เตย..
เตย (Pandom wangi) หรือบางคร้ังเรยี ก เตยหอม เปน็ พชื ท่ีนิยมใบมาใชป้ ระโยชนท์ างดา้ นอาหาร มาก เนื่องจากใบมกี ลนิ่ หอมอ่อนคล้ายขา้ วใหม่ ซ่งึ ช่วยปรับแต่งกลิน่ ของอาหารใหน้ า่ รับประทานขึ้น รวมถึง น้ามนั หอมระเหยจากใบยังใช้ประโยชนใ์ นทางยา และความสวยความงามไดด้ ้วย วงศ์ : Pandanaceae • ชนิด : P. amaryllifolius Roxb. • ถิ่นกำเนดิ : ประเทศไทย และแถบประเทศมาลายู • ช่อื วิทยำศำสตร์ : Pandanus amaryllifolius Roxb. • ชอื่ พ้องวทิ ยำศำสตร์ : Pandanus ordorus Ridl. • ชือ่ สำมัญ : – Pandom wangi – Pandanus • ช่ือท้องถิ่น :ภำคกลำง และทั่วไป – เตย/ตน้ เตย/ใบเตย (ทุกภาค) – เตยหอม – เตยหอมใหญ่ – เตยหอมเล็ก ภำคเหนอื – หวานข้าวใหม้ ภำคใต้ และแถบมลำยู – ปาแนะวองิง – ปาแง๊ะออริง – ปาแป๊ะออรงิ จีน – พงั ลั้ง
กำรแพร่กระจำย 1. เตยมีหนาม หรอื มักเข้าใจว่า เป็นเตยต้นตัวผู้ หรือทเ่ี รยี กว่า ต้นล้าเจยี ก หรอื เตยทะเลลา้ ต้นออกดอก และ ดอกมีกล่นิ หอม ไม่นยิ มนา้ ใบมาท้าอาหาร แตน่ ยิ มใชด้ อกมาประกอบอาหาร รวมถงึ นา้ ใบใชใ้ นการจกั สาน 2. เตยไม่มีหนาม หรือมักเข้าใจว่า เปน็ เตยต้นตวั เมีย หรือท่ีเรียกวา่ เตย หรอื เตยหอม มีล้าต้นเล็กกว่าเตย หนาม ไมม่ ีดอก นยิ มน้ามาคน้ั เอาน้าส้าหรับใชป้ ระกอบอาหารหรือท้าขนมหวาน เตย หรอื เตยหอม เปน็ พืชท่ี มถี ิ่นกา้ เนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศอินเดีย รวมถงึ ทวปี อนื่ เชน่ แอฟรกิ า และออสเตรเลีย ชอบข้ึนตามพ้นื ท่ชี ุม่ รมิ ลา้ นา้ หรือบรเิ วณช้นื แฉะทมี่ ีน้าขงั เล็กน้อย ลกั ษณะทำงพฤกษศำสตร์ ลำต้น เตยหรอื เตยหอม เปน็ พชื ใบเล้ียงเดี่ยว มลี า้ ต้นทรงกลม และเป็นข้อส้ันๆถกี่ นั โผลข่ ้ึนมาจากดนิ เพยี งเล็กนอ้ ย โคนล้าต้นแตกรากแขนงออกเปน็ รากค้าจุนหรือเรยี กวา่ รากอากาศ ลา้ ตน้ สามารถแตกหนอ่ เปน็ ตน้ ใหม่ได้ ท้า ใหม้ องเปน็ กอหรอื เป็นพุม่ ใหญๆ่ ทร่ี วมความสูงของใบแลว้ สามารถสงู ได้มากกวา่ 1 เมตร ใบ ใบเตย แตกออกเป็นใบเดย่ี วด้านข้างรอบลา้ ต้น และเรียงสลบั วนเปน็ เกลยี วข้ึนตามความสูงของลา้ ตน้ ใบมลี กั ษณะเรยี วยาวเปน็ รปู ดาบ ปลายใบแหลม สเี ขยี วสด ใบชเู ฉยี งแนบไปกับลา้ ต้น แผ่นใบเป็นมัน กว้าง ประมาณ 2-3 เซนติเมตร ยาวประมาณ 30-50 เซนตเิ มตร แผ่นใบ และขอบใบเรียบ แผ่นใบดา้ นลา่ งมีสจี าง กว่าด้านบน มีเส้นกลางใบลึกเป็นแอง่ ตนื้ ๆตรงกลาง ใบน้สี ่งกลิน่ หอมตลอดเวลา เพราะมีน้ามนั หอมระเหย และสาร ACPY ดอก 1. ใบเตยน้ามาบด และคน้ั แยกน้า กอ่ นน้าไปผสมท้าขนมหรือของหวานต่างๆ เชน่ ขนมเปยี กปูน ขนมชั้น เป็น ตน้ เนอ่ื งจากใหส้ ีเขียวสด และใหก้ ล่ินหอมเปน็ ธรรมชาติ 2. นา้ ใบเตยมา 5-10 ใบ บดคั้นผสมน้า และกรองแยกน้าออก ก่อนนา้ มาตม้ อนุ่ พร้อมกับเตมิ นา้ ตาลลง เล็กน้อยตามความหวานทีต่ ้องการ เรยี กวา่ น้าใบเตย 3. ใบเตยนา้ มาห่อทา้ ขนมหวาน เช่น ขนมตะโก้ 4. ใบน้ามามดั รวมกัน ใชส้ า้ หรบั วางในหอ้ งน้า ห้องรับแขกเพอ่ื ให้อากาศมีกล่นิ หอม ชว่ ยในการดับกล่ิน 5. ใบเตยสดน้ามายดั หมอน ชว่ ยใหม้ กี ล่นิ หอม
6. ใบน้ามาสกดั น้ามันหอมระเหยท่ีเรียกวา่ Fragrant Screw Pine ให้กล่ินหอมอ่อนๆ มีประโยชน์ในดา้ น อาหาร เครื่องส้าอาง และยา 7. สารสกัดจากใบเตยน้ามาใชเ้ ปน็ สารแต่งกล่ินบุหรี่ 8. ใบเตยสดน้ามาสบั เปน็ ชิ้นเล็กๆ นา้ ไปตากแดดใหแ้ หง้ ก่อนใช้ชงเปน็ ชาดมื่ 9. น้ามนั หอมระเหยจากเตยน้าไปเปน็ สว่ นผสมของน้ายาปรับอากาศ 10. สารสกัดจากใบเตยน้าไปเคลือบขา้ วสารที่ไม่มกี ลน่ิ หอม หลงั จากน้ามาหงุ แลว้ จะช่วยให้มกี ล่ินหอม 11. สารสกดั จากใบเตยใชเ้ ปน็ สารป้องกันการหนื ของอาหาร น้ามนั ปาลม์ และผลติ ภณั ฑ์อาหารสัตว์ 12. สารสกดั จากใบเตยใช้เป็นส่วนผสมของเคร่ืองสา้ อาง ครีมทาผวิ 13. น้าคน้ั ใบเตยนา้ มาผสมทา้ แซมพู สบู่ หรอื ครมี นวด 14. น้ามันหอมระเหยใบเตยใชเ้ ปน็ ส่วนผสมทางยา 15. ใบเตยสดน้ามามัดเป็นก้า ใชข้ ดั ถูพ้นื ชว่ ยใหพ้ ืน้ เงางาม และมีกล่ินหอม 16. ใบเตยสด นา้ มามดั รวมกับดอกไม้อ่นื ๆ ใช้สา้ หรับถวายหรือบูชาพระ คุณคำ่ ทำงโภชนำกำรใบเตย ( 100 กรมั ) – พลงั งาน : 35 กโิ ลแคลอรี่ – น้า : 85.3 กรัม – โปรตีน : 1.9 กรมั – ไขมัน : 0.8 กรมั – คาร์โบไฮเดรต : 4.9 กรมั – เส้นใย : 5.2 กรัม – เถา้ : 1.9 กรมั – แคลเซยี ม : 124 มิลลกิ รัม – ฟอสฟอรัส : 27 มิลลิกรัม – เหลก็ : 0.1 มลิ ลกิ รมั – เบตา้ แคโรทีน : 2987 ไมโครกรัม – วิตามนิ A : 498 RE – ไทอามีน : 0.20 มลิ ลิกรมั – ไรโบฟลาวิน : 1.2 มลิ ลกิ รัม – ไนอาซนี : 3 มลิ ลิกรัม – วติ ามนิ C : 100 กรมั สรรพคณุ เตย/ใบเตย ใบเตย – แก้อาการเป็นไข้ – ชว่ ยให้รา่ งกายสดชื่น ชว่ ยฟื้นฟูรา่ งกายจากอาการบาดเจ็บหรือหลังจากการหายปว่ ย – แก้อาการท้องอืด อาหารไม่ยอ่ ย – แก้ร้อนใน – แก้กระหายน้า – แกอ้ ่อนเพลยี – ช่วยขับปัสสาวะ – บา้ รุงหวั ใจ ชกู า้ ลัง – ดบั พิษไข้ – รักษาโรคหัด – รกั ษาโรคสุกใส – แกโ้ รคผิวหนัง – ชว่ ยลดระดบั นา้ ตาลในเลือดได้ – บรรเทาอาการอาหารไมย่ ่อย – แก้อาการท้องอืด – ลดความดนั เลอื ด – ชว่ ยกระตุ้นใหห้ วั ใจเต้นปกติ นำมนั หอมระเหยจำกใบเตย – แกอ้ าการหน้าท้องเกร็ง – แกป้ วดตามขอ้ และกระดูก – ช่วยให้ผอ่ นคลาย ลดอาการปวดหัว – แก้โรคลมชัก – ลดอาการเจ็บคอ ลดอาการอักเสบในล้าคอ รำก และลำตน้ เตย – ใชบ้ ้ารุงหัวใจ – รักษาโรคเบาหวาน – ทา้ ใหค้ อชุ่มชน่ื แก้กระหายน้า – แก้ขบั เบาพิการ ชว่ ยขับปัสสาวะ – ชว่ ยละลายกอ้ นนิว่ ในไต – แก้หนองใน – แกพ้ ิษโลหติ – แกก้ ลา้ มเน้ืออ่อนเพลีย – แก้ตานซางในเดก็ กำรปลูกเตย การปลกู เตยในปจั จบุ นั นยิ มปลูกด้วยการแยกเหงา้ หรือหนอ่ ปลกู ทัง้ น้ี เตยสามารถขน้ึ ได้ดใี นที่ชุ่ม และทนต่อ สภาพดนิ ช้ืนแฉะไดด้ ี แต่ควรเลอื กพ้นื ทีป่ ลกู ไม่ให้น้าทว่ มขังงา่ ย
กำรเตรยี มแปลง แปลงปลกู เตย ควรไถแปลง และตากดินกอ่ น 5-10 วัน พร้อมก้าจดั วชั พืชออกให้หมด ก่อนหวา่ นดว้ ยปยุ๋ คอก อัตรา 2 ตัน/ไร่ และปยุ๋ ยูเรยี อัตรา 10 กโิ ลกรัม/ไร่ พร้อมไถกลบ กำรปลูก การปลกู เตย ควรปลกู ในชว่ งฤดูฝน เพราะดินจะช้นื ดี ท้าให้ต้นเตยตดิ และตงั้ ตวั ไดง้ า่ ย ดว้ ยการขุดหลุมปลกู เป็นแถว ระยะหลุม และระยะแถวที่ 50 เซนติเมตร หรือที่ 30 x 50 เซนติเมตร กอ่ นน้าต้นพันธเุ์ ตยลงปลูก กำรให้นำ หลงั จากปลูกเตยเสร็จ ควรให้น้าทนั ที แต่หากดนิ ช้ืนมากก็ไม่จา้ เปน็ ต้องให้ และให้น้าเป็นประจา้ ทุกๆ 7-10 วัน ข้นึ อยกู่ ับความช้ืนดิน และฝนทีต่ ก กำรใสป่ ๋ยุ หลังจากปลกู แล้ว 2-3 เดือน ให้ใสป่ ุ๋ยสตู ร 24-12-12 อัตรา 10 กโิ ลกรัม/ไร่ หยอดรอบโคนต้น และให้อีกครัง้ 5-6 เดอื น หลังปลกู โดยใช้การหว่านทว่ั ท้งั แปลงหรือหยอดรอบโคนตน้ หากไมแ่ ตกกอมาก กำรเกบ็ ใบเตย หลงั จากการปลกู แลว้ ประมาณ 8 เดือน ก็สามารถเริม่ เกบ็ ใบเตยได้ โดยมีวิธเี ก็บใบเตย 2 แบบ คอื – แบบไว้หน่อ คือ ให้เก็บใบเตยด้วยการใชม้ ีดตัดยอด โดยเลอื กตัดเฉพาะตน้ ที่ใหญม่ ากหรือตน้ ที่แก่สุด และให้ เหลือกอหรือยอดท่เี ลก็ ไว้ ซึ่งเพียง 4-5 เดอื น กส็ ามารถเก็บใบหรือยอดเตยได้อีกครัง้ วิธนี ้ี เกษตรกรนิยมทา้ มากที่สดุ – แบบไม่ไวห้ นอ่ คือ การใช้มัดตัดตน้ เตยทั้งหมดออก เหลือเพยี งเหง้าหรือโคนต้นตอไว้ เพ่อื ให้แตกหน่อใหม่ วธิ นี ้ี ไมค่ อ่ ยนิยมนัก เพราะต้องรอให้เตยแตกหน่อ และดแู ลให้เตบิ โต ซงึ่ กว่าจะเก็บใบไดก้ ็ต้องใช้เวลานานขึ้น
Search
Read the Text Version
- 1 - 5
Pages: