Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (ร่าง) โปรแกรมการพัฒนาทักษะการดำรงชีวิตสำหรับเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ ของศูนย์การศึกษาพิเศษ พุทธศักราช ๒๕๕๘

(ร่าง) โปรแกรมการพัฒนาทักษะการดำรงชีวิตสำหรับเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ ของศูนย์การศึกษาพิเศษ พุทธศักราช ๒๕๕๘

Published by special_lp, 2018-06-13 02:38:27

Description: ๔.เล่มโปรแกรมการพัฒนาทักษะ

Search

Read the Text Version

(รา่ ง)โปรแกรมการพัฒนาทกั ษะการดารงชีวติ สาหรับเด็กทมี่ คี วามตอ้ งการจาเป็นพิเศษ ของศนู ย์การศึกษาพิเศษ พุทธศักราช ๒๕๕๘ สานกั บริหารงานการศกึ ษาพิเศษ สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

คำนำ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณ าจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๔๙ ระบุว่าบุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐจะต้องจัดให้อย่างท่ัวถึงและมีคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย วรรคสอง ผู้ยากไร้ ผู้พิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้อยู่ในสภาวะยากลาบาก ต้องได้รับสิทธิตามวรรคหน่ึงและการสนับสนุนจากรัฐเพื่อให้ได้รับการศึกษาโดยทัดเทียมกับบคุ คลอ่ืน มาตรา ๕๒ ระบุว่า เดก็ และเยาวชนมสี ิทธิในการอยรู่ อดและได้รับการพัฒนาด้านร่างกายจิตใจและสติปัญญา ตามศักยภาพในสภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสม โดยคานึงถึงการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนเป็นสาคัญ มาตรา ๘๐ กาหนดให้รัฐต้องดาเนินการตามนโยบายด้านสังคม สาธารณสุขการศึกษาและวัฒนธรรม ดังต่อไปนี้ (๑)...รวมทั้งต้องสงเคราะห์และจัดสวัสดิการให้กับผู้สูงอายุผยู้ ากไร้ ผู้พิการหรือทุพพลภาพและผู้อยู่ในสภาวะลาบาก ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีข้ึนและพึ่งพาตนเองได้... พระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสาหรับคนพิการ พ.ศ.๒๕๕๑ มาตรา ๕ ระบุว่าคนพิการมีสิทธิทางการศึกษา ดังนี้ ...(๒) เลือกบริการทางการศึกษา สถานศึกษา ระบบและรูปแบบการศึกษาโดยคานึงถึง ความสามารถ ความสนใจ ความถนัดและความต้องการจาเป็นพิเศษของบุคคลนนั้ สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ มีสถานศึกษาท่ีให้บริการผู้เรียนที่มีความต้องการจาเป็นพิเศษในลักษณะศูนย์การศึกษาพิเศษ ท่ีมีบทบาทหน้าท่ีตามพระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสาหรับคนพิการ พ.ศ.๒๕๕๑ และประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การปฏิบัติหน้าท่ีอื่นของศูนย์การศึกษาพิเศษ พ.ศ.๒๕๕๓ กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งกาหนดบทบาทหน้าที่ศูนย์การศึกษาพิเศษ ดังน้ี(๑) จัดและส่งเสริม สนับสนุนการศึกษาในลักษณะ ศูนย์บริการช่วยเหลือระยะแรกเร่ิม(Early Intervention : EI) และเตรียมความพร้อม ของคนพิการเพื่อเข้าสู่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโรงเรียนอนุบาล โรงเรียนเรียนร่วม โรงเรียนเฉพาะความพิการ ศูนย์การเรียนเฉพาะความพิการหน่วยงานที่เก่ียวข้อง เป็นต้น (๒) พัฒนา และฝึกอบรมผดู้ ูแลคนพิการ บคุ ลากรที่จดั การศึกษาสาหรับคนพิการ (๓)จัดระบบและส่งเสริม สนับสนุนการจัดทาแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล(Individualized Education Program : IEP) (๔) จัดระบบบริการช่วงเช่ือมต่อสาหรับคนพิการ(Transition Services) (๕) ให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ โดยครอบครัวและชุมชนด้วยกระบวนการทางการศึกษา (๖) เป็นศูนย์ข้อมูล รวมทั้งจัดระบบข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษาสาหรับคนพกิ าร (๗) จดั ระบบสนับสนุนการจดั การเรยี นร่วม และประสานงานการจดั การศึกษาสาหรับคนพกิ ารในจังหวดั และ (๘) ภาระหนา้ ทอี่ ่ืนตามท่กี ฎหมายกาหนดหรือตามที่ได้รับมอบหมาย ดังน้ัน สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ จึงจัดทาโปรแกรมพัฒนาทักษะการดารงชีวิตสาหรับเด็กพิการ ของศูนย์การศึกษาพิเศษ พุทธศักราช ๒๕๕๘ ข้ึน เพื่อให้ศูนย์การศึกษาพิเศษใช้เป็นโปรแกรมในการพัฒนาเด็กพิการในด้านทักษะการดารงชีวิต และปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบท

~ข~ของแต่ละพื้นท่ี ตามประเภท ระดับความพิการและศักยภาพ เพื่อให้เด็กพิการสามารถพึ่งพาตนเองได้และมีคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึน ซ่ึงมีองค์ประกอบในโปรแกรมได้แก่ ช่วงวัย ๐-๓ ปี และตลอดชีวิตมีทักษะการดารงชีวิตประจาวัน ช่วงวัย ๔-๖ ปี และตลอดชีวิต มีทักษะการดารงชีวิตประจาวันทักษะวิชาการเพื่อการดารงชีวิต และทักษะส่วนบุคคลและสังคม ช่วงวัย ๗-๑๐ ปี และตลอดชีวิตมีทักษะวิชาการเพื่อดารงชีวิต และทักษะการทางานและอาชีพ และช่วงวัย ๑๑ ปี ขึ้นไปจนถงึ ตลอดชวี ติ มที ักษะการทงานและอาชพี ขอขอบคุณผู้ท่ีมสี ว่ นร่วมจากทุกหนว่ ยงานท่ีเก่ยี วข้องทั้งในและนอกกระทรวงศกึ ษาธิการตลอดจนภาคเอกชน ซ่ึงชว่ ยให้การพฒั นาโปรแกรมการพัฒนาทักษะการดารงชีวติ สาหรับเดก็ ทีม่ ีความตอ้ งการจาเป็นพิเศษ ของศูนย์การศึกษาพิเศษ พุทธศักราช ๒๕๕๘ ฉบับน้ี มีความสมบูรณ์ เหมาะสมสามารถนาไปใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมและกระบวนการเรียนรู้ ให้เหมาะสม สอดคล้องกับสภาพความต้องการจาเป็นของเด็กแต่ละคนได้อย่างถูกต้อง มีพัฒนาการที่ดีเต็มตามศักยภาพ และเตบิ โตเปน็ ประชากรที่มีคณุ ภาพ และเปน็ อนาคตของชาติต่อไป (นายอานาจ วชิ ยานุวัต)ิ ผู้อานวยการสานกั บรหิ ารงานการศึกษาพิเศษ ....... / ........... / ..........

~ค~สำรบญั๑. เหตผุ ลความจาเปน็ ................................................................................................................ หนา้๒. ปรัชญา....................................................................................................................... ........... ๑๓. หลักการ................................................................................................................................. 3๔. จดุ หมาย................................................................................................................................. 3๕. โครงสรา้ ง............................................................................................................................... 3๖. กล่มุ เป้าหมาย........................................................................................................................ ๕๗. การจัดการเรยี นรู้................................................................................................................... ๖๘. สือ่ เทคโนโลย.ี ....................................................................................................................... ๘๙. การประเมินผล....................................................................................................................... ๙๑๐. การบรหิ ารจัดการโปรแกรม................................................................................................ ๑๐๑๑. การรายงานผลการพฒั นา................................................................................................... ๑๑๑๒. การสง่ ต่อ.................................................................................................................... ......... ๑๒๑๓. เอกสารทใ่ี ชใ้ นโปรแกรม...................................................................................................... ๑๓๑๔. อภธิ านศพั ท.์ ....................................................................................................................... ๑๕๑๕. เอกสารอ้างอิง................................................................................................................ ..... ๑๖๑๕. ภาคผนวก............................................................................................................................ ๑๙๑๖. รายชอื่ คณะกรรมการผจู้ ัดทา.............................................................................................. ๒๑ ๒๖

~ง~ สำรบัญแผนภำพแผนภาพที่ ๑ โครงสร้างโปรแกรมการพัฒนาทักษะการดารงชวี ิต หนำ้แผนภาพที่ ๒ สาหรบั เด็กทม่ี ีความต้องการจาเปน็ พิเศษ ของศูนย์การศึกษาพิเศษ............ การบรหิ ารจัดการโปรแกรมการพฒั นาทักษะการดารงชวี ิต......................... ๕ ๑๑

๑. เหตุผลความจาเปน็สำนักบริหำรงำนกำรศึกษำพิเศษ สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำนกระทรวงศึกษำธิกำร ได้จัดทำแนวทำงกำรให้บริกำรช่วยเหลือระยะแรกเร่ิมและกำรพัฒนำศักยภำพสำหรับบุคคลท่ีมีควำมบกพร่องด้ำนต่ำงๆ ๕ ประเภทควำมพิกำร รวม ๕ เล่ม ได้แก่ (๑)บุคคลที่มีควำมบกพรอ่ งทำงกำรเหน็ (๒) บคุ คลที่มีควำมบกพรอ่ งทำงกำรได้ยิน (๓) บคุ คลท่ีมคี วำมบกพร่องทำงสติปัญญำ (๔) บุคคลที่มีควำมบกพร่องทำงร่ำงกำย หรือสุขภำพ และ (๕) บุคคลออทิสติก เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๐ เพื่อใช้เป็นแนวทำงให้บริกำรช่วยเหลือระยะแรกเริ่มและกำรพัฒนำศักยภำพสำหรับบุคคลท่ีมีควำมบกพร่องของศูนย์กำรศึกษำพิเศษ ท่ีมีอำยุต้ังแต่แรกเกิด ถึง ๓ ปี และ ๔ ปีข้ึนไป เม่ือใช้มำระยะเวลำหนึ่ง ได้มีกำรพัฒนำแนวทำงกำรให้บริกำรช่วยเหลือระยะแรกเร่ิมและพัฒนำศักยภำพ สำหรับบุคคลท่มี ีควำมบกพรอ่ งทำงกำรศกึ ษำของศนู ย์กำรศึกษำพิเศษดังกล่ำว เป็นหลักสูตรกำรให้บริกำรช่วยเหลือระยะแรกเริ่มสำหรับเด็กท่ีมีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษ ศูนย์กำรศึกษำพิเศษพุทธศักรำช ๒๕๕๖จำนวน ๑ เล่ม ซ่ึงประกอบด้วยทักษะพ้ืนฐำน ๖ ทักษะ และทักษะจำเป็นเฉพำะควำมพิกำรและทักษะจำเป็นอื่นๆ ๔ ประเภทควำมพิกำร ได้แก่ทักษะจำเป็นเฉพำะควำมพิกำรของบุคคลท่ีมีควำมบกพร่องทำงกำรเห็น บุคคลที่มีควำมบกพร่องทำงกำรได้ยิน บุคคลที่มีควำมบกพร่องทำงร่ำงกำย หรือกำรเคลื่อนไหวหรือสุขภำพ และ บุคคลออทิสติก ซ่ึงใช้กับช่วงอำยุของเด็กท่ีมีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษต้ังแต่แรกเกิด ถึง ๖ ปีเม่ือใช้ครบรอบ ๑ ปี กำรศึกษำสำรวจสภำพปัญหำ และข้อเสนอแนะจำกผลกำรนำหลักสูตรกำรให้บรกิ ำรช่วยเหลือระยะแรกเริ่มไปใช้ในศูนย์กำรศึกษำพิเศษซง่ึ กลุ่มสง่ เสรมิ ประสทิ ธภิ ำพกำรจัดกำรศกึ ษำ ศูนย์กำรศึกษำพิเศษ เครอื ข่ำยท่ี ๘ ได้ประมวลผลพบว่ำปัญหำกำรใช้หลักสูตร คือเด็กท่ีมีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษท่ีรับบริกำรในศูนย์กำรศึกษำและรับบริกำรท่ีบ้ำน ไม่มีสำระใดที่เหมำะสมในหลักสูตรสำหรับกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต เนื้อหำในหลักสูตรกว้ำงมำกเกินไปจนทำให้กิจกรรมมีควำมหลำกหลำย ขำดตัวอย่ำงของกระบวนกำรและเทคนิคกำรจัดกำรเรียนรู้ที่สำมำรถนำมำใช้ได้จริงกับสภำพปัญหำของเด็กท่ีมีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษเม่ือติดตำมเด็กท่ีมีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษที่ออกจำกบริกำรของศูนย์กำรศึกษำพิเศษหรือเด็กที่มีควำมตอ้ งกำรจำเป็นพิเศษที่มีอำยุมำกกว่ำที่จะรับบริกำรที่ศูนย์กำรศึกษำพิเศษ พบว่ำเด็กที่มีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษเหล่ำนี้ได้รับกำรส่งเสริมหรือเตรียมควำมพร้อมให้มีงำนทำ หรือดำรงชีวิตในสังคมได้ด้วยตนเองไมต่ รงกับควำมต้องกำรทแี่ ทจ้ ริงสำหรบั กำรดำรงชีวติ ในชุมชนในด้ำนครูผู้สอนของศูนย์กำรศึกษำพิเศษก็พบว่ำส่วนใหญ่เพ่ิงจบกำรศึกษำและมีประสบกำรณ์น้อย และมีกำรเปลี่ยนงำนบ่อย ขำดประสบกำรณ์ในกำรวำงแผนกำรพัฒนำศักยภำพเด็กที่มคี วำมต้องกำรจำเป็นพิเศษในองค์รวม จึงไม่สำมำรถออกแบบกำรพัฒนำ เด็กท่ีมีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษให้มีควำมพร้อมต่อกำรดำรงชีวิตในโรงเรียนหรือชุมชนต่อไปได้ สภำพปัญหำดังกล่ำวน้ี สอดคล้องกับข้อค้นพบของคณะกรรมกำรนิเทศติดตำมประเมินผลกำรจัดกำรศึกษำ

~๒~จำกตน้ สงั กดั ปีกำรศึกษำ ๒๕๕๘ และคณะกรรมกำรติดตำมตรวจสอบและประเมนิ คุณภำพภำยในจำกต้นสังกัดปีกำรศึกษำ ๒๕๕๗ ซ่ึงระบุว่ำกำรจัดกำรศึกษำให้ผู้เรียนที่รับบริกำรในศูนย์กำรศึกษำพิเศษและชุมชนนั้นควรมีกำรพัฒนำโปรแกรมทักษะกำรดำรงชีวิตเพื่อเตรียมผู้เรียนในกำรเปล่ียนผ่ำนไปยังสถำนศกึ ษำ หน่วยงำนอนื่ และชุมชน จำกสภำพดังกล่ำว สำนักบริหำรงำนกำรศึกษำพิเศษจึงเห็นควำมจำเป็นที่จะต้องมีกำรพัฒนำหลักสูตรหรอื โปรแกรมส่งเสริมทักษะชีวิตของเด็กท่ีมีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษ ทุกประเภท เพื่อให้มีหัวข้อ สำระเนื้อหำ กิจกรรม สื่อ เทคโนโลยีที่ครอบคลุมในด้ำนกำรจัดกำรและกำรควบคุมตนเอง กำรดแู ลตนเองในชีวิตประจำวัน ทกั ษะทำงวชิ ำกำรในชวี ติ ประจำวัน รวมท้ังกำรทำงำนและอำชีพ ที่จะนำไปใช้เตรียมผู้เรียนเปลี่ยนผำ่ นไปสู่ช่วงชวี ิตใหม่ได้โดยมีแผนกำรจัดกำรศึกษำเฉพำะบุคคลและแผนกำรเปลี่ยนผ่ำนเฉพำะบุคคลเป็นเครื่องมือสร้ำงควำมเช่ือม่ันแก่ครู ผู้ปกครอง และผู้เก่ียวข้องได้ทำงำนร่วมกันในกำรวำงแผน กำรจัดบริกำรตลอดแนว ซึ่งเป็นหลักกำรสำคัญของกำรพัฒนำหลักสูตรหรือโปรแกรมสำหรบั เด็กพิกำรที่ระบุว่ำ หลักสูตรหรือโปรแกรมท่ีเหมำะสมกับเด็กทุกกลุ่มอำยุต้องเป็นหลักสูตรตลอดแนวท่ีออกแบบตำมหลักกำร ดังนี้ (Wehman&Kregel, 2002, p.3-7) ๑) เน้นควำมเป็นเฉพำะบุคคลและใช้บุคคลเป็นศูนย์กลำง เพ่ือให้เด็กที่มีควำมต้องกำรจำเป็นพเิ ศษ ครอบครัว และผูเ้ กยี่ วขอ้ งไดม้ ีสว่ นรว่ มอย่ำงจรงิ จังในกำรวำงแผน กำรมีเป้ำหมำยรว่ มกันในปัจจุบันและอนำคตที่จะต้องประคับประคองไปให้ถึง โดยมีกำรสื่อสำรตลอดชว่ งอำยุเพ่ือสร้ำงควำมต่อเนอื่ ง ๒) มีควำมเหมำะสมกับสภำพกำรนำไปใช้ในชีวิตจริง กำรพัฒนำโปรแกรมตลอดแนวต้องมีกำรวิเครำะห์ควำมต้องกำรจำเป็นของบุคคลในสภำพแวดล้อมท่ีแตกต่ำงกัน เพ่ือจัดลำดับควำมสำคัญตำมควำมจำเป็นของผ้เู รียนทจี่ ะต้องเรียนรู้ เพอ่ื กำรปฏิบตั ติ นไดเ้ หมำะสมในชุมชน ๓) โปรแกรมระยะยำวท่ีออกแบบจะต้องมีกำรปรับเป้ำหมำย วัตถุประสงค์ให้มีควำมเจำะจง และเหมำะสมกับสมรรถนะของผู้เรียน ทั้งในกำรวำงแผนกำรจัดทำแผนกำรจัดกำรศึกษำเฉพำะบุคคล และกำรจัดกำรเรียนกำรสอน เพ่ือช่วยให้ผู้เรียนเรยี นรูไ้ ด้ตำมวตั ถุประสงค์ของโปรแกรมและบรรลศุ กั ยภำพสูงสุด ๔) เน้นนิเวศวิทยำสำหรับกำรปฏิบัติท่ีครู ผู้ปกครอง ผู้เรียนและผู้เก่ียวข้องจะได้ร่วมวิเครำะหก์ ิจกรรมทจี่ ำเปน็ เร่งด่วนในแตล่ ะสภำพแวดลอ้ มหลักของกำรดำรงชีวิต เพ่ือสรำ้ งพื้นฐำนกำรปฏิบัติกิจกรรมใหแ้ ก่ผ้เู รียนไดพ้ ัฒนำทกั ษะทจ่ี ำเป็นต้องใช้ในสถำนกำรณ์ทัว่ ไปในที่อืน่ ๆ โปรแกรมกำรพัฒนำทักษะกำรดำรงชีวิตสำหรับเด็กท่ีมีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษศูนย์กำรศึกษำพิเศษท่ีพัฒนำข้ึนคร้ังนี้ ได้นำหลักกำรกำรพัฒนำหลักสูตรและกำรพัฒนำหลักสูตรสำหรับผู้เรียนท่ีมีควำมต้องกำรพิเศษมำใช้ ทำให้ได้ขอบข่ำย (Scope) เน้ือหำสำระและจัดลำดับเน้ือหำสำระ(Sequence) ท่ีเกี่ยวกับตนเอง ครอบครัว สังคม ชุมชน ไปถึงกำรทำงำน เพ่ือให้ครู ผู้ปกครอง และ

~๓~ผเู้ ก่ียวข้องได้นำไปใช้วำงแผนตำมหลักกำรข้ำงต้นในกำรจัดทำแผนกำรจัดกำรศึกษำเฉพำะบุคคลและแผนกำรเปล่ียนผ่ำนเฉพำะบุคคล พร้อมทั้งจัดกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนแบบบูรณำกำรที่สัมพันธ์กับชีวิตในสภำพแวดล้อมท่ีแตกต่ำงกันของเด็กที่มีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษ แต่ละคนและเช่ือมต่อประสบกำรณ์แต่ละทักษะตำมช่วงวัย โดยสร้ำงควำมเชื่อมโยงและควำมต่อเนื่องของกำรจัดกิจกรรมที่ผู้เกี่ยวข้องทุกคนจะได้ร่วมกันพัฒนำให้เด็กที่มีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษมีทักษะที่นำไปใช้ได้จรงิ สำหรับกำรดำรงชวี ิตหลงั สิ้นสดุ กำรรบั บรกิ ำรจำกศนู ย์กำรศกึ ษำพเิ ศษ๒. ปรชั ญา ๑) กำรจัดกำรศึกษำสำหรับเด็กที่มีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษ ควรจัดให้เร็วท่ีสุดตั้งแต่แรกเกิดหรอื พบควำมพกิ ำรจนตลอดช่วงวยั ของกำรศึกษำขนั้ พ้ืนฐำน โดยกำรมีสว่ นรว่ มของผเู้ กย่ี วขอ้ งทุกฝ่ำย ในกำรวำงแผนกำรจัดบริกำรทำงกำรศึกษำท่ีเหมำะสม เพ่ือสนองต่อควำมต้องกำรจำเป็นพเิ ศษของแตล่ ะบคุ คลแต่ละชว่ งวัย ๒)กำรจัดบริกำรช่วงเชื่อมต่อสำหรับกำรพึ่งพำตนเองและกำรดำรงชีวติ จำเปน็ ต้องบรู ณำกำรรว่ มไปกบั กำรจัดบริกำรทำงกำรศกึ ษำ ๓)กำรจัดประสบกำรณก์ ำรเรยี นรู้ต้องอยู่บนพ้ืนฐำนของกำรดำรงชีวติ ในบริบททต่ี ่อเนอ่ื งตำมช่วงวยั๓.หลกั การ ๑) เป็นกำรศึกษำท่ีมุ่งส่งเสริมให้เด็กที่มีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษพัฒนำตำมธรรมชำติเต็มศกั ยภำพและไดร้ ับควำมสำเรจ็ ในกำรดำเนินชีวติ ภำยใต้ควำมรว่ มมือของทกุ ภำคสว่ น ๒) เป็นกำรพัฒนำเด็กท่ีมีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษแบบองค์รวมในระบบนิเวศวิทยำที่สัมพันธก์ บั ชวี ติ ควำมตอ้ งกำรจำเปน็ ของเด็กทมี่ คี วำมต้องกำรจำเปน็ พิเศษและครอบครัว ๓) เปน็ โปรแกรมทีม่ โี ครงสร้ำงยืดหยุ่นท้ังด้ำนสำระและกำรจดั กำรเรียนรู้ ๔) เป็นโปรแกรมที่จัดกำรศกึ ษำได้ทกุ รูปแบบ๔. จุดหมาย ๑) มุ่งพัฒนำเด็กที่มีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษของศูนย์กำรศึกษำพิเศษให้มีศักยภำพสูงสุดในกำรดำเนนิ ชวี ติ ๒) เพ่ือให้ครอบครัวและชุมชนร่วมสร้ำงโอกำสให้เด็กท่ีมีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษได้เปน็ สมำชกิ ทด่ี ีและมีคุณภำพของสังคม

~๔~ ๓) เพื่อเป็นเส้นทำงเชื่อมโยงกำรให้กำรศึกษำแก่เด็กที่มีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษตลอดแนวใหเ้ หน็ คณุ ค่ำของตนเองมีวินัย และทักษะที่เกีย่ วกับตนเองและกำรดำเนนิ ชวี ติ ๔) เพื่อให้ผู้ที่มีส่วนในกำรจัดกำรศึกษำได้ม่ันใจว่ำเด็กท่ีมีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษท่สี ำเร็จจำกศูนย์กำรศกึ ษำพเิ ศษนัน้ มคี ุณภำพเปน็ ทยี่ อมรับ

~๕~๕. โครงสร้าง กำรพฒั นำศักยภำพเด็กที่มคี วำมตอ้ งกำรจำเปน็ พเิ ศษตำมโปรแกรมกำรพฒั นำทักษะกำรดำรงชีวิตสำหรับเด็กท่ีมีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษ ของศูนย์กำรศึกษำพิเศษจำเป็นต้องคำนึงถึงโครงสรำ้ งโปรแกรมกำรพัฒนำทกั ษะกำรดำรงชีวิตสำหรบั เด็กพิกำร ของศูนย์กำรศึกษำพเิ ศษดงั นี้ชว่ งวัย ๐ – ๓ ปี ชว่ งวัย ๔ – ๖ ปี ชว่ งวัย ๗ – ๑๐ ปี ชว่ งวัย ๑๑ ปีข้นึ ไปกลมุ่ ทักษะการดารงชวี ิตประจาวนั๑.ทักษะกำรดแู ลตนเองและกำรดแู ลสขุ อนำมยั สว่ นบคุ คล๒.ทกั ษะกำรเขำ้ สังคม กำรทำกิจกรรมนันทนำกำร และกำรทำงำนอดเิ รก(กจิ กรรมยำมว่ำง) กลมุ่ ทักษะการดารงชีวติ ประจาวัน ๑.ทกั ษะกำรเคลือ่ นยำ้ ยตนเองในบำ้ น ๒.ทกั ษะกำรดูแลสุขภำพและควำมปลอดภยั ในชวี ิตประจำวนั ๓.ทกั ษะกำรทำงำนบำ้ น ๔.ทักษะกำรมสี ่วนร่วมในสงั คมและทักษะชวี ิต กลุ่มทกั ษะวชิ าการเพอ่ื การดารงชวี ิต ๑. ทักษะกำรสื่อสำร กล่มุ ทักษะส่วนบุคคลและสังคม ๑.ทักษะกำรจดั กำรและกำรควบคมุ ตนเอง ๒.ทักษะกำรมสี ว่ นรว่ มทำงสงั คม ๓.ทักษะกำรเดินทำงในชุมชน ๔.ทกั ษะกำรปรบั ตัวในสังคมและกำรใชเ้ วลำว่ำงใหเ้ ปน็ ประโยชน์ กล่มุ ทักษะวชิ าการเพอื่ การดารงชีวติ ๑.ทกั ษะกำรอ่ำน ๒.ทกั ษะกำรเขียน ๓.ทกั ษะกำรคดิ คำนวณ ๔.ทักษะควำมคดิ รวบยอดและกำรแก้ปัญหำ กลมุ่ ทักษะการทางานและอาชพี ๑.ทกั ษะกำรเรียนรู้เรอื่ งอำชพี ๒.ทกั ษะกำรเรยี นรเู้ รอื่ งกำรทำงำน กลุ่มทกั ษะการทางานและอาชพี ๑.ทกั ษะกำรวำงแผนกำรใชเ้ งนิ ๒.ทกั ษะสุขภำพและควำมปลอดภยั ในกำร ทำงำน ๓.ทักษะกำรเดนิ ทำงไปทำงำนแผนภำพท่ี ๑ โครงสร้ำงโปรแกรมกำรพัฒนำทกั ษะกำรดำรงชีวติ สำหรับเด็กท่มี ีควำมต้องกำร จำเปน็ พเิ ศษของศูนย์กำรศึกษำพเิ ศษ

~๖~๖. กล่มุ เป้าหมาย กลุ่มเป้ำหมำยตำมโปรแกรมกำรพัฒนำทักษะกำรดำรงชีวิตสำหรับเด็กที่มีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษ ของศูนยก์ ำรศึกษำพเิ ศษจำเป็นต้องคำนึงถึงโครงสร้ำงหลกั สูตร เป็นเด็กทม่ี ีควำมตอ้ งกำรจำเป็นพิเศษจำนวน ๒ กลุ่ม คือ (๑) เด็กท่ีมีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษรับบริกำรในศูนย์กำรศึกษำพเิ ศษ และ (๒) เด็กที่มคี วำมต้องกำรจำเป็นพิเศษรับบริกำรที่บำ้ น ซ่งึ มีประเภทควำมพิกำรเป็นไปตำมประกำศกระทรวงศึกษำธิกำร เรื่อง กำหนดประเภทและหลักเกณฑ์ของคนพิกำรทำงกำรศึกษำ พ.ศ.๒๕๕๒ ดงั ต่อไปนี้ ๑) บุคคลท่ีมีความบกพร่องทางการเห็นได้แก่บุคคลท่ีสูญเสียกำรเห็นตั้งแต่ระดับเลก็ นอ้ ยจนถงึ ตำบอดสนิทซง่ึ แบง่ เปน็ ๒ประเภทดงั นี้ ๑.๑คนตำบอดหมำยถึงบุคคลท่ีสูญเสียกำรเห็นมำกจนต้องใช้ส่ือสัมผัสและส่ือเสียงหำกตรวจวัดควำมชัดของสำยตำข้ำงดีเม่ือแก้ไขแล้วอยู่ในระดับ๖ส่วน๖๐ (๖/๖๐) หรือ๒๐ส่วน๒๐๐(๒๐/๒๐๐) จนถึงไม่สำมำรถรบั รู้เรอื่ งแสง ๑.๒คนเห็นเลือนรำงหมำยถึงบคุ คลท่ีสญู เสยี กำรเห็นแต่ยังสำมำรถอ่ำนอักษรตัวพิมพ์ขยำยใหญ่ด้วยอุปกรณเ์ ครอ่ื งช่วยควำมพิกำรหรือเทคโนโลยีสง่ิ อำนวยควำมสะดวกหำกวดั ควำมชดั เจนของสำยตำขำ้ งดีเมื่อแกไ้ ขแล้วอยู่ในระดบั ๖ส่วน๑๘ (๖/๑๘) หรือ๒๐สว่ น๗๐(๒๐/๗๐) ๒) บุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยินได้แก่บุคคลที่สูญเสียกำรได้ยินตั้งแต่ระดับหูตงึ นอ้ ยจนถงึ หูหนวกซึ่งแบ่งเป็น๒ประเภทดงั นี้ ๒.๑คนหูหนวกหมำยถึงบคุ คลท่ีสูญเสียกำรได้ยินมำกจนไม่สำมำรถเข้ำใจกำรพูดผ่ำนทำงกำรได้ยินไม่ว่ำจะใส่หรือไม่ใส่เคร่อื งช่วยฟังซึ่งโดยทั่วไปหำกตรวจกำรได้ยินจะมีกำรสูญเสียกำรได้ยนิ ๙๐เดซิเบลข้นึ ไป ๒.๒คนหูตึงหมำยถึงบุคคลที่มีกำรได้ยินเหลืออยู่เพียงพอท่ีจะได้ยินกำรพูดผ่ำนทำงกำรได้ยนิ โดยท่ัวไปจะใส่เคร่ืองช่วยฟังซึ่งหำกตรวจวดั กำรได้ยินจะมีกำรสูญเสียกำรได้ยินน้อยกว่ำ๙๐เดซเิ บลลงมำถงึ ๒๖เดซิเบล ๓) บุคคลที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาได้แก่บุคคลท่ีมีควำมจำกัดอย่ำงชัดเจนในกำรปฏิบัติตน (Functioning) ในปัจจุบันซึ่งมีลักษณะเฉพำะคือควำมสำมำรถทำงสติปัญญำต่ำกว่ำเกณฑ์เฉล่ียอย่ำงมีนัยสำคัญร่วมกับควำมจำกัดของทักษะกำรปรับตัวอีกอย่ำงน้อย ๒ทักษะจำก๑๐ทัก ษ ะได้แ ก่กำรส่ือ คว ำม ห มำย กำรดูแล ตน เองกำรด ำรงชี วิต ภ ำยในบ้ ำน ทั กษ ะท ำงสังค ม /ก ำรมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่ืนกำรรู้จักใช้ทรัพยำกรในชุมชนกำรรู้จักดูแลควบคุมตนเองกำรนำควำมรู้มำใช้ในชีวิตประจำวันกำรทำงำนกำรใช้เวลำว่ำงกำรรักษำสุขภำพอนำมัยและควำมปลอดภัยทั้งน้ีได้แสดงอำกำรดงั กล่ำวกอ่ นอำยุ๑๘ปี

~๗~ ๔) บุคคลที่มีความบกพร่องทางร่างกายหรือการเคลื่อนไหวหรือสุขภาพซึ่งแบ่งเป็น๒ประเภทดงั นี้ ๔.๑บคุ คลที่มีควำมบกพร่องทำงรำ่ งกำยหรือกำรเคลื่อนไหวได้แกบ่ ุคคลท่ีมีอวัยวะไม่สมส่วนหรือขำดหำยไปกระดูกหรือกล้ำมเนื้อผิดปกติมีอุปสรรคในกำรเคล่ือนไหวควำมบกพร่องดังกล่ำวอำจเกิดจำกโรคทำงระบบประสำทโรคของระบบกล้ำมเน้ือและกระดูกกำรไม่สมประกอบมำแตก่ ำเนิดอุบตั ิเหตุและโรคตดิ ต่อ ๔.๒บคุ คลท่ีมีควำมบกพร่องทำงสุขภำพไดแ้ ก่บุคคลทีม่ ีควำมเจบ็ ป่วยเรื้อรังหรือมีโรคประจำตัวซึ่งจำเป็นต้องได้รับกำรรักษำอย่ำงต่อเนื่องและเป็นอุปสรรคต่อกำรศึกษำซึ่งมีผลทำ ให้เกิดควำมจำเป็นต้องไดร้ บั กำรศึกษำพเิ ศษ ๕) บุคคลที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ได้แก่บุคคลที่มีควำมผิดปกติในกำรทำงำนของสมองบำงส่วนที่แสดงถึงควำมบกพร่องในกระบวนกำรเรียนรู้ท่ีอำจเกิดขึ้นเฉพำะควำมสำมำรถด้ำน ใดด้ ำน ห นึ่งหรือห ลำยด้ำน คือกำรอ่ำนกำรเขียน กำรคิ ดคำน วณ ซ่ึงไม่ส ำมำรถเรียน รู้ใน ด้ำน ที่บกพรอ่ งได้ทงั้ ทมี่ ีระดบั สติปญั ญำปกติ ๖) บุคคลที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษาได้แก่บุคคลที่มีควำมบกพร่องในกำรเปล่งเสียงพูดเช่นเสยี งผดิ ปกติอัตรำควำมเร็วและจังหวะกำรพูดผิดปกติหรอื บคุ คลท่ีมคี วำมบกพรอ่ งในเรื่องควำมเข้ำใจหรือกำรใช้ภำษำพูดกำรเขียนหรือระบบสัญลักษณ์อื่นที่ใช้ในกำรติดต่อสื่อสำรซึ่งอำจเกยี่ วกบั รูปแบบเน้ือหำและหน้ำทขี่ องภำษำ ๗) บุคคลที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมหรืออารมณ์ได้แก่บุคคลท่ีมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนไปจำกปกติเป็นอย่ำงมำกและปัญหำทำงพฤติกรรมน้ันเป็นไปอย่ำงต่อเนื่องซึ่งเป็นผลจำกควำมบกพร่องหรือควำมผิดปกติทำงจิตใจหรือสมองในส่วนของกำรรับรู้อำรมณ์หรือควำมคิดเช่นโรคจติ เภทโรคซมึ เศร้ำโรคสมองเสอ่ื มเป็นต้น ๘) บุคคลออทิสติกได้แก่บุคคลที่มีควำมผิดปกติของระบบกำรทำงำนของสมองบำงส่วนซ่ึงส่งผลต่อควำมบกพร่องทำงพัฒนำกำรด้ำนภำษำด้ำนสังคมและกำรปฏิสัมพันธ์ทำงสังคมและ มีข้อจำกัดด้ำนพฤติกรรมหรือมีควำมสนใจจำกัดเฉพำะเรื่องใดเรื่องหน่ึงโดยควำมผิดปกติน้ันค้นพบได้กอ่ นอำย๓ุ ๐เดอื น ๙) บุคคลพิการซ้อนได้แก่บุคคลท่ีมีสภำพควำมบกพร่องหรือควำมพิกำรมำกกว่ำหน่ึงประเภทในบคุ คลเดยี วกัน

~๘~๗. การจัดการเรียนรู้** อาจปรับรูปแบบ กำรจัดกำรเรียนรู้ตำมพระรำชบัญญัตกิ ำรศึกษำแห่งชำติ พ.ศ.๒๕๔๒ แกไ้ ขเพ่ิมเติมคร้ังท่ี๒ พ.ศ. ๒๕๔๕ มำตรำ ๒๒ กำหนดแนวทำงกำรจัดกำรศึกษำไว้ ว่ำต้องยึดหลักว่ำผู้เรียนทุกคนมีควำมสำมำรถเรียนรู้ได้ และพัฒนำตนเองได้และถือว่ำผู้เรียนมีควำมสำคัญที่สุด ดังน้ันในกำรจัดกำรเรยี นรตู้ ำมโปรแกรมพัฒนำทักษะกำรดำรงชีวิต ซ่ึงมีสำระกระบวนกำรและวิธีกำรที่แตกตำ่ งกัน ผู้สอนต้องคำนึงถึงควำมต้องกำรจำเป็น พฒั นำกำรทุกด้ำน วิธีกำรเรียนรู้ ควำมสนใจ และควำมสำมำรถของผู้เรียนแต่ละระยะอย่ำงต่อเนื่อง ดังนั้นกำรจัดกำรเรียนรู้แต่ละช่วงวัยควรใช้รูปแบบวิธีกำรที่หลำกหลำย เน้นกำรจัดกำรเรียนกำรสอนตำมสภำพจริง กำรเรียนรู้จำกธรรมชำติ กำรเรียนรู้จำกกำรปฏิบตั ิจริงในสถำนกำรณ์ท่ีแตกต่ำงร่วมกัน และกำรเรยี นรู้แบบบูรณำกำร โดยนำกระบวนกำรจัดกำรกระบวนกำรแก้ปัญหำ และกระบวนกำรเรียนรู้ เช่น กำรสื่อสำร กำรอ่ำน กำรเขียน กำรคิดคำนวณเปน็ ต้น ไปใช้สอดแทรกในกำรเรียนรู้ ท้งั กำรจดั กำรเรยี นรู้ แบบ ๑ : ๑ กำรจดั กำรเรยี นรู้ในกลุ่มเลก็ การจดั การเรียนร้ใู นแต่ละช่วงวัยมีแนวทางดงั นี้ ๑) ช่วงวัย ๐ – ๓ ปี จัดประสบกำรณ์ตรงในบรรยำกำศอบอุ่นสร้ำงควำมไว้วำงใจให้ผู้เรียนได้ลงมือกระทำและเรียนรู้จำกประสำทสัมผัสท้ัง ๕ จำกกำรเล่น กำรเลียนแบบโดยเปิดโอกำสให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคล สิ่งแวดล้อมและส่ิงต่ำงๆรอบตัวในกำรดำรงชีวิตในบ้ำนและสถำนท่ีใกล้เคียงในชุมชนผู้เรียนมีทักษะกำรดำรงชีวิตประจำวันสำมำรถดูแลตนเองและสุขนิสัย รวมท้ังพักผอ่ นและนันทนำกำรในบ้ำน ๒) ช่วงวัย ๔ – ๖ ปี จัดประสบกำรณ์ให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กอื่น กับผู้ใหญ่ ส่ือแหล่งเรียนรู้ ในสภำพแวดล้อมที่อบอุ่นเอื้อต่อกำรเรียนรู้ สอดคล้องกับลักษณะกำรเรียนรู้ ลงมือกระทำผ่ำนประสำทสัมผัสท้ัง ๕ โดยผู้ปกครองและชุมชนมีส่วนร่วมผู้เรียนมีทักษะกำรดำรงชีวิตประจำวันมีทักษะในกำรดูแลสุขภำพของตนเองและควำมปลอดภัยในบ้ำนสำมำรถดำรงชีวิตในบ้ำนมีทักษะวิชำกำรเพ่ือกำรดำรงชีวิตด้ำนกำรส่อื สำรและมีทักษะสว่ นบุคคลและสังคมให้ผู้เรียนจัดกำรและควบคุมตนเอง สำมำรถเดินทำงในชุมชนมีส่วนร่วมกิจกรรมในชุมชนและสังคมรวมถึงเข้ำสังคมและใช้เวลำว่ำง ๓) ช่วงวัย ๗ – ๑๐ ปี จัดประสบกำรณ์ใหผ้ ูเ้ รยี น เรยี นรูต้ ำมสภำพจริงมีควำมสนุกสนำนได้ปฏิบัติจริง โดยใช้เวลำไม่เกินช่วงควำมสนใจตำมหลักจิตวิทยำพัฒนำกำร และจิตวิทยำกำรเรียนรู้เน้นกำรเรียนรู้ตำมสภำพจริง โดยพัฒนำทักษะพ้ืนฐำนทำงด้ำนวิชำกำรเพ่ือกำรดำรงชีวิต กำรเตรียมควำมพร้อมในกำรทำงำน กำรแก้ปัญหำคุณลักษณะนิสัยที่ดีสำหรับกำรอยู่ร่วมกันในสังคม ผู้เรียนมีทักษะวิชำกำรเพ่ือกำรดำรงชีวิตด้ำนกำรอ่ำน กำรเขียน กำรคิดคำนวณ ควำมคิดรวบยอดและกำรแก้ปญั หำ รวมทง้ั มีทกั ษะกำรทำงำนและอำชีพ สำมำรถเรยี นร้เู ร่อื งอำชีพและกำรทำงำนได้

~๙~ ๔) ช่วงวัย ๑๑ ปีขึ้นไป กำรจัดกำรเรียนจะมุ่งเน้นทักษะกำรทำงำนท้ังกำรทำงำนกลุ่มงำนตำมบทบำทหน้ำท่ี โดยเปิดโอกำสให้ผู้เรียนได้เลือกสิ่งที่ตนสนใจในกำรพัฒนำควำมสำมำรถสำหรับเตรียมตัวเข้ำสู่อำชีพ โดยส่งเสริมให้ใช้แหล่งเรียนรู้ทั้งภำยในและภำยนอกสถำนศึกษำกำรมีสว่ นร่วมของครอบครวั สังคม ชุมชน ในกำรสง่ ต่อกำรพัฒนำทกั ษะสำหรับกำรดำรงชีวติ ในชุมชนในวัยผู้ใหญ่ ผู้เรียนมีทักษะกำรทำงำนและอำชีพ สำมำรถวำงแผนกำรใช้เงิน และกำรจัดกำรท่ีดี มีสุขภำพและควำมปลอดภยั ในกำรทำงำน รวมถึงสำมำรถเดินทำงไปทำงำน๘. ส่อื เทคโนโลยี ส่ิงอานวยความสะดวกและแหลง่ เรยี นรู้ กำรจัดกำรเรียนกำรสอนตำมโปรแกรมกำรพัฒนำทักษะกำรดำรงชีวิตมุ่งส่งเสริมให้ผ้เู รียน เรียนรดู้ ้วยตนเอง ภำยใต้กำรช่วยเหลือของผ้เู กี่ยวข้องในกำรปรับสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ วิธีกำรและส่ิงอำนวยควำมสะดวกต่ำงๆ ท่ีทำให้ผู้เรียนเข้ำถึง และลงมือปฏิบัติตำมขั้นตอน โดยเน้นสื่อท่ีเป็นรูปธรรมในรูปแบบท่ีหลำกหลำย ตอบสนองวิธีกำรเรียนรู้ของแต่ละบุคคล ท่ีจะกระตุ้นให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์มำกข้ึน ดังน้ันส่อื ท่ีใช้ ครผู ู้สอน ผู้ปกครอง สำมำรถจัดทำและพัฒนำสื่อต่ำงๆท่ีมีอยู่รอบตัวที่สัมพันธ์กับสภำพกำรดำเนินชีวิตโดยพิจำรณำควำมเหมำะสมกับสภำพแวดล้อมหลักท่ีผู้เรียนต้องใช้และเช่ือมโยงไปสู่สถำนกำรณ์ท่ัวไป กำรปรับส่ือ วัสดุอุปกรณ์ และส่ิงอำนวยควำมสะดวกขึ้นอยู่กับควำมต้องกำรจำเป็นของผู้เรียน ช่วงวัย สภำพแวดล้อมและเป้ำหมำยของกำรพัฒนำท่ีมุ่งให้ผู้เรียนมีศักยภำพสูงสุด โดยเน้นให้ผู้เรียนและผู้สอนใช้เพื่อลดอุปสรรค หรือข้อจำกัดต่ำงๆ และอำนวยให้ผู้เรียนเข้ำถึงควำมรู้ พัฒนำทักษะได้ง่ำย รวดเร็วต่อเน่ืองและให้ควำมคิดรวบยอดได้ชัดเจน ผู้มีหน้ำที่จัดกำรศึกษำตำมโปรแกรมกำรพัฒนำทักษะกำรดำรงชีวิต จึงควรเลือกใช้ส่ือเทคโนโลยี ส่ิงอำนวยควำมสะดวกอยำ่ งเหมำะสมเพื่อพัฒนำผเู้ รียนใหเ้ กดิ กำรเรียนรตู้ ำมแนวทำงดังน้ี ๑) จัดหำสิง่ ทม่ี ีอยู่ในทอ้ งถ่ินใชเ้ ปน็ ส่ือ เทคโนโลยี สง่ิ อำนวยควำมสะดวกและประยุกตใ์ ห้เหมำะสมกบั ควำมต้องกำรจำเปน็ ของผ้เู รยี นและบริบทของกำรดำรงชีวิต ๒) ศึกษำ ค้นคว้ำ วจิ ัย เพอื่ พัฒนำสื่อ เทคโนโลยี สิ่งอำนวยควำมสะดวกให้สอดคล้องกับกระบวนกำรเรยี นรู้ของผเู้ รยี น ๓) จัดทำและจัดหำสอื่ กำรเรียนรู้สำหรบั กำรศึกษำค้นคว้ำของผู้ปกครองและเสรมิ ควำมรู้แก่ครูและนกั วิชำชีพ ๔) จัดหำหรือจัดให้มีแหล่งเรียนรู้ ศูนย์สื่อกำรเรียนรู้ในสถำนศึกษำและในชุมชนเพ่ือกำรศกึ ษำคน้ คว้ำและกำรพัฒนำผู้เรียน ๕) จัดให้มีเครือข่ำยกำรเรยี นท่ีเช่ือมโยงและแลกเปล่ียนระหว่ำงบ้ำน สถำนศึกษำ สถำนประกอบกำร ทอ้ งถิน่ ชมุ ชน และสงั คมอ่นื

~ ๑๐ ~๙. การประเมินผล**ควรนาเสนอเทคนิคหรอื รูปแบบการประเมินทส่ี าคญั ๆและ กำรจัดแล ะประเมินผ ลกำรเรียนรู้จะช่วยให้ ได้ส ำรส นเทศจำกกำรจัดกิจกรรม ตำมแผนกำรสอนเฉพำะบุคคลหรือแผนบริกำรโดยครอบครัวและชุมชน ที่แสดงควำมก้ำวหน้ำและควำมสำเรจ็ ทำงกำรเรยี นของผู้เรยี น ท่ีผู้เก่ียวข้องจะได้นำไปใช้ประโยชนเ์ พ่ือส่งเสรมิ และพัฒนำผู้เรียนอย่ำงเต็มศักยภำพ ซึ่งผู้สอนจะต้องจัดทำเกณฑ์กำรประเมินที่เหมำะสมกับระดับควำมสำมำรถของผู้เรียนแต่ละคน โดยอิงกับเกณฑ์กำรประเมินท่ีสถำนศึกษำได้จัดทำซ่ึงกำรประเมินผลประกอบด้วย๑) กำรประเมินผลก่อนกำรจัดกำรเรียนรู้ ม่งุ ให้ผสู้ อนได้ใช้วิธีกำรต่ำงๆ เช่น กำรสังเกต กำรปฏบิ ัติจริงกำรสัมภำษณ์ กำรทดสอบ เป็นต้น รวบรวมข้อมูลสำหรับเป็นพ้ืนฐำนของกำรจัดกำรเรียนกำรสอนท่ีตรงกับสภำพจริง ๒) กำรประเมินผลระหว่ำงเรียน เป็นกำรตรวจสอบผลกำรเรียนรู้ในข้ันตอนของกิจกรรมต่ำงๆ ท่ีผู้สอนจัดประสบกำรณ์ให้แก่ผู้เรียนในแต่ละคร้ังโดยวิธีกำรต่ำงๆ เช่น กำรทดสอบผลงำน เป็นต้น ข้อมูลท่ีได้จะแสดงควำมก้ำวหน้ำ ปัญหำข้อจำกัดสำหรับผู้สอนในกำรปรับเปลี่ยนวิธีกำร สื่อ วัสดุอุปกรณ์ เพ่ือช่วยเหลือผู้เรียนได้ก้ำวผ่ำนขั้นตอนของงำนอย่ำงต่อเนื่อง ๓)กำรประเมินผลหลังเรียน เป็นกำรตรวจสอบผลกำรเรียนรู้ในทักษะต่ำงๆท่ีระบุในแผนกำรจัดกำรศึกษำเฉพำะบุคคล ที่เป็นกำรรวมสรุปเพื่อตัดสินควำมสำเร็จของผู้เรียน โดยใช้วิธีกำรต่ำงๆ เช่น แฟ้มสะสมงำน กำรใช้ผลบันทึกหลังกำรสอน กำรใช้ควำมคิดเห็นร่วมกันของกลุ่มผู้สอน เป็นต้น ข้อมูลท่ีได้จะนำไปสู่กำรทบทวนเปล่ียนแปลงกำรจัดโปรแกรมเพ่ือดำเนินกำรต่อเนื่องหรือกำรนำไปสู่ กำรเปล่ียนผำ่ นภำยในศนู ย์กำรศกึ ษำพิเศษและระหว่ำงหน่วยงำน ในระดบั สถำนศกึ ษำ กำรวัดประเมินผลมกี ำรประเมนิ ๒ ครงั้ คอื ๑) กำรประเมินผลเพื่อทบทวนกำรจัดกำรเรียนรตู้ ำมแผนกำรจัดกำรศึกษำเฉพำะบุคคล(Individualized Education Program :IEP) และหรือ แผนให้บริกำรช่วยเหลือเฉพำะครอบครัว(Individualized Family Service Plan : IFSP) โดยนำสำรสนเทศที่ผู้สอนได้รวบรวมจำกกำรประเมินหลังเรียนมำประกอบกำรพิจำรณำในกำรปรับปรุงแผน ฯ และกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนและเกณฑ์กำรประเมินผล ซึ่งสถำนศึกษำแต่ละแห่งจะกำหนดเกณฑ์ท่ีใช้ว่ำผลรวมสรุปอยู่ในเกณฑ์ระดับใด ท่ีจะต้องมีกำรปรับปรุง เปลี่ยนแปลงหรือดำเนินต่อเน่ือง โดยใช้กำรประชุมคณะกรรมกำรและผเู้ กี่ยวขอ้ ง กำรสอบถำมควำมคดิ เห็น ๒) กำรประเมินผลเม่ือส้ินสุดกำรใช้แผนกำรจัดกำรศึกษำเฉพำะบุคคล และหรือ แผนให้บริกำรช่วยเหลือเฉพำะครอบครัว เป็นกำรประเมินผลรวมจำกกำรจัดกำรเรียนรู้ตำมแผนดังกล่ำวเพ่ือนำสำรสนเทศจำกกำรประเมินผลกำรเรียนทั้งหมดมำพิจำรณำตัดสินสำหรับกำรส่งต่อภำยในศูนย์กำรศึกษำพิเศษ และสถำนศึกษำหรือหน่วยงำนอ่ืน โดยใช้วิธีกำรประชุม กำรสอบถำมควำมคิดเห็นของผู้เก่ียวขอ้ ง กำรศึกษำเอกสำรผลกำรพฒั นำของผ้เู รยี นตลอดปี

~ ๑๑ ~๑๐. การบริหารจดั การโปรแกรม **ควรมีการระบุผรู้ ับผดิ ชอบในแต่ละบทบาททุกอยา่ ง การเตรียมการและการสรา้ ง การประสานงานความเข้าใจแก่ครู บุคลากร และผู้ปกครอง บคุ คล/หนว่ ยงาน การจัดระบบการจดั การภายในศูนย์ ฯ การจัดหา/ผลิต จดั ให้ เพอื่ รองรบั และขบั เคลื่อน มสี ่อื อุปกรณ์ แหลง่ เรยี นรู้ การอานวยการในการใช้โปรแกรม ฯ ในการจดั การเรยี นรู้ การจัดสภาพแวดล้อม บรรยากาศ การนเิ ทศกากับ ตดิ ตาม และประเมนิ ผล การรายงานผลแผนภำพท่ี ๒ กำรบริหำรจัดกำรโปรแกรมกำรพัฒนำทักษะกำรดำรงชวี ิต กำรนำโปรแกรมกำรพัฒนำทักษะกำรดำรงชีวิตไปสู่กำรปฏิบัติของศูนย์กำรศึกษำพิเศษเพ่ือพัฒนำผู้เรียนนนั้ จำเปน็ ตอ้ งมขี ัน้ ตอนกำรดำเนนิ งำนทีช่ ัดเจนให้ผ้เู กยี่ วข้องทุกฝำ่ ยได้ร่วมมอื ดงั น้ี ๑) กำรเตรียมกำรและสร้ำงควำมเข้ำใจแก่ครู บุคลำกรและผู้ปกครอง ศูนย์กำรศึกษำพิเศษจำเป็นต้องเตรียมกำรให้ควำมรู้สร้ำงทักษะ สร้ำงทักษะและสร้ำงเจตคติท่ีถูกต้องต่อกำรนำโปรแกรม ฯ ไปพัฒนำผู้เรียนตำมกระบวนกำร ซ่ึงอำจต้องมีกำรสำธิตและฝึกปฏิบัติในกำรใช้เคร่ืองมือต่ำงๆ กำรจัดกิจกรรม รวมทั้งกำรดำเนินกำรต่ำงๆ ของศูนย์กำรศึกษำพิเศษในกำรส่งเสริม สนับสนุนนเิ ทศ กำกับ ตดิ ตำมและประเมนิ ผล ๒)กำรจัดทำขั้นตอนกระบวนกำรทำงำนที่เป็นระบบ บุคลำกรในศูนย์เข้ำใจตรงกัน เพื่อรองรับและขับเคล่ือน โปรแกรมกำรพัฒนำทักษะกำรดำรงชีวิต เป็นโปรแกรมระยะยำวที่สัมพันธ์กับช่วงชีวิตของผู้เรียนซ่ึงผู้เรียนแต่ละช่วงวัยต้องกำรกำรจัดประสบกำรณ์ในรูปแบบท่ีแตกต่ำงกัน จึงจำเป็นต้องมีคณะทำงำนที่รับผิดชอบในกำรจัดทำข้ันตอนกระบวนกำรในกำรจัดโปรแกรม ฯ เพื่อให้บุคลำกรทุกคนเข้ำใจตรงกัน รวมท้ังให้บริกำรแนะนำท้ังในด้ำนเอกสำร กำรจัดกำร กำรดูแล ให้มีกำรดำเนินกำรท้ังภำยในศูนยก์ ำรศึกษำพเิ ศษและชุมชน

~ ๑๒ ~ ๓) กำรอำนวยกำรในกำรใช้โปรแกรม ฯ ในกำรจัดกำรเรียนรู้ ศูนย์กำรศึกษำพิเศษควรดำเนินบทบำทผู้อำนวยควำมสะดวกในกำรเอื้ออำนวยให้กำรจัดกิจกรรมพัฒนำทักษะชีวิตแกผ่ ู้เรียนทั้งในด้ำนกำรจัดหำ ผลิตส่ือ อุปกรณ์ เทคโนโลยีแหล่งเรียนรู้ ท่ีเอ้ือต่อกำรจัดกิจกรรม และผู้สอนได้นำไปใช้และพัฒนำต่อยอดเพ่ือช่วยให้ผู้เรียนเข้ำถึงและปฏิบัติกิจกรรมได้ง่ำย กำรจัดโปรแกรมพัฒนำทักษะกำรดำรงชีวติ จำเป็นต้องใช้แหล่งเรียนรู้ วัสดุ อปุ กรณ์ในหนว่ ยงำนและชุมชนที่สมั พนั ธ์กับสภำพกำรดำเนินชีวิตและเป้ำหมำยกำรพัฒนำผู้เรียน กำรติดต่อส่ือสำร กำรประสำนงำนจะช่วยให้มีกำรดำเนินงำนต่อเนอ่ื ง และสรำ้ งควำมรว่ มมอื ให้เกดิ ขนึ้ ในชุมชน ๔) กำรนิเทศ กำกับ ติดตำมและประเมินผล เมื่อศูนย์กำรศึกษำพิเศษได้นำโปรแกรมไปใช้พัฒนำผู้เรียน จำเป็นต้องมีกำรนิเทศ เพื่อร่วมคิดร่วมทำแก้ปัญหำและปรับวิธีกำร กิจกรรม ที่จะทำให้ผู้เรียนได้รับบริกำรและกำกับติดตำมโดยใชว้ ิธีกำรต่ำงๆ เช่น กำรแนะ กำรสอนงำน กำรสังเกตและสะท้อนคิด กำรให้คำปรึกษำ เป็นต้น เพ่ือตรวจสอบกำรดำเนินงำน พร้อมทั้งประเมินผลกำรดำเนินงำนทง้ั ในด้ำน โปรแกรม ฯ กำรจดั โปรกรม ฯ กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนกำรสอน ผลสัมฤทธ์ิของผ้เู รียน เพอ่ื นำผลไปปรับปรุงแกไ้ ข ในดำ้ นตำ่ งๆ ที่กล่ำวมำแลว้ ๕) กำรรำยงำนผลเป็นกำรจัดทำรำยงำนหลังจำกใช้โปรแกรมไปแล้ว ๑ ปีกำรศึกษำของกลุ่มงำนท่ีรับผิดชอบ เพ่ือวิเครำะห์ สังเครำะห์ผลกำรใช้โปรแกรมท่ีเน้นปัจจัย กระบวนกำรและผลผลิตซ่ึงผู้เก่ียวข้องได้ร่วมกันจัดทำขึ้น กำรรำยงำนผลจะช่วยให้เห็นร่องรอยควำมพยำยำมของศูนย์กำรศกึ ษำพเิ ศษพัฒนำกำรจดั บริกำรทีส่ รำ้ งควำมเข้มแขง็ ทำงวิชำกำรเพ่ิมขนึ้๑๑. การรายงานผลการพัฒนา กำรรำยงำนผลกำรพัฒนำผู้เรียนตำมโปรแกรมกำรพัฒนำทักษะกำรดำรงชีวิตควรรำยงำนตอ่ ผู้บังคับบัญชำและผ้เู กยี่ วขอ้ ง อย่ำงน้อยปกี ำรศกึ ษำละ ๓ ครั้ง คร้ังที่ ๑ หลังจำกประเมินควำมสำมำรถพ้ืนฐำนเสร็จแล้ว ก่อนท่ีจะประชุมคณะกรรมกำรจัดทำแผนกำรจัดกำรศึกษำเฉพำะบุคคล หรือแผนกำรให้บริกำรช่วยเหลือเฉพำะครอบครัว ควรรำยงำนผลกำรพัฒนำผู้เรียนต่อผู้บังคับบัญชำและผู้เกี่ยวข้องรับทรำบโดยใช้แบบประเมินทกั ษะกำรดำรงชีวติ ๔ แบบ ตำมควำมต้องกำรจำเป็นของเด็กพิกำรและช่วงวัยของเด็กพิกำร ครัง้ ที่ ๒ หลงั จำกนำแผนกำรจัดกำรศึกษำเฉพำะบุคคล หรอื แผนกำรใหบ้ รกิ ำรช่วยเหลือเฉพำะครอบครัวไปสู่กำรปฏิบัติและมีกำรทบทวนแผนดังกล่ำวแล้ว ควรรำยงำนผลกำรพัฒนำผู้เรียนต่อผู้บังคับบัญชำและผู้เกี่ยวข้องรับทรำบโดยใช้แบบตรวจสอบทบทวนแผนกำรจัดกำรศึกษำเฉพำะบุคคล หรือแผนกำรใหบ้ ริกำรชว่ ยเหลือเฉพำะครอบครวั ครั้งท่ี ๓ เมื่อส้ินสุดกำรให้บริกำรตำมปีกำรศึกษำและประเมินผลกำรพัฒนำเรียบร้อยแล้ว ควรรำยงำนผลกำรพัฒนำผู้เรียนต่อผู้บังคับบัญชำและผู้เก่ียวข้องรับทรำบ โดยใช้แบบประเมิน

~ ๑๓ ~ทักษะกำรดำรงชีวิต ๔ แบบ ตำมควำมต้องกำรจำเป็นของเด็กพิกำรและช่วงวัยของเด็กพิกำรท่ีได้ประเมินผลไว้ก่อนจัดทำแผนกำรจัดกำรศึกษำเฉพำะบุคคล หรือแผนกำรให้บริกำรช่วยเหลือเฉพำะครอบครัวเพ่อื เปรยี บเทยี บควำมสำมำรถพืน้ ฐำนและผลกำรพฒั นำผเู้ รยี น๑๒. การสง่ ต่อ การส่งต่อเด็กพิการเพื่อรับบริการขึ้นอยู่กับความต้องการจาเป็นเฉพาะบุคคลของเด็กพิการ แบ่งเปน็ ๒ มติ ิ กลา่ วคอื มิติการส่งต่อ (Referral) เป็นการประสานความร่วมมือระหว่างศูนย์การศึกษาพิเศษกับหน่วยงานอื่นท่ีเด็กพิการและครอบครัวประสงค์จะขอรับบริการ ศูนย์การศึกษาพิเศษจะทาเอกสารสาหรับการสง่ ตอ่ ให้เด็กพิการไปรับบริการ การส่งต่อจะจดั ทาขึ้นเวลาใดขึ้นอยู่กับความต้องการจาเป็นที่กลา่ วมาข้างต้น หากผู้ปกครองประสงค์จะให้เดก็ พิการเขา้ รับบริการอื่นจากโรงพยาบาล ศูนยเ์ ด็กเล็กในระหว่างรับบริการที่ศูนย์การศึกษาพิเศษก็สามารถดาเนินการได้ หรือหากผู้ปกครองของเด็กพิการประสงค์จะไปรับบริการอื่นหลังส้ินสุดการเข้ารับบริการที่ศูนย์การศึกษาพิเศษก็จะสามาร ถส่งต่อโดยศูนย์จะต้องจัดทาเอกสารเช่นเดียวกัน เช่น เด็กพิการต้องการตรวจวัดระดับเชาวน์ปัญญา ศูนย์การศึกษาพิเศษส่งต่อเด็กพิการไปพบแพทย์ท่ีโรงพยาบาล หรือเด็กพิการต้องการทาบัตรประจาตัวคนพิการ ศูนย์การศึกษาพิเศษส่งต่อเด็กพิการไปท่ีสานักงานพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์จังหวัด เป็นต้น มิติการเปลี่ยนผ่าน (Transition) เป็นการเปลี่ยนผ่านเด็กพิการจากระดับหนึ่งไปสู่อีกระดับหนึ่งภายในศูนย์การศึกษาพิเศษหรือหน่วยงานอ่ืน การเปลี่ยนผ่านภายในศูนย์การศึกษาพิเศษเป็นการเปล่ียนผ่านโปรแกรมหน่ึงไปยังอีกโปรแกรมหน่ึงภายในศูนย์การศึกษาพิเศษ เช่น เปล่ียนผ่านการบริการทักษะการเรยี นรู้จากวยั ๔ ปี ไปสวู่ ยั ๖ ปี เปน็ ต้น สว่ นการเปล่ียนผ่านศูนย์การศกึ ษาพเิ ศษไปหน่วยงานอ่ืน เช่น การเปลี่ยนผ่านจากศูนย์การศึกษาพิเศษไปโรงเรียนเฉพาะความพิการการเปลี่ยนผ่านจากศูนย์การศกึ ษาพิเศษไปโรงเรียนเรียนรวม การเปล่ยี นผ่านจากศูนย์การศึกษาพิเศษไปยงั ชุมชน เปน็ ต้น การจัดบริการช่วงเชื่อมต่อหรอื การเปลี่ยนผา่ นเป็นการวางแผนและให้บริการทม่ี ุ่งอนาคตสาหรบั การดารงชีวติ ในวัยผ้ใู หญ่ ซ่ึงต้องดาเนินการต่อเน่อื ง ผปู้ กครองและผู้เกย่ี วขอ้ งจงึ ต้องร่วมมอื กันในการจัดระบบและบริการสาหรับการเตรียมผู้เรียนให้ก้าวข้ามช่วงเช่ือมต่อ ต้ังแต่ระยะแรกเร่ิมจนถึงวัยผู้ใหญ่ สาหรับศูนย์การศึกษาพิเศษซึ่งมีผู้เรียนในระยะแรกเริ่มทั้งในศูนย์การศึกษาพิเศษและที่บ้านจาเป็นต้องจัดระบบให้มีชว่ งเชอ่ื มต่อระหวา่ งบา้ นและศูนยก์ ารศึกษาพิเศษ ภายในศูนยก์ ารศึกษาพิเศษศนู ย์การศึกษาพิเศษกับหนว่ ยงานอ่ืนตามแนวทาง ดังนี้ ๑. ผู้บริหารศูนย์การศึกษาพิเศษ มีบทบาทในการเป็นผู้นาในการสร้างรอยเปล่ียนผ่านโดยเฉพาะ๑) ระหว่างการใช้หลักสูตรการให้บริการช่วยเหลือระยะแรกเร่ิมสาหรับเด็กพิการ

~ ๑๔ ~ศูนย์การศึกษาพิเศษ ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๕๘ ในช่วงวัย ๐-๖ ปี ๒) ระหว่างโปรแกรมการพัฒนาทักษะการดารงชีวิตสาหรับเด็กท่ีมีความต้องการจาเป็นพิเศษ ของศูนย์การศึกษาพิเศษพุทธศักราช ๒๕๕๘ กับหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐานหรือหลักสูตรการศึกษานอกระบบหรือตามอัธยาศัยโดยต้องศึกษาหลักสูตรทั้งหมด เพื่อทาความเข้าใจ จัดระบบการบริหารงานด้านวิชาการให้เอื้อต่อการเชื่อมโยงการศึกษา โดยการจัดกิจกรรมเพ่ือสร้างรอยเช่ือมต่อให้เป็นระบบ ท้ังการเปลี่ยนผ่านภายในและภายนอกศนู ย์การศึกษาพเิ ศษ ดังตวั อย่างกิจกรรมต่อไปน้ี ๑.๑ จัดประชุมผู้สอนทั้งการเปล่ียนผ่านภายใน และไปยังสถานศึกษาอ่ืนหรือชุมชนเพอื่ พฒั นารอยเช่อื มต่อระหว่างหลกั สตู รทั้งสองระดับ ให้เป็นแนวปฏิบัติของสถานศึกษา เพ่อื ผสู้ อนท้ังสองระดับ สามารถเตรยี มการจดั การศึกษาใหส้ อดคลอ้ งกนั ๑.๗ มีการจัดปฐมนิเทศต้ังแต่ก่อนเข้ามารับบริการและก่อนผู้เรียนได้รับการเปล่ียนผ่าน เพ่ือให้ผู้ปกครองเข้าใจการศึกษาทั้งสองระดับ และให้ความร่วมมือในการปรับตัวของผู้เรียนกับสภาพแวดลอ้ มใหมไ่ ดด้ ี ๒. ผู้สอน มีบทบาทในการศึกษา ทาความเข้าใจโปรแกรมการพัฒนาทักษะการดารงชีวิตสาหรับเด็กท่ีมีความต้องการจาเป็นพิเศษ ของศูนย์การศึกษาพิเศษ พุทธศักราช ๒๕๕๘และศึกษาหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐานหรือหลักสูตรการศึกษานอกระบบหรือตามอัธยาศัย และสร้างความเข้าใจให้กับผู้ปกครอง บุคลากรที่เกี่ยวข้อง รวมถึงช่วยเหลือผู้เรียนในการปรับตัว เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการเปล่ียนผ่านในการเลื่อนช้ันเรียนในศูนย์การศึกษาพิเศษ หรือไปยังสถานศึกษา ชุมชนอ่ืนๆ ๒.๑ เก็บรวบรวมข้อมูลเกยี่ วกับตัวผเู้ รียนเปน็ รายบุคคล เพื่อส่งตอ่ ไปยังผู้สอนภายในศูนย์การศึกษาพิเศษ หรือไปยังสถานศึกษา ชุมชนอ่ืนๆ สามารถใช้ข้อมูลน้ันช่วยเหลือผู้เรียนในการปรบั ตัวให้เขา้ กบั การเรยี นรใู้ หมต่ อ่ ไป ๒.๒ พูดคยุ กับผเู้ รยี นถึงสถานการณ์ที่ดี เพื่อให้เด็กพิการเกิดเจตคติท่ีดตี ่อการเปล่ียนผ่าน ๒.๓ จัดให้ผู้เรียนได้มีโอกาสทาความรู้จักกับครูผู้สอน ตลอดจนสภาพแวดล้อมบรรยากาศของห้องเรียนท้ังท่ีอยู่ในสถานศึกษาเดียวกนั หรอื สถานศึกษาอ่ืน ๓. ผู้ปกครองและบุคคลที่เกี่ยวข้อง มีบทบาทต้องมีความรู้ ทาความเข้าใจโปรแกรมการพัฒนาทักษะการดารงชีวิตสาหรับเด็กที่มีความต้องการจาเป็นพิเศษ ของศูนย์การศึกษาพิเศษพุทธศักราช ๒๕๕๘ และศึกษาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือหลักสูตรการศึกษานอกระบบหรือตามอธั ยาศัย และเข้าใจความต้องการของผู้เรียน เพื่อมีส่วนช่วยในการเตรียมตวั เพอื่ ให้ผ้เู รียนสามารถปรับตวั ได้เรว็ ยงิ่ ข้ึน

~ ๑๕ ~ ๔. สถานศกึ ษาหรอื ชุมชน มีบทบาทต้องมีความรู้ ความเขา้ ใจโปรแกรมการพัฒนาทักษะการดารงชีวิตสาหรับเด็กท่ีมีความต้องการจาเป็นพิเศษ ของศูนย์การศึกษาพิเศษ พุทธศักราช ๒๕๕๘และมีเจตคตทิ ด่ี ี เพอื่ เปน็ ข้อมลู ตอ่ จดั การศกึ ษาใหเ้ หมาะสมและตรงตามความต้องการของผเู้ รยี น ๔.๑ จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนหรือผู้ปกครองได้มีโอกาสทาความรู้จัก คุ้นเคยกบั ครูผู้สอนกอ่ นเปดิ ภาคเรยี น ๔.๒ จัดสภาพห้องเรียนให้เอื้อต่อการพัฒนา โดยจัดให้มีมุมประสบการณ์ เพื่อให้ผเู้ รียนมโี อกาสในการทากจิ กรรมอย่างมอี ิสระ ๔.๓ จัดกิจกรรมสร้างข้อตกลงทเี่ กดิ จากผ้เู รยี นร่วมกนั เกยี่ วกบั การปฏบิ ตั ติ น ๔.๔ เผยแพร่ข่าวสารการจัดการเรียนรู้และสร้างความสัมพันธ์ท่ีดีกับผู้เรียนหรือชมุ ชน แผนชว่ งเชื่อมต่อหรอื แผนเปล่ียนผ่ำนจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนจัดกำรศึกษำเฉพำะบุคคลหรือแผนกำรให้บริกำรช่วยเหลือเฉพำะครอบครัวท่ีทุกฝ่ำยเมื่อได้ร่วมดำเนินกำรแล้วจะต้องบันทึกผลควำมก้ำวหน้ำ เพ่อื นำไปประมวลผลร่วมกับกำรจัดบริกำรตำมโปรแกรมการพัฒนาทกั ษะการดารงชีวิตสาหรับเด็กท่มี คี วามตอ้ งการจาเปน็ พเิ ศษ ของศูนยก์ ารศกึ ษาพิเศษ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๘๑๓. เอกสารทใี่ ช้ในโปรแกรม ๑) แบบประเมินก่อนกำรพัฒนำทักษะกำรดำรงชีวิตสำหรับเด็กที่มีควำมต้องกำรจำเปน็ พเิ ศษ ศูนย์กำรศกึ ษำพเิ ศษ ชว่ งวัย ๐ – ๓ ปี ๒) แบบประเมินก่อนกำรพัฒนำทักษะกำรดำรงชีวิตสำหรับเด็กท่ีมีควำมต้องกำรจำเปน็ พเิ ศษ ศนู ยก์ ำรศกึ ษำพิเศษ ชว่ งวัย ๔ – ๖ ปี ๓) แบบประเมินก่อนกำรพัฒนำทักษะกำรดำรงชีวิตสำหรับเด็กที่มีควำมต้องกำรจำเป็นพเิ ศษ ศูนย์กำรศึกษำพิเศษ ชว่ งวัย ๗ – ๑๐ ปี ๔) แบบประเมินก่อนกำรพัฒนำทักษะกำรดำรงชีวิตสำหรับเด็กที่มีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษ ศูนย์กำรศึกษำพิเศษ ชว่ งวัย ๑๑ ปีขึน้ ไป ๕)แบบประเมิน ระหว่ำงกำรพัฒ น ำทักษะกำรดำรงชีวิตสำหรับ เด็กที่มีควำมต้องกำรจำเป็นพเิ ศษ ศูนยก์ ำรศึกษำพเิ ศษ ๖) แบบประเมินหลังกำรพัฒนำทักษะกำรดำรงชีวิตสำหรับเด็กที่มีควำมต้องกำรจำเป็นพเิ ศษ ศนู ย์กำรศึกษำพเิ ศษ ๗) แผนกำรจดั กำรศึกษำเฉพำะบุคคล(IndividualizedEducation Program : IEP) ๘) แผนกำรสอนเฉพำะบคุ คล(IndividualizedImplementation Plan : IIP)

~ ๑๖ ~ ๙) แผนใหบ้ รกิ ำรช่วยเหลือเฉพำะครอบครวั (Individualized Family Service Plan :IFSP) ๑๐) แผนบรกิ ำรโดยครอบครัวและชุมชน (Family and Community Service Plan :FCSP)๑๔. อภิธานศัพท์ ๑) ทักษะการดารงชีวิต (Independent Living Skills) หมำยถึง ควำมสำมำรถในกำรปฏิบัติตนเพื่อกำรดำรงชีวิตโดยอิสระ ซ่ึงครอบคลุมกลุ่มทักษะกำรดำรงชีวิตประจำวันกลุ่มทักษะวิชำกำรเพ่ือกำรดำรงชีวิต กลุ่มทักษะส่วนบุคคลและสังคม และกลุ่มทักษะกำรทำงำนและอำชีพ โดยสำมำรถแยกออกเป็นทกั ษะหลักได้ ดงั นี้ ๒) กลุ่มทักษะการดารงชีวิตประจาวัน (Functional Daily Living Skills)หมำยถึงควำมสำมำรถในกำรดูแลตนเองและกำรดูแลสุขอนำมัยส่วนบุคคล กำรดูแลที่อยู่อำศัย กำรดูแลสขุ ภำพและควำมปลอดภัยในชีวติ ประจำวันกำรเข้ำสงั คม กำรทำกิจกรรมนันทนำกำรและ กำรทำงำนอดิเรก(กิจกรรมยำมว่ำง) กำรเคล่ือนท่ีเคลื่อนย้ำยตนเอง กำรมีส่วนร่วมในสังคมและทักษะชีวิต ซึ่งสำมำรถแยกออกเปน็ ทกั ษะย่อยไดด้ ังน้ี ๒.๑) ทักษะการดูแลตนเองและการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล (Personal Careand Hygiene Skills) หมำยถึงกำรเลือกเคร่ืองแต่งกำย กำรถอดและสวมใส่เครื่องแต่งกำย กำรใช้ห้องน้ำในท่ีอยู่อำศัย กำรใช้ห้องน้ำในท่ีสำธำรณะ อนำมัยส่วนบุคคล และกำรปฏิบัติตนและดูแลบคุ ลิกภำพ ๒.๒) ทักษะการเคล่ือนย้ายตนเองในบ้าน (Functional mobilitySkills)หมำยถึงกำรเคลื่อนย้ำยตนเองในบ้ำนเพื่อให้ผู้เรียนมีพฤติกรรมท่ีคำดหวังคือ สำมำรถเคลื่อนย้ำยตนเองจำกที่หน่ึงไปยังอีกที่หน่ึง รู้จักสถำนท่ี ต่ำงๆ ภำยในบ้ำน รู้จักกำรใช้ประโยชน์จำกสถำนท่ี หรืออุปกรณ์ รวมทงั้ สำมำรถเคลื่อนย้ำยตนเองไปยังที่ตำ่ งๆ ภำยในบำ้ นได้ตำมควำมตอ้ งกำร ๒.๓) ทักษะการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยในชีวิตประจาวัน (Health andsafety Skills) หมำยถึง กำรดูแลและกำรป้องกันสุขภำพ กำรปฐมพยำบำล และกำรแพ้อำหำรหรือแพย้ ำ ๒.๔) ทักษะการทางานบ้าน (Home Living Skills) หมำยถึง กำรดูแลเส้ือผ้ำ กำรเตรียมอำหำรและเคร่ืองดื่ม กำรจัดและกำรทำควำมสะอำดโต๊ะอำหำร กำรทำควำมสะอำดภำชนะตำ่ งๆ ทำหรือเปลีย่ นเครอ่ื งที่นอน และทำควำมสะอำดและจัดห้อง

~ ๑๗ ~ ๒.๕) ทักษะการเข้าสังคม การทากิจกรรมนันทนาการ และ การทางานอดิเรก(กิจกรรมยามว่าง) (Socialization, Recreation and leisureSkills) หมำยถึง มำรยำทในกำรรบั ประทำนอำหำรร่วมกนั และกำรใชเ้ วลำว่ำงท่ีบำ้ น ๒.๖) ทักษะการมีส่วนร่วมในสังคมและทักษะชวี ิต (Community Participationand Living Skills) หมำยถึง กำรซ้อื ของ และกำรรับประทำนอำหำรนอกบำ้ น ๓) กลุ่มทักษะวิชาการเพื่อการดารงชีวิต (Functional Academic Skills)หมำยถึงควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร กำรอ่ำน กำรเขียน กำรคิดคำนวณ และควำมคิดรวบยอดและกำรแกป้ ญั หำ ซึง่ สำมำรถแยกออกเป็นทักษะย่อยได้ดังนี้ ๓.๑) ทักษะการสือ่ สาร (Communication Skills)หมำยถึงกำรพดู และกำรส่ือสำรได้แก่ กำรพูดหรือส่ือสำรด้วยวิธีอื่นเพ่ือแสดงกำรตอบรับหรือปฏิเสธได้ แสดงควำมต้องกำรพื้นฐำนด้วยทำ่ ทำง เสยี ง ภำษำงำ่ ย ๆ หรือสือ่ ต่ำง ๆ และดว้ ยเครอื่ งมือกำรสอ่ื สำรทำงเลอื ก ๓.๒) ทักษะการอ่าน (Reading Skills)หมำยถึงกำรอ่ำนในชีวิตประจำวัน ได้แก่กำรอ่ำนคำ กลุ่มคำที่เก่ียวข้องกับบุคคลใกล้ชิด อ่ำนป้ำยท่ีมีภำพหรือสัญลักษณ์ อ่ำนและบอกควำมหมำยป้ำยที่มีภำพหรือสัญลักษณ์ คำ หรือกลุ่มคำในชีวิตประจำวันอ่ำนตำรำงเรียน ตำรำงนัดหมำย และอ่ำนคำแนะนำท่ีตอ้ งใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ได้ ๓.๓) ทักษะการเขียน(Writing Skills)หมำยถึง กำรเขียนในชีวิตประจำวัน ได้แก่เขียนหรือพิมพ์ช่ือของตนเอง ท่ีอยู่ของตนเอง เบอร์โทรศัพท์ของตนเองและบุคคลในครอบครัว เขียนหรือพิมพ์ชื่อของบุคคลในครอบครัว เขียนตำรำงนัดหมำย เขียนข้อมูลลงในแบบฟอร์มเอกสำรต่ำงๆเขยี นแสดงกำรร้องขอหรือแสดงควำมรู้สกึ ได้ ๓.๔) ทักษะการคิดคานวณ (Arithmetics Skills)หมำยถึงกำรบอกค่ำตัวเลขและจำนวน และกำรใช้จ่ำยเงิน ได้แก่ บอกค่ำตัวเลขที่ระบุในอุปกรณ์และของใช้ต่ำง ๆ ในชีวิตประจำวันหยิบของตำมจำนวนท่ีตนเองต้องกำร บอกและเข้ำใจกำรเรียงลำดับในกำรหยิบจับหรือจัดสิ่งของไว้ตำมลำดับเปรียบเทียบปริมำณหรือน้ำหนักสิ่งของที่กำหนดให้โดยใช้อุปกรณ์ได้ และเปรียบเทียบปรมิ ำณหรือนำ้ หนกั ส่ิงของทร่ี ะบุในผลติ ภัณฑ์ท่ีใช้ ๓.๕) ทักษะความคิดรวบยอดและการแก้ปัญหา(Concept and ProblemSolving Skills) หมำยถึง กำรบอกวันและเวลำ กำรวำงแผนกำรปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน บอกสถำนที่ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ รู้จักวันท่ีต้องมำเรียนและวันหยุด ปฏิบัติกิจวัตรหรือกิจกรรมท่ีมีกำรกำหนดนัดหมำยไว้ได้ ปฏิบัติกิจวัตรหรือกิจกรรม ตำมตำรำงเวลำในแต่ละวันได้บอกเหตุกำรณ์ท่ีสัมพันธ์กับวันและเวลำ เช่น เม่ือวำน วันน้ี พรุ่งนี้ได้วำงแผนงำน กิจกรรม ล่วงหน้ำได้วำงแผนกำรปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน เช่น กำรต้ังนำฬิกำปลุก นำฬิกำบอกเวลำ นำฬิกำจับเวลำได้ บอกสถำนท่ีท่ีตนเองอยู่ได้ ค้นหำชื่อถนนและเลขท่ีบ้ำนตำมข้อมูลท่ีกำหนดได้และรู้ท่ีต้ังและบทบำทหน้ำที่ของ

~ ๑๘ ~บริกำรต่ำง ๆ ในชุมชน เช่น ร้ำนค้ำ ท่ีทำกำร ไปรษณีย์ ธนำคำร ห้องสมุด ตลำด สำนักงำน เทศบำลเป็นตน้ ๔) กลุ่มทักษะส่วนบุคคลและสังคม (Personal and Social Skills)หมำยถึงทักษะกำรจัดกำรและกำรควบคุมตนเอง ทักษะกำรมีส่วนร่วมทำงสังคมทักษะกำรเดินทำงในชุมชน ทักษะกำรปรบั ตัวในสังคมและกำรใช้เวลำว่ำงให้เปน็ ประโยชน์ซง่ึ สำมำรถแยกออกเป็นทักษะย่อยได้ดังน้ี ๔.๑) ทักษะการจัดการและการควบคุมตนเอง (Self-determination Skills)หมายถึงกำรร้จู ักตนเอง กำรบอกชอ่ื ตนเอง กำรบอกอำยุ วนั เดอื นปเี กดิ ควำมภำคภมู ิใจในตนเอง เห็นคุณค่ำในตนเองรู้จักกำรแก้ปัญหำ รู้จักสิทธิ หน้ำท่ีและบทบำทตนเองและสร้ำงและรักษำปฏิสัมพันธ์กบั ผูอ้ ืน่ ๔.๒) ทักษะการมีส่วนร่วมทางสังคม (Community Participation and Livingskills)หมำยถึง กำรเข้ำคิว กำรบำเพ็ญประโยชน์ ได้แก่ รู้จักกำรรอคอยโดยกำรเข้ำคิวเพื่อรับบริกำรในหอ้ งเรยี น สถำนศึกษำ ชุมชน และสงั คม เช่น กำรรบั ของ กำรสง่ งำน กำรรบั อำหำรและสิ่งของตำ่ งๆกำรซื้อสินค้ำหรือรับบริกำรกำรชำระค่ำสินค้ำกำรเข้ำคิวรับบริกำรโรงพยำบำล ห้ำงสรรพสินค้ำ หรือเล่นของเล่นสำธำรณะเป็นต้น และรู้จักช่วยเหลือครอบครัว ชุมชนและสังคม เช่น กวำดบ้ำน ถูบ้ำนล้ำงจำน กจิ กรรมพัฒนำหมบู่ ้ำน บริจำคส่ิงของเมอื่ เกิดภยั พบิ ัตติ ำ่ งๆ เป็นตน้ ๔.๓) ทักษะการเดินทางในชุมชน (Community Mobility Skills) หมำยถึง กำรเดินทำงไปในสถำนที่ต่ำงๆ ในชุมชน กำรรู้จักสญั ลักษณ์และสัญญำณจรำจรและกำรโดยสำรรถประจำทำง ได้แก่ รู้จักสถำนท่ีต่ำงๆในชุมชน เช่น โรงเรียน โรงพยำบำล ห้ำงสรรพสินค้ำ ตลำด และสถำนท่ีรำชกำรอ่ืนๆ เป็นต้นรู้จักและเข้ำใจสัญลักษณ์และปฏิบัติตำมสัญญำณจรำจรได้อย่ำงถูกต้องสำมำรถเลือกใช้บริกำรรถโดยสำรประจำทำง รู้จักจุดขึ้นรถ กำรชำระเงิน และรู้วิธีโดยสำรรถเพื่อให้ไปถึงจุดหมำยไดอ้ ยำ่ งถกู ต้องและปลอดภัย เป็นต้น ๔.๔ ) ทักษะการปรับตัวในสังคมและการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์(Socialization and Leisure Skills)หมำยถึง กำรรู้จักปรับตัวให้เหมำะสมกับศำสนำ วัฒนธรรมและประเพณี ต่ำงๆในชุมชน สำมำรถแต่งกำยเข้ำร่วมกิจกรรมต่ำงๆตำมประเพณีของชุมชน สำมำรถเล่นและร่วมกิจกรรมกับผู้อื่นได้ ปฏิบัติตำมมำรยำททำงสังคมกับบุคคลอื่นตำมโอกำสและกำลเทศะกำรปฏิบัติตำมกฎระเบียบของสังคมและกฎหมำยเบ้ืองต้นในชีวิตประจำวันเป็นต้น กำรใช้เวลำว่ำงให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคม ได้แก่ สำมำรถเข้ำร่วมและปฏิบัติตนตำมศำสนำ รู้จักและสำมำรถปรับตัวและสำมำรถปฏิบัติตำมหลักศำสนำที่ตนนับถือและศำสนำต่ำงๆในชุมชนได้อย่ำงถูกต้องและเหมำะสมสำมำรถเข้ำร่วมและปฏิบัติตำมประเพณีวัฒนธรรมท่ีชุมชนปฏิบัติได้อย่ำงถูกต้องและเหมำะสมสำมำรถเลือกแต่งกำยเข้ำร่วมกิจกรรมต่ำงๆตำมประเพณีของชุมชนได้อย่ำงถูกต้องและเหมำะสมเช่น กำรแต่งกำยไปงำนมงคลสมรส กำรแต่งกำยเข้ำร่วมพิธีกรรมทำงศำสนำต่ำงๆ กำรแต่งกำยไปงำนศพ เป็นต้นสำมำรถเลือกแต่งกำยเข้ำร่วมกิจกรรมต่ำงๆตำมประเพณีของชุมชนได้อย่ำงถูกต้องและเหมำะสมเช่น กำรแต่งกำยไปงำนมงคลสมรส กำรแต่งกำยเข้ำร่วมพิธีกรรมทำงศำสนำตำ่ งๆ กำรแต่งกำยไปงำนศพ เป็นตน้ สำมำรถปฏิบัติตำมมำรยำททำงสังคมกับบุคคลอ่ืนตำมโอกำสและกำลเทศะได้ เช่น กำรไหว้ กำรเดินผ่ำนผู้ใหญ่ กำรน่ัง กำรยืน เป็นต้นสำมำรถปฏิบัติตำมกฎระเบียบของสังคมและกฎหมำยเบ้ืองต้นในชวี ิตประจำวนั เชน่ กำรห้ำมสูบบุหร่ี ห้ำมส่งเสียงดัง ทิ้งขยะให้ถูกท่ี

~ ๑๙ ~กำรร่วมรักษำสำธำรณะประโยชน์ ทรพั ยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อม กำรแจ้งเกิด กำรแจ้งตำย กำรย้ำยท่ีอยู่ กำรทำบัตรประชำชน กฎจรำจร เป็นต้นรู้จักกำรใช้เวลำว่ำงให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคม เช่น กำรอ่ำนหนังสือ กำรออกกำลังกำย กำรดภู ำพยนตร์ กิจกรรมจิตอำสำต่ำงๆ กำรปลูกต้นไม้เกบ็ ขยะ ทำควำมสะอำดทส่ี ำธำรณะ เปน็ ต้น ๕) ทักษะการทางานและอาชีพ (Vocational Skills) หมำยถึง กำรเรียนรู้เรื่องอำชีพและกำรเรียนรู้เร่ืองกำรทำงำน ซึ่งสำมำรถแยกออกเป็นทักษะย่อยได้ดังน้ีพ้ืนฐำนงำนอำชีพท่ีหลำกหลำยตำมควำมสนใจ กำรใชอ้ ปุ กรณ์/เครื่องมือเบ้ืองต้น ในกำรทำงำนอำชพี ๕.๑) ทักษะการเรียนรู้เร่ืองอาชีพ (Career Education Skills)หมำยถึง อำชีพหลำกหลำยในชุมชน เช่น เกษตรกรรม คหกรรม อุตสำหกรรม พำณิชกรรม ควำมคิดสร้ำงสรรค์ และบริหำรจัดกำร และกำรบริกำรกระบวนกำร/ข้ันตอนในกำรทำทักษะอำชีพที่สนใจ กำรวำงแผนกำรทำงำนร่วมกันระหว่ำง นักเรียน ผู้ปกครอง ครู และสถำนประกอบกำรกำรเตรียมตัวเข้ำสู่สถำนประกอบกำรกำรฝกึ ปฏบิ ตั งิ ำนอำชีพในสถำนประกอบกำรเปน็ ตน้ ๕.๒) ทักษะการเรียนรู้เรื่องการทางาน (Work Skills) หมำยถึง กำรฝึกปฏิบัติงำนอำชีพในสถำนประกอบกำรสำเนำบัตรประชำชน สำเนำทะเบียนบ้ำน และรูปถ่ำย เป็นต้น กำรกรอกข้อมูลแบบฟอร์มกำรสมัครงำน กำรยื่นเอกสำรประกอบกำรสมัครงำน กำรเข้ำรับกำรสัมภำษณ์งำนกำรแต่งกำยได้เหมำะสมกับกำรสมัครงำนกำรปฏิบัติตนท่ีเหมำะสมในกำรทำงำนร่วมกับผู้อื่น เช่นเคำรพเจำ้ นำย สวสั ดีทักทำยเจ้ำนำยและเพ่ือนร่วมงำน ไม่สง่ เสียงดังกำรปฏิบัติตนในกำรกำรแตง่ กำยให้เหมำะสมกับสถำนประกอบกำรกำรปฏิบัติตนตำมกฎระเบียบของสถำนประกอบกำร เช่น กำรลงเวลำทำงำน กำรลำงำน เป็นต้นกำรปฏิบัติตนให้มีควำมรับผดิ ชอบต่อหน้ำท่ีที่ได้รับมอบหมำยในสถำนประกอบกำรและกำรปฎบิ ัตงิ ำนตำมขนั้ ตอนในหน้ำท่ที รี่ บั ผดิ ชอบ ๕.๓) ทักษะการวางแผนการใช้เงิน (Financial Planning and ManagementSkills) หมำยถึง กำรวำงแผนกำรใช้เงินกำรบันทึกค่ำใช้จ่ำยครัวเรือนกำรออมเงินกำรกู้ยืมเงินเพ่ือกำรลงทุนบอกรำยได้หรืองบประมำณของตนเอง สำมำรถวำงแผนกำรใช้เงินรำยวัน สำมำรถวำงแผนกำรใช้เงนิ รำยสัปดำห์ สำมำรถวำงแผนกำรใชเ้ งนิ รำยเดือนบอกรำยไดห้ รอื งบประมำณของตนเองออมเงินโดยหยอดกระปุกออมสิน ออมเงินโดยกำรฝำกธนำคำร และกู้ยืมเงินเพ่ือกำรลงทุนได้ตำมขั้นตอน ๕.๔) ทักษะสุขภาพและความปลอดภัยในการทางาน (Health and SafetySkills) หมำยถึง กำรแต่งกำยเพ่ือควำมปลอดภัยขณะปฏิบัติงำนเช่น สวมหมวกนริ ภัย สวมถุงมือ สวมรองเท้ำ เป็นต้น กำรดูแลสุขภำพตนเองขณะปฎิบัติงำน เช่น สวมผ้ำปิดจมูก สวมหน้ำกำกเป็นต้นกำรใช้เคร่ืองมือให้ถูกวิธี เหมำะสมและปลอดภัย กำรสันทนำกำรกับเพ่ือนร่วมงำนเช่น กำรรับประทำนอำหำรร่วมกัน สังสรรค์กับเพ่ือนร่วมงำน รับผิดชอบค่ำใช้จ่ำยร่วมกันในกำรทำกิจกรรมกลุ่ม เป็นตน้ ๕.๕) ทักษะการเดินทางไปทางาน (Transportation Skills) หมำยถึง กำรวำงแผนกำรเดินทำง เชน่ กำรเดินทำงถึงทท่ี ำงำน กำรขนึ้ รถตำมตำรำงกำรเดนิ รถ เป็นต้น กำรเลือกใช้บริกำรขนส่งสำธำรณะหรือส่วนบุคคลในกำรไปทำงำนได้อย่ำงเหมำะสมควำมปลอดภัยในกำรเดินทำงเชน่ สวมหมวกกันน็อค คำดเขม็ ขัดนริ ภัย กำรข้ำมถนนบนทำงมำ้ ลำย หรอื สะพำนลอย เปน็ ต้น

~ ๒๐ ~

~ ๑๙ ~๑๕. เอกสารอ้างอิงกระทรวงศกึ ษาธิการ. (๒๕๔๕). หลักสูตรการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔. กรุงเทพมหานคร: โรงพมิ พ์คุรุสภาลาดพร้าว.กระทรวงศึกษาธิการ. (๒๕๔๖). หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๔๖. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพรา้ ว.กุลยา กอ่ สวุ รรณ. (๒๕๕๓). การสอนเด็กที่มีความบกพร่องระดับเล็กนอ้ ย (Teaching Children with Mild Disabilities). นนทบรุ :ี สหมิตรพรน้ิ ติ้งแอนดพ์ บั ลสิ ซ่ิง.ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง กาหนดประเภทและหลักเกณฑ์ของคนพิการทางการศึกษา พ.ศ.๒๕๕๒, (๒๕๕๒, ๘ มิถุนายน). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๘๐ ง, หนา้ ๔๕.สานักบริหารงานการศึกษาพเิ ศษ. (๒๕๕๖). คู่มอื หลกั สูตรการให้บรกิ ารชว่ ยเหลือระยะแรกเริ่มสาหรับ เด็กพิการ ศูนย์การศึกษาพิเศษ พุทธศักราช ๒๕๕๖. กรุงเทพมหานคร: สานักบริหารงาน การศึกษาพเิ ศษ.สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ. (๒๕๕๖). แนวทางการจัดกิจกรรมตามหลักสูตรการให้บริการ ช่วยเหลือระยะแรกเร่ิมสาหรับเด็กพิการ ศูนย์การศึกษาพิเศษ พุทธศักราช ๒๕๕๖. กรงุ เทพมหานคร: สานักบรหิ ารงานการศกึ ษาพิเศษ.สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ. (๒๕๕๖). หลักสูตรการให้บริการช่วยเหลือระยะแรกเริ่มสาหรับ เด็กพิการ ศูนย์การศึกษาพิเศษ พุทธศักราช ๒๕๕๖. กรุงเทพมหานคร: สานักบริหารงาน การศึกษาพเิ ศษ.Cindy Harris. (2 0 0 9 ). Building Real-Life READING SKILLS.United States of America: Scholastic Inc.Clare Hanbury. (2 0 0 8 ). The Life Skills Handbook.Retriered September 1, 2015 from http: //www.lifeskillshandbooks.com.Darlene Mannix. (2 0 0 9 ). Life Skills Activities for Secondary Students with Special Needs.United States of America: John Wiley @ sons,Inc.Darlene Mannix. (2 0 0 9 ). Social Skills Activities for Secondary Students with Special Needs.United States of America: John Wiley @ sons,Inc.Liane B. Onish. (2 0 1 1 ). Building Real-Life MATH SKILLS.United States of America: Scholastic Inc.Patricia Winram Lynn Henderson. (2014). Building Life Skill Portfolios.United Ststes of America: Attainment Company, Inc.

~ ๒๐ ~Paul Wehman&John Kregel. ( 2003) . Functional Curriculum for Elementary, Middle,&Secondary Age Students with Special Needs.Texas: PRO-ED,Inc.William K. Killion, BCBA. (2003). Functional Independence Skills Handbook.Texas: PRO- ED,Inc.

ภาคผนวก

~ ๒๒ ~

~ ๒๓ ~

~ ๒๔ ~

~ ๒๕ ~

รายชอ่ื คณะกรรมการผจู้ ดั ทาคณะกรรมการยกรา่ งโปรแกรมการพัฒนาทักษะการดารงชีวิตสาหรบัเด็กท่ีมคี วามตอ้ งการจาเปน็ พเิ ศษ ของศูนย์การศกึ ษาพิเศษ๑. นายชลิต วิพัทนะพร ผู้อานวยการ ศูนย์การศึกษาพิเศษประจาจงั หวัดมหาสารคาม๒. นายนภดล ธุลีจันทร์ ผ้อู านวยการ ศนู ย์การศกึ ษาพิเศษ เขตการศึกษา ๙ จงั หวดั ขอนแก่น๓. นายนริ ตั ศิ ัย ชิณกะธรรม ผู้อานวยการ ศูนยก์ ารศกึ ษาพิเศษประจาจังหวดั เลย๔. นายสรุ ัตน์ บุญฤทธิ์ ผู้อานวยการ ศูนยก์ ารศึกษาพิเศษประจาจงั หวดั ปัตตานี๕. นายอดสิ รณ์ พวงทอง ผู้อานวยการ ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา ๘ จงั หวัดเชียงใหม่๖. นายอเนก ไชยวงศ์ ผ้อู านวยการ ศนู ย์การศกึ ษาพิเศษประจาจังหวัดแม่ฮอ่ งสอน๗. นายอมั รินทร์ พนั ธว์ ิไล ผอู้ านวยการ ศนู ย์การศึกษาพิเศษประจาจังหวดั ลาพนู๘. นายสมชาย ชนันชนะ ผู้อานวยการ ศนู ย์การศึกษาพิเศษประจาจังหวัดน่าน๙. นายปรชั ญา มพี รหมดี ผอู้ านวยการ ศูนย์การศกึ ษาพิเศษประจาจงั หวัดพะเยา๑๐. นางบณุ ยรกั ษ์ ภพู่ ัฒน์ ผู้อานวยการ ศนู ย์การศกึ ษาพิเศษประจาจังหวดั แพร่๑๑. นางสรุ ญั จิตวรรณนวล ผ้อู านวยการ ศนู ย์การศึกษาพิเศษประจาจงั หวดั ลาปาง๑๒. นางมาลินี วรรณวงศ์ รองผอู้ านวยการ โรงเรยี นกาวิละอนุกูลจงั หวดั เชยี งใหม่๑๓. นางสาอางค์รัตนเจรญิ รองผู้อานวยการ ศนู ยก์ ารศกึ ษาพเิ ศษส่วนกลาง กรุงเทพมหานคร๑๔. นางสาวก่งิ แก้ว บรรจง ครู ศนู ย์การศึกษาพิเศษประจาจงั หวัดเชยี งราย๑๕. นางสาวศศธิ ร ตอ้ งถือดี ครู ศนู ย์การศึกษาพเิ ศษประจาจงั หวัดสุรินทร์๑๖. นายสมาน ทวีเลิศ ครู ศูนยก์ ารศึกษาพเิ ศษ เขตการศกึ ษา ๑ จงั หวดั นครปฐม๑๗. นางไพจิตร กัมแก้ว ครู ศูนยก์ ารศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา ๕ จังหวดั สุพรรณบุรี๑๘. นางสริ ิลักษณ์ จนั ทรแ์ กว้ ครูผชู้ ว่ ย ศนู ย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา ๕ จงั หวัดสุพรรณบรุ ี๑๙. นางสาวปนิ ะณฎั ฐ์ เลิศไธสงค์ พนักงานราชการ ศนู ยก์ ารศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา ๕ จงั หวดั สุพรรณบุรี๒๐. นางสาวสุพัตรา นามวงค์ ครู ศนู ย์การศึกษาพเิ ศษประจาจังหวัดลาปาง๒๑. นางสาวอัญชลี กาปญั ญา ครู ศนู ย์การศึกษาพเิ ศษประจาจงั หวดั ลาปาง๒๒. นายสลติ พิมวาปี ครู ศูนย์การศึกษาพเิ ศษประจาจงั หวัดลาปาง๒๓. นางสาวสัตตบงกช ยานะปลูก ครู ศูนย์การศึกษาพิเศษประจาจงั หวดั ลาปาง๒๔. นางสาวสวุ ิมล ใจมา ครผู ชู้ ว่ ย ศนู ยก์ ารศึกษาพเิ ศษประจาจังหวดั ลาปาง๒๕. นายนภสินธุ์ ดวงประภา ครผู ูช้ ่วย ศูนย์การศึกษาพเิ ศษประจาจงั หวัดลาปาง๒๖. นางเจนจิรา วันศรี พนักงานราชการ ศนู ยก์ ารศึกษาพิเศษประจาจังหวัดลาปาง๒๗. นางสาวอรทยั อามาตย์ พนกั งานราชการ ศูนย์การศึกษาพิเศษประจาจงั หวัดลาปาง

~ ๒๗ ~๒๘. นางสาวรักศิธร ศรแก้ว พนักงานราชการ ศูนย์การศึกษาพิเศษประจาจังหวัดลาปาง๒๙. นางสาวนนั ธยิ า สุขพ้ี พนกั งานราชการ ศูนย์การศึกษาพิเศษประจาจังหวัดลาปาง๓๐. นางสาวธิดาวรรณ เนียมพรมลี พนกั งานราชการ ศูนยก์ ารศกึ ษาพเิ ศษประจาจงั หวดั ฉะเชิงเทรา๓๑. นายอานนท์ โคตพัฒน์ ครูอตั ราจา้ ง ศูนย์การศกึ ษาพิเศษประจาจงั หวดั ปทมุ ธานี๓๒. นางสาวพิมพ์บญุ ไตรบตุ ร ครูอตั ราจ้าง ศนู ยก์ ารศึกษาพิเศษประจาจังหวัดปทุมธานีผ้ทู รงคุณวุฒวิ ิพากษ์โปรแกรมการพัฒนาทกั ษะการดารงชวี ติ สาหรับเดก็ ท่ีมคี วามต้องการจาเป็นพิเศษ ของศูนยก์ ารศกึ ษาพิเศษ๑. รองศาสตราจารย์ ดร.กลุ ยา ก่อสุวรรณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา๒. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สุวพัชร ช่างพนิ ิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏพบิ ลู สงคราม๓. ดร.ยวุ ดี วริ ิยางกรู มหาวิทยาลยั เชียงใหม่คณะบรรณาธกิ ารกจิ๑. นางพกิ ลุ เลยี วสิรพิ งศ์ ขา้ ราชการบานาญ๒. นางสุรญั จิตวรรณนวล ผู้อานวยการศูนย์การศึกษาพเิ ศษประจาจังหวดั ลาปาง๓. นางสาวสุพัตรา นามวงค์ ครู ศนู ยก์ ารศึกษาพิเศษประจาจงั หวดั ลาปาง๔. นางสาวอัญชลี กาปัญญา ครู ศูนยก์ ารศึกษาพิเศษประจาจังหวดั ลาปาง๕. นายสลติ พิมวาปี ครู ศนู ย์การศึกษาพิเศษประจาจังหวัดลาปาง๖. นางสาวสัตตบงกช ยานะปลูก ครู ศูนยก์ ารศึกษาพิเศษประจาจงั หวัดลาปาง๗. นางสาวสุวิมล ใจมา ครูผูช้ ว่ ย ศูนยก์ ารศึกษาพเิ ศษประจาจงั หวัดลาปาง๘. นายนภสนิ ธุ์ ดวงประภา ครูผ้ชู ่วย ศูนยก์ ารศกึ ษาพิเศษประจาจงั หวัดลาปาง๙. นางเจนจิรา วนั ศรี พนักงานราชการ ศูนย์การศึกษาพิเศษประจาจงั หวดั ลาปาง๑๐. นางสาวอรทยั อามาตย์ พนกั งานราชการ ศูนยก์ ารศึกษาพเิ ศษประจาจงั หวัดลาปาง๑๑. นางสาวรักศธิ ร ศรแกว้ พนักงานราชการ ศูนยก์ ารศึกษาพเิ ศษประจาจังหวดั ลาปาง๑๒. นางสาวนนั ธยิ า สุขพ้ี พนกั งานราชการ ศูนย์การศกึ ษาพเิ ศษประจาจงั หวัดลาปาง๑๓. นางสาวมาธวี เก่งจรงิ ครูอัตราจ้าง ศูนย์การศึกษาพิเศษประจาจังหวดั ลาปาง