Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติวันสงกรานต์

ประวัติวันสงกรานต์

Published by Donchedi Library, 2021-04-10 06:24:08

Description: ประวัติวันสงกรานต์

Search

Read the Text Version

วนั สงกรานต์ ป ร ะ วั ติ วั น ส ง ก ร า น ต์

สงกรานต์ คอื ประเพณขี องประเทศไทย ลาว กมั พูชา พมา่ ชนกลมุ่ น้อยชาวไตแถบเวยี ดนาม และ มนฑลยนู านของจนี รวมถงึ ศรลี งั กา และประเทศทาง ตะวนั ออกของประเทศอินเดยี สนั นิษฐานกนั วา่ ประเพณี สงกรานตน์ น้ั ได้รบั วฒั นธรรมมาจากเทศกาลโฮลีในอนิ เดีย แตเ่ ทศกาลโฮลีจะใชก้ ารสาดสแี ทน โดยจะจัดให้มีขึน้ ในทุก วนั แรม 1 คา่ เดอื น 4 ซงึ กค็ อื เดอื นมีนาคม สงกรานต์ เป็นคา่ ในภาษา สนั สกฤต ทีหมายถึง การเคลอื นยา้ ย โดยเป็นการอปุ มาถึงการ เคลอื นยา้ ยการประทบั ในจกั รราศี หรอื การเคลือนเข้าสูป่ ใี หมต่ ามความเชือของไทยและบาง ประเทศในแถบเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ ประเพณีสงกรานตน์ นั้ มสี บื ทอดกันมาต้ังแต่โบราณคู่กบั ตรุษ จงึ มกั เรียกรวมกันว่า ประเพณตี รุษสงกรานต์ หมายถงึ การสง่ ท้ายปีเกา่ ตอ้ นรับปใี หม่ เดิมที วันทีจัดสงกรานตน์ นี้ ้ันจะมกี ารคา่ นวณทางดาราศาสตร์ แต่ในปจั จบุ ันไดม้ กี ารก่าหนดวนั ทแี น่นอน

คอื ตงั้ แต่ 13 – 15 เมษายน แต่เดิม วนั ข้นึ ปีใหมไ่ ทย คอื วนั เริมปีปฏิทนิ ของไทยจนถงึ พ.ศ. 2431 และไดม้ ีการเปลียนแปลงมาเปน็ วันที 1 เมษายน เป็นวันขึน้ ปใี หม่จนถงึ พ.ศ. 2483 ประวัติวนั สงกรานต์ เมอื ครง้ั กอ่ น พิธีสงกรานต์ เปน็ พธิ กี รรมทเี กิดขึน้ ภายในครอบครวั หรือชมุ ชนบา้ นใกล้เรือนเคยี ง แต่ใน ปัจจุบันได้มีการเปลียนแปลงใหพ้ ธิ ีสงกรานต์นน้ั เปน็ เทศกาลสงกรานต์ โดยได้ขยายออกไปสู่คมเปน็ วง กวา้ งมากข้ึน และมแี นวโน้มทีจะเปลยี นทัศคติ ตลอดจนความเชือไป แต่เดมิ ในพธิ ีสงกรานตจ์ ะใช้ น้่า เป็นสัญลักษณท์ เี ปน็ องค์ประกอบหลกั ของพธิ ี แกก้ นั กับความหมายของฤดรู อ้ น ชว่ งเวลาทพี ระอาทิตย์ เคลอื นเข้าสรู่ าศีเมษ ในวนั นจี้ ะใช้นา้่ รดให้แก่กันเพอื ความชมุ่ ชนื มีการขอพรจากผใู้ หญ่ มกี ารรา่ ลกึ และ กตญั ญตู อ่ บรรพบรุ ุษทีลว่ งลบั ตอ่ มาในสังคมไทยสมยั ใหม่เกดิ เปน็ ประเพณีกลบั บา้ นในช่วงเทศกาล สงกรานต์ นับวา่ วนั สงกรานต์เปน็ วนั ครอบครวั อกี ท้ังยงั มีประเพณที สี บื ทอดมาตงั้ แตด่ ้งั เดิม อย่าง การ สรงน่า้ พระทนี ่ามาซึงความเป็นสริ ิมงคล เพอื ให้เป็นการเริมต้นปีใหมท่ มี คี วามสขุ ปัจจบุ ันได้มกี ารประชาสัมพันธ์ในเชงิ ท่องเทยี ววา่ เปน็ Water Festival หรอื เทศกาลแห่งนา้ โดยได้ตดั ข้อมลู ในส่วนทเี ปน็ ความเชือดง้ั เดมิ ออกไป

ตา้ นานวนั สงกรานต์ การก่าเนดิ วันสงกรานต์ มเี รอื งเล่าสบื ตอ่ กันมาโดยใจความจารกึ ทีวดั พระเชตพุ นวิมลมังคลารามฯ ว่า … เมือต้นภัทรกลั ป์ มเี ศรษฐีคนหนึง มังมีทรัพย์มาก แต่ไม่มีบุตร บา้ นอยูใ่ กลก้ ับนักเลงสรุ า ซงึ นักเลงสรุ านนั้ มีบุตร 2 คน ทผี วิ เน้ือดจุ ดังทอง วนั หนงึ นักเลงสรุ าเข้าไปในบา้ นของเศรษฐผี ูน้ ้นั แลว้ ด่าดว้ ยถอ้ ยคา่ ที หยาบคายตา่ งๆ นานๆ เศรษฐีเมอื ไดฟ้ งั แลว้ จึงถามว่า พวกเจา้ มาพดู หยาบคายดหู มิ่นเราผเู้ ป็นเศรษฐเี พราะเหตใุ ด พวกนักเลงสรุ าจึงตอบวา่

ท่านมีสมบัติมากมายแต่หามบี ุตรไม่ เม่ือทา่ นตายไป สมบัตกิ จ็ ะอนั ตรธานไปมหด หาประโยชน์อนั ใดมไิ ด้ เพราะขาดทายาทผูป้ กครอง ขา้ พเจา้ มีบตุ รถงึ 2 คน อีกท้ังรปู ร่างงดงามเสยี ดว้ ย ขา้ พเจา้ จงึ ดกี วา่ ทา่ น เศรษฐีครนั้ ไดฟ้ ังกเ็ ห็นจรงิ ดว้ ย จึงเกดิ ความละอายต่อนกั เลงสุรายิงนกั นึกใคร่อยากไดบ้ ุตรบ้าง จากน้นั ได้ ทา่ การบวงสรวงพระอาทติ ยแ์ ละพระจนั ทร์ ตงั้ จติ อธษิ ฐานเพือขอใหม้ ีบตุ ร เมอื อยูถ่ ึง 3 ปี ก็มิไดม้ ีบตุ ร ตามทปี ราถนา เมือขอบุตรจากพระอาทติ ย์และพระจันทร์มไิ ดต้ ามดงั ทีปราถนา อยมู่ าวนั หนงึ เมือถึงฤดูคมิ หันต์ จิตรมาส (เดอื น 5) โลกสมมตวิ า่ เปน็ วันมหาสงกรานต์ คอื พระอาทติ ย์ยกจากราศีมนี ประเวสสู่ราศีเมษ ผ้คู น ทั้งหลายตา่ งพากนั เล่นนกั ขัตฤกษ์อนั เป็นการรืนเริงขน้ึ ปใี หม่ไปทวั ท้งั ชมพทู วีป ขณะนัน้ เศรษฐีจึงพาขา้ ทาสบรวิ ารไปยังตน้ ไทรริมฝ่ังแมน่ า้่ อนั เปน็ ทอี ยู่แหง่ ปกั ษีชาติทง้ั หลาย เอาขา้ วสารซาวนา้่ 7 ครง้ั แลว้ หงุ บชู า รกุ ขพระไทร พร้อมด้วยสูปพยญั ชนะอันประณีต และประโคมดว้ ยดุรยิ างค์ดนตรีตา่ งๆ ต้ังจิต อธษิ ฐานขอบตุ รจากรุกขพระไทร รกุ ขพระไทรมคี วามกรุณา เหาะไปขอบุตรกบั พระอนิ ทรใ์ หก้ บั เศรษฐี ต่อมา พระอนิ ทรจ์ งึ ให้ธรรมบาลเทวบตุ รลงไปปฏสิ นธิในครรภ์ บดิ ามารดาจงึ ขนานนามวา่ ธรรมบาล กุมาร แล้วปลกู ปราสาทขนึ้ ใหก้ มุ ารอยใู่ ต้ตน้ ไทรรมิ สระฝง่ั แม่นา่้ น้นั ครนั้ เมือกมุ ารเจรญิ ขน้ึ ก็รู้ภาษานก และเรียนจบไตรเพทเมือมอี ายไุ ด้ 8 ขวบ อีกทงั้ ยงั ไดเ้ ปน็ อาจารย์บอกมงคลการตา่ งๆ แกม่ นุษยช์ าวชมพู

ทวีปท้ังปวง ซึงขณะนนั้ โลกทง้ั หลายนบั ถอื ทา้ วมหาพรหม มีกบลิ พรหมองค์หนึงไดแ้ สดงมงคลการแก่ มนษุ ยท์ ั้งปวง เมือกบลิ พรหมได้แจง้ เหตุทธี รรมกมุ ารเปน็ ผมู้ ชี อื เสียง เปน็ ทีนบั ถือของมนุษย์ชาวโลก ทงั้ หลาย จงึ ไดล้ งมาถามปญั หาแกธ่ รรมกมุ าร 3 ขอ้ ดงั ความว่า 1. เวลาเชา้ สิริ คอื ราศีอยู่ทไี หน 2. เวลาเทียง สิริ คอื ราศีอยทู่ ีไหน 3. เวลาเย็น สิริ คอื ราศอี ยู่ทไี หน และทา้ วกบิลพรหมได้ให้สญั ญาว่า ถา้ ท่านแก้ปญั หา 3 ขอ้ นีไ้ ด้ เราจะตดั ศีรษะมาบชู าท่าน ถ้าทา่ นแก้ ไม่ได้ เราจะตดั ศรี ษะของทา่ นเสีย ธรรมกมุ ารรบั สัญญา แตผ่ ลัดแก้ปัญญาไป 7 ทา้ วกบลิ พรหมกก็ ลบั ไป ยังพรหมโลก ฝา่ ยธรรมบาลกมุ ารพิจารณาปัญหาน้นั ลว่ งไปได้ 6 แลว้ แตก่ ็ยังไม่เห็นอบุ ายทจี ะตอบปญั หาได้ จงึ คดิ ว่า พร่งุ น้แี ลว้ หนอทเี ราจะตอ้ งตายดว้ ยอาญาของทา้ วกบลิ พรหม เราหาต้องการไม่ จา่ จะหนไี ปซกุ ซอ่ นตน เสยี ดีกว่า เมอื คดิ แลว้ ก็ลงจากปราสาท ออกเทียวนอนทตี น้ ตาล 2 ต้นซึงมีนกอินทรี 2 ตัวผวั เมยี ทา่ รงั อยู่ บนต้นตาลนน้ั

ขณะทธี รรมบาลกมุ ารนอนอยใู่ ต้ตน้ ตาลนน้ั พลางไดย้ นิ เสยี งนางนกอนิ ทรีถามผวั วา่ พรงุ่ นี้เราจะไปหา อาหารท่ไี หน นกอินทรีตัวผูจ้ ึงตอบว่า พร่งุ นี้ครบ 7 วันทท่ี ้าวกบลิ พรหมถามปญั หาแกธ่ รรมบางกมุ าร แต่ หากธรรมบาลกมุ ารแกไ้ ม่ได้ ทา้ วกบลิ พรหมก็จะตัดศรี ษะเสยี ตามสัญญา เราทง้ั 2 จะได้กินเนื้อมนุษย์ คอื ธรรมบาลกมุ ารเปน็ อาหาร นางนกอินทรจี งึ ถามวา่ ทา่ นรู้ปัญหาหรือ ผผู้ ัวตอบวา่ รู้ แล้วกเ็ ล่าให้นางนก อินทรฟี ังตง้ั แต่ต้นจนปลายวา่ 1. เวลาเชา้ ราศอี ยู่ที หน้า คนทง้ั หลายจงึ เอานา่้ ลา้ งหนา้ 2. เวลาเทยี ง ราศีอยทู่ ี อก คนท้ังหลายจงึ เอานา่้ และแป้งกระแจะจนั ทรล์ ูกไล้ทีอก 3. เวลาเย็น ราศีอยทู่ ี เทา้ คนทัง้ หลายจงึ เอานา้่ ลา้ งเทา้ ธรรมบาลกมุ ารทนี อนอยใู่ ต้ตน้ ไม้ไดย้ ินการสนทนาของทงั้ สองกจ็ า่ ได้ จงึ มคี วามโสมนัส ปตี ิ ยินดีเปน็ อัน มาก จึงเดินทางกลับมาทีปราสาทของตน คร้ันถึงวาระเป็นค่ารบ 7 วนั ตามสัญญา ทา้ วกบลิ พรหมกล็ งมา ถามปญั หาท้ัง 3 ข้อตามทนี ัดหมายกนั ไว้ ธรรมบาลกมุ ารกว็ ิสชั นาแกป้ ญั หาทัง้ 3 ข้อตามทไี ดฟ้ งั มาจาก นกอินทรีนั้น ทา้ วกบลิ พรหมยอมรับวา่ ถูกต้อง และยอมแพ้แกธ่ รรมบาล จา่ ต้องตัดศรี ษะของตนั บูชา ตามทสี ญั ญาไว้ แต่กอ่ นทจี ะตดั ศรี ษะ ได้เรยี กธิดาท้ัง 7 อนั เป็นบาทบรจิ ารกิ าของพระอินทร์ คือ

1. นางทุงษะเทวี 2. นางรากษเทวี 3. นางโคราคเทวี 4. นางกริ ณิ เี ทวี 5. นางมณฑาเทวี 6. นางกมิ ทิ าเทวี 7. นางมโหธรเทวี

อันโลกสมมตวิ า่ เปน็ องค์มหาสงกรานต์กบั ทงั้ เทพบรรษัทมาพร้อมกัน จงึ ได้บอกเรอื งราวให้ทราบและตรสั ว่า พระเศยี รของเราน้ี ถา้ ตงั้ ไว้บนแผ่นดนิ กจ็ ะเกิดไฟไหม้ไปทัวโลกธาตุ ถ้าจะโยนข้นึ ไปบนอากาศฝนกจ็ ะ แล้ง เจา้ ท้ัง 7 จงเอาพานมารองรับเศยี รของบิดาไว้เถดิ ครนั้ แลว้ ทา้ วกบิลพรหมกต็ ดั พระเศยี รแค่พระศอ ส่งให้นางทงุ ษะเทวธี ดิ าองค์ใหญใ่ นขณะนั้น โลกธาตกุ เ็ กิดโกลาหลอลเวงยงิ นกั เมอื นางทุงษะมหาสงกรานต์นา่ พานมารองรบั พระเศยี รของทา้ วกบลิ พรหม แลว้ ใหเ้ ทพบรรษทั แห่ ประทักษิณเวยี นรอบเขาพระสุเมรุ 60 นาที จากนั้นจงึ เชญิ เข้าประดิษฐานไวใ้ นมณฑป ณ ถ่า้ คนั ธลุ ี เขา ไกรลาศ กระท่าการบูชาดว้ ยเครืองทิพยต์ า่ งๆ ต่อมาพระวิษณกุ รรมเทพบตุ รได้เนรมติ โลงแก้ว อัน ประกอบไปด้วยแกว้ 7 ประการ แลว้ ให้เทพยดาท้งั หลายน่ามาซึงเถาฉมนุ าตลงลา้ งน่า้ ในสระอโนดาต 7 ครัง้ แลว้ แจกกันสงั เวยทัวทุกๆ พระองค์ คร้ันได้วาระครบก่าหนด 365 วัน โลกสมมตวิ ่าปหี นงึ เปน็ วัน สงกรานต์ เทพธดิ าทัง้ 7 กท็ รงเทพพาหนะตา่ งๆ ผลดั เปลยี นเวียนมาเชิญพระเศียรท้าวกบลิ พรหมออกแห่ พรอ้ มดว้ ยเทพบรรษแสนโกฏิประทกั ษณิ เวยี บรอบเขาพระสเุ มรรุ าชบรรษทั เป็นเวลา 60 นาที แล้วจงึ นา่ กลบั ไปประดษิ ฐานไว้ตามเดิม ซงึ ในแต่ละปกี จ็ ะมีนางสงกรานต์แตล่ ะนางมาท่าหน้าทผี ลดั เปลียนกันตาม วันมหาสงกรานต์

กิจกรรมวันสงกรานต์ การทา้ บญุ ตกั บาตร นบั วา่ เปน็ การสร้างบญุ สรา้ งกุศลใหก้ ับตนเอง อกี ทัง้ ยงั เปน็ การอทุ ศิ สว่ นกศุ ลนน้ั ให้แก่ผทู้ ลี ว่ งลบั ไปแลว้ การทา่ บญุ ในลักษณะน้ีมกั จะมกี ารเตรียมไว้ลว่ งหน้า เมือถงึ เวลาทา่ บญุ ก็จะน่า อาหารไปตกั บาตรถวายพระภิกษุทีศาลาวดั โดยจดั เปน็ ทีรวมสา่ หรบั การท่าบุญ ในวันเดียวกันน้ีหลังจากที ไดท้ ่าบุญเสรจ็ เรยี บรอ้ ย กจ็ ะมกี ารก่อเจดยี ท์ รายอนั เปน็ ประเพณที สี ่าคญั ในวันสงกรานตอ์ กี ด้วย การรดน้า นับได้วา่ เปน็ การอวยพรปใี หมใ่ หแ้ กก่ ันและกนั น้า่ ทีน่ามาใชร้ ดหัวในการนม้ี กั เปน็ นา่้ หอมเจือ ด้วยน่า้ ธรรมดา การสรงนา้ พระ เป็นการรดน้า่ พระพุทธรูปทบี ้านและทวี ดั ซึงในบางทกี จ็ ะมกี ารจดั ใหส้ รงน่า้ พระสงฆ์ เพิมเติมด้วย การบังสกุ ลุ อฐั ิ ส่าหรับเถา้ กระดูกของญาติผ้ใู หญ่ทีได้ล่วงลบั ไปแล้ว มกั ทา่ ทีเก็บเป็นลักษณะของเจดีย์ จากนน้ั จะนิมนตพ์ ระไปบงั สุกุล การรดนา้ ผู้ใหญ่ คอื การทเี ราไปอวยพรผ้ใู หญใ่ ทหี ค้ วามเคารพนับถอื อยา่ ง ครูบาอาจารย์ มักจะนงั ลงกบั ที จากนัน้ ผู้ทีรดกจ็ ะเอาน่้าหอมเจอื กับนา้่ ธรรมดารดลงไปทีมอื ผหู้ ลักผู้ใหญ่กจ็ ะให้ศีลใหพ้ รผูท้ ีไปรด หาก

เปน็ พระกอ็ าจน่าเอาผ้าสบงไปถวายเพือใหผ้ ลัดเปลยี นด้วย แต่หากเปน็ ฆราวาสก็จะหาผา้ ถงุ หรือ ผ้าขาวมา้ ไปให้เปลียน มคี วามหมายกบั การเริมตน้ สงิ ใหม่ๆ ในวันปใี หมไ่ ทย การด้าหวั มจี ดุ ประสงคค์ ล้ายกบั การรดนา่้ ของทางภาคกลาง สว่ นใหญจ่ ะพบเหน็ การดา่ หวั ได้ทาง ภาคเหนือ การด่าหัวทา่ เพอื แสดงความเคารพตอ่ ผู้ทอี าวโุ สวา่ ไม่ว่าเปน็ พระ ผสู้ ูงอายุ ซงึ จะมกี ารขอขมา ในสงิ ทไี ดล้ ่วงเกนิ หรอื เป็นการขอพรปใี หมจ่ ากผู้ใหญ่ ของทใี ชใ้ นการด่าหัวหลกั ๆ ประกอบดว้ ย อาภรณ์ มะพร้าว กลว้ ย ส้มปอ่ ย เทยี น และดอกไม้ การปลอ่ ยนกปลอ่ ยปลา ถือวา่ การลา้ งบาปทีเราได้ทา่ ไว้ เปน็ การสะเดาะเคราะหร์ ้ายให้กลายเป็นดี มีแต่ความสุข ความสบายในวันข้นึ ปใี หม่ การขนททรายเขา้ วัด ในทางภาคเหนือนยิ มขนทรายเข้า วดั เพือเปน็ นมิ ิตโชคลาคใหพ้ บแต่ความสขุ ความเจรญิ เงินทองไหลมาเทมาดจุ ทรายทีขนเข้าวดั แต่กม็ ีบางพน้ื ที มีความเชือวา่ การนา่ ทรายทตี ดิ เทา้ ออกจากวดั เป็นบาป จงึ ต้องขนทรายเขา้ วดั เพอื ไมใ่ หเ้ กดิ บาป


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook