หน่วยที่ ๑ ความร้เู บือ้ งต้นเกี่ยวกบั การปรบั อากาศสาระสาคญั การปรบั อากาศมวี วิ ฒั นาการมาอยา่ งต่อเน่อื งและเขา้ มามบี ทบาทอย่างมาก จนกลายเป็นสงิ่ จาเป็นสาหรบั ชวี ติ ประจาวนัโดยเฉพาะเคร่อื งปรบั อากาศรถยนตท์ ข่ี ยายตวั เพม่ิ ขน้ึ อย่างรวดเรว็ รถยนตท์ ผ่ี ลติ ออกมาใหม่ๆ สว่ นมากจะมกี ารออกแบบและตดิ ตงั้ เคร่อื งปรบั อากาศมาพรอ้ มจากโรงงานผผู้ ลติ ดว้ ยเหตุผลทว่ี า่ การเดนิ ทางโดยรถยนตป์ รบั อากาศช่วยใหป้ ระสทิ ธภิ าพการทางานดขี น้ึ ไมต่ อ้ งหงุดหงดิ อารมณ์เสยี ในขณะทร่ี ถตดิ และอากาศรอ้ นจดั ดงั นนั้ จาเป็นจะตอ้ งรสู้ ภาวการณ์และสงิ่ ต่างๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การปรบั อากาศจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้1. อธบิ ายความสาคญั ของการปรบั อากาศได้2. อธบิ ายสภาวการณ์ทม่ี ผี ลต่อรา่ งกายได้3. นาหลกั พน้ื ฐานการทาความเยน็ มาประยกุ ตใ์ ชไ้ ด้4. อธบิ ายหน้าทข่ี องเคร่อื งปรบั อากาศได้5. อธบิ ายการประมาณการเพ่อื หาค่าความรอ้ นทค่ี ดิ เป็นภาระงานได้6. ใชเ้ คร่อื งปรบั อากาศภายในรถยนตไ์ ด้ 7. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จก ารศึกษา สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอ่ื ง7.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 7.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนนั7.2 ความมวี นิ ยั 7.9 ความรกั สามคั คี7.3 ความรบั ผดิ ชอบ 7.10 ความกตญั ญกู ตเวที7.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ7.5 ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง7.6 การประหยดั7.7 ความสนใจใฝร่ ู้สมรรถนะหลกั ปฏบิ ตั งิ านเกย่ี วกบั งานปรบั อากาศรถยนต์สมรรถนะย่อย วางแผนและวเิ คราะหห์ ลกั การทางานของเครอ่ื งปรบั อากาศรถยนต์ การถอดประกอบและตรวจสภาชน้ิ สว่ น ใหส้ ามารถบารงุ รกั ษา บรกิ ารระบบปรบั อากาศ และประมาณราคาค่าบรกิ ารรถยนตอ์ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและคุณธรรม อธบิ ายหลกั การทางานและการตรวจสอบ การถอดประกอบ และการบารงุ รกั ษาระบบปรบั อากาศรถยนต์ บารงุ รกั ษาระบบปรบั อากาศรถยนต์ และประมาณราคาคา่ บรกิ าร ตรวจสภาพสว่ นประกอบของระบบปรบั อากาศรถยนต์ ถอดประกอบชน้ิ สว่ นต่างๆ ของระบบปรบั อากาศรถยนต์ ตดิ ตงั้ อปุ กรณ์ระบบปรบั อากาศรถยนต์ บรรจุน้ายา หารอยรวั่ เตมิ น้ามนั หลอ่ ล่นืเนื้อหาสาระ 1. บทนา 2. ความสาคญั ของการปรบั อากาศ 3. สภาวการณ์ทม่ี ผี ลต่อรา่ งกาย 4. หลกั พน้ื ฐานการทาความเยน็ 5. หน้าทข่ี องเคร่อื งปรบั อากาศ 6. การประมาณการคา่ ความรอ้ นทค่ี ดิ เป็นภาระงาน
7. การทาความเยน็ ภายในรถยนต์8. การทางานของอปุ กรณ์เคร่อื งปรบั อากาศรถยนต์กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน 1. ผเู้ รยี นรบั ฟงั จุดประสงคก์ ลมุ่ วชิ า คาอธบิ ายรายวชิ า และกรอบมาตรฐานสมรรถนะหลกั สตู รประกาศนียบตั รวชิ าชพีของสานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา แนวทางวดั ผลและการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ พร้อมทงั้ ซกั ถามและแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั การเรยี น 2. ครูกล่าวถึงการปรบั อากาศ หมายถงึ การปรบั หรอื การบงั คบั ควบคุมใหส้ ภาพอากาศในบรเิ วณนัน้ ๆ มรี ะดบัอุณหภมู ิ ความชน้ื การหมนุ เวยี นของอากาศใหอ้ ย่ใู นสภาพทต่ี ้องการตลอดระยะเวลาทม่ี กี ารปรบั อากาศ สภาพของอากาศตามธรรมชาตมิ กั มสี ภาพทไ่ี มค่ อ่ ยจะตรงกบั ความสบายของมนุษย์ เช่น อากาศอาจจะรอ้ นจนเกนิ ไปหรอื มรี ะดบั ความชน้ื ทค่ี ่อนขา้ งสงู การเคล่อื นตวั ของอากาศและปรมิ าณฝนุ่ ละอองในอากาศมรี ะดบั ทไ่ี ม่เหมาะสม ดว้ ยเหตุน้จี งึ ตอ้ งมเี คร่อื งปรบั อากาศขนั้ สอน4. ครผู สู้ อนอธบิ ายความสาคญั ของการปรบั อากาศ วเิ คราะหส์ ภาวการณ์ทม่ี ผี ลต่อร่างกายอธบิ ายหลกั พน้ื ฐานการทาความเยน็ หน้าทข่ี องเคร่อื งปรบั อากาศ การประมาณการค่าความรอ้ นทค่ี ดิ เป็นภาระงาน การทาความเยน็ ภายในรถยนต์ และการทางานของอุปกรณ์เคร่อื งปรบั อากาศรถยนต์ โดยเปิดวดี ที ศั น์ให้ผเู้ รยี นดู เพ่อื ส่อื ใหง้ ่ายต่อความเขา้ ใจยงิ่ ขน้ึ5. ผเู้ รยี นคานวณจากโจทย์ ดงั น้.ี -อุณหภูมิ 25°C ถา้ เป็นชนิด ฟาเรนไฮต์ จะอ่านคา่ องศาไดเ้ ท่าไร? C วิธีทา จากสตู ร 5 = F 32 9 C = 25 F = ? 25 F 32 แทนคา่ 5 = 9 5X9 = F - 32 F = 45 + 32 = 78°F6. ผเู้ รยี นหาค่าของแรงทก่ี ระทาต่อมวลวตั ถุ 12 กโิ ลกรมั ใหเ้ คลอ่ื นทด่ี ว้ ยความเรว็ 5 เมตรต่อวนิ าท2ี ในทศิ ทางทถ่ี ูกแรงกระทาวิธีทา จากสตู ร F = ma F = ?N M = 12 kg A = 5 m / s2 แทนคา่ F = 12 X 5 = 60 N7. ผเู้ รยี นคานวณหาความดนั จากโจทยด์ งั น้ี.-ถงั รูปสเ่ี หลย่ี มผนื ผา้ วดั ขนาดกน้ ถงั ไดก้ วา้ ง 2 เมตร ยาว 4 เมตร ถ้าบรรจนุ ้าเตม็ ถงั มวลของน้าหนกั ทงั้ หมดหนกั 18,000 กโิ ลกรมั จงคานวณหาค่าของ (1) แรงทก่ี ระทาบนกน้ ถงั ในหน่วยของนิวตนั (N) (2) ความดนั ทก่ี ระทาบนกน้ ถงั ในหน่วยของปาสคาล (Pa)วิธีทา (1) จากสตู ร F = ma ?N แทนค่า 18,000 kg F= แรงโน้มถ่วงระดบั น้าทะเล มคี า่ = 9.807 m / s2 m= 18,000 X 9.807 a= F=
= 176,526 N F(2) จากสตู ร P= A แทนค่า P = ? N / m2 หรอื Pa F = 176,526 N A = 2 X 4 m2 176,526แทนคา่ P = 8 = 22,065.75 N / m2 หรอื Paจากโจทย์ หน่วยของความดนั จะมคี ่าเป็นนิวตนั ต่อตารางเมตร (N/m2) หรอื ปาสคาล (Pa) ซง่ึ สามารถวดั เป็นบาร์ (Bar) ได้ความดนั 1 บาร์ = 100,000 ปาสคาล หรอื นิวตนั ต่อตารางเมตร8. ผเู้ รยี นคานวณหางานทต่ี อ้ งทา จากโจทย์ ดงั น้ีพดั ลมระบายอากาศมมี วลหนกั 120 กโิ ลกรมั ตอ้ งยกขน้ึ ไปตดิ ตงั้ บนหลงั คาของอาคารทส่ี งู จากพน้ื ดนิ 75 เมตรวิธีทา จากสตู ร W = FxD W = ?J F = 100 kg x 9.807 m / s2 D = 75 mแทนคา่ W = 120 x 9.807 x 75 = 88,263 J หรอื 882.63 KJ9. ผเู้ รยี นหาค่าของกาลงั งานทต่ี อ้ งใชใ้ นการยกพดั ลมระบายอากาศขน้ึ บนหลงั คาในเวลา 10 นาที Wสตู ร คานวณกาลงั งาน P = t เมอ่ื P = กาลงั งานมหี น่วยเป็นวตั ต์ (W) W = งาน มหี น่วยเป็นจลู (J) T = เวลามหี น่วยเป็นวนิ าที (S) Wวิธีทา สตู ร P= t P = ?W T = 10 x 60 s 88,263แทนค่า P = 600 = 147.10 W10. ผเู้ รยี นคานวณคานวณหาองศา หาคา่ ของแรงทก่ี ระทาต่อมวลวตั ถุ คานวณหางานทต่ี อ้ งทา และคานวณหาค่าของ(1) แรงทก่ี ระทาบนกน้ ถงั ในหน่วยของนวิ ตนั (N)(2) ความดนั ทก่ี ระทาบนกน้ ถงั ในหน่วยของปาสคาล (Pa)โดยเน้นให้ผู้เรยี นปฏบิ ตั ิดว้ ยความรอบคอบ และมีเหตุผลในการคานวณแต่ละชนิดซ่ึงเป็ นแนวทางการนาหลกัเศรษฐกิจพอเพียงมาประยกุ ตใ์ ช้ในการดาเนินชีวิต 11. ครใู หค้ วามรเู้ กย่ี วกบั เงอ่ื นไขตามหลกั เศรษฐกิจพอเพียง ในการตดั สนิ ใจและการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมต่าง ๆ ใหอ้ ย่ใู นระดบั พอเพยี งนนั้ ตอ้ งอาศยั ทงั้ ความรู้ และคุณธรรมเป็นพน้ื ฐาน กล่าวคอื (1) เง่อื นไขความรู้ เป็นความรอบรเู้ กย่ี วกบั วชิ าการต่าง ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ความรอบคอบทจ่ี ะนาความรเู้ หล่านัน้ มาพจิ ารณาใหเ้ ช่อื มโยงกนั เพ่อื การวางแผน และความระมดั ระวงั ในขนั้ ปฏบิ ตั ิ (2) เง่อื นไขคุณธรรม เป็นสงิ่ ท่ตี ้องเสรมิ สรา้ งใหม้ คี วามตระหนักในคุณธรรม มคี วามซ่อื สตั ยส์ ุจรติ และมคี วามอดทน มคี วามเพยี ร ใชส้ ตปิ ญั ญาในการดาเนินชวี ติ
12. ครใู หค้ วามรเู้ กย่ี วกบั การทาบญั ชีรายรบั -รายจา่ ย หมายถงึ การจดบนั ทกึ เหตุการณ์ต่าง ๆ เกย่ี วกบั การเงนิ หรอืบางสว่ นเกย่ี วขอ้ งกบั การเงนิ โดยผา่ นการวเิ คราะห์ จดั ประเภทและบนั ทกึ ไวใ้ นแบบฟอรม์ ทก่ี าหนด เพ่อื แสดงฐานะการเงนิ และผลการดาเนินงานของตนเองหรอื ครอบครวั ในช่วงระยะเวลาหน่ึง ตวั อยา่ งแบบบนั ทึกบญั ชีรายรบั -รายจา่ ยว.ด.ป. รายรบั จานวนเงิน ว.ด.ป. รายรบั จานวนเงิน บาท สต. บาท สต.ผเู้ รยี นบนั ทกึ รายรบั -รายจา่ ยในครวั เรอื นของตนเองในภาคเรยี นน้ตี ามแบบฟอรม์ ทก่ี าหนดให้ สมดุ บนั ทึก รายรบั -รายจา่ ย ในครวั เรอื น ของนาย/นาง/นางสาว....................................................... ประจาภาคเรยี นท.่ี ../........ระหวา่ งเดอื น..................ถงึ เดอื น................พ.ศ ........... วนั รายการ รายรบั รายจา่ ย คงเหลอืเดือน ปีหมายเหตุ : ถา้ ไมพ่ อใหใ้ ชก้ ระดาษ A-4 ตแี บบฟอรม์ เพมิ่ เตมิ ได้ สรปุ และการประยกุ ต์ 13. ผเู้ รยี นสรุปบทนา ความสาคญั ของการปรบั อากาศ สภาวการณ์ท่มี ผี ลต่อร่างกาย หลกั พน้ื ฐานการทาความเยน็หน้าทข่ี องเคร่อื งปรบั อากาศ การประมาณการค่าความรอ้ นทค่ี ดิ เป็นภาระงาน การทาความเยน็ ภายในรถยนต์ และการทางานของอุปกรณ์เครอ่ื งปรบั อากาศรถยนต์ 14. ผเู้ รยี นวางแผนนาหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ทจ่ี าเป็นโดยทวั่ ไป และทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้สื่อและแหล่งการเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรยี น วชิ างานปรบั อากาศรถยนต์ ของสานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2. สอ่ื แผ่นใส 3. กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4. รปู ภาพประกอบ 5. เคร่อื งมอื และอุปกรณ์หลกั ฐาน 1. บนั ทกึ การสอน 2. ผลงาน
3. แผนจดั การเรยี นรู้ 4. ใบเชค็ ช่อื เขา้ หอ้ งเรยี นการวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. ตรวจใบงาน 3. ตรวแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 4 ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ 5 สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม 6 การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครอื่ งมอื วดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยคร)ู 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุม่ (โดยผเู้ รยี น) 4. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี นร่วมกนั ประเมนิ เกณฑก์ ารประเมินผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรุง 2. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป) 3. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป) 4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ ่าน คอื 50% 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรมู้ เี กณฑผ์ า่ น 50% 6 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั การประเมนิ ตาม สภาพจรงิกิจกรรมเสนอแนะ 1. ทาใบงานและแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 2. บนั ทกึ การรบั -จ่าย
คาชี้แจง : ใหบ้ นั ทกึ บญั ชรี ายรบั -รายจ่าย ตามความเป็นจรงิ1. จากการลงบนั ทกึ มเี งนิ เหลอื เกบ็ หรอื ไม่……………เพราะเหตุใด………………..………….………2. จะเกดิ อะไรขน้ึ ถา้ มรี ายจา่ ยมากกวา่ รายรบั ………………………..…………….………………….…
เพ่ิมสาระใบความรเู้ ก่ียวกบั เศรษฐกิจพอเพียงความหมายของปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง แนวทางการพฒั นาทต่ี งั้ อยบู่ นพน้ื ฐานของ ความพอเพยี ง หมายถงึ ความพอประมาณ ความมเี หตุผล รวมถงึ ความจาเป็นทต่ี อ้ งมรี ะบบภูมคิ มุ้ กนั ในตวั ทด่ี พี อสมควรต่อผลกระทบใดๆ อนั เกดิ จากการเปลย่ี นแปลงทงั้ ภายนอกและภายใน การตดั สนิ ใจและการดาเนนิ กจิ กรรมต่างๆใหอ้ ยใู่ นระดบั พอเพยี งนนั้ ตอ้ งอาศยั ทงั้ ความรแู้ ละคุณธรรมเป็นพน้ื ฐาน กล่าวไดว้ า่ ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ประกอบดว้ ย 3 หว่ ง 2 เง่อื นไข -3 ห่วง ประกอบดว้ ย ความพอประมาณ ความมเี หตุผล และการมภี มู คิ มุ้ กนั ในตวั ทด่ี ี -ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดที ไ่ี มน่ ้อยเกนิ ไปและไมม่ ากเกนิ ไป โดยไมเ่ บยี ดเบยี นตนเองและผู้อน่ื เชน่การผลติ และการบรโิ ภคทอ่ี ยใู่ นระดบั พอประมาณ -ความมีเหตผุ ล หมายถงึ การตดั สนิ ใจเกย่ี วกบั ระดบั ของความพอเพยี งจะตอ้ งเป็นไปอยา่ งมเี หตุผล โดยพจิ ารณาจากเหตุปจั จยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง และคานึงถงึ ผลทค่ี าดว่าจะเกดิ ขน้ึ จากการกระทานนั้ ๆ อยา่ งรอบคอบ -การมีภมู ิคมุ้ กนั ท่ีดีในตวั หมายถงึ การเตรยี มตวั ใหพ้ รอ้ มรบั ผลกระทบและการเปลย่ี นแปลงดา้ นต่างๆ ทจ่ี ะเกดิ ขน้ึโดยคานงึ ถงึ ความเป็นไปไดข้ องสถานการณ์ต่างๆทค่ี าดวา่ จะเกดิ ขน้ึ ในอนาคต 2 เง่ือนไข ประกอบดว้ ย เงอ่ื นไขความรู้ และเง่อื นไขคุณธรรม -เงื่อนไขความรู้ ประกอบดว้ ย ความรอบรเู้ กย่ี วกบั วชิ าการต่างๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งอย่างรอบดา้ น ความรอบคอบทจ่ี ะนาความรเู้ หลา่ นนั้ มาพจิ ารณาใหเ้ ชอ่ื มโยงกนั เพอ่ื ประกอบการวางแผน และความระมดั ระวงั ในขนั้ ปฏบิ ตั ิ -เงอ่ื นไขคณุ ธรรม ประกอบดว้ ย มคี วามตระหนกั ในคุณธรรม มคี วามซ่อื สตั ยส์ จุ รติ และมคี วามอดทน มคี วามเพยี ร ใช้สตปิ ญั ญาในการดาเนนิ ชวี ติ การอาศยั ความรอบรู้ รอบคอบ และระมดั ระวงั อย่างยง่ิ ในการนาวชิ าการต่างๆ มาใชใ้ นการวางแผนและการดาเนนิ การทกุ ขนั้ ตอน รวมถงึ การเสรมิ สรา้ งพน้ื ฐานจติ ใจของคนในชาตเิ ป็นเรอ่ื งทส่ี าคญั อยา่ งยง่ิ โดยเฉพาะเจา้ หน้าทข่ี องรฐั นกั ทฤษฎีและนกั ธุรกจิ ในทุกระดบั เพ่อื ใหม้ สี านกึ ในคุณธรรม ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ และใหม้ คี วามรอบรทู้ เ่ี หมาะสม กอ่ ใหก้ ารดาเนนิ ชวี ติเป็นไปดว้ ยความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ อดทน มคี วามเพยี ร มสี ตปิ ญั ญา และแบง่ ปนั การใชค้ วามรคู้ วบค่กู บั คุณธรรม จะกอ่ ใหเ้ กดิ สมดุลและพรอ้ มต่อการรองรบั การเปลย่ี นแปลงอย่างรวดเรว็ และกวา้ งขวางทงั้ ดา้ นวตั ถุ สงั คม สงิ่ แวดลอ้ ม และวฒั นธรรมจากโลกภายนอกไดเ้ ป็นอย่างดี
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: