Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือเรียนร่ยวิชาคอมพิมเตอร์

หนังสือเรียนร่ยวิชาคอมพิมเตอร์

Published by filla, 2023-08-17 06:31:20

Description: เด็กหญิงจีรนุช เนื่องบุญมา2/3เลขที่16

Search

Read the Text Version

วิชา คอมพิวเตอร์ จีรนุช เนื่อบุญมา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566

คำนำ หนังสือเล่มเล็กนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา คอมพิวเตอร์ โดยมีจุดประสงค์ในการจัด ทำเพื่อเป็นการศึกษาเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้ได้รับ ความรู้และได้รู้ศัพท์ภาษาอังกฤษที่ เกี่ยวข้อง และหวังว่าหนังสือเล่มเล็ก เรื่องซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจและใช้ ประกอบการเรียนได้อย่างดี หากมีข้อผิด พลาดประการใด ผู้จัดทำขออภัย ณ ที่นี้ ด้วย ข้อความในย่อหน้าของคุณ ข้อความในย่อหน้าของคุณ

หน่วยรับรู้ข้อมูล หน่วยรับข้อมูล (Input Unit) เป็นหน่วยแรกของคอมพิวเตอร์ที่ใช้รับข้อมูลจากผู้ใช้ ซึ่งผู้ใช้ ต้องสัมผัสโดยตรง เพื่อให้คอมพิวเตอร์ รับข้อมูลดังกล่าวไปทำงานตามคำสั่งของผู้ใช้ต่อไป โดยหน่วยรับข้อมูลจะทำหน้ารับข้อมูลทุกรูปแบบจากฮาร์ดแวร์ต่างๆ มาเปลี่ยน ให้เป็นรูปแบบ สัญญาณหรือข้อมูลดิจิตอล แล้วจึงส่งต่อไปยังหน่วยประมวลผลกลาง ปัจจุบันฮาร์ดแวร์สำหรับข้อมูลมีหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้งานของผู้ใช้ เช่น แป้นพิมพ์หรือคีย์บอร์ด เมาส์ กล้องดิจิตอล สแกนเนอร์ เครื่องอ่านรหัสโอซีอาร์ ไมโครโฟน และวีดีโอแคม ในหน่วยการเรียนรู้นี้จะกล่าวถึงรายละเอียด ของอุปกรณ์รับข้อมูล 5 ชนิด คือ มีอะไรบ้าง 1. แป้นพิมพ์หรือคีย์บอร์ด (Keyboard) ทำหน้าที่รับข้อมูลในลักษณะการป้อนข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์ มีลักษณะคล้ายแป้นพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ดีด จัดเป็น ฮาร์ดแวร์หลักสำหรับรับข้อมูลที่คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องต้องมี โดยการสั่งงานหรือส่งข้อมูลคำสั่งผ่านแป้นต่างๆ บนแป้น พิมพ์ แป้นพิมพ์สำหรับใช้งานกับคอมพิวเตอร์ทั่วไปจะมีแป้น 101 และ 105แป้น ส่วนแป้นพิมพ์ที่มีขนาดเล็ก เช่น คอมพิวเตอร์พกพา หรือพีดีเอ (Personal Digital Assistants: PDA) จะใช้แป้นพิมพ์ที่มีจำนวนแป้นน้อยกว่า ปัจจุบันแป้นพิมพ์มีทั้งแบบเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ด้วย สายส่งสัญญาณและแป้นพิมพ์แบบไร้สาย (Wireless Keyboard)

2. เมาส์ (Mouse) ทำหน้าที่รับคำสั่งจากผู้ใช้เพื่อสั่งงานคอมพิวเตอร์ด้วยการชี้และเลือกคำสั่งต่างๆ บนจอภาพหรือ มอนิเตอร์ผ่านตัวชี้หรือเมาส์พอยต์เตอร์ (Mouse Pointer) ด้วยการคลิก (Click) คลิกขวา (Right Click) และดับเบิลคลิก (Double Click) คำสั่งที่ต้องการ จึงจัดเป็นฮาร์ดแวร์สำคัญอีชิ้นหนึ่งในการ รับข้อมูล เมาส์ที่นิยมใช้ในปัจจุบันแบ่งเป็น 3 ชนิด ได้แก่ - เมาส์แบบทางกล (Mechanical Mouse) เกิดจากการหมุนลูกกลิ้งที่อยู่ใต้เมาส์ไปในทิศทางที่ผู้ใช้ต้องการ โดยจะมีกลไกปรับแกนหมุนในแกน X และแกน Y ส่งไปยังคอมพิวเตอร์ทำให้สามารถควบคุมความเร็วและความสัมพันธ์ต่อเนื่องของตัวชี้ เมาส์ที่จอภาพได้ ปัจจุบันเมาส์แบบทางกล มีหลายรูปแบบ ทั้งแบบที่มีลูกกลิ้งอยู่ด้านล่างซึ่งนิยมใช้กัน โดยทั่วไปและแบบมีลูกกลิ้งอยู่ด้านบน (Track Ball) ซึ่งต้องหมุนลูกกลิ้งนี้ ในขณะใช้งานแทนการ ขยับเมาส์ไปมาเหมือนเมาส์ที่มีลูกกลิ้งอยู่ด้านล่าง - เมาส์แบบใช้แสง (Optical Mouse) เกิดจากหลักการส่งแสงจากเมาส์ไปยังพื้นที่รองรับแล้วสะท้อน กลับไปยังตัวรับสัญญาณที่เมาส์เพื่อวัดการเคลื่อนตำแหน่ง เมาส์ชนิดนี้จะมีราคาสูงกว่าเมาส์แบบทาง กลแต่ช่วยลดปัญหาเรื่องฝุ่นติดที่ลูกกลิ้งภายในเมาส์แบบทางกล - เมาส์แบบไร้สาย (Wireless Mouse) เกิดจากหลักการส่งแสงจากเมาส์ไปยังพื้นที่รองรับแล้ว สะท้อนกลับไปยังตัวสัญญาณจากเมาส์ไปยังเครื่องรับสัญญาณที่คอมพิวเตอร์ จึงทำให้เมาส์แบบนี้ ไม่มีสายต่อจากคอมพิวเตอร์เหมือนเมาส์แบบทางกลและเมาส์แบบใช้แสง 3. กล้องดิจิตอล (Digital Camera) 3. กล้องดิจิตอล (Digital Camera) สามารถรับข้อมูลได้ทั้งรูปแบบภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวและเสียง โดยปกติจะ มีการบันทึกข้อมูล ภายในกล้องดิจิตอลไว้ที่หน่วยบันทึก ข้อมูลของกล้อง (Memory Card) เมื่อผู้ใช้ต้องการรับข้อมูลจากกล้องก็เพียงเชื่อมต่อ กล้องดิจิตอลโดยผ่านสายสัญญาณ คอมพิวเตอร์ก็จะอ่านค่าในหน่วย บันทึกข้อมูลของกล้อง ซึ่งผู้ใช้สามารถนำข้อมูลที่ได้จากกล้องไปทำงานบน โปรแกรม ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ได้ทันที หรืออาจบันทึกข้อมูลลงใน คอมพิวเตอร์ก่อนก็ได้

3. กล้องดิจิตอล (Digital Camera) สามารถรับข้อมูลได้ทั้งรูปแบบภาพนิ่ง ภาพ เคลื่อนไหวและเสียง โดยปกติจะมีการบันทึกข้อมูล ภายในกล้องดิจิตอลไว้ที่หน่วยบันทึก ข้อมูลของ กล้อง (Memory Card) เมื่อผู้ใช้ต้องการรับ ข้อมูลจากกล้องก็เพียงเชื่อมต่อกล้องดิจิตอลโดย ผ่านสายสัญญาณ คอมพิวเตอร์ก็จะอ่านค่าใน หน่วยบันทึกข้อมูลของกล้อง ซึ่งผู้ใช้สามารถนำ ข้อมูลที่ได้จากกล้องไปทำงานบนโปรแกรม ที่อยู่ใน คอมพิวเตอร์ได้ทันที หรืออาจบันทึกข้อมูลลงใน คอมพิวเตอร์ก่อนก็ได้

4. สแกนเนอร์ (Scanner) คือ ฮาร์ดแวร์ที่ใช้สำหรับรับ ข้อมูลต่างๆ เช่น รูปถ่าน ภาพ วาด ข้อความ สัญลักษณ์ ให้อยู่ ในรูปแบบของไฟล์ภาพ 5. เครื่องอ่านรหัสโอซีอาร์ (Optical Character Reader) มีหลักการทำงานด้วยการอ่านข้อมูลจากแสงใน ลักษณะพาดขวาง แล้วเปลี่ยนรหัสให้เป็น สัญญาณหรือข้อมูลดิจิตอล ช่วยลดความผิด พลาดในการกรอกข้อมูลและช่วยให้ทำงานได้ รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเครื่องอ่านรหัสโอซีอาร์ที่นิยม ใช้ในปัจจุบันได้แก่ เครื่องอ่านรหัสแท่งหรือเครื่อง อ่านบาร์โค้ด (Barcode Reader) ที่ใช้ในห้าง สรรพสินค้า

หน่วยประมวลผมข้อมูล (Central Processing Unit) หรือซีพียู (CPU) คือ สมองหรือหัวใจของคอมพิวเตอร์ โดย ประสิทธิภาพในการ ทำงานของคอมพิวเตอร์จะขึ้นอยู่กับหน่วยประมวลผลกลางเป็นหลัก เนื่องจากซีพียูทำหน้าที่ในการประมวลผลข้อมูลต่างๆ ที่ส่งเข้ามา ยังคอมพิวเตอร์ นอกจาก นี้ยังทำหน้าที่ควบคุมและดูแลการทำงานทั้งหมดภายในระบบคอมพิวเตอร์อีกด้วย ฮาร์ดแวร์ที่สำคัญของ หน่วยประมวลผลกลาง คือ ไมโครโพรเซสเซอร์ (Microprocessor) การทำงานของหน่วยประมวลผลกลาง แบ่งเป็น 2 หน่วย ได้แก่ หน่วยควบคุมและหน่วย คำนวณและตรรกะ 1. หน่วยควบคุม (Control Unit) ทำหน้าที่อ่านคำสั่งทีละคำสั่งแล้วตีความคำสั่งนั้นว่าเป็น คำสั่งใดและต้องใช้ข้อมูลที่ใด เพื่อควบคุมและประสานงานการทำงานของฮาร์ดแวร์และ หน่วยต่างๆ ภายในระบบคอมพิวเตอร์ 2. หน่วยคำนวณและตรรกะ (Arithmetic/Logical Unit) ทำหน้าที่ประมวลผลคำสั่งด้วยวิธี การทางคณิตศาสตร์ แล้วนำมาเปรียบเทียบค่าของข้อมูล แล้วจึงเก็บผลลัพธ์ที่ได้ไว้ใน หน่วยความจำต่อไป หน่วยประมวลผลกลางจะทำงานเป็น 4 ขั้นตอน โดยขั้นตอนที่ 1-2 จะใช้หน่วยควบคุมใน การดำเนินงาน ส่วนขั้นตอนที่ 3-4 จะใช้หน่วยคำนวณและตรรกะในการดำเนินงานดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 หน่วยควบคุมเข้าถึงข้อมูลและคัดแยกคำสั่งจากหน่วยความจำ ขั้นตอนที่ 2 คำสั่งถูกตีความ เพื่อให้คอมพิวเตอร์รู้ว่าจะต้องทำงานอะไร แล้วเลือกข้อมูลที่ ต้องใช้ในการประมวลผล แล้วกำหนดตำแหน่งของคำสั่งถัดไป ขั้นตอนที่ 3 ปฏิบัติตามคำสั่งที่ตีความได้ ทั้งการคำนวณทางคณิตศาสตร์และการเปรียบ เทียบ ขั้นตอนที่ 4 เก็บผลลัพธ์ที่ประมวลผลได้ไว้ในหน่วยความจำหลัก

หน่วยส่งข้อมูล มีอุปกรณ์อะไรบ้าง หน่วยส่งออก ทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์หรือสารสนเทศที่ได้จากการประมวลผล ในรูปที่มนุษย์สามารถเข้าใจ อุปกรณ์ส่งออก ที่ใช้ใน ระบบคอมพิวเตอร์ ที่นิยมทั่วไปคือ (1) จอภาพ (monitor) (2) เครื่องพิมพ์ (printer) - เครื่องพิมพ์แบบจุด (dot matrix printer - เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (laser printer) - เครื่องพิมพ์รายบรรทัด (line printer) 1. จอภาพ (monitor) มีลักษณะเป็นจอภาพเหมือนจอโทรทัศน์ทั่วไป การส่งออกของ ข้อมูลจะปรากฏบนจอภาพ ซึ่งแสดงได้ทั้งตัวอักษร ตัวเลข เครื่องหมายพิเศษ และยัง สามารถแสดงรูปภาพได้ด้วย จอภาพ มี 2 แบบคือ ซีอาร์ที (Cathode Ray Tube : CRT) ใช้เทคโนโลยีของหลอดรังสีอิเล็กตรอน เช่นเดียวกับจอโทรทัศน์ ในการทำให้เกิดภาพ และ จอแบบแอลซีดี (Liquid Crystral Display : LCD) ใช้เทคโนโลยีของการบรรจุของเหลว ไว้ภายในจอ เช่นเดียวกับหน้าปัดนาฬิกาในระบบตัวเลข 2. เครื่องพิมพ์ (printer) เครื่องพิมพ์ที่ใช้กับคอมพิวเตอร์มีหลายประเภทตามเทคโนโลยี การพิมพ์ เครื่องพิมพ์ เป็นอุปกรณ์ส่งออกที่พิมพ์ลงบนกระดาษ เครื่องพิมพ์ที่ใช้กับ คอมพิวเตอร์

บทที่ 2 เทคโนโลยีสารสนเทศ

เทคโนโลยีสารสนเทศ คืออะไร บทความนี้เราจะพาท่านมารู้จักกับ “เทคโนโลยี สารสนเทศคืออะไร” โดยบทความก่อนหน้านี้เราได้ อธิบายเกี่ยวกับด้านการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ไว้อย่าง มากมายเพื่อเป็นพื้นฐานองค์ความรู้ไว้นำไปประกอบ พิจารณาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน หรือการประกอบอาชีพ ต่างๆ โดยเฉพาะในปัจจุบันมีการแข่งขันด้านเทคโนโลยี อย่างมากมาย ทั้งด้านอุตสาหกรรม และด้านการทำงาน ต่างๆ ดังนั้นเราจึงหยิบยกเรื่อง “เทคโนโลยีสารสนเทศ คืออะไร” มาฝากท่านผู้อ่านเพื่อที่จะสามารถนำไป ปรับใช้กับการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถทำให้ท่านได้เข้าใจเกี่ยวกับ เทคโนโลยีสารสนเทศมากยิ่งขึ้นอีกด้วย อาจ ทำให้เกิดไอเดียและมุมมองใหม่ๆ ในการทำงาน ในอนาคตได้อีก

เทคโนโลยีคือ 2023 เทคโนโลยีคืออะไร? เราต้องขอบอกก่อนว่าความหมายของเทคโนโลยีนั้น ค่อนข้างกว้าง ซึ่งทั่วไปแล้วความหมายมาจากธรรมชาติ วิทยาที่ต่อเนื่องมาจนถึงวิทยาศาสตร์ ซึ่งเกิดจากไอเดีย และความคิดสร้างสรรค์จนนำไปสู่การประยุกต์ใช้ทั้ง สร้างขึ้นมาใหม่และจากของเดิมที่มีอยู่เพื่อมาช่วยแก้ ปัญหาต่างๆ และมาไขปริศนาต่างๆ ที่มนุษย์นั้นอยากรู้ จึงทำให้เกิดเทคโนโลยีที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ เพื่อ ช่วยเหลือและทำให้การดำรงชีวิตนั้นง่ายขึ้นนั้นเองครับ แน่นอนครับสิ่งที่ตามมานั้น เทคโนโลยีก่อให้เกิดผลกระ ทบต่อสังคมในพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ใกล้เคียงที่มี เทคโนโลยีเข้าไปเกี่ยวข้องในทุกรูปแบบ ซึ่งก่อให้เกิด มลภาวะ ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นเมื่อเกิด เทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นมาก็มักจะถูกตั้งคำถามทาง จริยธรรมอยู่เสมอนั่นเอง เทคโนโลยีเป็ นสิ่งที่มนุษย์นั้นนำความรู้จากธรรมชาติ วิทยามาดัดแปลงเพื่ออำนวยความสะดวกและเพื่อการ ดำรงชีวิตที่ดีขึ้น เช่น การเพาะปลูก เครื่องปั้นดินเผา และสิ่งต่างๆ ที่สร้างขึ้นจากธรรมชาติ เมื่อประชากรมาก ขึ้น กับข้อจำกัดของธรรมชาติที่มีอยู่ จึงเป็นปัจจัยที่ ทำให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีมากขึ้ นอย่างต่อเนื่ อง บันทึกประจำวัน

สารสนเทศ(Informaton) คือ สารสนเทศ (Information) นั้นคือข้อมูลที่ได้ผ่าน กระบวนการประมวลผลแล้ว อาจใช้วิธีง่ายๆ เช่น หาค่า เฉลี่ย หรือใช้เทคนิคขั้นสูง เช่นการวิจัยดำเนินงาน เป็ นต้น เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพข้อมูลทั่วไปให้อยู่ในรูป แบบที่มีความสัมพันธ์หรือมีความเกี่ยวข้องกัน เพื่อนำไป ใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจหรือตอบปั ญหาต่างๆ ได้ สารสนเทศประกอบด้วยข้อมูล เอกสาร เสียงหรือรูปภาพ ต่างๆ แต่จัดเนื้อเรื่องให้อยู่ในรูปที่มีความหมาย สารสนเทศไม่ใช่จำกัดเฉพาะเพียงตัวเลขเพียงอย่างเดียว เท่านั้น การทำข้อมูลให้เป็ นสารสนเทศ การทำข้อมูลให้เป็ นสารสนเทศที่จะเป็ นประโยชน์ ต่อการใช้งานจำเป็ นต้องอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาช่วยใน การดำเนินการ เริ่มตั้งแต่การรวบรวมและตรวจสอบ ข้อมูล การดำเนินการประมวลผลข้อมูลให้กลายเป็ น สารสนเทศและการดูแลรักษาสารสนเทศเพื่ อการใช้งาน

เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ไอที คือ Information Technology เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นเทคโนโลยีในการรวบรวมข้อมูล มาจากคำว่า เทคโนโลยี รวมกับคำว่า สารสนเทศ ซึ่ง IT สามารถ จัดเก็บได้อย่างมีระบบ การเรียกข้อมูลได้อย่าง รวดเร็ว การประมวลผล การวิเคราะห์ผลที่ได้จาก กต่าอรไปประไมอทวีลนั้ในนสรูา ปมแาบรบถทชี่่วเหยมเหาละืสอมงากันบใผหู้้ทมี่ีจปะรนะำโไยปชในช์้ ได้ในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านงานเอกชน และ ภาครัฐและร้านค้าทั่วๆไป การประยุกต์นำเอาความรู้ ทางด้านวิทยาศาสตร์ ทั้งเรื่องความเป็นจริงมาให้ ประโยชน์กับการดำเนินชีวิตของมนุษย์ซึ่งเป็ น ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน โดยเน้ นถึงการใช้ คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์และระบบเครือ ข่ายคอมพิวเตอร์ซึ่งแต่ก่อนคอมพิวเตอร์สามารถ เชื่อมโยงกันภายในพื้นที่เฉพาะเท่านั้น แต่ใน ปั จจุบันสามารถเชื่ อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระหว่างกันทั่วโลก ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสาร คือ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต

ตัวอย่างของเทคโนโลยีสารสนเทศ มีอะไร บ้าง การใช้อินเตอร์เน็ตโดยผ่านโทรศัพท์มือ ถือ( wap) ปาล์มคอมพิวเตอร์( Palm computer) การประชุมทางไกล( Tele Conference) เป็ นต้น

1. เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์เป็ นเครื่ อง อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถจดจำข้อมูล ต่าง ๆ และปฏิบัติตามคำสั่งที่บอก เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานอย่างใด อย่างหนึ่งให้ คอมพิวเตอร์นั้น ประกอบด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ ต่อ เชื่อมกันเรียกว่า ฮาร์ดแวร์ (Hardware) และอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ นี้จะต้องทำงานร่วมกับโปรแกรม คอมพิวเตอร์หรือที่เรียกกันว่า ซอฟต์แวร์ (Software) (มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี 2546: 4)

ฮาร์ดแวร์ ประกอบด้วย 5 ส่วน คือ อุปกรณ์รับข้อมูล (Input) เช่น แผงแป้ นอักขระ (Keyboard), เมาส์, เครื่องตรวจกวาดภาพ (Scanner), จอภาพสัมผัส (Touch Screen), ปากกา แสง (Light Pen), เครื่องอ่านบัตรแถบแม่เหล็ก (Magnetic Strip Reader), และเครื่องอ่านรหัสแท่ง (Bar Code Reader) 1. อุปกรณ์ส่งข้อมูล (Output) เช่น จอภาพ (Monitor), เครื่องพิมพ์ (Printer), และเทอร์มินัล 2.หน่วยประมวลผลกลาง จะทำงานร่วมกับหน่วย ความจำหลักในขณะคำนวณหรือประมวลผล โดย ปฏิบัติหน้ าที่ตามคำสั่งของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยการดึงข้อมูลและคำสั่งที่เก็บไว้ไว้ใน 3.หน่วย ความจำหลักมาประมวลผล 4.หน่วยความจำหลัก มีหน้ าที่เก็บข้อมูลที่มาจาก อุปกรณ์รับข้อมูลเพื่อใช้ในการคำนวณ และผลลัพธ์ ของการคำนวณก่อนที่จะส่งไปยังอุปกรณ์ส่งข้อมูล รวมทั้งการเก็บคำสั่งขณะกำลังประมวลผล 5.หน่วยความจำสำรอง ทำหน้ าที่จัดเก็บข้อมูลและ โปรแกรมขณะยังไม่ได้ใช้งาน เพื่อการใช้ในอนาคต

ซอฟต์แวร์ เป็นองค์ประกอบที่สำคัญและจำเป็นมากในการควบคุมการ ทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ ซอฟต์แวร์ระบบ มีหน้ าที่ควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในระบบคอมพิวเตอร์ และเป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้กับคอมพิวเตอร์หรือฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ระบบ สามารถแบ่งเป็น 3 ชนิดใหญ่ คือ 1. โปรแกรมระบบปฏิบัติการ ใช้ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์และ อุปกรณ์พ่วงต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ตัวอย่างโปรแกรมที่นิยมใช้กัน ใน ปัจจุบัน เช่น UNIX, DOS, Microsoft Windows 2. โปรแกรมอรรถประโยชน์ ใช้ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้เครื่อง คอมพิวเตอร์ในระหว่างการประมวลผลข้อมูลหรือในระหว่างที่ใช้ เครื่อง คอมพิวเตอร์ ตัวอย่างโปรแกรมที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน เช่น โปรแกรม เอดิเตอร์ (Editor) 3. โปรแกรมแปลภาษา ใช้ในการแปลความหมายของคำสั่งที่เป็นภาษา คอมพิวเตอร์ให้อยู่ในรูปแบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์เข้าใจ และทำงานตามที่ ผู้ ใช้ต้องการ ซอฟต์แวร์ประยุกต์ เป็นโปรแกรมที่เขียนขึ้นเพื่อทำงานเฉพาะด้านตาม ความต้องการ ซึ่งซอฟต์แวร์ประยุกต์นี้สามารถแบ่งเป็น 3 ชนิด คือ 1. ซอฟต์แวร์ประยุกต์เพื่องานทั่วไป เป็นซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้งาน ทั่วไปไม่เจาะจงประเภทของธุรกิจ ตัวอย่าง เช่น Word Processing, Spreadsheet, Database Management เป็นต้น 2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์เฉพาะงาน เป็นซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในธุรกิจ เฉพาะ ตามแต่



สถาบันส่งเสริมการสอนคอมพิวเตอร์เเละ เทคโนโลยีกระทรวงศึกษา เสนอ คุณครู วนิดา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook