การพฒั นารปู แบบการบรหิ ารงานการจัดกิจกรรมสง่ เสริมและพฒั นาค่านยิ มหลัก 12 ประการ โดยใชก้ ลยุทธก์ ารบริหารแบบกลุ่มร่วมมอื ของโรงเรียนสุเหร่าสมอเอก (ธนาคารกรุงเทพ 15) นงนารถ ยุทธนาวา โรงเรยี นสเุ หร่าสมอเอก (ธนาคารกรงุ เทพ 15) บทคัดย่อ การวจิ ยั เร่ือง การพัฒนารูปแบบการบริหารงานการจัดกจิ กรรมส่งเสรมิ และพัฒนาค่านิยมหลัก 12 ประการ โดยใช้กลยุทธก์ ารบริหารแบบกลุ่มร่วมมือของโรงเรียนสเุ หรา่ สมอเอก (ธนาคารกรงุ เทพ 15) คร้ังน้ี มวี ัตถปุ ระสงค์ 4 ประการ คือ 1) เพ่ือศึกษาองค์ประกอบและตวั ชี้วัด สภาพการปฏบิ ตั ิ และสภาพท่ีพึงประสงค์ ของการบริหารงานการจัดกจิ กรรมส่งเสรมิ และพฒั นาค่านิยมหลกั 12 ประการ ของโรงเรียนขนาดเลก็ 2) เพื่อสรา้ งและประเมนิ รปู แบบการบริหารงานการจดั กจิ กรรมสง่ เสริมและพัฒนาค่านยิ มหลกั 12 ประการ โดยใช้กลยุทธ์การบรหิ ารแบบกลมุ่ รว่ มมือของโรงเรียนสุเหร่าสมอเอก (ธนาคารกรุงเทพ 15) 3) เพือ่ ศึกษา ผลการใชร้ ูปแบบการบรหิ ารงานการจดั กิจกรรมสง่ เสริมและพัฒนาค่านยิ มหลัก 12 ประการ โดยใช้กลยุทธ์ การบริหารแบบกลุ่มรว่ มมือของนักเรยี นโรงเรยี นสุเหรา่ สมอเอก (ธนาคารกรุงเทพ 15) และ 4) เพ่อื ศกึ ษา ความพึงพอใจต่อรปู แบบการบริหารงานการจัดกจิ กรรมสง่ เสริมและพัฒนาค่านิยมหลัก 12 ประการ ทพ่ี ฒั นาขนึ้ กลมุ่ ผู้ให้ข้อมูลหลัก จานวน 6 กลุ่ม ประกอบด้วย คณะกรรมการประจามัสยิด ผู้ปกครองนักเรยี น คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพน้ื ฐาน องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล นกั เรยี น และครู จานวน 28 คน การวจิ ัยแบ่งออกเปน็ 4 ระยะ ได้แก่ ระยะท่ี 1 การศึกษาทฤษฎีและแนวคดิ เอกสารงานวจิ ยั ที่ เก่ียวข้อง สารวจสภาพปัจจบุ ัน สภาพที่พงึ ประสงค์ และความต้องการในการสง่ เสริมและพัฒนาค่านิยมหลัก 12 ประการ ของโรงเรยี นขนาดเล็ก จานวน 15 โรง กลุ่มผู้ใหข้ อ้ มูลเป็นผูอ้ านวยการ ครูผู้รบั ผิดชอบหรือครู ฝา่ ยแนะแนว และครผู ปู้ ฏิบัติการสอนกลุ่มสาระการเรยี นรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม จานวน 45 คน ระยะท่ี 2 การสร้างและประเมนิ รูปแบบการสง่ เสรมิ และพัฒนาค่านยิ มหลัก 12 ประการ โดยใชก้ ลยทุ ธ์การ บรหิ ารแบบกลุ่มรว่ มมือของโรงเรียนสุเหร่าสมอเอก (ธนาคารกรุงเทพ 15) โดยตรวจสอบความเหมาะสมและ ความเปน็ ไปได้ของรูปแบบฯ ดว้ ยเทคนิคการสนทนากลมุ่ (Focus group) โดยผทู้ รงคุณวุฒิ จานวน 10 คน ระยะที่ 3 การทดลองใช้รปู แบบการสง่ เสรมิ และพัฒนาค่านยิ มหลัก 12 ประการ โดยใช้กลยุทธก์ ารบริหาร แบบกลุ่มร่วมมือของโรงเรียนสุเหรา่ สมอเอก (ธนาคารกรงุ เทพ 15) ระยะท่ี 4 การประเมินความพึงพอใจ ตอ่ รูปแบบท่ีพฒั นาขึน้ เคร่ืองมือที่ใช้ในการวจิ ยั ได้แก่ แบบสรปุ ผลการศึกษาเอกสาร แบบสัมภาษณ์ แบบสอบถาม แบบมาตราสว่ นประมาณค่า (Rating scale) 5 ระดับ จานวน 4 ชุด แบบบันทึกข้อมูลการสนทนากล่มุ และแบบประเมนิ ความเหมาะสมของรูปแบบ สถติ ทิ ่ีใช้วิเคราะหข์ ้อมูล ได้แก่ ร้อยละ คา่ เฉลย่ี สว่ นเบย่ี งเบน มาตรฐาน และเปรยี บเทียบผลการพฒั นาด้วยสถิติทดสอบที (t-test dependent samples) ผลการวจิ ัยพบวา่ 1. สภาพปจั จุบัน สภาพทพ่ี ึงประสงค์ และความต้องการเกี่ยวกบั การส่งเสริมและพฒั นาค่านิยมหลัก 12 ประการ ของโรงเรียนขนาดเลก็ สังกดั สานักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต 1 ส่วนใหญ่
2 จัดเปน็ กิจกรรมพิเศษ ไมต่ ่อเน่ืองสม่าเสมอ และความตอ้ งการส่งเสรมิ และพฒั นาคา่ นยิ มหลัก 12 ประการ 2 ด้านแรก คอื คา่ นิยมหลักข้อ 1 มคี วามรักชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ซึ่งเปน็ สถาบันหลกั ของชาติใน ปัจจบุ ัน และคา่ นิยมหลัก ข้อ 2 ซือ่ สัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพอื่ ส่วนรวม 2. ผลการสร้างและประเมินรูปแบบการบริหารงานการจัดกจิ กรรมสง่ เสริมและพฒั นาค่านยิ มหลกั 12 ประการ โดยใชก้ ลยุทธ์การบริหารแบบกลมุ่ ร่วมมือของโรงเรียนสุเหรา่ สมอเอก (ธนาคารกรุงเทพ 15) เป็นกระบวนการ 4 รูปแบบ ผลการประเมินพบวา่ รปู แบบการบริหารงานการจัดกจิ กรรมส่งเสริมและ พฒั นาคา่ นิยมหลัก 12 ประการ โดยใชก้ ลยุทธก์ ารบรหิ ารแบบกลมุ่ ร่วมมือของโรงเรยี นสุเหร่าสมอเอก (ธนาคารกรุงเทพ 15) มีความเหมาะสมและความเป็นไปได้ โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก 3. ในการวจิ ัยคร้งั น้ีผูว้ จิ ัยได้ร่วมกบั ผ้รู ่วมวิจยั 6 ฝา่ ย มมี ตใิ ห้ส่งเสรมิ และพัฒนาค่านยิ มหลกั 12 ประการ กับนกั เรยี นช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 1-6 ซง่ึ แบ่งนักเรยี นออกเป็น 2 กลมุ่ ผลการทดลองใช้รูปแบบฯ ปรากฏว่านักเรียนกลุ่มแรก ตามเป้าประสงค์ของผมู้ ีสว่ นรว่ มในการจัดการศึกษา 6 ฝ่าย ไดแ้ ก่ นกั เรียน ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 1-3 หลังจากใช้รูปแบบการบริหารงานการจดั กจิ กรรมการส่งเสริมและพัฒนาค่านิยมหลัก 12 ประการ แลว้ ได้รับการประเมินว่าผา่ นการปฏิบตั ิค่านยิ มในระดบั ดเี ยี่ยมท้ัง 3 ข้อ ไดแ้ ก่ ค่านิยมหลักข้อ 1 มีความรักชาติศาสนาพระมหากษตั ริย์ ค่านยิ มหลกั ข้อ 3 กตัญญูต่อพ่อแม่ ผปู้ กครอง ครูบาอาจารย์ และค่านิยม หลกั ข้อ 8 มรี ะเบยี บวินยั เคารพกฎหมาย ผ้นู ้อยรู้จักการเคารพผ้ใู หญ่ ส่วนนักเรยี นกล่มุ ท่ีสอง เป็นนักเรียน ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4-6 หลังจากใชร้ ูปแบบการบริหารงานการจดั กจิ กรรมการสง่ เสริมและพัฒนาค่านิยมหลัก 12 ประการ แล้วไดร้ ับการประเมินว่าผา่ นการปฏบิ ัตคิ ่านิยมหลักในระดบั ดีเยีย่ มทง้ั 3 ขอ้ ได้แก่ คา่ นิยมหลัก ข้อ 2 ซอื่ สตั ย์ เสยี สละอดทน คา่ นิยมหลัก ข้อ 4 ใฝ่หาความรู้หม่นั ศึกษาเลา่ เรียนทั้งทางตรงและทางอ้อม และ คา่ นิยมหลักข้อ 11 มีความเข้มแข็งทัง้ ร่างกายและจิตใจ ไม่ยอมแพ้ตอ่ อานาจฝ่ายต่า นอกจากนยี้ งั พบว่าคะแนน พฤติกรรมการปฏบิ ตั ิตามค่านิยมของนักเรียนทั้งสองกลมุ่ หลังใชร้ ปู แบบสูงกวา่ และแตกตา่ งจากคะแนนก่อน ใชร้ ปู แบบอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถติ ิท่ีระดับ .05 4. ผลการประเมินความพงึ พอใจต่อรูปแบบการบรหิ ารงานการจดั กิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาคา่ นิยม หลัก 12 ประการ โดยใช้กลยุทธ์การบริหารแบบกลุ่มร่วมมือของโรงเรยี นสเุ หร่าสมอเอก (ธนาคารกรุงเทพ 15) โดยรวมอยู่ในระดบั มาก และเม่ือพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านการบริหารจัดการ ด้านครูผู้สอน ดา้ นงบประมาณ และวสั ดุในการดาเนนิ งาน และดา้ นภาคีเครอื ขา่ ยทางการศึกษา มคี วามพงึ พอใจอยู่ในระดับมากทุกดา้ น ความเปน็ มาและความสาคัญของการวจิ ัย ค่านยิ มในสงั คมไทยเปน็ ส่วนหนง่ึ ของวฒั นธรรมไทยเป็นสิ่งท่บี ุคคลและสงั คมมคี วามเห็นว่าดแี ลว้ มคี ุณค่าควรแก่การกระทาเพื่อยึดถือเปน็ แนวปฏิบัตใิ นการดาเนินชวี ติ เปน็ ตัวกาหนดพฤติกรรมของสมาชกิ ในสงั คมและมีการสืบทอดกันมาจนถึงปัจจบุ ัน ซง่ึ คา่ นิยม (Value) เปน็ สง่ิ ทีค่ นสนใจคา่ นิยมเป็นสง่ิ ทบี่ ุคคล ตั้งจุดมงุ่ หมาย สภาพการณ์ หรือกจิ กรรมต่าง ๆ ทบ่ี ุคคลปรารถนาและคาดหวงั ไวว้ า่ จะบังเกดิ ผลดแี ก่เขา ในการดารงชีวิต บคุ คลพยายามแสวงหาสิ่งท่สี งั คมได้ตัดสินใจแล้ววา่ เปน็ สงิ่ ดีและหลีกเล่ียงสง่ิ ท่ีสังคมได้ลง ความเหน็ วา่ เปน็ สง่ิ ไม่ดี คา่ นิยมจึงเปน็ สิ่งท่ีคอยควบคุมพฤติกรรม และเปน็ สิ่งทีย่ ดึ ถือในการปฏบิ ตั ติ นของ บคุ คลในสังคมหนึ่ง ๆ ซึง่ ค่านิยมเปน็ ตวั กาหนดบรรทัดฐาน (Norms) ของสังคม ในขณะเดยี วกนั บรรทดั ฐาน
3 ของสังคมกเ็ ป็นตวั กาหนดวา่ พฤติกรรมของบุคคลทแ่ี สดงออกมาจะเป็นเชน่ ไร และพฤติกรรมของบุคคล ส่วนใหญ่ในสังคมเปน็ เช่นไร พฤติกรรมของสังคมกเ็ ปน็ เช่นน้ัน วนั ท่ี 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20.20 น. พลเอกประยุทธ์ จันทรโ์ อชา หัวหนา้ คณะรักษา ความสงบแห่งชาติ กลา่ วในรายการ “คนื ความสุขใหค้ นในชาติ” โดยได้กล่าวถึงแนวทางการพฒั นาประเทศ น้อมนายุทธศาสตรพ์ ระราชทานและปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั มาเปน็ แนวทาง ในการปฏบิ ตั แิ ละต้องพัฒนาแบบองค์รวม ยดึ คนเปน็ ศนู ย์กลาง พร้อมทงั้ มีการกาหนดค่านยิ มหลักของคนไทย ขน้ึ มาให้ชดั เจนเพอื่ สร้างสรรค์ประเทศไทยใหเ้ ข้มแข็ง ดังน้ี (1) มคี วามรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซ่ึงเป็นสถาบันหลักของชาติในปัจจุบนั (2) ซ่ือสัตย์ เสียสละอดทนมีอุดมการณ์ในส่ิงที่ดีงามเพื่อส่วนรวม (3) กตัญญูต่อพ่อแม่ผู้ปกครองครูบาอาจารย์ (4) ใฝห่ าความรหู้ ม่ันศกึ ษาเล่าเรียนทางตรงและทางอ้อม (5) รกั ษาวัฒนธรรมประเพณไี ทยอันงดงาม (6) มีศีลธรรมรักษา ความสตั ยห์ วงั ดตี ่อผู้อืน่ เผอ่ื แผแ่ ละแบ่งปัน (7) เขา้ ใจเรียนรู้การเปน็ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมุขทีถ่ ูกต้อง (8) มรี ะเบยี บวนิ ยั เคารพ กฎหมาย ผ้นู ้อยรจู้ ักการเคารพผใู้ หญ่ (9) มีสติร้ตู ัว รคู้ ิด รูท้ า รปู้ ฏิบตั ติ ามพระราชดารสั ของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั (10) รู้จักดารงตนอยูโ่ ดยใชห้ ลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงตามพระราชดารสั ของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยูห่ วั รจู้ ักอดออมไวใ้ ช้เม่อื ยามจาเปน็ มีไว้พอกินพอใช้ ถ้าเหลอื กแ็ จกจ่ายจาหน่าย และขยายกจิ การ เมอื่ มีความพร้อม โดยมีภมู ิคมุ้ กนั ท่ีดี (11) มคี วามเข้มแข็งท้ังร่างกายและจติ ใจไมย่ อมแพ้ต่ออานาจฝา่ ยต่าหรือ กิเลส มคี วามละอายเกรงกลวั ต่อบาปตามหลักของศาสนา และ (12) คานงึ ถึงผลประโยชนข์ องสว่ นรวมและต่อ ชาตมิ ากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง (สานักเลขาธกิ ารนายกรัฐมนตรี ทาเนียบรฐั บาล, 2559) แตอ่ ย่างไรกต็ ามการเสริมสร้างคา่ นยิ ม 12 ประการ นั้นจะมอบหมายให้เป็นหน้าทีข่ องสถานศกึ ษา โดยคณะครูเพยี งฝ่ายเดยี วนั้นคงจะไม่ประสบผลสาเร็จ จะต้องอาศัยความร่วมมือจากหลาย ๆ ฝ่าย หลาย ๆ องค์กร หลาย ๆ สถาบนั เช่น สถาบนั ครอบครวั สถาบนั ชุมชน สถาบันศาสนา เป็นต้น จะตอ้ งเข้ามาร่วมมือ ร่วมใจ รว่ มส่งเสริม และผนกึ กาลงั ร่วมกัน (ดเิ รก พรสีมา, 2559) ซง่ึ ในเรอื่ งการเสรมิ สร้างคา่ นยิ ม 12 ประการ นน้ั ควรเริ่มเสริมสร้างต้งั แตเ่ ยาวว์ ัย โดยการสร้างสิ่งแวดล้อมท่ีดีของครอบครวั โรงเรียน ชุมชน และสงั คม ให้เออื้ ตอ่ การเสริมสร้างค่านิยม 12 ประการ และจะต้องมีการทาอย่างจริงจงั เปน็ ระบบ และต่อเนื่องเปน็ รูปธรรม (วโิ รจน์ สารรัตนะ, 2557) เพ่อื เปน็ การปลูกฝังให้สามารถนาไปใช้ในชวี ิตประจาวนั ได้ และผูบ้ รหิ าร หรือผูม้ ีอานาจ ควรต้องทาตนใหเ้ ป็นแบบอย่างที่ดี ผ้มู ีอานาจควรให้ความสนใจเอาใจใส่ต่อการเสริมสรา้ ง ค่านิยมอย่างต่อเนื่องโดยจะต้องลงมาสมั ผสั ดว้ ยตนเอง และให้ทุกคนมสี ว่ นรว่ ม (Kimonen & Nevalainen, 1993) ดังนั้นกระทรวงศึกษาธกิ ารจึงสนับสนนุ ให้สถานศกึ ษาพฒั นาคุณธรรม จริยธรรม และคา่ นิยมควบคู่ กบั การพัฒนาทุกด้านอย่างเป็นองค์รวม และการดาเนนิ การเสริมสรา้ งคุณธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ มของ นักเรยี นถอื เป็นนโยบายหลกั ของการจดั การศึกษาท่ีจะพฒั นามนุษย์สชู่ วี ิตท่ีสมบูรณ์ ซึ่งผ้บู รหิ ารโรงเรยี น ครู ผู้ปกครอง ชุมชน ได้ตระหนักว่านกั เรียนต้องไดร้ ับการพฒั นาดา้ นค่านิยม ดา้ นสังคม และดา้ นการเรียนรู้ อยา่ งเป็นองค์รวมและต่อเนือ่ ง มีการพฒั นาเพิ่มทุกขณะชีวติ ทเ่ี ป็นการศกึ ษาจงึ เปน็ ชีวติ ทเ่ี รียนรูแ้ ละพัฒนา ทไ่ี ม่มีวนั จบ อันเปน็ เปา้ หมายของการจัดการศกึ ษา ตอ้ งการสบื ต่อท่ีมลี กั ษณะแห่งบุคคลทีม่ กี ารเรยี นรู้ ตลอดชวี ติ คดิ เป็น เฉลยี วฉลาด เกง่ กลา้ อดทน เพียรพยายาม แสดงความคดิ เห็นได้ถกู ต้องตามความเป็นจริง
4 ในขณะเดยี วกันก็เปน็ สมาชิกที่ดีของสงั คม สร้างประโยชนใ์ หก้ บั สงั คมไดอ้ ย่างสมานฉันท์ สนั ตสิ ุขเพ่ือประเทศ ไทยนา่ อยูม่ ากข้นึ (สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน, 2559) จากผลการประเมนิ คุณภาพผู้เรียนขัน้ พน้ื ฐาน ปกี ารศกึ ษา 2562 ของสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาฉะเชงิ เทรา เขต 1 ได้แก่ ผลการประเมนิ คณุ ภาพผู้เรยี น ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 3 (NT) พบว่า คะแนนการประเมนิ ในกลุ่มสาระการเรยี นรทู้ ม่ี ีคะแนนเฉลี่ยนอ้ ยกวา่ 50 คะแนน ได้แก่ ภาษาองั กฤษ คณติ ศาสตร์ และวทิ ยาศาสตร์ ยกเว้นภาษาไทยมีคะแนนเฉลย่ี 50.02 ส่วนผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติข้ันพื้นฐาน ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 (O-NET) พบว่าคะแนนการทดสอบในกลุ่มสาระการเรียนร้ทู ีม่ คี ะแนนเฉลี่ย นอ้ ยกวา่ 50 คะแนน ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวทิ ยาศาสตร์ (สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษา ฉะเชงิ เทรา เขต 1, 2562) จะเหน็ ไดว้ า่ คะแนนการประเมนิ คุณภาพผเู้ รียนขนั้ พน้ื ฐาน ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 3 (NT) และคะแนนการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาติ (O-Net) ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 มคี ะแนนเฉลีย่ น้อยกวา่ 50 คะแนน ทง้ั 4 กล่มุ สาระการเรียนรู้ ถงึ แมว้ า่ กลุม่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 3 จะมี คะแนนเฉล่ียมากกวา่ ร้อยละ 50 ซง่ึ กเ็ กนิ มาแค่ .02 เท่านน้ั ดังน้นั เมือ่ นาคะแนนไปเทยี บกบั เกณฑ์ผลสมั ฤทธิ์ ทางการเรียนท่โี รงเรยี นในสังกดั สานักงานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาฉะเชงิ เทรากาหนดไว้ จะเห็นได้ ว่าระดบั คุณภาพของนักเรียนอย่ใู นระดบั ที่ตา่ กว่าเกณฑ์ ซง่ึ อาจมหี ลายสาเหตทุ ่ีทาให้คะแนนการประเมนิ คุณภาพผ้เู รียนข้ันพื้นฐาน ปีการศึกษา 2562 ตา่ กวา่ 50 และสาเหตุหนึ่งนนั้ คือโรงเรียนในสงั กัดเกือบครงึ่ เปน็ โรงเรยี นขนาดเลก็ ที่มคี วามย่งุ ยากในเร่ืองการบรหิ ารจัดการ และจากการศกึ ษาสภาพปญั หาตา่ ง ๆ ของ นักเรยี นโรงเรียนสุเหรา่ สมอเอก (ธนาคารกรงุ เทพ 15) ซงึ่ เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก เพ่ือนาข้อมลู มาใช้ในการพัฒนา คณุ ภาพการศึกษา โดยการเกบ็ รวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์ สอบถาม การสังเกต ทง้ั จากครู นักเรยี น ผปู้ กครอง ผนู้ าชุมชนจากคณะกรรมการสถานศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน และขอ้ มลู จากการเย่ียมบ้านนักเรียน พบว่า นักเรยี นส่วนใหญ่เป็นมุสลมิ มีฐานะยากจน ครอบครวั แตกแยกต้องอาศยั อยู่กับปู่ ย่า ตา ยาย ผปู้ กครอง มอี าชพี เกษตรกรทานา เลยี้ งสตั ว์ ทาให้นกั เรียนตอ้ งขาดเรียนเพือ่ ช่วยผปู้ กครองทานา เลี้ยงสตั ว์ รวมถงึ การขาดความอบอนุ่ จากการทพ่ี ่อ แม่เลกิ รากัน ซึง่ ส่งผลกระทบท้งั ด้านการเรยี นและพฤติกรรมดา้ นอ่นื ๆ และเด็กบางส่วนยังมีโอกาสเสย่ี งที่จะไปร่วมมัว่ สมุ กับเยาวชนรนุ่ พี่ ๆ ในชุมชนเพ่ือเสพยาเสพตดิ ลักขโมย ก่อความเดอื ดร้อนในชมุ ชน และนอกจากนัน้ ยังพบวา่ ในชุมชน จะไม่ค่อยร่วมมือรว่ มใจช่วยเหลือซ่งึ กันและกัน ในการพฒั นากิจกรรมทีเ่ ป็นสาธารณประโยชน์โดยเฉพาะเรื่องการชว่ ยกันรว่ มแกป้ ญั หาของเดก็ นักเรียนใน ชุมชน โดยผู้ปกครองมักจะท้ิงภาระในการดูแลสง่ั สอนเด็ก ให้เป็นหนา้ ที่ของครูแตฝ่ า่ ยเดียวโดยมคี วามเชื่อว่า ครเู ทา่ นั้นท่ีจะสง่ั สอนให้ลูกหลานของเขาเปน็ คนดี และทางโรงเรียนสุเหร่าสมอเอก (ธนาคารกรุงเทพ 15) สานักงานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาฉะเชงิ เทราเขต 1 ประสบปัญหาท่ีจะพัฒนารปู แบบค่านิยมหลัก 12 ประการ ตามนโยบายของรัฐบาลและต้นสงั กัด ทางโรงเรียนสุเหร่าสมอเอก (ธนาคารกรุงเทพ 15) ต้องการ ปลูกฝังค่านยิ มหลกั 12 ประการ ให้กบั นักเรียนโรงเรยี นสเุ หร่าสมอเอก (ธนาคารกรงุ เทพ 15) สามารถยึดถอื และเป็นแนวปฏบิ ตั ใิ นการดารงชีวติ ของนักเรียนท้งั อยู่ในโรงเรยี นและนอกโรงเรยี น สามารถเติบโตเป็น พลเมืองท่ีดีของประเทศชาติต่อไป รวมถึงมตทิ ี่ประชุมผ้ปู กครองนกั เรียน ผนู้ าชมุ ชน คณะกรรมการสถานศึกษา ข้นั พื้นฐาน คณะครูโรงเรียนสุเหร่าสมอเอก (ธนาคารกรงุ เทพ 15) และหน่วยงานทเี่ กยี่ วข้องใน วนั ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ได้เห็นพอ้ งตอ้ งกนั ทจี่ ะพฒั นารปู แบบการบริหารงานการจดั กิจกรรมส่งเสรมิ และ พัฒนาค่านยิ มหลกั 12 ประการ ของโรงเรียนสเุ หรา่ สมอเอก (ธนาคารกรุงเทพ 15) ขึ้น
5 จากปัญหาดังกล่าวข้างต้น และเพื่อสนองต่อนโยบายรฐั บาลเกี่ยวกับค่านิยมหลัก 12 ประการ ผู้วจิ ยั ในฐานะผบู้ ริหารสถานศึกษา ซงึ่ มีหนา้ ทีโ่ ดยตรงในการรับผิดชอบทีจ่ ะพัฒนานักเรยี นให้เป็นคนดีควบคู่ไปกบั การเปน็ คนเกง่ จงึ สนใจท่จี ะหารปู แบบการบริหารงานการจัดกิจกรรมการสง่ เสริมคา่ นยิ มหลกั 12 ประการ โดยใชก้ ลยุทธ์การบริหารแบบกลมุ่ รว่ มมือท่ีเหมาะสมและมีประสิทธภิ าพ ซ่งึ จะสง่ ผลใหบ้ รรลุเป้าหมายของ การสง่ เสริมและพฒั นาคา่ นิยม จะทาให้ผู้เรียนเป็นคนดีมคี ่านยิ มหลัก 12 ประการ ตามนโยบายของรัฐบาลซ่ึง ผลจากการไดร้ ปู แบบการบรหิ ารงานการจดั กจิ กรรมส่งเสริมและพัฒนาคา่ นิยมทเี่ หมาะสมและมปี ระสิทธภิ าพ ทจ่ี ะนามาใชแ้ กป้ ญั หาในสถานศึกษาทผ่ี ้วู จิ ัยรับผดิ ชอบแลว้ ยังสามารถนาไปประยุกตใ์ ช้ในโรงเรียนอื่น ๆ หรือหนว่ ยงานทางการศึกษาทมี่ ปี ัญหาใกล้เคยี งกันได้อกี ต่อไป วัตถุประสงคข์ องการวจิ ัย 1. เพอ่ื ศึกษาองคป์ ระกอบและตัวชว้ี ัด สภาพการปฏบิ ัติ และสภาพที่พงึ ประสงค์ของการบรหิ ารงาน การจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ และพัฒนาค่านยิ มหลกั 12 ประการ ของโรงเรียนขนาดเล็ก 2. เพอ่ื สรา้ งและประเมนิ รูปแบบการบริหารงานการจดั กิจกรรมสง่ เสริมและพัฒนาค่านิยมหลัก 12 ประการ โดยใช้กลยุทธก์ ารบรหิ ารแบบกลมุ่ ร่วมมือของโรงเรยี นสุเหร่าสมอเอก (ธนาคารกรงุ เทพ 15) 3. เพอื่ ศึกษาผลการใช้รปู แบบการบริหารงานการจัดกจิ กรรมสง่ เสรมิ และพัฒนาค่านยิ มหลกั 12 ประการ โดยใช้กลยทุ ธ์การบรหิ ารแบบกลุม่ ร่วมมือของนักเรียนโรงเรยี นสุเหรา่ สมอเอก (ธนาคารกรุงเทพ 15) 4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อรูปแบบการบรหิ ารงานการจดั กิจกรรมสง่ เสริมและพัฒนาคา่ นิยม หลัก 12 ประการ ท่ีพฒั นาขน้ึ ขอบเขตของการวจิ ัย ผู้วิจัยใชว้ ธิ กี ารวจิ ยั เชิงปฏบิ ตั กิ ารแบบมสี ว่ นรว่ ม (Participatory action research: PAR) และ วิธกี ารวจิ ยั และพฒั นา (Research and development: R & D) ทาการเก็บรวบรวมขอ้ มูล โดยแบง่ เป็น 4 ระยะ คือ 1. ระยะท่ี 1 แบ่งการศึกษาเปน็ 4 ตอน คือ 1.1 ตอนที่ 1 ศึกษาองคป์ ระกอบและตวั ชว้ี ัดการบริหารงานการจัดกิจกรรมสง่ เสรมิ และพัฒนา ค่านยิ มหลกั 12 ประการ 1.2 ตอนท่ี 2 พิจารณาความเหมาะสมขององค์ประกอบและตัวชีว้ ัดการบรหิ ารงานการจัด กิจกรรมส่งเสรมิ และพฒั นาค่านยิ มหลัก 12 ประการ โดยผเู้ ชีย่ วชาญ จานวน 5 คน 1.3 ตอนที่ 3 ศึกษาสภาพการปฏบิ ตั ิ สภาพทพี่ งึ ประสงคข์ องการบริหารงานการจัดกิจกรรม สง่ เสรมิ และพัฒนาค่านยิ มหลัก 12 ประการ โดยสอบถามจากผ้อู านวยการ ครูผูร้ บั ผิดชอบหรอื ครูฝา่ ยแนะแนว และครูอาจารยผ์ ู้ปฏิบัตกิ ารสอนกลุ่มสาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษาศาสนาและวฒั นธรรม 1.4 ตอนท่ี 4 การศกึ ษาดูงานโรงเรยี นท่มี กี ารจัดกจิ กรรมส่งเสรมิ และพฒั นาคา่ นิยมหลัก 12 ประการ ดีเย่ยี ม (Best practice) จานวน 3 โรง โดยการสมั ภาษณเ์ ชงิ ลึกผบู้ ริหารโรงเรียน และครู ผรู้ ับผดิ ชอบโครงการพัฒนานักเรียน โรงเรยี นละ 3 คน
6 2. ระยะที่ 2 สร้างและประเมนิ รปู แบบฯ โดยร่างรปู แบบฯ การจัดกจิ กรรมส่งเสรมิ และพฒั นา คา่ นิยมหลัก 12 ประการ ที่ได้จากการสงั เคราะห์ เอกสารตารา และงานวิจัยในระยะที่ 1 ประเมนิ ความเหมาะสม และความเปน็ ไปไดข้ องรูปแบบฯ ใช้การอภปิ รายกลุ่ม (Group discussion) โดยผู้ทรงคุณวฒุ ิ จานวน 10 คน 3. ระยะท่ี 3 ศึกษาผลการนารปู แบบฯ ไปใชก้ ับนักเรียนโรงเรยี นสเุ หร่าสมอเอก (ธนาคารกรุงเทพ 15) จานวน 42 คน คอื นกั เรียนช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 1-3 จานวน 19 คน และนักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 4-6 จานวน 23 คน 4 ระยะที่ 4 ศกึ ษาความพึงพอใจต่อรปู แบบฯ กลุ่มตัวอย่าง ไดแ้ ก่ ครูจานวน 2 คน และกลุ่มผู้ร่วม วจิ ยั จานวน 28 คน รวมจานวน 30 คน ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง หรอื กลุ่มผใู้ หข้ ้อมลู หลกั หรือกลุม่ เปา้ หมาย มีดังน้ี 1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่างระยะท่ี 1 1.1 กลมุ่ ผใู้ หข้ อ้ มูลหลกั ในการประเมินความเหมาะสมขององค์ประกอบและตัวชวี้ ัดของ รปู แบบฯ ไดแ้ ก่ ผูเ้ ชีย่ วชาญ จานวน 5 คน ไดม้ าโดยการเลือกแบบเจาะจง 1.2 การศกึ ษาข้อมูลพืน้ ฐาน สภาพปัจจุบัน และสภาพท่ีพงึ ประสงค์ และทศิ ทางของการพัฒนา รปู แบบฯ ของนักเรยี นโรงเรียนขนาดเลก็ ในสงั กัดสานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาฉะเชงิ เทรา เขต 1 จานวน 15 โรง กล่มุ เป้าหมายทใี่ ช้ในการวิจัยประกอบด้วยผู้อานวยการ จานวน 1 คน ครผู รู้ ับผดิ ชอบหรือครูฝา่ ยแนะแนว จานวน 1 คน และครผู ปู้ ฏบิ ัติการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรม จานวน 1 คน ซึง่ เปน็ ผู้ทม่ี บี ทบาทและหน้าทใี่ นการจัดกิจกรรมส่งเสรมิ และพัฒนาค่านยิ มหลัก 12 ประการ ของนักเรยี น จานวน 15 โรงเรยี น โรงเรียนละ 3 คน รวมจานวน 45 คน ไดม้ าโดยการเลือกแบบเจาะจง 1.3 กลุ่มเป้าหมาย ในการศึกษาดูงานโรงเรียนทม่ี ีการจดั กิจกรรมส่งเสรมิ และพฒั นาค่านยิ มหลัก 12 ประการ ดเี ยีย่ ม (Best practice) จานวน 3 โรง ใช้ในการสมั ภาษณ์ผู้บริหารโรงเรยี น และครผู ูร้ ับผิดชอบ โครงการพัฒนานักเรยี น โรงเรียนละ 3 คน รวม 9 คน ผวู้ จิ ยั ได้นาแนวคดิ และข้อมลู ที่ได้จากการสมั ภาษณ์ มาพฒั นาร่างเป็นรปู แบบฯ วธิ กี ารจดั กิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาค่านิยมหลกั 12 ประการ ของโรงเรียน สเุ หรา่ สมอเอก (ธนาคารกรงุ เทพ 15) ต่อไป 2. กล่มุ เปา้ หมายระยะท่ี 2 การสร้างและประเมนิ รูปแบบฯ 2.1 กลุม่ เปา้ หมาย คือ ผู้เช่ยี วชาญ จานวน 5 คน เพ่ือใชใ้ นการประเมินเพื่อหาคุณภาพ เครื่องมือในการวจิ ัย และกลุม่ ผ้ใู หข้ อ้ มลู หลัก (Key informants) ในการประเมนิ รปู แบบฯ ไดแ้ ก่ ผู้ทรงคณุ วฒุ ิ จานวน 10 คน โดยวธิ กี ารประชมุ กลุ่ม (Focus group) 3. กล่มุ เป้าหมายในระยะที่ 3 ศกึ ษาผลการใช้รูปแบบฯ เป็นนกั เรียนโรงเรยี นสุเหร่าสมอเอก (ธนาคารกรุงเทพ 15) ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 1-3 จานวน 19 คน และช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4-6 จานวน 23 คน รวมจานวนทัง้ ส้นิ 42 คน 4. กล่มุ เปา้ หมายในระยะท่ี 4 กลมุ่ ผู้ใหข้ ้อมลู หลักในการประเมนิ ความพึงพอใจต่อรูปแบบฯ เปน็ ครู (ร.ร.สุเหร่าสมอเอกฯ) จานวน 2 คน และกลุ่มผู้ร่วมวจิ ัย จานวน 28 คน รวมท้ังสิ้นจานวน 30 คน ตัวแปร 1. ตัวแปรต้น คือ รูปแบบการบริหารงานการจดั กจิ กรรมส่งเสริมและพฒั นาค่านยิ มหลัก 12 ประการ 2. ตวั แปรตาม คือ
7 2.1 ค่านิยมหลัก 12 ประการ ตามจดุ เน้นท่ี สพฐ. กาหนด ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 จานวน 3 ขอ้ ได้แก่ ขอ้ 1 ข้อ 3 ข้อ 8 ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 4-6 จานวน 3 ข้อ ได้แก่ ข้อ 2 ขอ้ 4 ข้อ 11 2.3 ส่วนคา่ นิยมหลัก 12 ประการ นอกเหนือจากจุดเน้นที่ สพฐ. กาหนด โรงเรยี นสเุ หร่าสมอเอก (ธนาคารกรุงเทพ 15) ได้ทาการพัฒนาโดยไม่เนน้ กิจกรรมเหมือนดังเชน่ 2 กลุ่มที่กล่าวมาแลว้ จานวน 6 ข้อ 2.4 ความพงึ พอใจตอ่ รูปแบบฯ กรอบแนวคดิ ในการวิจัย แนวทางการบรหิ ารงานการจัดกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนา แนวคดิ รปู แบบ Keller (1983) Keeves (1997) ทศิ นา แขมมณี ค่านยิ มหลกั 12 ประการ 1) การพัฒนาหลกั สูตรเฉพาะ (2558) AR dictionary (2008) ThinkExist, (2008) Good (2005) 2) การบูรณาการเขา้ ไปกบั เน้อื หาทุกกลมุ่ สาระการเรียนรู้ Husen and Postlethwaite (1994) 3) การจัดกจิ กรรมเสริมหลักสตู ร และ 4) การจัดกจิ กรรม พเิ ศษ ฉลาด จนั ทรสมบัติ (2551) และคณะศกึ ษาศาสตร์ รปู แบบการบริหารงานการจัดกิจกรรมส่งเสรมิ มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ (2551) สานกั งานคณะกรรมการ และพัฒนาค่านิยมหลกั 12 ประการ การศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ, 2559) โดยใชก้ ลยุทธ์การบรหิ ารแบบกลมุ่ ร่วมมอื การมีส่วนรว่ มตามแนวความคดิ ของ Kemmis and Mctaggart ของโรงเรยี นสเุ หรา่ สมอเอก (1998) มี 4 ขน้ั ตอน ดังน้ี 1) การรว่ มวางแผน (Planning) (ธนาคารกรงุ เทพ 15) 2) การรว่ มปฏบิ ตั ติ ามแผน (Action) 3) การร่วมสงั เกต (Observation) และ4) การรว่ มสะทอ้ นผล (Reflection) การพัฒนาคา่ นยิ ม Krathwohl, Bloom & Masia (1973) ค่านิยมหลัก12 ประการ ของคนไทยตามแนวคดิ ของ 1) การรบั รู้ (Receiving) 2) การตอบสนอง (Responding) พล.เอก ประยทุ ธ์ จนั ทร์โอชา 3) การร้คู ณุ ค่าหรอื ค่านยิ ม (Valuing) 4) การจดั ระบบคุณค่า 1) มีความรักชาติศาสนาพระมหากษัตรยิ ์ 2) ซือ่ สัตย์ เสียสละ (Organization) 5) ลกั ษณะนสิ ยั (Characterization by a value) อดทนมอี ดุ มการณ์ในส่ิงท่ดี ีงามเพื่อส่วนรวม 3) กตัญญูตอ่ พอ่ แม่ ผูป้ กครองครูบาอาจารย์ 4) ใฝ่หาความรูห้ มัน่ ศึกษาเลา่ เรียน การจดั กจิ กรรมส่งเสริมค่านยิ มหลัก 12 ประการ มแี นวทางการจัดกจิ กรรม ทางตรงและทางออ้ ม 5) รักษาวัฒนธรรมประเพณไี ทย อันงดงาม ที่หลากหลายวธิ กี าร ซ่งึ สามารถจดั ได้ตามความพรอ้ มของสถานศึกษา 6) มีศลี ธรรมรกั ษาความสตั ย์หวังดีตอ่ ผอู้ ื่น เผ่อื แผแ่ ละแบ่งปนั แต่ละแหง่ ในทนี่ ี้เสนอแนวทางการจดั กจิ กรรมส่งเสริมคา่ นิยมหลัก 7) เข้าใจเรยี นรูก้ ารเปน็ ประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตริย์ทรง 12 ประการ ไว้ 2 ลกั ษณะ ดงั น้ี เปน็ ประมุขที่ถูกตอ้ ง 8) มรี ะเบยี บวนิ ยั เคารพกฎหมายผู้นอ้ ยรู้จกั การเคารพผ้ใู หญ่ 9) มสี ตริ ู้ตวั รู้คิด รทู้ า รู้ปฏบิ ัติตามพระราช 1. การจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน โดยบรู ณาการค่านยิ มหลัก ดารัสของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว 10) รจู้ ักดารงตนอยู่ 12 ประการ ในทกุ กลุม่ สาระการเรียนรู้ และทกุ ระดับช้ันโรงเรียน โดยจัด โดยใชห้ ลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงตามพระราชดารสั ของ กจิ กรรมใหผ้ ู้เรียนได้รบั การพัฒนาตามกลมุ่ เปา้ หมายหรือนกั เรยี นทกุ คน พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รจู้ ักอดออมไวใ้ ช้เมื่อยามจาเปน็ มีไวพ้ อกนิ พอใชถ้ ้าเหลือกแ็ จกจา่ ยจาหนา่ ยและขยายกจิ การ 2. การจัดกิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน หรือกจิ กรรมเสริมหลกั สูตรหรอื เมือ่ มีความพร้อมโดยมีภมู ิค้มุ กนั ทด่ี ี 11) มีความเข้มแขง็ ทงั้ กิจกรรมตามโครงการของโรงเรียน โดยจัดกจิ กรรมใหผ้ เู้ รยี นไดร้ ับ ร่างกายและจิตใจ ไมย่ อมแพ้ต่ออานาจฝ่ายต่าหรือกเิ ลส การพฒั นาตามกลุ่มเป้าหมายหรอื นกั เรยี นทุกคน มคี วามละอายเกรงกลัวตอ่ บาป 12) คานึงถึงผลประโยชน์ของ สว่ นรวมและต่อชาติมากกวา่ ผลประโยชนข์ องตนเอง และ แนวทางการวัดผลประเมนิ ผลไว้ 2 ดา้ น ดงั นี้ ความพึงพอใจต่อรูปแบบการบริหารงานการจัดกิจกรรมสง่ เสริม 1. การวดั ผลประเมินผลคุณลกั ษณะของผเู้ รยี นตามคา่ นิยมหลกั และพัฒนาค่านยิ มหลัก 12 ประการ 12 ประการ ทกุ คน ทกุ ชน้ั 2. การวดั ผลประเมิน การจดั กิจกรรมโดยภาพรวมของโรงเรยี น (สาขนกั้ันวติชาอกนารดแาละเนมานิ ตกรฐาารนวกาจิ รัยศึกษา สานกั งานคณะกรรมการการศึกษา ข้นั พื้นฐาน, 2559)
8 ผวู้ จิ ัยได้กาหนดวธิ ดี าเนินการวจิ ัยออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่ ระยะท่ี 1 การศึกษาทฤษฎแี ละแนวคิด เอกสารงานวิจัยท่เี ก่ยี วข้อง สารวจสภาพปัจจุบัน สภาพท่พี ึงประสงค์ และความต้องการจาเปน็ การสง่ เสรมิ และพัฒนา ค่านยิ มหลกั 12 ประการ ของโรงเรียน ดงั ต่อไปน้ี 1. การดาเนนิ การวจิ ยั 1.1 ศกึ ษาทฤษฎี แนวคิดและงานวจิ ัยท่เี ก่ียวขอ้ งเกย่ี วกบั ส่งเสรมิ และพัฒนาค่านิยมหลัก 12 ประการ การพฒั นารปู แบบ องคป์ ระกอบของรปู แบบ การวิจัยเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารแบบมีสว่ นรว่ ม การวจิ ยั เชงิ ปริมาณ และการวจิ ัยเชงิ คุณภาพ 1.2 จดั ประชุมกลมุ่ องค์กรชุมชนและศึกษาดงู านสถาบันที่มีการปฏิบตั ิดีเดน่ (Best practice) ในการสง่ เสริมและพัฒนาคา่ นิยมหลกั 12 ประการ ผทู้ ี่เปน็ ผูม้ ีสว่ นรว่ มในการวจิ ัยคร้งั น้ี ไดแ้ ก่ ครู นักเรยี น ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน องค์การบรหิ ารสว่ นตาบล และคณะกรรมการประจามัสยดิ รวมจานวน 28 คน 1.3 สารวจสภาพปัจจบุ นั สภาพท่ีพึงประสงค์ และความต้องการส่งเสริมและพัฒนาคา่ นิยมหลกั 12 ประการ ของนกั เรียนในโรงเรียนขนาดเลก็ สังกัดสานกั งานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาฉะเชงิ เทรา เขต 1 ไดส้ ารสนเทศจากการศึกษาเอกสาร แนวคิด งานวจิ ัยทเี่ ก่ียวข้องสภาพปัญหา และการตอบแบบสอบถาม มาประมวลเข้าดว้ ยกนั เพ่ือยกร่างรูปแบบฯ 1.4 กาหนดกรอบความคิดในการวิจยั โดยนาผลจากข้อ 1 และ 2 มากาหนดกรอบแนวคิด ในการวจิ ัยเพื่อนาไปสู่การสังเคราะหเ์ ป็นรูปแบบฯ ตอ่ ไป 2. ผ้ใู ห้ข้อมูล 2.1 จัดประชุมกลุ่มองค์กรชมุ ชนท่ีเป็นผู้มสี ว่ นรว่ มในการวจิ ยั ครัง้ นี้ ได้แก่ ครู นกั เรียน ผ้ปู กครอง คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพืน้ ฐาน องค์การบริหารสว่ นตาบล และคณะกรรมการประจามัสยดิ กลมุ่ ละ 5 คน ยกเวน้ กลุ่มครู จานวน 3 คน รวมท้งั สิน้ จานวน 28 คน 2.2 เลือกโรงเรียนท่มี ีการส่งเสริมและพฒั นาคา่ นิยมหลัก 12 ประการดีเดน่ (Best Practice) เพ่อื ศกึ ษาดงู านจานวน 3 โรง โดยมีผใู้ ห้ข้อมูล ไดแ้ ก่ ผู้อานวยการ ครผู ู้รบั ผดิ ชอบวิธีการสง่ เสริมและพฒั นา คา่ นิยมหลัก 12 ประการ จานวน 2 คน จานวนโรงเรียนละ 3 คน รวมท้ังสนิ้ 9 คน โดยมีวัตถปุ ระสงค์เพื่อนา หลกั การ แนวทางและวธิ กี ารสง่ เสริมและพัฒนาคา่ นยิ มหลัก 12 ประการ ของโรงเรยี นดังกล่าว เป็นข้อมลู การพฒั นารปู แบบตอ่ ไป 2.3 การสารวจสภาพการปฏบิ ตั ิ สภาพทพี่ ึงประสงค์การส่งเสริมและพฒั นาค่านยิ มหลัก 12 ประการ ของนกั เรียนในโรงเรียนขนาดเลก็ กลุ่มผใู้ ห้ข้อมูลหลัก (Key informants) ใชว้ ธิ ีเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) ได้แก่ กลุม่ ผ้อู านวยการโรงเรียนและครูผ้รู ับผิดชอบ เรื่องค่านยิ มหลัก 12 ประการ ของโรงเรยี นขนาดเลก็ โรงละ 3 คน สังกัดสานกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 จานวน 15 โรงเรียน รวม 45 คน 2.4 ศกึ ษางานวจิ ยั ท่ีเก่ยี วข้องกบั การสง่ เสริมและพัฒนาค่านิยม และข้อมลู จากข้อ 2.2 และ ขอ้ 2.3 นาข้อมูลทั้งหมดสังเคราะห์เป็นองค์ประกอบรูปแบบฯ
9 ระยะท่ี 2 การสรา้ งรูปแบบฯ (D1) 1. การดาเนนิ การวจิ ัย 1.1 สรา้ งรปู แบบฯ ของนักเรียนชว่ั คราว (Tentative system) พร้อมท้ังคมู่ ือการใช้ ประกอบด้วย กิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับส่งเสริมและพัฒนาค่านิยมหลกั 12 ประการ ซ่ึงผา่ นกระบวนการมี ส่วนร่วมจากกลุ่มองค์กรชมุ ชนที่เปน็ ผูม้ ีส่วนรว่ มในการวิจัย ท้ัง 6 กลุ่ม โดยนามาบูรณาการใหเ้ หมาะสมกับบริบท ของโรงเรียนและชมุ ชน โดยดาเนนิ การควบคู่กับแผนกิจกรรมพฒั นาของกลุ่มองค์กรชมุ ชนที่มสี ่วนร่วมในการวจิ ัย 1.2 นาเอารูปแบบฯ ของนักเรยี นชว่ั คราว พร้อมทงั้ คู่มือการใช้ เสนอผเู้ ชีย่ วชาญ 5 คน เพือ่ พิจารณาความเหมาะสม ความเปน็ ไปไดใ้ นทางปฏิบตั ิ 1.3 นาเอารูปแบบฯ ของนักเรยี นช่ัวคราว มาปรบั ปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผู้เช่ียวชาญ แลว้ จดั พมิ พ์เพื่อใช้ในข้นั ตอนการ Focus group ตอ่ ไป 1.4 ประเมนิ รูปแบบฯ ของนักเรียนชัว่ คราว ทีผ่ า่ นการพิจารณาความเหมาะสมของรูปแบบฯ จากผเู้ ชี่ยวชาญ โดยกระบวนการ Focus group และ นารปู แบบฯ มาปรับปรงุ แก้ไขตามขอ้ เสนอแนะของ ผ้ทู รงคุณวฒุ ิ แลว้ จัดพมิ พเ์ พือ่ นาไปทดลองใช้ต่อไป 2. ผ้ใู หข้ อ้ มลู 2.1 ผ้เู ช่ียวชาญ 5 คน ตรวจสอบความเทย่ี งตรงเชงิ เน้ือหา (Content validity) โดยการตรวจสอบ ความสอดคล้องระหวา่ งข้อคาถามกับจุดมุ่งหมายทีต่ ้องการวัด (Item objective congruence: IOC) ครอบคลมุ วิธกี ารปฏิบัตขิ องคู่มือตามข้ันตอนของรูปแบบขอ้ คาถาม และความชดั เจนของภาษา 2.2 ผู้ทรงคณุ วุฒิ ในการประเมนิ ความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของรปู แบบส่งเสรมิ และ พัฒนาคา่ นิยมหลกั 12 ประการ โดยกระบวนการสนทนากลุ่ม (Focus group) มีผู้เขา้ ร่วม จานวน 10 คน ระยะที่ 3 การทดลองใชร้ ูปแบบฯ 1. เตรียมเอกสารและคมู่ ือการใช้รูปแบบฯ การใช้ผลการประเมินคุณภาพและออกแบบแผน การทดลองกับโรงเรียนสเุ หรา่ สมอเอก (ธนาคารกรงุ เทพ 15) 2. ดาเนนิ การทดลองใช้รูปแบบฯ โดยใชก้ ลยทุ ธ์การบริหารแบบกลมุ่ ร่วมมือของนักเรียน โรงเรียนสเุ หร่าสมอเอก (ธนาคารกรุงเทพ 15) โดยแบ่งเป็น 5 ข้นั ตอน คือ 1) เตรียมชมุ ชน 2) สร้างแรงจูงใจ จติ สานึก สง่ เสรมิ การมีส่วนรว่ ม และสรา้ งวิสยั ทัศน์ 3) จดั ทาแผนพฒั นาศักยภาพทมี 4) นาแผนไปปฏิบัตแิ ละ พัฒนางาน 5) ประเมินผล และสรุป ระยะที่ 4 การประเมินความพงึ พอใจต่อรปู แบบฯ ท่พี ัฒนาขน้ึ 1. วิธดี าเนินการวิจัย ในขั้นตอนน้เี ป็นการประเมนิ ความพึงพอใจต่อรปู แบบฯ จากการนารูปแบบฯ ไปทดลองใชใ้ นสถานการณจ์ ริงว่า ผูท้ ี่นารปู แบบฯ ไปใช้มีความพงึ พอใจต่อการนาไปใชส้ ง่ เสริมและพัฒนา คา่ นยิ มหลัก 12 ประการ ของโรงเรียนสุเหรา่ สมอเอก (ธนาคารกรุงเทพ 15) อยา่ งไร 2. กลุ่มผใู้ ห้ขอ้ มูล กลมุ่ ผใู้ ห้ข้อมูลในการประเมินความพึงพอใจตอ่ รูปแบบฯ เป็นกลุม่ ทมี่ ีส่วนเก่ียวข้องกับการทดลอง ใช้รูปแบบฯ ของนักเรยี น และมีความเขา้ ใจเกยี่ วกับรูปแบบฯ ของนักเรียน ท่ีนาไปทดลองใช้ ได้แก่ ครู จานวน 2 คน ผู้รว่ มวิจยั จานวน 28 คน รวม 30 คน
10 เครอื่ งมือทีใ่ ช้ในการวจิ ัย 1. แบบสารวจสภาพการดาเนินการปัจจบุ นั และสภาพทพ่ี ึงประสงคแ์ ละความต้องการในสง่ เสริม และพฒั นาคา่ นยิ มหลัก 12 ประการของโรงเรยี นขนาดเลก็ สังกัดสานกั งานเขตพื้นทกี่ ารศึกษาประถมศึกษา ฉะเชงิ เทรา เขต 1 จานวน 19 ขอ้ 2. แบบประเมนิ ความเหมาะสมและความเปน็ ไปได้ของรา่ งรูปแบบการส่งเสริมและพัฒนาค่านิยมหลัก 12 ประการ โดยใชก้ ลยทุ ธก์ ารบรหิ ารแบบกลมุ่ ร่วมมือของโรงเรียนสุเหร่าสมอเอก (ธนาคารกรงุ เทพ 15) จานวน 20 ข้อ 3. แบบประเมินพฤติกรรมการปฏิบตั ิคา่ นิยมหลกั 12 ประการ โดยใช้กลยุทธ์การบรหิ ารแบบ กลุม่ รว่ มมอื แบง่ ระดับการปฏบิ ัตเิ ป็น 5 ระดบั ประเมนิ ก่อนและหลงั การใชร้ ูปแบบฯ ตามเกณฑท์ ี่กาหนด จานวน 12 ด้าน ๆ ละ 5 ขอ้ รวม 60 ข้อ 4. คู่มอื ครูและกจิ กรรมการสง่ เสริมและพัฒนาค่านิยมหลัก 12 ประการ โดยใช้กลยทุ ธ์การบรหิ าร แบบกลมุ่ รว่ มมือของโรงเรยี นสเุ หรา่ สมอเอก (ธนาคารกรุงเทพ 15) 5. แบบบนั ทึกการศึกษาดูงานโรงเรียนทมี่ กี ารปฏิบตั ิด้านการสรา้ งเสรมิ คา่ นยิ มหลัก 12 ประการ เปน็ เลิศ (Best practice) 6. แบบบนั ทึกการประชุมกลุ่มผรู้ ว่ มวจิ ัย และแบบบันทึกการอภิปรายกลมุ่ (Focus group) ของผทู้ รงคุณวุฒิ 7. แบบสอบถามประกอบการสนทนากลมุ่ (Focus group) 8. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อรปู แบบฯ การสร้างและหาคุณภาพของเคร่อื งมือ 1. ผวู้ ิจัยทาการศึกษาแนวคิด ทฤษฎี จากเอกสารงานวิจยั ที่เก่ียวขอ้ งกับสง่ เสริมและพัฒนาคา่ นิยม หลกั 12 ประการ นาขอ้ มูลที่ไดจ้ ากการศึกษาหลักการ ทฤษฎี และงานวจิ ยั ทีเ่ กย่ี วข้องมาสรปุ และบูรณาการ แนวคิด หลกั การ ทฤษฎที ศ่ี ึกษาเพื่อสร้างประเดน็ คาถามตามกรอบแนวคิดในการวจิ ยั และศึกษาการสร้าง เครอ่ื งมือที่เปน็ แบบมาตราสว่ นประมาณคา่ แบบต่าง ๆ 2. การสรา้ งเครื่องมอื 2.1 แบบสารวจสภาพปัจจุบัน และสภาพท่ีพึงประสงค์ ในส่งเสริมและพฒั นาค่านิยมหลัก 12 ประการ ของโรงเรียนขนาดเลก็ สงั กัดสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 ชนิดมาตราสว่ นประมาณค่า 5 ระดับ สรา้ งไว้จานวน 24 ขอ้ และนาไปใชจ้ ริง จานวน 19 ข้อ 2.2 แบบประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของรูปแบบฯ ชนิดมาตราสว่ นประมาณค่า 5 ระดับ จานวน 20 ข้อ 2.3 แบบประเมินพฤติกรรมการปฏิบัตคิ ่านิยมหลัก 12 ประการ ซงึ่ ประเมินโดยครู เพ่ือนนักเรียน นกั เรียน และผูป้ กครอง ประเมินพฤติกรรมก่อนและหลงั การใช้รูปแบบฯ ตามเกณฑ์ค่านิยมหลัก 12 ประการ ทกี่ าหนดโดยสร้างไว้ด้านละ 6 ข้อ รวม 72 ขอ้ และนาไปใชจ้ ริงด้านละ 5 ข้อ รวม 60 ข้อ 2.4 คมู่ อื ครูและกิจกรรมการสง่ เสรมิ และพฒั นาคา่ นิยมหลัก 12 ประการของโรงเรยี นสุเหรา่ สมอเอก (ธนาคารกรงุ เทพ 15)
11 2.5 แบบสอบถามความพงึ พอใจต่อรูปแบบฯ 3. ผวู้ ิจยั ได้นาเครื่องมือท่ีสรา้ งข้นึ ให้ผ้เู ชี่ยวชาญพิจารณาความสอดคล้อง ความเท่ียงตรงเชงิ ประจักษ์ ระหว่างนยิ ามศัพทก์ ับข้อคาถาม จานวน 5 คน นาแบบสอบถามฉบบั ร่างไปเสนอผู้เช่ียวชาญตรวจสอบคุณภาพ ของแบบสอบถาม โดยใชค้ า่ IOC ตามเกณฑข์ อง Cox and Vargas (ศริ ชิ ยั กาญจนวาสี, 2556, หน้า 124) 3.1 แบบสารวจสภาพปัจจุบัน และสภาพท่ีพงึ ประสงค์ เก่ียวกบั ส่งเสรมิ และพัฒนาคา่ นิยมหลัก 12 ประการของโรงเรยี นขนาดเลก็ มีข้อทผ่ี ่านเกณฑ์ จานวน 24 ข้อ และคัดไว้ จานวน 19 ขอ้ ตามที่ตอ้ งการใชจ้ ริง 3.2 แบบประเมนิ ความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของรูปแบบฯ แบบมาตราสว่ นประมาณคา่ 5 ระดบั จานวน 20 ขอ้ 3.3 แบบประเมินพฤติกรรมการปฏิบัติค่านิยมหลัก 12 ประการ มีข้อทผ่ี ่านเกณฑ์ จานวน 65 ข้อ และคัดไวด้ ้านละ 5 ขอ้ รวม 60 ข้อ ตามทตี่ ้องการใชจ้ รงิ 3.4 แบบสอบถามความพึงพอใจต่อรูปแบบฯ จานวน 39 ข้อ 3.5 ค่มู ือและส่อื ในส่งเสริมและพฒั นาค่านยิ มหลัก 12 ประการ ของโรงเรยี นสุเหร่าสมอเอก (ธนาคารกรุงเทพ 15) 3.6 แบบบันทกึ การประชุมกล่มุ ผู้ร่วมวิจยั และแบบบันทึกการสนทนากลมุ่ ของผ้ทู รงคุณวุฒิ 4. นาเครือ่ งมือที่ผา่ นการประเมนิ ความเทย่ี งตรงเชิงเน้อื หา (Content validity) จากผู้เชยี่ วชาญ แล้วไปทดลองใช้ (Try-out) กบั ผบู้ รหิ าร ครผู สู้ อน และนักเรยี น โรงเรยี นสเุ หรา่ ปากคลอง 20 สานักงานเขตพน้ื ที่ การศกึ ษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต 1 จานวน 30 คน จากนน้ั นามาวิเคราะหค์ ่าอานาจจาแนก (r) โดยวิเคราะหค์ า่ สมั ประสิทธส์ิ หสัมพนั ธอ์ ยา่ งง่าย (ระหว่างรายขอ้ กบั รวมทกุ ขอ้ : Item total correlations) ของเพยี ร์สัน (Pearson’ simple correlation elation) กาหนดค่าอานาจจาแนก (r) ท่ใี ช้ไดต้ ้งั แต่ 0.30 ขึ้นไป คัดขอ้ ทีค่ า่ อานาจไม่เป็นไปตามเกณฑ์ออก จากนั้นนามาวิเคราะห์ความเชื่อมน่ั ของแบบสอบถามท้ังฉบับ (Reliability) โดยวเิ คราะหส์ ัมประสิทธอ์ ัลฟา () ของครอนบัค (Cronbach) 5. จดั พมิ พ์เคร่ืองมือดังกล่าวใหม้ ีความถูกต้องเพ่ือใช้เปน็ เครื่องมอื ในการเก็บรวบรวมข้อมูลต่อไป การเก็บรวบรวมข้อมูล การเกบ็ รวบรวมข้อมูล ผู้วจิ ัยไดด้ าเนนิ การดังต่อไปน้ี 1. การสารวจสภาพปจั จุบนั สภาพทพ่ี ึงประสงค์ และความต้องการเก่ียวกับการสง่ เสริมและพฒั นา ค่านยิ มหลกั 12 ประการ ของโรงเรียนขนาดเลก็ สงั กดั สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาฉะเชงิ เทรา เขต 1 ผู้วจิ ัยไดท้ าหนงั สือถงึ ผู้บริหารสถานศึกษาขนาดเลก็ จานวน 15 โรงเรียน เพื่อขอความอนเุ คราะห์ให้ ผู้อานวยการและครูผู้รับผดิ ชอบโครงการส่งเสริมและพัฒนาค่านยิ มหลัก 12 ประการ ในการตอบแบบสอบถาม โดยผ้วู ิจัยเกบ็ ข้อมูลดว้ ยตนเอง 2. การสนทนากลมุ่ (Focus group) และการประเมนิ ด้านความเหมาะสม และด้านความเปน็ ไปได้ ของรปู แบบท่ีพฒั นาข้นึ ผู้วิจัยได้มีการสนทนากลุ่มตามกรอบ ประเดน็ ตัวชีว้ ัดความสาเรจ็ ในสง่ เสริมและพฒั นา ค่านยิ มหลัก 12 ประการของนกั เรยี น และจดั อันดบั ความสาคัญของตัวช้วี ดั ความสาเร็จในลกั ษณะการระดม สมอง ประชุมชแี้ จงการเก็บรวบรวมข้อมลู ตามกรอบประเด็นให้แกผ่ ู้นาชมุ ชน และตวั แทนกลุ่มองค์กรชุมชน พื้นทเ่ี ป้าหมาย ใชเ้ กบ็ รวบรวมขอ้ มลู เชิงลึกทง้ั ก่อนและหลังโครงการ
12 3. การทดลองใช้รปู แบบฯ และคมู่ ือส่งเสริมและพฒั นาค่านยิ มหลัก 12 ประการของโรงเรยี น สุเหรา่ สมอเอก (ธนาคารกรุงเทพ 15) ผ้วู จิ ัยและผรู้ ่วมวจิ ยั เกบ็ ข้อมลู ดว้ ยตนเองทง้ั ก่อนและหลงั จากจัด กิจกรรมน้ัน ๆ 4. การประเมนิ ความพึงพอใจตอ่ การนาไปใชจ้ ัดกิจกรรมส่งเสรมิ และพัฒนาคา่ นิยมหลัก 12 ประการ ของรปู แบบฯ ผวู้ ิจยั ดาเนินการโดยส่งแบบสอบถามด้วยตนเองใหก้ ลุ่มผ้ใู ห้ข้อมลู ได้แสดงความคิดเหน็ ตอ่ รูปแบบฯ ภายหลังเสร็จสน้ิ การการทดลองเป็นเวลา 1 สปั ดาห์ โดยผ้วู จิ ัยเกบ็ ข้อมลู เอง สถิตทีใ่ ช้ในการวิเคราะหข์ ้อมูล 1. คา่ ความถ่ี รอ้ ยละ คา่ เฉลี่ย (µ) และสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( ) 2. การวิเคราะห์ความต้องการจาเปน็ โดยวเิ คราะห์ PNImodified และเรียงลาดับความต้องการจาเป็น ในแต่ละดา้ น 3. สรปุ บนั ทกึ การประชุมกลุ่มผ้รู ่วมวิจยั และบันทกึ การสนทนากลุม่ (Focus group) ของ ผ้ทู รงคณุ วฒุ ิ เปน็ ประเดน็ ต่าง ๆ และจดั แยกเป็นหมวดหมูต่ ามกรอบแนวคิดการวจิ ัย ด้วยการวเิ คราะหเ์ นื้อหา (Content analysis) และนาเสนอแตล่ ะประเด็นโดยการบรรยายเชงิ พรรณนา 4. การทดสอบ t-test (Dependent samples) ผลการวิจัย 1. สภาพปัจจุบัน สภาพทพี่ ึงประสงค์ และความต้องการเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนาคา่ นยิ ม หลัก 12 ประการ ของโรงเรียนขนาดเลก็ สงั กดั สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 ส่วนใหญ่จดั เปน็ กิจกรรมพิเศษ ไมต่ ่อเน่ืองสม่าเสมอ และความตอ้ งการส่งเสรมิ และพฒั นาคา่ นิยมหลกั 12 ประการ 2 ดา้ นแรก คอื คา่ นยิ มหลักข้อ 1 มคี วามรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ ซึ่งเปน็ สถาบันหลกั ของชาตใิ นปจั จุบนั และคา่ นิยมหลกั ข้อ 2 ซื่อสตั ย์ เสียสละ อดทน มีอดุ มการณใ์ นสิ่งที่ดงี ามเพ่ือส่วนรวม 2. ผลการสรา้ งและประเมนิ รูปแบบการบรหิ ารงานการจดั กิจกรรมสง่ เสริมและพัฒนาค่านิยมหลัก 12 ประการ โดยใช้กลยทุ ธก์ ารบริหารแบบกลมุ่ ร่วมมือของโรงเรียนสุเหรา่ สมอเอก (ธนาคารกรุงเทพ 15) เปน็ กระบวนการ 4 รูปแบบ ประกอบดว้ ย 1) การพัฒนาหลักสตู รเฉพาะ 2) การบูรณาการเข้าไปกบั เนื้อหา ทุกกล่มุ สาระการเรยี นรู้ 3) การจดั กจิ กรรมเสริมหลักสูตร และ 4) การจดั กจิ กรรมพิเศษ ผลการประเมนิ พบวา่ รูปแบบการบรหิ ารงานการจดั กจิ กรรมส่งเสรมิ และพฒั นาค่านิยมหลัก 12 ประการ โดยใชก้ ลยุทธก์ ารบริหาร แบบกลุ่มรว่ มมือของโรงเรียนสเุ หร่าสมอเอก (ธนาคารกรงุ เทพ 15) มีความเหมาะสม และความเป็นไปได้ โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดบั มาก 3. ในการวิจัยครั้งนผ้ี ้วู ิจยั ไดร้ ว่ มกับผรู้ ว่ มวิจยั 6 ฝ่าย มีมตใิ ห้สง่ เสรมิ และพฒั นาค่านยิ มหลกั 12 ประการ กับนกั เรยี นชั้นประถมศึกษาปที ี่ 1-6 ซง่ึ แบ่งนักเรยี นออกเปน็ 2 กลุ่ม ผลการทดลองใช้รูปแบบฯ ปรากฏว่านักเรยี นกลมุ่ แรก ตามเปา้ ประสงค์ของผ้มู ีสว่ นรว่ มในการจัดการศึกษา 6 ฝ่าย ได้แก่ นกั เรยี นชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 1-3 หลงั จากใชร้ ูปแบบการบรหิ ารงานการจดั กิจกรรมการส่งเสรมิ และพัฒนาค่านิยมหลกั 12 ประการ แล้วได้รับการประเมนิ วา่ ผา่ นการปฏบิ ตั ิคา่ นยิ มในระดบั ดีเยย่ี มทง้ั 3 ข้อ ได้แก่ ค่านยิ มหลักข้อ 1
13 มคี วามรักชาติศาสนาพระมหากษตั รยิ ์ คา่ นยิ มหลกั ข้อ 3 กตัญญูตอ่ พ่อแม่ ผปู้ กครอง ครูบาอาจารย์ และ คา่ นยิ มหลักข้อ 8 มรี ะเบียบวินัยเคารพกฎหมาย ผู้นอ้ ยรจู้ ักการเคารพผใู้ หญ่ ส่วนนกั เรียนกลุ่มที่สอง เป็น นักเรยี นช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 4-6 หลงั จากใชร้ ูปแบบการบรหิ ารงานการจัดกจิ กรรมการสง่ เสริมและพัฒนา ค่านิยมหลัก 12 ประการ แล้วไดร้ ับการประเมนิ ว่าผ่านการปฏบิ ัติคา่ นยิ มหลกั ในระดบั ดเี ยยี่ มทัง้ 3 ขอ้ ได้แก่ คา่ นิยมหลกั ข้อ 2 ซื่อสตั ย์ เสยี สละอดทน คา่ นยิ มหลัก ข้อ 4 ใฝห่ าความรู้หม่ันศึกษาเล่าเรียนทง้ั ทางตรงและ ทางอ้อม และคา่ นยิ มหลกั ข้อ 11 มคี วามเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ ไมย่ อมแพ้ต่ออานาจฝา่ ยต่า นอกจากนี้ ยังพบวา่ คะแนนพฤติกรรมการปฏิบตั ติ ามค่านิยมของนักเรียนทง้ั สองกล่มุ หลังใชร้ ปู แบบสงู กวา่ และแตกตา่ ง จากคะแนนก่อนใชร้ ปู แบบอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติทรี่ ะดับ .05 4. ผลการประเมินความพงึ พอใจต่อรูปแบบฯ โดยรวมอยู่ในระดับมาก และเม่ือพิจารณารายดา้ น พบว่า 4.1 ดา้ นการบรหิ ารจัดการโดยรวมมคี วามพึงพอใจอย่ใู นระดบั มาก โดยมคี วามพึงพอใจ มากทีส่ ุดในประเดน็ 1) คมู่ อื การใช้รปู แบบการสง่ เสริมและพัฒนาคา่ นิยมหลัก 12 ประการของนักเรียน สามารถนาไปใชไ้ ด้จริง 2) มีการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนสอดคลอ้ งกับความสามารถและเนน้ ผู้เรียน เป็นสาคญั 3) มกี ารจดั กจิ กรรมให้ผเู้ รียนได้เรยี นรจู้ ากสถานการณจ์ รงิ และ 4) มีเทคนิคสร้างการมีส่วนรว่ ม กับครแู ละผู้ปกครองวเิ คราะห์ขอ้ มูลเพอื่ พฒั นาค่านยิ มหลกั 12 ประการ ของนักเรียน 4.2 ดา้ นครูผู้สอนโดยรวมมีความพงึ พอใจอยใู่ นระดบั มาก โดยมคี วามพงึ พอใจมากในประเด็น 1) มกี ารพัฒนาความร้ใู นดา้ นการพัฒนาค่านิยมหลกั 12 ประการ อย่างสม่าเสมอและต่อเนอื่ ง และ 2) สามารถพัฒนาประเมนิ ปรับปรงุ และพัฒนาคา่ นิยมหลกั 12 ประการ ใหเ้ หมาะสมกับศักยภาพของผเู้ รยี น 4.3 ดา้ นงบประมาณและวัสดุ ในการดาเนนิ งานโดยรวม มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก โดยมีความพงึ พอใจมากที่สุดในประเด็น มีงบประมาณท่เี พียงพอในการจัดกิจกรรมการพัฒนาคา่ นยิ มหลกั 12 ประการ ในหอ้ งเรียนและนอกหอ้ งเรยี น ด้านการมสี ว่ นร่วมและชุมชนโดยรวมมคี วามพึงพอใจอยู่ในระดบั มาก โดยมีความพึงพอใจมากท่สี ุดในประเดน็ มกี ารจัดองค์กรในชมุ ชนให้มสี ่วนรว่ มในการจัดการเรียนการสอน 4.4 ดา้ นภาคีเครือขา่ ยทางการศกึ ษา โดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก โดยมีความพึงพอใจ มากทส่ี ุดในประเด็น องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ รว่ มพัฒนาสภาพแวดล้อมการเรยี นรู้ท้ังภายในโรงเรยี นและ ภายนอกโรงเรียน และดา้ นการส่งเสรมิ และพัฒนาคา่ นิยมหลัก 12 ประการ ทสี่ ่งผลต่อนักเรยี น โดยรวมมี ความพึงพอใจอยู่ในระดบั มาก โดยมคี วามพงึ พอใจมากท่ีสุดในประเด็น มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซ่งึ เป็นสถาบันหลักของชาติในปจั จุบัน ขอ้ เสนอแนะ 1. ขอ้ เสนอแนะการนาไปใช้ 1.1 สถานศึกษาควรสง่ เสรมิ ใหค้ รผู สู้ อนมกี ารนารูปแบบฯ ไปใชใ้ นกระบวนการจดั การเรียน การสอนเพือ่ เปน็ การสง่ เสรมิ และพฒั นานักเรียนมีค่านยิ มหลักทงั้ 12 ประการ ตามจุดเน้นของ สพฐ. คือ ระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ 1-3 จดุ เนน้ ได้แก่ ค่านิยมหลักข้อ (1) มคี วามรักชาตศิ าสนาพระมหากษัตรยิ ์ ค่านิยมหลักข้อ (3) กตญั ญูต่อพ่อแมผ่ ู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ และค่านยิ มหลักข้อ (8) มีระเบยี บวนิ ยั เคารพ กฎหมาย ผ้นู อ้ ยรูจ้ กั การเคารพผู้ใหญ่ ส่วนระดบั ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4-6 เน้นค่านิยมหลัก 3 ขอ้ ได้แก่
14 ค่านยิ มหลักข้อ (2) ซ่ือสัตย์ เสยี สละ อดทน ค่านยิ มหลักข้อ (4) ใฝห่ าความรหู้ มัน่ ศึกษาเลา่ เรยี นทง้ั ทางตรง และทางอ้อม และค่านยิ มหลักขอ้ (11) มีความเขม้ แข็งท้งั ร่างกายและจติ ใจไมย่ อมแพต้ ่ออานาจฝา่ ยต่า ใหค้ งอยหู่ รือใหม้ ีการพัฒนาสงู ข้นึ เร่อื ย ๆ เพราะผลการวิจยั พบวา่ ผู้ปกครองนกั เรียนพึงพอใจ ในคา่ นยิ มหลกั 12 ประการทีไ่ ด้รับการสอนจากโรงเรยี น และส่วนสาคญั ของการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนให้เอื้อต่อการ พฒั นาคา่ นิยมหลัก 12 ประการ ให้เกดิ ขนึ้ กับนักเรยี น ครผู ู้สอนควรจะกระทาตนเป็นแบบอย่างทด่ี ีตอ่ ศิษย์ เพราะถอื วา่ ครูเปน็ บุคคลสาคัญท่ีมีบทบาทในการจดั กิจกรรมใหบ้ รรลผุ ล 1.2 ผ้บู รหิ ารควรท่ีจะตอ้ งเป็นผู้ทม่ี บี ทบาทสาคัญในการที่จะทาให้การดาเนนิ การในการส่งเสริม และพฒั นาค่านิยมหลกั 12 ประการ ของโรงเรยี น ให้มีความย่งั ยืน โดยผู้บรหิ ารจะตอ้ งลงมาสมั ผสั ดว้ ยตนเอง และจะต้องกาหนดเป็นนโยบายหลักขององคก์ ร 1.3 เพ่อื ให้เกิดการมีสว่ นร่วมในวงกว้างมากขนึ้ อนั จะก่อให้เกิดประโยชน์ตอ่ ผูเ้ รียนโดยตรง ผูบ้ ริหารและครู ควรทีจ่ ะเปิดโอกาส หรือแสวงหาความรว่ มมือจากองค์กรหลาย ๆ ฝ่าย ท้ังในและนอกชุมชน ให้เขา้ มามสี ว่ นร่วมในการส่งเสรมิ และพัฒนาคา่ นิยมหลัก 12 ประการ ของโรงเรียน ให้มากขนึ้ กว่าน้ีไปเรือ่ ย ๆ 2. ขอ้ เสนอแนะในการวิจัยคร้ังตอ่ ไป 2.1 การวจิ ัยคร้งั นีเ้ ป็นการพัฒนารูปแบบฯ ดงั น้นั ในการวิจัยคร้ังต่อไปควรมีการเสรมิ สรา้ ง คุณธรรม จริยธรรมของนักเรียนในด้านอนื่ ๆ โดยเฉพาะคา่ นยิ มหลัก 12 ประการ ทม่ี ีในมาตรฐานที่ 1 ของสานักงานรับรองมาตรฐานและประเมนิ คุณภาพการศกึ ษา เชน่ ความซอื่ สตั ย์ สุจริต ความกตญั ญกู ตเวที ความเมตตากรณุ า การประหยดั เป็นตน้ เพราะตามทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือศกั ยภาพของ พฤติกรรม เกิดจากประสบการณ์หรอื การฝึกฝน 2.2 ควรศกึ ษาเปรียบเทียบค่านิยมหลัก 12 ประการ ของนกั เรียนด้านการมวี ินยั ในตนเอง การรบั ผดิ ชอบต่อตนเองและผู้อ่ืน ทกั ษะในการทางานรว่ มกับผูอ้ ืน่ และการรักการคน้ คว้าหาความรใู้ นขอบเขต ทีก่ ว้างข้นึ เช่น ระดบั ช้ัน ระดับโรงเรียน ระดบั จงั หวดั หรืออาจจะเปรยี บเทียบต่างสังกดั เช่น โรงเรียนใน สงั กัดของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน โรงเรยี นในสังกัดกรมการปกครองส่วนทอ้ งถิน่ โรงเรียนในสังกัดคณะกรรมการการศกึ ษาเอกชน เป็นตน้ และเปรยี บเทียบขนาดของโรงเรียน เชน่ ขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ เพื่อจะได้ข้อสรุปทีค่ รอบคลุมและชัดเจนมากยิ่งข้ึน เอกสารอา้ งอิง คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. (2551). หลักการและแนวปฏิบตั ใิ นการจัดคณุ ลักษณะศึกษาเพ่อื พฒั นาคุณลักษณะทีด่ ขี องเด็กและเยาวชน. ขอนแกน่ : คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น. ฉลาด จันทรสมบัติ. (2551). โครงการวจิ ยั เรอื่ งการพฒั นาคุณลักษณ์ทพี่ ึงประสงค์ของนกั เรียน จงั หวดั มหาสารคาม โดยใช้เครือข่ายการวิจัยทางการศึกษา. มหาสารคาม: มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม. ดเิ รก พรสมี า. (2559). ครไู ทย 4.0 ตอนท่ี 1. เข้าถึงไดจ้ าก https://www. matichon.co.th/ columnists/news_343147 ทศิ นา แขมมณ.ี (2558). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพือ่ การจัดกระบวนการเรยี นรู้ทม่ี ปี ระสิทธภิ าพ. กรงุ เทพฯ: สานกั พิมพ์แหง่ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . วโิ รจน์ สารรัตนะ. (2557). ภาวะผู้นา ทฤษฎีและนานาทัศนะร่วมสมยั ปัจจุบัน. กรุงเทพฯ: ทิพยวิสทุ ธ์ิ.
15 ศริ ชิ ัย กาญจนวาสี. (2556). ทฤษฏีการทดสอบแบบดั้งเดิม (พมิ พค์ ร้ังที่ 7). กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์แห่งจฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั . สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2559). นโยบายสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559. กรงุ เทพฯ: สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน. สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1. (2559). รายงานผลการทดสอบระดบั ชาติ 2562 (O-Net) สานกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1. ชลบรุ ี: สานักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1. สานักเลขาธกิ ารนายกรัฐมนตรี ทาเนียบรฐั บาล. (2559). การกาหนดค่านยิ มหลกั ของคนไทยเพื่อสร้างสรรค์ ประเทศไทยให้เขม้ แข็ง. รายการคืนความสขุ ให้คนในชาติ. เขา้ ถึงไดจ้ าก http://www.thaigov.go.th/#sthash.phGvcprz.dpuf สานักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน. (2559). (รา่ ง) แนวทางการพัฒนาและประเมนิ ค่านยิ มหลักของคนไทย 12 ประการ. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย. Husen, T., & Postlethwaite, T. N. (1994). Self-directed learning: A guide for learners and teacher. New York: Association Press. Keeves, J. P. (1997). Models and model building. In Keeves, J. P. (ed.). Educational research, methodology and measurement: An international handbook (2nd ed.). Oxford: Pergamon Press. Keller, J. M. (1983). Motivational design of instruction. In C. M. Reigeluth (Ed.). Instructional design theories and models: An overview of their current status. Hillsdale, NJ: Erlbaum. Kimonen, F., & Nevalainen, R. (1993). The teacher in a small rural school implementing the local curriculum: A case study of the sointula lower level comprehensive school, Central Finland. In S. Hämäläinen & J. Jokela (Eds.) OECD/CERI: Teacher quality in Finland. Policy and practice in five primary schools. Summary of the case studies. University of Jyväskylä. Department of teacher education. Research, 54, 85-112. Krathwohl, D. R., Bloom, B. S., & Masia, B. B. (1973). Taxonomy of educational objectives, the Classification of educational goals. Handbook II: Affective domain. New York: David McKay. McTaggart, R. (1998). Issues for participatory action researchers. In O. Zuber-Skerritt (eds.). New Directions in Action Research. London: The Falmer Press. ThinkExist. (2008). The leadership challenge: How to get extraordinary things done in organizations. San Francisco: Jossey Bass.
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: