วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์
“กำรรูจ้ กั ประมำณตน ไดแ้ ก่ กำรรูจ้ กั และยอมรบั ว่ำตนเองมภี มู ิปญั ญำและควำมสำมำรถดำ้ นไหน เพยี งใด และควรจะทำงำนดำ้ นไหน อย่ำงไร กำรรูจ้ กั ประมำณตนน้ี จะทำใหค้ นเรำรูจ้ กั ใชค้ วำมรู้ ควำมสำมำรถท่มี อี ยูไ่ ดถ้ กู ตอ้ งเหมำะสมกบั งำน และไดป้ ระโยชน์สูงสดุ เตม็ ตำมประสทิ ธิภำพ ทง้ั ยงั ทำใหร้ ูจ้ กั ขวนขวำยศึกษำหำควำมรูแ้ ละ เพม่ิ พนู ประสบกำรณอ์ ยู่เสมอ เพอ่ื ปรบั ปรุงสง่ เสรมิ ศกั ยภำพท่มี ีอยูใ่ นตนเองใหย้ ่งิ สูงข้นึ ” พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ในพธิ พี ระราชทานปริญญาบตั รของจฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั 18 กรกฎาคม 2541 วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์
คำนำ หนงั สอื เล่มน้ี จดั ทาเพอ่ื ยกระดบั เศรษฐกิจและสงั คมรายตาบลแบบบูรณาการ เพ่ือใหเ้ กิดการพฒั นาตามปญั หาและความตอ้ งการของชุมชน โดยมีจุดประสงค์เพ่ือ สารวจขอ้ มูลในพ้นื ทข่ี องตาบลเขานิเวศน์ อาเภอเมอื ง จงั หวดั ระนอง ซ่ึงหนงั สอื เล่มน้ีมี เน้ือหาเก่ียวกบั ขอ้ มูลพ้นื ฐานตาบล โครงสรา้ งของชุมชน โครงสรา้ งเศรษฐกิจและอาชีพ สถานท่ีท่องเท่ียว การวิเคราะห์ศักยภาพชุมชน หนังสือเล่มน้ีสามารถดา เนินการ จนประสบความสาเรจ็ ลลุ ว่ งไปไดด้ ว้ ยดี เน่ืองจากไดร้ บั ความอนุเคราะหแ์ ละการสนบั สนุน เป็นอย่างดีย่งิ จากชาวบา้ นและประธานชุมชนทงั้ 20 ชุมชน ในพ้นื ท่ตี าบลเขานิเวศนท์ ่ไี ด้ สละเวลาอนั มคี ่าแก่คณะผูจ้ ดั ทา เพอ่ื ใหค้ าปรึกษาและแนะนาตลอดจนดาเนินงานตาม โครงการเสรจ็ ส้นิ จนหนงั สอื เลม่ น้ีสาเร็จสมบูรณค์ ณะผูจ้ ดั ทาขอกราบพระคุณเป็นอย่างสูง ไว้ ณ ทน่ี ้ี ขอขอบคุณผูใ้ หข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ตาบลตลอดจนอานวยความสะดวกในการลงพ้นื ท่ี ขอขอบคุณอาจารยอ์ งั คณาภรณ์ จนั ทรแ์ กว้ อาจารยท์ ่ปี รึกษาประจาตาบลท่ใี ห้ คาปรกึ ษาและแนะนาในการจาทาดาเนินงาน ขอขอบคุณมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สุราษฎรธ์ านี ท่มี อบโอการในการสรา้ งงานใหก้ บั วศิ วกรสงั คม สุดทา้ ยน้ีคณะผูจ้ ดั ทาหวงั ว่าหนงั สือเล่มน้ีจะเป็นประโยชนส์ าหรบั หน่วยงานท่ี เก่ียวขอ้ งและผูท้ ส่ี นใจศึกษาต่อไป คณะผูจ้ ดั วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์
สำรบญั 01 บนั ทกึ ท่ี 3 วฒั นธรรม สถำนท่สี ำคญั 02 ควำมเช่ือ ประเพณีและพธิ กี รรม 01 บนั ทกึ ท่ี 1 ขอ้ มูลพ้นื าำน งานอาบนา้ แร่ เทศกาลสงกรานตน์ า้ แร่ศกั ด์สิ ทิ ธ์ิ 02 ขนำดและท่ตี ง้ั ตำบลเขำนิเวศน์ งานอาบนา้ เพญ็ 03 ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ 03 สถำนท่สี ำคญั 04 แม่น้ำสำคญั พระราชวงั รตั นรงั สรรค์ (จาลอง) 05 ภมู อิ ำกำศ จวนเจา้ เมอื งระนอง 06 ทรพั ยำกรธรรมชำติ บา้ นเทยี นสอื 08 กำรคมนำคม หอพระ 9 เกจอิ าจารย์ 09 ประวตั คิ วำมเป็นมำของชมุ ชน อนุสาวรยี พ์ ระยาดารงสุจรติ มหศิ รภกั ดี (คอซูเ้จยี ง) 01 บนั ทกึ ท่ี 2 โครงสรำ้ งชมุ ชน วดั สุวรรณครี วี หิ าร ป่าชายเลนกลางเมอื ง 02 ดำ้ นกำรปกครอง 03 ดำ้ นประชำกร โกงกางดกึ ดาบรรพ์ 200 ปี 04 ดำ้ นกำรศึกษำ บอ่ นา้ รอ้ นรกั ษะวารนิ 05 ดำ้ นศำสนำ 06 ดำ้ ยเศรษากจิ และอำชีพ 01 บนั ทกึ ท่ี 4 วศิ วกรสงั คม ตำบลเขำนิเวศน์ 02 โครงกำรท่ี 1 03 โครงกำรท่ี 2 04 โครงกำรท่ี 3 วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์
สำรบญั ภำพ วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์
สำรบญั ตำรำง วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์
1บนั ทกึ ท่ี ขอ้ มูลพ้นื าำน วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์ 1
1.1 ขนำดและท่ตี ง้ั ตำบลเขำนิเวศน์ ตาบลเขานิเวศน์ อาเภอเมอื งระนอง จงั หวดั ระนอง มเี น้ือท่ีคลอบคลุม ทง้ั ตาบล 4.285 ตารางกิโลเมตร เท่ากบั 0.13 % ของพ้นื ท่ีในจงั หวดั ระนอง โดยมอี าณาเขตตดิ ต่อตาบลอน่ื ๆ ดงั น้ี ทศิ เหนือ ตดิ ต่อกบั เทศบาลตาบลบางนอน ทศิ ตะวนั ตก ทศิ ตะวนั ออก ตดิ ต่อกบั เทศบาลเมอื งบางร้นิ ตดิ ต่อกบั เทศบาลเมอื งบางร้นิ เทศบาลตาบลปากนา้ ท่าเรอื เทศบาลตาบลบางนอน องคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบลหาดสม้ แป้น ตดิ ต่อกบั เทศบาลเมอื งบางร้นิ ทศิ ใต้ 2 วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์
1.2 ลกั ษณะภมู ิประเทศ สภาพพ้นื ท่สี ่วนใหญ่มลี กั ษณะพ้นื ท่สี ูงตา่ ตามเนินเขามพี ้นื ท่รี าบนอ้ ย ภูเขาลอ้ มรอบตวั ตาบล ตง้ั อยู่ทางดา้ นฝงั่ ทะเลอนั ดามนั หรือมหาสมทุ รอนิ เดีย มลี กั ษณะลาดเอียงจากทางทิศตะวนั ตกสู่ทะเลอนั ดามนั อาเภอเมืองระนอง มพี ้นื ท่ที งั้ หมด 713.17 ตารางกิโลเมตร มอี าณาเขตติดต่อกบั อาเภอขา้ งเคียง ดงั น้ี ทศิ เหนือ ตดิ ต่อกบั อาเภอละอ่นุ ทศิ ตะวนั ตก ทศิ ตะวนั ออก ตดิ ต่อกบั ทะเลอนั ดามนั ตดิ ต่อกบั อาเภอพะโตะ๊ (จงั หวดั ชมุ พร) แมน่ า้ กระบรุ ี ฝงั่ ตรงขา้ มของแมน่ า้ คือ เขตตะนาวศรี (ประเทศพมา่ ) ตดิ ต่อกบั อาเภอกะเปอร์ ทศิ ใต้ วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์ 3
1.3 แม่สำยน้ำสำคญั พ้ืนท่ีอาเภอเมืองระนอง จงั หวดั ระนอง มีแม่นา้ ลาคลองท่ีเกิดจาก เทือกเขาทางดา้ นทิศตะวนั ออกเป็นส่วนใหญ่ มีลกั ษณะเป็นทางนา้ สายสนั้ ๆ ไหลลงสู่ทะเลอนั ดามนั ทางดา้ นทศิ ตะวนั ตก ลานา้ สาคญั ของพ้ืนทเ่ี ขตเทศบาล เมอื งระนอง ไดแ้ ก่ “คลองหาดสม้ แป้น” เป็นคลองสายสาคญั ของจงั หวดั ระนอง ซง่ึ ไหลผ่านบอ่ นา้ แร่รอ้ นซง่ึ เป็นสถานทท่ี ่องเทย่ี วทม่ี ชี ่ือเสยี งของจงั หวดั ระนอง ภำพท่ี 1 อำ่ งเกบ็ น้ำคลองหำดสม้ แป้ น 4 วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์
1.4 ภมู อิ ำกำศ เน่ืองจากเป็นจงั หวดั ท่ีตง้ั อยู่ทางภาคใตด้ า้ นฝงั่ ตะวนั ตก จึงไดร้ บั อทิ ธพิ ลของลมมรสมุ ตะวนั ตกเฉียงใตอ้ ย่างเต็มท่ี จงึ มฝี นตกชุกหนาแน่นกว่า จงั หวดั อ่ืนๆ ของทางภาคใต้ และตกเกือบตลอดปี ส่วนฤดูหนาวอากาศ ไม่หนาวจดั เพราะอยู่ไกลจากอทิ ธิพลของอากาศหนาวพอสมควร แต่บางครงั้ อาจมีฝนตกได้ เน่ืองจากลมมรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนือท่ีพดั ผ่านอ่าวไทย ซง่ึ มี 3 ฤดู ดงั น้ี ฤดูรอ้ น เร่ิมตงั้ แต่กลางเดอื นกุมภาพนั ธถ์ งึ กลางเดอื นพฤษภาคม ระยะน้ี เป็นช่วงว่างของฤดูมรสุม จะมลี มจากทิศตะวนั ออกเฉียงใตพ้ ดั ปกคลุม ทาใหอ้ ากาศรอ้ นทวั่ ไป อากาศจะรอ้ นสูงสุดในเดอื นเมษายน แต่ไมร่ อ้ นมาก นกั เน่ืองจากภูมปิ ระเทศเป็นคาบสมทุ รอยู่ใกลท้ ะเล กระแสลมและไอนา้ จากทะเลทาใหอ้ ากาศคลายความรอ้ นลงไปมาก ฤดูฝน เร่มิ ตงั้ แต่กลางเดอื นพฤษภาคมถงึ กลางเดอื นตลุ าคม จะมีลมมรสุม ตะวนั ตกเฉียงใตพ้ ดั ปกคลุมประเทศไทย และร่องความกดอากาศตา่ จะพาดผ่านภาคใตเ้ ป็นระยะๆ อีกดว้ ย จึงทาใหม้ ฝี นตกหนกั ตลอดฤดูฝน และเดอื นสงิ หาคมจะมฝี นตกชกุ ชมุ ทส่ี ุดในรอบปี ฤดูหนำว เร่ิมตงั้ แต่กลางเดอื นตุลาคมถงึ กลางเดอื นกุมภาพนั ธ์ ในระยะน้ี จะมลี มมรสุมตะวนั ออก เฉียงเหนือซ่งึ เย็นและแหง้ จากประเทศจีนพดั ปก คลุมประเทศไทย ทาใหอ้ ุณหภูมิลดลงทวั่ ไปและมอี ากาศหนาวเย็น แต่ เน่ืองจากจงั หวดั ระนองอยู่ใกลท้ ะเล อุณหภูมิจึงลดลงเล็กน้อยเป็นครง้ั คราว อากาศจึงไม่หนาวเย็นมากนกั และตามชายฝงั่ มฝี นตกทวั่ ไป แต่มี ปรมิ าณไมม่ าก วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์ 5
1.5 ทรพั ยำกรธรรมชำติ ทรพั ยากรนา้ แหล่งน้ำใตด้ ิน ผลการวจิ ยั จากของบริษทั ทป่ี รึกษา แหลง่ นา้ ใตด้ นิ ในเขตเทศบาลเมืองระนองพบตามรอยแยกรอยแตก หรือบริเวณ ท่ีหินกาลงั สลายตวั ความลึกไม่แน่นอน เป็นแหล่งนา้ จากหินแกรนิต ประกอบดว้ ยหนิ แกรนติ เน้อื แน่น หนิ ลกิ ไนตซ์ ง่ึ พบเฉพาะบางแหง่ แหล่งน้าผิวดิน แหล่งน้ำผิวดินในเขตเทศบำลเมืองระนอง มสี ถำนะเปน็ คลองระบำยนำ้ ท่ีสำ้ คญั ทงั สนิ 3 คลอง ดงั นี้ คลองโรงหดั ไหลผา่ นเทศบาลเมอื งระนองเป็นระยะทางสนั้ ๆ จากนนั้ จงึ ไหลไปรวมกบั คลองหาดสม้ แป้น คลองหาดสม้ แปน้ เปน็ คลองที่ระบำยน้ำไหลลงส่ทู ะเล และ เปน็ คลองทกี่ นั พรมแดนของเขตเทศบำล คลองสะพำนยูง เป็นคลองทร่ี ะบายนา้ ไหลลงสทู่ ะเล ใชป้ ระโยชนใ์ นดา้ นการระบายนา้ เป็นสาคญั 6 วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์
ทรพั ยากรป่ำไม้ ภเู ขำ จงั หวดั ระนองมปี ่าไมอ้ ยู่สองประเภทคือ ป่าบกและป่าชายเลน ป่ ำบก จากขอ้ มูลท่ีไดจ้ ากภาพถ่ายดาวเทียม เม่ือปี พ.ศ.2534 จงั หวดั ระนองมพี ้นื ทป่ี ่าไมอ้ ยู่ประมาณ 603,000 ไร่ ประมาณรอ้ ยละ 25 ของพ้ืนท่ีจงั หวดั ไดม้ ีการประกาศเป็นพ้ืนท่ีป่ าสงวนแห่งชาติ ทงั้ หมด 8 แห่ง เป็นพ้ืนท่ีประมาณ 507 ตารางกิโลเมตร หรือ ประมาณ 317,000 ไร่ ในส่วนของพ้นื ท่เี ทศบาลเมอื งระนองจะเป็ น พ้นื ทข่ี องป่าคลองหวั เขยี ว และป่าคลองเกาะสุย พ้นื ท่ี 77,000 ไร่ ป่ ำชำยเลน มพี ้นื ท่ีประมาณ 172,000 ไร่ ประมาณรอ้ ยละ 8 ของ พ้นื ท่ีจงั หวดั ไมป้ ่าชายเลนท่สี าคญั ไดแ้ ก่ โกงกาง ปรง ถวั่ ตะบูน และอน่ื ๆ นาเผาถ่านทม่ี คี ุณภาพสูง พ้นื ทป่ี ่าชายเลนทเ่ี ป็นแนวตลอด เขตทางทิศตะวนั ตกของจงั หวดั อยู่ในเขตพ้นื ท่ชี ุมชนด่านท่าเมอื ง ชมุ ชนตรอกชายโสด และชมุ ชนตลาดองคก์ าร วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์ 7
1.6 กำรคมนำคม การคมนาคมของต้าบลเขานเิ วศน์นนั ประกอบไปด้วย ทำงบก สญั จรโดยใชย้ านพาหนะเช่น รถจกั รยานยนต์ รถยนต์ เป็นตน้ รถยนต์ โ ด ย ส า ร ส่ ว น ใ ห ญ่ ต า บ ล เ ข า นิ เ ว ศ น์ มรี ถยนตไ์ ม้ เป็นรถยนตโ์ ดยสาร ซ่ึงจะ รวมคิวรถเมย์โดยสารต่างๆ ไวจ้ ุด ศูนยก์ ลางตาบลในตลาดเทศบาล ทำงน้ำ เน่ืองจากมีพ้ืนท่ีบางส่วน อยู่ติดกบั ชายฝงั่ ทะเลอนั ดามนั ชาวบา้ น มกั จะใชเ้ รอื ประมงขนาดเลก็ ในการสญั จร และการประกอบอาชพี ประมง 8 วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์
1.7 ประวตั คิ วำมเป็นมำของชมุ ชน ในพ้นื ท่ตี ำบลเขำนิเวศนแ์ บ่งออกเป็นชมุ ชน 20 ชมุ ชน ดงั น้ี 1. ชมุ ชนตรอกชำยโสด 2. ชมุ ชนพอ่ ตำขิง 3. ชมุ ชนตลำดพม่ำ 4. ชมุ ชนสะพำนยูง 5. ชมุ ชนตลำดใหม่ 6. ชมุ ชนโรงกลวง 7. ชมุ ชนซอย 2 8. ชมุ ชนซอย 9 9. ชมุ ชนด่ำนท่ำเมือง 10. ชมุ ชนเสอื ป่ำ 11. ชมุ ชนตลำดองคก์ ำร 12. ชมุ ชนสหพนั ธ์ 13. ชมุ ชนตลำดลำ่ งภกั ดี 14. ชมุ ชนตลำดเกำ่ 15. ชมุ ชนบำงสำ้ นพฒั นำ 16. ชมุ ชนรว่ มจติ 17. ชมุ ชนระนองแลนด์ 18. ชมุ ชนเสำวลกั ษณพ์ ฒั นำ 19. ชมุ ชนตลำดแขก 20. ชมุ ชนเฉลมิ พระเกยี รติ วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์ 9
10 วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์
2บนั ทกึ ท่ี โครงสรำ้ งชมุ ชน วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์ 1
2.1 ดำ้ นกำรปกครอง ตำบลเขำนิเวศน์ในเทศบำลเมืองระนอง ประชำชนมีควำมสนใจ ในดำ้ นกำรเมืองและกำรบริหำร ไดม้ ีกำรจดั ตง้ั ชุมชนและมีกำรเลอื กตง้ั คณะกรรมกำรชุมชน โดยประชำชนในชุมชนข้ึน 20 ชุมชน กระจำยทวั่ เขตเทศบำล ตำรำงท่ี 1 รำยช่ือผูน้ ำชมุ ชน 2 วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์
ตำรำงท่ี 2 รำยช่ือผูน้ ำชมุ ชน 2.2 ดำ้ นประชำกร จำนวนประชำกรเทศบำลเมอื งระนองมีประชำกรตำมทะเบียนรำษฎร์ ณ เดือนพฤษภำคม พ.ศ. 2562 มีครวั เรือนท้ังหมด 8,024 ครวั เรือน ประชำกรเฉล่ียครวั เรือนละ 3 คน จำนวนประชำกรท่ีอำศยั อยู่จริงทง้ั หมด 18,969 คน แบง่ เป็น เพศชำย 9,379 คน เพศหญงิ 9,590 คน วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์ 2
2.3 ดำ้ นกำรศึกษำ 1.หอ้ งสมดุ ประชำชน ทอ่ี ยู่ ณ ถ.เพม่ิ ผล 2.โรงเรยี นสตรรี ะนอง ทต่ี ง้ั ถ.เพม่ิ ผล 3. โรงเรยี นดวงกมล ทต่ี งั้ 244 ถ.เรอื งราษฎร์ 4.โรงเรยี นศรอี รโุ ณทยั ทต่ี งั้ 71 ถ.ท่าเมอื ง 5.โรงเรยี นโรงเรยี นหมิงซิน ทต่ี ง้ั 65 ถ.เรอื งราษฎร์ 6.โรงเรยี นชำตเิ ฉลมิ ทต่ี งั้ 7 ถ.ชาตเิ ฉลมิ 7.โรงเรยี นอนุบำลระนอง ทต่ี งั้ 2 ถ.ลวุ งั 8.โรงเรยี นเทศบำลวดั อปุ นันทำรำม ทต่ี ง้ั 135 ถ.ทา่ เมอื ง 9.โรงเรยี นเทศบำลบำ้ นเขำนิเวศน์ ทต่ี ง้ั 4 ถ.ลวุ งั 2 วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์
2.4 ดำ้ นศำสนำ กำรนบั ถอื ศำสนำในเขตทศบำลเมืองระนองตำบลเขำนิเวศน์ มีศำสนสถำนจำนวน 4 แหง่ แบ่งเป็น ผูน้ ับถอื ศำสนำพทุ ธ ประมำณรอ้ ยละ 95 ของจำนวนประชำกรทง้ั หมด ผูน้ ับถอื ศำสนำอสิ ลำม ประมำณรอ้ ยละ 3 ของจำนวนประชำกรทง้ั หมด ผูน้ บั ถอื ศำสนำครสิ ต์ ประมำณรอ้ ยละ 1.5 ของจำนวนประชำกรทง้ั หมด ผูน้ ับถอื ศำสนำอน่ื ๆ ประมำณรอ้ ยละ 0.5 ของจำนวนประชำกรทง้ั หมด ภำพท่ี 3 วดั สวุ รรณครี ีวหิ ำร ภำพท่ี 2 มสั ยดิ อรั รดิ วำน ภำพท่ี 4 วดั อปุ นันทำรำม ภำพท่ี 5 วดั พระหฤทยั แหง่ พระเยซูเจำ้ หรอื วดั คำทอลกิ วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์ 2
2.5 ดำ้ นเศรษากจิ และอำชีพ ประชำชนสว่ นใหญป่ ระกอบอำชีพธุรกจิ กำรคำ้ ทง้ั ภำยในจงั หวดั และกำรคำ้ ขำยกบั ประเทศเพ่ือนบำ้ น และนอกจำกน้ีอำชีพรอง ไดแ้ ก่ กำรประมง กำรบรกิ ำร เป็นตน้ 2 วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์
3บนั ทกึ ท่ี วฒั นธรรม สถำนท่สี ำคญั วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์ 1
3.1 ควำมเช่ือ ประเพณีและพธิ กี รรม งำนอำบน้ำแรแ่ ลระนอง จงั หวดั ระนองมที รพั ยากรทางธรรมชาติ ท่สี าคญั คือ นา้ แร่รอ้ นท่ีลอื ช่ือ ทงั้ ยงั มีความ หลากหลายทางชีวภาพทง้ั ป่ าเขา ป่ าชายเลน ทะเล และเกาะแก่งท่ีสวยงาม ซ่ึงไดช้ ่ือว่า “ ระนองเมือง 3 นา้ ” ประกอบดว้ ย นา้ ตก นา้ แร่ และนา้ ทะเล โดยธรรมชาติท่ีโดดเด่น นอกจากนา้ แร่รอ้ น ท่มี คี ุณสมบตั ิไรก้ ล่นิ ไรส้ ี และใชเ้ป็นวารบี าบดั ไดเ้ป็นอย่างดี ภำพท่ี 3 พธิ เี ปิดงำนอำบน้ำแร่แลระนอง ประจำปี 2564 นอกจากนนั้ ยงั มปี ่าธรรมชาตกิ ลางเมอื ง ซง่ึ ทาใหอ้ ากาศบรสิ ุทธ์ิ เหมาะแก่การพกั ผ่อน ท่ดี ีต่อสุขภาพกายและจิตใจ อีกทง้ั ยงั มอี าหารการกินท่ีอุดมสมบูรณ์ พืชผกั ผลไม้ และ อาหารทะเล ปลอดสารพษิ ดว้ ยคุณสมบตั ิดงั ท่กี ล่าวมาแลว้ จึงทาใหร้ ะนองเป็ นจงั หวดั ท่มี ี ความพรอ้ มในการเป็นเมอื งแห่งสุขภาพท่นี ่าเดนิ ทางมาพกั ผ่อนและท่องเท่ยี ว และเพอ่ื เป็น การแบง่ ปนั ความสุขสมบูรณน์ ้แี ก่ผูท้ เ่ี ดนิ ทางมาเย่ยี มเยยี น จงั หวดั ระนองจงึ จดั งานอาบนา้ แร่ แลระนองข้ึน ในช่วงวนั ท่ี 22-30 มีนาคม ของทุกปี (อาจเปล่ยี นแปลงดว้ ยความจาเป็น) กิจกรรมท่นี ่าสนใจภายในงาน ไดแ้ ก่ ตลาดยอ้ นยุค เทศกาลนา้ แร่ การส่งเสริมธุ รกิจสปา การจดั แสดงศิลปวฒั นธรรม เอกลกั ษณ์ไทย - พม่า การจาหน่ายสนิ คา้ OTOP เทศกาลเมนู พ้นื บา้ นอาหารพ้นื เมอื ง การประกวดรอ้ งเพลงและการแสดงดนตรีและดนตรีพ้นื บ้าน การ ประกวดธิดาระนองมกุ งามอนั ดามนั และการแขง่ ขนั กฬี าตกปลานานาชาติ 2 วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์
เทศกำลสงกรำนตน์ ้ำแรศ่ กั ด์ิสทิ ธ์ิ ภำพท่ี 3 เทศกำลสงกรำนตน์ ้ำแรศ่ กั ด์ิสทิ ธ์ิ รดน้ำขอพรผูส้ ูงอำยุ จดั ข้ึนในช่วงเทศกาลสงกรานต์เตือนเมษายน โดยมีกิจกรรมท่ีน่าสนใจไดแ้ ก่พธิ ีเจริญพระพุทธมนต์ นา้ แร่ศกั ด์ิสิทธ์ิ สรงนา้ พระพุทธสิหิงค์ รดนา้ ผูส้ ูงอายุ ดว้ ยน้าแร่ศักด์ิสิทธ์ิ การแสดง การละเล่นพ้ืนเมือง บรเิ วณลานอเนกประสงคห์ นา้ เทศบาลเมอื งระนอง และมี การจดั งานเย็นทวั่ หลา้ มหาสงกรานต์ โดย ททท.ร่วมกบั จงั หวดั ระนองและเทศบาลเมอื งระนอง ช่มุ ฉา่ กบั อุโมงค์ นา้ แร่ประดบั แสงสขี นาด 30 เมตรหน่งึ เดยี วในไทย งำนอำบน้ำเพญ็ งานอาบนา้ เพ็ญเป็ นพิธีกรรมอนั ศักด์ิสิทธ์ิ อาบนา้ แร่ในคืนพระจนั ทรว์ นั เพญ็ วนั ลอยกระทง ณ ภำพท่ี 3 งำนอำบน้ำเพญ็ บ่อนา้ รอ้ นรกั ษะวาริน เพ่อื เสริมบารมีและเพ่ิมพลงั ชวี ติ โดยพระเกจิอาจารยร์ ่วมกนั สรา้ งบุญ มหากุศล อนั ย่งิ ใหญ่ อธิษฐานจติ ในส่งิ ทพ่ี งึ ปรารถนาแลว้ จะพบ กบั ส่ิงท่ีดีๆ ในชีวิต สาหรบั การเขา้ ร่วมพธิ ีอาบนา้ แร่ ท่ามกลางแสงจันทร์ ถือเป็ นพิธีกรรมท่ีทากันมา อย่างต่อเน่ือง เป็นโบราณประเพณีท่เี ช่ือกันว่าเม่อื ได้ ทาพิธีกรรมทางศาสนาและชาระร่างกายดว้ ยนา้ แร่ อนั ศกั ด์สิ ทิ ธ์ิ ก็จะพบกบั ความเป็นสริ ิมงคลเสรมิ ชะตา ชวี ติ ปรารถนาสง่ิ ใดกจ็ ะพลนั สาเร็จทกุ ประการ วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์ 2
3.2 สถำนท่สี ำคญั และทอ่ งเท่ยี ว พระรำชวงั รตั นรงั สรรค์ (จำลอง) เม่ือปีพุทธศักราช 2433 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั เสด็จฯ ประพาสหวั เมอื งแหลมมลายู การเสดจ็ ไปครงั้ นนั้ ทรงเรือสุริยมณฑลเป็นเรือพระทน่ี งั่ จาก กรงุ เทพฯ ไปยงั เมอื งชมุ พร จากนนั้ ไดเ้สดจ็ ทรงชา้ งพระทน่ี งั่ เสดจ็ ทางสถลมารคจากเมอื ง ชุมพรขา้ มแหลมมลายูไปลงเรือท่ีเมืองตระบุรี เพ่ือเสด็จตรวจหวั เมืองชาย ทะเล ในพระราชอาณาเขต ซง่ึ นบั เป็นครง้ั แรกทไ่ี ดเ้สดจ็ ไปถงึ จงั หวดั ระนอง โดยพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั โปรดฯ ใหพ้ ระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ กาหนดแผนท่ที าเรือนไมบ้ นเขาโดยใชเ้ คร่ืองไมจ้ ริง และพระยารตั นเศรษฐี (คอซมิ กอ๊ ง) เจา้ เมืองระนองขณะนนั้ ไดส้ รา้ งพลบั พลาถวายเป็นท่ีประทบั บนยอดเขา ซ่ึงไดเ้ สด็จฯ ประทบั แรม ณ พระท่ีนงั่ รตั นรงั สรรค์ เป็นเวลา 3 ราตรี ระหว่างวนั ท่ี 23-25 เมษายน พ.ศ. 2433 2 วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์
พระราชทานชอ่ื พระทน่ี งั่ นามวา่ พระทน่ี งั่ รตั นรงั สรรค์ มีความหมายว่า พระท่ีนงั่ ท่ีพระยารตั นเศรษฐีเป็ นผูส้ รา้ ง โดยในวนั ท่ี 25 เมษายน 2433 ไดท้ รงมีพระราชนิพนธ์ ความตอนหน่ึงว่า “ พระยาระนอง (พระยารตั นรงั สรรค์) ขอใหต้ งั้ ช่อื พลบั พลาน้ีเป็นพระท่นี งั่ ดว้ ยเขาจะรกั ษาไวเ้ป็นท่ี ถอื นา้ พระพพิ ฒั นส์ จั จา และขอใหต้ ง้ั ช่อื ถนนดว้ ย จงึ ไดใ้ หช้ ่อื พระท่นี งั่ ว่า รตั นรงั สรรค์ เพ่อื จะไดแ้ ปลกลา้ ๆ พอมชี ่ือผูท้ า เป็นทย่ี นิ ดี เขาทท่ี าวงั น้ใี หช้ ่อื วา่ นิเวศนค์ รี ี ...” ลกั ษณะทวั่ ไป ภำพท่ี 3 พระยำรตั นเศรษาี ของพระท่นี งั่ รตั นรงั สรรค์ พระท่ีนงั่ รตั นรงั สรรคม์ ีลกั ษณะ (คอซิมกอ๊ ง) เป็นกลมุ่ เรอื นไมข้ นาดใหญ่ มที างเดนิ เชอ่ื มต่อกนั โดยตลอด องคพ์ ระทน่ี งั่ สรา้ งดว้ ยไมส้ กั และไมก้ ระยาเลย สว่ นฝาพระตาหนกั ใชไ้ มร้ ะกา หลงั คาเป็นรูปแปดเหลย่ี มมงุ ดว้ ยกระเบ้อื งไม้ ซ่งึ ลกั ษณะพเิ ศษคือเป็นพระทน่ี งั่ ท่มี ี การเขา้ สลกั ไมแ้ ทนตะปูซ่งึ เป็นการนาวฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่ินของภาคใต้ มาเป็นสถาปตั ยกรรม วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์ ภำพท่ี 3 พระรำชวงั รตั นรงั สรรค์ (จำลอง 2
ต่อมาพระท่นี งั่ รตั นรงั สรรค์ ไดช้ ารุดทรุดโทรมลงในสมยั พระยาดารงสุจรติ มหศิ รภกั ดี (คอยู่หง)่ี เป็นเจา้ เมอื งระนอง (พ.ศ.2433 - 2460) จงึ ไดร้ ่วมกบั สมหุ เทศาภบิ าลมณฑลภเู ก็ต ปรบั ปรุงและดดั แปลงพระท่นี งั่ รตั นรงั สรรคใ์ หม่ โดยสรา้ งเป็นรูปเรือนตึกก่ออฐิ ถอื ปูน 2 ชนั้ ทาสีขาว หนั หนา้ มขุ ไปทางดา้ นทิศตะวนั ตกและประดบั ตราพระครุฑพ่าห์ ก่อสรา้ งเสร็จเม่อื พ.ศ.2444 แลว้ ใชอ้ าคารหลงั น้ีเป็นศาลากลางเมืองระนองเร่ือยมา พระท่ีนงั่ รตั นรงั สรรค์ องคใ์ หมน่ ้ยี งั ไดใ้ ชเ้ป็นทป่ี ระทบั ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั รชั กาลท่ี 6 และ รชั กาลท่ี 7 อกี สามครง้ั 2 วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์
การร้ือถอนกระทงั่ เดือนพฤษภาคม 2507 สมยั ท่ี พ.ต.อ.บุญณรงค์ วฒั ฑนายน เป็นผูว้ ่าราชการจงั หวดั จึงไดร้ ้ือถอนองคพ์ ระท่นี งั่ เพ่อื สรา้ งเป็นศาลากลางจงั หวดั โดยไดว้ างศิลาฤกษใ์ นวนั ท่ี 9 สงิ หาคม 2507 พระท่นี งั่ รตั น รงั สรรคจ์ งึ สูญหายไปจากจงั หวดั ระนองตงั้ แต่บดั นนั้ นบั เป็น การสูญเสียโบราณสถานอนั มคี ุณค่าและมีความสาคัญย่ิง ของชาวจงั หวดั ระนอง ปจั จบุ นั บริเวณทต่ี ง้ั ของพระท่นี งั่ เป็นเนินเขาซ่งึ มชี ่อื วา่ เขานิเวศนค์ ีรี และมศี ิลาสลกั ประดบั ไวเ้ป็นสาคญั ปจั จบุ นั อยู่ตดิ กบั ศาลากลางจงั หวดั หลงั เก่า โดยยงั มรี ่องรอยเป็นบนั ได และบรเิ วณใหเ้หน็ ทางจงั หวดั ไดอ้ นุรกั ษไ์ วแ้ ละกรมศิลปากรไดข้ ้นึ ทะเบยี นเป็นโบราณสถาน แลว้ เมอ่ื ปี พ.ศ.2520 (ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มท่ี 94 ตอนท่ี 39 วนั ท่ี 10 ตลุ าคม 2520) ในโอกาสฉลองกรุงรตั นโกสินทร์ 200 ปี เม่ือปีพุทธศกั ราช 2525 ทางจงั หวดั ได้ คน้ ควา้ หลกั ฐานภาพถ่ายโดยขอความร่วมมอื จากกรมศิลปากรใหค้ าแนะนาเก่ยี วกบั รูปแบบ ความถูกตอ้ ง แลว้ จาลองพระท่นี งั่ รตั นรงั สรรค์ ย่อส่วนขนาด 1:100 ตงั้ แสดงไวบ้ ริเวณชน้ั ล่างของศาลากลางจงั หวดั ระนอง เพ่อื เป็นอนุสรณ์ใหอ้ นุชนรุ่นหลงั ไดช้ ่ืนชมพระท่ีน่งั ท่ีมี ความสวยงามทางสถาปัตยกรรม และเป็นตราสญั ลกั ษณป์ ระจาจงั หวดั สืบไป วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์ 2
จวนเจำ้ เมืองระนอง จวนเจา้ เมอื งระนองท่เี ห็นอยู่ในปจั จุบนั สรา้ งในรชั สมยั พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั เม่อื พ.ศ.2425 โดยพระยาดารงสุจริตมหิศรภกั ดี (คอซิมก๊อง) ผูเ้ ป็ นบุตรเจา้ เมืองคนแรกเป็ นผูส้ รา้ ง บริเวณพ้ืนท่ีแห่งน้ี มนี กั ท่องเท่ยี วมาเทย่ี วชมเป็นจานวนมากในแต่ละปี ปจั จบุ นั ยังมโี บราณสถานท่ี รอการบูรณะอยู่หลายจุด หากมกี าดาเนินงานอย่างเหมาะสมจะสามารถรกั ษา โบราณสถานทส่ี าคญั แหง่ น้ใี หค้ งอยู่ต่อไป นอกจากจะเป็นการรกั ษาโบราณสถาน ซ่งึ ปรากฏตามหลกั ฐานแสดงถงึ ความต่อเน่ืองทางประวตั ศิ าสตรซ์ ง่ึ เก่ยี วขอ้ งกบั พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั แลว้ ยงั เป็นการเชิดชูเกียรติบุคคล ผูท้ าประโยชนแ์ ก่แผน่ ดนิ ใหเ้ป็นตวั อย่างแก่อนุชนร่นุ หลงั อีกดว้ ย จวนเจา้ เมอื งสรา้ งดว้ ยอิฐสอปูนสดแบบจนี โครงบนทาดว้ ยไมห้ ลงั คามุงกระเบ้อื ง ตงั้ อยู่ไมไ่ กลจากประตูทางเขา้ มากนกั และเมอ่ื สรา้ งจวนเสร็จเรยี บรอ้ ยแลว้ เจา้ เมอื งเหน็ ว่า บริเวณตรงท่สี รา้ งนน้ั ไม่เหมาะสมท่จี ะพกั อาศยั เหตุเพราะว่าตงั้ อยู่ใกลก้ บั ประตูทางเขา้ มากเกินไป จึงใชเ้ รือนหลงั น้ีเป็นเรือนรบั รอง ส่วนจวนเจา้ เมอื งหลงั ใหม่ท่สี รา้ งข้นึ เพ่อื ใช้ เป็นท่พี กั อาศยั นน้ั อยู่ลกึ เขา้ ไปดา้ นหลงั เป็นอาคารเช่ือมต่อกนั 3 หลงั ปจั จุบนั คงเหลอื เพียงพ้ืนและเสา ภายในจวนเจา้ เมืองระนองเป็นบา้ นพกั อาศัยของลูกหลานในสกุล ณ ระนอง หลายครอบครวั บา้ นพกั ส่วนหน่ึงไดร้ บั การบูรณะปรบั ปรุงเป็นอาคารชนั้ เดยี ว เพอ่ื ใชเ้ป็นศาลบรรพบรุ ษุ และใชป้ ระกอบพธิ สี กั การบูชาป้ายบรรพบรุ ษุ ตามประเพณี ภำพท่ี 3 จวนเจำ้ เมืองระนอง วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์ 2
บำ้ นเทียนสอื ตงั้ อยู่ในอาเภอเมอื งระนอง เป็นบา้ นเก่าท่มี อี ายุกว่า 150 ปี สรา้ งข้นึ ตงั้ แต่สมยั รชั กาล ท่ี 5 ซ่งึ ถือว่าเป็นบา้ นเก่าแก่ท่สี ุดบา้ นหน่ึงของเมอื งระนอง เปรียบเสมือนพพิ ธิ ภณั ฑม์ ชี ีวติ ท่ีบอกเล่าเร่ืองราวในอดีตของคนจีนในรุ่นแรกๆ ท่ีมาตงั้ ถ่ินฐานอยู่ในจังหวดั ระนอง เจา้ ของบา้ น คือ ท่านเทยี นสอื ซ่งึ เป็นหลานเขยของคอซ่มิ ชวั่ ณ ระนอง ท่านเจา้ เมอื งระนอง ซ่ึงท่านเทียนสือไดแ้ ต่งงานกบั “ฉ่ายหล่วน” ซ่ึงเป็นหลานสาวของเจา้ เมืองระนอง และ หลานสาวของพระยารษั ฎานุประดษิ ฐ์ (คอซนิ บ้)ี เจา้ เมอื งตรงั หลงั จากแต่งงานจึงไดส้ รา้ งบา้ น หลงั น้ปี ระมาณปี พ.ศ.2433 ซง่ึ ตง้ั อยู่ไมห่ ่างไกลจากค่าย ณ ระนอง มากนกั ทายาทคนปจั จบุ นั คอื คณุ ศุภพรพงษช์ ยั พรพงษ์ (โกศุภ) ซง่ึ ยงั อาศยั อยู่ในบา้ นหลงั น้ี คอยตอ้ นรับนักท่องเท่ียวท่ีเขา้ มาเย่ียมชม รวมถึงบอกเล่าเร่ืองราวคว ามเป็ นมา รายละเอียดมมุ เลก็ มมุ นอ้ ยของบา้ นเทยี นสอื ใหผ้ ูเ้ ขา้ เย่ยี มชมไดท้ ราบ ตวั บา้ นเทยี นสอื เป็น เรือน 2 ชนั้ ท่กี ่อสรา้ งอย่างมนั่ คง ชน้ั บนเป็นไมช้ น้ั ล่างเป็นตึก มีตวั บา้ นดา้ นหนา้ ดา้ นหลงั มีลกั ษณะเหมือนบา้ นแฝดมสี วนกลางบา้ น หนา้ ต่างทุกช่องเป็นไมแ้ ผ่นหนา รู ปทรงแบบ หมวกทหารจนี โบราณ ภายในบา้ นเต็มไปดว้ ยภาพถ่ายเก่าแก่ของเจา้ ของบา้ นหลายชัว่ อายุคน ขา้ วของเคร่ืองใชโ้ บราณท่ีผสมผสานศิลปะทงั้ ไทย จีน และยุโรป เช่น โคมไฟโบร าณ ภาพวาดในกรอบรูปตดิ ฝาผนงั โตะ๊ และเกา้ อ้ฉี ลลุ วดลาย เคร่อื งใชไ้ มโ้ บราณท่หี าชมไดย้ าก วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์ ภำพท่ี 3 บำ้ นเทยี นสอื ในปจั จุบนั 2
หอพระ 9 เกจอิ ำจำรย์ หอพระ 9 เกจิอาจารย์ เป็นหอพระท่ตี งั้ อยู่ใกลก้ บั พระราชวงั รงั สรรค์ (จาลอง) สรา้ งข้ึนในปี พ.ศ.2525 ช่วงปีเฉลิมฉลองกรุงรตั นโกสินทร์ ครบ 200 ปี ภายใน ประดษิ ฐานรูปเหมอื นของเกจอิ าจารยช์ อ่ื ดงั ของภาคใต้ ไดแ้ ก่ หลวงพ่อจันทร์ หลวงพ่อนุย้ หลวงพ่อร่ืน หลวงปู่ทวด หลวงพอ่ เบ้ยี ว หลวงพอ่ ติว๋ หลวงพอ่ ลอย หลวงพ่อนอ้ ย และหลวงพ่อบรรณ นกั ท่องเทย่ี วนิยม มาสกั การะทห่ี อพระฯ น้กี ่อนไปชมพระราชวงั รงั สรรค์ (จาลอง) ภำพท่ี 2 หอพระ 9 เกจอิ ำจำรย์ อนุสำวรยี ์ พระยำดำรงสจุ รติ มหศิ รภกั ดี (คอซูเ้ จยี ง) อนุสาวรยี พ์ ระยาดารงสุจรติ มหศิ รภกั ดี (คอซูเ้ จียง ณ ระนอง) อยู่บนถนนเพ่ิมผล ดา้ นหนา้ เทศบาลเมอื งระนอง ตาบลเขานิเวศน์ โดยไดม้ กี ารนารูปปนั้ ทา่ นมาประดษิ ฐานเมอ่ื วนั ท่ี 23 พฤศจกิ ายน 2543 สรา้ งข้นึ เพอ่ื ระลกึ ถงึ พระยาดารงสุจรติ มหศิ รภกั ดี เจา้ เมืองระนองผูท้ าคุณประโยชน์ในดา้ น การทาเหมืองแร่และอากรดีบุก แก่บา้ นเมอื งและทอ้ งถ่นิ ปจั จบุ นั เป็นสถานทท่ี ่องเท่ยี วท่ีชาวระนอง และบุคคล ทวั่ ไปนิยมมาสกั การะ ภำพท่ี 2 อนุสำวรยี พ์ ระยำดำรงสจุ รติ มหศิ รภกั ดี วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์ 2
วดั สวุ รรณคีรวี หิ ำร ภำพท่ี 3 วดั สุวรรณครี วี หิ ำร วดั สุวรรณคีรีวรวหิ าร หรือ วดั หนา้ เมอื ง มคี วามเป็นสาคญั ในฐานะท่เี ป็นพระอาราม หลวงชนั้ ตรี ชนิดสามญั เป็นวดั แห่งแรกของจงั หวดั ระนอง วดั แหง่ น้มี อี ายุกวา่ 100 ปี เดมิ ทวี ดั มชี ่อื วา่ วดั สุรรณครี ที าราม ตงั้ อยู่รมิ คลองหาดสม้ แป้น ต.บางร้นิ แต่ดว้ ยสภาพพ้นื ท่เี กิดนา้ ท่วม บ่อยครง้ั ในช่วงฤดูฝน พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั รชั กาลท่ี 5 จงึ ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ ระยารตั นเศรษฐี (คอซมิ กอ๊ ง) เจา้ เมอื งระนองสมยั นน้ั ดาเนินการหาทด่ี นิ สรา้ งวดั ข้นึ ใหม่ แทนวดั เก่าท่ีทรุดโทรม ซ่ึงก็คือบริเวณท่ีตง้ั ในปจั จุบนั จากนน้ั ไดโ้ ปรดเกลา้ ฯ ใหอ้ าราธนา พระสงฆ์จากวดั สุวรรณคีรีทาราม มาสวดถอนและผูกพทั ธสีมา และพระราชทานนามว่า วดั สุวรรณครี ีวหิ าร ภายในวดั มพี ระเจดยี ท์ ่มี สี ถาปตั ยกรรมแบบพม่าอายุนบั 100 ปี ลกั ษณะ เป็นรูปทรงกลมยกฐาน สูงจากพ้นื ประมาณ 80 เซนตเิ มตร ตง้ั อยู่บนฐานแปดเหลย่ี ม จากฐาน ถงึ ยอดฉตั รสูงประมาณ 13 เมตร และมกี าแพงโดยรอบทง้ั ส่ดี า้ นสูงประมาณ 1 เมตร แต่ละ ดา้ นของกาแพงมปี ระตูทางเขา้ กวา้ งประมาณ 2 เมตร ตวั เจดยี แ์ ละกาแพงฉาบดว้ ยปูนทาสขี าว ส่วนยอดฉตั รของเจดียท์ าดว้ ยทองเหลอื งและประดบั เพชรท่ฉี ตั รตามศิลปะแบบพม่า ทง้ั น้ี ผูส้ รา้ งเจดียอ์ งคน์ ้ีคือนางพวั่ ไซ่ข่าย ผูเ้ คารพศรทั ธาในพระพุทธศาสนา จึงไดส้ รา้ งเจดียน์ ้ี ถวายโดยใชท้ นุ ทรพั ยส์ ่วนตวั และปจั จบุ นั ไดร้ บั การข้นึ ทะเบยี นจากกรมศิลปากรเรียบรอ้ ยแลว้ พระอโุ บสถอนั เป็นทป่ี ระดษิ ฐานพระพทุ ธรูปยนื ทรงเคร่อื งลวดลายงดงามมาก วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์ 2
ป่ำชำยเลนกลำงเมอื ง โกงกำงยกั ษด์ กึ บรรพ์ ๒๐๐ ปี ป่ าในเมือง ป่ าชายเลนกลางเมือง โกงกางยกั ษ์ดึกบรรพ์ ๒๐๐ ปี เป็นสถานท่ี พ ัก ผ่ อ น ห ย่ อ น ใ จ อี ก แ ห่ ง ห น่ึ ง ข อ ง ร ะ น อ ง มเี สน้ ทางเดนิ ศึกษาธรรมชาติเป็นแหล่งศึกษา ธรรมชาติท่ีมีความสาคญั เพราะเป็นแหล่ง ท่อี ุดมไปดว้ ยพรรณไมน้ านาท่มี ใี บ ดอก และ ผลสวยงามแปลกตา อีกทงั้ ยงั เป็นแหล่งท่ีมี ภำพท่ี 2 ป่ำในเมอื ง ป่ำชำยเลกลำงเมือง สตั วน์ า้ และสตั วบ์ กอาศยั อยู่มากมาย อากาศ โกงกำงยกั ษด์ กึ บรรพ์ ๒๐๐ ปี บริสุทธ์ิ สดช่ืน จึงเหมาะอย่างย่ิงกบั คนรกั ธรรมชาติ บอ่ น้ำรอ้ นรกั ษะวำรนิ บ่อนา้ รอ้ นสวนสาธารณะรกั ษะวาริน เป็นบ่อนา้ รอ้ นซ่งึ เกิดข้นึ เองตามธรรมชาติ มอี ยู่ 3 บ่อ คือ บ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูก ทงั้ 3 บ่อ มอี ุณหภูมิสูงประมาณ ๖๕ องศา เซลเซยี ส นา้ พรุ อ้ นแหง่ น้ไี ดร้ บั การวเิ คราะหจ์ ากกรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ าร ว่าประกอบดว้ ย แร่ธาตุท่ีสาคญั และเป็นแหล่งเดียวในประเทศไทยท่ีไม่มสี ารกามะถนั เจือปนอยู่เลย จึงทาใหไ้ ม่มีกล่ินของกามะถนั และมีความบริสุทธ์ิ สามารถด่ืมไดจ้ ากแหล่งกาเนิด โดยไมต่ อ้ งผ่านการกลนั่ กรองใดๆ ทงั้ ส้นิ ซ่งึ มอี ยู่เพยี งไมก่ ่แี ห่งในโลก นอกจากน้ียงั ถอื เป็นนา้ บรสิ ุทธ์ิ จงึ เป็นแหลง่ หน่ึงทน่ี าไปผ่านพธิ ีพทุ ธาภเิ ษกทานา้ ศกั ด์สิ ทิ ธ์ิ และใชใ้ นการ จดั งานอาบนา้ เพญ็ ภำพท่ี 2 บอ่ น้ำรอ้ นรกั ษะวำรนิ วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์ 2
4บนั ทึกท่ี วศิ วกรสงั คม ตำบลเขำนิเวศน์ วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์ 1
โครงกำรพฒั นำศกั ยภำพชมุ ชน ตำบลเขำนิเวศน์ อำเภอเมืองระนอง จงั หวดั ระนอง ผ่ำนกำรถำ่ ยทอดองคค์ วำมรูเ้ พอ่ื ยกระดบั ผลติ ภณั ฑส์ นิ คำ้ ชมุ ชน และสง่ เสรมิ กำรท่องเท่ียวเชิงประวตั ศิ ำสตร์ 1 กำรยกระดบั และสง่ เสรมิ กำรท่องเท่ียวชมุ ชนเชิงประวตั ิศำสตร์ ในพ้นื ท่ี ตำบลเขำนิเวศน์ อำเภอเมืองระนอง จงั หวดั ระนอง วตั ถปุ ระสงค์ 1.เพอ่ื การเก็บรวบรวมขอ้ มลู โดยการลงพ้นื ท่สี ารวจ สอบถาม และสมั ภาษณ์ผูน้ าชมุ ชน หน่วยงาน องคก์ รทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง รวมถงึ ประชาชนในพ้นื ทต่ี ่อโอกาสการพฒั นาและยกระดบั แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วชมุ ชนในตาบลเขานเิ วศน์ อาเภอเมอื งระนอง จงั หวดั ระนอง 2.เพ่อื อบรมเชิงปฏิบตั ิการโดยอาศยั การมสี ่วนร่วมของประชาชนสาหรบั การออกแบบ เสน้ ทางการท่องเท่ียวชุมชนเชิงอนุรกั ษใ์ นพ้ืนท่ีตาบลเขานิเวศน์ อาเภอเมืองระนอง จงั หวดั ระนอง 3.เพ่อื พฒั นาออกแบบเสน้ ทางการท่องเท่ียวชุมชนเชิงอนุรกั ษป์ ระวตั ิศาสตร์ สาหรบั การสนบั สนุนการท่องเทย่ี วในพ้นื ทต่ี าบลเขานเิ วศน์ อาเภอเมอื งระนอง จงั หวดั ระนอง 4.เพอ่ื ส่งเสริมการท่องเท่ยี วโดยการจดั ทาส่อื วดิ โี อประชาสมั พนั ธแ์ นะนาการท่องเท่ยี ว ในพ้นื ทต่ี าบลเขานิเวศน์ อาเภอเมอื งระนอง จงั หวดั ระนอง ผลท่คี ำดว่ำจะไดร้ บั ประชาชนสามารถนาความรูท้ ่ไี ดไ้ ปพฒั นาและยกระดบั แหล่งท่องเท่ยี วในพ้นื ท่ี ตาบลเขานิเวศน์ ในรูปแบบเสน้ ทางนาเท่ียวเชิงประวตั ิศาสตรแ์ ละมสี ่อื ประชาสมั พนั ธ์ การท่องเท่ยี วเป็นวดิ โี อแนะนาการท่องเท่ยี วเชิงประวตั ิศาสตร์ เพอ่ื ใหส้ ถานท่ที ่องเท่ยี ว เป็นทร่ี ูจ้ กั มากยง่ิ ข้นึ 2 วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์
2 กำรพฒั นำกระบวนกำรผลติ และยกระดบั สนิ คำ้ หรอื ผลติ ภณั ฑช์ มุ ชน OTOP ในพ้นื ท่ตี ำบลเขำนิเวศน์ อำเภอเมอื งระนอง จงั หวดั ระนอง สง่ เสรมิ พฒั นำผลติ ภณั ฑข์ นมทองมว้ นกรอบ เคร่อื งแกง ขนมกะหร่ปี บั๊ และสง่ เสรมิ กำรขำยผลติ ภณั ฑด์ ว้ ยเทคโนโลยดี ิจติ อลส่อื ออนไลน์ วตั ถปุ ระสงค์ 1.เพ่อื การเก็บรวบรวมขอ้ มูลผลติ ภณั ฑส์ ินคา้ ชุมชน หรือสินคา้ OTOP ท่มี อี ยู่ในพ้นื ท่ี ตาบลเขานเิ วศน์ อาเภอเมอื งระนอง จงั หวดั ระนอง 2.เพ่ืออบรมและถ่ายทอดแนวทางในการพฒั นาสินคา้ ชุมชน รวมถึงต่อยอดโอกาส ทางธุรกจิ จากการขายผลติ ภณั ฑแ์ ก่ประชาชนในพ้นื ทต่ี าบลเขานิเวศน์ อาเภอเมอื งระนอง จงั หวดั ระนอง 3.เพ่อื พฒั นาและผลติ ผลติ ภณั ฑส์ ินคา้ ชุมชน หรือสินคา้ OTOP ตน้ แบบสาหรบั การ ต่อยอดทางธุรกิจ และเสริมรายไดแ้ ก่กลุ่มประชากร หรือกลุ่มวสิ าหกิจในพ้ืนท่ีตาบล เขานเิ วศน์ อาเภอเมอื งระนอง จงั หวดั ระนอง ผลท่ีคำดว่ำจะไดร้ บั การส่งเสริมพฒั นาผลติ ภณั ฑข์ นมทองมว้ นกรอบ เคร่ืองแกง ขนมกะหร่ีปบั ๊ และ ส่งเสรมิ การขายผลติ ภณั ฑด์ ว้ ยเทคโนโลยดี จิ ติ อลออนไลนโ์ ดยมกี ารออกแบบผลติ ภณั ฑ์ สนิ คา้ บรรจุภณั ฑข์ องผลติ ภณั ฑ์ และช่องทางการขายออนไลน์ สามารถนาองค์ความรู้ ไปต่อยอดและพฒั นาสนิ คา้ ใหเ้กดิ รายไดเ้พม่ิ ข้นึ วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์ 2
3 กำรสง่ เสรมิ สมั มำชีพและสรำ้ งทกั ษะกำรประกอบ อำชีพแก่ประชำชนหรือครวั เรือน ท่ีมีรำยไดใ้ นพ้ืนท่ี ตำบลเขำนิเวศน์ อำเภอเมืองระนอง จงั หวดั ระนอง สง่ เสรมิ กำรสง่ เสรมิ สมั มำชีพกำรทำขนมปน้ั ขลบิ ขนมหนำ้ นวล และสรำ้ งทกั ษะ กำรประกอบอำชีพแกป่ ระชำชน หรอื ครวั เรอื นท่ีมีรำยไดใ้ นพ้นื ท่ีตำบลเขำนิเวศน์ วตั ถปุ ระสงค์ 1.เพอ่ื เสริมทกั ษะและสรา้ งสมั มาชีพใหม่และสนบั สนุนการประกอบอาชีพ การสรา้ ง รายไดใ้ นอนาคต แก่ครวั เรอื นท่มี รี ายไดน้ อ้ ย 15 ครวั เรือนในพ้นื ท่ี ตาบลเขานิเวศน์ อาเภอเมอื งระนอง จงั หวดั ระนอง 2.เพอ่ื ถ่ายทอดองคค์ วามรูแ้ ละเสริมทกั ษะการสรา้ งรายไดจ้ ากการอบรมสมั มาชพี ใหม่ แก่ผูท้ ่ีใหค้ วามสนใจและประชาชนในพ้ืนท่ี ตาบลเขานิเวศน์ อาเภอเมืองระนอง จงั หวดั ระนอง ผลท่คี ำดว่ำจะไดร้ บั ประชาชนสามารถนาความรูท้ ่ไี ดไ้ ปพฒั นาเสริมทกั ษะและสรา้ งสมั มาชพี ใหม่ และสนบั สนุนการประกอบอาชพี การสรา้ งรายไดใ้ นอนาคต 2 วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์
บรรณำนุกรม คมกรชิ ดวงแป้ น, ผูใ้ หส้ มั ภาษณ์, 20 มถิ นุ ายน 2564 ธีรวฒั น์ แกว้ ทอง, ผูใ้ หส้ มั ภาษณ์, 20 มถิ นุ ายน 2564 ภำวนำ พฒั นเวช, ผูใ้ หส้ มั ภาษณ์, 20 มถิ นุ ายน 2564 มนูญ สุขย่งิ เจรญิ , ผูใ้ หส้ มั ภาษณ์, 20 มถิ นุ ายน 2564 รุง่ ศกั ด์ิ รกั สตั ย,์ ผูใ้ หส้ มั ภาษณ,์ 20 มถิ นุ ายน 2564 ศภุ พรพงษช์ ยั พรพงษ,์ ผูใ้ หส้ มั ภาษณ์, 20 มถิ นุ ายน 2564 สวสั ด์ิ วลิ ยั ศร,ี ผูใ้ หส้ มั ภาษณ,์ 20 มถิ นุ ายน 2564 บำ้ นเทียนสือ บำ้ นเกำ่ รอ้ ยปี ระนอง. [ ออนไลน]์ .2563,สบื คน้ เมอ่ื 17 กรกฎาคม 25 6 4 . จาก . https://www.thebangkokinsight.com/news/lifestyle ประวตั ิพระท่ีนัง่ รตั นรงั สรรค.์ [ ออนไลน]์ .2560,สบื คน้ เม่อื 17 กรกฎาคม 2564. จาก.https://siamrath.co.th/n/14291 แผนพฒั นำทอ้ งถ่นิ เทศบำลเมืองระนอง พ.ศ. 2561-2565. [ ออนไลน]์ .สบื คน้ เมอ่ื 17 กรก ฎาคม 2 56 4 . จาก . file:///C:/Users/Admin/Downloads/ แผนพฒั นาทอ้ งถน่ิ ศำลำกลำงจงั หวดั ระนอง ประวตั ิวดั สุวรรณคีรีวิหำร. [ ออนไลน]์ .2559,สบื คน้ เมอ่ื 17 กรกฎาคม 2564. จาก.https://ranongcities.com/2561/political /detail/25/data.html สำนักงำนกำรท่องเท่ียวและกฬี ำ จงั หวดั ระนอง. [ ออนไลน]์ .2561,สบื คน้ เมอ่ื 17 ก ร ก ฎ า ค ม 2 5 6 4 . จ า ก . https://ranong.mots.go.th/news_view. สำนักงำนวฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง. [ออนไลน]์ .2558, สบื คน้ เม่อื 17 กรกฎาคม 2 5 6 4 . จ า ก . https://www.m-culture.go.th/ranong/ewt_news. วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์ 2
ภำคผนวก 2 วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์
ทรปิ ท่องเท่ยี วสำหรบั 1 วนั One day trip วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์ 2
2 วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์
วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์ 2
ออกแบบตรำสนิ คำ้ 2 วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์
สมั มำชีพและสรำ้ งทกั ษะกำรประกอบอำชีพ วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์ 2
2 วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์
วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์ 2
2 วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์
วศิ วกรสงั คมตำบลเขำนิเวศน์ 2
Search