ตาราง 6 แสดงจานวนข้อคาถามของแบบสอบถาม 87 ข้อคาถาม จานวนข้อ ข้อคาถามเก่ียวกบั ทกั ษะชีวิตและอาชีพ ด้านความยดื หยนุ่ และการปรับตวั 5 ด้านการริเริ่มและกากบั ดแู ลตนเองได้ 6 ด้านทกั ษะทางสงั คมและการเรียนรู้ข้ามวฒั นธรรม 6 ด้านเพ่มิ ผลผลติ และการรู้รับผดิ 6 ด้านภาวะผ้นู าและความรับผดิ ชอบ 6 ด้านการจดั การอารมณ์และความเครียด 6 35 รวม ข้อคาถามเก่ียวกบั คณุ ลกั ษณะสว่ นบคุ คล 15 ด้านอตั มโนทศั น์ 16 ด้านลกั ษณะมงุ่ อนาคต 31 รวม 17 ข้อคาถามเกี่ยวกบั ปัจจยั ด้านสภาพแวดล้อม 15 ด้านการอบรมเลยี ้ งดแู บบประชาธิปไตย 15 ด้านสมั พนั ธภาพในครอบครัว 15 ด้านสมั พนั ธภาพระหวา่ งนกั เรียนกบั ครู 15 ด้านสมั พนั ธภาพระหวา่ งนกั เรียนกบั เพ่ือน 77 ด้านการสนบั สนนุ ทางสงั คม รวม
ข้อคาถาม 88 ข้อคาถามเก่ียวกบั ปัจจยั ด้านสภาพแวดล้อม จานวนข้อ ด้านการอบรมเลยี ้ งดแู บบประชาธิปไตย ด้านสมั พนั ธภาพในครอบครัว 17 ด้านสมั พนั ธภาพระหว่างนกั เรียนกบั ครู 15 ด้านสมั พนั ธภาพระหวา่ งนกั เรียนกบั เพอ่ื น 15 ด้านการสนบั สนนุ ทางสงั คม 15 15 รวม 77 ข้อคาถามทงั้ หมดมีลกั ษณะเป็ นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) โดย กาหนดการให้ระดบั คะแนนการปฏิบตั ิเป็น 6 ระดบั ดงั นี ้ ข้อความทางบวก 5 คะแนน จริงท่ีสดุ เท่ากบั 4 คะแนน จริง เทา่ กบั 3 คะแนน คอ่ นข้างจริง เทา่ กบั 2 คะแนน คอ่ นข้างไมจ่ ริง เทา่ กบั 1 คะแนน ไม่จริง เท่ากบั 0 คะแนน ไมจ่ ริงเลย เท่ากบั ข้อความทางลบ 0 คะแนน จริงที่สดุ เท่ากบั 1 คะแนน จริง เทา่ กบั 2 คะแนน คอ่ นข้างจริง เทา่ กบั 3 คะแนน คอ่ นข้างไมจ่ ริง เทา่ กบั 4 คะแนน ไมจ่ ริง เทา่ กบั 5 คะแนน ไมจ่ ริงเลย เท่ากบั
89 เกณฑ์การแปลความหมาย เกณฑ์ในการแปลความหมายทกั ษะชีวติ และอาชีพ มีดงั นี ้ 4.51 – 5.00 หมายถงึ มที กั ษะชีวติ และอาชีพ อยใู่ นระดบั สงู มาก 3.51 – 4.50 หมายถึง มที กั ษะชีวิตและอาชีพ อยใู่ นระดบั สงู 2.51 – 3.50 หมายถงึ มีทกั ษะชีวติ และอาชีพ อยใู่ นระดบั คอ่ นข้างสงู 1.51 – 2.50 หมายถึง มีทกั ษะชีวิตและอาชีพ อยใู่ นระดบั คอ่ นข้างต่า 0.51 – 1.50 หมายถงึ มีทกั ษะชีวิตและอาชีพ อยใู่ นระดบั ต่า 0.00 – 0.50 หมายถงึ มที กั ษะชีวติ และอาชีพ อยใู่ นระดบั ต่ามาก 3.3 การสร้างและตรวจสอบคุณภาพเคร่ืองมือ การสร้างและตรวจสอบคณุ ภาพเครื่องมือผ้วู ิจยั ดาเนินการ ดงั ตอ่ ไปนี ้ 3.3.1 การสร้างเคร่ืองมือ เครื่องมอื ที่ใช้ในการวิจยั ในครัง้ นี ้เป็นแบบสอบถามรายด้านเกี่ยวกบั การศกึ ษาและพฒั นา รูปแบบความสมั พนั ธ์เชิงสาเหตุของปัจจยั ท่ีส่งผลต่อทกั ษะชีวิตของนกั เรียนระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษา ตอนปลายใน เขตพฒั นาเศรษฐกิจพิเศษตาก ซงึ่ มแี บบสอบถามแบง่ เป็น 3 สว่ น ดงั นี ้ สว่ นท่ี 1 ข้อมลู ทวั่ ไปของผ้ตู อบแบบสอบถาม สว่ นท่ี 2 ข้อคาถามเพ่อื ใช้ในการวิเคราะห์ทกั ษะชีวติ และอาชีพ ส่วนท่ี 3 ข้อคาถามเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ปัจจยั เชิงสาเหตดุ ้านต่างๆท่ีเก่ียวข้องกับ งานวิจยั นี ้ประกอบด้วย ตอน ได้แก่ แบบวดั ปัจจยั ด้านคณุ ลกั ษณะส่วนบคุ คล และแบบวดั ปัจจยั ด้านสภาพแวดล้อม ลกั ษณะแบบสอบถามเป็นแบบมาตราสว่ นประมาณคา่ (Rating Scale) 6 ระดบั ซงึ่ แบง่ ออกเป็ น 8 ด้าน ดงั นี ้ ด้านที่ 1 แบบสอบถามทกั ษะชีวติ และอาชีพ ด้านท่ี 2 แบบสอบถามอตั มโนทศั น์ ด้านที่ 3 แบบสอบถามลกั ษณะมงุ่ อนาคต ด้านท่ี 4 แบบสอบถามการอบรมเลยี ้ งดแู บบประชาธิปไตย ด้านท่ี 5 แบบสอบถามสมั พนั ธภาพในครอบครัว ด้านท่ี 6 แบบสอบถามสมั พนั ธภาพระหวา่ งครูกบั นกั เรียน ด้านที่ 7 แบบสอบถามสมั พนั ธภาพระหวา่ งนกั เรียนกบั เพอ่ื น ด้านท่ี 8 แบบสอบถามการสนบั สนนุ ทางสงั คม
90 3.3.1.1 ขัน้ ตอนการสร้างและตรวจสอบคุณภาพเคร่ืองมือ ด้านท่ี 1 แบบสอบถามทกั ษะชวี ิตและอาชีพ ผ้วู ิจยั สร้างแบบสอบถามทกั ษะชีวติ และอาชีพ ตามขนั้ ตอนตอ่ ไปนี ้ ขัน้ ตอนท่ี 1 กาหนดนิยามเชิงปฏิบัตกิ าร ผ้วู ิจยั ศกึ ษาเอกสารและงานวิจยั ท่ีเก่ียวข้อง เพ่ือมาใช้ในการกาหนดกรอบความคดิ กาหนดนยิ ามเชิงปฏิบตั กิ ารของตวั แปรที่ต้องการ ดงั นี ้ ตวั แปรวจิ ัย ผ้วู จิ ยั ศกึ ษาค้นคว้าเอกสารที่เก่ียวข้อง ซงึ่ ประกอบด้วย แนวคดิ ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกบั ทกั ษะชีวิตและอาชีพและองค์ประกอบของทกั ษะชีวิตและอาชีพ เพื่อกาหนดกรอบความคิด และ สงั เคราะห์ได้ 6 องค์ประกอบ คือ 1) ความยืดหย่นุ และการปรับตวั 2) การริเร่ิมและกากบั ดแู ล ตนเองได้ 3) ทกั ษะทางสงั คมและการเรียนรู้ข้ามวฒั นธรรม 4) การเพ่ิมผลผลิตและการรู้รับผิด 5) ภาวะผ้นู าและความรับผิดชอบ และ 6) การจดั การอารมณ์และความเครียด นิยามเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารของตวั แปร 1.ทักษะชีวิตและอาชีพ หมายถึง ความสามารถที่นักเรียนจะแสดงพฤติกรรมความรู้ ความคิด และสามารถอยู่ร่วมกับเพื่อนหรือคนในสังคมที่มีความหลากหลาย แตกต่างกันทาง วฒั นธรรมเพ่ือดารงชีวิตและวางแผนในอนาคตให้เหมาะสมสาหรับยคุ ที่มีการแข่งขนั ในด้านข้อมลู ขา่ วสารและเทคโนโลยี ประกอบด้วย คณุ ลกั ษณะด้านความยืดหยนุ่ และการปรับตวั ความเป็ นผ้มู ี ความคิดริเร่ิมและเป็ นผ้นู า ทกั ษะทางสงั คมและการเรียนรู้ข้ามวฒั นธรรม การเพิ่มผลผลิตและการ รู้รับผดิ ภาวะผ้นู าและความรับผิดชอบ และการจดั การอารมณ์และความเครียด 1.1 ความยดื หยนุ่ และการปรับตวั (Flexibility and Adaptability) หมายถงึ ความสามารถของนกั เรียนในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการทางานให้มีประสิทธิภาพ เหมาะสมกบั สถานการที่หลากหลาย ตลอดจนเปิ ดใจกว้าง รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง และนามาปรับใช้ใน การเรียนและการดารงชีวิตประจาวนั โดยตงั้ อยบู่ นหลกั การท่ีเหมาะสม 1.2 การริเร่ิมและการกากบั ดแู ลตนเองได้ (Initiative and Self-Direction) หมายถึง ความสามารถของนกั เรียนในการทางานที่ตงั้ ใจ พร้อมรับผิดชอบ พร้อมเผชิญความท้า ทายใหม่ๆ สามารถกาหนดเป้ าหมายวางแผนการเรียนและการทางานเพ่ือความสาเร็จตาม เป้ าหมายตามเวลาท่ีกาหนดไว้
91 1.3 ทกั ษะทางสงั คมและการเรียนรู้ข้ามวฒั นธรรม (Social and Cross-Cultural Skills) หมายถึง ความสามารถของนักเรียนท่ีจะทางานและดารงชีวิตอยู่กับสภาพแวดล้อมและ ผ้คู นท่ีมีความแตกตา่ งหลากหลายได้ โดยไม่รู้สกึ เครียดหรือแตกต่างแปลกแยก และทาให้ประสบ ความสาเร็จได้ 1.4 เพมิ่ ผลผลติ และการรู้รับผดิ (Productivity and Accountability) หมายถงึ ความสามารถของนกั เรียนในการวางแผนและการประยกุ ต์ใช้ความรู้และทกั ษะที่จะทาให้เกิดการ ตดั สินในท่ีสร้ างผลงานท่ีมีคณุ ภาพ โดยนกั เรียนและเพื่อนในกล่มุ ต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน สามารถบริหารจดั การเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถจดั สรรทรัพยากรให้เหมาะสม เพ่ือ ตอบสนองความต้องการของตนเองและผ้อู ื่น 1.5 ภาวะผ้นู าและความรับผิดชอบ (Leadership and Responsibility) หมายถึง ความสามารถของนักเรียนในการเป็ นตวั แบบและเป็ นผู้นาคนอื่น โดยใช้ทักษะการแก้ไขปัญหา ระหว่างบุคคลได้ เพื่อก้าวบรรลุจุดมุ่งหมาย เป็ นตัวกลางหรือผู้ประสานงานที่มีประสิทธิภาพ สามารถชีน้ าและนาพาเพ่ือนหรือผู้อื่นให้ก้าวสู่ผลลพั ธ์ที่พึงประสงค์ ยอมรับความสามารถของ เพ่อื นร่วมงานท่ีมีความแตกตา่ งกนั และ เป็นแบบอยา่ งในพฤตกิ รรมที่พงึ ประสงค์ ผ้อู ื่นยอมรับ และ รับผิดชอบในการทางาน 1.6 การจดั การกบั อารมณ์และความเครียด หมายถึง ความสามารถของนกั เรียน ในการควบคมุ อารมณ์ การรู้จกั การเข้าใจอารมณ์ของตนเองและผ้อู นื่ อีกทงั้ รู้วธิ ีการจดั การกบั อารมณ์ ซงึ่ ประกอบด้วย การสารวจความรู้สกึ ท่ีเกิดขนึ ้ ในขณะนนั้ การคาดการณ์ผลดี ผลเสยี ของ การแสดงอารมณ์นนั้ ออกมา การควบคมุ อารมณ์ด้วยวธิ ีการตา่ งๆ และการสารวจความรู้สกึ ของ ตนเอง ขัน้ ตอนท่ี 2 สร้างตารางกาหนดพฤตกิ รรมท่ตี ้องการวดั และกาหนดข้อคาถาม ผ้วู ิจยั นานิยามเชงิ ปฏิบตั กิ ารท่ีกาหนดมาสร้างตารางกาหนดพฤตกิ รรมท่ีต้องการวดั และ จานวนข้อคาถาม (table of specification) เพ่ือกาหนดรายละเอียดข้อคาถามตามตวั แปรท่ี ต้องการวดั ประกอบด้วยองค์ประกอบ 6 องค์ประกอบ คอื 1) ความยืดหย่นุ และการปรับตวั 2) การ ริเริ่มและกากบั ดแู ลตนเองได้ 3) ทกั ษะทางสงั คมและการเรียนรู้ข้ามวฒั นธรรม 4) การเพิ่มผลผลิต และการรู้รับผิด 5) ภาวะผ้นู าและความรับผิดชอบ และ 6) การจดั การอารมณ์และความเครียด ดงั แสดงในตาราง 7
92 ตาราง 7 โครงสร้างแบบสอบถามวัดทกั ษะชีวิตและอาชีพ นิยาม จานวน(ข้อ) หมาย คาถาม คาถาม เหตุ ด้านความยดื หยุ่นและการปรับตวั ทวั่ ไป ด้านลบ - ความสามารถในการปรับปรุงเปลยี่ นแปลงตนเอง รวม 5 ข้อ - การทางานให้มีประสทิ ธิภาพเหมาะสมกบั สถานการณ์ท่ี 1 รวม 6 ข้อ 1 หลากหลาย รวม 6 ข้อ - เปิ ดใจกว้างรับฟังความคิดเห็นท่ีแตกตา่ ง 11 รวม 6 ข้อ - นาความคิดเหน็ มาใช้โดยตงั้ อยบู่ นหลกั การท่ีเหมาะสม 1 ด้านการริเร่ิมและกากับดแู ลตนเองได้ - ความสามารถในการทางานท่ีตงั้ ใจได้ 1 - มีความรับผดิ ชอบพร้อมเผชิญความท้าทายใหมๆ่ 2 - สามารถกาหนดเป้ าหมายวางแผนเพ่ือความสาเร็จตามเป้ าหมาย 21 และเวลาที่กาหนดไว้ 1 ด้านทกั ษะทางสังคมและการเรียนรู้ข้ามวัฒนธรรม - ความสามารถทางานและดารงชีวิตอยกู่ บั สภาพแวดล้อมที่ 21 แตกตา่ งได้ 1 - ความสามารถทางานและดารงชีวติ อยกู่ บั คนท่ีแตกตา่ ง 1 หลากหลายได้ 2 - ไมร่ ู้สกึ เครียดหรือแตกตา่ งแปลกแยก - ทางานให้สาเร็จได้ 11 ด้านเพ่มิ ผลผลิตและการรับผิดชอบ 1 - การวางแผนและการประยกุ ต์ใช้ความรู้และทกั ษะท่ีทาให้เกิดการ 2 ตดั สนิ ในสร้างผลงานที่มีคณุ ภาพ - บคุ คลและกลมุ่ ต้องมีความรับผดิ ชอบร่วมกนั - สามารถบริหารจดั การเวลาได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ - จดั สรรทรัพยากรให้เหมาะสมเพื่อตอบสนองความต้องการ
93 ตาราง 7 โครงสร้างแบบสอบถามวัดทกั ษะชวี ติ และอาชีพ (ตอ่ ) นิยาม จานวน(ข้อ) หมาย เหตุ ด้านภาวะผู้นาและความรับผิดชอบ คาถาม คาถามด้าน - สามารถทาตามเป้ าหมายและความต้องการได้ ท่วั ไป ลบ - เป็นผ้นู าและบริหารจดั การท่ีจาเป็นในการสนบั สนนุ การเป็นผ้นู าที่ดี - มีความรับผิดชอบในการทางาน 1 - มีความซ่อื สตั ย์และมีจริยธรรม 1 - มีความรับผดิ ชอบและเห็นแก่ประโยชน์สว่ นรวมก่อน 1 ด้านการจัดการอารมณ์และความเครียด 1 - ความสามารถในการควบคมุ อารมณ์ตนเองด้วยวิธีตา่ งๆ 2 รวม 6 ข้อ - รู้จกั เข้าใจอารมณ์ของตนเอง ผ้อู ่ืน - สารวจความรู้สกึ ของตนเอง 1 - คาดการณ์ผลดีผลเสยี ของการแสดงอารมณ์นนั้ ออกมา 2 1 1 1 รวม 6 ข้อ เมื่อผ้วู ิจยั ได้กาหนดโครงสร้างแบบสอบถามทกั ษะชีวิตและอาชีพเรียบร้อยแล้ว จงึ นามาจดั ทาเป็ น ร่างแบบสอบถามตอ่ ไป ขัน้ ตอนท่ี 3 การจัดทาร่างแบบสอบถาม ผ้วู ิจยั จดั ทาร่างแบบสอบถามทกั ษะชีวิตและอาชีพ ตามโครงสร้างท่ีกาหนดไว้ และให้ อาจารย์ที่ปรึกษาตรวจสอบความตรงเชิงเนือ้ หา (content validity) ความเหมาะสมของข้อคาถาม การตรวจสอบความตรงตามนิยาม ความถกู ต้องเหมาะสมด้านการใช้ภาษา และสดั ส่วนการวดั ใน แตล่ ะตวั แปรเพ่ือปรับปรุงแก้ไขและจดั ทาแบบสอบถามฉบบั ร่าง ขัน้ ตอนท่ี 4 ตรวจสอบความตรงเชิงเนือ้ หา ผ้วู ิจยั นาแบบสอบถามฉบบั ร่าง พร้อมกบั หวั ข้อวิจยั ความเป็ นมา วตั ถปุ ระสงค์ กรอบ แนวคดิ และนิยามเชิงปฏิบตั ิการไปให้ผ้เู ช่ียวชาญ จานวน 5 ทา่ น ประกอบด้วย 1) ผ้เู ชี่ยวชาญด้าน ตวั แปรทกั ษะชีวิตและอาชีพ จานวน 4 ท่าน โดยเป็ นผ้มู ีความรู้ด้านทกั ษะในศตวรรษที่ 21 และ ทกั ษะชีวิต และ/หรือ มีผลงานทางวิชาการท่ีเกี่ยวข้องกบั ทกั ษะชีวิต 2) ผ้เู ช่ียวชาญด้านการสอนใน
94 ระดบั มธั ยมศกึ ษา จานวน 1 ท่าน โดยเป็นผ้มู ีประสบการณ์ในการสอนระดบั มธั ยมศกึ ษาไมต่ า่ กวา่ 10 ปี และเป็ นผ้สู อนอยใู่ นเขตพืน้ ที่พฒั นาเศรษฐกิจพิเศษ 3) ผ้เู ช่ียวชาญด้านเครื่องมอื วิจยั จานวน 2 ท่าน โดยเป็ นอาจารย์ผู้สอนเกี่ยวกับวิจัยการศึกษาไม่ต่ากว่า 10 ปี และ/หรือมีผลงานทาง วิชาการในด้านวิจยั การศึกษาซ่ึงเป็ นที่ยอมรับ 5) ผู้เช่ียวชาญด้านสถิติขนั้ สูงสาหรับการวิจัย จานวน 1 ทา่ น โดยโดยเป็ นอาจารย์ผ้สู อนเกี่ยวกบั สถิตสิ าหรับการวิจยั ไมต่ า่ กวา่ 10 ปี และ/หรือ มี ผลงานทางวิชาการในด้านวิจัยโดยใช้สถิติขัน้ สูงซึ่งเป็ นท่ียอมรับ รายชื่อผู้เชี่ยวชาญแสดงใน รายละเอียดภาคผนวก ก ผู้เช่ียวชาญตรวจสอบความตรงตามนิยาม ความถูกต้องเหมาะสมด้านการใช้ภาษา รูปแบบการวัดตวั แปร และสดั ส่วนในการวดั แต่ละตัวแปร เพื่อนามาพิจารณาหาค่าดชั นีความ สอดคล้องระหวา่ งคาถามรายข้อกบั วตั ถปุ ระสงค์ท่ีต้องการวดั (IOC : Index of Item Objective Congruence) เกณฑ์ที่ใช้ในการตดั สนิ ความตรงเชิงเนือ้ หา คอื คา่ ดชั นี IOC ต้องมีคา่ 0.60 ขนึ ้ ไป จงึ จะถือได้ว่าข้อคาถามนนั้ วดั ได้ตรงตามโครงสร้างและนิยามท่ีต้องการวดั (พิชิต ฤทธิ์จรูญ,2549, หน้า 243) หลงั จากนนั้ คดั เลือกข้อคาถามท่ีมีคา่ IOC ตงั้ แต่ 0.60 ขนึ ้ ไป สว่ นข้อคาถามที่มีคา่ IOC ตา่ กวา่ 0.60 ผ้วู ิจยั ได้ปรับตามรายละเอียดคาแนะนาของผ้เู ชี่ยวชาญ กอ่ นนาไปคานวณตามสตู ร (พวงรัตน์ ทวรี ัตน์ 2543 :117) และมลี กั ษณะการให้คะแนน ดงั นี ้ IOC = ∑R N IOC หมายถงึ คา่ ดชั นีความสอดคล้องระหวา่ งคาถามรายข้อกบั วตั ถปุ ระสงค์ท่ีต้องการวดั R หมายถงึ คะแนนการตดั สนิ ของผ้เู ช่ียวชาญ N หมายถงึ จานวนผ้เู ชี่ยวชาญ ลกั ษณะการให้คะแนน - 1 หมายถึง ข้อคาถามไมส่ อดคล้องกบั นิยามเชิงปฏบิ ตั กิ าร 0 หมายถงึ ไม่แน่ใจวา่ ข้อคาถามสอดคล้องกบั นยิ ามเชิงปฏบิ ตั กิ ารหรือไม่ 1 หมายถงึ ข้อคาถามมีความสอดคล้องกบั นยิ ามเชิงปฏิบตั กิ าร ผลการตรวจสอบคณุ ภาพของแบบสอบถามทกั ษะชีวิตและอาชีพ ในด้านความตรงเชิง เนือ้ หา จากผ้เู ช่ียวชาญจานวน 5 ท่าน ทาให้ได้ข้อคาถามเกี่ยวกบั ทกั ษะชีวิตและอาชีพ จานวน 35 ข้อ ดงั ปรากฏรายละเอียดในภาคผนวก ข
95 ขัน้ ตอนท่ี 5 การปรับปรุงแบบสอบถาม ผ้วู จิ ยั ได้นาแบบสอบถามที่ได้ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผ้เู ช่ียวชาญ และ นาไปทดลองใช้กบั กลมุ่ ตวั อยา่ งที่ไม่ใชก่ ลมุ่ ตวั อยา่ งในงานวิจยั แต่มีคณุ ลกั ษณะเหมือนกนั ซงึ่ ได้มา โดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ขัน้ ตอนท่ี 6 การหาคุณภาพแบบสอบถามโดยการตรวจสอบค่าอานาจจาแนก และความเช่ือม่ัน ผ้วู ิจยั ได้นาแบบสอบถามท่ีได้ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผ้เู ช่ียวชาญไปทดลอง ใช้ (Try out) กบั นกั เรียนโรงเรียนสรรพวิทยาคม จานวน 60 คน ที่ไม่ใช่กลมุ่ ตวั อย่าง เพ่ือหาค่า อานาจจาแนกและคา่ ความเชื่อมนั่ โดยนาแบบสอบถามท่ีนกั เรียนทาแล้วมาหาคา่ อานาจจาแนก โดยใช้เทคนิค 25% คือกลมุ่ สงู 25%และกลมุ่ ตา่ 25% นาคะแนนของแตล่ ะกลมุ่ มาเปรียบเทียบ ความแตกตา่ งเป็ นรายข้อ ทดสอบค่าที (t-test) ถ้าคา่ t ข้อใดมีนยั สาคญั ทางสถิติ แสดงว่าเป็ นข้อ คาถามที่มีอานาจจาแนกใช้ได้ (พิชิต ฤทธิ์จรูญ,2549,หน้า 249) ทงั้ นีผ้ ้วู ิจยั ใช้โปรแกรมสาเร็จรูป ทางคอมพวิ เตอร์ในการวเิ คราะห์ข้อมลู ดงั ปรากฏรายละเอียดในภาคผนวก ข หาค่าความเชื่อมน่ั โดยใช้สมั ประสิทธิ์แอลฟา(Alpha Coefficient) ของ ครอนบาค (Cronbach’s alpha coefficient) วิเคราะห์ด้วยโปรแกรมสาเร็จรูปทางคอมพิวเตอร์ ได้คา่ ความ เช่ือมน่ั 6 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านความยืดหย่นุ และการปรับตวั 2)ด้านการริเร่ิมและกากบั ดแู ลตนเองได้ 3)ด้านทกั ษะทางสงั คมและการเรียนรู้ข้ามวฒั นธรรม 4)ด้านเพ่ิมผลผลิตและการรู้รับผิด 5)ด้าน ภาวะผ้นู าและความรับผิดชอบ 6)ด้านการจดั การอารมณ์และความเครียด มีคา่ ความเช่ือมน่ั เทา่ กบั 0.87, 0.82, 0.81, 0.89, 0.87, และ 0.87ตามลาดบั รายละเอียดปรากฏในภาคผนวก ข ขัน้ ตอนท่ี 7 การหาคุณภาพแบบสอบถามโดยการตรวจสอบความตรงเชิง โครงสร้ าง ผ้วู ิจยั นาข้อมลู ท่ีได้จากกล่มุ ตวั อย่างท่ีเป็ นนกั เรียน จานวน 400 คนมาวิเคราะห์หาค่า ความตรงเชิงโครงสร้าง (Construct Validity) ของข้อคาถาม ดงั แสดงในภาพ 4 (รายละเอียดแสดงในภาคผนวก ง)
96 ภาพ 4 แสดงการวเิ คราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับท่สี องของแบบสอบถาม ทกั ษะชีวติ และอาชีพ จากภาพ 4 การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยนั อนั ดบั ที่สองของแบบสอบถามทกั ษะชีวติ และอาชีพ ทงั้ 6 ด้าน จานวน 35 ข้อ โดยการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยนั อนั ดบั ที่สอง (Second order Confirmatory Factor Analysis) ด้วยโปรแกรมลิสเรล 8.8 ผลการวิเคราะห์พบวา่ โมเดลมีความ สอดคล้องกบั ข้อมลู เชิงประจกั ษ์ (Chi-Square=358.04, p=0.15, GIF=0.95 , AGIF=0.91, RMSER =0.01) และคา่ นา้ หนกั องค์ประกอบ (Factor Loading ) ท่ีมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั .05 ทุกข้อ สรุปได้ว่า แบบสอบถามเก่ียวกับทกั ษะชีวิตและอาชีพที่ผ้วู ิจยั สร้างขึน้ มีความตรงเชิง โครงสร้าง (Construct Validity)
97 ตาราง 8 ตวั อย่างแบบสอบถามวดั ทกั ษะชวี ิตและอาชีพ จ ิรง ่ที ุสด จ ิรง ่คอน ้ขางจ ิรง ่คอน ้ขางไ ่มจ ิรง ไ ่มจ ิรง ไ ่มจ ิรงเลย ข้อ พฤตกิ รรม 1 ฉนั ปรับตวั ให้เข้ากบั สถานการณ์ตา่ งๆท่ีหลากหลายได้ 2 ฉนั นาข้อเสนอของผ้อู ื่นมาปรับใช้อยา่ งเหมาะสม 3 ฉนั ยนิ ดรี ับฟังคาวิจารณ์ของคนอ่ืน 4 ฉนั ไมส่ นใจความคดิ เหน็ ของคนอน่ื 5 ฉนั นาข้อเสนอของผ้อู ื่นมาปรับใช้อยา่ งเหมาะสม 6 ฉนั ตงั้ เป้ าหมายและทางานตามเป้ าหมายท่ีวางไว้ 7 ฉนั พร้อมที่จะเผชิญกบั ส่งิ ใหมๆ่ ท่ีท้าทาย 8 ฉนั ตงั้ ใจทางานจนงานสาเร็จ 9 เมื่อฉนั ตงั้ ใจทาสงิ่ ใดแล้วก็จะทาได้ผลดี 10 ฉนั ทางานสาเร็จช้ากวา่ เวลาที่กาหนด ด้านท่ี 2 แบบสอบถามอตั มโนทศั น์ ผ้วู ิจยั สร้างแบบสอบถามอตั มโนทศั น์ ตามขนั้ ตอนตอ่ ไปนี ้ ขัน้ ตอนท่ี 1 กาหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร ผ้วู ิจยั ศกึ ษาเอกสารและงานวจิ ยั ท่ีเกี่ยวข้อง เพ่ือมาใช้ในการกาหนดกรอบความคดิ กาหนดนิยามเชิงปฏิบตั กิ ารของตวั แปรที่ต้องการ ดงั นี ้ ตัวแปรวจิ ยั ผ้วู ิจยั ศกึ ษาค้นคว้าเอกสารท่ีเกี่ยวข้อง ซง่ึ ประกอบด้วย แนวคดิ ทฤษฎีท่ีเก่ียวข้องกบั อตั มโนทศั น์ เพือ่ กาหนดกรอบความคดิ และนยิ ามเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร นิยามเชิงปฏิบัตกิ ารของตวั แปร อตั มโนทศั น์ หมายถึง ความรู้สกึ นึกคิดของนกั เรียน ท่ีเก่ียวกบั ตนเองทงั้ ทางสขุ ภาพ ร่างกายได้แก่ รูปร่างหน้าตา กริยาท่าทาง การแตง่ กาย และความแข็งแรงของร่างกาย และจิตใจ ความสามารถและการได้รับการยอมรับ ด้านจิตใจ ได้แก่ มีความสขุ ในชีวิต ซึ่งเป็ นผลมาจาก
98 ประสบการณ์และส่ิงแวดล้อมที่บคุ คลได้รับ ซง่ึ มีทงั้ อตั มโนทศั น์ดหี รือทางบวก และ อตั มโนทศั น์ที่ ไมด่ หี รือทางลบ ขัน้ ตอนท่ี 2 สร้างตารางกาหนดพฤตกิ รรมท่ตี ้องการวัดและกาหนดข้อคาถาม ผ้วู จิ ยั นานิยามเชงิ ปฏิบตั กิ ารที่กาหนดมาสร้างตารางกาหนดพฤตกิ รรมที่ต้องการวดั และ จานวนข้อคาถาม (table of specification) เพ่ือกาหนดรายละเอียดข้อคาถามตามตวั แปรท่ี ต้องการวดั ดงั แสดงในตาราง 9 ตาราง 9 โครงสร้างแบบสอบถามอัตมโนทศั น์ นิยาม จานวน(ข้อ) หมาย เหตุ ด้านอตั มโนทศั น์ คาถาม คาถามด้าน - ความสามารถและการได้รับการยอมรับด้านจิตใจ ท่วั ไป ลบ - มีความสขุ ในชีวติ ซง่ึ เป็นผลมาจากประสบการณ์หรือสงิ่ แวดล้อม - มีทงั้ อตั มโนทศั ทางบวกและทางลบ 3 - ความรู้สกึ นกึ คดิ ของนกั เรียนเก่ียวกบั ตนเอง 4 31 4 รวม 15ข้อ เมื่อผู้วิจัยได้กาหนดโครงสร้ างแบบสอบถามอตั มโนทัศน์ เรียบร้ อยแล้ว จึงนามาจัดทาเป็ นร่าง แบบสอบถามตอ่ ไป ขัน้ ตอนท่ี 3 การจัดทาร่างแบบสอบถาม ผ้วู ิจยั จดั ทาร่างแบบสอบถามอตั มโนทศั น์ ตามโครงสร้างท่ีกาหนดไว้ และให้อาจารย์ท่ี ปรึกษาตรวจสอบความตรงเชิงเนือ้ หา (content validity) ความเหมาะสมของข้อคาถาม การ ตรวจสอบความตรงตามนิยาม ความถกู ต้องเหมาะสมด้านการใช้ภาษา และสดั ส่วนการวดั ในแต่ ละตวั แปรเพ่ือปรับปรุงแก้ไขและจดั ทาแบบสอบถามฉบบั ร่าง ขัน้ ตอนท่ี 4 ตรวจสอบความตรงเชิงเนือ้ หา ผ้วู ิจยั นาแบบสอบถามฉบบั ร่าง พร้อมกับหวั ข้อวิจยั ความเป็ นมา วตั ถปุ ระสงค์ กรอบ แนวคดิ และนิยามเชงิ ปฏบิ ตั ิการไปให้ผ้เู ชี่ยวชาญ จานวน 5 ทา่ น ประกอบด้วย 1) ผ้เู ช่ียวชาญด้าน ตวั แปรทกั ษะชีวิตและอาชีพ จานวน 4 ท่าน โดยเป็ นผ้มู ีความรู้ด้านทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 และ ทกั ษะชีวติ และ/หรือ มีผลงานทางวิชาการท่ีเกี่ยวข้องกบั ทกั ษะชีวิต 2) ผ้เู ช่ียวชาญด้านการสอนใน
99 ระดบั มธั ยมศกึ ษา จานวน 1 ท่าน โดยเป็นผ้มู ีประสบการณ์ในการสอนระดบั มธั ยมศกึ ษาไมต่ า่ กว่า 10 ปี และเป็ นผ้สู อนอยใู่ นเขตพืน้ ที่พฒั นาเศรษฐกิจพิเศษ 3) ผ้เู ชี่ยวชาญด้านเคร่ืองมือวิจยั จานวน 2 ท่าน โดยเป็ นอาจารย์ผู้สอนเก่ียวกับวิจยั การศึกษาไม่ต่ากว่า 10 ปี และ/หรือมีผลงานทาง วิชาการในด้านวิจยั การศึกษาซึ่งเป็ นท่ียอมรับ 5) ผู้เชี่ยวชาญด้านสถิติขนั้ สูงสาหรับการวิจยั จานวน 1 ท่าน โดยโดยเป็ นอาจารย์ผ้สู อนเกี่ยวกบั สถิตสิ าหรับการวิจยั ไม่ตา่ กวา่ 10 ปี และ/หรือ มี ผลงานทางวิชาการในด้านวิจัยโดยใช้สถิติขัน้ สูงซ่ึงเป็ นที่ยอมรับ รายช่ือผู้เช่ียวชาญแสดงใน รายละเอียดภาคผนวก ก ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความตรงตามนิยาม ความถูกต้องเหมาะสมด้านการใช้ภาษา รูปแบบการวัดตัวแปร และสดั ส่วนในการวดั แต่ละตัวแปร เพ่ือนามาพิจารณาหาค่าดัชนีความ สอดคล้องระหว่างคาถามรายข้อกบั วตั ถปุ ระสงค์ท่ีต้องการวดั (IOC : Index of Item Objective Congruence) เกณฑ์ท่ีใช้ในการตดั สนิ ความตรงเชิงเนือ้ หา คอื คา่ ดชั นี IOC ต้องมีคา่ 0.60 ขนึ ้ ไป จึงจะถือได้วา่ ข้อคาถามนนั้ วดั ได้ตรงตามโครงสร้างและนิยามที่ต้องการวดั (พิชิต ฤทธิ์จรูญ,2549, หน้า 243) หลงั จากนนั้ คดั เลอื กข้อคาถามท่ีมีคา่ IOC ตงั้ แต่ 0.60 ขนึ ้ ไป สว่ นข้อคาถามที่มีคา่ IOC ต่ากวา่ 0.60 ผ้วู จิ ยั ได้ปรับตามรายละเอียดคาแนะนาของผ้เู ชี่ยวชาญ ก่อนนาไปคานวณตามสตู ร (พวงรัตน์ ทวีรัตน์ 2543 :117) และมีลกั ษณะการให้คะแนน ดงั นี ้ IOC = ∑R N IOC หมายถงึ คา่ ดชั นีความสอดคล้องระหวา่ งคาถามรายข้อกบั วตั ถปุ ระสงค์ที่ต้องการวดั R หมายถงึ คะแนนการตดั สนิ ของผ้เู ช่ียวชาญ N หมายถึง จานวนผ้เู ชี่ยวชาญ ลกั ษณะการให้คะแนน - 1 หมายถึง ข้อคาถามไมส่ อดคล้องกบั นิยามเชิงปฏบิ ตั ิการ 0 หมายถงึ ไม่แน่ใจวา่ ข้อคาถามสอดคล้องกบั นิยามเชิงปฏบิ ตั กิ ารหรือไม่ 1 หมายถึง ข้อคาถามมีความสอดคล้องกบั นิยามเชิงปฏบิ ตั กิ าร ผลการตรวจสอบคุณภาพของแบบสอบถามอตั มโนทัศน์ ในด้านความตรงเชิงเนือ้ หา จากผ้เู ชี่ยวชาญจานวน 5 ท่าน ทาให้ได้ข้อคาถามเก่ียวกบั อตั มโนทศั น์ จานวน 15 ข้อ ดงั ปรากฏ รายละเอียดในภาคผนวก ข
100 ขัน้ ตอนท่ี 5 การปรับปรุงแบบสอบถาม ผ้วู จิ ยั ได้นาแบบสอบถามที่ได้ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผ้เู ช่ียวชาญ และ นาไปทดลองใช้กบั กลมุ่ ตวั อยา่ งที่ไมใ่ ชก่ ลมุ่ ตวั อยา่ งในงานวิจยั แตม่ ีคณุ ลกั ษณะเหมือนกนั ซงึ่ ได้มา โดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ขัน้ ตอนท่ี 6 การหาคุณภาพแบบสอบถามโดยการตรวจสอบค่าอานาจจาแนก และความเช่ือม่ัน ผ้วู ิจยั ได้นาแบบสอบถามที่ได้ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผ้เู ช่ียวชาญไปทดลอง ใช้ (Try out) กบั นกั เรียนโรงเรียนสรรพวิทยาคม จานวน 60 คน ท่ีไม่ใช่กลุ่มตวั อย่าง เพื่อหาค่า อานาจจาแนกและค่าความเชื่อมนั่ โดยนาแบบสอบถามท่ีนกั เรียนทาแล้วมาหาคา่ อานาจจาแนก โดยใช้เทคนิค 25% คือกล่มุ สงู 25%และกลมุ่ ตา่ 25% นาคะแนนของแตล่ ะกลมุ่ มาเปรียบเทียบ ความแตกต่างเป็ นรายข้อ ทดสอบค่าที (t-test) ถ้าคา่ t ข้อใดมีนยั สาคญั ทางสถิติ แสดงว่าเป็ นข้อ คาถามท่ีมีอานาจจาแนกใช้ได้ (พิชิต ฤทธิ์จรูญ,2549,หน้า 249) ทงั้ นีผ้ ้วู ิจยั ใช้โปรแกรมสาเร็จรูป ทางคอมพวิ เตอร์ในการวเิ คราะห์ข้อมลู ดงั ปรากฏรายละเอียดในภาคผนวก ข หาค่าความเชื่อมนั่ โดยใช้สมั ประสิทธิ์แอลฟา(Alpha Coefficient) ของ ครอนบาค (Cronbach’s alpha coefficient) วิเคราะห์ด้วยโปรแกรมสาเร็จรูปทางคอมพิวเตอร์ ได้คา่ ความ เชื่อมน่ั เท่ากบั 0.95 รายละเอียดปรากฏในภาคผนวก ข ขัน้ ตอนท่ี 7 การหาคุณภาพแบบสอบถามโดยการตรวจสอบความตรงเชิง โครงสร้ าง ผ้วู ิจยั นาข้อมลู ที่ได้จากกล่มุ ตวั อย่างท่ีเป็ นนกั เรียน จานวน 400 คนมาวิเคราะห์หาค่า ความตรงเชิงโครงสร้าง (Construct Validity) ของข้อคาถาม ดงั แสดงในภาพ 5 (รายละเอียดแสดงในภาคผนวก ง)
101 ภาพ 5 แสดงการวเิ คราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันอนั ดบั ท่สี องของแบบสอบถาม อตั มโนทัศน์ จากภาพ 5 การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยนื ยนั อนั ดบั ท่ีสองของแบบสอบถามอตั มโนทศั น์ จานวน 15 ข้อ โดยการวเิ คราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยนั อนั ดบั ท่ีสอง (Second order Confirmatory Factor Analysis) ด้วยโปรแกรมลิสเรล 8.8 ผลการวิเคราะห์พบว่าโมเดลมีความสอดคล้องกบั ข้อมลู เชิง ประจกั ษ์ (Chi-Square=64.12, p=0.069, GIF=0.97 , AGIF=0.95, RMSER =0.02) และคา่ นา้ หนกั องค์ประกอบ (Factor Loading ) ท่ีมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั .05 ทกุ ข้อ สรุปได้ว่า แบบสอบถามเกี่ยวกบั อตั มโนทศั น์ท่ีผ้วู ิจยั สร้างขนึ ้ มีความตรงเชิงโครงสร้าง (Construct Validity)
102 ตาราง 10 ตวั อย่างแบบสอบถามอตั มโนทัศน์ จ ิรง ่ที ุสด จ ิรง ่คอน ้ขางจ ิรง ่คอน ้ขางไ ่ม จ ิรง ไ ่มจ ิรง ไ ่มจ ิรงเลย ข้อ พฤตกิ รรม 1 ฉนั เป็นคนมีสขุ ภาพดี แข็งแรง 2 ฉนั แตง่ กายได้เหมาะสมกบั กาลเทศะ 3 ฉนั รู้สกึ วา่ รูปร่างหน้าตาขีเ้หร่กวา่ คนอ่นื 4 ฉนั ไมค่ อ่ ยกล้าแสดงความคดิ เห็นท่ีแตกตา่ งจากคนอืน่ 5 ฉนั เป็ นผ้ทู ี่มีความพยายามไมย่ อมแพ้อะไรง่ายๆ 6 ฉนั คดิ วา่ ตนเองเป็ นผ้มู ีความสามารถท่ีจะจงู ใจให้ผ้อู ่ืน คล้อยตาม 7 ฉนั รู้สกึ เหงาและไม่คอ่ ยมีเพือ่ น 8 ฉนั รู้สกึ วา่ คนสว่ นมากรักและเข้าใจฉนั ดี 9 ฉนั ไมส่ ามารถทาให้ผ้อู ่ืนคล้อยตามได้ 10 ฉนั คดิ วา่ คนเรามคี วามสขุ ได้หากพอใจในสง่ิ ท่ีตนเองมี ด้านท่ี 3 แบบสอบถามลักษณะมุ่งอนาคต ผ้วู ิจยั สร้างแบบสอบถามลกั ษณะมงุ่ อนาคต ตามขนั้ ตอนตอ่ ไปนี ้ ขัน้ ตอนท่ี 1 กาหนดนิยามเชิงปฏิบัตกิ าร ผ้วู จิ ยั ศกึ ษาเอกสารและงานวจิ ยั ท่ีเกี่ยวข้อง เพื่อมาใช้ในการกาหนดกรอบความคดิ กาหนดนยิ ามเชิงปฏิบตั กิ ารของตวั แปรที่ต้องการ ดงั นี ้ ตัวแปรวจิ ัย ผ้วู จิ ยั ศกึ ษาค้นคว้าเอกสารท่ีเกี่ยวข้อง ซงึ่ ประกอบด้วย แนวคดิ ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกบั ลกั ษณะมงุ่ อนาคต เพอื่ กาหนดกรอบความคดิ และนยิ ามเชิงปฏบิ ตั กิ าร
103 นิยามเชงิ ปฏิบัตกิ ารของตวั แปร ลกั ษณะมงุ่ อนาคต หมายถึง ความสามารถของ นกั เรียนในการคาดคะเนเหตกุ ารณ์ใน อนาคตข้างหน้า เกี่ยวกบั การศกึ ษาและการประกอบอาชีพในอนาคตตามท่ีมุ่งหวงั ทงั้ ผลดี ผลเสีย ที่เกิดจากการกระทาในปัจจุบนั ของตนเองและสามารถวางแผนปฏิบตั ิเพื่อรอรับผลดีหรือป้ องกนั ผลเสยี ท่ีเกิดขนึ ้ ในอนาคต ขัน้ ตอนท่ี 2 สร้างตารางกาหนดพฤตกิ รรมท่ตี ้องการวดั และกาหนดข้อคาถาม ผ้วู จิ ยั นานิยามเชงิ ปฏิบตั ิการท่ีกาหนดมาสร้างตารางกาหนดพฤตกิ รรมท่ีต้องการวดั และ จานวนข้อคาถาม (table of specification) เพ่ือกาหนดรายละเอียดข้อคาถามตามตวั แปรท่ี ต้องการวดั ดงั แสดงในตาราง 11 ตาราง 11 โครงสร้างแบบสอบถามลักษณะมุ่งอนาคต นิยาม จานวน(ข้อ) หมาย คาถาม คาถามด้าน เหตุ ท่วั ไป ลบ ด้านลักษณะมุ่งอนาคต - สามารถคาดคะเนเหตกุ ารณ์ในอนาคตข้างหน้าเก่ียวกบั การศกึ ษา 4 - สามารถคาดคะเนเหตกุ ารณ์ในอนาคตข้างหน้าเกี่ยวกบั อาชีพ 4 - มงุ่ หวงั ทงั้ ผลดีผลเสยี ท่ีเกิดจากการกระทาในปัจจบุ นั ของตนเอง 4 - วางแผนปฏบิ ตั ิเพ่ือรอรับผลดีหรือป้ องกนั ผลเสยี ท่ีอาจเกิดขนึ ้ ใน 4 รวม 16 ข้อ อนาคต เมื่อผ้วู ิจยั ได้กาหนดโครงสร้างแบบสอบถามลกั ษณะม่งุ อนาคต เรียบร้อยแล้ว จึงนามา จดั ทาเป็ นร่างแบบสอบถามตอ่ ไป ขัน้ ตอนท่ี 3 การจัดทาร่างแบบสอบถาม ผู้วิจัยจัดทาร่างแบบสอบถามลักษณะมุ่งอนาคต ตามโครงสร้ างท่ีกาหนดไว้ และให้ อาจารย์ที่ปรึกษาตรวจสอบความตรงเชิงเนือ้ หา (content validity) ความเหมาะสมของข้อคาถาม การตรวจสอบความตรงตามนิยาม ความถกู ต้องเหมาะสมด้านการใช้ภาษา และสดั ส่วนการวดั ใน แตล่ ะตวั แปรเพื่อปรับปรุงแก้ไขและจดั ทาแบบสอบถามฉบบั ร่าง
104 ขัน้ ตอนท่ี 4 ตรวจสอบความตรงเชงิ เนือ้ หา ผ้วู ิจยั นาแบบสอบถามฉบบั ร่าง พร้อมกบั หวั ข้อวิจยั ความเป็ นมา วตั ถปุ ระสงค์ กรอบ แนวคดิ และนิยามเชิงปฏบิ ตั ิการไปให้ผ้เู ช่ียวชาญ จานวน 5 ท่าน ประกอบด้วย 1) ผ้เู ช่ียวชาญด้าน ตวั แปรทกั ษะชีวิตและอาชีพ จานวน 4 ท่าน โดยเป็ นผ้มู ีความรู้ด้านทกั ษะในศตวรรษที่ 21 และ ทกั ษะชีวิต และ/หรือ มผี ลงานทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกบั ทกั ษะชีวิต 2) ผ้เู ช่ียวชาญด้านการสอนใน ระดบั มธั ยมศกึ ษา จานวน 1 ทา่ น โดยเป็นผ้มู ีประสบการณ์ในการสอนระดบั มธั ยมศกึ ษาไม่ตา่ กวา่ 10 ปี และเป็ นผ้สู อนอยใู่ นเขตพืน้ ท่ีพฒั นาเศรษฐกิจพิเศษ 3) ผ้เู ชี่ยวชาญด้านเครื่องมอื วิจยั จานวน 2 ท่าน โดยเป็ นอาจารย์ผู้สอนเก่ียวกับวิจยั การศึกษาไม่ต่ากว่า 10 ปี และ/หรือมีผลงานทาง วิชาการในด้านวิจยั การศึกษาซ่ึงเป็ นที่ยอมรับ 5) ผู้เช่ียวชาญด้านสถิติขนั้ สงู สาหรับการวิจัย จานวน 1 ทา่ น โดยโดยเป็ นอาจารย์ผ้สู อนเกี่ยวกบั สถิตสิ าหรับการวิจยั ไม่ตา่ กว่า 10 ปี และ/หรือ มี ผลงานทางวิชาการในด้านวิจัยโดยใช้สถิติขัน้ สูงซ่ึงเป็ นท่ียอมรับ รายช่ือผู้เชี่ยวชาญแสดงใน รายละเอียดภาคผนวก ก ผู้เช่ียวชาญตรวจสอบความตรงตามนิยาม ความถูกต้องเหมาะสมด้านการใช้ภาษา รูปแบบการวัดตัวแปร และสดั ส่วนในการวดั แต่ละตวั แปร เพ่ือนามาพิจารณาหาค่าดชั นีความ สอดคล้องระหวา่ งคาถามรายข้อกบั วตั ถปุ ระสงค์ที่ต้องการวดั (IOC : Index of Item Objective Congruence) เกณฑ์ที่ใช้ในการตดั สนิ ความตรงเชิงเนือ้ หา คือ คา่ ดชั นี IOC ต้องมีคา่ 0.60 ขนึ ้ ไป จงึ จะถือได้วา่ ข้อคาถามนนั้ วดั ได้ตรงตามโครงสร้างและนิยามที่ต้องการวดั (พิชิต ฤทธิ์จรูญ,2549, หน้า 243) หลงั จากนนั้ คดั เลอื กข้อคาถามที่มีคา่ IOC ตงั้ แต่ 0.60 ขนึ ้ ไป สว่ นข้อคาถามที่มีคา่ IOC ตา่ กวา่ 0.60 ผ้วู ิจยั ได้ปรับตามรายละเอียดคาแนะนาของผ้เู ช่ียวชาญ ก่อนนาไปคานวณตามสตู ร (พวงรัตน์ ทวรี ัตน์ 2543 :117) และมีลกั ษณะการให้คะแนน ดงั นี ้ IOC = ∑R N IOC หมายถงึ คา่ ดชั นีความสอดคล้องระหวา่ งคาถามรายข้อกบั วตั ถปุ ระสงค์ที่ต้องการวดั R หมายถึง คะแนนการตดั สนิ ของผ้เู ชี่ยวชาญ N หมายถึง จานวนผ้เู ชี่ยวชาญ ลกั ษณะการให้คะแนน - 1 หมายถึง ข้อคาถามไมส่ อดคล้องกบั นยิ ามเชิงปฏิบตั ิการ 0 หมายถึง ไม่แนใ่ จวา่ ข้อคาถามสอดคล้องกบั นยิ ามเชิงปฏิบตั ิการหรือไม่ 1 หมายถึง ข้อคาถามมีความสอดคล้องกบั นิยามเชิงปฏิบตั ิการ
105 ผลการตรวจสอบคุณภาพของแบบสอบถามลกั ษณะม่งุ อนาคต ในด้านความตรงเชิง เนือ้ หา จากผ้เู ช่ียวชาญจานวน 5 ท่าน ทาให้ได้ข้อคาถามเกี่ยวกบั ลกั ษณะมงุ่ อนาคต จานวน 16 ข้อ ดงั ปรากฏรายละเอียดในภาคผนวก ข ขัน้ ตอนท่ี 5 การปรับปรุงแบบสอบถาม ผ้วู ิจยั ได้นาแบบสอบถามที่ได้ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผ้เู ช่ียวชาญ และ นาไปทดลองใช้กบั กลมุ่ ตวั อยา่ งที่ไม่ใชก่ ลมุ่ ตวั อยา่ งในงานวจิ ยั แตม่ ีคณุ ลกั ษณะเหมือนกนั ซงึ่ ได้มา โดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ขัน้ ตอนท่ี 6 การหาคุณภาพแบบสอบถามโดยการตรวจสอบค่าอานาจจาแนก และความเช่ือม่ัน ผ้วู ิจยั ได้นาแบบสอบถามท่ีได้ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผ้เู ชี่ยวชาญไปทดลอง ใช้ (Try out) กบั นกั เรียนโรงเรียนสรรพวิทยาคม จานวน 60 คน ที่ไม่ใช่กล่มุ ตวั อย่าง เพ่ือหาค่า อานาจจาแนกและคา่ ความเช่ือมน่ั โดยนาแบบสอบถามที่นกั เรียนทาแล้วมาหาคา่ อานาจจาแนก โดยใช้เทคนิค 25% คือกล่มุ สงู 25%และกลมุ่ ตา่ 25% นาคะแนนของแต่ละกลมุ่ มาเปรียบเทียบ ความแตกตา่ งเป็ นรายข้อ ทดสอบค่าที (t-test) ถ้าคา่ t ข้อใดมีนยั สาคญั ทางสถิติ แสดงวา่ เป็ นข้อ คาถามที่มีอานาจจาแนกใช้ได้ (พิชิต ฤทธิ์จรูญ,2549,หน้า 249) ทงั้ นีผ้ ้วู ิจยั ใช้โปรแกรมสาเร็จรูป ทางคอมพวิ เตอร์ในการวิเคราะห์ข้อมลู ดงั ปรากฏรายละเอียดในภาคผนวก ข หาค่าความเช่ือมนั่ โดยใช้สมั ประสิทธิ์แอลฟา(Alpha Coefficient) ของ ครอนบาค (Cronbach’s alpha coefficient) วิเคราะห์ด้วยโปรแกรมสาเร็จรูปทางคอมพิวเตอร์ ได้ค่าความ เช่ือมน่ั เท่ากบั 0.95 รายละเอียดปรากฏในภาคผนวก ข ขัน้ ตอนท่ี 7 การหาคุณภาพแบบสอบถามโดยการตรวจสอบความตรงเชิง โครงสร้ าง ผ้วู ิจยั นาข้อมลู ที่ได้จากกล่มุ ตวั อย่างท่ีเป็ นนกั เรียน จานวน 400 คนมาวิเคราะห์หาค่า ความตรงเชงิ โครงสร้าง (Construct Validity) ของข้อคาถาม ดงั แสดงในภาพ 6 (รายละเอียดแสดงในภาคผนวก ง)
106 ภาพ 6 แสดงการวิเคราะห์องค์ประกอบเชงิ ยนื ยันอันดับท่สี องของแบบสอบถามลักษณะ มุ่งอนาคต จากภาพ 6 การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยนั อนั ดบั ที่สองของแบบสอบถามลกั ษณะ ม่งุ อนาคตทงั้ จานวน 16 ข้อ โดยการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยนั อนั ดบั ท่ีสอง (Second order Confirmatory Factor Analysis) ด้วยโปรแกรมลิสเรล 8.8 ผลการวิเคราะห์พบว่าโมเดลมีความ สอดคล้องกบั ข้อมลู เชิงประจกั ษ์ (Chi-Square 60.78, p=0.06, GIF=0.98 , AGIF=0.94, RMSER =0.03) และคา่ นา้ หนกั องค์ประกอบ (Factor Loading ) ที่มีนยั สาคญั ทางสถิตทิ ่ีระดบั .05 ทกุ ข้อ สรุปได้ว่า แบบสอบถามเกี่ยวกับลักษณะมุ่งอนาคตท่ีผู้วิจัยสร้ างขึน้ มีความตรงเชิงโครงสร้ าง (Construct Validity)
107 ตาราง 12 ตัวอย่างแบบสอบถามลักษณะมุ่งอนาคต จ ิรง ่ที ุสด จ ิรง ่คอน ้ขางจ ิรง ่คอน ้ขางไ ่ม จ ิรง ไ ่มจ ิรง ไ ่มจ ิรงเลย ข้อ พฤตกิ รรม 1 ฉนั เชื่อวา่ ถ้าตงั้ ใจเรียนในอนาคตฉนั จะสอบเข้า เรียนตอ่ ได้เหมือนกบั รุ่นพี่ 2 ฉนั เชื่อวา่ สง่ิ ท่ีจะเกิดขนึ ้ ในอนาคตนนั้ อาจเกิดกบั ฉนั ได้เช่นเดยี วกบั ที่จะเกิดกบั คนอ่ืน 3 เชื่อวา่ สงิ่ ท่ีจะเกิดขนึ ้ ในอนาคตนนั้ อาจเกิดกบั ตนได้ เช่นเดยี วกบั ที่จะเกิดกบั คนอื่น 4 ฉนั วางแผนในการศกึ ษาเพื่อเลือกประกอบอาชีพท่ี ดีในอนาคต 5 ฉนั ยอมลาบากในวนั นีเ้พอ่ื ความสบายในวนั หน้า 6 ฉนั ตงั้ ใจเรียนเพ่อื รอคอยความสาเร็จท่ีจะเกิดขนึ ้ ใน อนาคต 7 ฉนั จะทาหน้าท่ีในปัจจบุ นั ให้ดีที่สดุ เพอ่ื ความก้าวหน้าในอนาคต 8 เชื่อวา่ สงิ่ ท่ีจะเกิดขนึ ้ ในอนาคตนนั้ อาจเกิดกบั ตนได้ เชน่ เดียวกบั ท่ีจะเกิดกบั คนอื่น 9 ฉนั รู้สกึ พอใจถ้าฉนั ทางานให้เสร็จก่อนที่จะไปทา กิจกรรมอื่น 10 ฉนั เชื่อวา่ ฉนั จะเป็ นผ้ปู ระสบความสาเร็จในอนาคต ด้านท่ี 4 แบบสอบถามการอบรมเลีย้ งดแู บบประชาธิปไตย ผ้วู ิจยั สร้างแบบสอบถามการอบรมเลยี ้ งดแู บบประชาธิปไตย ตามขนั้ ตอนตอ่ ไปนี ้ ขัน้ ตอนท่ี 1 กาหนดนิยามเชิงปฏิบตั กิ าร ผ้วู ิจยั ศกึ ษาเอกสารและงานวิจยั ท่ีเกี่ยวข้อง เพื่อมาใช้ในการกาหนดกรอบความคดิ กาหนดนิยามเชิงปฏิบตั ิการของตวั แปรท่ีต้องการ ดงั นี ้
108 ตวั แปรวิจัย ผ้วู ิจยั ศกึ ษาค้นคว้าเอกสารท่ีเกี่ยวข้อง ซงึ่ ประกอบด้วย แนวคดิ ทฤษฎีท่ีเก่ียวข้องกบั การอบรมเลยี ้ งดแู บบประชาธิปไตย เพ่ือกาหนดกรอบความคดิ และนยิ ามเชิงปฏบิ ตั ิการ นิยามเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารของตวั แปร การอบรมเลีย้ งดแู บบประชาธิปไตย (Democratic Parental Style) หมายถึง วิธีการท่ี บิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ใกล้ชิดนักเรียนปฏิบตั ิต่อนกั เรียน ที่ทาให้นักเรียนรู้สึกว่าตนเอง ได้รับ การปฏิบตั ดิ ้วยความยตุ ธิ รรม ได้รับ ความช่วยเหลอื ได้รับ ความรักความอบอนุ่ ตอบสนอง ความต้องการทางกายและ ใจ การสนบั สนนุ และการอธิบายด้วยเหตผุ ล ได้รับการยอมรับและ ยกยอ่ ง มีอิสระในการทากิจกรรมการตดั สินใจ ยอมรับในความสามารถและความคดิ ของนกั เรียน ให้คาแนะนาสง่ั สอน ในด้านการใช้คาพดู การปฏิบตั ิตนให้เหมาะสมกบั กาลเทศะ มคี วามเสียสละ กล้าแสดงออก มีความเมตตา ยอมรับความผิด เคารพและเชื่อฟังผู้ใหญ่ เพ่ือให้นักเรียน เจริญเตบิ โต เป็ นคนดขี องสงั คม ขัน้ ตอนท่ี 2 สร้างตารางกาหนดพฤตกิ รรมท่ตี ้องการวัดและกาหนดข้อคาถาม ผ้วู ิจยั นานิยามเชงิ ปฏบิ ตั ิการที่กาหนดมาสร้างตารางกาหนดพฤตกิ รรมที่ต้องการวดั และ จานวนข้อคาถาม (table of specification) เพื่อกาหนดรายละเอียดข้อคาถามตามตวั แปรท่ี ต้องการวดั ดงั แสดงในตาราง 13 ตาราง 13 โครงสร้างแบบสอบถามการอบรมเลีย้ งดแู บบประชาธิปไตย นิยาม จานวน(ข้อ) หมาย คาถาม คาถามด้าน เหตุ ท่วั ไป ลบ ด้านการอบรมเลีย้ งดแู บบประชาธิปไตย - ผ้ปู กครองปฏบิ ตั ิตอ่ นกั เรียนท่ีทาให้นกั เรียนรู้สกึ ได้รับความ 21 ยตุ ธิ รรม ได้รับความรัก ความอบอนุ่ - ผ้ปู กครองตอบสนองความต้องการทางกายและใจ 2 - การสนบั สนนุ และอธิบายด้วยเหตผุ ล 2 - ได้รับการยอมรับในความสามารถ ความคดิ และยกยอ่ ง 2 - มีอสิ ระในการตดั สนิ ใจ และทากิจกรรม 2 - ให้คาแนะนาในด้านคาพดู การปฏิบตั ิตนให้ถกู กาลเทศะ 2 - ผ้ปู กครองอบรมให้มีความเสียสละ กล้าแสดงออก มเี มตตา 3 1 รวม 17 ข้อ ยอมรับผดิ เคารพผ้ใู หญ่ เพื่อให้เป็ นคนดีของสงั คม
109 เม่ือผู้วิจัยได้กาหนดโครงสร้ างแบบสอบถามการอบรมเลีย้ งดูแบบประชาธิปไตย เรียบร้อยแล้ว จงึ นามาจดั ทาเป็ นร่างแบบสอบถามตอ่ ไป ขัน้ ตอนท่ี 3 การจดั ทาร่างแบบสอบถาม ผู้วิจัยจัดทาร่างแบบสอบถามการอบรมเลีย้ งดูแบบประชาธิปไตย ตามโครงสร้ างท่ี กาหนดไว้ และให้อาจารย์ท่ีปรึกษาตรวจสอบความตรงเชิงเนือ้ หา (content validity) ความ เหมาะสมของข้อคาถาม การตรวจสอบความตรงตามนิยาม ความถูกต้องเหมาะสมด้านการใช้ ภาษา และสดั สว่ นการวดั ในแตล่ ะตวั แปรเพื่อปรับปรุงแก้ไขและจดั ทาแบบสอบถามฉบบั ร่าง ขัน้ ตอนท่ี 4 ตรวจสอบความตรงเชงิ เนือ้ หา ผ้วู ิจยั นาแบบสอบถามฉบบั ร่าง พร้อมกบั หวั ข้อวิจยั ความเป็ นมา วตั ถปุ ระสงค์ กรอบ แนวคดิ และนิยามเชิงปฏิบตั กิ ารไปให้ผ้เู ชี่ยวชาญ จานวน 5 ทา่ น ประกอบด้วย 1) ผ้เู ชี่ยวชาญด้าน ตวั แปรทกั ษะชีวิตและอาชีพ จานวน 4 ท่าน โดยเป็ นผ้มู ีความรู้ด้านทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 และ ทกั ษะชีวติ และ/หรือ มีผลงานทางวิชาการท่ีเกี่ยวข้องกบั ทกั ษะชีวิต 2) ผ้เู ช่ียวชาญด้านการสอนใน ระดบั มธั ยมศกึ ษา จานวน 1 ท่าน โดยเป็นผ้มู ีประสบการณ์ในการสอนระดบั มธั ยมศกึ ษาไมต่ ่ากว่า 10 ปี และเป็ นผ้สู อนอยใู่ นเขตพืน้ ท่ีพฒั นาเศรษฐกิจพเิ ศษ 3) ผ้เู ชี่ยวชาญด้านเครื่องมือวจิ ยั จานวน 2 ท่าน โดยเป็ นอาจารย์ผู้สอนเก่ียวกับวิจยั การศึกษาไม่ต่ากว่า 10 ปี และ/หรือมีผลงานทาง วิชาการในด้านวิจยั การศึกษาซ่ึงเป็ นท่ียอมรับ 5) ผู้เช่ียวชาญด้านสถิติขนั้ สูงสาหรับการวิจัย จานวน 1 ทา่ น โดยโดยเป็ นอาจารย์ผ้สู อนเก่ียวกบั สถิตสิ าหรับการวิจยั ไม่ต่ากว่า 10 ปี และ/หรือ มี ผลงานทางวิชาการในด้านวิจัยโดยใช้สถิติขัน้ สูงซึ่งเป็ นที่ยอมรับ รายช่ือผู้เชี่ ยวชาญแสดงใน รายละเอียดภาคผนวก ก ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความตรงตามนิยาม ความถูกต้องเหมาะสมด้านการใช้ภาษา รูปแบบการวดั ตัวแปร และสดั ส่วนในการวัดแต่ละตัวแปร เพ่ือนามาพิจารณาหาค่าดชั นีความ สอดคล้องระหว่างคาถามรายข้อกบั วตั ถปุ ระสงค์ที่ต้องการวดั (IOC : Index of Item Objective Congruence) เกณฑ์ท่ีใช้ในการตดั สนิ ความตรงเชิงเนือ้ หา คอื คา่ ดชั นี IOC ต้องมีคา่ 0.60 ขนึ ้ ไป จงึ จะถือได้วา่ ข้อคาถามนนั้ วดั ได้ตรงตามโครงสร้างและนิยามท่ีต้องการวดั (พิชิต ฤทธิ์จรูญ,2549, หน้า 243) หลงั จากนนั้ คดั เลือกข้อคาถามที่มีคา่ IOC ตงั้ แต่ 0.60 ขนึ ้ ไป สว่ นข้อคาถามที่มีคา่ IOC ตา่ กวา่ 0.60 ผ้วู จิ ยั ได้ปรับตามรายละเอียดคาแนะนาของผ้เู ชี่ยวชาญ กอ่ นนาไปคานวณตามสตู ร (พวงรัตน์ ทวรี ัตน์ 2543 :117) และมีลกั ษณะการให้คะแนน ดงั นี ้
110 IOC = ∑R N IOC หมายถงึ คา่ ดชั นีความสอดคล้องระหวา่ งคาถามรายข้อกบั วตั ถปุ ระสงค์ที่ต้องการวดั R หมายถงึ คะแนนการตดั สนิ ของผ้เู ช่ียวชาญ N หมายถึง จานวนผ้เู ช่ียวชาญ ลกั ษณะการให้คะแนน - 1 หมายถึง ข้อคาถามไมส่ อดคล้องกบั นยิ ามเชิงปฏิบตั กิ าร 0 หมายถงึ ไมแ่ นใ่ จวา่ ข้อคาถามสอดคล้องกบั นิยามเชิงปฏิบตั ิการหรือไม่ 1 หมายถงึ ข้อคาถามมีความสอดคล้องกบั นยิ ามเชิงปฏิบตั ิการ ผลการตรวจสอบคณุ ภาพของแบบสอบถามการอบรมเลีย้ งดแู บบประชาธิปไตย ในด้าน ความตรงเชิงเนือ้ หา จากผ้เู ช่ียวชาญจานวน 5 ท่าน ทาให้ได้ข้อคาถามเกี่ยวกบั การอบรมเลีย้ งดู แบบประชาธิปไตย จานวน 17 ข้อ ดงั ปรากฏรายละเอยี ดในภาคผนวก ข ขัน้ ตอนท่ี 5 การปรับปรุงแบบสอบถาม ผ้วู ิจยั ได้นาแบบสอบถามท่ีได้ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผ้เู ชี่ยวชาญ และ นาไปทดลองใช้กบั กลมุ่ ตวั อยา่ งท่ีไมใ่ ช่กลมุ่ ตวั อยา่ งในงานวจิ ยั แตม่ ีคณุ ลกั ษณะเหมือนกนั ซงึ่ ได้มา โดยการเลอื กแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ขัน้ ตอนท่ี 6 การหาคุณภาพแบบสอบถามโดยการตรวจสอบค่าอานาจจาแนก และความเช่ือม่ัน ผ้วู ิจยั ได้นาแบบสอบถามที่ได้ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผ้เู ชี่ยวชาญไปทดลอง ใช้ (Try out) กบั นกั เรียนโรงเรียนสรรพวิทยาคม จานวน 60 คน ที่ไม่ใช่กล่มุ ตวั อย่าง เพื่อหาค่า อานาจจาแนกและค่าความเชื่อมน่ั โดยนาแบบสอบถามที่นกั เรียนทาแล้วมาหาคา่ อานาจจาแนก โดยใช้เทคนิค 25% คือกลมุ่ สงู 25%และกลมุ่ ตา่ 25% นาคะแนนของแตล่ ะกลมุ่ มาเปรียบเทียบ ความแตกตา่ งเป็ นรายข้อ ทดสอบค่าที (t-test) ถ้าคา่ t ข้อใดมีนยั สาคญั ทางสถิติ แสดงวา่ เป็ นข้อ คาถามที่มีอานาจจาแนกใช้ได้ (พิชิต ฤทธิ์จรูญ,2549,หน้า 249) ทงั้ นีผ้ ้วู ิจยั ใช้โปรแกรมสาเร็จรูป ทางคอมพวิ เตอร์ในการวิเคราะห์ข้อมลู ดงั ปรากฏรายละเอียดในภาคผนวก ข หาค่าความเชื่อมน่ั โดยใช้สมั ประสิทธิ์แอลฟา(Alpha Coefficient) ของ ครอนบาค (Cronbach’s alpha coefficient) วิเคราะห์ด้วยโปรแกรมสาเร็จรูปทางคอมพิวเตอร์ ได้ค่าความ เช่ือมน่ั เทา่ กบั 0.95 รายละเอียดปรากฏในภาคผนวก ข
111 ขัน้ ตอนท่ี 7 การหาคุณภาพแบบสอบถามโดยการตรวจสอบความตรงเชิง โครงสร้ าง ผ้วู ิจยั นาข้อมลู ท่ีได้จากกล่มุ ตวั อย่างท่ีเป็ นนกั เรียน จานวน 400 คนมาวิเคราะห์หาค่า ความตรงเชิงโครงสร้าง (Construct Validity) ของข้อคาถาม ดงั แสดงในภาพ 7 (รายละเอียดแสดงในภาคผนวก ง) DEMO ภาพ 7 แสดงการวิเคราะห์องค์ประกอบเชงิ ยนื ยันอนั ดบั ท่สี องของแบบสอบถามการอบรม เลีย้ งดแู บบประชาธิปไตย จากภาพ 7 การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยนื ยนั อนั ดบั ท่ีสองของแบบสอบถามการอบรม เลีย้ งดูแบบประชาธิปไตย จานวน 17 ข้อ โดยการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยนั อนั ดบั ที่สอง (Second order Confirmatory Factor Analysis) ด้วยโปรแกรมลิสเรล 8.8 ผลการวิเคราะห์พบว่า โมเดลมีความสอดคล้องกบั ข้อมลู เชิงประจกั ษ์ (Chi-Square=95.10, p=0.07, GIF=0.97 , AGIF=0.95, RMSER =0.025) และคา่ นา้ หนกั องค์ประกอบ (Factor Loading ) ที่มีนยั สาคญั ทาง สถิติท่ีระดบั .05 ทุกข้อ สรุปได้ว่า แบบสอบถามเกี่ยวกับการอบรมเลีย้ งดูแบบประชาธิปไตย ท่ี ผ้วู ิจยั สร้างขนึ ้ มีความตรงเชิงโครงสร้าง (Construct Validity)
112 ตาราง 14 ตัวอย่างแบบสอบถามการอบรมเลีย้ งดแู บบประชาธิปไตย จ ิรง ่ที ุสด จ ิรง ่คอน ้ขางจ ิรง ่คอน ้ขางไ ่ม จ ิรง ไ ่มจ ิรง ไ ่มจ ิรงเลย ข้อ พฤตกิ รรม 1 พอ่ แม/่ ผ้ปู กครอง สอนให้ฉนั กล้ายอมรับเม่ือทา ความผิด 2 พอ่ แม่/ผ้ปู กครอง สอนให้ฉนั มีความเคารพผ้ใู หญ่ 3 พอ่ แม่/ผ้ปู กครอง จะคอยอบรมให้ฉนั เสยี สละอยา่ ง เหมาะสม 4 พอ่ แม่/ผ้ปู กครอง จะคอยอบรมให้ฉนั เสยี สละอยา่ ง เหมาะสม 5 พอ่ แม่/ผ้ปู กครองสนบั สนนุ ให้ฉนั กล้าแสดงออก 6 พอ่ แม่/ผ้ปู กครอง จะเป็ นแบบอยา่ งรวมทงั้ สอนให้ฉนั เมตตาตอ่ ผ้อู ื่น 7 พอ่ แม/่ ผ้ปู กครอง อธิบายเหตผุ ลในการลงโทษทกุ ครัง้ 8 พอ่ แม/่ ผ้ปู กครอง เปิ ดโอกาสให้ฉนั อธิบายก่อนตาหนิ หรือทาโทษ 9 พอ่ แม/่ ผ้ปู กครอง ปลอ่ ยให้ตดั สนิ ใจเองในเรื่อง สว่ นตวั 10 พอ่ แม่/ผ้ปู กครอง ให้ฉนั ทาตามท่ีตนเองพอใจ ด้านท่ี 5 แบบสอบถามสัมพันธภาพในครอบครัว ผ้วู จิ ยั สร้างแบบสอบถามสมั พนั ธภาพในครอบครัว ตามขนั้ ตอนตอ่ ไปนี ้ ขัน้ ตอนท่ี 1 กาหนดนิยามเชิงปฏิบตั กิ าร ผ้วู จิ ยั ศกึ ษาเอกสารและงานวิจยั ท่ีเกี่ยวข้อง เพื่อมาใช้ในการกาหนดกรอบความคดิ กาหนดนิยามเชิงปฏบิ ตั กิ ารของตวั แปรท่ีต้องการ ดงั นี ้
113 ตัวแปรวิจยั ผ้วู จิ ยั ศกึ ษาค้นคว้าเอกสารที่เก่ียวข้อง ซง่ึ ประกอบด้วย แนวคดิ ทฤษฎีท่ีเก่ียวข้องกบั สมั พนั ธภาพในครอบครัว เพ่อื กาหนดกรอบความคดิ และนิยามเชิงปฏบิ ตั กิ าร นิยามเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารของตัวแปร สัมพันธภาพในครอบครัว หมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับสมาชิกใน ครอบครัว และเครือญาติ หรือบคุ คลอ่ืนๆ ท่ีอาศยั รวมอยใู่ นครัวเรือนเดยี วกนั โดยใช้เวลาในการทา กิจกรรมท่ีมีประโยชน์ร่วมกนั มีการสนทนาพดู คยุ ปรึกษาหารือกนั มีการแสดงออกซงึ่ ความรัก เอือ้ อาทรตอ่ กนั ทงั้ ทางกาย วาจา และใจ ขัน้ ตอนท่ี 2 สร้างตารางกาหนดพฤตกิ รรมท่ตี ้องการวัดและกาหนดข้อคาถาม ผ้วู ิจยั นานิยามเชิงปฏิบตั กิ ารท่ีกาหนดมาสร้างตารางกาหนดพฤตกิ รรมท่ีต้องการวดั และ จานวนข้อคาถาม (table of specification) เพ่ือกาหนดรายละเอียดข้อคาถามตามตวั แปรท่ี ต้องการวดั ดงั แสดงในตาราง 15 ตาราง 15 โครงสร้างแบบสอบถามสัมพนั ธภาพในครอบครัว นิยาม จานวน(ข้อ) หมาย คาถาม คาถามด้าน เหตุ ท่วั ไป ลบ ด้านสัมพันธภาพในครอบครัว - ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งนกั เรียนกบั สมาชิกในครอบครัว และเครือ 3 ญาติ หรือบคุ คลอื่นๆ ที่อาศยั รวมอยใู่ นครัวเรือนเดียวกนั - ใช้เวลาในการทากิจกรรมท่ีมีประโยชน์ร่วมกนั 3 - มีการสนทนาพดู คยุ ปรึกษาหารือกนั 21 - มีการแสดงออกซง่ึ ความรัก 3 - เอือ้ อาทรตอ่ กนั ทงั้ ทางกาย วาจา และใจ 3 รวม 15 ข้อ เม่ือผ้วู ิจยั ได้กาหนดโครงสร้างแบบสอบถามสมั พนั ธภาพในครอบครัวเรียบร้อยแล้ว จึง นามาจดั ทาเป็ นร่างแบบสอบถามตอ่ ไป ขัน้ ตอนท่ี 3 การจัดทาร่างแบบสอบถาม ผ้วู ิจยั จดั ทาร่างแบบสอบถามสมั พนั ธภาพในครอบครัวสมั พนั ธภาพในครอบครัว ตาม โครงสร้างท่ีกาหนดไว้ และให้อาจารย์ที่ปรึกษาตรวจสอบความตรงเชิงเนือ้ หา (content validity) ความเหมาะสมของข้อคาถาม การตรวจสอบความตรงตามนิยาม ความถกู ต้องเหมาะสมด้านการ ใช้ภาษา และสดั สว่ นการวดั ในแตล่ ะตวั แปรเพ่ือปรับปรุงแก้ไขและจดั ทาแบบสอบถามฉบบั ร่าง
114 ขัน้ ตอนท่ี 4 ตรวจสอบความตรงเชงิ เนือ้ หา ผ้วู ิจยั นาแบบสอบถามฉบบั ร่าง พร้อมกับหวั ข้อวิจยั ความเป็ นมา วตั ถปุ ระสงค์ กรอบ แนวคดิ และนิยามเชิงปฏิบตั ิการไปให้ผ้เู ชี่ยวชาญ จานวน 5 ท่าน ประกอบด้วย 1) ผ้เู ชี่ยวชาญด้าน ตวั แปรทกั ษะชีวิตและอาชีพ จานวน 4 ท่าน โดยเป็ นผ้มู ีความรู้ด้านทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 และ ทกั ษะชีวติ และ/หรือ มผี ลงานทางวิชาการท่ีเก่ียวข้องกบั ทกั ษะชีวิต 2) ผ้เู ชี่ยวชาญด้านการสอนใน ระดบั มธั ยมศกึ ษา จานวน 1 ทา่ น โดยเป็นผ้มู ีประสบการณ์ในการสอนระดบั มธั ยมศกึ ษาไม่ต่ากวา่ 10 ปี และเป็ นผ้สู อนอยใู่ นเขตพืน้ ท่ีพฒั นาเศรษฐกิจพิเศษ 3) ผ้เู ชี่ยวชาญด้านเครื่องมือวจิ ยั จานวน 2 ท่าน โดยเป็ นอาจารย์ผู้สอนเกี่ยวกับวิจยั การศึกษาไม่ต่ากว่า 10 ปี และ/หรือมีผลงานทาง วิชาการในด้านวิจยั การศึกษาซ่ึงเป็ นท่ียอมรับ 5) ผู้เช่ียวชาญด้านสถิติขนั้ สูงสาหรับการวิจัย จานวน 1 ท่าน โดยโดยเป็ นอาจารย์ผ้สู อนเก่ียวกบั สถิตสิ าหรับการวิจยั ไมต่ ่ากว่า 10 ปี และ/หรือ มี ผลงานทางวิชาการในด้านวิจัยโดยใช้สถิติขัน้ สูงซ่ึงเป็ นที่ยอมรับ รายช่ือผู้เชี่ยวชาญแสดงใน รายละเอียดภาคผนวก ก ผู้เช่ียวชาญตรวจสอบความตรงตามนิยาม ความถูกต้องเหมาะสมด้านการใช้ภาษา รูปแบบการวดั ตัวแปร และสดั ส่วนในการวัดแต่ละตวั แปร เพ่ือนามาพิจารณาหาค่าดชั นีความ สอดคล้องระหว่างคาถามรายข้อกบั วตั ถปุ ระสงค์ที่ต้องการวดั (IOC : Index of Item Objective Congruence) เกณฑ์ที่ใช้ในการตดั สินความตรงเชิงเนือ้ หา คอื คา่ ดชั นี IOC ต้องมีคา่ 0.60 ขนึ ้ ไป จึงจะถือได้วา่ ข้อคาถามนนั้ วดั ได้ตรงตามโครงสร้างและนิยามท่ีต้องการวดั (พิชิต ฤทธิ์จรูญ,2549, หน้า 243) หลงั จากนนั้ คดั เลอื กข้อคาถามท่ีมีคา่ IOC ตงั้ แต่ 0.60 ขนึ ้ ไป สว่ นข้อคาถามท่ีมีคา่ IOC ตา่ กวา่ 0.60 ผ้วู ิจยั ได้ปรับตามรายละเอียดคาแนะนาของผ้เู ชี่ยวชาญ ก่อนนาไปคานวณตามสตู ร (พวงรัตน์ ทวีรัตน์ 2543 :117) และมีลกั ษณะการให้คะแนน ดงั นี ้ IOC = ∑R N IOC หมายถงึ คา่ ดชั นีความสอดคล้องระหวา่ งคาถามรายข้อกบั วตั ถปุ ระสงค์ที่ต้องการวดั R หมายถึง คะแนนการตดั สนิ ของผ้เู ช่ียวชาญ N หมายถงึ จานวนผ้เู ชี่ยวชาญ ลกั ษณะการให้คะแนน - 1 หมายถงึ ข้อคาถามไมส่ อดคล้องกบั นยิ ามเชิงปฏิบตั ิการ 0 หมายถึง ไม่แน่ใจวา่ ข้อคาถามสอดคล้องกบั นิยามเชิงปฏบิ ตั ิการหรือไม่ 1 หมายถงึ ข้อคาถามมีความสอดคล้องกบั นิยามเชิงปฏบิ ตั กิ าร
115 ผลการตรวจสอบคณุ ภาพของแบบสอบถามสมั พนั ธภาพในครอบครัว ในด้านความตรง เชิงเนือ้ หา จากผ้เู ช่ียวชาญจานวน 5 ท่าน ทาให้ได้ข้อคาถามเก่ียวกบั สมั พนั ธภาพในครอบครัว จานวน 15 ข้อ ดงั ปรากฏรายละเอียดในภาคผนวก ข ขัน้ ตอนท่ี 5 การปรับปรุงแบบสอบถาม ผ้วู ิจยั ได้นาแบบสอบถามท่ีได้ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผ้เู ช่ียวชาญ และ นาไปทดลองใช้กบั กลมุ่ ตวั อยา่ งท่ีไมใ่ ชก่ ลมุ่ ตวั อยา่ งในงานวจิ ยั แตม่ ีคณุ ลกั ษณะเหมือนกนั ซงึ่ ได้มา โดยการเลอื กแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ขัน้ ตอนท่ี 6 การหาคุณภาพแบบสอบถามโดยการตรวจสอบค่าอานาจจาแนก และความเช่ือม่ัน ผ้วู ิจยั ได้นาแบบสอบถามที่ได้ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผ้เู ช่ียวชาญไปทดลอง ใช้ (Try out) กบั นกั เรียนโรงเรียนสรรพวิทยาคม จานวน 60 คน ที่ไม่ใช่กล่มุ ตวั อย่าง เพ่ือหาค่า อานาจจาแนกและคา่ ความเช่ือมนั่ โดยนาแบบสอบถามท่ีนกั เรียนทาแล้วมาหาคา่ อานาจจาแนก โดยใช้เทคนิค 25% คือกล่มุ สงู 25%และกลมุ่ ตา่ 25% นาคะแนนของแตล่ ะกลมุ่ มาเปรียบเทียบ ความแตกตา่ งเป็ นรายข้อ ทดสอบค่าที (t-test) ถ้าคา่ t ข้อใดมีนยั สาคญั ทางสถิติ แสดงวา่ เป็ นข้อ คาถามที่มีอานาจจาแนกใช้ได้ (พิชิต ฤทธิ์จรูญ,2549,หน้า 249) ทงั้ นีผ้ ้วู ิจยั ใช้โปรแกรมสาเร็จรูป ทางคอมพวิ เตอร์ในการวเิ คราะห์ข้อมลู ดงั ปรากฏรายละเอียดในภาคผนวก ข หาค่าความเช่ือมน่ั โดยใช้สมั ประสิทธิ์แอลฟา(Alpha Coefficient) ของ ครอนบาค (Cronbach’s alpha coefficient) วิเคราะห์ด้วยโปรแกรมสาเร็จรูปทางคอมพิวเตอร์ ได้ค่าความ เช่ือมน่ั เทา่ กบั 0.95 รายละเอียดปรากฏในภาคผนวก ข ขัน้ ตอนท่ี 7 การหาคุณภาพแบบสอบถามโดยการตรวจสอบความตรงเชิง โครงสร้ าง ผ้วู ิจยั นาข้อมลู ท่ีได้จากกล่มุ ตวั อย่างที่เป็ นนกั เรียน จานวน 400 คนมาวิเคราะห์หาค่า ความตรงเชิงโครงสร้าง (Construct Validity) ของข้อคาถาม ดงั แสดงในภาพ 8 (รายละเอียดแสดงในภาคผนวก ง)
116 ภาพ 8 แสดงการวิเคราะห์องค์ประกอบเชงิ ยนื ยนั อนั ดบั ท่สี องของแบบสอบถาม สัมพนั ธภาพในครอบครัว จากภาพ 8 การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยนั อนั ดบั ท่ีสองของแบบสอบถามสมั พนั ธภาพใน ครอบครัว จานวน 15 ข้อ โดยการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยนั อนั ดบั ที่สอง (Second order Confirmatory Factor Analysis) ด้วยโปรแกรมลิสเรล 8.8 ผลการวิเคราะห์พบวา่ โมเดลมีความ สอดคล้องกบั ข้อมลู เชิงประจกั ษ์ (Chi-Square=64.05, p=0.12, GIF=0.98 , AGIF=0.95, RMSER =0.02) และคา่ นา้ หนกั องค์ประกอบ (Factor Loading ) ท่ีมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั .05 ทกุ ข้อ สรุปได้ว่า แบบสอบถามเก่ียวกบั สมั พนั ธภาพในครอบครัว ที่ผ้วู ิจยั สร้างขนึ ้ มีความตรง เชิงโครงสร้าง (Construct Validity)
117 ตาราง 16 ตัวอย่างแบบสอบถามสัมพันธภาพในครอบครัว จ ิรง ่ที ุสด จ ิรง ่คอน ้ขางจ ิรง ่คอน ้ขางไ ่ม จ ิรง ไ ่มจ ิรง ไ ่มจ ิรงเลย ข้อ พฤตกิ รรม 1 คนในครอบครัวของฉนั เอาใจใสด่ แู ลซงึ่ กนั และกนั 2 ทกุ คนในครอบครัวของฉนั ใกล้ชิดสนทิ สนมกนั 3 ครอบครัวของฉนั ได้ทากิจกรรมที่เป็นประโยชน์ ร่วมกนั 4 ฉนั สามารถปรึกษากบั คนในครอบครัวได้ทกุ เรื่อง 5 เมื่อใครบางคนในครอบครัวหมดกาลงั ใจ ฉนั จะคอย ให้กาลงั ใจเขา 6 ฉนั ยินดีเม่ือคนในครอบครัวของฉนั ต้องการพดู คยุ ปรึกษาหารือ 7 ฉนั สามารถระบายความไมส่ บายใจให้คนใน ครอบครัวฟั งได้ ตามความเป็ นจริง 8 ฉนั รักทกุ คนในครอบครัว 9 สมาชกิ ในครอบครัวฉนั พดู คยุ กนั อยา่ งชดั เจน เปิ ดเผยตรงไปตรงมา 10 เม่ือฉนั ไมส่ บายคนในครอบครัวจะสอบถาม ดแู ลเอา ใจใสฉ่ นั ด้านท่ี 6 แบบสอบถามสัมพนั ธภาพระหว่างนักเรียนกับครู ผ้วู ิจยั สร้างแบบสอบถามสมั พนั ธภาพระหวา่ งนกั เรียนกบั ครูตามขนั้ ตอนตอ่ ไปนี ้ ขัน้ ตอนท่ี 1 กาหนดนิยามเชิงปฏิบัตกิ าร ผ้วู จิ ยั ศกึ ษาเอกสารและงานวจิ ยั ที่เกี่ยวข้อง เพ่ือมาใช้ในการกาหนดกรอบความคดิ กาหนดนิยามเชิงปฏิบตั กิ ารของตวั แปรท่ีต้องการ ดงั นี ้
118 ตวั แปรวิจัย ผ้วู จิ ยั ศกึ ษาค้นคว้าเอกสารที่เก่ียวข้อง ซงึ่ ประกอบด้วย แนวคดิ ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกบั สมั พนั ธภาพระหวา่ งนกั เรียนกบั ครู เพือ่ กาหนดกรอบความคดิ และนิยามเชงิ ปฏบิ ตั ิการ นิยามเชงิ ปฏิบตั กิ ารของตัวแปร สมั พนั ธภาพระหว่างนกั เรียนกบั ครู หมายถึง การปฏบิ ตั ิตนระหว่างครูและนกั เรียนทงั้ ในและนอกห้องเรียน ท่ีแสดงให้เห็นถึงความรัก เอาใจใส่ การส่งเสริมให้กาลงั ใจ ความใกล้ชิด สนิทสนม ความยตุ ิธรรม การลงโทษอย่างมีเหตผุ ล ความสามารถในการอธิบายบทเรียน และการ ให้นกั เรียนมีสว่ นร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอน ขัน้ ตอนท่ี 2 สร้างตารางกาหนดพฤตกิ รรมท่ตี ้องการวดั และกาหนดข้อคาถาม ผ้วู จิ ยั นานิยามเชิงปฏบิ ตั กิ ารท่ีกาหนดมาสร้างตารางกาหนดพฤติกรรมที่ต้องการวดั และ จานวนข้อคาถาม (table of specification) เพ่ือกาหนดรายละเอียดข้อคาถามตามตวั แปรที่ ต้องการวดั ดงั แสดงในตาราง 17 ตาราง 17 โครงสร้างแบบสอบถามสัมพนั ธภาพระหว่างนักเรียนกับครู นิยาม จานวน(ข้อ) หมาย คาถาม คาถามด้าน เหตุ ท่วั ไป ลบ ด้านสัมพันธภาพระหว่างนักเรียนกับครู - การปฏบิ ตั ิตนระหวา่ งครูและนกั เรียนทงั้ ในและนอกห้องเรียน 4 1 - การแสดงให้เหน็ ถงึ ความรัก เอาใจใส่ สง่ เสริมกาลงั ใจ ใกล้ชิดสนิท 5 สนมระหวา่ งครูและนกั เรียน - นกั เรียนมีสว่ นร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอนของครู 5 รวม 15 ข้อ เมื่อผ้วู ิจยั ได้กาหนดโครงสร้างแบบสอบถามสมั พนั ธภาพระหว่างนกั เรียนกบั ครูแล้ว จึง นามาจดั ทาเป็ นร่างแบบสอบถามตอ่ ไป ขัน้ ตอนท่ี 3 การจัดทาร่างแบบสอบถาม ผู้วิจัยจัดทาร่างแบบสอบถามสัมพันธภาพระหว่างนักเรียนกับครู ตามโครงสร้ างท่ี กาหนดไว้ และให้อาจารย์ท่ีปรึกษาตรวจสอบความตรงเชิงเนือ้ หา (content validity) ความ เหมาะสมของข้อคาถาม การตรวจสอบความตรงตามนิยาม ความถูกต้องเหมาะสมด้านการใช้ ภาษา และสดั สว่ นการวดั ในแตล่ ะตวั แปรเพื่อปรับปรุงแก้ไขและจดั ทาแบบสอบถามฉบบั ร่าง
119 ขัน้ ตอนท่ี 4 ตรวจสอบความตรงเชงิ เนือ้ หา ผ้วู ิจยั นาแบบสอบถามฉบบั ร่าง พร้อมกบั หัวข้อวิจยั ความเป็ นมา วตั ถปุ ระสงค์ กรอบ แนวคดิ และนิยามเชิงปฏิบตั กิ ารไปให้ผ้เู ชี่ยวชาญ จานวน 5 ท่าน ประกอบด้วย 1) ผ้เู ช่ียวชาญด้าน ตวั แปรทกั ษะชีวิตและอาชีพ จานวน 4 ท่าน โดยเป็ นผ้มู ีความรู้ด้านทกั ษะในศตวรรษที่ 21 และ ทกั ษะชีวติ และ/หรือ มผี ลงานทางวิชาการท่ีเก่ียวข้องกบั ทกั ษะชีวิต 2) ผ้เู ช่ียวชาญด้านการสอนใน ระดบั มธั ยมศกึ ษา จานวน 1 ทา่ น โดยเป็นผ้มู ีประสบการณ์ในการสอนระดบั มธั ยมศกึ ษาไม่ตา่ กวา่ 10 ปี และเป็ นผ้สู อนอยใู่ นเขตพืน้ ที่พฒั นาเศรษฐกิจพิเศษ 3) ผ้เู ช่ียวชาญด้านเครื่องมือวจิ ยั จานวน 2 ท่าน โดยเป็ นอาจารย์ผู้สอนเกี่ยวกับวิจัยการศึกษาไม่ต่ากว่า 10 ปี และ/หรือมีผลงานทาง วิชาการในด้านวิจยั การศึกษาซึ่งเป็ นที่ยอมรับ 5) ผู้เชี่ยวชาญด้านสถิติขนั้ สงู สาหรับการวิจัย จานวน 1 ท่าน โดยโดยเป็ นอาจารย์ผ้สู อนเกี่ยวกบั สถิตสิ าหรับการวิจยั ไม่ตา่ กว่า 10 ปี และ/หรือ มี ผลงานทางวิชาการในด้านวิจัยโดยใช้สถิติขัน้ สูงซ่ึงเป็ นที่ยอมรับ รายชื่อผู้เช่ียวชาญแสดงใน รายละเอียดภาคผนวก ก ผู้เช่ียวชาญตรวจสอบความตรงตามนิยาม ความถูกต้องเหมาะสมด้านการใช้ภาษา รูปแบบการวดั ตัวแปร และสดั ส่วนในการวดั แต่ละตวั แปร เพ่ือนามาพิจารณาหาค่าดัชนีความ สอดคล้องระหว่างคาถามรายข้อกบั วตั ถปุ ระสงค์ที่ต้องการวดั (IOC : Index of Item Objective Congruence) เกณฑ์ท่ีใช้ในการตดั สินความตรงเชิงเนือ้ หา คอื คา่ ดชั นี IOC ต้องมีคา่ 0.60 ขนึ ้ ไป จงึ จะถือได้วา่ ข้อคาถามนนั้ วดั ได้ตรงตามโครงสร้างและนิยามท่ีต้องการวดั (พิชิต ฤทธิ์จรูญ,2549, หน้า 243) หลงั จากนนั้ คดั เลือกข้อคาถามท่ีมีคา่ IOC ตงั้ แต่ 0.60 ขนึ ้ ไป สว่ นข้อคาถามท่ีมีคา่ IOC ต่ากวา่ 0.60 ผ้วู ิจยั ได้ปรับตามรายละเอียดคาแนะนาของผ้เู ชี่ยวชาญ กอ่ นนาไปคานวณตามสตู ร (พวงรัตน์ ทวีรัตน์ 2543 :117) และมีลกั ษณะการให้คะแนน ดงั นี ้ IOC = ∑R N IOC หมายถึง คา่ ดชั นีความสอดคล้องระหวา่ งคาถามรายข้อกบั วตั ถปุ ระสงค์ท่ีต้องการวดั R หมายถึง คะแนนการตดั สนิ ของผ้เู ชี่ยวชาญ N หมายถึง จานวนผ้เู ช่ียวชาญ ลกั ษณะการให้คะแนน - 1 หมายถึง ข้อคาถามไมส่ อดคล้องกบั นยิ ามเชิงปฏบิ ตั ิการ 0 หมายถึง ไมแ่ น่ใจวา่ ข้อคาถามสอดคล้องกบั นิยามเชิงปฏบิ ตั ิการหรือไม่ 1 หมายถงึ ข้อคาถามมีความสอดคล้องกบั นิยามเชิงปฏบิ ตั ิการ
120 ผลการตรวจสอบคณุ ภาพของแบบสอบถามสมั พนั ธภาพระหว่างนกั เรียนกบั ครู ในด้าน ความตรงเชิงเนือ้ หา จากผ้เู ช่ียวชาญจานวน 5 ท่าน ทาให้ได้ข้อคาถามเกี่ยวกบั สมั พนั ธภาพ ระหวา่ งนกั เรียนกบั ครู จานวน 15 ข้อ ดงั ปรากฏรายละเอียดในภาคผนวก ข ขัน้ ตอนท่ี 5 การปรับปรุงแบบสอบถาม ผ้วู จิ ยั ได้นาแบบสอบถามท่ีได้ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผ้เู ช่ียวชาญ และ นาไปทดลองใช้กบั กลมุ่ ตวั อยา่ งท่ีไม่ใชก่ ลมุ่ ตวั อยา่ งในงานวิจยั แตม่ ีคณุ ลกั ษณะเหมือนกนั ซง่ึ ได้มา โดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ขัน้ ตอนท่ี 6 การหาคุณภาพแบบสอบถามโดยการตรวจสอบค่าอานาจจาแนก และความเช่ือม่ัน ผ้วู ิจยั ได้นาแบบสอบถามที่ได้ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผ้เู ช่ียวชาญไปทดลอง ใช้ (Try out) กบั นกั เรียนโรงเรียนสรรพวิทยาคม จานวน 60 คน ท่ีไม่ใช่กล่มุ ตวั อย่าง เพื่อหาค่า อานาจจาแนกและค่าความเช่ือมนั่ โดยนาแบบสอบถามท่ีนกั เรียนทาแล้วมาหาค่าอานาจจาแนก โดยใช้เทคนิค 25% คือกล่มุ สงู 25%และกลมุ่ ตา่ 25% นาคะแนนของแต่ละกลมุ่ มาเปรียบเทียบ ความแตกตา่ งเป็ นรายข้อ ทดสอบค่าที (t-test) ถ้าคา่ t ข้อใดมีนยั สาคญั ทางสถิติ แสดงวา่ เป็ นข้อ คาถามที่มีอานาจจาแนกใช้ได้ (พิชิต ฤทธิ์จรูญ,2549,หน้า 249) ทงั้ นีผ้ ้วู ิจยั ใช้โปรแกรมสาเร็จรูป ทางคอมพิวเตอร์ในการวิเคราะห์ข้อมลู ดงั ปรากฏรายละเอียดในภาคผนวก ข หาค่าความเชื่อมน่ั โดยใช้สมั ประสิทธิ์แอลฟา(Alpha Coefficient) ของ ครอนบาค (Cronbach’s alpha coefficient) วิเคราะห์ด้วยโปรแกรมสาเร็จรูปทางคอมพิวเตอร์ ได้ค่าความ เช่ือมน่ั เท่ากบั 0.95 รายละเอียดปรากฏในภาคผนวก ข ขัน้ ตอนท่ี 7 การหาคุณภาพแบบสอบถามโดยการตรวจสอบความตรงเชิง โครงสร้ าง ผ้วู ิจยั นาข้อมลู ที่ได้จากกล่มุ ตวั อย่างที่เป็ นนกั เรียน จานวน 400 คนมาวิเคราะห์หาค่า ความตรงเชิงโครงสร้าง (Construct Validity) ของข้อคาถาม ดงั แสดงในภาพ 9 (รายละเอียดแสดงในภาคผนวก ง)
121 ภาพ 9 แสดงการวิเคราะห์องค์ประกอบเชงิ ยืนยันอนั ดบั ท่สี องของแบบสอบถาม สัมพนั ธภาพระหว่างนักเรียนกับครู จากภาพ 9 การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับท่ีสองของแบบสอบถามสัมพันธภาพ ระหว่างนักเรียนกับครู จานวน 15 ข้อ โดยการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับท่ีสอง (Second order Confirmatory Factor Analysis) ด้วยโปรแกรมลสิ เรล 8.8 ผลการวิเคราะห์พบวา่ โมเดลมีความสอดคล้องกบั ข้อมลู เชิงประจกั ษ์ (Chi-Square=69.72, p=0.39, GIF=0.96 , AGIF=0.94, RMSER =0.01) และคา่ นา้ หนกั องค์ประกอบ (Factor Loading ) ที่มีนยั สาคญั ทาง สถิตทิ ่ีระดบั .05 ทกุ ข้อ สรุปได้วา่ แบบสอบถามเก่ียวกบั สมั พนั ธภาพระหวา่ งนกั เรียนกบั ครูท่ีผ้วู ิจยั สร้างขนึ ้ มคี วามตรงเชิงโครงสร้าง (Construct Validity)
122 ตาราง 18 ตวั อย่างแบบสอบถามสัมพนั ธภาพระหว่างนักเรียนกับครู จ ิรง ่ที ุสด จ ิรง ่คอน ้ขางจ ิรง ่คอน ้ขางไ ่ม จ ิรง ไ ่มจ ิรง ไ ่มจ ิรงเลย ข้อ พฤตกิ รรม 1 ครูใช้เหตผุ ลในการอธิบายและไมแ่ สดงอารมณ์โกรธ เม่ือถกู นกั เรียนโต้แย้ง 2 ครูพยายามในการปรับปรุงเทคนิคในการสอนให้ นกั เรียนเข้าใจงา่ ย 3 ครูเสยี สละเวลาให้นกั เรียนปรึกษาได้เตม็ ท่ี 4 ฉนั กล้าที่จะเข้าไปปรึกษาหรือสอบถามครูเก่ียวกบั ปัญหาสว่ นตวั 5 ฉนั ได้ร่วมทากิจกรรมการเรียนการสอนในแตล่ ะวิชาที่ เรียน 6 ฉนั และเพอื่ นมีสว่ นร่วมในการกาหนดคะแนนหรือ กิจกรรมอ่ืนในการเรียน 7 ฉนั กล้าซกั ถามครูเม่ือไมเ่ ข้าใจบทเรียน 8 ครูให้ความเป็นกนั เองแกฉ่ บั 9 ฉนั รู้สกึ ไมพ่ อใจเม่ือครูวา่ กลา่ วตกั เตอื น 10 ฉนั ให้ความเคารพครูทงั้ ตอ่ หน้าและลบั หลงั ด้านท่ี 7 แบบสอบถามสัมพนั ธภาพระหว่างนักเรียนกับเพ่ือน ผ้วู ิจยั สร้างแบบสอบถามสมั พนั ธภาพระหวา่ งนกั เรียนกบั เพ่ือนตามขนั้ ตอนตอ่ ไปนี ้ ขัน้ ตอนท่ี 1 กาหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร ผ้วู จิ ยั ศกึ ษาเอกสารและงานวิจยั ท่ีเกี่ยวข้อง เพ่ือมาใช้ในการกาหนดกรอบความคดิ กาหนดนิยามเชิงปฏบิ ตั กิ ารของตวั แปรท่ีต้องการ ดงั นี ้ ตวั แปรวิจยั ผ้วู ิจยั ศกึ ษาค้นคว้าเอกสารท่ีเกี่ยวข้อง ซง่ึ ประกอบด้วย แนวคดิ ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกบั สมั พนั ธภาพระหวา่ งนกั เรียนกบั เพอ่ื น เพอ่ื กาหนดกรอบความคดิ และนิยามเชงิ ปฏบิ ตั ิการ
123 นิยามเชิงปฏิบตั กิ ารของตัวแปร สมั พนั ธภาพระหวา่ งนกั เรียนกบั เพือ่ น หมายถึง การปฏิบตั ติ นที่แสดงให้เหน็ วา่ นกั เรียนมี ความเกี่ยวข้องกบั เพอ่ื น มีการปฏิสมั พนั ธ์ตอบโต้ระหวา่ งนกั เรียนกบั เพื่อน นาไปสกู่ ารพงึ่ พาตนเอง และการพง่ึ พาซงึ่ กนั และกนั ยอมรับในความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลได้ ขัน้ ตอนท่ี 2 สร้างตารางกาหนดพฤตกิ รรมท่ตี ้องการวดั และกาหนดข้อคาถาม ผ้วู ิจยั นานิยามเชงิ ปฏิบตั กิ ารที่กาหนดมาสร้างตารางกาหนดพฤติกรรมท่ีต้องการวดั และ จานวนข้อคาถาม (table of specification) เพ่ือกาหนดรายละเอียดข้อคาถามตามตวั แปรท่ี ต้องการวดั ดงั แสดงในตาราง 19 ตาราง 19 โครงสร้างแบบสอบถามสัมพันธภาพระหว่างนักเรียนกบั เพ่ือน นิยาม จานวน(ข้อ) หมาย คาถาม คาถามด้าน เหตุ ท่วั ไป ลบ ด้านสัมพันธภาพระหว่างนักเรียนกับเพ่อื น - การปฏบิ ตั ติ นท่ีแสดงให้เหน็ วา่ นกั เรียนมีความเก่ียวข้องกนั 3 - การมปี ฏสิ มั พนั ธ์ตอบโต้ระหว่างบคุ คล 3 - การพง่ึ พาตนเองและพง่ึ พาซง่ึ กนั และกนั ระหวา่ งเพือ่ น 4 - ยอมรับความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลของเพอ่ื นๆได้ 4 1 รวม 15 ข้อ เม่ือผ้วู ิจยั ได้กาหนดโครงสร้างแบบสอบถามสมั พนั ธภาพระหว่างนกั เรียนกบั เพื่อน แล้ว จงึ นามาจดั ทาเป็ นร่างแบบสอบถามตอ่ ไป ขัน้ ตอนท่ี 3 การจดั ทาร่างแบบสอบถาม ผู้วิจยั จดั ทาร่างแบบสอบถามสมั พนั ธภาพระหว่างนกั เรียนกับเพ่ือน ตามโครงสร้างที่ กาหนดไว้ และให้อาจารย์ท่ีปรึกษาตรวจสอบความตรงเชิงเนือ้ หา (content validity) ความ เหมาะสมของข้อคาถาม การตรวจสอบความตรงตามนิยาม ความถูกต้องเหมาะสมด้านการใช้ ภาษา และสดั สว่ นการวดั ในแตล่ ะตวั แปรเพ่ือปรับปรุงแก้ไขและจดั ทาแบบสอบถามฉบบั ร่าง ขัน้ ตอนท่ี 4 ตรวจสอบความตรงเชิงเนือ้ หา ผ้วู ิจยั นาแบบสอบถามฉบบั ร่าง พร้อมกับหวั ข้อวิจยั ความเป็ นมา วตั ถปุ ระสงค์ กรอบ แนวคดิ และนิยามเชิงปฏบิ ตั ิการไปให้ผ้เู ชี่ยวชาญ จานวน 5 ทา่ น ประกอบด้วย 1) ผ้เู ช่ียวชาญด้าน ตวั แปรทกั ษะชีวิตและอาชีพ จานวน 4 ท่าน โดยเป็ นผ้มู ีความรู้ด้านทกั ษะในศตวรรษที่ 21 และ ทกั ษะชีวิต และ/หรือ มีผลงานทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกบั ทกั ษะชีวิต 2) ผ้เู ชี่ยวชาญด้านการสอนใน
124 ระดบั มธั ยมศกึ ษา จานวน 1 ทา่ น โดยเป็นผ้มู ีประสบการณ์ในการสอนระดบั มธั ยมศกึ ษาไม่ต่ากวา่ 10 ปี และเป็ นผ้สู อนอยใู่ นเขตพืน้ ที่พฒั นาเศรษฐกิจพเิ ศษ 3) ผ้เู ช่ียวชาญด้านเคร่ืองมอื วิจยั จานวน 2 ท่าน โดยเป็ นอาจารย์ผู้สอนเก่ียวกับวิจยั การศึกษาไม่ต่ากว่า 10 ปี และ/หรือมีผลงานทาง วิชาการในด้านวิจยั การศึกษาซ่ึงเป็ นท่ียอมรับ 5) ผู้เชี่ยวชาญด้านสถิติขนั้ สงู สาหรับการวิจัย จานวน 1 ทา่ น โดยโดยเป็ นอาจารย์ผ้สู อนเกี่ยวกบั สถิติสาหรับการวิจยั ไม่ต่ากวา่ 10 ปี และ/หรือ มี ผลงานทางวิชาการในด้านวิจัยโดยใช้สถิติขัน้ สูงซ่ึงเป็ นที่ยอมรับ รายช่ือผู้เช่ียวชาญแสดงใน รายละเอียดภาคผนวก ก ผู้เช่ียวชาญตรวจสอบความตรงตามนิยาม ความถูกต้องเหมาะสมด้านการใช้ภาษา รูปแบบการวดั ตวั แปร และสดั ส่วนในการวดั แต่ละตวั แปร เพื่อนามาพิจารณาหาค่าดัชนีความ สอดคล้องระหว่างคาถามรายข้อกบั วตั ถปุ ระสงค์ท่ีต้องการวดั (IOC : Index of Item Objective Congruence) เกณฑ์ที่ใช้ในการตดั สินความตรงเชิงเนือ้ หา คือ คา่ ดชั นี IOC ต้องมีคา่ 0.60 ขนึ ้ ไป จงึ จะถือได้ว่าข้อคาถามนนั้ วดั ได้ตรงตามโครงสร้างและนิยามที่ต้องการวดั (พิชิต ฤทธิ์จรูญ,2549, หน้า 243) หลงั จากนนั้ คดั เลือกข้อคาถามที่มีคา่ IOC ตงั้ แต่ 0.60 ขนึ ้ ไป สว่ นข้อคาถามท่ีมีคา่ IOC ตา่ กวา่ 0.60 ผ้วู จิ ยั ได้ปรับตามรายละเอียดคาแนะนาของผ้เู ชี่ยวชาญ ก่อนนาไปคานวณตามสตู ร (พวงรัตน์ ทวีรัตน์ 2543 :117) และมีลกั ษณะการให้คะแนน ดงั นี ้ IOC = ∑R N IOC หมายถึง คา่ ดชั นีความสอดคล้องระหวา่ งคาถามรายข้อกบั วตั ถปุ ระสงค์ท่ีต้องการวดั R หมายถึง คะแนนการตดั สินของผ้เู ช่ียวชาญ N หมายถึง จานวนผ้เู ช่ียวชาญ ลกั ษณะการให้คะแนน - 1 หมายถงึ ข้อคาถามไมส่ อดคล้องกบั นยิ ามเชิงปฏบิ ตั ิการ 0 หมายถึง ไม่แนใ่ จวา่ ข้อคาถามสอดคล้องกบั นยิ ามเชิงปฏบิ ตั กิ ารหรือไม่ 1 หมายถงึ ข้อคาถามมคี วามสอดคล้องกบั นิยามเชิงปฏิบตั กิ าร ผลการตรวจสอบคณุ ภาพของแบบสอบถามสมั พนั ธภาพระหว่างนกั เรียนกับเพื่อน ใน ด้านความตรงเชิงเนือ้ หา จากผ้เู ชี่ยวชาญจานวน 5 ท่าน ทาให้ได้ข้อคาถามเก่ียวกบั สมั พนั ธภาพ ระหวา่ งนกั เรียนกบั เพือ่ น จานวน 15 ข้อ ดงั ปรากฏรายละเอียดในภาคผนวก ข
125 ขัน้ ตอนท่ี 5 การปรับปรุงแบบสอบถาม ผ้วู จิ ยั ได้นาแบบสอบถามที่ได้ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผ้เู ช่ียวชาญ และ นาไปทดลองใช้กบั กลมุ่ ตวั อยา่ งที่ไมใ่ ชก่ ลมุ่ ตวั อยา่ งในงานวิจยั แตม่ ีคณุ ลกั ษณะเหมือนกนั ซง่ึ ได้มา โดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ขัน้ ตอนท่ี 6 การหาคุณภาพแบบสอบถามโดยการตรวจสอบค่าอานาจจาแนก และความเช่ือม่ัน ผ้วู ิจยั ได้นาแบบสอบถามที่ได้ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผ้เู ชี่ยวชาญไปทดลอง ใช้ (Try out) กบั นกั เรียนโรงเรียนสรรพวิทยาคม จานวน 60 คน ที่ไม่ใช่กล่มุ ตวั อย่าง เพ่ือหาค่า อานาจจาแนกและค่าความเชื่อมนั่ โดยนาแบบสอบถามท่ีนกั เรียนทาแล้วมาหาค่าอานาจจาแนก โดยใช้เทคนิค 25% คือกล่มุ สงู 25%และกลมุ่ ตา่ 25% นาคะแนนของแต่ละกลมุ่ มาเปรียบเทียบ ความแตกต่างเป็ นรายข้อ ทดสอบค่าที (t-test) ถ้าคา่ t ข้อใดมีนยั สาคญั ทางสถิติ แสดงว่าเป็ นข้อ คาถามท่ีมีอานาจจาแนกใช้ได้ (พิชิต ฤทธิ์จรูญ,2549,หน้า 249) ทงั้ นีผ้ ้วู ิจยั ใช้โปรแกรมสาเร็จรูป ทางคอมพวิ เตอร์ในการวเิ คราะห์ข้อมลู ดงั ปรากฏรายละเอียดในภาคผนวก ข หาค่าความเชื่อมนั่ โดยใช้สมั ประสิทธิ์แอลฟา(Alpha Coefficient) ของ ครอนบาค (Cronbach’s alpha coefficient) วิเคราะห์ด้วยโปรแกรมสาเร็จรูปทางคอมพิวเตอร์ ได้ค่าความ เชื่อมน่ั เท่ากบั 0.95 รายละเอียดปรากฏในภาคผนวก ข ขัน้ ตอนท่ี 7 การหาคุณภาพแบบสอบถามโดยการตรวจสอบความตรงเชิง โครงสร้ าง ผ้วู ิจยั นาข้อมลู ที่ได้จากกล่มุ ตวั อย่างท่ีเป็ นนกั เรียน จานวน 400 คนมาวิเคราะห์หาค่า ความตรงเชิงโครงสร้าง (Construct Validity) ของข้อคาถาม ดงั แสดงในภาพ 10 (รายละเอียดแสดงในภาคผนวก ง)
126 ภาพ 10 แสดงการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยนื ยันอันดบั ท่สี องของแบบสอบถาม สัมพันธภาพระหว่างนักเรียนกับเพ่ือน จากภาพ 10 การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันอันดบั ท่ีสองของแบบสอบถามสัมพันธภาพ ระหว่างนักเรียนกับเพ่ือน จานวน 15 ข้อ โดยการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยนั อนั ดบั ท่ีสอง (Second order Confirmatory Factor Analysis) ด้วยโปรแกรมลิสเรล 8.8 ผลการวิเคราะห์พบว่า โมเดลมีความสอดคล้องกบั ข้อมลู เชิงประจกั ษ์ (Chi-Square=50.06, p=0.07, GIF=0.98 , AGIF=0.95, RMSER =0.03) และคา่ นา้ หนกั องค์ประกอบ (Factor Loading ) ท่ีมีนยั สาคญั ทาง สถิติที่ระดบั .05 ทกุ ข้อ สรุปได้ว่า แบบสอบถามเกี่ยวกับสมั พนั ธภาพระหว่างนกั เรียนกับเพื่อนท่ี ผ้วู จิ ยั สร้างขนึ ้ มีความตรงเชิงโครงสร้าง (Construct Validity)
127 ตาราง 20 ตัวอย่างแบบสอบถามสัมพนั ธภาพระหว่างนักเรียนกบั เพ่ือน จ ิรง ่ที ุสด จ ิรง ่คอน ้ขางจ ิรง ่คอน ้ขางไ ่ม จ ิรง ไ ่มจ ิรง ไ ่มจ ิรงเลย ข้อ พฤตกิ รรม 1 ฉนั ไมร่ ู้สกึ เหงาเมือ่ มเี พ่ือนอยดู่ ้วย 2 ฉนั และเพอ่ื นจะคอยสนบั สนนุ กนั เม่ือเพ่ือนทาดแี ละ ตกั เตอื นกนั เมอื่ ทาไมด่ ี 3 ฉนั มเี พ่ือนสนิทท่ีคอยให้คาปรึกษาได้ 4 ฉนั ได้รับความช่วยเหลอื ด้านตา่ งๆจากเพอื่ น 5 ฉนั จะรับฟังและชว่ ยเหลอื เม่ือเพ่อื นมีปัญหาเท่าที่จะ ทาได้ 6 เม่ือฉนั ขาดเรียนเพื่อนๆจะคอยบอกงานและเรื่องที่ เรียนให้ฉนั ทราบ 7 ฉนั ยอมรับวา่ เพื่อนของฉนั มีหลากหลายซง่ึ ฉนั ยอมรับ ได้ 8 คนทกุ คนสามารถเป็ นเพ่ือนกนั ได้ 9 ฉนั ไมค่ บเพื่อนตา่ งโรงเรียนหรือไม่ค้นุ เคย 10 ฉนั จะเลอื กคบกบั เพ่อื นท่ีมีนสิ ยั คล้ายกบั ฉนั มากกว่า เพอื่ นท่ีมีนสิ ยั ตา่ งกบั ฉนั ด้านท่ี 8 แบบสอบถามการสนับสนุนทางสังคม ผ้วู จิ ยั สร้างแบบสอบถามการสนบั สนนุ ทางสงั คม ตามขนั้ ตอนตอ่ ไปนี ้ ขัน้ ตอนท่ี 1 กาหนดนิยามเชิงปฏบิ ัตกิ าร ผ้วู ิจยั ศกึ ษาเอกสารและงานวิจยั ท่ีเกี่ยวข้อง เพื่อมาใช้ในการกาหนดกรอบความคดิ กาหนดนยิ ามเชิงปฏิบตั ิการของตวั แปรที่ต้องการ ดงั นี ้ ตวั แปรวิจัย ผ้วู จิ ยั ศกึ ษาค้นคว้าเอกสารท่ีเกี่ยวข้อง ซงึ่ ประกอบด้วย แนวคดิ ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกบั การสนบั สนนุ ทางสงั คม เพื่อกาหนดกรอบความคดิ และนยิ ามเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร
128 นิยามเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารของตวั แปร การสนบั สนนุ ทางสงั คม หมายถึง การท่ีนกั เรียนได้รับการช่วยเหลือ การสนบั สนนุ ด้าน จิตใจ ให้ความรัก ความห่วงใยความไว้วางใจ การให้ข้อมลู ขา่ วสาร และข้อมลู ย้อนกลบั แรงงาน หรือวสั ดสุ ่ิงของเงินทอง ต่างๆ จากคนที่เก่ียวข้องหรือใกล้ชิดกนั ได้แก่ เพ่ือน เพื่อนบ้าน คนรู้จกั ค้นุ เคยกนั หรืออยใู่ นสงั คมของตน ขัน้ ตอนท่ี 2 สร้างตารางกาหนดพฤตกิ รรมท่ตี ้องการวดั และกาหนดข้อคาถาม ผ้วู ิจยั นานิยามเชงิ ปฏบิ ตั ิการท่ีกาหนดมาสร้างตารางกาหนดพฤติกรรมท่ีต้องการวดั และ จานวนข้อคาถาม (table of specification) เพื่อกาหนดรายละเอียดข้อคาถามตามตวั แปรที่ ต้องการวดั ดงั แสดงในตาราง 19 ตาราง 21 โครงสร้างแบบสอบถามการสนับสนุนทางสังคม นิยาม จานวน(ข้อ) หมาย คาถาม คาถามด้าน เหตุ ท่วั ไป ลบ ด้านการสนับสนุนทางสังคม - การท่ีนกั เรียนได้รับการชว่ ยเหลือ การสนบั สนนุ ด้านจิตใจจากคน ท่ีเกี่ยวข้องหรือใกล้ชิดกนั ได้แก่ เพ่ือน เพ่อื นบ้าน คนรู้จกั ค้นุ เคย 4 กนั หรืออยใู่ นสงั คมของตน - ให้ความรัก ความหว่ งใยความไว้วางใจจากคนท่ีเกี่ยวข้องหรือ ใกล้ชิดกนั ได้แก่ เพื่อน เพื่อนบ้าน คนรู้จกั ค้นุ เคยกนั หรืออยใู่ น 3 สงั คมของตน - การให้ข้อมลู ขา่ วสาร และข้อมลู ย้อนกลบั จากคนที่เกี่ยวข้องหรือ ใกล้ชิดกนั ได้แก่ เพื่อน เพื่อนบ้าน คนรู้จกั ค้นุ เคยกนั หรืออยใู่ น 4 สงั คมของตน - แรงงานหรือวสั ดสุ ง่ิ ของเงนิ ทองตา่ งๆ จากคนที่เกี่ยวข้องหรือ ใกล้ชิดกนั ได้แก่ เพื่อน เพ่ือนบ้าน คนรู้จกั ค้นุ เคยกนั หรืออยใู่ น 3 1 รวม 15 ข้อ สงั คมของตน เมื่อผ้วู จิ ยั ได้กาหนดโครงสร้างแบบสอบถามการสนบั สนนุ ทางสงั คม แล้ว จงึ นามาจดั ทา เป็ นร่างแบบสอบถามตอ่ ไป
129 ขัน้ ตอนท่ี 3 การจัดทาร่างแบบสอบถาม ผ้วู จิ ยั จดั ทาร่างแบบสอบถามการสนบั สนนุ ทางสงั คม ตามโครงสร้างท่ีกาหนดไว้ และให้ อาจารย์ที่ปรึกษาตรวจสอบความตรงเชิงเนือ้ หา (content validity) ความเหมาะสมของข้อคาถาม การตรวจสอบความตรงตามนิยาม ความถกู ต้องเหมาะสมด้านการใช้ภาษา และสดั สว่ นการวดั ใน แตล่ ะตวั แปรเพ่ือปรับปรุงแก้ไขและจดั ทาแบบสอบถามฉบบั ร่าง ขัน้ ตอนท่ี 4 ตรวจสอบความตรงเชงิ เนือ้ หา ผ้วู ิจยั นาแบบสอบถามฉบบั ร่าง พร้อมกบั หวั ข้อวิจยั ความเป็ นมา วตั ถปุ ระสงค์ กรอบ แนวคดิ และนิยามเชงิ ปฏบิ ตั ิการไปให้ผ้เู ชี่ยวชาญ จานวน 5 ท่าน ประกอบด้วย 1) ผ้เู ชี่ยวชาญด้าน ตวั แปรทกั ษะชีวิตและอาชีพ จานวน 4 ท่าน โดยเป็ นผ้มู ีความรู้ด้านทกั ษะในศตวรรษที่ 21 และ ทกั ษะชีวติ และ/หรือ มผี ลงานทางวิชาการท่ีเก่ียวข้องกบั ทกั ษะชีวิต 2) ผ้เู ชี่ยวชาญด้านการสอนใน ระดบั มธั ยมศกึ ษา จานวน 1 ทา่ น โดยเป็นผ้มู ีประสบการณ์ในการสอนระดบั มธั ยมศกึ ษาไม่ต่ากวา่ 10 ปี และเป็ นผ้สู อนอยใู่ นเขตพืน้ ที่พฒั นาเศรษฐกิจพเิ ศษ 3) ผ้เู ชี่ยวชาญด้านเคร่ืองมือวจิ ยั จานวน 2 ท่าน โดยเป็ นอาจารย์ผู้สอนเก่ียวกับวิจยั การศึกษาไม่ต่ากว่า 10 ปี และ/หรือมีผลงานทาง วิชาการในด้านวิจยั การศึกษาซ่ึงเป็ นท่ียอมรับ 5) ผู้เช่ียวชาญด้านสถิติขนั้ สูงสาหรับการวิจยั จานวน 1 ท่าน โดยโดยเป็ นอาจารย์ผ้สู อนเก่ียวกบั สถิติสาหรับการวิจยั ไม่ต่ากว่า 10 ปี และ/หรือ มี ผลงานทางวิชาการในด้านวิจัยโดยใช้สถิติขัน้ สูงซึ่งเป็ นที่ยอมรับ รายช่ือผู้เชี่ยวชาญแสดงใน รายละเอียดภาคผนวก ก ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความตรงตามนิยาม ความถูกต้องเหมาะสมด้านการใช้ภาษา รูปแบบการวัดตัวแปร และสดั ส่วนในการวัดแต่ละตัวแปร เพ่ือนามาพิจารณาหาค่าดัชนีความ สอดคล้องระหว่างคาถามรายข้อกบั วตั ถปุ ระสงค์ท่ีต้องการวดั (IOC : Index of Item Objective Congruence) เกณฑ์ท่ีใช้ในการตดั สนิ ความตรงเชิงเนือ้ หา คอื คา่ ดชั นี IOC ต้องมีคา่ 0.60 ขนึ ้ ไป จงึ จะถือได้ว่าข้อคาถามนนั้ วดั ได้ตรงตามโครงสร้างและนิยามท่ีต้องการวดั (พิชิต ฤทธิ์จรูญ,2549, หน้า 243) หลงั จากนนั้ คดั เลอื กข้อคาถามที่มีคา่ IOC ตงั้ แต่ 0.60 ขนึ ้ ไป สว่ นข้อคาถามที่มีคา่ IOC ตา่ กวา่ 0.60 ผ้วู จิ ยั ได้ปรับตามรายละเอียดคาแนะนาของผ้เู ช่ียวชาญ ก่อนนาไปคานวณตามสตู ร (พวงรัตน์ ทวีรัตน์ 2543 :117) และมีลกั ษณะการให้คะแนน ดงั นี ้ IOC = ∑R N
130 IOC หมายถงึ คา่ ดชั นีความสอดคล้องระหวา่ งคาถามรายข้อกบั วตั ถปุ ระสงค์ที่ต้องการวดั R หมายถึง คะแนนการตดั สนิ ของผ้เู ช่ียวชาญ N หมายถงึ จานวนผ้เู ชี่ยวชาญ ลกั ษณะการให้คะแนน - 1 หมายถึง ข้อคาถามไมส่ อดคล้องกบั นยิ ามเชิงปฏิบตั กิ าร 0 หมายถึง ไม่แนใ่ จวา่ ข้อคาถามสอดคล้องกบั นิยามเชิงปฏิบตั ิการหรือไม่ 1 หมายถงึ ข้อคาถามมคี วามสอดคล้องกบั นยิ ามเชิงปฏิบตั ิการ ผลการตรวจสอบคณุ ภาพของแบบสอบถามการสนบั สนนุ ทางสงั คม ในด้านความตรง เชิงเนือ้ หา จากผ้เู ช่ียวชาญจานวน 5 ท่าน ทาให้ได้ข้อคาถามเกี่ยวกบั การสนบั สนุนทางสงั คม จานวน 15 ข้อ ดงั ปรากฏรายละเอียดในภาคผนวก ข ขัน้ ตอนท่ี 5 การปรับปรุงแบบสอบถาม ผ้วู จิ ยั ได้นาแบบสอบถามที่ได้ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผ้เู ช่ียวชาญ และ นาไปทดลองใช้กบั กลมุ่ ตวั อยา่ งที่ไมใ่ ช่กลมุ่ ตวั อยา่ งในงานวจิ ยั แตม่ ีคณุ ลกั ษณะเหมือนกนั ซงึ่ ได้มา โดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ขัน้ ตอนท่ี 6 การหาคุณภาพแบบสอบถามโดยการตรวจสอบค่าอานาจจาแนก และความเช่ือม่ัน ผ้วู ิจยั ได้นาแบบสอบถามที่ได้ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผ้เู ช่ียวชาญไปทดลอง ใช้ (Try out) กบั นกั เรียนโรงเรียนสรรพวิทยาคม จานวน 60 คน ท่ีไม่ใช่กล่มุ ตวั อย่าง เพ่ือหาค่า อานาจจาแนกและคา่ ความเช่ือมนั่ โดยนาแบบสอบถามท่ีนกั เรียนทาแล้วมาหาคา่ อานาจจาแนก โดยใช้เทคนิค 25% คือกลมุ่ สงู 25%และกลมุ่ ต่า 25% นาคะแนนของแตล่ ะกลมุ่ มาเปรียบเทียบ ความแตกต่างเป็ นรายข้อ ทดสอบคา่ ที (t-test) ถ้าคา่ t ข้อใดมีนยั สาคญั ทางสถิติ แสดงวา่ เป็ นข้อ คาถามที่มีอานาจจาแนกใช้ได้ (พิชิต ฤทธิ์จรูญ,2549,หน้า 249) ทงั้ นีผ้ ้วู ิจยั ใช้โปรแกรมสาเร็จรูป ทางคอมพวิ เตอร์ในการวเิ คราะห์ข้อมลู ดงั ปรากฏรายละเอียดในภาคผนวก ข หาค่าความเช่ือมนั่ โดยใช้สมั ประสิทธิ์แอลฟา(Alpha Coefficient) ของ ครอนบาค (Cronbach’s alpha coefficient) วิเคราะห์ด้วยโปรแกรมสาเร็จรูปทางคอมพิวเตอร์ ได้คา่ ความ เช่ือมน่ั เท่ากบั 0.95 รายละเอียดปรากฏในภาคผนวก ข ขัน้ ตอนท่ี 7 การหาคุณภาพแบบสอบถามโดยการตรวจสอบความตรงเชิง โครงสร้ าง ผ้วู ิจยั นาข้อมลู ที่ได้จากกล่มุ ตวั อย่างที่เป็ นนกั เรียน จานวน 400 คนมาวิเคราะห์หาค่า ความตรงเชิงโครงสร้าง (Construct Validity) ของข้อคาถาม ดงั แสดงในภาพ 11
131 ภาพ 11 แสดงการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันอนั ดบั ท่สี องของแบบสอบถามการ สนับสนุนทางสังคม จากภาพ 11 การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยนั อนั ดบั ท่ีสองของแบบสอบถามการสนบั สนนุ ทาง สงั คม จานวน 15 ข้อ โดยการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยนั อันดบั ท่ีสอง (Second order Confirmatory Factor Analysis) ด้วยโปรแกรมลิสเรล 8.8 ผลการวิเคราะห์พบวา่ โมเดลมีความ สอดคล้องกบั ข้อมลู เชิงประจกั ษ์ (Chi-Square=92.05, p=0.08, GIF=0.97 , AGIF=0.95, RMSER =0.03) และคา่ นา้ หนกั องค์ประกอบ (Factor Loading ) ที่มีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั .05 ทกุ ข้อ สรุปได้ว่า แบบสอบถามเก่ียวกบั การสนบั สนนุ ทางสงั คมที่ผ้วู ิจยั สร้างขนึ ้ มีความตรงเชิง โครงสร้าง (Construct Validity)
132 ตาราง 22 ตัวอย่างแบบสอบถามการสนับสนุนทางสังคม จ ิรง ่ที ุสด จ ิรง ่คอน ้ขางจ ิรง ่คอน ้ขางไ ่ม จ ิรง ไ ่มจ ิรง ไ ่มจ ิรงเลย ข้อ พฤตกิ รรม 1 ฉนั ได้รับกาลงั ใจจากคนรอบข้าง 2 เมื่อฉนั ประสบความสาเร็จ คนใกล้ชิดจะยินดีและ ช่ืนชม 3 เม่ือฉนั มีปัญหาสว่ นตวั ฉนั สารมาปรึกษากบั คน รอบข้างได้ 4 คนใกล้ชิดเอาใจใสต่ อ่ การเป็ นอยขู่ องฉนั 5 คนใกล้ชิดฉนั เหน็ ด้วยกบั สง่ิ ที่ฉนั ทาและช่วยเหลือ อยา่ งเตม็ ท่ี 6 บคุ คลใกล้ชิดแนะนาข่าวสารที่เป็ นประโยชน์ตอ่ ฉนั 7 ฉนั ได้รับข้อมลู ขา่ วสารเก่ียวกบั การดแู ลสขุ ภาพ 8 เพอื่ นบ้านมกั นาเร่ืองของฉนั ไปพดู ในทางไมด่ ี 9 ฉนั มกั ต้องทาอะไรๆด้วยตนเอง ไมค่ อ่ ยมีคนช่วย 10 ฉนั ได้แนวคดิ ในการทาสงิ่ ตา่ งๆจากผ้คู นรอบตวั 3.4 การเก็บรวบรวมข้อมูล 1. ผ้วู ิจยั ขอหนงั สอื รับรองการศกึ ษาค้นคว้าอิสระจากบณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั นเรศวร เพ่ือขอความอนุเคราะห์ไปยงั ผ้อู านวยการโรงเรียนแต่ละโรงเรียนที่เป็ นกล่มุ ตวั อย่างเพ่ือขอความ อนุเคราะห์ครูท่ีได้รับมอบหมายให้ดาเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลและเก็บรวบรวมข้อมูลนกั เรียน ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลายปี การศกึ ษา 2559 เวลาไม่มีการเรียนการสอน ได้แก่ ชว่ั โมงโฮมรูม แนะแนวหรืออื่นๆในการเก็บรวบรวมข้อมลู จาก 2. ดาเนนิ การตดิ ตอ่ ผ้ชู ่วยวิจยั ในการเก็บรวบรวมข้อมลู ซง่ึ ผ้วู ิจยั ได้ชีแ้ จงแนวปฏิบตั ิในการ ดาเนนิ การเก็บรวบรวมข้อมลู เป็ นอยา่ งดี
133 3. ดาเนินการเก็บแบบวัดคืนจากครูแต่ละโรงเรียนโดยผู้วิจัยเดินทางไปรับแบบวัดด้วย ตนเอง และได้รับคนื ในเดือน สงิ หาคม 2558 4. แบบสอบถามที่แจกไปจานวน 500 ชดุ ได้รับคนื มา 400 นามาวิเคราะห์ข้อมูล 400 ชดุ คดิ เป็ นร้อยละ 80 ดงั ตาราง 23 ตาราง 23 การเก็บรวบรวมข้อมูลและอัตราการตอบกลับแต่ละโรงเรียน รายช่ือโรงเรียน วันท่เี กบ็ รวบรวม จานวนแบบวัด จานวนแบบวัด ร้ อยละ ข้อมูล ท่ีส่ง(ฉบบั ) ท่ีได้รับคืน โรงเรียนสรรพวทิ ยาคม 280 (ฉบับ) 77.50 โรงเรียนแมป่ ะวิทยาคม 29 กรกฎาคม 2559 37 217 86.49 โรงเรียนแมก่ วุ ทิ ยาคม 29 กรกฎาคม 2559 56 32 83.93 โรงเรียนราษฎร์วิทยา 29 กรกฎาคม 2559 24 47 91.67 โรงเรียนเทศบาลเฉลมิ พระ 2 สงิ หาคม 2559 22 เกียรตสิ มเด็จพระเทพ 73 78.08 รัตนราชสดุ าฯสยามบรม 2 สงิ หาคม 2559 57 ราชกมุ ารี 30 83.00 โรงเรียนภทั รวิทยา 2 สงิ หาคม 2559 25 500 80.00 รวม 400 3.5 การวเิ คราะห์ข้อมลู ผ้วู จิ ยั ดาเนนิ การวิเคราะห์ข้อมลู ด้วยโปรแกรมสาเร็จรูปทางคอมพิวเตอร์ โดยแบง่ การ วิเคราะห์ข้อมลู เป็ น 3 ตอน ดงั นี ้ ตอนที่ 1 วิเคราะห์ข้อมลู ด้วยสถิตพิ นื ้ ฐาน โดยการวเิ คราะห์ลกั ษณะการแจกแจงของตวั แปรท่ีสงั เกตได้ ได้แก่ คา่ เฉล่ีย สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความเบ้ ความโดง่ ตอนที่ 2 วเิ คราะห์สหสมั พนั ธ์ระหวา่ งตวั แปรท่ีสงั เกตได้ วิเคราะห์สหสมั พันธ์ระหว่างตวั แปรที่สงั เกตได้ภายนอก ได้แก่ การอบรมเลีย้ งดูแบบ ประชาธิปไตย สมั พนั ธภาพในครอบครัว สมั พนั ธภาพระหว่างนกั เรียนกบั ผ้ปู กครอง สมั พนั ธภาพ ระหวา่ งนกั เรียนกบั ครู สมั พนั ธภาพระหวา่ งนกั เรียนกบั เพอื่ น การสนบั สนนุ ทางสงั คม และตวั แปรท่ี สังเกตได้ ภายใน ได้ แก่ อัตมโนทัศน์ ลักษณะมุ่งอนาคต ความยืดหยุ่นและการปรับตัว
134 การริเร่ิมและกากบั ดแู ลตนเองได้ ทกั ษะทางสงั คมและการเรียนรู้ข้ามวฒั นธรรม เพิ่มผลผลิตและ การรู้รับผิด ภาวะผ้นู าและความรับผิดชอบ และ การจดั การกบั อารมณ์และความเครียด ตอนท่ี 3 วเิ คราะห์ความสมั พนั ธ์โครงสร้างเชิงเส้นของปัจจยั ที่สง่ ผลตอ่ ทกั ษะชีวติ ของ นกั เรียนระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาตอนปลายใน เขตพฒั นาเศรษฐกิจพเิ ศษตาก วิเคราะห์ตามลาดบั ดงั นี ้ 4.1 ตรวจสอบความสอดคล้องของรูปแบบกบั ข้อมลู เชิงประจกั ษ์โดยวิเคราะห์ รูปแบบตามกรอบแนวคดิ การวิจยั ใช้ข้อมลู ที่ได้จากกลมุ่ ตวั อยา่ งมาวิเคราะห์ด้วยโปรแกรมลสิ เรล หากข้อมลู เชิงประจกั ษ์มีความสอดคล้องกบั รูปแบบดงั กลา่ ว ก็ถือวา่ ได้รูปแบบที่เหมาะสมตาม รูปแบบสมมตฐิ าน 4.2 พฒั นารูปแบบ ในกรณีที่วิเคราะห์รูปแบบตามกรอบแนวคิดในการวจิ ยั ตรวจสอบความสอดคล้องของรูปแบบกบั ข้อมลู เชิงประจกั ษ์ โดยใช้ข้อมลู ท่ีได้จากกลมุ่ ตวั อยา่ งมา วิเคราะห์ด้วยโปรแกรมลสิ เรลแล้วไมส่ อดคล้องกนั จงึ ทาการปรับรูปแบบโดยพิจารณาจากดชั นีดดั แปรรูปแบบ (Model Modification Indices) ให้สอดคล้องกบั ข้อมลู เชิงประจกั ษ์ 3.6 สถติ ทิ ่ใี ช้ในการวจิ ยั 1. คา่ สถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมลู พืน้ ฐาน คานวณหาคา่ สถิติพืน้ ฐาน เพื่ออธิบายลกั ษณะของของตวั อยา่ งโดยใช้สถิติบรรยาย ได้แก่ คา่ เฉลี่ย (mean) สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน (standard deviation) ความเบ้ (skewness) และ ความโดง่ (kurtossis) 2. วิเคราะห์ทกั ษะชีวติ และอาชีพ และปัจจยั ท่ีสง่ ผลตอ่ ทกั ษะชีวิตและอาชีพของ นกั เรียนจาแนกรายด้าน โดยคานวณคา่ เฉล่ยี (mean) และสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน (standard deviation) โดยโปรแกรมสาเร็จรูป SPSS for Windows 3. การวิเคราะห์ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งตวั แปร ใช้สตู รสหสมั พนั ธ์เพยี ร์สนั (Pearson Product Moment Correlation Coefficient) 4. คา่ สถิติสาหรับการวิเคราะห์ความสมั พนั ธ์โครงสร้างเชิงเส้น 3.1 คา่ อิทธิพล 3.2 คา่ ความคลาดเคล่อื นมาตรฐาน 3.3 คา่ สถิติตรวจสอบ
135 5. การตรวจสอบความตรงของรูปแบบเชิงสมมตฐิ านกบั รูปแบบตามข้อมลู เชิงประจกั ษ์ โดยโปรแกรมลสิ เรล (LISREL) คา่ สถิตทิ ่ีใช้คอื 5.1 คา่ สมั ประสทิ ธิ์การพยากรณ์ ได้แก่ คา่ สมั ประสทิ ธิ์การพยากรณ์ของตวั แปร สงั เกตได้และคา่ สมั ประสทิ ธิ์การพยากรณ์ของสมการโครงสร้าง 5.2 คา่ สถิตวิ ดั ระดบั ความกลมกลนื ได้แก่ 5.2.1 คา่ สถิตไิ ค-สแควร์ (Chi-square Statistic) 5.2.2 ดชั นีวดั ระดบั ความกลมกลนื (GFI) 5.2.3 ดชั นีวดั ระดบั ความกลมกลืนท่ีปรับแก้แล้ว (AGFI)
บทท่ี 4 ผลการวิจยั การวิจยั ครัง้ นีม้ ีจดุ ม่งุ หมายเพื่อพฒั นารูปแบบความสมั พนั ธ์เชิงสาเหตขุ องปัจจยั ที่ส่งผล ต่อทกั ษะชีวิตและอาชีพของนกั เรียนมธั ยมศกึ ษาตอนปลายในเขตพฒั นาเศรษฐกิจพิเศษตาก ใน การนาเสนอผลการวิจยั ผ้วู จิ ยั แบง่ การนาเสนอออกเป็น 3 ตอน ดงั นี ้ ตอนท่ี 1 ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู ด้วยสถิติพืน้ ฐาน ตอนที่ 2 ผลการวิเคราะห์ความสมั พนั ธ์ระหว่างตวั แปรที่สงั เกตได้ เพ่ือใช้สร้างเมตริกซ์ สหสมั พนั ธ์ในการวิเคราะห์รูปแบบความสมั พนั ธ์เชิงสาเหตขุ องปัจจัยท่ีส่งผลต่อทกั ษะชีวิตและ อาชีพของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาตอนปลายในเขตพฒั นาเศรษฐกิจพิเศษตาก ตอนที่ 3 ผลการวเิ คราะห์ความสมั พนั ธ์โครงสร้างเชิงเส้นของปัจจยั ที่สง่ ผลตอ่ ทกั ษะชีวิตและ อาชีพของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาตอนปลายในเขตพฒั นาเศรษฐกิจพเิ ศษตาก ประกอบด้วย 3.1 ผลการวิเคราะห์ความสมั พนั ธ์โครงสร้างเชิงเส้นของปัจจยั ที่สง่ ผลตอ่ ทกั ษะ ชีวิตและอาชีพของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาตอนปลายในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก เปรียบเทียบกบั ข้อมลู เชิงประจกั ษ์ แสดงผลตามลาดบั ดงั นี ้ 3.1.1 ภาพแสดงรูปแบบความสมั พนั ธ์เชิงสาเหตปุ ัจจยั ที่สง่ ผลต่อทกั ษะ ชีวิตและอาชีพของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาตอนปลายในเขตพฒั นาเศรษฐกิจพเิ ศษตาก 3.1.2 ผลการวิเคราะห์คา่ อิทธิพล คา่ สถิตติ รวจสอบความสอดคล้องของ รูปแบบ ค่าสถิติไค-สแคว์ และระดบั ขนั้ ความเสรีของรูปแบบความสมั พนั ธ์เชิงสาเหตขุ องปัจจยั ท่ี สง่ ผลตอ่ ทกั ษะชีวิตและอาชีพของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาตอนปลายในเขตพฒั นาเศรษฐกิจพิเศษ ตาก 3.2 ผลการวิเคราะห์ความสมั พนั ธ์โครงสร้างเชิงเส้นของปัจจยั ที่สง่ ผลตอ่ ทกั ษะ ชีวิตและอาชีพของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาตอนปลายในเขตพฒั นาเศรษฐกิจพิเศษตาก ที่พฒั นา แล้วและมีความสอดคล้องกบั ข้อมลู เชิงประจกั ษ์ แสดงผลตามลาดบั ดงั นี ้ 3.2.1 ภาพแสดงรูปแบบความสมั พนั ธ์เชิงสาเหตขุ องปัจจยั ท่ีส่งผลต่อ ทกั ษะชีวิตและอาชีพของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาตอนปลายในเขตพฒั นาเศรษฐกิจพเิ ศษตาก 3.2.2 ผลการตรวจสอบความตรงของรูปแบบความสมั พนั ธ์เชิงสาเหตขุ อง ปัจจัยท่ีส่งผลต่อทักษะชีวิตและอาชีพของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาตอนปลายในเขตพัฒน า
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230