Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แหล่งท่องเที่ยวในนครราชสีมา

แหล่งท่องเที่ยวในนครราชสีมา

Published by noonakapuk29, 2022-01-20 04:59:11

Description: แหล่งท่องเที่ยวในนครราชสีมา

Search

Read the Text Version

แหล่งท่องเที่ยวใน นครราชสีมา

คำนำ หนังสือเล่มนี้ (E-book) เป็นส่วนหนึ่ง ของรหัสวิชา ว 20228 รายวิชา เทคโนโลยีและการสื่อสาร1 เป็นหนังสือ แนะนำแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในจังหวัด นครราชสีมา เช่น แหล่งประวัติศษสตร์ แหล่งพักผ่อนย่อนใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ กับผู้อ่าน ที่กำลังหาแหล่งท่องเที่ยวในวัน หยุด กับครอบครัว ผู้จัดทำ ณัฐภัทร โกมารกุล ณ นคร

สารบัญ เรื่อง หน้า 4 ท้าวสุรนารี 5 ประสาทหินพิมาย 6 อุทยานเเห่งฃาติเขาใหญ่ เเหล่งอ้างอิง 1. ทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค), เจ้าพระยา. พระราชพงศาวดารกรุง รัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3. กรุงเทพฯ : ไทย ควอลิตี้บุ๊คส์ (2006), 2560, หน้า 74 กรมศิลปากร Archived 2007-09-28 ที่ เวย์แบ็ก แมชชีน 1. ส่วนภูมิสารสนเทศ. สำนักฟื้ นฟูและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. \"รายงานสรุปพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พื้นที่รวม 72.046 ล้านไร่ (คำนวณในระบบ GIS).\" [ออนไลน์]. เข้า ถึงได้จาก: http://www2.dnp.go.th/gis/รูปอัพเว็บ/สรุปพื้นที่ป่า.pdf 2557. สืบค้น 3 สิงหาคม 2560.

ท้าวสุรนารี ท้าวสุรนารี มีนามเดิมว่า \"โม\" (แปลว่า ใหญ่มาก) หรือท้าวมะโหโรง[1] เป็นชาวเมืองนครราชสีมาโดยกำเนิด เกิดเมื่อปีระกา พ.ศ. 2314 มีนิวาสสถานอยู่ ณ บ้านตรงกันข้ามกับวัดพระนารายณ์มหาราช (วัดกลางนคร) ทางทิศใต้ของเมืองนครราชสีมา[2] ชอบ เล่นกระบี่กระบองตั้งแต่เด็ก[3] เป็นธิดาของนายกิ่มและนางบุญมา มีพี่สาวหนึ่งคนชื่อ แป้ นาผล ไม่มีสามี จึงอยู่ด้วยกันจนวายชนม์ มีน้ องชายหนึ่งคน ชื่อ จุก ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2339 โม เมื่ออายุได้ 25 ปี ได้แต่งงานสมรสกับนายทองคำขาว พนักงานกรมการเมืองนครราชสีมา ต่อมานาย ทองคำขาว ได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น \"พระภักดีสุริยเดช\" ตำแหน่งรองปลัดเมืองนครราชสีมา นางโม จึงได้เป็น คุณนายโม และต่อ มา \"พระภักดีสุริยเดช\" ได้เลื่อนเป็น \"พระยาสุริยเดช\" ตำแหน่งปลัดเมืองนครราชสีมา คุณนายโมจึงได้เป็น คุณหญิงโม[2] ชาวเมือง นครราชสีมาเรียกท่านทั้งสองเป็นสามัญว่า \"คุณหญิงโม\" และ \"พระยาปลัดทองคำ\" ท่านเป็นหมันไม่มีทายาทสืบสายโลหิต ชาวเมือง นครราชสีมาทั้งหลายจึงพากันเรียกแทนตัวคุณหญิงโมว่า \"แม่\" มีผู้มาฝากตัวเป็นลูกหลานกับคุณหญิงโมอยู่มาก ซึ่งเป็นกำลังและ อำนาจส่งเสริมคุณหญิงโมให้ทำการใด ๆ ได้สำเร็จเสมอ หนึ่งในลูกหลานคนสำคัญที่มีส่วนร่วมกับคุณหญิงโม เข้ากอบกู้เมือง นครราชสีมาจากกองทัพเจ้าอนุวงศ์ เวียงจันทน์ ณ ทุ่งสัมฤทธิ์ คือนางสาวบุญเหลือ[2] ท้าวสุรนารีเป็นคนมีสติปัญญาหลักแหลม เล่นหมากรุกเก่ง มีความชำนาญในการขี่ช้าง ขี่ม้า มีม้าตัวโปรดสีดำ และมักจะพาลูก หลานไปทำบุญที่วัดสระแก้วเป็นประจำเสมอ[2]ท้าวสุรนารี ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2395 (เดือน 5 ปีชวด จัตวาศก จศ. 1214) สิริรวมอายุได้ 81 ปี

ประสาทหินพิมาย เมืองพิมายเป็นเมืองที่สร้างตามแบบแผนของศิลปะเขมร มี ลักษณะเป็นเวียงสี่เหลี่ยม ชื่อ พิมาย น่าจะมาจากคำว่า วิมาย หรือ วิมายปุระ ที่ปรากฏในจารึกภาษาเขมรบนแผ่นหินตรงกรอบประตู ระเบียงคดด้านหน้ าของปราสาท จากหลักฐานศิลาจารึกและศิลปะ สร้างบ่งบอกว่า ปราสาทหินพิมายคงเริ่มสร้างขึ้นสมัยพระเจ้าสุริยว รมันที่ 1 ราวพุทธศตวรรษที่ 16 ในฐานะเทวสถานของศาสนา พราหมณ์ รูปแบบของศิลปะเป็นแบบบาปวนผสมผสานกับศิลปะ แบบนครวัด ซึ่งหมายถึงปราสาทนี้ได้ถูกดัดแปลงมาเป็นสถานที่ทาง ศาสนาพุทธในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7[4] เมื่ออิทธิพลของวัฒนธรรมขอมเริ่มเสื่อมลงหลังรัชสมัยของพระเจ้า ชัยวรมันที่ 7 และมีการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยในเวลาต่อมา เมืองพิมายคงจะหมดความสำคัญลง และหายไปในที่สุด เนื่องไม่ ปรากฏหลักฐานเกี่ยวกับเมืองพิมายเลยในสมัยสุโขทัย

ในสมัยก่อน การเดินทางติดต่อระหว่างภาคกลางกับภาคอีสานนั้น มีอุปสรรคคือจะต้องผ่านป่ าดงดิบขนาดใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยอันตราย มากมายทั้งสัตว์ร้ายและไข้ป่า ผู้คนที่เดินทางผ่านป่านี้ล้มตายเป็น จำนวนมาก จึงได้ขนานนามว่า ดงพญาไฟ ต่อมาพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จผ่านในคราวเปิ ดทางรถไฟสาย กรุงเทพ-นครราชสีมา ทรงเห็นว่าชื่อดงพญาไฟนี้ ฟังดูน่ากลัว จึง โปรดให้เปลี่ยนชื่ อเป็ นดงพญาเย็นตั้งแต่นั้นเป็ นต้นมา เมื่อมีการสร้างทางรถไฟ ชาวบ้านก็ได้เข้ามาจับจองพื้นที่กัน โดย เฉพาะบนยอดเขา โดยถางป่าเพื่อทำไร่ และใน พ.ศ. 2465 ได้ขอ จัดตั้งเป็นตำบลเขาใหญ่ แต่ด้วยการที่จะเดินทางมายังยอดเขานี้ ค่อนข้างลำบากห่างไกลจากการปกครองของเจ้าหน้ าที่บ้านเมือง ตำบลเขาใหญ่จึงเป็นแหล่งซ่องสุมของโจรผู้ร้าย จนกระทั่ง พ.ศ. 2475 ทางราชการได้ส่งปลัดจ่างมาปราบโจรผู้ร้ายจนหมด แต่ สุดท้ายปลัดจ่างก็เสียชีวิตด้วยไข้ป่า ได้ตั้งเป็นศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ เป็ นที่เคารพนับถือจนปั จจุบันนี้[3] หลังจากปราบโจรผู้ร้ายหมดลงแล้ว ทางราชการเห็นว่าตำบลเขา ใหญ่นี้ยากแก่การปกครอง อีกทั้งปล่อยไว้จะเป็นแหล่งซ่องสุมโจร ผู้ร้ายอีก จึงได้ยุบตำบลเขาใหญ่ และให้ผู้คนที่อาศัยอยู่บนเขา ทั้งหมดย้ายลงมาอาศัยอยู่ข้างล่าง ป่าที่ถูกถางเพื่อทำไร่นั้นปัจจุบัน คือยังมีร่องรอยให้เห็นเป็นทุ่งหญ้าโล่ง ๆ บนเขาใหญ่นั่นเอง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook