รายงานการศึกษาค้นควา้ หนังสอื นอกเวลา เรือ่ ง 100 เร่อื งนา่ รเู้ กี่ยวกับชีวิตยุคกอ่ นประวตั ิศาสตร์ อศิ ราภรณ์ เจษฎาปกรณ์ รายงานฉบับนีเ้ ป-นสว/ นหน่งึ ของวิชาภาษาไทย (ท23102) โรงเรยี นสตรวี ทิ ยา ภาคเรียนท่ี 2 ปกF ารศึกษา 2564
ก คำนำ รายงานน้ีจัดทำขนึ้ เพอ่ื ให6ไดใ6 ชเ6 วลาวา; งใหเ6 ปน= ประโยชน@ และเพือ่ ใหไ6 ดศ6 กึ ษาหาความรเู6 พม่ิ เติม นอกเหนอื จากชน้ั เรยี น เนอ้ื หารายงานเปน= เนือ้ หาในหนงั สือเรอ่ื ง 100 เรื่องนา; ร6เู ก่ยี วกบั ชวี ิตยคุ กอ; นประวตั ิศาสตร@ มกี ารกลา; วถงึ ตงั้ แต;โลกเริ่มมีส่ิงมีชีวิตจนถงึ มนษุ ยพ@ วกแรก ขอขอบคณุ คุณครธู ญั วทิ ย@ แสงขามปอT ม ทไ่ี ด6ให6ความสนับสนนุ ใบความร6รู ายงานการศึกษาคน6 คว6า อันมี ส;วนทำให6รายงานฉบับนี้เสรจ็ สมบูรณ@ อศิ ราภรณ@ เจษฎาปกรณ@ 22 มกราคม 2565
ข สารบัญ หนา้ ก เรื่อง ข คาํ นาํ 1 2-5 สารบญั 6 บทที่ 1 ประวัติ ผลงานผู้แตง่ 6 บทท่ี 2 เร่อื งยอ่ 6 บทที่ 3 วเิ คราะห์เน้อื หา 6 6 3.1 โคลงเรื่อง 7 3.2 ตวั ละคร 7 3.3 ฉาก 7 7 3.4 แกน่ เรอื่ ง 8 บทท่ี 4 วิเคราะหด์ ้านวรรณศิลป์ 8 8 4.1 การใชค้ าํ การใช้ภาษา 9 4.2 การดาํ เนนิ เรอื่ ง 4.3 สาํ นวนหรอื ข้อความทส่ี าํ คัญ บทที่ 5 วิเคราะหด์ ้านสงั คม 5.1 แนวคดิ ขอ้ คดิ ทผี่ ูแ้ ต่งสะทอ้ นให้เหน็ 5.2 การนาํ ไปปรับใชใ้ นชีวติ ประจาํ วนั บรรณานุกรม
1 บทท่ี 1 ประวตั ิ ผลงานผแู้ ต่ง รายงานการศึกษาค้นควา้ หนังสือนอกเวลา เร่อื ง 100 เร่ืองนา่ รเู้ ก่ียวกบั ชีวติ ยคุ ก่อนประวตั ศิ าสตร์ จดั ทาํ ข้นึ โดยอา้ งองิ เนื้อหาจากหนังสอื 100 เรื่องนา่ ร้เู กย่ี วกับชีวิตยุคกอ่ นประวัติศาสตร์ ซ่งึ เปน็ หนังสือทถ่ี กู แต่งข้ึนโดย นายรูเพิร์ต แมทธิว ประวตั ผิ ูแ้ ตง่ นายรูเพิร์ต แมทธวิ เปน็ นักฟิสกิ ส์และนกั เขียนชาวองั กฤษ เกดิ เม่ือวนั ที่ 23 กนั ยายน 2502 (อายุ 61 ปี) จบการศึกษาในสาขาฟิสิกส์ท่ี Corpus Christi วิทยาลัย, มหาวทิ ยาลยั ฟอรด์ ในปี 1981 และเขาไดข้ ้นึ อาชพี คใู่ น การเขยี นวทิ ยาศาสตร์และการวิจยั ทางวชิ าการ ปัจจุบนั เขาเปน็ ท่ปี รึกษาด้านวทิ ยาศาสตรแ์ ละคอลัมนิตยสาร วิทยาศาสตร์บีบีซโี ฟกสั , คอลมั นอิ ิสระแห่งชาติในอาบดู าบแี ละอาจารย์ในภาควิชาคณิตศาสตร์มหาวิทยาลัย Aston นอกจากน้เี ขายงั เป็นสมาชิกของสมาคมสถิตินกั ฟิสิกสช์ าร์เตอร์ด ผลงานผู้แตง่ นายรเู พิรต์ แมทธวิ ไดร้ ับรางวลั สําหรับการวจิ ัยของเขารวมท้ังรางวลั อกิ โนเบล และในปี 1996 ไดร้ บั รางวลั สําหรับกระดาษของเขาขนมปงั Tumbling, กฎหมายเมอร์ฟีและค่าคงที่พน้ื ฐาน และเขาเป็นผู้เขียนหนงั สอื วทิ ยาศาสตรย์ อดนิยมหลายเล่ม, 25 Big Ideas in Science (2005), Q&A: Cosmic Conundrums and Everyday Mysteries of Science (2005) และUnraveling the Mind of God: Mysteries at the Frontiers of Science (ลอนดอน: เวอรจ์ ิน 1992) ในปี 2016 เขาตีพมิ พ์ Chance It กฎแหง่ โอกาสและสิง่ ทพ่ี วกเขาสามารถ ทาํ ได้เพ่ือคุณ (ลอนดอน : Profile Books)
2 บทท่ี 2 เรอ่ื งยอ่ เมอ่ื หลายพันล้านปกี ่อนโลกเราเคยปกคลมุ ด้วยผืนน้าํ แข็งกว้างใหญ่ สภาพน้ําแขง็ น้ีเกิดขนึ้ หลายครั้งใน ประวัติศาสตรข์ องโลก และเราเรยี กช่วงเวลาท่ีหนาวเยน็ จนเปน็ นา้ํ แข็งนี้วา่ ยุคน้าํ แขง็ อย่างไรกด็ ี ยุคน้าํ แขง็ นัน้ เป็น เพียงส่วนเส้ยี วเลก็ ๆของยุคก่อนประวตั ศิ าสตร์เท่านนั้ กอ่ นหนา้ นนั้ โลกเรามีท้ังความอบอุ่น ทะเลและทะเลสาบ แมแ้ ต่ชว่ งก่อนหน้าน้นั ไปอีก โลกยงั มีฝนตกนอ้ ยนิดเปน็ เวลาหลายพันปี และแผ่นดนิ กเ็ ป็นทะเลทราย ท้งั สภาพแวดลอ้ ม และสภาพภมู อิ ากาศเปลยี่ นแปลงไปตลอดเวลากว่าหลายล้านปี และสิ่งมีชีวติ กจ็ ําเป็นตอ้ ง เปลีย่ นแปลงเพื่อให้มีชวี ติ รอดเช่นเดยี วกนั การเปลีย่ นแปลงของสิง่ มชี วี ิตเฉียกวา่ \"ววิ ฒั นาการ\" ชวี ติ เร่ิมอบุ ัตขิ น้ึ เมอ่ื นานมาแลว้ เราทราบไดจ้ ากซากของส่งิ มชี ีวติ ในยคุ กอ่ นประวตั ศิ าสตรท์ ต่ี ายและถกู ฝัง อย่ใู นดนิ เมื่อผ่านไปกวา่ หลายลา้ นปี ซากของพวกมันกก็ ลายเป็นรปู ร่างฝงั อย่ใู นหินที่เรยี กวา่ ฟอสซลิ ซากเก่าแก่ ทส่ี ุดซง่ึ มีอายมุ ากกว่า 3,000 ลา้ นปี เปน็ เพยี งซากทีเ่ ปน็ เม็ดเล็กๆของแบคทเี รยี ซ่ึงเปน็ สิ่งมีชวี ติ ท่ยี ังคงมอี ยู่ใน ปจั จบุ ัน พืชชนดิ แรกๆคอื สาหร่ายทะเล ซ่งึ ปรากฎขน้ึ เมื่อประมาณ 1,000 ล้านปีที่แลว้ พชื เหลา่ นม้ี เี ชลล์อยหู่ ลาย พันเชลล์ ซง่ึ ต่างไปจากสาหรา่ ยสีน้าํ เงนิ แกมเขยี ว และแบคท่เี รยี ซ่งึ มเี พียงเซลลเ์ ดยี วเทา่ น้ัน พชื บางชนิดเร่มิ ขึน้ มา เติบโตบนบก พืชเหล่าน้จี ะอาศัยอย่รู ว่ มกบั ส่ิงมีชีวิตอกี ประเภทหนึ่งคอื ราหรือเหด็ รา เมอื่ สาหรา่ ย (ซง่ึ เป็นพืช) และ รารวมตวั กนั ก็จะกลายเปนิ แผ่นแบนสีเหลืองๆ เขียวๆ ทีแ่ ผ่คลมุ อยู่บนกอ้ นหินคอยดดู ซับนํา้ ฝน ส่งิ มชี ีวิตชนดิ น้ี เรยี กว่า ไลเคน ซงึ่ ในปัจจุบันยังคงเจรญิ เดิบโตตามกอ้ นหนิ และบนต้นไม้อยู่ สัตวช์ นิดแรกอาศัยอยู่ในทะเลและพวกมันตวั น่มุ นิ่มเหมือนวนุ้ เมื่อกว่า 600 ล้านปที แี่ ลว้ สัตวช์ นดิ แรกๆท่ี ถอื กําเนดิ ข้นึ คือแมงกะพรนุ บนพ้ืนใต้ทะเลเป็นแหลง่ อาศยั ของกลุ่มสัตว์ตัวน่มุ นม่ิ และมรี ปู รา่ งเหมอื นขนนกท่มี ีชื่อ เรียกวา่ คาร์เนีย ซ่ึงเปน็ สตั วจ์ ําพวกปะการังชนิดแรกๆ สัตวเ์ หลา่ นจี้ ําเปน็ ตอ้ งรับเอาอาหารเข้าสู่ร่างกายด้วยการกนิ สิ่งมีชีวิตชนิดอน่ื คารเ์ นยี เองกใ็ ช้ขนของมนั คอยจบั พวกพืชขนาดจ๋ิวกิน หน่งึ ในสตั วน์ ักลา่ ชนิดแรกคอื อโนมาโล คาธสิ สัตว์ชนดิ น้ีมีชวี ิตอยเู่ มอื่ 520 ล้านปที ีแ่ ลว้ พวกมนั จะจับสัตว์ทีม่ ีขนาดเลก็ กวา่ กนิ ดว้ ยก้าม อโนมาโลคาริสน้ัน เป็นญาตกิ ับปูและแมลง และครัง้ หนึง่ ก็ถือว่าเป็นสัตวน์ ักลา่ ขนาดใหญท่ ีส่ ุดในยุคนน้ั แม้ว่าจะมคี วามยาวเพียง 60 เซนตเิ มตรเท่าน้ัน เมื่อ 400 ลา้ นปที ่แี ล้ว พชื ทอี่ ยูบ่ นบกเร่มิ มลี ําตน้ สูงขน้ึ มันมกี ิง่ กา้ นแขง็ ทสี่ ามารถตัง้ ตรงและลาํ เลียงน้ําไป ยังส่วนยอดได้ พชื ท่ีมีลาํ ตน้ ต้ังตรงเปน็ พวกแรกๆคือ คกุ โซเนยี มันเป็นส่ิงมชี วี ติ บนบกท่สี ูงทส่ี ุด แมจ้ ะมคี วามสงู เพยี ง 5 เซนตเิ มตร ปลาชนดิ แรกกดั ไมไ่ ด้แต่พวกมนั เป็นนกั ดดู เมอื่ ประมาณ 500 ลา้ นปที ่ีแล้ว มปี ลาชนิดแรกปรากฏขึ้นใน ทอ้ งทะเล พวกมันไมม่ ีขากรรไกรหรอื ฟนั และน่าจะใช้วิธดี ูดเอาหนอนและอาหารชน้ิ เลก็ ๆจากพืน้ โคลนเขา้ ส่ปู าก
3 ปลาในยุคแรกๆบางชนดิ มแี ผน่ กระดกู โค้งแข็งๆอย่ทู ว่ั ร่างกายเพ่อื ป้องกนั ตวั เอง ปลาเหลา่ นเ้ี รียกวา่ พลาโคเดริ ม์ และส่วนใหญ่เป็นนักล่าที่ดรุ ้ายบางชนิดกม็ ีขากรรไกรขนาดใหญท่ ม่ี แี ผ่นกระดูกคมๆสําหรับใชฉ้ ีกเหย่ือ ปลานกั ล่าที่ มีขนาดใหญ่จริงๆชนดิ แรกมขี นาดใหญก่ วา่ ฉลามขาวในยุคปจั จุบนั ดนั เคลโอสตอี สั อาจมีความยาวได้เกือบ 10 เมตร และแหวกว่ายอยู่ในมหาสมุทรเมื่อราว 360 ล้านปกี ่อน มันฉีกร่างเหย่ือโดยใข้ฟนั ขนาดใหญ่ซึง่ เป็นแผน่ กระดกู แหลมซีแ่ คบๆ ปลาพวกแรกๆบางชนิดเร่มิ เดนิ ขึน้ จากนาํ้ ปลาพวกท่ีเรียกวา่ ปล่าครีบเนอ้ื ปรากฎข้นึ เม่ือ 390 ลา้ นปที ่ีแลว้ ครบี อกแต่ละข้างมโี คนครีบท่ีเป็นกล้ามเนอื้ หากนาํ้ ในบอ่ แห้ง ปลาครีบเน้ือเหลา่ นก้ี ็สามารถใช้ ครบี ทเี่ หมอื นกบั ขาตะเกียกตะกายบนพนื้ ไปสแู่ หลง่ นาํ้ แห่งใหม่ได้ ยสู เทนอปเทรอนคือปลาครบี เนือ้ ชนิดหนึง่ ซงึ่ มี ขนาดยาวประมาณ 1.20 เมตร ปลาครีบเน้ือบางชนิดมวี ิวฒั นาการจนกลายมาเป็นสตั วส์ ่ีเท้า หรือทีเ่ รียกวา่ เททรา- พอด โดยใช้เวลากวา่ หลายล้านปี มีช่วงเวลาหลายช่วงในยคุ ก่อนประวัตศิ าสตรท์ ี่สิ่งมีชีวติ เกือบทกุ ชนดิ ไดส้ ูญพันธุ์ไป ช่วงเวลาเหล่านเ้ี รยี กวา่ การสูญพันธค์ุ ร้ังใหญ่ มเี พียงพชื และสัตวไ์ มก่ ่ชี นดิ ทส่ี ามารถเปลยี่ นแปลงหรือมวี ิวฒั นาการเปน็ สัตวช์ นิดใหมไ่ ด้ เทา่ นน้ั ทีร่ อดชีวติ การสูญพันธค์ ร้งั ใหญ่เม่ือ 290 ลา้ นปีทีแ่ ลว้ ช่วยให้สตั วก์ ลมุ่ ใหมซ่ งึ่ ก็คอื สัตวเ์ ล้อื ยคลาน แพร่กระจายพันธ์ุไปอย่างรวดเรว็ ผวิ หนังและไข่ของสตั ว์เล้ือยคลานชว่ ยใหม้ นั รอดชีวติ มาได้ ผิวหนังเป็นเกล็ดของ สตั วเ์ ลื้อยคลานน้ันกนั นาํ้ ได้ ซงึ่ แตกต่างจากผวิ หนงั ของสตั วส์ ะเทินนํ้าสะเทินบก และในขณะทไี่ ขซ่ งึ่ มีลักษณะเปน็ วุ้นของสตั วส์ ะเทินนํ้าสะเทินบกต้องวางในนาํ้ เทา่ นัน้ แตไ่ ขข่ องสัตว์เล้อื ยคลานซึ่งมีเปลอื กแขง็ สามารถวางบนบกได้ เมือ่ ราวๆ 280 ล้านปที ี่แล้ว สตั วเ์ ลอ้ื ยคลานอย่างเชน่ วาราโนซอรสั ทยี่ าว 1.50 เมตร ได้แพร่พันธุ์ไปยงั พน้ื ทีแ่ หง้ แล้ง ซง่ึ สัตว์สะเทนิ นํา้ สะเทนิ บกไม่สามารถอย่รู อดได้ ลตั ว์เลือ้ ยคลานไมช่ อบอุณหภูมิทร่ี อ้ นหรอื เย็นจนเกินไป มิฉะนน้ั มันอาจจะรอ้ นจนเกนิ ขดี หรอื หนาวเยน็ จนเคลื่อนไหวไมไ่ ด้ ลตั ว์เลอี้ ยคลานส่วนมากจะอาบแดดเพือ่ รบั ความอบอนุ่ จากนนั้ กจ็ ะเข้าไปอยูใ่ นรม่ เงา จระเขใ้ น ยคุ แรกเกลียดนํ้า โปรโทชูคสั ซงึ่ เปน็ จระเข้ยุคแรกๆน้ันอยู่แตบ่ นบก มันอาศัยอยใู่ นอเมริกาเหนอื เมื่อประมาณ 190 ลา้ นปีทแ่ี ลว้ มคี วามยาวหน่งึ เมตร และสามารถว่งิ ไปบนพ้ืนแหง้ ในขณะล่าเหยื่อ สตั วเ์ ล้ือยคลานบางชนดิ เคล่อื นที่ โดยใช้หาง สัตว์เล้ือยคลานยุคแรกหลายชนิดมีหางท่ียาวและแข็งแรง พวกมันอาจจะอาศัยอยใู่ นนา้ํ และเคลื่อนที่ไป ข้างหนา้ ด้วยการใชห้ างโบก สตั ว์เล้อื ยคลานบางชนดิ เรม่ิ ดูเหมอื นสัตวเ์ ล้ียงลกู ดว้ ยนม ไซนอ็ กนาทัสมขี นาดพอๆกับสนุ ขั ตัวใหญ่ ๆ และ แทนที่จะมผี ิวหนังเป็นเกลด็ มันกลบั มขี นแทน มนั ถกู จัดอยใู่ นกลมุ่ สตั วเ์ ล้ือยคลานทีเ่ รยี กว่า เทอ-แรพสดิ เม่อื ราวๆ 220 ล้านปที ี่แล้ว เทอแรพสิดขนาดเล็กบางชนดิ มีวิวฒั นาการมาเป็นสตั ว์เลยี้ งลกู ดว้ ยนมชนดิ แรก สัทวเ์ ลอ้ื ยคลานบางชนดิ ตัวใหญแ่ ละดรุ า้ ยเหมือนไดโนเสาร์ แตว่ ่าอาศัยอยใู่ นทะเลหนง่ึ ในนั้นคือโมซา- ซอรสั มันอาจมคี วามยาวไดถ้ ึง 10 เมตร และอาจหนกั ถงึ 10 ตนั ซ่งึ มขี นาดใหญ่โตกวา่ ฉลามขาวในปัจจบุ นั มาก พลาโคดสั สตั วเ์ ลื้อยคลานทะเลชนิดหนึ่งมฟี ันขนาดเทา่ กบั จานรองแก้ว ฟันขนาดใหญข่ องพลาโคดัสนัน้ มีเส้นผา่ น
4 ศนู ยก์ ลางกวา่ 10 เซนติเมตร ใชใ้ นการขบสตั วน์ าํ้ ท่มี ีเปลือกแขง็ และเม่นทะเล พลาโคดัสมคี วามยาว 2 เมตร และมี ชีวติ อยู่ในยคุ เดยี วกบั ไดโนเสาร์ชนดิ แรกๆ คือเม่อื 230 ลา้ นปที แ่ี ลว้ สัตวเ์ ลี้ยงลกู ด้วยนมมีชวี ิตอยูใ่ นยุคเดียวกับไดโนเสาร์ สตั วเ์ หลา่ นี้มีเลอื ดอ่นุ และมขี นไมเ่ หมือนผิวหนงั ที่ เป็นเกล็ดของสตั ว์เล้ือยคลาน เมกะโชสโทรดอน เปน็ สตั ว์เล้ยี งลกู ด้วยนมขนดิ แรกสุดทีน่ กั วิทยาศาสตรร์ จู้ ัก มัน อาศัยอยูท่ างตอนใตข้ องทวีปแอฟริกาเมื่อประมาณ 215 ลา้ นปที ่แี ล้ว ประมาณ 15 ลา้ นปเี ท่านนั้ หลังจากที่ ไดโนเสารถ์ ือกาํ เนดิ ขึ้นบนโลก มนั มคี วามยาว 2 เซนตเิ มตร และอาจจะลา่ แมลงเป็นอาหาร สตั ว์บินไดข้ นาดใหญช่ นิดแรกไมใ่ ชน่ ก แต่เปน็ เทอโรซอร์ พวกมันมีชวี ิตอยูใ่ นยุคเดียวกบั ไดโนเสาร์ และก็ สูญพันธุ์ไปในชว่ งเวลาเดยี วกันด้วย คือเมอื่ ประมาณ 65 ลา้ นปีท่แี ล้ว สตั ว์บนิ ได้ที่มขี นาดใหญท่ สี่ ุดตลอดกาลมี ขนาดพอๆกบั เครือ่ งบนิ ดว้ ยปีกทม่ี ีความยาวจากปลายขา้ งหนงึ่ ถึงปลายอกี ข้างหนึ่ง 14 เมตร เทอโรซอร์ท่ชี อ่ื เควต- ซัลโคแอตลัสซ่งึ มีขนาดใหญ่กว่านกใดๆท่ีบินได้ถงึ หลายเทา่ มนั อาจจะใข้ชีวิตเหมือนกับพวกแรง้ โดยร่อนอยู่สูงบน ทอ้ งฟา้ และโฉบลงมายังพน้ื ดินเพือ่ จิกกินซากของไดโนเสาร์ มกี ารคน้ พบฟอสซิลของสตั วท์ ะเลบางชิ้น ในทซ่ี ่งึ ห่างไกลจากทะเลไปหลายพันกิโลเมตร ประมาณ 100-70 ลา้ นปที ่แี ล้ว พื้นท่สี ่วนใหญ่ของทวีปอเมริกาเหนอื ใน ปจั จุบนั ปกคลมุ ไปด้วยผนื น้าํ ทอ้ งนา้ํ ตนื้ ๆเตม็ ไปด้วยปลานานาชนดิ รวมทง้ั สตั ว์เลือ้ ยคลานและส่ิงมีชีวติ อื่นๆ ใน ปัจจุบันฟอสซลิ ของพวกมันจึงถกู พบอยบู่ นแผน่ ดนิ เกดิ ความหายนะอกี ครั้งเม่อื ประมาณ 65 ลา้ นปที แ่ี ล้ว ได้ล้างผลาญไดโนเสาร์และสัตว์ชนดิ อืน่ ๆไปมากมาย ทําใหส้ ตั ว์ท่ีกลายเปน็ ประชากรหลักกลมุ่ ใหม่คือสตั ว์เล้ยี งลูกดว้ ยนม ซ่ึงส่วนใหญก่ ม็ ขี นาดเล็กพอๆกบั หนู เลปทกิ - ทิเดียม ซ่ึงมีชวี ติ อยเู่ ม่อื 50-40 ล้านปที ี่แล้ว อาจจะเปน็ ญาตกิ ับตัวตุ่นและหนูผีกไ็ ด้ เมื่อประมาณ 40 ลา้ นปที แ่ี ลว้ สัตวข์ นาดใหญ่ทสี่ ุดทเี่ ดินอยบู่ นพื้นดนิ คอื ยูอินตาเทอเรยี ม สตั วก์ ินพชื ชนดิ น้มี ีความยาวกวา่ 3 เมตร และมีความสงู วดั ถงึ ระดบั หัวไหลเ่ กือบ 2 เมตร ซงึ่ มีขนาดพอๆกับวัว ฟอสชลิ ของมนั พบ อยู่ใกลก้ บั แมน่ า้ํ ยูอินตาในรฐั โคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา เชอ่ื กันว่ายอู นิ ตาเทอเรียมเป็นญาตกิ ับมา้ และชา้ ง ก่อนทโ่ี ลกจะเรมิ่ เย็นลงเมื่อ 30 ลา้ นปีทแ่ี ล้ว ยงั มีตน้ ปาล์มขนึ้ อยเู่ กือบท่วั ทกุ แหง่ แตแ่ ลว้ มนั ก็กลายเปน็ พซื หายาก ตน้ ไมเ้ หล่านงี้ อกงามอย่ใู นสภาพแวดลอ้ มทอ่ี บอนุ่ และชุ่มขนึ้ แต่เม่อื โลกเยน็ ลง พชื ชนดิ อืน่ ๆกเ็ ขา้ มาแทนที่ อย่างเชน่ ต้นแมกโนเลีย สน โอ๊ก และเบิร์ช ซง่ึ การเปลย่ี นแปลงนีห้ มายถึงการเปลย่ี นแปลงของสตั วด์ ว้ ยเช่นกนั นักล่าบางชนิดมีการเปลยี่ นแปลงเพียงเล็กน้อย ในชว่ งเวลากว่าหลายล้านปี โพทาโมเทอเรียมคอื ตัวนาก ยุคแรกเรมิ่ ท่อี าศัยอยู่ในทวปี ยุโรปเม่อื 23 ล้านปที แี่ ล้ว มันแทบจะเหมือนกับตวั นากในปจั จุบันไมผ่ ดิ เพ้ยี นรูปร่าง ของมนั เหมาะสมดีแล้วสาํ หรบั การล่าปลาในลาํ นาํ้ ดังน้นั มนั จงึ ไมค่ อ่ ยมีการเปลีย่ นแปลงนัก ลงิ เอป และมนุษย์ ปรากฎขึ้นครัง้ แรกเมอื่ กว่า 50 ล้านปที ี่แลว้ และชนิดแรกๆดูคล้ายกับกระรอก สตั วใ์ น กลุ่มนเ้ี รียกว่า ไพรเมต พลีซอิ ดาพสิ คอื หนึง่ ในไพรเมตชนิดแรกๆ มนั มีชวี ติ อยูเ่ มือ่ 55 ล้านปที ี่แล้วในทวีปยุโรปและ อเมรกิ าเหนอื
5 มนษุ ย์ยุคแรกสดุ มชี ีวิตอยูเ่ ม่ือเกอื บสองลา้ นปที ่แี ล้ว เราเรยี กพวกเขาว่า โฮโม อเี รก็ ตัส ซึง่ มีความหมายว่า มนษุ ยผ์ ู้ยนื ตัวตรง และพวกเขากม็ คี วามสูงพอๆกับพวกเรามนษุ ยย์ ุคแรกน้ไี ด้ขยายเผ่าพันธจุ์ ากทวีปแอฟรกิ าไปสู่ ทวีปเอเชียและยุโรป อยา่ งไรก็ตาม พวกเขาก็สญู พนั ธไุ์ ปเมอ่ื ประมาณ 200,000 ปีทแ่ี ล้ว
6 บทท่ี 3 วิเคราะห์เน้ือหา รายงานการศกึ ษาคน้ คว้าหนงั สือนอกเวลา เรอ่ื ง 100 เร่ืองนา่ รู้เกี่ยวกับชีวิตยุคกอ่ นประวตั ศิ าสตร์ จดั ทํา ข้นึ โดยอ้างองิ เน้ือหาจากหนงั สือ 100 เร่อื งนา่ รู้เกย่ี วกบั ชีวติ ยคุ ก่อนประวัติศาสตร์ 3.1 โคลงเร่อื ง มีการบอกเล่าเหตกุ ารณต์ ัง้ แต่โลกเม่อื หลายพนั ลา้ นปีกอ่ น เม่ือสิง่ มชี ีวิตชนิดแรกถือกําเนิดข้นึ และค่อยๆ เปลย่ี นแปลงรปู ร่างหรือมกี ารวิวฒั นาการไปเป็นสงิ่ มีชีวิตท่ีหลากหลาย จนถอื กําเนดิ เป็นมนุษยเ์ มอ่ื ไมก่ ี่ลา้ นปกี ่อน 3.2 ตวั ละคร มตี ัวละครมากมายเป็นสตั วแ์ ละพืชหลากหลายชนิด ซึ่งจะมีการเปลยี่ นแปลงไปตามกาลเวลา มชี ว่ งเวลา หลายช่วงในยุคก่อนประวตั ศิ าสตรท์ ี่สิ่งมชี วี ติ เกือบทุกชนิดได้สญู พันธไุ์ ป จะมีเพียงพืชและสตั ว์ไม่กช่ี นิดท่สี ามารถ เปล่ียนแปลงหรือววิ ัฒนาการเป็นสตั วช์ นิดใหม่ไดเ้ ท่าน้นั ทร่ี อดชวี ิต และการวิวัฒนาการกจ็ ะทําใหเ้ กดิ ความ หลากหลายของสง่ิ มีชีวติ 3.3 ฉาก มีฉากเป็นสภาพแวดลอ้ มและสภาพภมู ิอากาศของโลกซ่ึงมกี ารเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เม่อื หลายพันลา้ นปี ก่อนโลกเราเคยปกคลุมด้วยผืนนา้ํ แขง็ กวา้ งใหญ่ สภาพนํ้าแขง็ นี้เกิดขนึ้ หลายครงั้ ในประวัติศาสตร์ของโลก แตย่ ุค นํ้าแข็งนัน้ เป็นเพยี งสว่ นเส้ียวเล็กๆของยคุ กอ่ นประวตั ศิ าสตรเ์ ท่านน้ั ก่อนหน้านน้ั โลกเรามีท้งั ความอบอุ่น ทะเล และทะเลสาบ แม้แตช่ ่วงก่อนหนา้ นั้นไปอกี โลกยังมีฝนตกน้อยนิดเป็นเวลาหลายพันปี และแผน่ ดนิ กเ็ ป็น ทะเลทราย ท้ังสภาพแวดล้อมและสภาพภมู ิอากาศมกี ารเปล่ยี นแปลงไปตลอดเวลากว่าหลายลา้ นปี 3.4 แกน่ เรอื่ ง สง่ิ มชี ีวิตจะปรบั ตวั เพื่อให้สามารถอยูร่ อดในสภาพแวดลอ้ มและสภาพอากาศของโลกทเ่ี ปลย่ี นแปลงไป สงิ่ มชี ีวิตทีส่ ามารถปรบั ตวั ได้กจ็ ะแพร่กระจายพันธ์ุอย่างรวดเร็ว สว่ นสิ่งมชี ีวติ ทีไ่ มส่ ามารถปรับตัวได้กจ็ ะสูญพนั ธ์ุ จนทาํ ให้เกิดความหลากหลายของสงิ่ มีชีวติ ท่เี ปล่ยี นแปลงไปตามสภาพแวดล้อมและสภาพอากาศของโลก
7 บทท่ี 4 วิเคราะหด์ า้ นวรรณศิลป์ 4.1 การใช้คํา การใชภ้ าษา ผู้แต่งใช้คาํ ทสี่ ามารถเขา้ ใจได้งา่ ยแม้แตเ่ ด็กก็สามารถเขา้ ใจได้ ไมเ่ ปน็ ทางการมากเกินไป มีการใชค้ ําพดู ที่ ทําใหด้ ูน่าสนใจ มีคาํ ถามและกจิ กรรมยอ่ ยๆแทรกอยู่ในเล่ม 4.2 การดําเนนิ เรอื่ ง มีการดําเนนิ เรอื่ งโดยใช้บรรยายโวหาร มกี ารเรยี บเรยี งประโยคไดด้ ที าํ ให้สามารถเข้าใจเรอ่ื งราว และ สามารถลําดบั เหตกุ ารณข์ องเนื้อเรือ่ งไดง้ า่ ย 4.3 สาํ นวนหรอื ขอ้ ความที่สาํ คัญ ทั้งสภาพแวดล้อมและสภาพภูมอิ ากาศมกี ารเปลย่ี นแปลงไปตลอดเวลากวา่ หลายล้านปแี ละสงิ่ มชี วี ติ ก็ จาํ เปน็ ต้องเปลยี่ นแปลงเพื่อให้มชี ีวติ รอดเช่นเดียวกัน
8 บทท่ี 5 วเิ คราะหด์ ้านสงั คม 5.1 แนวคิด ขอ้ คิดทีผ่ แู้ ตง่ สะทอ้ นใหเ้ หน็ ท้ังสภาพแวดลอ้ มและสภาพภมู ิอากาศมกี ารเปลย่ี นแปลงไปตลอดเวลา และส่งิ มีชีวติ ก็จาํ เปน็ ต้องมกี าร ปรับตัวหรอื ววิ ัฒนาการเพ่อื ใหส้ ามารถมชี ีวิตรอดในสภาพแวดล้อมและสภาพภมู ิอากาศทเี่ ปลีย่ นแปลงไป สิง่ มีชวี ิต ที่ไม่สามารถปรับตัวได้ก็จะสูญพนั ธุ์ 5.2 การนําไปปรบั ใชใ้ นชีวติ ประจําวนั เราต้องสามารถปรับตวั ให้เข้ากับสงั คม คา่ นยิ ม และกฎเกณฑต์ ่างๆทเ่ี ปล่ียนแปลงไป เพื่อท่ีจะทําให้เรา สามารถอยรู่ ว่ มกนั กบั ผ้อู นื่ ไดอ้ ย่างมีความสขุ
9 บรรณานุกรม รูเพริ ์ต แมทธวิ . 2554. 100 เรื่องน่ารู้เกีย่ วกับชีวติ ยุคกอ่ นประวัติศาสตร.์ ครั้งทพี่ ิมพ7์ . กรุงเทพฯ : แพรวเยาวชน.
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: