเวณ 10 10 โรงเรียน ( ขนึ้ 15 คา่ เดือน 12 ) วันพ่อแห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยดูแลรักษาไม้ดอกไม้ประดับ การทาความสะอาดบริเวณโรงเรยี น ( 5 ธนั วาคม ) วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความ สะอาดบริเวณโรงเรียน ( 1 มกราคม ) วันเด็กแห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาดบริเวณ โรงเรียน ( เสาร์ท่ี 2 ของเดือนมกราคม ) วันมาฆบูชา บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาดบริเวณ โรงเรยี น ( ขน้ึ 15 คา่ เดือน 3 ) รวมเวลา
74 ตารางกาหนดสาระการจดั กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 3 เวลาเรียน 10 ชั่วโมงต่อปี ลาดบั ท่ี สาระกจิ กรรม เวลา 1 วันไหว้ครู บาเพ็ญประโยชน์โดยดูแลรักษาไม้ดอกไม้ประดับ การทา 1 ความสะอาดบรเิ วณโรงเรียน ( พฤหสั บดีท่ี 2 ของเดือนมถิ นุ ายน ) 1 2 วันวิสาขบูชา บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาดบริเวณ 1 โรงเรียนและไปเวียนเทยี นท่วี ัด 3 วนั เข้าพรรษาและวันปลูกต้นไม้แห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยดูแล 1 รักษาไม้ดอกไม้ประดับ การทาความสะอาดบริเวณโรงเรียน ( ขึ้น 15 1 4 คา่ เดอื น 8 ) 1 5 วันภาษาไทยแห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาด 1 6 บรเิ วณโรงเรียน ( 29 กรกฎาคม ) 1 7 วนั แม่แห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยดูแลรักษาไม้ดอกไมป้ ระดับ การ 1 8 ทาความสะอาดบรเิ วณโรงเรยี น ( 12 สิงหาคม ) 1 9 วันลอยกระทง บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาดบริเวณ 10 10 โรงเรยี น ( ข้ึน 15 คา่ เดือน 12 ) วันพ่อแห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยดูแลรักษาไม้ดอกไม้ประดับ การทาความสะอาดบรเิ วณโรงเรยี น ( 5 ธันวาคม ) วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความ สะอาดบริเวณโรงเรยี น ( 1 มกราคม ) วันเด็กแห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาดบริเวณ โรงเรยี น ( เสารท์ ่ี 2 ของเดือนมกราคม ) วันมาฆบูชา บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาดบริเวณ โรงเรยี น ( ขน้ึ 15 ค่าเดอื น 3 ) รวมเวลา
75 ตารางกาหนดสาระการจัดกิจกรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 4 เวลาเรียน 10 ช่ัวโมงต่อปี ลาดับท่ี สาระกจิ กรรม เวลา 1 วันไหว้ครู บาเพ็ญประโยชน์โดยดูแลรักษาไม้ดอกไม้ประดับ การทา 1 ความสะอาดบรเิ วณโรงเรียน ( พฤหัสบดีท่ี 2 ของเดือนมิถนุ ายน ) 1 2 วันวิสาขบูชา บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาดบริเวณ 1 โรงเรียนและไปเวยี นเทยี นท่ีวดั 3 วนั เข้าพรรษาและวันปลูกต้นไม้แห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยดูแล 1 รักษาไม้ดอกไมป้ ระดับ การทาความสะอาดบริเวณโรงเรียน ( ขึน้ 15 1 4 คา่ เดอื น 8 ) 1 5 วันภาษาไทยแห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาด 1 6 บริเวณโรงเรยี น ( 29 กรกฎาคม ) 1 7 วนั แม่แห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยดูแลรักษาไม้ดอกไม้ประดับ การ 1 8 ทาความสะอาดบริเวณโรงเรียน ( 12 สงิ หาคม ) 1 9 วันลอยกระทง บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาดบริเวณ 10 10 โรงเรียน ( ขนึ้ 15 ค่า เดือน 12 ) วันพ่อแห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยดูแลรักษาไม้ดอกไม้ประดับ การทาความสะอาดบริเวณโรงเรยี น ( 5 ธันวาคม ) วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความ สะอาดบริเวณโรงเรียน ( 1 มกราคม ) วันเด็กแห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาดบริเวณ โรงเรียน ( เสาร์ท่ี 2 ของเดือนมกราคม ) วันมาฆบูชา บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาดบริเวณ โรงเรยี น ( ขน้ึ 15 คา่ เดอื น 3 ) รวมเวลา
76 ตารางกาหนดสาระการจัดกจิ กรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 5 เวลาเรียน 10 ช่ัวโมงต่อปี ลาดับท่ี สาระกจิ กรรม เวลา 1 วันไหว้ครู บาเพ็ญประโยชน์โดยดูแลรักษาไม้ดอกไม้ประดับ การทา 1 ความสะอาดบรเิ วณโรงเรียน ( พฤหัสบดีท่ี 2 ของเดือนมิถนุ ายน ) 1 2 วันวิสาขบูชา บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาดบริเวณ 1 โรงเรียนและไปเวยี นเทยี นท่ีวดั 3 วนั เข้าพรรษาและวันปลูกต้นไม้แห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยดูแล 1 รักษาไม้ดอกไมป้ ระดบั การทาความสะอาดบริเวณโรงเรียน ( ขึน้ 15 1 4 คา่ เดอื น 8 ) 1 5 วันภาษาไทยแห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาด 1 6 บริเวณโรงเรยี น ( 29 กรกฎาคม ) 1 7 วนั แม่แห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยดูแลรักษาไมด้ อกไม้ประดับ การ 1 8 ทาความสะอาดบรเิ วณโรงเรียน ( 12 สงิ หาคม ) 1 9 วันลอยกระทง บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาดบริเวณ 10 10 โรงเรียน ( ขนึ้ 15 คา่ เดือน 12 ) วันพ่อแห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยดูแลรักษาไม้ดอกไม้ประดับ การทาความสะอาดบริเวณโรงเรยี น ( 5 ธันวาคม ) วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความ สะอาดบริเวณโรงเรียน ( 1 มกราคม ) วันเด็กแห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาดบริเวณ โรงเรียน ( เสาร์ท่ี 2 ของเดือนมกราคม ) วันมาฆบูชา บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาดบริเวณ โรงเรยี น ( ขน้ึ 15 คา่ เดือน 3 ) รวมเวลา
77 ตารางกาหนดสาระการจดั กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 6 เวลาเรียน 10 ช่ัวโมงต่อปี ลาดับท่ี สาระกิจกรรม เวลา 1 วันไหว้ครู บาเพ็ญประโยชน์โดยดูแลรักษาไม้ดอกไม้ประดับ การทา 1 ความสะอาดบริเวณโรงเรียน ( พฤหัสบดที ี่ 2 ของเดือนมิถนุ ายน ) 1 2 วันวิสาขบูชา บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาดบริเวณ 1 โรงเรียนและไปเวียนเทยี นที่วดั 3 วนั เข้าพรรษาและวันปลูกต้นไม้แห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยดูแล 1 รักษาไม้ดอกไม้ประดบั การทาความสะอาดบริเวณโรงเรียน ( ข้นึ 15 1 4 ค่า เดอื น 8 ) 1 5 วันภาษาไทยแห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาด 1 6 บริเวณโรงเรียน ( 29 กรกฎาคม ) 1 7 วันแมแ่ ห่งชาติ บาเพ็ญประโยชนโ์ ดยดูแลรักษาไมด้ อกไม้ประดับ การ 1 8 ทาความสะอาดบริเวณโรงเรียน ( 12 สงิ หาคม ) 1 9 วันลอยกระทง บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาดบริเวณ 10 10 โรงเรียน ( ข้ึน 15 ค่า เดอื น 12 ) วันพ่อแห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยดูแลรักษาไม้ดอกไม้ประดับ การทาความสะอาดบรเิ วณโรงเรียน ( 5 ธันวาคม ) วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความ สะอาดบริเวณโรงเรียน ( 1 มกราคม ) วันเด็กแห่งชาติ บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาดบริเวณ โรงเรียน ( เสาร์ที่ 2 ของเดอื นมกราคม ) วันมาฆบูชา บาเพ็ญประโยชน์โดยการทาความสะอาดบริเวณ โรงเรยี น ( ขน้ึ 15 ค่าเดือน 3 ) รวมเวลา
78 การประเมนิ ผลกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน การประเมินผลกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในหลักสูตรโรงเรียนวัดพิชัย พุทธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) เปน็ การประเมินการปฏบิ ัติกิจกรรมและผลงาน / ช้ินงาน / คุณลกั ษณะของผู้เรียน โดยผู้เรียนต้องมี เวลาเข้าร่วมกิจกรรมตามเกณฑ์ท่ีกาหนดไว้ในแต่ละกิจกรรม ผ่านการประเมินตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา กาหนด และใช้เปน็ ข้อมูลประเมนิ การเล่อื นชนั้ เรยี นและการจบการศึกษาระดับตา่ ง ๆ การประเมินกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรมการปฏิบัติกิจกรรม และผลงานของผู้เรยี นตามเกณฑ์ทีส่ ถานศึกษากาหนด และให้ผลการประเมนิ เป็นผ่านและไม่ผ่าน กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น มี 3 ลักษณะ คือ 1. กจิ กรรมแนะแนว 2. กจิ กรรมนกั เรียน ซ่งึ ประกอบดว้ ย 2.1 กิจกรรมลกู เสือ เนตรนารี 2.2 กจิ กรรมชมุ นุม 3. กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ หลกั การ ก า รป ระ เมิ น กิ จ ก ร รม พั ฒ น า ผู้ เรี ย น ต า ม กิ จ ก รร ม พั ฒ น า ผู้ เรีย น ใน ห ลั ก สู ต ร โรงเรี ย น วั ด พิ ชั ย พุทธศักราช 2563ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) เป็นการประเมินการปฏิบัติกิจกรรมหรือผลงาน/ชิ้นงาน/คุณลักษณะของผู้เรียนเป็นระยะอย่าง ตอ่ เน่ือง มุ่งเน้นให้ผู้เรียนค้นหาศักยภาพของตนเอง สะท้อนแนวคิดจากการปฏิบัติกจิ กรรม การทางานกลุ่ม และการมจี ติ สาธารณะ โดยให้ทกุ ฝา่ ยท่เี กย่ี วข้องมสี ่วนรว่ มในการประเมนิ แนวทางการประเมิน การประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผู้เรียนมแี นวทางในการประเมนิ ตามแผนภาพ ดงั น้ี กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนกั เรียน กิจกรรมเพอื่ สงั คมและ ซ่อมเสริม สาธารณประโยชน์ ไม่ผา่ น ประเมนิ เกณฑก์ ารประเมิน ผา่ น 1. เวลาเขา้ ร่วมกิจกรรม ส่งผลการประเมิน 2. การปฏิบตั ิกิจกรรม 3. ผลงาน/ชิ้นงาน/ คุณลกั ษณะของ ผเู้ รียน
79 โรงเรียนได้กาหนดแนวทางท่ีชัดเจนในการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 2 ประการ คือการประเมิน พัฒนาผเู้ รยี นรายกจิ กรรม และการประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี นเพื่อการตัดสิน 1. แนวทางการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นรายกจิ กรรม ดาเนนิ การดังนี้ 1.1 ตรวจสอบเวลาการเข้าร่วมกิจกรรมของผู้เรียนให้เป็นไปตามเกณฑ์ท่ีกาหนดไว้ โดย ผู้เรียนต้องมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนทั้งหมด โดยการประเมินกิจกรรม พฒั นาผเู้ รียน จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบตั กิ ิจกรรมและผลงานของผเู้ รียน ใหผ้ ล การประเมนิ เป็นผา่ นและไม่ผา่ น 1.2 ผู้เรยี นทม่ี ผี ลการประเมินไม่ผา่ นเกณฑเ์ วลาการเข้าร่วมกจิ กรรม หรือเกณฑ์การปฏิบัติ กิจกรรมและผลงาน / ช้ินงานของผู้เรียน หรือทั้งสองเกณฑ์ถือว่าไม่ผ่านการประเมินผลกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน ผู้สอนต้องดาเนินการซ่อมเสริมและประเมินจนผ่าน ทั้งนี้ควรดาเนินการให้เสร็จสิ้นในปีการศึกษาน้ัน ยกเวน้ มเี หตสุ ุดวสิ ยั ใหอ้ ยใู่ นดุลยพินจิ ของสถานศกึ ษา 2. แนวทางการประเมินกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียนเพอื่ การตดั สนิ แนวทางการประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียนเพื่อการตดั สินเลื่อนชน้ั และจบระดับการศกึ ษา เป็นการประเมินการผ่านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นรายปี / รายภาค เพื่อสรุปผลการผ่านในแต่ละกิจกรรม สรุปผลรวมเพ่ือเล่ือนช้ันและประมวลผลรวมในปีสุดท้ายเพ่ือการจบแต่ละระดับการศึกษาของโรงเรียน โดย ดาเนนิ การดังน้ี 2.1 กาหนดให้มีผู้รับผิดชอบในการรวบรวมข้อมูลเกีย่ วกบั การร่วมกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น ของผ้เู รยี นทกุ คนตลอดระดับการศึกษา 2.2 ผู้รับผิดชอบสรุปและตัดสินผลการร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของผู้เรียนเปน็ ราย บุคคลตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา เกณฑ์การจบแต่ละระดับการศึกษาที่สถานศึกษากาหนดน้ัน ผู้เรียนจะต้อง ผ่านกิจกรรม 3 กิจกรรมสาคัญ ดังน้ี 2.2.1 กจิ กรรมแนะแนว 2.2.2 กิจกรรมนักเรียน - ระดบั ประถมศกึ ษา 1-6 กิจกรรมลูกเสือ-ยุวกาชาด และกิจกรรมชุมนมุ 2.2.3 กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารประโยชน์ 2.3 งานทะเบยี นและวัดผลเปน็ ผู้ประมวลผลรวมปลายปีเพ่ือการประเมินการผ่านชัน้ ปี / ระดบั การศึกษา ทั้งน้ผี ู้เรยี นตอ้ งมผี ลการประเมนิ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ทุกกจิ กรรม 2.4 เสนอผบู้ ริหารสถานศึกษาพจิ ารณาอนุมัตผิ ลการประเมินกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น ผ่านเกณฑก์ ารจบแต่ละระดบั การศึกษา เกณฑ์การตดั สนิ ผูเ้ รียนจะต้องได้รับการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและผ่านเกณฑ์ตามที่สถานศกึ ษากาหนด โดย กาหนดเกณฑ์ในการประเมินอยา่ งเหมาะสม ดงั น้ี 1. การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติ กิจกรรมและผลงานของผู้เรียนตามเกณฑ์ที่กาหนดไว้ในคู่มือกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การกาหนดคุณภาพหรือ เกณฑ์ในการประเมินตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กาหนด ไว้ 2 ระดับ คือ ผ่าน และไม่ ผา่ น
80 2. การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนประกอบด้วยกิจกรรม 4 ลักษณะ คือ 1) กิจกรรมแนะแนว 2) กิจกรรมชมุ นุม 3) กิจกรรมลูกเสอื เนตรนารี 4) กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ 3. กาหนดประเด็นการประเมินให้สอดคล้องตามวัตถุประสงค์ในแต่ละกิจกรรมและกาหนด เกณฑก์ ารผา่ นการประเมิน ดังนี้ เกณฑก์ ารตดั สินผลการประเมนิ รายกจิ กรรม ผา่ น หมายถึง ผเู้ รียนมีเวลาเขา้ ร่วมกิจกรรมครบตามเกณฑ์ปฏิบตั ิ กิจกรรม และมีผลงาน / ช้นิ งาน / คณุ ลกั ษณะตาม เกณฑท์ ีส่ ถานศึกษากาหนด ไมผ่ า่ น หมายถึง ผเู้ รยี นมเี วลาเข้าร่วมกิจกรรมไมค่ รบตามเกณฑ์ ไม่ผ่านการปฏิบัติกิจกรรม หรอื มีผลงาน/ช้ินงาน / คณุ ลักษณะไม่เป็นไปตามเกณฑ์ทสี่ ถานศึกษากาหนด เกณฑ์การตดั สนิ ผลการประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียนรายปี / รายภาค ผา่ น หมายถึง ผูเ้ รียนมผี ลการประเมนิ ระดบั “ผ่าน” ในกิจกรรมสาคัญ ทั้ง 3 กิจกรรม คือ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรียน และกจิ กรรมเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชน์ ไมผ่ ่าน หมายถงึ ผู้เรยี นมผี ลการประเมินระดบั “ไมผ่ า่ น” ในกจิ กรรม สาคัญกิจกรรมใดกิจกรรมหน่ึงจาก 3 กิจกรรม คือ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรียน และกจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ เกณฑก์ ารตัดสนิ ผลการประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียนเพ่อื จบระดับการศกึ ษา ผา่ น หมายถงึ ผเู้ รยี นมีผลการประเมินระดับ “ผ่าน” ทุกช้นั ปี ในระดับการศึกษานนั้ ไม่ผ่าน หมายถึง ผเู้ รยี นมผี ลการประเมินระดบั “ไม่ผา่ น” ทุกชน้ั ปี ในระดบั การศึกษานนั้ 4. ใหใ้ ชต้ วั อกั ษรแสดงผลการประเมนิ เปน็ “ผ่าน” และ “ไมผ่ ่าน” ตามคาอธบิ ายดงั นี้ ผลการประเมิน ความหมาย ผ่าน ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนร้อยละ 80 ของเวลาท้ังหมด ปฏิบัติกจิ กรรมและมผี ลงานตามเกณฑต์ ามทีแ่ ต่ละกจิ กรรมกาหนด ไมผ่ ่าน ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนไม่ถึงร้อยละ 80 ปฏิบัติกิจกรรม และมผี ลงานไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑ์ตามท่ีแตล่ ะกจิ กรรมกาหนด
81 นักเรียนระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ 1-6 เข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่าน เกณฑก์ ารประเมนิ ตามที่สถานศึกษากาหนดทกุ กิจกรรม ดังนี้ (1) กจิ กรรมลูกเสือ-เนตรนารี 40 ช่ัวโมง/ปี (2) กจิ กรรมชมุ นมุ 40 ชวั่ โมง/ปี (3) กิจกรรมแนะแนว 40 ชั่วโมง/ปี (4) กจิ กรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์ 10 ชว่ั โมง/ปี* (*กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชน์ สอดแทรกอยู่ในกิจกรรมต่าง ๆ ท้ังภายในและ ภายนอกโรงเรียน) แนวทางแก้ไขนักเรียนกรณีไม่ผา่ นเกณฑ์ กรณีที่ผู้เรียนไม่ผ่านกิจกรรมให้เป็นหน้าที่ของครูและผู้รับผิดชอบกิจกรรมนั้น ๆ ที่จะต้องซ่อม เสริมโดยให้ผู้เรียนดาเนินกิจกรรมจนครบตามเวลาที่ขาดหรือปฏิบัติกิจกรรมให้บรรลุต าม วัตถุประสงค์ ของกิจกรรมน้ัน แล้วจึงประเมนิ ให้ผ่านกิจกรรมเพื่อบันทึกในระเบียนแสดงผลการเรียน ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัยให้ รายงานผบู้ ริหารสถานศึกษาทราบเพอ่ื ดาเนินการช่วยเหลือผู้เรียนอยา่ งเหมาะสมเป็นรายกรณีไป การเปลี่ยนผลการเรียน “มผ” กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในหลักสูตรโรงเรียนวัดพิชัยพุทธศักราช 2563ตามหลักสูตนแกนกลาง การศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) กาหนดให้ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรม พัฒนาผู้เรียน 3 กิจกรรม คือ 1) กิจกรรมแนะแนว 2) กิจกรรมนักเรียน ซ่ึงประกอบด้วย กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี และเลือกเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุม หรือชมรมอีก 1 กิจกรรม 3) กิจกรรมเพ่ือสังคมและ สาธารณประโยชน์ ในกรณีที่ผู้เรียนได้ผลการเรียน “มผ” โรงเรียนมอบหมายให้ครูที่ปรึกษากิจกรรมน้ัน ๆ เป็น ผู้รับผิดชอบจัดซ่อมเสริม ให้ผู้เรียนทากิจกรรมในส่วนท่ีผู้เรียนไม่ได้เข้าร่วมหรือไม่ได้ทาจนครบถ้วน แล้ว จึงเปล่ียนผลการเรียนจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ท้ังน้ีต้องดาเนินการให้เสร็จสิ้นภายในภาคเรียนน้ัน ๆ ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัย ให้อยู่ในดุลยพินิจของโรงเรียนท่ีจะพิจารณาขยายเวลาออกไปอีกไม่เกิน 1 ภาคเรียน แต่ต้องดาเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษาน้ัน ข้อเสนอแนะ การประเมินผลการเขา้ ร่วมกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี นน้นั จะต้องคานึงถึงสง่ิ ต่อไปนี้ 1. ผู้เรียนมีเวลาการเข้าร่วมกิจกรรมของผู้เรียนตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด โดยสถานศึกษา ควรกาหนดเวลาไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนแต่ละกิจกรรม สาหรับกิจกรรมเพ่ือสังคมและ สาธารณประโยชน์ผู้เรยี นตอ้ งปฏบิ ัติกิจกรรมครบตามโครงสรา้ งเวลาเรียน 2. ผู้เรียนมีผลการปฏิบัติกิจกรรม และมีผลงาน/ชิ้นงาน/คุณลักษณะตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา กาหนด โดยอาจจดั ใหผ้ ู้เรยี นแสดงผลงาน แฟ้มสะสมงาน หรอื จดั นทิ รรศการ 3. การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาอาจจัดกิจกรรมในลักษณะบูรณาการกิจกรรมหรือ โครงการต่าง ๆ เช่น กิจกรรมโฮมรูม กิจกรรมวันสาคัญ กิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ เป็นต้น ซึ่งสถานศึกษา สามารถประเมินผลการเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวและนามาเป็นส่วนหนึ่งในการประเมินกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียนได้
82 4. การจดั กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียนควรมอี งคป์ ระกอบในการดาเนนิ การ ดงั นี้ 4.1 มคี รทู ปี่ รึกษากจิ กรรม และมีแผนการดาเนนิ กิจกรรม 4.2 มหี ลกั ฐาน ภาพถ่าย หรอื แฟ้มสะสมงาน 4.3 มีผรู้ ับรองการเข้าร่วมกิจกรรม 4.4 มีรายงานแสดงการเขา้ ร่วมกจิ กรรม
83 ภาคผนวก
Search