คณุ ธรรม จริยธรรม ขา้ ราชการครู และบุคลากร ทางการศึกษา
ความหมายของจริยธรรมครู คณุ ธรรม คือ ความดีงามทางจิตใจ ซึ่งทาใหเ้ คยชินประพฤติดี คุณธรรมสาหรับครู คือ คุณงามความดีของบุคคลที่เปน็ ครูซึง่ ไดก้ ระทาไปดว้ ยความสานึกในจิตใจ โดยมีเป้าหมายว่าเปน็ การกระทาความดีหรือเปน็ พฤติกรรมทีด่ ีซึง่ เป็นที่ยอมรับ ของสังคม
คุณธรรมของครู เบญจศีล หรือศีล ๕ คาวา่ ศีล แปลว่า ปกติ หมายถึง ความคงที่ ความไมแ่ ปลไปจาก เดิมได้แก่ ขอ้ ปฏิบตั ิสาหรับรักษากาย และวาจา ให้ปกติเรียบร้อย คาว่า เบญจศีล แปลว่า ศีล ๕ เป็น ข้อปฏิบตั ิสาหรับ คนท่วั ไปข้ันพืน้ ฐาน มีอยู่ ๕ ขอ้ คือ ๑. ปาณาติปาตา เวรมณี คือ งดเว้นจากการฆา่ สัตว์ตัดชีวิต ๒. อทินาทานา เวรมณี คือ งดเวน้ จากการถือเอาสิง่ ของทีเ่ จ้าของเขามิได้ให้ ๓. กาเมสุมิจฉาจารา เวรมณี คือ งดเว้นจากการประพฤติผิ ในค่คู รอง และของรกั ของ ผู้อื่น ๔. มุสาวาทา เวรมณี คือ งดเว้นจากการพูดเท็จ ๕. สรุ าเมรยมชั ชปมาทัฎฐานา เวรมณี คือ งดเว้นจากการดืม่ นา้ เมา คือ สรุ า เมรยั อนั เปน็ ที่ตั้งแห่งความประมาท และเว้นจากสิ่งเสพติดให้โทษทกุ อย่าง
กัลยาณมิตรธรรม คุณธรรมที่เปน็ คุณลักษณะของการเป็นผ้อู บรมส่ังสอน แนะนาซึง่ ประกอบไป ด้วย ๑. ปิยตา คือ กระทาตนเปน็ ที่เคารพรกั ของศิษย์ ๒. ครุ คือ กระทาตนเป็นที่น่าเคารพบูชา โดยการปกครองยกยอ่ ง เป็นตัวอย่างทาให้เดก็ รู้สึกอบอุ่น ปลอดภยั มีความยตุ ิธรรมเทีย่ งตรง ๓. ภาวนียตา คือ อบรมตนเองใหม้ ีความรคู้ วามสามารถในการทางาน และเจริญด้วย ศีลธรรม มีภมู ิปญั ญาน่ายกยอ่ ง ๔. วตั ถตุ า คือ อุตสาหะสั่งสอนอบรม รู้จักชี้ทางให้เข้าใจดว้ ยเหตุผล โดยการอธิบาย ชัดเจน เรา้ ให้ สนใจอยากติดตาม ใหผ้ ู้เรียนสนกุ สนาน อธิบายให้แจม่ แจ้ง ชกั ชวนให้ทาตามใหม้ ีความ อุตสาหะและ ให้ ความรา่ เริง สบายใจ ๕. วัจนักขนั ติ คือ อดทนตอ่ ถ้อยคารบกวนของศิษย์ อดทนตอ่ การเสียดสีกวนใจ ติ เตียน ๖. คัมภีรกถากรณัง คือ ขยายข้อลึกใหต้ ื้น อธิบายใหง้ า่ ย โดยใชว้ ิธีตา่ งๆ ได้อยา่ งลึกซึ้ง และเข้าใจ โดยแสดงจดุ เด่นของวิชา แสดงเหตุผลของวิชา และแสดงสาระของวิชา ๗. อนิโยธนงั คือ การไม่ชกั จงู ศิษย์ไปในทางช่ัว ไม่แนะนาไปในทางเสื่อม
ธรรมเทศกธรรม ๕ คณุ ธรรมของการประสิทธิ์ประสาทความรู้ ๑. อนุบปุ พิถา คือ สอนให้มีลาดับขัน้ ตอน ใหม้ ีความสมั พันธเ์ ชื่อมโยงกัน ๒. ปริยายทสั สาวี คือ จับจุดสาคัญมาขยายแตล่ ะเรื่อง แยกแยะให้มองเหน็ ชดั เจน อย่างมีเหตุผล ๓. อนทุ ยตา คือ ต้ังจิตเมตตา สอนดว้ ยความปรารถนาดี โดยมุ่งประโยชน์ แก่ผเู้ รียน ๔. อนามิสันดร คือ ไม่มุ่งหวงั อามิส หรือผลตอบแทน ๕ อนปุ หจั จ์ คือ การวางจิตใจใหต้ รงตามเนือ้ เรื่อง ไมก่ ระทบกระแทกผอู้ ืน่ หรือ ข่มขู่ ผูอ้ ื่น
โลกบาลธรรม ธรรมที่คมุ้ ครองโลกและเปน็ เทวธรรม ประกอบไปดว้ ยธรรม ๒ ประการ ได้แก่ หิริ คือ ความละอายตอ่ บาปและความช่วั ท้ังปวง โอตตัปปะ คือ ความเกรงกลัวต่อบาป และความชวั่ ทง้ั ปวง บคุ คลที่มีธรรมคนู่ ี้อยู่ใน จิตใจจะไม่กระทา สิง่ ใดๆ ที่เปน็ ความชว่ั ทัง้ ตอ่ หน้าและลบั หลงั เพราะความละอาย และเกรงกลวั ต่อบาปจะชว่ ยใหบ้ ุคคลใน สงั คมโลก ไมเ่ บียดเบียนซึง่ กนั และกัน ช่วยให้สงั คมมีความเป็นระเบียบเรียบรอ้ ยไมเ่ ดือดรอ้ นวนุ่ วาย
ธรรมที่ทาให้งาม หากผใู้ ดปฏิบัติได้ย่อมไมแ่ สดงกิริยาอาการทุรนทรุ าย เมื่อตอ้ งอย่ใู น สภาวะทีต่ ้องอดทน ประกอบไปดว้ ยกิจกรรม ๒ ประการ ไดแ้ ก่ ขนั ติ คือ ความอดทน อดได้ทนได้ เพือ่ บรรลุความดีงามและความมงุ่ หมายอนั ชอบ โสรัจจะ คือ ความสงบเสงีย่ ม มีอธั ยาศัยงดงาม รัก ความประณีตหมดจด เรียบรอ้ ย งดงาม
อิทธิบาท ๔ ธรรมทีน่ าไปส่คู วามสาเรจ็ แหง่ ผลทีม่ งุ่ หมาย เรียกอีกอย่างหนึง่ วา่ หลักธรรมสาหรบั การ “ครองงาน” มี ๔ ประการ คือ ๑. ฉนั ทะ คือ ความยินดีพอใจรกั ใครใ่ ฝ่ใจ รักที่จะทาสิง่ นน้ั อย่เู สมอและ ปรารถนา จะทาให้ผลดียิง่ ๆ ขึ้น ๒. วิริยะ คือ ความเพียรพยายาม ขยันหม่ันเพียรประกอบกิจการงานน้ัน ๆ อยา่ งเข้มแข็ง อดทน เอาธุระไมท่ ้อถอย ๓. จิตตะ คือ การต้งั จิตรบั รใู้ นสิ่งที่กระทาและทาสิ่งน้ันดว้ ยความคิด เอาจิต ฝกั ใฝ่ ไม่ ปลอ่ ยใจ ฟงุ้ ซ่านเลอื่ นลอยไป ๔. วิมงั สา คือ ความไตรต่ รองหรือทดลอง หมัน่ ใชป้ ญั ญาพิจารณาใครค่ รวญ ตรวจหา เหตุผล และตรวจสอบ ข้อยิ่งหยอ่ นในสงิ่ ที่ได้กระทานั้น มีการวางแผน วดั ผล คิดคน้ วิธีแกไ้ ข ปรับปรงุ
สังคหวัตถุ ๔ หลักธรรมทีใ่ ชเ้ ป็นเครื่องยึดเหนีย่ วจิตใจคน เป็นหลักธรรมที่ก่อใหเ้ กิดความ สามคั คี และเป็นหลกั ธรรมที่ชว่ ย สรา้ งมนุษยสมั พันธ์ของบุคคลทกุ ช้ันวรรณะ หลักธรรมนี้เรียก อีกอยา่ งวา่ เปน็ “ธรรมสาหรบั การครองคน” หรือ “ธรรมสาหรบั การสงเคราะห์สรา้ งไมตรี” มี ๔ ประการ คือ ๑. ทาน คือ การใหแ้ บ่งปันสิง่ ของที่ควรให้ การเอื้อเฟือ้ เผือ่ แผ่ การให้ความรู้การใหค้ าแนะนาสง่ั สอน หรือกลา่ วอยา่ งงา่ ยวา่ เปน็ การใหท้ งั้ สิ่งของและวิทยาทาน ๒. ปิยวาจา คือ การเจรจากันด้วยถอ้ ยคาที่สุภาพออ่ นหวาน สมานใจ เป็นคาพดู ที่แสดงประโยชน์มีเหตุมีผล ๓. อัตจริยา คือ การประพฤติแต่สิง่ ที่เปน็ ประโยชนต์ อ่ กัน ตลอดจนการแก้ไข ปรับปรงุ ส่งเสริมทางจริยธรรมดว้ ย ๔. สมานัตตตา คือ การทาตนเสมอตน้ เสมอปลาย ปฏิบัติต่อกนั อย่างสมา่ เสมอ ร่วมรับรู้ รว่ มแก้ไขทกุ ข์สุข
พรหมวิหาร ๔ หลักธรรมประจาใจอนั ประเสริฐ เปน็ หลักความประพฤติทีป่ ระเสริฐ บริสทุ ธิ์ เปน็ ธรรมที่ตอ้ งมีไว้เป็นหลักใจ และกากับความประพฤติ เพือ่ ใหป้ ฏิบตั ิตนต่อมนษุ ย์และสัตว์โดยชอบ หรือ เรียกอย่างงา่ ยๆ ว่าเปน็ “ธรรมเครือ่ งอยู่ ของพรหม” หรือ “ธรรมของผใู้ หญป่ กครอง ผู้น้อย” มี๔ ประการ ๑. เมตตา คือ ความรักใคร่ ความปรารถนาดีอยากใหเ้ ขามีสุข มีจิตอันแผไ่ มตรีและคิด ท าประโยชน์แกม่ นุษย์และ สัตว์ทว่ั หนา้ ๒. กรณุ า คือ ความสงสาร การคิดชว่ ยใหพ้ น้ จากความทุกขท์ รมาน การใฝใ่ จ ในอนั ทีจ่ ะ ปลดเปลื้องบาบดั ความทกุ ขย์ ากเดือดร้อนของปวงสตั ว์ ๓. มทุ ิตา คือ ความยินดีเมื่อผอู้ ื่นมีความสุขความเจริญก้าวหน้า มีจิตผ่องใส บนั เทิง กอปรดว้ ยอาการแชม่ ชืน่ เบิกบานอยเู่ สมอตอ่ สัตวท์ งั้ หลายผู้ดารงในปกติสุข พลอยยินดีดว้ ย เมือ่ เขาไดด้ ี มี ความสขุ ความเจริญงอกงามยิ่งๆ ขึน้ ไป ๔. อุเบกขา คือ ความมีใจเปน็ กลาง มองตามความเปน็ จริง โดยวางจิตเรียบสม่าเสมอ มน่ั คง เทีย่ งตรงดจุ ตราช่ัง มองเห็นการทีบ่ ุคคลจะได้รับผลดีหรือชัว่ สมควรแกเ่ หตุที่ตนประกอบ พร้อมที่จะวินิจฉยั วางตน และปฏิบัติไปตาม หลักการ เหตุผล และความเทีย่ งธรรม
คณุ ธรรมพื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการ ขยนั คือ ความตง้ั ใจเพียรพยายาม ทาหน้าที่การงานอยา่ งตอ่ เนื่อง สมา่ เสมอ อดทน ความขยันต้องปฏิบตั ิควบคู่ กับการใชส้ ติปญั ญาแก้ปัญหาจนเกิดผลสาเร็จ ผู้ทีม่ ีความขยนั คือ ผทู้ ี่ตง้ั ใจทาอยา่ งจริงจงั ต่อเนือ่ งในเรือ่ งที่ถูกที่ ควรเป็นคนสงู้ านมีความพยายามไมท่ อ้ ถอย กล้าเผชิญอุปสรรค รักงานที่ทาตัง้ ใจทาอย่างจริงจัง
ประหยัด คือ การรู้จักเก็บออม ถนอมใช้ทรัพย์สินสิ่งของแต่พอควร พอประมาณให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า ไม่ฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ ผู้ที่มีความประหยัด คือ ผู้ที่ดาเนินชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย รู้จัก ฐานะ การเงินของตน คิดก่อนใช้ คิดก่อนซื้อ เก็บออม ถนอมใช้ทรัพย์สินสิ่งของอย่างคุ้มค่า รู้จักทาบัญชี รายรับ-รายจ่าย รายออม ของตนเองอยู่เสมอ ซื่อสัตย์ คือ ประพฤติตรงไม่เอนเอียงไม่มีเล่ห์เหลี่ยมมีความจริงใจ ปลอดจากความรู้สึกลาเอียง หรืออคติ ผู้ที่มีความซื่อสัตย์คือ ผู้ที่มีความประพฤติตรงท้ังต่อหน้าที่ ต่อวิชาชีพ ตรงต่อเวลา ไม่ใช้เล่ห์กล คดโกง ทั้งทางตรงและทางออ้ ม รบั รูห้ น้าที่ของตนเองและปฏิบตั ิอย่างเตม็ ที่ถกู ต้อง
มีวินัย คือ การยึดม่ันในระเบียบแบบแผนข้อบังคับและข้อปฏิบัติ ซึ่งมีท้ัง วินัยใน ตนเองและวินัยต่อสังคม ผู้มีวินัย คือ ผู้ที่ปฏิบัติตนในขอบเขต กฎ ระเบียบ ของสถานศึกษา สถาบัน/องค์กร/ สังคมและประเทศ โดยทีต่ นเองยินดีปฏิบตั ิตามอย่างเตม็ ใจและต้งั ใจ สุภาพ คือ เรียบร้อย อ่อนโยน ละมุนละม่อมมีกิริยามารยาทที่ดีงาม มีสัมมาคารวะ ผู้ที่มีความสุภาพ คือ ผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตนตามสถานภาพ และกาลเทศะ ไม่ก้าวร้าว รุนแรง วางอานาจข่มขู่ ผู้อื่นท้ังโดยวาจา และท่าทาง แต่ในเวลาเดียวกันยังคงมีความม่ันใจในตนเอง เป็นผู้ที่มีมารยาท วางตน เหมาะสม ตามวฒั นธรรมไทย
สะอาด คือ ปราศจากความมัวหมองทั้งกาย ใจและสภาพแวดล้อม ความผ่องใสเป็นที่เจริญตา ทาให้เกิด ความสบายใจแก่ผู้พบเห็นผู้ที่มีความสะอาด คือ ผู้รักษาร่างกาย ที่อยู่อาศัย สิ่งแวดล้อมถูกต้องตามสุขลักษณะ ฝึกฝนจิตใจมิใหข้ ุ่นมวั จึงมีความแจ่มใสอยู่เสมอ สามัคคี คือ ความพร้อมเพียงกันความกลมเกลียวกัน ความปรองดองกัน ร่วมใจกัน ปฏิบัติงานให้ บรรลุผล ตามที่ต้องการเกิดงานการอย่างสร้างสรรค์ปราศจากการทะเลาะวิวาท ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน เป็นการยอมรับ ความมีเหตุผล ยอมรับความแตกต่างหลากหลายทางความคิด ความหลากหลาย ในเรื่องเชื้อชาติ ความกลมเกลียวกันในลักษณะเช่นนี้ เรียกอีกอย่างว่า ความสมานฉันท์ ผู้ที่มีความสามัคคี คือ ผู้ที่เปิดใจกว้าง รับฟังความคิดเห็น ของผู้อื่นรู้บทบาทของตน ทั้งในฐานะผู้นาและผู้ตามที่ดี มีความมุ่งมั่นต่อการรวมพลัง ช่วยเหลือ เกื้อกูลกัน เพื่อให้การงานสาเร็จ ลุล่วง แก้ปัญหาและขจัดความขัดแย้งได้ เป็นผู้มีเหตุผล ยอมรับ ความแตกตา่ งหลากหลายทาง วฒั นธรรม ความคิด ความเชือ่ พร้อมที่จะปรับตัวเพือ่ อยู่รว่ มกนั อย่าง สนั ติ
มีน้าใจ คือ ความจริงใจที่ไม่เห็นแกเ่ พียงตวั เองหรือเรื่องของตวั เอง แตเ่ หน็ อกเหน็ ใจ เห็นคุณค่า ในเพื่อนมนุษย์ มีความเอื้ออาทร เอาใจใส่ ให้ความสนใจในความต้องการ ความจาเป็น ความทุกข์สุขของผู้อื่นและพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกันผู้ที่มีน้าใจ คือ ผู้ให้ และผู้อาสาช่วยเหลือสังคมรู้จักแบ่งปัน เสียสละความสุขส่วนตนเพื่อทาประโยชน์แก่ผู้อื่น เข้าใจ เห็นใจผู้ที่มีความเดือดร้อนอาสาช่วยเหลือ สังคมด้วยแรงกาย สติปัญญาลงมือ ปฏิบัติการเพื่อบรรเทาปัญหา หรือร่วมสร้างสรรค์สิ่งดีงาม ให้เกิดขึ้นในชุมชน วิชาชีพครูได้รับ การยกยองและจัดเป็นวิชาชีพช้ันสูงที่มีความจาเป็นต่อสังคมเป็นอาชีพที่ช่วยสร้างสรรค์ จรรโลงให้สังคมเป็นไปในทางที่ปรารถนา ฉะน้ัน กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพจึงต้อง มี ความรับผิดชอบต่อสังคม ในระดับที่สูงเช่นกัน ยิ่งสังคมยกย่อง เคารพ และไว้วางใจผู้ประกอบ วิชาชีพครูมากเท่าใด ผู้ประกอบวิชาชีพครูกต็ ้องประพฤติปฏิบัติตนให้เหมาะสมกบั ความเคารพ เชือ่ ถือ ไวว้ างใจเพียงนั้น
ความหมายของจริยธรรมครู จริยธรรม(Ethics) มาจากคาว่า จริยะ+ธรรม จริยะ หมายถึง ความประพฤติหรือกริยาที่ควรประพฤติปฏิบตั ิ ธรรมะ หมายถึง คุณความดี เมือ่ นาสองคามารวมกนั จึงหมายถึง ความประพฤติทีด่ ีงาม จริยธรรมของครู หมายถึง ความประพฤติการกระทาตลอดจนความรูส้ ึกนึกคิดอันถูกตอ้ งดีงาม ที่ครูควรประพฤติปฏิบัติเพือ่ ใหเ้ กิดความเจริญรงุ่ เรืองแกต่ นเองและลกู ศิษย์เพือ่ นร่วมงานและ บคุ คลทัว่ ไป
จริยธรรมของครู ๑. จริยธรรมตอ่ ตนเอง ปฏิบตั ิตนเปน็ แบบอย่างที่ดี ๒. จริยธรรมต่อบุตรธิดา เลีย้ งดูบตุ รให้มีความสุข เหมาะสมกับฐานะตนเอง ๓. จริยธรรมต่อภริยาหรือสามี ซื่อสัตย์ ใหเ้ กียรติซึง่ กันและกนั ๔. จริยธรรมตอ่ บิดามารดา ตอบแทนพระคณุ ท่าน เลี้ยงดทู า่ นใหส้ ุขสบาย ๕. จริยธรรมตอ่ ลกู ศิษย์ ใหค้ วามรักตอ่ ลกู ศิษยเ์ หมือนกับบุตรของตน ๖. จริยธรรมต่อชมุ ชน สงั คม และประเทศชาติ
แหลง่ ที่มาของขอ้ มลู ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ดร.ดวงเดือน พินสวุ รรณ์ . ๒๕๖๔ คณุ ธรรมจริยธรรมสาหรับครู สืบค้นเมือ่ วนั ที่ ๒ ธนั วาคม ๒๕๖๔ จาก https://graduate.sru.ac.th/wp-content/uploads/2019/06/EDU0101_Morals-and-ethics-of-teachers.pdf วินัย คณุ ธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพครู สืบค้นเมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๔ จาก http://www.thaischool.in.th/_files_school/57105406/other/ita_57105406_1_20201223-125539.pdf
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: