Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชีวิตในคลอง

ชีวิตในคลอง

Published by Donchedi Library, 2020-05-08 05:09:18

Description: ชีวิตในคลอง "หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นเพื่อให้เห็นถึงชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยในอดีตว่าเป็นอย่างไร และได้เปลี่ยนแปลงอย่างไรจนถึงปัจจุบัน เป็นการบันทึกภาพของสังคมไทยอีกด้านหนึ่งซึ่งในอนาคตคงจะหมดไป"

Search

Read the Text Version

ค�ำน�ำส�ำนักพมิ พ์ ท่านผู้อ่านท่ีติดตามผลงานของ ส. พลายน้อย อยู่แล้ว คง ทราบดวี ่านกั เขียนผู้นีท้ ่านเป็นชาวกรุงเก่าหรอื ชาวอยธุ ยา มีชวี ิตผูกพัน กับสายน้�ำเน่ืองจากเกิดในเรือ อยู่อาศัยในเรือนับเป็นเวลานาน ความเป็นผู้มปี ระสบการณ์ตรง ช่างสังเกต จดจำ� ทำ� ให้เรอ่ื ง ราวที่ถ่ายทอดออกมาเต็มไปด้วยรายละเอียดนา่ สนใจ นอกจากน้ี ด้วยความเป็นนักอ่านท่ีสนใจเร่ืองประวัติศาสตร์และตำ� นานท้ังของไทย และต่างประเทศ ยังท�ำให้งานของ ส. พลายน้อย นั้นมีการสอดแทรก เรอื่ งเลา่ และเกรด็ เลก็ เกรด็ นอ้ ยเขา้ ไปตลอดเรอ่ื ง เปน็ หนงั สอื ทม่ี ชี วี ติ ชวี า เรื่องราวชีวิตกับสายน�้ำแง่ที่เกี่ยวกับเรือนั้นพูดถึงไปแล้วใน เกิดในเรือ ส่วน ชีวิตตามคลอง เล่มน้ี จะว่าด้วยเร่ืองราวเกย่ี วกับแม่นำ้� ลำ� คลองเป็นสำ� คัญ เช่น การขุดคลอง การเรียกชอื่ คลอง สะพานข้าม คูคลองท่สี �ำคัญต่างๆ อน่ึง นอกจากต้นฉบับอันเรียบร้อยครบถ้วนจากนักเขียน แล้ว ภาพประกอบก็มีส่วนส�ำคัญอย่างยิ่งที่จะท�ำให้ผู้อ่านเข้าใจเน้ือหา ชัดเจนถูกต้อง ทางส�ำนักพิมพ์จึงขอขอบคุณส�ำนักหอจดหมายเหตุ แห่งชาติ และคุณกนก ขาวมาลา แห่งพิพิธภัณฑ์เรือไทย จังหวัด พระนครศรอี ยธุ ยา ทใ่ี หค้ วามอนเุ คราะหภ์ าพประกอบ รวมถงึ ขอขอบคณุ ช่างขาว ชัยวัฒน์ กวางทอง ช่างซ่อมเรือผู้กรุณาอธิบายรายละเอียด เก่ียวกับเรอื แบบต่างๆ อุปกรณ์ และการซ่อมแซมเรือในสถานทจี่ ริงมา ณ ที่นด้ี ้วย พมิ พ์คำ� สำ� นักพมิ พ์

คำ� น�ำผู้เขยี น ชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยได้เปล่ียนแปลงมาตามยุค ตามสมัย ความเป็นอยู่บางอย่างก�ำลังจะหมดไป อย่างเช่นชีวิตความ เป็นอยู่ตามแม่น�้ำล�ำคลอง ซ่ึงในสมัยก่อนจะมีเรือพายไปมาไม่ขาด มี เรือพ่วงเรือโยงบรรทุกสินค้าไปจ�ำหน่ายสินค้าในจังหวัดต่างๆ ท่ีอยู่ริม แม่น�้ำ บางแห่งท่ีมีแพอยู่อาศัยและแพขายสินค้าต่อเน่ืองกันไปตาม ฝั่งแม่นำ้� ท�ำให้แม่นำ�้ ลำ� คลองมีชีวติ เคลอื่ นไหวอยู่ตลอดเวลา ในปัจจุบันชีวิตความเป็นอยู่ตามแม่น้�ำล�ำคลองเริ่มเงียบเหงา เพราะแมน่ ำ้� ลำ� คลองไมเ่ ปน็ ทางสญั จรไปมาเหมอื นอยา่ งแตก่ อ่ น การใชร้ ถ ใช้ถนนได้รับความนิยมมากกว่าเพราะรวดเร็ว และในขณะที่ทุกหน ทกุ แหง่ มงุ่ แตจ่ ะตดั ถนนนน้ั เอง กล็ มื นกึ ถงึ ความสำ� คญั ของแมน่ ำ้� ลำ� คลอง ซึ่งไม่เพียงแต่ให้ประโยชน์ทางคมนาคมเท่าน้ัน ยังได้ให้ประโยชน์ หล่อเลี้ยงชีวิตมนุษย์มาแต่โบราณกาล ประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของแม่นำ้� ล�ำคลองก็คือน้�ำ เมื่อแม่น้�ำล�ำคลองถูกปล่อยปละละเลยก็ต้ืนเขินไป ปล่อยให้สกปรก น�้ำเสีย แม้แต่ปลาก็อาศัยอยู่ไม่ได้ เป็นการท�ำลาย ทรพั ยากรทางอ้อมอีกอย่างหน่ึง หนังสือเล่มนี้ได้รวมบทความท่ีเขียนไว้ในวารสารต่างๆ แต่มี จุดประสงค์ตรงกันคือเขียนขึ้นเพื่อให้เห็นชีวิตความเป็นอยขู่ อง คนไทยในอดีตว่าเป็นอย่างไร และได้เปล่ียนแปลงมาอย่างไรจนถึง ปัจจุบัน เป็นการบันทึกภาพของสังคมไทยอีกด้านหนึ่ง ซ่ึงต่อไปคงจะ หมดไป หวงั วา่ หนงั สอื นจี้ ะเปน็ ประโยชนแ์ กผ่ ทู้ ไี่ มเ่ คยมชี วี ติ อยตู่ ามคลอง บ้างตามสมควร

สารบญั ๑. ลุ่มเจ้าพระยา ๗ ๒. ธรรมชาติของแม่น้�ำ ๒๓ ๓. เมืองต้นก�ำเนดิ แม่น�้ำเจ้าพระยา ๓๕ ๔. เวนสิ ตะวันออก ๔๗ ๕. คลองเก่าในบางกอก ๖๗ ๖. คลองเก่าในบางกอก (ต่อ) ๘๗ ๗. คลองเก่าในบางกอก (ต่อ) ๑๐๑ ๘. ตลาดนำ�้ คลองผดุงกรุงเกษม ๑๑๗ ๙. เร่อื งเล่าชาวเรือ ๑๓๗ ๑๐. ชีวิตชาวแพ ๑๔๗ ๑๑. ตลาดเรือตลาดน�้ำ ๑๖๕ ๑๒. ชวี ิตไทยในคลอง ๑๘๓ ๑๓. คลองสาน ๑๙๙ ๑๔. คลองสาทร ๒๒๕ ๑๕. แสนแสบ บางกะปิ ๒๓๑ ๑๖. นำ�้ ในวถิ ชี วี ิตของคนไทย ๒๕๑ ดัชนีค้นค�ำ ๒๖๖

“หนงั สือและการอ่านคือขมุ พลงั แห่งความคิดสร้างสรรค์”

|๑| ลมุ่ เจ้าพระยา “ในเวลานั้น พระเจ้าแผ่นดินเมืองนครสวรรค์เสด็จสวรรคต ไม่มี เชื้อพระวงศ์ที่จะครองราชสมบัติสืบแทนต่อไป เม่ือหนุ่มไม้งิ้วด�ำมาถึง ผู้คนทั้งปวงได้ทราบกิตติศัพท์ต่างพากันกลัวเกรงก�ำลังความสามารถ ”บรรดาขุนนางข้าราชการจึงพร้อมใจกันเชิญหนุ่มผู้ทรงพลังข้ึนเป็น พระเจ้าแผ่นดนิ เฉลมิ พระนามวา่ พญาโคตรตะบอง

เดก็ นกั เรยี นรนุ่ เกา๋ ก�ำหนดเอาเทา่ อายผุ เู้ ขยี นกเ็ กนิ กวา่ ๘๗ ปี มาแล้ว ต้องเรียนวชิ าภูมิศาสตร์ วาดแผนทป่ี ระเทศไทยได้ รู้จกั แม่นำ้� ส�ำคัญ ๔ สายคือ ปิง วัง ยม น่าน ซึ่งไหลมารวมตัวกนั ที่ปากนำ้� โพ หรอื ตามปากชาวบ้านเคยเรยี กกันว่า “ปากนำ�้ โผล่” เพราะแม่นำ้� ทง้ั ๔ สาย มาโผล่ที่น่ัน แต่ท่านผู้รู้อธิบายว่าที่เรียกปากน้�ำโพเพราะแต่เดิมมีต้นไม้ โพธิ์ที่ปากแม่นำ�้ โบราณว่าเป็นเรอ่ื งอจนิ ไตย ไม่ควรคิด ปวดหัวเปล่าๆ ฟังไว้เป็นความรู้เท่าน้ัน แม่นำ�้ ทงั้ ๔ สายนน้ั ถา้ จะกลา่ วใหช้ ดั เจนขน้ึ อกี หน่อยกต็ อ้ งว่า แมน่ ำ�้ แควปงิ กบั แมน่ ำ�้ แคววงั ไหลมาบรรจบกนั ทจี่ งั หวดั ตาก แลว้ รวมตวั ไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ มาบรรจบกับแม่น�้ำแควใหญ่ท่ีต�ำบล ปากน้ำ� โพ จงั หวัดนครสวรรค์ (แม่นำ้� แควใหญ่ก็คือแควยมกบั แควน่าน ซงึ่ ไหลผ่านจังหวัดน่าน แพร่ อุตรดติ ถ์ สุโขทยั พิษณโุ ลก มารวมตวั กัน ท่ีต�ำบลเกยไชย จังหวัดพิจิตร) สรุปได้ว่าท่ีแม่น�้ำทั้ง ๔ สายมาโผล่ น้นั คอื ต้นแม่นำ�้ เจ้าพระยา 8 | ชีวิตตามคลอง

ตลาดปากนำ�้ โพ จังหวดั นครสวรรค์ (ภาพจากส�ำนกั หอจดหมายเหตแุ ห่งชาต)ิ ส. พลายน้อย | 9

กล่าวกันว่าแต่เดิมเมืองปากน้�ำโพหรือนครสวรรค์เรียกกันว่า “เมืองพระบาง” สร้างมาแต่ครั้งสุโขทัย มีชื่อปรากฏในศิลาจารึกของ พ่อขุนรามคำ� แหงว่า “เบ้ืองหัวนอน รอดคนที พระบาง” (เบื้องหัวนอน คอื ทศิ ใต้ของสโุ ขทยั ) เมอื งเดมิ อยู่บรเิ วณเชงิ เขาขาดลงมาจดวดั หวั เมอื ง (วดั นครสวรรค)์ และวา่ ในสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยาเรยี กวา่ “นครพงั คา” เปน็ เมืองหน้าด่าน ชื่อเมืองพระบางจะเลือนหายไปหรืออย่างไรไม่รู้ ในประวัติ จังหวัดนครสวรรค์ท่ีพิมพ์ครั้งฉลอง ๒๕ พทุ ธศตวรรษ จึงเล่าแปลก ออกไปวา่ เมอ่ื ครง้ั รชั กาลที่ ๑ มผี กู้ ราบทลู วา่ ผหี รอื เทวดาทรี่ กั ษาพระบาง กับพระแก้วมรกตนั้นไม่ถูกกัน ถ้ารวมอยู่ในเมืองเดียวกันแล้วจะท�ำให้ เกดิ ความเดอื ดรอ้ นวนุ่ วาย พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๑ จงึ โปรดเกลา้ ฯ ใหอ้ ญั เชญิ พระบางกลบั ไปไวเ้ มอื งเวยี งจนั ทร์ แตใ่ นระหวา่ ง ทางมีเหตุให้ต้องหยุดพักที่ต�ำบลอันเป็นท่ีต้ังจังหวัดนครสวรรค์ จึงได้ เรยี กตำ� บลนนั้ ว่า “เมอื งพระบาง” เรอื่ งนไ้ี มพ่ บหลกั ฐานอนื่ จะเป็นเพยี ง ความเข้าใจของผู้เขียนประวัติหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ เล่าพอให้ทราบว่า เคยเชื่อกนั มาอย่างนัน้ ท่านผู้อ่านจะได้ไม่ต�ำหนิว่าเขียนไม่หมด กล่าวกันอีกอย่างหนึ่งว่า เมืองปากน�้ำโพมีชื่อเรียกว่า “เมือง ชอนตะวัน” เพราะตัวเมืองตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น�้ำเจ้าพระยา เมืองหันหน้าสู่แม่น�้ำทางทิศตะวันออก เม่ือตะวันข้ึนเหนือขอบฟ้า แสง ตะวันจงึ ชอนเข้าหน้าเมอื ง ช่ือน้ไี ม่ทราบว่าเรยี กกนั สมยั ใด อาจเรยี กกนั เฉพาะถนิ่ ก็ได้ เมอื งนครสวรรค์มกี ารทำ� ป่าไม้มาแต่โบราณ ในตำ� นานเก่าเล่า 10 | ชีวิตตามคลอง

ถงึ คณะตดั ไมค้ ณะหนง่ึ ทเี่ ขา้ ไปในปา่ ไดม้ อบหมายใหช้ ายคนหนงึ่ เปน็ คน หุงข้าวไว้เลย้ี งคนตดั ไม้ ชายคนนน้ั กจ็ ดั แจงหุงข้าว แต่พอหม้อข้าวเดอื ด หาทพั พมี าคนขา้ วไมท่ นั เหน็ ไมง้ ว้ิ ดำ� ทอ่ นหนงึ่ กค็ วา้ เอามาคนในหมอ้ ขา้ ว ปรากฏวา่ ขา้ วทง้ั หมอ้ กลายเปน็ สดี ำ� ทงั้ หมด พวกตดั ไมก้ ลบั มาจะกนิ ขา้ ว เหน็ ข้าวสดี ำ� ดูสกปรกกโ็ กรธ พากันด่าว่าคนหงุ ข้าวและไม่ยอมกิน พ่อครัวจ�ำเป็นได้ฟังเขาด่าก็ไม่ว่าอะไร เมื่อไม่มีคนกินก็กิน เสยี เองและกนิ จนหมดหมอ้ กนิ แลว้ รสู้ กึ วา่ รา่ งกายมกี ำ� ลงั แขง็ แรงมากขน้ึ จงึ ลองเหนยี่ วต้นยางให้โน้มลงมา ต้นยางก็โอนอ่อนราวกบั ต้นอ้อ พวก ตัดไม้เหน็ เช่นนั้นก็แปลกใจ พากันซักไซ้หาเหตุผล ได้ความว่าเป็นเรื่อง เกิดจากข้าวด�ำท�ำให้เกิดพลังมีก�ำลังดังช้างสาร พอทราบเช่นน้ันต่างก็ หากินบ้างแต่ข้าวหมดเสียแล้ว คร้ันจะหุงใหม่ก็หางิ้วด�ำท่อนนั้นไม่พบ ตกลงคนหุงข้าวกินข้าวด�ำมีก�ำลังมากอยู่คนเดียว สามารถลากซุงได้ ข้างละต้นอย่างสบาย ชายหนุ่มท่ีเป็นคนครัวของคณะตัดไม้ในป่าเมืองนครสวรรค์ คนนน้ั จะมชี อ่ื เรยี งเสยี งไรไม่ปรากฏ ได้สำ� แดงพละก�ำลงั จับไม้ซงุ ไม้เสา ขนาดใหญ่ขวา้ งจากปา่ ลงมาทแ่ี ม่น�้ำเจ้าพระยา ปล่อยให้คนอน่ื ๆ นง่ั มอง ท�ำตาปริบๆ นึกอัศจรรย์ในความแข็งแรงของคนครัว และในที่สุดก็ พร้อมใจกันยกย่องหนุ่มผู้ทรงพลัง ให้เป็นหัวหน้าคุมแพซุงล่องมายัง เมอื งนครสวรรค์ ในเวลาน้ันพระเจ้าแผ่นดินเมืองนครสวรรค์เสด็จสวรรคต ไมม่ เี ชอื้ พระวงศท์ จี่ ะครองราชสมบตั สิ บื แทนตอ่ ไป เมอ่ื หนมุ่ ไมง้ วิ้ ดำ� มาถงึ ผู้คนท้ังปวงได้ทราบกิตติศัพท์ต่างพากันกลัวเกรงก�ำลังความสามารถ ส. พลายน้อย | 11

บรรดาขุนนางข้าราชการจึงพร้อมใจกันเชิญ หนุ่มผู้ทรงพลังขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เฉลิม พระนามว่า พญาโคตรตะบอง เพราะคฑาหรอื ตะบองของท้าวเธอเป็นเหล็กโตเท่าล�ำตาล นับเป็นโคตรของตะบองโดยแท้ พญาโคตรตะบองเคยตรัสกับพวก มุขอ�ำมาตย์เสนาข้าราชการอยู่เสมอว่า “ไม่มี มนษุ ย์คนใดทีจ่ ะมาต่อกรกับเราได้ เราไม่กลัว มนุษย์เดินดิน ยกไว้แต่มนุษย์ที่เหาะมาทาง อากาศเท่าน้ัน เราจงึ จะกลัว” ในท่ีสุดมนุษย์ที่พญาโคตรตะบอง กลวั กม็ าเกดิ ในครง้ั นน้ั ปรากฏวา่ มแี ผน่ ดนิ ไหว อย่างผิดสังเกต พญาโคตรตะบองได้ให้โหร ท�ำนาย โหรก็พยากรณ์ถวายว่า บัดน้ีผู้มีบุญ มาบังเกิดอยู่ในครรภ์มารดาแล้ว พญาโคตร- ตะบองมีความกลัว ก็คิดจะก�ำจัดผู้มีบุญเสีย แตต่ น้ มอื ตรสั สงั่ ใหจ้ บั สตรมี คี รรภม์ าประหาร ชีวิตให้หมด แต่มีอยู่รายหนึ่งรอดไปได้และ คลอดลกู ออกมาเป็นผชู้ าย คราวนแ้ี ผ่นดนิ ไหว อีก พญาโคตรตะบองถามโหรว่าเกิดอะไรขึ้น โหรก็ทลู ว่าเดก็ มบี ญุ คนน้ันคลอดออกมาแล้ว พญาโคตรตะบองผู้โหดร้ายจึงส่ังให้ 12 | ชวี ิตตามคลอง

จับเด็กที่นอนแบเบาะมาคลอกไฟให้หมด แต่ เด็กผู้มีบุญก็หลุดรอด พ้นจากถูกไฟคลอก ออกมาได้ ภายหลังพระอินทร์น�ำม้าและ เคร่ืองทรงกษัตริย์มาให้ เด็กมีบุญจึงแต่งตัว ขึ้นม้าเหาะไปยังเมืองนครสวรรค์ พญาโคตร- ตะบองเห็นคนข่ีม้าเหาะมาก็ตกใจกลัว คิดจะ หนีไปสร้างเมอื งอยู่ใหม่ จึงขว้างตะบองไปทาง ทศิ ตะวนั ออก ตะบองเหลก็ ตกไปถกู ชา้ งตายถงึ ลา้ นตวั จงึ เรยี กทน่ี นั้ วา่ “ลา้ นชา้ ง” พญาโคตร- ตะบองไปสรา้ งเมอื งลา้ นชา้ ง ซงึ่ ตอ่ มาขนานนาม ว่า “นครศรสี ัตนาคนหตุ ” เร่ืองที่เล่ามาถึงจะเป็นต�ำนานแต่ก็มี เค้าเรอ่ื งจรงิ คอื การตัดไม้ล่องแพซงุ เป็นอาชพี เก่าแก่มีกันมานานแล้ว แต่ท�ำเพียงปีละคร้ัง ในฤดูน�้ำ การขนย้ายซุงจากเมืองเหนือลงมา เมอื งใตใ้ นสมยั โบราณมอี ยทู่ างเดยี ว คอื ผกู เปน็ แพลอยมาตามแมน่ ำ้� เจา้ พระยา โดยมากจะเปน็ ฤดนู ำ�้ เพราะนำ�้ เปย่ี มฝง่ั ทำ� ใหแ้ มน่ ำ�้ กวา้ ง แพซงุ ไมก่ ดี ขวางทางเดนิ เรอื แตถ่ า้ เปน็ ฤดแู ลง้ แมน่ ำ้� ล�ำคลองจะแคบ คลองบางแห่งจึงห้ามแพซุง เข้าไป ส. พลายน้อย | 13

14 | ชวี ิตตามคลอง

แพซุง (ภาพจากพิพธิ ภัณฑ์เรือไทย จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา) ส. พลายน้อย | 15

การจดั แพซงุ เทา่ ทเ่ี คยเหน็ และมสี ว่ น เกยี่ วข้องมอี ยู่ ๒ อย่าง คือ ถ้าเป็นซุงประเภท ไม้แดง ไม้เต็ง หรือไม้ท่ีมีน�้ำหนักมากจมน�้ำ ได้ง่าย จะต้องผูกซุงไว้กับแพไม้ไผ่เพ่ือให้เป็น ทนุ่ พยงุ ซงุ ใหล้ อยอยู่ สว่ นไมซ้ งุ ทเ่ี ปน็ พวกไมส้ กั หรือไม้ท่ีมีน�้ำหนักเบาลอยน�้ำได้ ก็ไม่ต้องใช้ แพไม้ไผ่ แพไม้ไผ่ดังกล่าว เขาจะเอาไม้ไผ่ หลายสิบล�ำมามัดรวมกันให้แนน่ เรียกว่า แพลูกบวบ แพซุงแพหน่ึงต้องใช้แพลูกบวบ ประมาณ ๔-๕ แพมาเรยี งขนานกนั เวน้ ชอ่ งวา่ ง ระหว่างแพพอให้ซุงสองต้นเรียงแทรกอยู่ได้ ที่หัวแพลูกบวบทั้งสองข้างมีไม้ขนาดเสาเข็ม วางขวางด้านละต้น เพ่ือยึดแพให้ติดกันด้วย ลวดหรอื หวาย ไม้คานน้ยี งั ใช้เป็นท่ผี ูกซงุ ด้วย ธรรมดาซุงที่เตรียมจัดเป็นแพก็ เพ่ือความสะดวกในการควบคุมไม้ซุงไมใ่ ห้ กระจัดกระจาย เวลาลากจูงก็จะอยู่เป็นแถว เป็นแนวไม่ไปขวางคลอง ด้วยเหตุนี้ที่หัวซุง ทง้ั สองขา้ งเขาจงึ เจาะเปน็ ชอ่ งเรยี กวา่ “จมกู ซงุ ” ใช้เป็นท่ีร้อยหวายมาผูกติดกับไม้คานหัวแพ ทก่ี ล่าวถงึ ข้างต้น 16 | ชีวิตตามคลอง

คลองแห่งหน่งึ จะเห็นแพซุงทางซ้ายมอื และเรือบรรทกุ ฟืนทางขวามือ ส. พลายน้อย | 17


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook