Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติแบดมินตัน กติกาแบดมินตัน

ประวัติแบดมินตัน กติกาแบดมินตัน

Published by MikeSomkan93, 2021-11-05 13:33:07

Description: ประวัติแบดมินตัน กติกาแบดมินตัน

Search

Read the Text Version

ปHระIวLัตIGิกีฬHาTแบดมนิ ตัน Share 975 เขา้ สรู่ Rะeบtบweet อัปเดตลา่ สดุ 12 กรกฎาคม 2562 เวลา 17:13:06 2,821,188 อ่าน หนา้ แรก ขา่ วดารา ขา่ วการเมือง ขา่ วอาชญากรรม ขา่ วตา่ งประเทศ ขา่ วฮิตสงั คมออนไลน์ x-file รวมคลปิ hilight > ประวตั ิกฬี าแบดมนิ ตัน Share 975 Retweet 2,821,188 อ่าน กีฬาแบดมินตัน เป็ นอีกหนึ่งชนิดกีฬายอดนิยม ที่มีการแข่งขันระดับชาติ และระดับสากล และ วันนี้เรามี ประวัติแบดมินตัน กติกาการเล่น มาฝาก เรอื่ งท่คี ณุ อาจสนใจ คนรักสตั วส์ ะเทือนใจ เพจดังเผยเมนู พิสดาร ซูชิเน้อื หมา แถมมีหลายสายพนั ธุ์ กอ่ นจะโอละพอ่ เราเทยี่ วดว้ ยกนั เฟส 3 เปิ ดลงทะเบยี น 24 ก.ย. 64 จองอยา่ งไร - มกี ีส่ ทิ ธิ์ เชก็ เลย ! แบดมินตัน เป็นกีฬาทใี่ ช้อุปกรณก์ ารเลน่ นอ้ ยชิน้ เพียงแคม่ ีไมแ้ ร็คเกต และลูกขนไก่ รวมถึงผเู้ ลน่ เพยี ง 2 แฉ ผอ. ถลงุ เงนิ โรงเรยี นกอ่ นเกษียณ 8 วัน คน กส็ ามารถเลน่ ไดแ้ ลว้ อีกทัง้ ยงั เป็นกฬี าสบาย ๆ เหมาะสาํ หรับผทู้ ไี่ มต่ อ้ งการออกกาํ ลงั กายอยา่ งหกั โหมเกินไป เบิกจ่ายยับ-บงั คับใสซ่ อง ครูนบั วันให้ไป ดังนนั้ จงึ ไมน่ า่ แปลกใจเลยวา่ เหตใุ ดผูค้ นการเลน่ แบดมินตนั จงึ แพร่หลายไปสคู่ นทัว่ โลก จนกระทัง่ ไดก้ ลายเป็น เร็ว ๆ กฬี าสากลทีท่ วั่ โลกยอมรบั และวนั นีเ้ รากม็ เี กร็ดความร้เู กยี่ วกบั ประวตั ิความเป็นมาของกฬี าแบดมินตันมาฝากกนั คะ่ จบั แลว้ ! สาวหลอกขายมือถอื ทาํ เดก็ ม.2 เครียด เสน้ เลอื ดในสมองแตกดบั ประวัติแบดมินตัน แบดมนิ ตัน (Badminton) เป็นกฬี าทไี่ ดร้ บั การวจิ ารณเ์ ป็นอยา่ งมาก เพราะไมม่ หี ลกั ฐานทแี่ นช่ ัดถงึ ทมี่ าของ กฬี าประเภทนี้ คงมีแตห่ ลกั ฐานบางอยา่ งทที่ ําให้ทราบวา่ กฬี าแบดมินตนั มีเลน่ กนั ในยุโรป โดยเฉพาะในประเทศ องั กฤษ ตอนปลายศตวรรษที่ 17 และจากภาพสนี า้ มันหลายภาพไดย้ ืนยันวา่ กฬี าแบดมนิ ตนั เลน่ กนั อยา่ งแพร่หลาย ในพระราชวงศข์ องราชสํานกั ตา่ ง ๆ ในทวปี ยโุ รป แมว้ า่ จะเรียกกนั ภายใตช้ ่ืออ่นื กต็ าม โดยกีฬาแบดมินตนั ไดร้ ับการบนั ทึกแบบเป็นลายลกั ษณอ์ ักษรในปี พ.ศ. 2413 ซ่งึ พบวา่ มกี ารเลน่ กฬี าลูก ขนไกเ่ กดิ ข้ึนทเี่ มอื งปูนา (Poona) ในประเทศอินเดีย เป็นเมอื งเลก็ ๆ ห่างจากเมืองบอมเบยป์ ระมาณ 50 ไมล์ โดย ไดร้ วมการเลน่ สองอยา่ งเขา้ ดว้ ยกันคอื การเลน่ ปนู าของประเทศอินเดีย และการเลน่ ไมต้ ีกับลกู ขนไก่ (Battledore Shuttle Cock) ของยุโรป ในระยะแรก การเลน่ แบดมินตันจะเลน่ กันเพียงแตใ่ นหมนู่ ายทหารของกองทพั และสมาชกิ ชนชัน้ สูงของ อนิ เดียเทา่ นนั้ จนกระทัง่ มีนายทหารอังกฤษทีไ่ ปประจําการอยทู่ เี่ มืองปนู า นําการเลน่ ตีลกู ขนไกน่ ีก้ ลบั ไปอังกฤษ และเลน่ กันอยา่ งกวา้ งขวาง ณ คฤหาสนแ์ บดมนิ ตนั (Badminton House) ของดยุคแห่งบวิ ฟอร์ด ทีก่ ลอสเตอร์ เชียร์ ดงั นัน้ ในปี พ.ศ. 2416 เกมกีฬาตลี กู ขนไกเ่ ลยถกู เรียกวา่ แบดมนิ ตนั ตามช่ือคฤหาสนข์ องดยคุ แห่งบิวฟอร์ด ตัง้ แตน่ นั้ เป็นตน้ มา ทงั้ นี้ กฬี าแบดมินตันกเ็ รมิ่ แพร่หลายในประเทศแถบภาคพ้ืนยุโรป เน่อื งจากเป็นเกมทีค่ ลา้ ยเทนนิส แต่ สามารถเลน่ ไดภ้ ายในตัวตกึ โดยไมต่ อ้ งกงั วลตอ่ ลมหรือหิมะในฤดหู นาว นอกจากนี้ ชาวยุโรปทอี่ พยพไปสทู่ วีป อเมรกิ า ยงั ไดน้ ํากฬี าแบดมนิ ตนั ไปเผยแพร่ รวมทัง้ ประเทศตา่ ง ๆ ในทวีปเอเชยี และออสเตรเลียทีอ่ ยภู่ ายใต้ อาณานคิ มขององั กฤษ เนเธอร์แลนด์ ตา่ งนําเกมแบดมนิ ตนั ไปเลน่ ยังประเทศของตนเองอยา่ งแพร่หลาย เกมกฬี า แบดมนิ ตันจงึ กระจายไปสสู่ ว่ นตา่ ง ๆ ของโลก รวมทัง้ ประเทศไทยดว้ ย สําหรับการเลน่ แบดมินตนั ในระยะแรกไมไ่ ดม้ ีกฎเกณฑต์ ายตัว เพียงแตเ่ ป็นการตีโตล้ ูกกันไปมาไมใ่ ห้ลูกตก พ้นื เทา่ นนั้ สว่ นเสน้ แบง่ แดนกใ็ ช้ตาขา่ ยผูกโยงระหวา่ งตน้ ไมส้ องตน้ ไมไ่ ดค้ ํานงึ ถงึ เร่อื งต่าสงู เลน่ กนั ขา้ งละไมน่ อ้ ย กวา่ 4 คน สว่ นมาจะเลน่ ทมี ละ 6 ถึง 9 คน ผเู้ ลน่ สามารถแตง่ ตวั ไดต้ ามสบาย จนกระทัง่ ปี พ.ศ.2436 ไดม้ ีการจัดตัง้ สมาคมแบดมนิ ตนั แห่งประเทศองั กฤษข้ึน ซ่งึ นับเป็นสมาคม แบดมินตันแห่งแรกของโลก หลงั จากทมี่ กี ารจัดแขง่ ขันแบดมนิ ตนั ชงิ ชนะเลศิ แห่งประเทศองั กฤษ หรือทีเ่ รียกกนั วา่ ออลองิ แลนด์ ตัง้ แตป่ ี พ.ศ.2432 ทางสมาคมแบดมนิ ตนั แห่งประเทศองั กฤษจงึ ไดต้ ัง้ กฎเกณฑข์ องสนามมาตรฐาน ข้ึนคือ ขนาดกวา้ ง 22 ฟตุ ยาว 45 ฟุต (22 x 45) เป็นสนามขนาดมาตรฐานประเภทคูท่ ใี่ ช้ในปั จจบุ ัน จากนัน้ จึงมี การปรบั ปรุงดดั แปลงในเร่อื งอุปกรณการเลน่ ให้ดขี ้ึนเป็นลําดบั ตอ่ มาไดร้ ับความนิยมแพร่หลายไปทวั่ โลก โดย ประเทศในเอเชยี อาคเนยท์ มี่ กี ารเลน่ กีฬาแบดมนิ ตนั และไดร้ ับความนยิ มสงู สดุ คอื อินโดนีเซยี มาเลเซยี และ ประเทศไทย สว่ นการแขง่ ขันระหวา่ งประเทศไดเ้ ริม่ จดั ให้มีข้ึนในปี พ.ศ. 2445 และตลอดเวลาหลายปี ทผี่ า่ นมา จาํ นวน ประเทศทีเ่ ขา้ ร่วมแขง่ ขนั กฬี าแบดมินตันระหวา่ งประเทศมีมากวา่ 31 ประเทศ แบดมินตันไดก้ ลายเป็นเกมกฬี าที่ เลน่ กันระหวา่ งชาติ โดยมกี ารยกทีมขา้ มประเทศเพ่อื แขง่ ขันระหวา่ งชาตใิ นทวปี ยโุ รป ในปี พ.ศ.2468 กลมุ่ นักกีฬา ของประเทศอังกฤษไดแ้ ขง่ ขันกับกลมุ่ นักกีฬาประเทศแคนาดา ห้าปี หลังจากนนั้ พบวา่ ประเทศแคนาดามสี โมสร สําหรบั ฝึ กแบดมินตันมาตรฐานแทบทกุ เมือง ในปี พ.ศ.2477 สมาคมแบดมินตนั ของประเทศองั กฤษเป็นผนู้ าํ ในการกอ่ ตัง้ สหพนั ธแ์ บดมินตนั ระหวา่ ง ประเทศ โดยมชี าติตา่ ง ๆ อีก 8 ชาตคิ ือ แคนาดา เดนมาร์ก องั กฤษ ฝรัง่ เศส ไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ นวิ ซแี ลนด์ สกอ๊ ตแลนด์ และเวลล์ โดยมีศนู ยก์ ลางอยทู่ กี่ รงุ ลอนดอน ปั จจุบันมีประเทศทีอ่ ยใู่ นเครอื สมาชกิ กวา่ 60 ประเทศ ที่ ข้ึนตอ่ สหพนั ธแ์ บดมนิ ตันระหวา่ งประเทศ (I.B.F.) สหพันธม์ ีบทบาทสําคัญในการกาํ หนด และควบคุมกตกิ าระเบียบ ขอ้ บงั คบั ตา่ ง ๆ ของการแขง่ ขนั กฬี าแบดมินตันทวั่ โลก ในปี พ.ศ.2482 เซอร์ จอร์จ โทมัส นกั แบดมินตันอาวุโสชาวอังกฤษเป็นผมู้ อบถ้วยทองราคา 5,000 ปอนด์ เพ่ือมอบเป็นรางวัลให้แกผ่ ชู้ นะเลศิ ประเภทชาย ในการแขง่ ขันแบดมินตันระหวา่ งประเทศ ซ่งึ สหพันธแ์ บดมินตนั ได้ รบั ไวแ้ ละดําเนนิ การตามประสงคน์ ี้ แมว้ า่ ตามทางการจะเรยี กวา่ การแขง่ ขันชงิ ถ้วยชนะเลิศแบดมินตนั ระหวา่ ง ประเทศ แตน่ ยิ มเรยี กกนั วา่ โธมสั คพั (Thomas Cup) การแขง่ ขันจะจดั ข้ึนทกุ ๆ 3 ปี โดยสหพนั ธไ์ ดแ้ บง่ เขตการ แขง่ ขันของชาติสมาชิกออกเป็น 4 โซน คือ 1. โซนยโุ รป 2. โซนอเมรกิ า 3. โซนเอเชยี 4. โซนออสเตรเลเซยี (เดิมเรยี กวา่ โซนออสเตรเลีย) วิธกี ารแขง่ ขันจะแขง่ ขนั ชิงชนะเลศิ ภายในแตล่ ะโซนข้ึนกอ่ น แลว้ ให้ผชู้ นะเลิศแตล่ ะโซนไปแขง่ ขนั รอบ อินเตอร์โซนเพ่อื ให้ผูช้ นะเลิศทัง้ 4 โซน ไปแขง่ ขันชิงชนะเลิศกับทีมของชาติทคี่ รอบครองดถ้วยโธมสั คัพอยู่ ซ่ึงได้ รับเกยี รติไมต่ อ้ งแขง่ ขันในรอบแรกและรอบอินเตอร์โซน ชุดทีเ่ ขา้ แขง่ ขนั ประกอบดว้ ยผูเ้ ลน่ อยา่ งนอ้ ย 4 คน การที่ จะชนะเลศิ นัน้ จะตดั สินโดยการรวมผลการแขง่ ขันของประเภทชายเดีย่ ว 5 คู่ และประเภทชายคู่ 4 คู่ รวม 9 คู่ และ ใช้เวลาการแขง่ ขัน 2 วนั การแขง่ ขันชิงถ้วยโธมัสคพั ครงั้ แรกจัดให้มีข้ึนระหวา่ งปี พ.ศ. 2491-2492 ตอ่ มาในการแขง่ ขันแบดมนิ ตนั โธมัสคัพ ครงั้ ที่ 8 ปี พ.ศ. 2512-2513 สหพนั ธไ์ ดเ้ ปลยี่ นแปลงวธิ กี าร แขง่ ขันเลก็ นอ้ ย โดยให้ชาตทิ ีค่ รอบครองถ้วยอยนู่ นั้ เขา้ ร่วมแขง่ ขนั ในรอบอนิ เตอร์โซนดว้ ย โดยวิธีการจับสลากแลว้ แบง่ ออกเป็น 2 สาย ผูช้ นะเลิศแตล่ ะสายจะไดเ้ ขา้ แขง่ ขนั ชงิ ชนะเลิศโธมัสคพั รอบสดุ ทา้ ยตอ่ ไป สาเหตทุ ีส่ หพนั ธ์ เปลยี่ นแปลงการแขง่ ขันใหมน่ ี้ เน่อื งจากมีบางประเทศทีช่ นะเลิศไดค้ รอบครองถ้วยโธมสั คัพไมร่ ักษาเกยี รตทิ ไี่ ดร้ ับ จากสหพนั ธไ์ ว้ โดยพยายามใช้ชัน้ เชงิ ทไี่ มข่ าวสะอาดรกั ษาถ้วยโธมัสคพั ไวค้ รงั้ แลว้ ครงั้ เลา่ สหพันธจ์ ึงตอ้ งเปลยี่ นขอ้ บังคับให้ชาตทิ คี่ รอบครองถ้วยอยนู่ ัน้ ลงแขง่ ขนั ในรอบอนิ เตอร์โซนดงั กลา่ วดว้ ย กีฬาแบดมินตนั ไดแ้ พร่หลายข้ึน แมก้ ระทัง่ ในกลมุ่ ประเทศสงั คมนยิ มก็ไดม้ กี ารเลน่ เบดมนิ ตันอยา่ งกวา้ ง ขวาง มกี ารบรรจุแบดมินตันเขา้ ไวใ้ นการแขง่ ขันเอเชยี นเกมส์ และซีเกมส์ การแขง่ ขันกีฬาของประเทศในเครือจัก ภพสหราชอาณาจักร รวมทัง้ การพจิ ารณาแบดมินตันเขา้ สกู่ ารแขง่ ขันกีฬาโอลมิ ปิ ก ลว้ นแตเ่ ป็นเคร่อื งยืนยันวา่ แบดมินตันไดก้ ลายเป็นกีฬาสากลแลว้ อยา่ งแทจ้ รงิ ประวัติแบดมินตันในประเทศไทย การเลน่ แบดมินตนั ไดเ้ ขา้ มาสปู่ ระเทศไทยในราวปี พ.ศ. 2456 โดยเรมิ่ เลน่ กีฬาแบดมนิ ตนั แบบมี ตาขา่ ย โดยพระยานิพทั ยกุลพงษ์ ไดส้ ร้างสนามข้ึนทีบ่ า้ น ซ่ึงตัง้ อยรู่ มิ คลองสมเดจ็ เจ้าพระยาธนบุรี แลว้ นิยมเลน่ กนั อยา่ ง แพร่หลายออกไป สว่ นมากเลน่ กนั ตามบา้ นผดู้ ีมีตระกูล วังเจ้านาย และในราชสาํ นกั การเลน่ แบดมินตันครงั้ นัน้ นยิ มเลน่ ขา้ งละ 3 คน ตอ่ มาประมาณปี พ.ศ. 2462 สโมสรกลาโหมไดเ้ ป็นผูจ้ ัดแขง่ ขันแบดมนิ ตนั ทัว่ ไปข้ึนเป็นครัง้ แรก โดยจดั การแขง่ ขนั 3 ประเภทไดแ้ ก่ ประเภทเดีย่ ว ประเภทคู่ และประเภทสามคน ปรากฏวา่ ทีมแบดมินตันบาง ขวางนนทบุรี (โรงเรยี นราชวิทยาลัยบางขวางนนทบุร)ี ชนะเลศิ ทุกประเภท นอกจากนี้ มนี กั กฬี าแบดมนิ ตันฝีมือดี เดนิ ทางไปแขง่ ขันยงั ประเทศใกลเ้ คยี งอยบู่ อ่ ยๆ ในปี พ.ศ. 2494 พระยาจนิ ดารักษไ์ ดก้ อ่ ตงั้ สมาคมช่อื วา่ \"สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย\" เม่ือแรก ตัง้ มอี ยู่ 7 สโมสร คอื สโมสรสมานมติ ร สโมสรบางกอก สโมสรนิวบอย สโมสรยนู ติ ี้ สโมสร ส.ธรรมภักดี สโมสร สิงห์อดุ ม และสโมสรศิริบําเพญ็ บุญ ซ่ึงในปั จจุบันนเี้ หลือเป็นสโมสรสมาชิกของสมาคมอยเู่ พยี ง 2 สโมสร คอื สโมสรนวิ บอย และสโมสรยูนิตีเ้ ทา่ นัน้ และในปี เดยี วกนั สมาคมแบดมินตนั แห่งประเทศไทยกไ็ ดส้ มัครเขา้ เป็น สมาชกิ ของสหพนั ธแ์ บดมนิ ตันนานาชาติดว้ ย สมาคมแบดมนิ ตนั แห่งประเทศไทยมีนกั กีฬาแบดมนิ ตนั ทีม่ ฝี ีมือดอี ยู่ มาก ซ่งึ ไดส้ ร้างช่ือเสยี งให้กับประเทศไทยจากการลงแขง่ ขันใน รายการตา่ ง ๆ ของโลกเป็นอยา่ งมาก ทัง้ โธมัสคพั อเู บอร์คัพ และการแขง่ ขันออลองิ แลนด์ โดยวงการแบดมินตันของไทยยกยอ่ ง นายประวัติ ปั ตตพงศ์ (หลวง ธรรมนูญวฒุ ิกร) เป็นบิดาแห่งวงการแบดมนิ ตนั ของประเทศไทย กติกาของกีฬาแบดมินตัน ภาพผัง ก. 1. สนามและอุปกรณ์สนาม 1.1 สนามจะเป็นรูปสเี่ หลยี่ มผืนผา้ ประกอบดว้ ยเสน้ กวา้ งขนาด 40 มลิ ลเิ มตร ตามภาพผงั ก. 1.2 เสน้ ทุกเสน้ ตอ้ งเดน่ ชัด และควรทาดว้ ยสขี าวหรอื สเี หลอื ง 1.3 เสน้ ทกุ เสน้ เป็นสว่ นประกอบของพ้ืนทีซ่ ่ึงกาํ หนดไว้ 1.4 เสาตาขา่ ยจะตอ้ งสูง 1.55 เมตรจากพ้ืนสนาม และตัง้ ตรงเม่อื ขึงตาขา่ ยให้ตงึ ตามทีไ่ ดก้ ําหนดไวใ้ นกตกิ า ขอ้ 1.10 โดยทีจ่ ะตอ้ งไมม่ สี ว่ นหน่งึ สว่ นใดของเสาย่นื เขา้ มาในสนาม (เฉพาะรายการทีร่ ับรองโดย IBF จะตอ้ งใช้ ระเบยี บนี้ จนกระทงั่ 1 สงิ หาคม พ.ศ. 2547 ทุกรายการทีแ่ ขง่ ขนั จะตอ้ งยดึ ตามระเบียบนี)้ 1.5 เสาตาขา่ ยจะตอ้ งตัง้ อยบู่ นเสน้ เขตขา้ งของประเภทคู่ ตามทไี่ ดแ้ สดงไวใ้ นภาพผัง ก. โดยไมต่ อ้ งคํานงึ วา่ จะเป็น ประเภทเดีย่ วหรือเลน่ คู่ 1.6 ตาขา่ ยจะตอ้ งถักดว้ ยเสน้ ดา้ ยสีเขม้ และมขี นาดตากวา้ งไมน่ อ้ ยกวา่ 15 มิลลเิ มตร และไมเ่ กิน 20 มิลลเิ มตร 1.7 ตาขา่ ยตอ้ งมคี วามกวา้ ง 760 มิลลิเมตร และความยาวอยา่ งนอ้ ย 6.1 เมตร 1.8 ขอบบนของตาขา่ ยตอ้ งมีแถบผา้ สีขาวพบั สอง ขนาดกวา้ ง 75 มลิ ลิเมตร ทบั บนเชอื กหรือลวดทีร่ ้อยตลอดแถบ ผา้ ขาว 1.9 เชอื กหรอื ลวดตอ้ งมขี นาดพอทจี่ ะขึงให้ตงึ เตม็ ทีก่ ับหัวเสา 1.10 สดุ ขอบบนตาขา่ ยตอ้ งสูงจากพ้นื ทตี่ รงก่งึ กลางสนาม 1.524 เมตร และ 1.55 เมตร เหนือเสน้ เขตขา้ งของ ประเภทคู่ 1.11 ตอ้ งไมม่ ชี ่องวา่ งระหวา่ งสดุ ปลายตาขา่ ยกบั เสา ถ้าจาํ เป็นตอ้ งผูกร้อยปลายตาขา่ ยทงั้ หมดกับเสา 2. ลูกขนไก่ 2.1 ลกู ขนไกอ่ าจทาํ จากวัสดธุ รรมชาติ หรือวัสดุสังเคราะห์ ไมว่ า่ ลกู นนั้ จะทําจากวสั ดุชนดิ ใดกต็ าม ลักษณะวิถีวงิ่ ทวั่ ไป จะตอ้ งเหมือนกับลกู ซ่ึงทาํ จากขนธรรมชาติ ฐานเป็นหัวไมก้ อ๊ ก ห้มุ ดว้ ยหนงั บาง 2.2 ลูกขนไกต่ อ้ งมีขน 16 อัน ปั กอยบู่ นฐาน 2.3 วัดจากปลายขนถึงปลายสดุ ของฐาน โดยความยาวของขนในแตล่ ะลกู จะเทา่ กนั หมด ระหวา่ ง 62 มลิ ลเิ มตร ถงึ 70 มิลลเิ มตร 2.4 ปลายขนแผเ่ ป็นรปู วงกลม มีเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางระหวา่ ง 58 มิลลเิ มตร ถงึ 68 มิลลเิ มตร 2.5 ขนตอ้ งมดั ให้แนน่ ดว้ ยเสน้ ดา้ ย หรอื วัสดุอ่นื ทเี่ หมาะสม 2.6 ฐานของลูกตอ้ งมีเสน้ ผา่ ศูนยก์ ลาง 25 มลิ ลิเมตร ถงึ 28 มิลลิเมตร และสว่ นลา่ งมนกลม 2.7 ลูกขนไกจ่ ะมนี า้ หนักตัง้ แต่ 4.74 ถึง 5.50 กรมั 2.8 ลกู ขนไกท่ ีไ่ มใ่ ช้ขนธรรมชาติ 2.8.1 ใช้วสั ดุสังเคราะห์แทนขนธรรมชาติ 2.8.2 ฐานลูก ดงั ทีไ่ ดก้ าํ หนดไวใ้ นกตกิ าขอ้ 2.6 2.8.3 ขนาดและนา้ หนกั ของลูกตอ้ งเป็นไปตามทไี่ ดก้ าํ หนดไวใ้ นกตกิ าขอ้ 2.3, 2.4 และ 2.7 อยา่ งไรกต็ าม ความแตกตา่ งของความถ่วงจาํ เพาะ และคณุ สมบัติของวสั ดุสงั เคราะห์โดยการเปรยี บเทยี บกบั ขนธรรมชาติ ยอมให้ มีความแตกตา่ งไดถ้ ึง 10% 2.9 เน่อื งจากมไิ ดก้ ําหนดความแตกตา่ งในเร่ืองลักษณะทัว่ ไป ความเร็วและวถิ ีวงิ่ ของลกู อาจมีการเปลยี่ นแปลง คณุ ลักษณะดังกลา่ วขา้ งตน้ ไดโ้ ดยการอนมุ ตั จิ ากองคก์ รแห่งชาตทิ ีเ่ กีย่ วขอ้ งในทีซ่ ่งึ สภาพความกดอากาศสงู หรอื สภาพดนิ ฟ้ าอากาศ เป็นเหตใุ ห้ลูกขนไกต่ ามมาตรฐานทกี่ ําหนดไวไ้ มเ่ หมาะสม 3. การทดสอบความเร็วของลูก 3.1 การทดสอบ ให้ยืนหลงั เสน้ เขตหลงั แลว้ ตลี กู ใตม้ อื อยา่ งสดุ แรง โดยจดุ สมั ผสั ลูกอยเู่ หนือเสน้ เขตหลัง ลูกจะพงุ่ เป็นมุมสงู และอยใู่ นแนวขนานกบั เสน้ เขตขา้ ง 3.2 ลูกทมี่ ีความเร็วถกู ตอ้ ง จะตกห่างจากเสน้ เขตหลงั ของอกี ดา้ นหน่ึงไมน่ อ้ ยกวา่ 530 มลิ ลิเมตร และไมม่ ากกวา่ 990 มลิ ลิเมตร (ภาพผัง ข.) ภาพผัง ข. 4. แร็กเกต 4.1 เฟรมของแร็กเกตยาวทงั้ หมดไมเ่ กนิ 680 มลิ ลเิ มตร และกวา้ งทัง้ หมดไมเ่ กนิ 230 มิลลิเมตร สว่ นตา่ ง ๆ ที่ สําคัญไดอ้ ธิบายไวใ้ นกตกิ าขอ้ 4.1.1 ถงึ 4.1.5 และไดแ้ สดงไวใ้ นภาพผงั ค. ภาพผัง ค. 4.1.1 ดา้ นจบั เป็นสว่ นของแรก็ เกตทผี่ เู้ ลน่ ใช้จบั 4.1.2 พ้ืนทขี่ งึ เอ็น เป็นสว่ นของแรก็ เกตทีผ่ เู้ ลน่ ใช้ตีลกู 4.1.3 หัว บริเวณทใี่ ช้ขึงเอ็น 4.1.4 กา้ น ตอ่ จากดา้ มจบั ถึงหัว (ข้ึนอยกู่ ับกตกิ าขอ้ 4.1.5) 4.1.5 คอ (ถ้ามี) ตอ่ กา้ นกบั ขอบหวั ตอนลา่ ง 4.2 พ้ืนทีข่ งึ เอ็น 4.2.1 พ้ืนทีข่ ึงเอน็ ตอ้ งแบนราบ ดว้ ยการร้อยเอ็นเสน้ ขวางขัดกบั เสน้ ยนื แบบการขงึ เอน็ ทวั่ ไป โดยพ้นื ทีต่ อน กลาง ไมค่ วรทบึ นอ้ ยกวา่ ตอนอ่นื ๆ 4.2.2 พ้นื ทีข่ งึ เอ็นตอ้ งยาวทงั้ หมดไมเ่ กนิ 280 มิลลเิ มตร และกวา้ งทัง้ หมดไมเ่ กิน 220 มลิ ลเิ มตร อยา่ งไร กต็ ามอาจขงึ ไปถึงคอเฟรม หากความกวา้ งทีเ่ พิม่ ของพ้นื ทขี่ ึงเอ็นนัน้ ไมเ่ กนิ 35 มิลลเิ มตรและความยาวทงั้ หมดของ พ้นื ทขี่ งึ เอน็ ตอ้ งไมเ่ กนิ 330 มลิ ลิเมตร 4.3 แรก็ เกต 4.3.1 ตอ้ งปราศจากวัตถอุ ่นื ติดอยู่ หรือย่นื ออกมา ยกเวน้ จากสว่ นทที่ ําเพ่ือจํากัดและป้ องกันการสึกหรอ ชาํ รุดเสียหาย การสนั่ สะเทือน การกระจายนา้ หนัก หรือการพันดา้ มจับให้กระชบั มอื ผูเ้ ลน่ และมคี วามเหมาะสมทงั้ ขนาดและการติดตัง้ สาํ หรบั วัตถุประสงคด์ ังกลา่ ว 4.3.2 ตอ้ งปราศจากสงิ่ ประดษิ ฐอ์ ่นื ๆ ทชี่ ่วยให้ผูเ้ ลน่ เปลยี่ นรูปทรงของแรก็ เกต 5. การยอมรับอุปกรณ์ สหพนั ธแ์ บดมินตันนานาชาติ จะกาํ หนดกฎเกณฑเ์ กีย่ วกบั ปั ญหาของแรก็ เกต ลกู ขนไก่ หรอื อปุ กรณต์ น้ แบบ ซ่ึงใช้ในการเลน่ แบดมนิ ตันให้เป็นไปตามขอ้ กําหนดตา่ ง ๆ กฏเกณฑด์ ังกลา่ วอาจเป็นการริเริม่ ของสหพันธเ์ องหรือ จากการย่นื ความจํานงของคณะบคุ คล ทมี่ ผี ลประโยชนเ์ กยี่ วขอ้ งอยา่ งแทจ้ ริงกบั ผูเ้ ลน่ ผูผ้ ลิต หรือองคก์ รแห่งชาติ หรอื สมาชกิ ขององคก์ รนนั้ ๆ 6. การเสี่ยง 6.1 กอ่ นเริม่ เลน่ จะตอ้ งทําการเสยี ง ฝ่ ายทชี่ นะการเสยี ง มีสทิ ธเิ์ ลอื กตามกตกิ าขอ้ 6.1.1 หรือ 6.1.2 6.1.1 สง่ ลูกหรอื รับลูกกอ่ น 6.1.2 เรมิ่ เลน่ จากสนามขา้ งใดขา้ งหน่งึ 6.2 ฝ่ ายทแี่ พก้ ารเสยี่ ง มีสทิ ธทิ์ เี่ หลือจากการเลอื ก 7. ระบบการนับคะแนน 7.1 แมทช์หน่ึงตอ้ งชนะให้ไดม้ ากทีส่ ดุ ใน 3 เกม เวน้ แตจ่ ะไดก้ าํ หนดเป็นอยา่ งอ่นื 7.2 ในประเภทชายคแู่ ละประเภทชายเดีย่ ว ฝ่ ายทไี่ ด้ 15 คะแนนกอ่ นเป็นฝ่ ายชนะในเกมนนั้ ยกเวน้ ตามทีไ่ ดก้ ําหนด ไวใ้ นกติกาขอ้ 7.5 7.3 ในประเภทหญิงเดีย่ ว หญิงคู่ คูผ่ สม ฝ่ ายทีไ่ ด้ 11 คะแนนกอ่ นเป็นฝ่ ายชนะในเกมนัน้ ยกเวน้ ตามทีไ่ ดก้ าํ หนดไว้ ในกติกาขอ้ 7.5 7.4 ฝ่ ายสง่ ลกู เทา่ นัน้ เป็นฝ่ ายไดค้ ะแนน (ดูกตกิ าขอ้ 10.3 หรือ 11.5) 7.5 ถ้าได้ 14 คะแนนเทา่ กัน (10 คะแนนเทา่ กนั ในประเภทหญิงเดีย่ ว หญงิ คู่ คูผ่ สม) ฝ่ ายทีไ่ ด้ 14 (10) คะแนน กอ่ น มีสิทธิเ์ ลอื กในกติกาขอ้ 7.5.1 หรอื 7.5.2:- 7.5.1 ตอ่ เกมนนั้ ถงึ 15 (11) คะแนน กลา่ วคอื ไมเ่ ลน่ ตอ่ ในเกมนัน้ หรอื 7.5.2 เลน่ ตอ่ เกมนนั้ ถงึ 17 (13) คะแนน 7.6 ฝ่ ายชนะ เป็นฝ่ ายสง่ ลกู กอ่ นในเกมตอ่ ไป 8. การเปลี่ยนข้าง 8.1 ผูเ้ ลน่ จะเปลยี่ นขา้ ง :- 8.1.1 หลังจากจบเกมที่ 1 8.1.2 กอ่ นเริม่ เลน่ เกมที่ 3 (ถ้ามี) และ 8.1.3 ในเกมที่ 3 หรือในการแขง่ ขันเกมเดยี ว เม่อื คะแนนนาํ ถงึ 6 คะแนน สาํ หรับเกม 11 คะแนน / 8 คะแนน สาํ หรับเกม 15 คะแนน 8.2 ถ้าผเู้ ลน่ ลืมเปลยี่ นขา้ งตามทไี่ ดร้ ะบุไวใ้ นกติกาขอ้ 8.1 ผูเ้ ลน่ ตอ้ งเปลยี่ นขา้ งทนั ทีทรี่ ้ตู วั และลูกไมอ่ ยใู่ นการเลน่ และให้นบั นับคะแนนตอ่ จากคะแนนทไี่ ดใ้ นขณะนนั้ 9. การส่งลูก 9.1 ในการสง่ ลูกทถี่ กู ตอ้ ง 9.1.1 ทงั้ สองฝ่ ายตอ้ งไมป่ ระวงิ เวลาให้เกิดความลา่ ช้าในการสง่ ลูกทนั ทีทีผ่ สู้ ง่ ลูก และผรู้ ับลูกอยใู่ นทา่ พร้อม แลว้ 9.1.2 ผูส้ ง่ ลูกและผูร้ บั ลกู ตอ้ งยืนในสนามสง่ ลกู ทะแยงมุมตรงขา้ มโดยเทา้ ไมเ่ หยียบเสน้ เขตของสนามสง่ ลกู 9.1.3 บางสว่ นของเทา้ ทัง้ สองของผูส้ ง่ ลูกและผูร้ ับลกู ตอ้ งแตะพ้ืนสนามในทา่ นิง่ ตัง้ แตเ่ ริม่ สง่ ลูก (กตกิ าขอ้ 9.4) จนกระทงั่ สง่ ลูกแลว้ (กตกิ าขอ้ 9.5) 9.1.4 จดุ สัมผสั แรกของแรก็ เกตผสู้ ง่ ตอ้ งตที ฐี่ านของลกู 9.1.5 ทกุ สว่ นของลูกจะตอ้ งอยตู่ า่ กวา่ เอวของผูส้ ง่ ขณะทแี่ รก็ เกตสัมผัสลูก 9.1.6 กา้ นแรก็ เกตของผูส้ ง่ ลูกในขณะตลี ูก ตอ้ งชีล้ งต่าจนเห็นไดช้ ัดวา่ สว่ นหวั ทงั้ หมดของแรก็ เกตอยตู่ ่ากวา่ ทกุ สว่ นของมอื ทีจ่ บั แร็กเกตของผูส้ ง่ ลูก ตามภาพผัง ง. 9.1.7 การเคล่ือนแร็กเกตของผสู้ ง่ ลูกไปขา้ งหนา้ ตอ้ งตอ่ เน่ืองจากการเริม่ สง่ ลกู (กติกาขอ้ 9.4) จนกระทงั่ ได้ สง่ ลูกแลว้ และ 9.1.8 วิถลี ูกจะพุง่ ข้ึนจากแร็กเกตของผสู้ ง่ ลูกขา้ มตาขา่ ย และถ้าปราศจากการสะกดั กัน้ ลูกจะตกลงบนพ้ืน สนามสง่ ลกู ของผูร้ ับลูก (กลา่ วคอื บนหรือภายในเสน้ เขต) 9.2 ถ้าการสง่ ลูกไมถ่ ูกตอ้ ง ตามกตกิ าของขอ้ 9.1.1 ถงึ 9.1.8 ถือวา่ ฝ่ ายทําผิด เสีย (กติกาขอ้ 13) 9.3 ถอื วา่ เสยี ถ้าผสู้ ง่ ลูกพยายามจะสง่ ลูก โดยตไี มถ่ ูกลกู 9.4 เม่ือผูเ้ ลน่ อยใู่ นทา่ พร้อมแลว้ การเคล่อื นแร็กเกตไปขา้ งหนา้ ของผูส้ ง่ ลกู ถือวา่ เรมิ่ สง่ ลูก 9.5 ถือวา่ ไดส้ ง่ ลูกแลว้ (กตกิ าขอ้ 9.4) ถ้าแร็กเกตของผสู้ ง่ สัมผสั ลูกหรอื พยายามจะสง่ ลกู แตต่ ไี มถ่ กู ลูก 9.6 ผสู้ ง่ ลกู จะสง่ ลกู ไมไ่ ดถ้ ้าผรู้ บั ลกู ยังไมพ่ ร้อม แตถ่ ือวา่ ผรู้ ับลูกพร้อมแลว้ ถ้าพยายามตีลกู ทีส่ ง่ มากลบั ไป 9.7 ในประเภทคู่ คูข่ าจะยนื ณ ทีใ่ ดกไ็ ด้ โดยไมบ่ ังผูส้ ง่ ลูกและผรู้ บั ลกู 10. ประเภทเดี่ยว TOP 10.1 สนามสง่ ลกู และรับลูก 10.1.1 ผูเ้ ลน่ จะสง่ ลกู และรับลกู ในสนามสง่ ลกู ดา้ นขวา เม่อื ผูส้ ง่ ลูกทําคะแนนไมไ่ ด้ หรือคะแนนทไี่ ดเ้ ป็นเลขคู่ ในเกมนัน้ 10.1.2 ผเู้ ลน่ จะสง่ ลูกและรับลกู ในสนามสง่ ลกู ดา้ นซ้าย เม่อื ผูส้ ง่ ลูกไดค้ ะแนนเป็นเลขคีใ่ นเกมนัน้ 10.2 ผูส้ ง่ ลูกและรับลกู จะตโี ตล้ ูกจนกวา่ จะเกิด เสยี หรือลูกไมอ่ ยใู่ นการเลน่ 10.3 คะแนนและการสง่ ลูก 10.3.1 ถ้าผูร้ ับทาํ เสยี หรอื ลกู ไมอ่ ยใู่ นการเลน่ เพราะตกลงบนพ้ืนสนามของผรู้ ับ ผูส้ ง่ ลูกไดค้ ะแนน ผูส้ ง่ จะได้ สง่ ลกู ตอ่ ไปในสนามสง่ อีกดา้ นหน่งึ 10.3.2 ถ้าผูส้ ง่ ทาํ เสยี หรอื ลูกไมอ่ ยใู่ นการเลน่ เพราะตกลงบนพ้นื สนามของผสู้ ง่ ผสู้ ง่ หมดสิทธกิ์ ารสง่ ลกู และ ผูร้ ับกจ็ ะไดเ้ ป็นผูส้ ง่ ลูก โดยผเู้ ลน่ ทงั้ สองฝ่ ายไมไ่ ดค้ ะแนน 11.ประเภทคู่ 11.1 เม่ือเริม่ เลน่ แตล่ ะครงั้ ฝ่ ายทีไ่ ดส้ ทิ ธิส์ ง่ ตอ้ งเรมิ่ สง่ จากสนามสง่ ลูกดา้ นขวา 11.2 ผูร้ บั ลกู เทา่ นนั้ เป็นผูต้ ีลูกกลบั ไป ถ้าลกู ถูกตวั หรอื คูข่ าของผูร้ บั ตีลูก ถอื วา่ เสีย ผูส้ ง่ ลูกได้ 1 คะแนน 11.3 ลาํ ดับการเลน่ และตําแหนง่ ยืนในสนาม 11.3.1 หลังจากไดร้ ับลกู ทสี่ ง่ มาแลว้ ผเู้ ลน่ ของฝ่ ายสง่ คนหน่ึงคนใดตีลูกกลับไป และผูเ้ ลน่ คนหน่งึ คนใดของ ฝ่ ายรับโตล้ ูกกลับมา เป็นอยา่ งนีเ้ ร่ือยไปจนกวา่ ลกู ไมอ่ ยใู่ นการเลน่ 11.3.2 หลังจากไดร้ ับลูกทีส่ ง่ มาแลว้ ผูเ้ ลน่ คนหน่งึ คนใดจะตโี ตล้ กู จากทีใ่ ดกไ็ ดภ้ ายในสนามของตนโดยมี ตาขา่ ยกัน้ 11.4 สนามสง่ ลกู และรับลกู 11.4.1 ผเู้ ลน่ มสี ทิ ธิส์ ง่ ตอนเรมิ่ ตน้ ของแตล่ ะเกม จะสง่ หรอื รับลูกในสนามสง่ ดา้ นขวา เม่ือผเู้ ลน่ ฝ่ ายนัน้ ไมไ่ ด้ คะแนน หรือคะแนนในเกมนนั้ เป็นเลขคู่ และในสนามสง่ ลูกดา้ นซ้ายเม่ือคะแนนในเกมนนั้ เป็นเลขคี่ 11.4.2 ผเู้ ลน่ ทีเ่ ป็นผรู้ บั ตอนเริม่ ตน้ ของแตล่ ะเกม จะรบั หรือสง่ ลกู ในสนามสง่ ลูกดา้ นขวา เม่ือผเู้ ลน่ ฝ่ ายนนั้ ไม่ ไดค้ ะแนน หรือคะแนนในเกมนนั้ เป็นเลขคู่ และในสนามสง่ ลกู ดา้ นซ้าย เม่ือคะแนนในเกมนัน้ เป็นเลขคี่ 11.4.3 ให้คูข่ าของผูเ้ ลน่ ปฏบิ ตั ใิ นทางกลับกัน 11.5 คะแนนและการสง่ ลูก 11.5.1 ถ้าฝ่ ายรบั ทาํ เสยี หรอื ลูกไมอ่ ยใู่ นการเลน่ เพราะลกู ตกลงบนพ้ืนสนามของฝ่ ายรับ ฝ่ ายสง่ ได้ 1 คะแนน และผสู้ ง่ ยงั คงไดส้ ง่ ลกู ตอ่ อกี 11.5.2 ถ้าฝ่ ายสง่ ทาํ เสีย หรือลกู ไมอ่ ยใู่ นการเลน่ เพราะลกู ตกลงบนพ้ืนสนามของฝ่ ายสง่ ผสู้ ง่ หมดสิทธิส์ ง่ ลูก โดยผเู้ ลน่ ทงั้ สองฝ่ ายไมไ่ ดค้ ะแนน 11.6 การสง่ ลูกทุกครงั้ ตอ้ งสง่ จากสนามสง่ ลูก สลบั กนั ไป ยกเวน้ ตามทไี่ ดก้ าํ หนดไวใ้ นกตกิ าขอ้ 12 และ ขอ้ 14 11.7 ในการเรมิ่ ตน้ เกมใดก็ตาม ผูม้ สี ทิ ธิส์ ง่ ลูกคนแรก สง่ ลกู จากสนามดา้ นขวาไปยงั ผูร้ บั ลูกคนแรกและจากนนั้ ไป ยังคูข่ าของผูร้ ับตามลําดับไป จนกระทงั่ เสยี สิทธแิ์ ละเปลยี่ นสง่ ไปให้ฝ่ ายตรงขา้ มทจี่ ะตอ้ งเริม่ สง่ จากสนามดา้ นขวา (กตกิ าขอ้ 11.4) จากนัน้ จะให้คูข่ าสง่ จะเป็นเช่นนตี้ ลอดไป 11.8 ห้ามผูเ้ ลน่ สง่ ลกู กอ่ นถึงเวลาทตี่ นเป็นผสู้ ง่ หรอื รบั ลกู กอ่ นถงึ เวลาทีต่ นเป็นผูร้ บั หรือรับลูกติดตอ่ กันสองครัง้ ในเกมเดยี วกนั ยกเวน้ ตามทีไ่ ดก้ าํ หนดไวใ้ นกตกิ าขอ้ 12 และ 14 11.9 ผูเ้ ลน่ คนหน่ึงคนใดของฝ่ ายชนะ จะเป็นผสู้ ง่ ลูกกอ่ นในเกมตอ่ ไปก็ได้ และผูเ้ ลน่ คนหน่งึ คนใดของฝ่ ายแพจ้ ะ เป็นผรู้ บั ลกู กอ่ นกไ็ ด้ 12. ความผิดในสนามส่งลูก 12.1 ความผดิ ในสนามสง่ ลูกเกิดข้ึนเม่อื ผเู้ ลน่ 12.1.1 สง่ ลกู กอ่ นถึงเวลาทตี่ นเป็นผูส้ ง่ 12.1.2 สง่ ลูกจากสนามสง่ ลูกทีผ่ ดิ หรอื 12.1.3 ยืนผิดสนามและไดเ้ ตรยี มพร้อมทีจ่ ะรบั ลกู ทสี่ ง่ มา 12.2 ถ้าพบความผดิ ในสนามสง่ ลกู กอ่ นสง่ ลูกครงั้ ตอ่ ไป 12.2.1 หากฝ่ ายหน่งึ ทําผิดและชนะในการตโี ต้ ให้ เอาใหม่ 12.2.2 หากฝ่ ายหน่งึ ทาํ ผิดและแพใ้ นการตโี ต้ ไมม่ กี ารแกไ้ ขความผิด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook