Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เหนื่อยแล้ว

เหนื่อยแล้ว

Published by chonthinee0102, 2021-01-27 04:35:44

Description: เหนื่อยแล้ว

Search

Read the Text Version

คำนำ สำรบัญ 1 6 รายงานเล่มน้ีเล่มน้ีจดั ทาข้ึนเพอ่ื เป็นส่วนหน่ึงของวิชา ควำมสัมพนั ธ์ทำงเศรษฐกจิ 6 เศรษฐศาสตร์ เก่ียวกบั ความสมั พนั ธ์ทางเศรษฐกิจ ซ่ึงมีเน้ือหา อปุ สงค์และอุปทำน 11 ประกอบดว้ ย อุปสงคแ์ ละอุปทาน กลไกราคาและการกาหนดจุด -อปุ สงค์ 17 ดุลภาพ การแทรกแซงราคา รวมท้งั ตลาด โดยรวบรวมขอ้ มูลมา -อปุ ทาน 21 เพอื่ ที่ใหผ้ ทู้ ่ีสนใจศึกษาเเละเรียนรู้เพม่ิ เติม กลไกรำคำและกำรกำหนดจุดดลุ ยภำพ 22 -การกาหนดค่าจา้ ง 32 คณะผจู้ ดั ทาจึงไดเ้ ลือกหวั ขอ้ น้ีมาจดั ทา E-Book เนื่องจาก - สาระสาคญั พ.ร.บ. คุม้ ครองแรงงาน พ.ศ. 2541 33 เป็นเรื่องที่น่าสนใจ ขอขอบคุณ คุณครูณฐั ริณีย์ สมนึก ผใู้ ห้ กำรแทรกแซงรำคำ 34 ความรู้และแนวทางการศึกษา ซ่ึงหวงั เป็นอยา่ งยงิ่ วา่ ผอู้ า่ นจะไดร้ ับ -การกาหนดราคาข้นั ต่า 35 ประโยชนไ์ ม่มากกน็ อ้ ย หากผดิ พลาดประการใดคณะผจู้ ดั ทา ขอ -การกาหนดราคาข้นั สูง 36 อภยั มา ณ ท่ีน่ีดว้ ย -การจ่ายเงินอดุ หนุน 36 ตลำด 37 คณะผู้จดั ทำ -ตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ -ตลาดแข่งขนั ไม่สมบูรณ์

1 2 ควำมสัมพนั ธ์ทำงเศรษฐกจิ 1. กำรพง่ึ พำทำงเศรษฐกจิ เนื่องจากลกั ษณะภูมิประเทศ ความสมั พนั ธ์ทางเศรษฐกิจ หมายถึง การติดต่อกนั ระหวา่ งผผู้ ลิต ภูมิอากาศ และทรัพยากรธรรมชาติของแต่ละจงั หวดั แตกต่างกนั และผบู้ ริโภคในรูปของการคา้ ขาย การลงทุน ท้งั ภายในประเทศ ไป ทาใหบ้ างจงั หวดั กลบั ขาดแคลนสินคา้ น้นั จึงตอ้ งมีการพ่งึ พา และระหวา่ งประเทศ จึงตอ้ งการพ่งึ พากนั การแขง่ ขนั และการ กนั โดยการแลกเปลี่ยน ซ้ือขายเพอ่ื ใหไ้ ดส้ ินคา้ น้นั มาเช่น ขณะท่ี ประสานประโยชนท์ างเศรษฐกิจซ่ึงกนั และกนั เเบ่งออกเป็น3อยา่ ง ชาวนาผลิตขา้ ว ชาวสวน ผลิตผลไม้ ชาวนานาขา้ วไปขายใหก้ บั พอ่ คา้ ขา้ ว เม่ือไดเ้ งินมาจึงนาเงินไปซ้ือผลไมจ้ ากชาวสวน ส่วน ชาวสวนขายผลไมไ้ ดเ้ งินมากน็ าเงินไปซ้ือขา้ วจากพอ่ คา้ ขา้ ว พอ่ คา้ ขา้ วไดเ้ งินมากน็ าเงินไปซ้ือผลไมก้ บั ชาวสวน และซ้ือขา้ วจาก ชาวนาอีกต่อไป

3 4 2. กำรแข่งขนั ทำงเศรษฐกจิ การแข่งขนั ทางเศรษฐกิจจะทาให้ 3. กำรประสำนประโยชน์ทำงเศรษฐกจิ เเละประเทศ เกิดการพฒั นาคุณภาพ ราคาสินคา้ ตลอดจนบริการที่ดีข้ึน เช่น การผลิตสินคา้ ชนิดเดียวกนั ผผู้ ลิตควรจะร่วมมือเพื่อรักษา จงั หวดั ท่ีปลูกผลไมม้ าก ไดแ้ ก่ ระยอง จนั ทบุรี ส่วนใหญ่จะปลูก ผลประโยชนข์ องตนเอง เช่น การรวมกลุ่มเพ่ือจดั ต้งั สหกรณ์ เงาะ ทุเรียน มงั คุด ซ่ึงเป็นสินคา้ ประเภทเดียวกนั ท่ีผลิตออกมา เพอ่ื เพม่ิ อานาจต่อรองในการขายสินคา้ หรือร่วมมือกนั ในการ จาหน่ายในเวลาใกลเ้ คียงกนั จึงมีการแข่งขนั กนดา้ นราคา การ ปรับปรุงวธิ ีการผลิต การนาเทคโนโลยมี าใช้ และการใหค้ วามรู้ พฒั นาคุณภาพสินคา้ เพอ่ื ใหผ้ ซู้ ้ือเลือกซ้ือสินคา้ จากจงั หวดั ของ กบั สมาชิกในกลุ่ม ตน ซ่ึงการลดราคาในการขายจนต่ากวา่ ทุนน้นั จะเป็นผลเสียต่อ กลุ่มผผู้ ลิตเอง ดงั น้นั จึงตอ้ งหาวธิ ีการเพื่อร่วมมือกนั ในการขาย ประเภทของควำมร่วมมือระหว่ำงประเทศ ผลผลิต 1. ควำมร่วมมือระหว่ำงประเทศทำงด้ำนเมือง เป็นความร่วมมือ ของประเทศต่างๆ ท่ีปกครองในระบอบประชาธิปไตย 2. ควำมร่วมมือระหว่ำงประเทศทำงด้ำนทหำร ในการใหค้ วาม ช่วยเหลือทางดา้ นการทหารต่อกนั เช่น องคก์ ารสนธิสญั ญา แอตแลนติกเหนือหรือนาโต เป็นตน้

5 6 3. ควำมร่วมมือระหว่ำงประเทศทำงด้ำนเศรษฐกจิ เป็นการ ร่วมมือ อปุ สงค์และอปุ ทำน เพ่อื ใหเ้ กิดความเขม้ แขง็ ทางเศรษฐกิจร่วมกนั ซ่ึงหลายประเทศจะ Demand and Supply ร่วมมือกนั จดั ต้งั เป็นกลุ่มเศรษฐกิจ เช่น สหภาพยโุ รป เอเปก องคก์ ารการคา้ โลก เป็นตน้ อุปสงค์ (Demand) 4. ควำมร่วมมือระหว่ำงประเทศทำงด้ำนกำรศึกษำ วฒั นธรรม และ อ่ืนๆ ใน การใหค้ วามช่วยเหลือ แลกเปลี่ยนความรู้และอื่นๆ เพอื่ เกิด อุปสงค์ หมายถึง ปริมาณสินคา้ และบริการชนิดใดชนิดหน่ึง ความเขา้ ใจอนั ดี ความกา้ วหนา้ การพทิ กั ษค์ ุม้ ครองในแต่ละดา้ นที่มี ท่ีมีผตู้ อ้ งการซ้ือ ณ ระดบั ราคาต่างๆ ของสินคา้ ชนิดน้นั ภายใน การตกลงร่วมมือกนั ความร่วมมือดา้ นน้ี เช่น องคก์ ารยเู นสโก ระยะเวลาใดเวลาหน่ึง โดยสมมตุ ิใหป้ ัจจยั อ่ืนๆ ที่กาหนดอปุ สงค์ อาเซียน เป็นตน้ คงที่ ความตอ้ งการในท่ีน้ีตอ้ งมีอานาจซ้ือ(Purchasing power หรือ 5. ควำมร่วมมือระหว่ำงประเทศทเี่ ป็ นกำรให้ควำมช่วยเหลือแก่ Ability to pay)ดว้ ย ถา้ บุคคลใดบุคคลหน่ึงมีแต่ความตอ้ งการในตวั ผู้อ่ืนทไี่ ด้รับควำม เดือดร้อน เช่น ผไู้ ดร้ ับภยั พิบตั ิ ผทู้ ี่ไม่สามารถ สินคา้ โดยไม่มีเงินท่ีจะจ่ายซ้ือ เราเรียกความตอ้ งการลกั ษณะน้นั ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ผอู้ พยพจากภยั สงคราม เป็นตน้ ความร่วมมือ วา่ “ความตอ้ งการ (Want)” ไม่ใช่ “อปุ สงค์ (Demand)” ดงั น้นั ลกั ษณะน้ี เช่น กองทุนเดก็ แห่งสหประชาชาติหรือยนู ิเซฟ เป็นตน้ องคป์ ระกอบของอปุ สงค์ จะประกอบดว้ ย ความตอ้ งการและ อานาจซ้ือ

7 8 กฎของอปุ สงค์ (Law of Demand) ปัจจัยทก่ี ำหนดอปุ สงค์ หมายถึง กฎท่ีวา่ ดว้ ยระบบความสมั พนั ธ์ระหวา่ งราคาสินคา้ กบั – รำคำของสินค้ำ ปริมาณความตอ้ งการซ้ือสินคา้ น้นั ซ่ึงกฎน้ีกล่าวไวว้ า่ เม่ือราคาแพงข้ึนความตอ้ งการจะลดลง(P>,D<) “ราคาและปริมาณความตอ้ งการซ้ือสินคา้ – รำยได้ของผู้บริโภค จะมีความสมั พนั ธ์กนั ในทิศตรงกนั ขา้ ม” ในกรณีท่ีเป็นสินคา้ ปกติ (Normal Goods) เมื่อผบู้ ริโภคมี รายไดเ้ พม่ิ มากข้ึน กบ็ ริโภคเพิม่ ข้ึนอยา่ งไรกต็ ามหากรายได้ เพิ่มข้ึน แลว้ ผบู้ ริโภคซ้ือสินคา้ น้นั ลดลง แสดงวา่ สินคา้ น้นั เป็น สินคา้ ดอ้ ยคุณภาพ(Inferior Goods) –รำคำสินค้ำอื่นๆ ที่เก่ียวขอ้ ง แบ่งเป็น 2 ประเภท 1.สินคา้ ทดแทนกนั (Substitute Good) เช่น เมื่อหมูราคาแพงข้ึน ผบู้ ริโภคหมูลดลง (P>,D<) 2.สินคา้ ท่ีใชป้ ระกอบกนั (Complementary Good) เช่น เมื่อราคาน้ามนั แพงข้ึนความตอ้ งการซ้ือรถยนตก์ จ็ ะ ลดลง (P>,D<)

9 10 –รสนิยมของผู้บริโภค เช่น หากรสนิยมในการบริโภค อุปสงค์ส่ วนเกนิ เปลี่ยนแปลงไป จะทาใหค้ วามตอ้ งการสินคา้ ที่เคยใชอ้ ยู่ เปล่ียนแปลงไป หมายถึง ภาวะขาดดุลยภาพของตลาด กล่าวคือ เป็นภาวะท่ีมีอปุ –กำรคำดกำรณ์รำยได้ในอนำคต เช่น หากผบู้ ริโภครู้วา่ จะ สงคม์ ากกวา่ อปุ ทาน (Excess Demand) หรือปริมาณการตอ้ งการ ไดม้ ีการปรับข้ึนเงินเดือน กอ็ าจจะบริโภคล่วงหนา้ ไปก่อน ซ้ือสินคา้ หรือบริการหน่ึง ๆ มีมากกวา่ ที่ผปู้ ระกอบการหรือ ทาใหค้ วามตอ้ งการบริโภคสินคา้ สูงข้ึน ผผู้ ลิตสามารถหามาจาหน่ายในตลาดได้ –ปัจจยั อ่ืนๆ เช่น ฤดูกาล จานวนประชากร ฯลฯ

11 12 อุปทำน (Supply) 2)ควำมสำมำรถในกำรจดั หำมำเสนอขำยหรือให้บริกำร (ability to sell) กล่าวคือ ผผู้ ลิตหรือผปู้ ระกอบการ จะตอ้ งจดั หา อุปทาน หมายถึง ปริมาณสินคา้ และบริการชนิดใดชนิดหน่ึง ใหม้ ีสินคา้ หรือบริการ อยา่ งเพยี งพอท่ีจะ ตอบสนองความ ที่ผผู้ ลิตเตม็ ใจนาออกเสนอขายในตลาดภายในระยะเวลาหน่ึง ณ ตอ้ งการซ้ือของผบู้ ริโภค ณ ระดบั ราคาของตลาดในขณะน้นั ๆ ระดบั ราคาต่างๆ กนั ของสินคา้ และบริการน้นั โดยสมมติให้ (สามารถเสนอขาย หรือใหบ้ ริการได)้ เม่ือกล่าวถึงคาวา่ ปัจจยั อื่นๆ ที่กาหนดอปุ ทานคงท่ี จากความหมายของอปุ ทาน จะ “อปุ ทาน” จะเป็นการมองทางดา้ นของผผู้ ลิต ซ่ึงตรงขา้ มกบั อุป เห็นไดว้ า่ อปุ ทานประกอบดว้ ย 2 ส่วนสาคญั คือ สงคท์ ี่เป็นการมองทางดา้ นของผบู้ ริโภค ในทางเศรษฐศาสตร์แลว้ 1)ควำมเต็มใจทจ่ี ะเสนอขำยหรือให้บริกำร ความสมั พนั ธ์ของราคาสินคา้ ท่ีมีต่ออปุ ทานของสินคา้ น้นั จะ (willingness) กล่าวคือ ณ ระดบั ราคาต่างๆ ที่ตลาดกาหนดมาให้ เป็นไปตามกฎของอปุ ทาน (Law of Supply) ผผู้ ลิตหรือผปู้ ระกอบการมีความยนิ ดีหรือเตม็ ใจท่ีจะเสนอขาย สินคา้ หรือใหบ้ ริการตามความตอ้ งการซ้ือของผบู้ ริโภค

13 14 กฎของอปุ ทำน (Law of Supply) ปัจจัยทม่ี ผี ลต่อกำรเปลยี่ นแปลงอปุ ทำน หมายถึง กฎที่วา่ ดว้ ยเรื่องความสมั พนั ธ์ระหวา่ งราคาสินคา้ กบั การที่ผผู้ ลิตจะผลิตสินคา้ เพ่อื สนองความตอ้ งการของผบู้ ริโภค ปริมาณการเสนอขายสินคา้ ซ่ึงกฎน้ีกล่าวไวว้ า่ “ปริมาณความ หรือผซู้ ้ือมากนอ้ ยเพียงใด ข้ึนอยกู่ บั ปัจจยั หลายประการ ดงั น้ี ตอ้ งการขายสินคา้ และราคาสินคา้ มีความสมั พนั ธ์ไปในทิศทาง 1. รำคำสินค้ำและบริกำรในขณะน้ันๆ (กฎของ เดียวกนั ” อปุ ทาน) 2. ต้นทุนกำรผลติ ทเี่ ปลย่ี นแปลง (วตั ถุดิบ) 3. เทคโนโลยกี ำรผลติ ทีน่ ำมำใช้ 4. ฤดูกำล 5. สภำวะของตลำดและภำวะเศรษฐกจิ ในขณะน้นั 6. กำรคำดคะเนกำรขนึ้ ลงของรำคำสินค้ำและบริกำรของผู้ผลติ (การเกิดกาไร) 7. จำนวนผู้ผลติ ทเ่ี ป็ นคู่แข่ง (ราคาสินคา้ และบริการชนิดเดียวกนั ท่ี มีการแข่งขนั กนั )

15 16 ลกั ษณะของเส้นอปุ ทำน (Supply Curve) อุปทำนส่ วนเกนิ เสน้ อุปทาน (Supply Curve) มีลกั ษณะเป็นเส้นตรง ลาดข้ึนจาก เป็นภาวะขาดดุลยภาพของตลาด เช่นเดียวกบั ภาวะการเกิด ซา้ ยไปขวาความชนั (Slope) เป็นบวก เนื่องจากราคาและปริมาณ อุปสงคส์ ่วนเกิน ในขณะท่ีเกิดภาวะอปุ ทานส่วนเกิน หรืออปุ สงค์ การเสนอขายมีความสมั พนั ธ์ในทิศทางเดียวกนั ส่วนขาด หากสินคา้ ใดเป็นท่ีตอ้ งการนอ้ ย จะทาใหก้ ารบริโภค สินคา้ -บริการลดปริมาณต่าลง ส่งผลกระทบใหส้ ินคา้ -บริการเกิด ภาวะของเหลือ หรือ “ลน้ ตลาด” เป็นภาวะความไม่สมดุลกนั ระหวา่ งฝั่ง Demand และ Supply หมายความวา่ มีอปุ ทาน มากกวา่ ความตอ้ งการของผบู้ ริโภค ซ่ึงอุปทานส่วนเกินมกั จะ เกิดข้ึนเมื่อราคาสินคา้ อยเู่ หนือจุดดุลยภาพ และเมื่อความตอ้ งการ ซ้ือสินคา้ -บริการ มีนอ้ ยกวา่ ปริมาณสินคา้ -บริการท่ีผผู้ ลิตผลิต ออกมาขาย

17 18 กลไกรำคำและกำรกำหนดจุดดุลยภำพ กลไกราคาจะพบไดใ้ นทกุ ตลาด ยกเวน้ ตลาดแบบผกู ขาด เพราะ กลไกราคาจะเกิดไดเ้ ฉพาะตลาดท่ีมีการดาเนินกิจกรรมทาง กลไกรำคำ หมายถึง ภาวการณ์ เปล่ียนแปลงในระดบั ราคาสินคา้ เศรษฐกิจในลกั ษณะ ของตลาดเสรีหรือประเทศที่ใชร้ ะบบ และบริการอนั เกิดจากแรงผลกั ดนั ของอปุ สงคแ์ ละ อปุ ทาน เมื่อ เศรษฐกิจแบบทุนนิยมหรือเสรีนิยม หรือระบบเศรษฐกิจแบบ ผผู้ ลิตพยายามปรับปรุงการผลิตและบริการใหส้ อดคลอ้ งกบั ความ ผสมเท่าน้นั โดยระบบเศรษฐกิจเหล่าน้ีจะมีกลไกราคาเป็น ตอ้ งการของ ผบู้ ริโภค ดงั น้นั จะเห็นไดว้ า่ ราคาสินคา้ และบริการ ตวั กาหนดวา่ จะผลิตสินคา้ ปริมาณ เท่าใดและราคาเท่าใด เป็นตวั แปรสาคญั ในการกาหนดอปุ สงค์ และอุปทาน ตลอดจน เป็นกระบวนการปรับเปลี่ยนราคาใหเ้ ขา้ สู่จุดดุลยภาพ เช่น เมื่อ ราคาสินคา้ และบริการเพิ่มข้ึน โดยทวั่ ไปแลว้ ความตอ้ งการซ้ือ หรืออุปสงคก์ จ็ ะลดลง แต่อปุ ทานของสินคา้ และบริการจะเพิ่มข้ึน

19 20 การกาหนดราคาสินคา้ และบริการในทางเศรษฐกิจ กาหนดไว้ 2 วธิ ี คือ รำคำดลุ ยภำพ (Equilibrium Price) คือ ระดบั ราคาท่ีปริมาณซ้ือ และปริมาณขายเท่ากนั 1. ให้กลไกรำคำเป็ นเคร่ืองมือในกำรกำหนดรำคำสินค้ำและบริกำร ปริมำณดลุ ยภำพ (Equilibrium Quantity) คือ ปริมาณซ้ือและ ซ่ึงจะเปล่ียนแปลงไปตามแรงผลกั ดนั ของอุปสงคแ์ ลอุปทาน ปริมาณขายที่เท่ากนั พอดี ณ ราคาดุลยภาพ 2. รัฐบำล กาหนดราคาสินคา้ และบริการดว้ ยการควบคุมและ ดงั น้นั ราคาและปริมาณดุลยภาพกค็ ือ ระดบั ราคาและปริมารที่ แทรกแซงราคาสินคา้ และบริการดว้ ย วธิ ีกาหนดราคาเม่ือสินคา้ ที่ เกิดข้ึนตรงจุดท่ีเส้นอุปสงคแ์ ละเส้นอปุ ทานตดั กนั นน่ั เอง จาเป็นขาดตลาด เพ่อื ช่วยเหลือผบู้ ริโภค , การประกนั ราคาข้นั ต่า เพ่อื ช่วยเหลือผผู้ ลิต , การพยงุ ราคาสินคา้ ไม่ใหต้ กต่ามากเกินไป เพื่อช่วยเหลือผผู้ ลิตหรือผขู้ ายไม่ใหข้ าดทุน

21 22 กำรกำหนดค่ำจ้ำง สำระสำคญั พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงำน พ.ศ. 2541 การกาหนดคา่ จา้ งในตลาดเสรี มี 3 วิธี 1.กาหนดค่าจา้ งตามอปุ สงคอ์ ุปทาน เจตนำรมณ์ 2.กาหนดคา่ จา้ งตามภาวะค่าครองชีพ 3.กาหนดค่าจา้ งใหแ้ ตกต่างตามกนั ตามความรู้ ความสามารถและ 1.กาหนดมาตรฐานการคุม้ ครองแรงงานข้นั ต่าท่ี นายจา้ งพงึ ปฏิบตั ิ ประสบการณ์ ต่อลูกจา้ ง 2. เพอ่ื รองรับสิทธิประโยชนข์ ้นั ต่าของลูกคา้ 3.เพื่อใหก้ ารบริหารคุม้ ครองแรงงานเป็นไปในทางทิศเดียวกนั รูปแบบกฎหมำย 1.เป็ นกฎหมายมหาชน 2.เป็ นกฎหมายต่างตอบแทน 3.เป็นกฎหมายเก่ียวกบั ความสงบเรียบร้อยของประชาชน 4.เป้นกฎหมายอาญา มีโทษจาคุก ปรับ

23 24 ขอบเขตกำรบงั คบั ใช้ ควำมหมำย 1.ท้งั หมดในกิจการอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม ที่มีลูกจา้ งต้งั แต่1 • นายจา้ ง = ผซู้ ่ึงตกลงรับลูกจา้ งเขา้ ทางานและจ่ายคา่ จา้ งให้ คนข้ึนไป (บุคคล นิติบุคคล ผรู้ ับเหมาคา่ แรง) 2.บางส่วนในงานบา้ นท่ีไม่มีการประกอบธุรกิจรวมอยดู่ ว้ ยกนั • ลูกจา้ ง = ผซู้ ่ึงตกลงทางานใหน้ ายจา้ ง โดยรับค่าจา้ ง งานท่ีมิไดแ้ สวงหากาไรในทางเศรษฐกิจ • ค่าจา้ ง = เงินที่นายจา้ ง และ ลูกจา้ ง ตกลงกนั จ่ายเป็น 3.กรณีแตกต่างจาก พ.ร.บ น้ี ในงานเกษตรกรรม งานขนส่ง ค่าตอบแทนในการทางานตามสญั ญาจา้ ง สาหรับระยะเวลา บรรทุก ขนถ่ายสินคา้ เดินเรือทะเล การรับงานไปทาที่บา้ น งาน การทางานปกติของวนั ทางาน ประมงทะเล • สญั ญาจา้ ง = เงื่อนไขหรือขอ้ ตกลงระหวา่ งนายจา้ ง กบั • ไม่ใชบ้ งั คบั ส่วนราชการ รัฐวสิ าหกิจ โรงเรียน เอกชน ลูกจา้ ง เก่ียวกบั การจา้ งหรือการทางาน ท้งั ที่เป็นหนงั สือ หรือ • มีผลบงั คบั ใชต้ ้งั แต่วนั ที่ 19 สิงหาคม 2541 เป็นตน้ ไป ดว้ ยวาจา และตกลงจะจ่ายค่าจา้ งให้ (แกไ้ ขเพม่ิ เติมฉบบั ท่ี 2) ใชบ้ งั คบั ต้งั แต่วนั ที่ •คา่ ชดเชย = เงินท่ีนายจา้ งจ่ายใหล้ ูกจา้ งเม่ือเลิกจา้ ง 27 พฤษภาคม 2551 นอกเหนือจากเงินประเภทอื่นที่นายจา้ งตกลงจ่ายใหล้ ูกจา้ ง

25 26 วนั เวลำทำงำน เวลำพกั • เวลาพกั - วนั ละไม่นอ้ ยกวา่ 1 ชวั่ โมง ภายใน 5 ชวั่ โมงแรก • วนั ทางาน - ตกลงพกั นอ้ ยกวา่ คร้ังละ 1 ชวั่ โมงได้ รวมแลว้ ไม่ ไม่เกิน 6วนั ต่อ สปั ดาห์ นอ้ ยกวา่ วนั ละ 1 ชว่ั โมง - ทางานล่วงเวลาไม่นอ้ ยกวา่ 2ชวั่ โมง ตอ้ งพกั ไม่ • เวลาทางานปกติ (กาหนดเวลาเร่ิมตน้ และสิ้นสุด) นอ้ ยกวา่ 20 นาที - งานทว่ั ไป ไม่เกิน8ชวั่ โมง/วนั และ 48ชว่ั โมง/สปั ดาห์ • วนั หยดุ ประจาสปั ดาห์ - งานอนั ตราย ตามกฎกระทรวง(ฉ.2)ไม่เกิน7ชวั่ โมง/วนั - 1 วนั /สปั ดาห์ ห่างกนั ไม่เกิน 6 วนั ตกลงกนั ล่วงหนา้ ได้ และ 42 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ - สะสม เล่ือน ไดไ้ ม่เกิน 4 สปั ดาห์ติดต่อกนั ในงานโรงแรม ขนส่ง ในป่ า ที่ทุรกนั ดาร งานอื่นตามกฎกระทรวง • เวลาทางานปกติ ตามประเพณี - งานวชิ าชีพ บริหารและจดั การ เสมียน การคา้ - ไม่นอ้ ยกวา่ ปี ละ 13 วนั รวมวนั แรงงานแห่งชาต บริการ การผลิต หรืองานท่ีเก่ียวขอ้ ง วนั ละกี่ชวั่ โมงกไ็ ด้ - ตกลงกนั หยดุ วนั อื่นชดเชย หรือ จ่ายคา่ ทางานในวนั หยดุ แต่ตอ้ ง ไม่เกิน 48 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ - งานปิ โตรเลียม ไม่เกิน 12 ชวั่ โมง/วนั และ 48 ชวั่ โมง/สปั ดาห์

27 28 พกั ผ่อนประจำปี ค่ำจ้ำง - ทางานครบ 1 ปี มีสิทธิหยดุ ไม่นอ้ ยกวา่ 6 วนั ทางาน ลูกจา้ งมีสิทธ์ิไดร้ ับคา่ จา้ ง ดงั น้ี -นายจา้ งกาหนดเอง หรือตามที่ตกลงกนั -สะสมและเลื่อนไปรวมในปี ต่อ ๆ ไปได้ • ไม่นอ้ ยกวา่ เดือนละ 1 คร้ัง ไม่นอ้ ยกวา่ คา่ จา้ งข้นั ต่า -ไม่ครบปี จดั ใหต้ ามสดั ส่วนได้ • เลิกจา้ งจ่ายภายใน 3 วนั นบั จากเลิกจา้ ง • วนั หยดุ ประจาสัปดาห์ (ยกเวน้ รายวนั ชวั่ โมง ตาม กำรลำ ผลงาน) ตามประเพณี พกั ผอ่ นประจาปี 1. ป่ วยได้ เท่าท่ีป่ วยจริง (ไม่รวมเน่ืองจากการทางาน) 2. คลอด ก่อน - หลงั ครรภห์ น่ึงไม่เกิน 90 วนั รวมวนั หยดุ • ลาป่ วย 30 วนั ทางาน/ปี 3. ทาหมนั ตามระยะเวลาท่ีแพทย์ ฯ กาหนด และ รับรอง • ลาคลอด 45 วนั /ปี 4. กิจ ตามขอ้ บงั คบั เกี่ยวกบั การทางาน • ลาทาหมนั ตามใบรับรองแพทย์ • รับราชการทหาร ตามจานวนวนั ท่ีทางการทหารเรียก • รับราชการทหาร 60 วนั /ปี • ฝึกอบรม ไม่นอ้ ยกวา่ 30 วนั หรือ 3 คร้ัง ไม่เกิด • เป็นเงินไทย ณ ที่ลูกจา้ งทางาน หรือตามท่ีตกลงกนั ซ่ึง ความเสียหายหรือกระทบต่อธุรกิจ ประโยชนต์ าลูกจา้ ง

29 30 กำรทำงำนล่วงเวลำ และวนั หยุด หลกั ประกนั • ตอ้ งไดร้ ับความยนิ ยอมเป็นคราวๆไป ยกเวน้ งานท่ีตอ้ งทา 1.หา้ มเรียกหรือรับหลกั ประกนั จากลูกจา้ งเดก็ ติดต่อกนั ไป หยดุ เสียงหาย งานฉุกเฉิน(เท่าที่จาเป็น) 2.หา้ มเรียกหรือรับหลกั ประกนั • โรงแรม สถานมหรสพ ขนส่ง ร้านขายอาหาร เครื่องด่ืม 3.จานวนเงินไม่เกิน 60 เท่าของค่าจา้ งรายวนั โดยเฉลี่ย สโมสร สมาคม สถานพยาบาล ใหท้ างานในวนั หยดุ ได้ 4.ฝากไวก้ บั ธนาคารพาณิชย์ หรือสถาบนั การเงินอ่ืน โดยมีบญั ชี • หา้ มทา ในงานอนั อาจเป็นอนั ตรายต่อสุขภาพอนามยั ฯ อื่นเงินฝากของลูกจา้ งแต่ละคน พร้อมกบั แจง้ ชื่อธนาคาร ชื่อบญั ชี • รวมกนั ไม่เกิน 36 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ เลขท่ีบญั ชี ใหล้ กู จา้ งทราบเป็นหนงั สือ ภายใน7วนั นบั ต้งั แต่วนั ท่ี รับหลกั ประกนั (เงินสด) ค่ำล่วงเวลำ ค่ำทำงำนในวนั หยดุ 5.เลิกจา้ ง ลาออก สิ้นสญั ญาประกนั คืนเงิน (พร้อมดอกเบ้ีย) ภายใน7วนั • ค่าล่วงเวลาในวนั ทางาน 1.5 เท่า 6.ไม่คืน ใชม้ .9 (ดอกเบ้ีย 15%/ปี ,เงินเพ่ิม15% ทุก7วนั ) • คา่ ล่วงเวลาในวนั หยดุ 3 เท่า • ค่าทางานในวนั หยดุ ลูกจา้ งท่ีมีสิทธิไดร้ ับค่าจา้ งในวนั หยดุ 1 กำรล่วงเกนิ ทำงเพศ(มำตรำ16) เท่า ไม่มีสิทธิ 2 เท่า • ลูกจา้ งที่มีอานาจในการจา้ ง ใหบ้ าเหน็จ ลดค่าจา้ งหรือเลิกจา้ ง หา้ มมิใหน้ ายจา้ ง หวั หนา้ งาน ผคู้ วบคุมงาน หรือผตู้ รวจงาน ตาม ม. 65 (1) ไม่ไดร้ ับค่าล่วงเวลา และคา่ ทางานในวนั หยดุ เวน้ กระทาการล่วงเกิน คุกคามหรือก่อความเดือดร้อนราคาญ ทางเพศ แต่นายจา้ งตกลงจ่ายให้ ต่อลูกจา้ ง

31 การแทรกแซงราคา 32 ค่ำชดเชย(ม.118) การแทรกแซงราคา คอื การท่รี ฐั เขา้ แทรกแซงตลาดเพ่ือควบคมุ ราคาใหเ้ ป็นอยา่ งท่ีอยากใหเ้ ป็น ซง่ึ เป็นตวั การทาใหก้ ลไกราคา 1.ทางานติดต่อกนั ครบ 120วนั ไม่ครบ 1ปี 30 วนั 2.ทางานติดต่อกนั ครบ 1ปี ไม่ครบ 3ปี 90 วนั ทางานไดอ้ ย่างไมส่ มบรู ณ์ และไม่เกิดจดุ ดลุ ยภาพท่ีแทจ้ รงิ 3.ทางานติดต่อกนั ครบ 3บี ไม่ครบ 6ปี 180วนั 4.ทางานติดต่อกนั ครบ 6ปี ไม่ครบ 10ปี 240วนั 5.ทางานติดต่อกนั ครบ 10ปี ข้ีนไป 300วนั ค่ำชดเชยพเิ ศษ •กรณียา้ ย สปก.ไปต้งั ท่ีอ่ืน มีผลกระทบต่อลูกจา้ งหรือครอบครัว (ม. 120) •เลิกจา้ ง กรณีปรับปรุงหน่วยงาน กระบวนการผลิต จาหน่าย บริการ นาเครื่องจกั รมาใช้ (ม.121) กำรร้องทุกข์ 1.ลูกจา้ งไปฟ้องศาลแรงงานเอง 2.ลูกจา้ งยนื่ คาร้องต่อพนกั งานตรวจแรงงานทอ้ งที่ที่ลูกจา้ งทางาน หรือภูมิลาเนาของนายจา้ ง

33 34 กำรกำหนดรำคำข้นั ตำ่ (Minimum price policy) กำรกำหนดรำคำข้นั สูง (maximum price control) รัฐจะเขา้ มาแทรกแซงตลาดโดยการประกนั ราคาหรือพยงุ ราคา เป็นมาตรการที่รัฐบาลควบคุมราคาเพอื่ ใหค้ วามช่วยเหลือ ในกรณีที่สินคา้ ชนิดน้นั มีแนวโนม้ จะต่ามากหรือต่ากวา่ ราคาข้นั ผบู้ ริโภคท่ีไดร้ ับความเดือดร้อนจากการท่ีสินคา้ ท่ีจาเป็นแก่การ ต่า การควบคุมราคาข้นั ต่าเป็นมาตรการที่รัฐบาลควบคุมราคา ดารงชีวติ มีราคาสูงข้ึน การควบคุมราคาข้นั สูงรัฐบาลจะกาหนด เพอ่ื ใหค้ วามช่วยเหลือผผู้ ลิตไม่ใหไ้ ดร้ ับความเดือดร้อนจากการ ราคาขายสูงสุดของสินคา้ น้นั ไวแ้ ละหา้ มผใู้ ดขายสินคา้ เกินกวา่ ที่ราคาสินคา้ ที่ผลิตไดต้ ่าเกินไปไม่คุม้ ทุนท่ีลงไป ราคาที่รัฐบาลกาหนด

35 36 กำรจ่ำยเงนิ อดุ หนุน ตลาด การจ่ายเงินอุดหนุนใหแ้ ก่เกษตรกร (subsidy) วธิ ีน้ีรัฐบาลจะปล่อย 1.ตลำดทมี่ กี ำรแข่งขนั สมบูรณ์ ใหเ้ กษตรกรขายสินคา้ ในราคาตลาด (ราคาดุลยภาพ) แลว้ จ่ายเงิน อุดหนุน ใหเ้ ท่ากบั ส่วนแตกต่างระหวา่ งราคาตลาดกบั ราคา 1.) มีผซู้ ้ือและผขู้ ายจานวนมาก (many buyers and sellers) แต่ ประกนั ข้นั ต่า ละรายมีการซ้ือขายเป็นส่วนนอ้ ยเมื่อเปรียบเทียบกบั จานวนผซู้ ้ือ และผขู้ าย ท้งั หมดในตลาด การซ้ือขายสินคา้ ของผซู้ ้ือหรือผขู้ าย แต่ละรายไม่มีอิทธิพลต่อการกาหนดราคา 2.) สินคา้ ท่ีซ้ือหรือขายจะตอ้ งมีลกั ษณะเหมือนกนั (homogeneity) สามารถท่ีจะใชแ้ ทนกนั ไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์ 3). การติดต่อซ้ือขายจะตอ้ งกระทาไดโ้ ดยสะดวก 4). หน่วยธุรกิจสามารถเขา้ หรือออกจากธุรกิจการคา้ โดยเสรี

37 38 2.ตลำดแข่งขนั ไม่สมบูรณ์ ตลำดแข่งขนั ไม่สมบูรณ์ แบ่งออกเป็ น 3 ประเภท 1) ผขู้ ายมีจานวนไม่มาก 1.ตลำดผูกขำด (monopoly) 2.) ลกั ษณะสินคา้ ไม่เหมือนกนั ทุกประการ สินคา้ มีลกั ษณะ •ตลาดท่ีมีผผู้ ลิตหรือผขู้ าย เพยี งรายเดียว คลา้ ยกนั แต่ไม่เหมือนกนั อาจจะแตกต่างกนั ท่ีคุณภาพ การ •สินคา้ หรือบริการ เป็นสินคา้ ที่ไม่มีสินคา้ อื่นมาทดแทนไดเ้ ลย บริการ การโฆษณา บรรจุ หีบห่อ •มีการกีดกนั การเขา้ สู่ตลาด 3.) การเขา้ หรือออกจากการผลิตทาไดย้ าก •ไม่จาเป็นตอ้ งส่งเสริมการขายมากนกั 4.) ความรู้ในเรื่องการตลาดไม่สมบูรณ์ ท้งั ผซู้ ้ือและผขู้ ายไม่มี •ผผู้ ลิตหรือผขู้ าย มีอานาจกาหนดราคาสูง ความรู้เรื่องการตลาดหรือขอ้ มูลการตลาดอยา่ งสมบูรณ์ทาใหร้ าคา •ตวั อยา่ ง ไฟฟ้า ประปา รถไฟ (มกั จะเป็นของรัฐบาล) แตกต่างกนั

39 40 2. ตลำดผู้ขำยน้อยรำย (oligopoly) 3.ตลำดกงึ่ แข่งขนั กง่ึ ผูกขำด (Monopolistic Competition Market) •มีผขู้ ายรายเดียว •มีจานวนผขู้ ายมาก •สินคา้ ไม่สามารถทดแทนได้ •สินคา้ ของผผู้ ลิตแต่ละรายมีความแตกต่างกนั บา้ งเลก็ นอ้ ย •หน่วยธุรกิจเขา้ หรืออกจากตลาดยาก •สามารถใชท้ ดแทนกนั ได้ (แต่ไม่สมบูรณ์) •ผขู้ ายแต่ละรายจะขายสินคา้ เป็นจานวนมาก •ผผู้ ลิตสามารถกาหนดราคาสินคา้ ใหแ้ ตกต่างกนั ไดบ้ า้ ง

บรรณำนุกรม ความสมั พนั ธ์ทางเศรษฐกิจ https://sites.google.com/site/economicnatchanan123/bth- thi4khwam-samphanth-thang-sersth-ki อุปสงคอ์ ปุ ทาน https://sites.google.com/site/thamsupapong/kar-baychi- ptibati-kar-phasa-xangkvs กลไกราคาและการกาหนดจุดดุลยภาพ http://socialteacherwp.blogspot.com/2013/01/1.html การแทรกแซงราคา https://sites.google.com/site/chanwid2555/khwam-rwm-mux- thang-sersthkic/04-kar-thaerksaeng-rakha-laea-kar-khwbkhum- rakha ตลาด https://sites.google.com/site/chatsuda5010/tlad-khaengkhan- smburn


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook