Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ๑๐๘ ที่กรุงเทพฯ

๑๐๘ ที่กรุงเทพฯ

Published by Donchedi Library, 2020-04-27 03:32:04

Description: ๑๐๘ ที่กรุงเทพฯ ฉบับปรับปรุงเเละเพิ่มเติม

Search

Read the Text Version

เสาชิงชา้ วดั สุทศั น์ ในตอนปลายรชั กาลท่ี ๑ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลก มหาราช มีพระราชประสงค์จะสร้างวัดใหญ่ไว้กลางพระนคร มีหมาย กำ� หนดการขดุ รากพระอโุ บสถ (คอื พระวหิ ารในปจั จบุ นั ) วา่ ทำ� ในวนั จนั ทร์ เดือน ๓ ข้ึน ๕ ค�่ำ ส่วนการก่อรากพระอโุ บสถได้มาทำ� เมื่อวนั พฤหสั บดี เดอื น ๖ ข้นึ ๑๑ ค�่ำ ปีมะโรง ตรงกับวันท่ี ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๕๑ ในระหวา่ งทท่ี ำ� การกอ่ สรา้ งนนั้ เอง พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราชไดม้ พี ระบรมราชโองการรบั สงั่ ใหพ้ ระพเิ รนทรเทพขนึ้ ไป อญั เชญิ พระพทุ ธรปู องคใ์ หญใ่ นพระวหิ ารหลวงวดั มหาธาตุ เมอื งสโุ ขทยั ลงมา (ภายหลงั ถวายพระนามวา่ พระศรสี ากยมนุ )ี เปน็ พระหลอ่ ดว้ ยโลหะ หน้าตกั กว้าง ๓ วา ๑ คืบ สงู ๔ วาถ้วน เมือ่ พระพทุ ธรปู มาถงึ นั้น เสาชิงช้าหน้าวัดสทุ ัศนเทพวราราม 56 ๑๐๘ ทก่ี รุงเทพฯ

เป็นวันเดียวกันกับวันก่อรากพระอุโบสถ ได้ทอดทุ่นอยู่กลางน�้ำหน้า พระต�ำหนักแพ โปรดให้มีมหรสพสมโภช ๓ วัน คร้ันถึงวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๕๑ จึงอญั เชิญขนึ้ จากแพไปยังวดั และพระบาท สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จพระราชด�ำเนินด้วย พระบาทตามกระบวนไปด้วยทั้งๆ ทที่ รงพระประชวร อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างได้มาส�ำเร็จเรียบร้อยในรัชกาลท่ี ๓ พระราชทานนามว่า “วดั สทุ ัศนเทพวราราม” นมิ นต์พระสงฆ์อยู่ประจำ� ตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ เป็นต้นมา ท่ีหน้าวัดสุทัศนเทพวรารามปัจจุบันมีเสาชิงช้าต้ังอยู่ แต่ตาม ประวัติเดิมเสาชิงช้าไม่ได้ตั้งอยู่กลางถนนบ�ำรุงเมืองอย่างที่เห็น แต่อยู่ ทางด้านหน้าโบสถ์พราหมณ์ค่อนไปทางเหนอื ครน้ั ถงึ สมยั รชั กาลที่ ๕ โปรดใหส้ รา้ งตลาดเสาชงิ ชา้ ใหม่ ตอ้ งยา้ ย เสาชิงช้ามาไว้ทางหน้าวดั สุทัศนเทพวราราม (ในราว พ.ศ. ๒๔๔๔ หรอื ก่อนน้ันเล็กน้อย) แต่เสาชิงช้าจะสร้างข้ึนเมื่อไรน้ันยังไม่พบหลักฐาน ทีช่ ัดเจน มกี ล่าวไว้ในหนังสือ คนแรก ว่า พราหมณ์ผู้หนง่ึ ชอ่ื พระครู สทิ ธชิ ยั (กระตา่ ย) กราบบงั คมทลู พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลก มหาราชว่า ในการประกอบพระราชพธิ ตี รยี ัมปวายของพราหมณ์จำ� เป็น ต้องมีการโล้ชิงช้า จึงโปรดให้สร้างเสาชิงช้าข้ึนท่ีหน้าโบสถ์พราหมณ์ เมื่อวนั ที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๗ เรอ่ื งน้จี ะเป็นหลกั ฐานได้เพยี งไร เป็นเรอื่ งทีจ่ ะต้องตรวจสอบต่อไป ส. พลายน้อย 57

การประกอบพระราชพิธีตรียัมปวายของพราหมณ์จำ�เป็นต้องมีการโล้ชิงช้า 58 ๑๐๘ ทก่ี รงุ เทพฯ

เร่ืองของเสาชิงช้ามาปรากฏอีกคร้ังหน่ึงเม่ือเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๖๑ (รชั กาลท่ี ๒) ไดเ้ กดิ ฟา้ ผา่ ลงบนยอดเสาชงิ ชา้ และตอ่ มาอกี ๑๐๐ ปี บรษิ ัท หลยุ ส์ ที. เลยี ว โนเวนส์ ได้อุทิศซุงไม้สักให้หลายต้น เพอื่ ซ่อมแซมให้แขง็ แรงขนึ้ การซ่อมแซมครง้ั นนั้ สำ� เร็จลงเมอ่ื วันท่ี ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๓ ครน้ั ถงึ ตน้ ปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ไดเ้ กดิ ไฟไหมข้ นึ้ ทเี่ สา เนอ่ื งจากมคี นไป จดุ ธปู บชู าแลว้ ปกั ธปู ไว้ ไฟไดห้ ลน่ ลงไปในรอ่ งแตกแลว้ คเุ ปน็ ควนั ลกุ ขนึ้ จนรถดับเพลิงต้องมาดบั จากเหตุนัน้ ทำ� ให้เกิดข่าวลอื กนั ว่าทางเทศบาล นครกรงุ เทพฯ จะรื้อเสาชิงช้า จงึ มเี สยี งคดั ค้านว่าเป็นวตั ถุโบราณมีมา แตค่ รงั้ สรา้ งกรงุ ควรอนรุ กั ษไ์ ว้ ในทส่ี ดุ เทศบาลนครกรงุ เทพฯ กท็ ำ� การ ซ่อมแซมพอไม่ให้พงั ไว้ก่อน แต่พอถงึ พ.ศ. ๒๕๐๒ กระจังลวดลายบน ยอดเสาชิงช้าผุ เทศบาลนครกรุงเทพฯ ก็ได้จัดการเปลี่ยนกระจังใหม่ พร้อมทง้ั ทาสีใหม่ให้งดงาม เรอ่ื งเสาชงิ ชา้ นต้ี อ้ งชมเทศบาลนครกรงุ เทพฯ ทเ่ี อาใจใสต่ รวจตรา อยเู่ สมอ เพราะถา้ ปลอ่ ยปละละเลยเสาชงิ ชา้ กค็ งพงั ไปแลว้ ดงั จะเหน็ ไดว้ า่ เม่ือวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๓ เทศบาลนครกรุงเทพฯ ได้ท�ำ น่ังร้านข้ึนไปอุดรอยต่อท่ีแตกร้าวและทาสี จึงได้พบว่าเสาไม้ที่เป็นเสา ตะเกียบขนาบโคนเสาชิงช้าผุกร่อนเป็นโพรง เพียงแต่เอามือแตะเบาๆ ก็โยกแสดงว่าโคนเสาผุกร่อน ขืนปล่อยทิ้งไว้เสาชิงช้าอาจโค่นล้มพัง ลงมาได้ จึงได้รีบล้อมร้ัวก้ันและคำ�้ ยันตรึงเสาชิงช้าอย่างแข็งแรง แล้ว ท�ำเรื่องขอไม้จากองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้มาเปลี่ยนใหม่ เสาชิงช้าจึง คงอยู่มาจนถึงปัจจบุ นั น้ี ส. พลายน้อย 59

วัดสระเกศ วดั สระเกศเปน็ วดั โบราณมมี ากอ่ นสรา้ งกรงุ เทพฯ เดมิ ชอ่ื วดั สะแก มเี รอื่ งเลา่ กนั มาวา่ เมอื่ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช แต่คร้ังยังด�ำรงต�ำแหน่งสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้เสด็จไป ทำ� สงครามกบั เขมร ครน้ั เกดิ เรอื่ งไมส่ งบขนึ้ ในกรงุ ธนบรุ ี จงึ ยกทพั กลบั และได้หยุดพักสระพระเกศท่ีวัดสะแก อันเป็นเหตุให้เปลี่ยนชื่อจาก วดั สะแกเปน็ วดั สระเกศ ตามจดหมายเหตกุ ลา่ ววา่ ไดพ้ ระราชทานนามวดั หลังจากขดุ คลองมหานาคแล้ว เมอื่ ครง้ั รชั กาลท่ี ๑ โปรดใหข้ ดุ รากทำ� พระอโุ บสถใหม่ ถงึ รชั กาลที่ ๓ โปรดให้สร้างพระวิหารใหญ่หลังหนึ่งเพื่อประดิษฐานพระอัฏฐารส ซึ่งอัญเชิญมาจากเมืองพิษณุโลก และทรงสร้างพระปรางค์ขึ้นองค์หนึ่ง หวงั พระราชหฤทยั จะใหม้ ขี นาดใหญ่ มเี รอื่ งปรากฏในพระราชพงศาวดาร ว่า นอกก�ำแพงพระนคร วัดสระเกศน้ัน โปรดให้พระยา ศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษา (ภายหลังได้เป็นสมเด็จเจ้าพระยา บรมมหาพิชัยญาติ) เป็นแม่กองท�ำพระปรางค์ใหญ่องค์หนึ่ง ฐานเปน็ ไม้ ๑๒ เหลยี่ ม ด้าน ๑ ยาว ๕๐ วา ขดุ รากลึก ลงไปถงึ โคลนแลว้ เอาหลกั แพทงั้ ตน้ เปน็ เขม็ หม่ ลงไปจนเตม็ ที่ แลว้ เอาไมซ้ งุ ทำ� เขม็ และปเู ปน็ ตาราง แลว้ เอาศลิ าแลงกอ่ ขน้ึ มา เกอื บเสมอดนิ จงึ กอ่ ดว้ ยอฐิ ในระหวา่ งองคพ์ ระนน้ั เอาศลิ ากอ้ น ซ่ึงราษฎรเก็บมาขายบรรจุลงไปจนเต็ม การก่อขึ้นไปได้ถึงช้ัน ทกั ษณิ ที่ ๒ ศลิ าทบี่ รรจขุ า้ งในกดหนกั ลงไปจนระเบดิ ออกและ 60 ๑๐๘ ทกี่ รุงเทพฯ

ทรุดลงไปถงึ ๙ วา อิฐทีก่ ่อหมุ้ ขา้ งนอกน้นั ก็แตกรา้ วรอบไป ทง้ั องค์ สรุปว่าในคร้ังนั้นสร้างไม่ส�ำเร็จ ต้นเหตุนั้นว่าท่ีตรงนั้นเดิมเป็น สระน�้ำท่ีพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงตักน�้ำ มาสรงพระเกศดงั กล่าวข้างต้น ดินจงึ อ่อนทรดุ ได้ง่าย ครนั้ ถงึ รชั กาลท่ี ๔ โปรดให้สร้างพระเจดีย์ขึ้น ณ ท่ีเดมิ อีก (ท่ีใน พระราชพงศาวดารเรียกพระปรางค์น้ันความจริงจะให้มีรูปทรงเป็น พระเจดยี ์) มีประกาศเป็นประวัตวิ ่า ภูเขาก่อด้วยอิฐ มีพระเจดีย์อยู่บนยอดอันต้ังอยู่ที่ วดั สระเกศ ซงึ่ ชนเปน็ อนั มากเรยี กวา่ ภเู ขาทอง นนั้ เดมิ เปน็ ของ พระบาทสมเดจ็ พระน่งั เกลา้ เจ้าอยหู่ วั โปรดเกลา้ ฯ ให้สรา้ งขึ้น ด้วยมีพระด�ำริจะท�ำเป็นเจดีย์ใหญ่ เพ่ือจะให้มีชื่อเหมือน พระเจดียภ์ ูเขาทองทีก่ รุงเก่า ทัง้ รูปก็ท�ำเชน่ นนั้ ดว้ ย แต่จะให้ ใหญ่กว่าการนั้นไม่ส�ำเร็จ...ครั้นมาในแผ่นดินพระบาทสมเด็จ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั มพี ระราชดำ� รเิ รมิ่ สรา้ งพระเจดยี บ์ นยอด ภเู ขาทอง ครนั้ ถงึ เดอื น ๖ ปฉี ลู สปั ตศก จลุ ศกั ราช ๑๒๒๗ ไดเ้ สดจ็ พระราชดำ� เนนิ ไปกอ่ พระฤกษ.์ ..โปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ ปลยี่ นชอ่ื ภูเขาทองวา่ บรมบรรพต ส. พลายน้อย 61

ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ได้มีงานไหว้พระและปิดทองที่พระบรม บรรพตกันบ้างแล้ว เพ่ือให้เหมือนกับภูเขาทองที่อยุธยา มีการแข่งเรือ เล่นเพลงเรอื เล่นดอกสร้อยสักวา จุดดอกไม้ไฟทง้ั ในนำ�้ และบนบก ใน สมัยนนั้ นำ้� ยังเตม็ คลองไปมาสะดวก คลองคูเมืองบริเวณพระบรมบรรพต วัดสระเกศ ที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกโปรดเกล้าฯ ให้ขุดขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๘ ที่มา : หอจดหมายเหตแุ ห่งชาติ 62 ๑๐๘ ทก่ี รุงเทพฯ

ครน้ั ถงึ สมยั รชั กาลท่ี ๕ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงไดร้ บั พระบรมสารรี กิ ธาตหุ ลายครงั้ และสว่ นมากไดพ้ ระราชทานให้ อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่บรมบรรพต ท่ีจัดกระบวนแห่อย่างใหญ่โต ก็คือการอญั เชิญพระเขย้ี วแก้ว เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๐ พระเขีย้ วแก้วจำ� ลอง องค์น้ีพระเจ้ากรุงสิงหลในเกาะลังกาถวายเป็นราชบรรณาการแด่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และอีกคร้ังหน่ึงเม่ือ พ.ศ. ๒๔๔๒ มาร์ควิสเคอร์สัน อุปราชอินเดียได้ให้อัญเชิญพระบรม สารรี กิ ธาตทุ ขี่ ดุ ไดจ้ ากเนนิ พระเจดยี ท์ เ่ี มอื งกบลิ พสั ดม์ุ าถวาย กโ็ ปรดให้ แห่มาประดิษฐานไว้ท่ีซุ้มพระเจดยี ์ บรมบรรพตหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าภูเขาทอง นับแต่เริ่มสร้าง ในสมัยรัชกาลท่ี ๔ พ.ศ. ๒๔๐๘ เป็นต้นมา ไม่ได้มีการบรู ณปฏสิ ังขรณ์ เปลย่ี นแปลงอะไรมาก มแี ตอ่ งคพ์ ระเจดยี อ์ ยเู่ ชน่ เดมิ ตอ่ มาในรชั กาลท่ี ๕ จอมพล เจ้าพระยาสุรศักด์ิมนตรี (เจมิ แสงชโู ต) แต่ครง้ั ยงั เป็นเจ้าหมนื่ ไวยวรนาถ ไดข้ นึ้ ไปสำ� รวจและพจิ ารณาเหน็ วา่ บนบรมบรรพตนเ้ี ปน็ ทส่ี งู สามารถมองเห็นตลอดไปทุกทิศ จึงคิดว่าบรมบรรพตน้ีเป็นท่ีส�ำคัญ ถ้าข้าศกึ มายดึ ไว้ได้และนำ� ปืนใหญ่ขน้ึ มายงิ กอ็ าจทำ� ลายเมอื งได้สะดวก จงึ นำ� ความเหน็ ขนึ้ กราบบงั คมทลู พระกรุณา ขอจดั การเป็นสองอย่างคอื อย่างหนึ่งขอร้ือพระเจดีย์ออกแล้วสร้างป้อมเหล็กตั้งปืนใหญ่ไว้ เมื่อ เรือรบเข้ามา ก็จะได้ใช้ปืนป้อมเหล็กน้ีท�ำลายเรือรบได้ อีกอย่างหนึ่ง ถา้ ไมโ่ ปรดใหท้ ำ� ปอ้ ม กข็ อรบั พระราชทานทำ� แตเ่ พงิ ใหไ้ พรพ่ ลพกั อยรู่ อบ องคเ์ จดยี ์ และมเี สาธงคอยบอกเหตกุ บั ใหม้ เี ครอ่ื งโทรศพั ทอ์ ยบู่ นนนั้ ดว้ ย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเห็นชอบในความคิด ประการหลงั โปรดใหจ้ ดั ทำ� ได้ แตก่ ารทจี่ ดั ขนึ้ นกี้ อ็ ยเู่ ฉพาะเวลาทเี่ จา้ หมนื่ ไวยวรนาถเป็นผู้บังคับการทหารหน้าอยู่เท่าน้ัน ส. พลายน้อย 63

พระบรมบรรพต หรือภูเขาทอง วัดสระเกศ ที่มา : หอจดหมายเหตแุ ห่งชาติ การซอ่ มใหญไ่ ดม้ าเรม่ิ ทำ� ในรชั กาลที่ ๗ เมอื่ พ.ศ. ๒๔๗๒ ไดต้ ดั ต้นไม้ท่ขี ึ้นรกให้เตยี น แล้วโบกปนู ตามผนงั ให้เรยี บร้อย ต่อมาในสมยั สงครามโลกครง้ั ท่ี ๒ ญปี่ นุ่ ไดเ้ อาปนื ตอ่ สอู้ ากาศยานขนึ้ ไปยงิ บนภเู ขาทอง ทำ� ใหบ้ รมบรรพตสะเทอื น เกดิ รอยรา้ วหลายแหง่ จงึ ตอ้ งบรู ณปฏสิ งั ขรณ์ ใหม่ เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๙๓ ไดร้ อื้ ของเกา่ สว่ นบนลงเกอื บหมดแลว้ กระทงุ้ ราก ผูกโครงเหล็กเทคอนกรีตหุ้มรอบนอก หลังคาท่ีเดิมมุงด้วยกระเบ้ือง เปลยี่ นเปน็ คอนกรตี ทำ� เปน็ ดาดฟา้ และตอ่ มาภายหลงั ไดป้ ระดบั กระเบอ้ื ง ทองท่อี งค์พระเจดยี ์ ดงั ท่เี หน็ อยู่ในปัจจุบนั นี้ 64 ๑๐๘ ทกี่ รงุ เทพฯ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook