Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงงานโคมไฟจากกระบอกไม้ไผ่

โครงงานโคมไฟจากกระบอกไม้ไผ่

Published by supavadee, 2023-08-23 08:17:55

Description: โครงงานโคมไฟจากกระบอกไม้ไผ่

Search

Read the Text Version

โครงงานประเภทส่ิงประดิษฐ์ เรือ่ ง โคมไฟจากกระบอกไมไ้ ผ่ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ จดั ทาโดย นกั ศึกษา นกั ศึกษา นายสหสิน ดงั ดี นกั ศึกษา นายปรเมศ ปกุ ถนน นางสาวนนั ทนา สามขา ครทู ี่ปรกึ ษา นางสาวสภุ าวดี ญาติปล้มื ครู กศน.ตาบล ภาคเรยี นท่ี 1 ปี การศึกษา 2566 กศน.ตาบลโชคชยั ศนู ยส์ ง่ เสริมการเรยี นรอู้ าเภอโชคชยั สานกั งานสง่ เสริมการเรยี นรจู้ งั หวดั นครราชสมี า

3 คำนำ โครงงานประเภทส่งิ ประดิษฐ์ เรือ่ งโคมไฟจากกระบอกไมไ้ ผ่ ที่ออกแบบข้ึนเพ่ือให้ผู้ที่สนใจได้นำวสั ดทุ ีม่ ี ในทอ้ งถนิ่ มาประดษิ ฐ์เพิม่ มลู คา่ ใหเ้ กดิ ประโยชนแ์ ละมีต้นทุนต่ำสามารถทำใชง้ านเองในครัวเรือนนำไปประกอบ อาชีพของตนเองไดป้ ระสบการณ์โดยตรง ได้แลกเปลยี่ นเรียนรรู้ ะหวา่ งเพอื่ นนกั ศึกษา ตลอดจนครผู ูส้ อนคอยให้ คำปรกึ ษาอยา่ งใกลช้ ดิ สามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในชวี ติ ประจำวันได้ ตลอดจนแนะนำสนบั สนนุ เอกสาร ตา่ งๆ ในการดำเนินกิจกรรมจนประสบความสำเรจ็ คณะผ้จู ดั ทำหวังอย่างยง่ิ วา่ โครงงานช้ินนี้จะเป็นประโยชน์แกผ่ ู้ท่สี นใจไมม่ ากกน็ อ้ ย และยนิ ดอี ยา่ งย่ิงทีจ่ ะ ให้ข้อมลู ถงึ วิธีการทำโคมไฟจากกระบอกไมไ้ ผ่และขอขอบพระคณุ คณุ ครูสภุ าวดี ญาติปลืม้ ทค่ี อยใหค้ ำปรกึ ษา ชี้แนะและสนับสนุนตลอดจนโครงงานชิน้ นส้ี ำเร็จลลุ ่วงด้วยดีจึงขอกราบขอบพระคุณทกุ ทา่ นที่ ใหก้ ารสนบั สนุน เปน็ อย่างดีไว้ ณ ทีน่ ี้เป็นอยา่ งสงู และผจู้ ดั ทำหวังเป็นอยา่ งย่งิ ว่าโครงงานนจี้ ะเปน็ ประโยชน์ตอ่ การศึกษาการทำ โคมไฟจากกระบอกไมไ้ ผข่ องผูส้ นใจตอ่ ไป คณะผจู้ ัดทำ โครงงานประเภทสิง่ ประดษิ ฐ์ เรือ่ งโคมไฟจากกระบอกไม้ไผ่ หนา้ ก

4 โครงงานสิ่งประดิษฐ์ เรื่อง โคมไฟจากกระบอกไม้ไผ่ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ คณะผูจ้ ัด นายสหสิน ดังดี นายปรเมศ ปุกถนน นางสาวนันทนา สามขา ครทู ี่ปรึกษา นางสาวสภุ าวดี ญาตปิ ลม้ื กศน.ตำบลโชคชยั ศูนยส์ ง่ เสริมการเรยี นรูอ้ ำเภอโชคชัย สำนักงานส่งเสริมการเรยี นรูจ้ ังหวัดนครราชสีมา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2566 บทคดั ย่อ การจัดทำโครงงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสิ่งประดิษฐ์หรือของเครื่องใช้ ในบ้านจาก ทรัพยากรธรรมชาติภายในท้องถิ่นและการนำทรัพยากรธรรมชาติภายในท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากข้ึน ซึ่งจากการที่ได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติภายในท้องถิ่นขอ ง ตำบลโชคชัย แล้วพบว่า ทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าและพบมากที่สุดในท้องถิ่น คือ ไม้ไผ่ และจากการที่ได้ศึกษาคุณสมบัติของไม้ไผ่ แต่ละประเภท มีผลทำให้รู้ข้อมูลของไม้ไผ่ว่า ไม้ไผ่เป็นไม้ยืนต้นและมีคุณสมบัติเป็นไม้ที่เหนียวและมีความ แข็งแรง กิ่งไม้ไผ่มีสมบัติที่เหนียว ซึ่งสามารถนำไปประดิษฐ์เป็นของใช้และของตกแต่งบ้านได้ คณะผู้จัดทำ จงึ ไดค้ ิด นำทรพั ยากรธรรมชาตภิ ายในทอ้ งถน่ิ มาใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์และทำใหม้ ีคณุ ค่ามากข้นึ โดยศึกษาการจดั ทำ โคม ไฟจากทรัพยากรทาง ธรรมชาติ คอื การนำสิ่งส่วนประกระบอกของต้นไผ่ มาจัดทำเป็นโคมไฟ ผลการจัดทำ โคมไฟจากกระบอกไม้ไผ่ พบว่าเป็นโคมไฟที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติในท้องถิ่น โคมไฟมีความสวยงามสามารถ นำไปเป็นของประดับตกแต่งภายในบ้าน ตามโต๊ะทำงาน นอกจากนี้ยังสามารถนำโคมไฟจากกระบอกไม้ไผ่ ไปเป็นของใช้ภายในบ้านได้ด้วย เพราะเมื่อนำโคมไฟไปใช้งานแล้วพบว่าโคมไฟจากกระบอกไม้ไผ่สามารถให้แสง สว่างที่เพียงพอในที่มืดหรือในเวลากลางคืนอาจเป็นบริเวณที่ไม่กว้างมากนัก เช่น บนโต๊ะทำงาน บนหัวเตียง หรือตามมุมต่าง ๆของบ้าน เป็นตน้ โครงงานประเภทสิง่ ประดษิ ฐ์ เรือ่ งโคมไฟจากกระบอกไมไ้ ผ่ หนา้ ข

สารบญั หนา้ ก คำนำ ข สารบญั ค บทคัดย่อ 1 บทที่ 1 บทนำ 1 1 ท่ีมาและความสำคัญของโครงงาน 1 วตั ถุประสงค์ 1 จุดม่งุ หมายของการศกึ ษาค้นคว้า 1 ขอบเขตของการศึกษาคน้ ควา้ 2 ระยะเวลาในการศึกษาคน้ คว้า 2 สถานทที่ ท่ี ำการศึกษา 2 งบประมาณ 3 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รบั 3 บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ยั ท่เี กย่ี วข้อง 3 โคมไฟฟา้ 6 ปัจจยั ทคี่ วรพิจารณาในการเลอื กโคมไฟฟ้า 7 ไม้ไผ่ (bamboo) 11 ความรทู้ ่วั ไปของไม้ไผ่ 11 บทท่ี 3 วิธกี ารดำเนนิ งาน 11 วัสดแุ ละอปุ กรณ์ 14 วิธีการทำโคมไฟจากกระบอกไมไ้ ผ่ 15 บทที่ 4 ผลการศึกษาคน้ คว้า 16 บทท่ี 5 สรุปและอภิปราย 17 บรรณานุกรม คณะผู้จัดทำ หนา้ ค โครงงานประเภทสงิ่ ประดิษฐ์ เรอ่ื งโคมไฟจากกระบอกไมไ้ ผ่

5 บทท่ี 1 บทนำ ทม่ี าและความสำคญั ของโครงงาน โคมไฟเป็นของใช้และของตกแต่งทั้งภายในบ้านและภายนอกบ้าน ซึ่งโคมไฟเป็นสิ่งที่อำนวยความ สะดวกให้เราสามารถมองเห็นในที่มืดได้ เพราะโคมไฟเป็นสิ่งที่ให้แสงสว่างในเวลากลางคืนหรือแม้แต่ในที่ มืด จึงถือได้ว่าโคมไฟเป็นของใช้ที่จำเป็นอย่างในชีวิตประจำวัน โคมไฟมีสองอยู่ลักษณะ คือ โคมไฟแบบตั้งโต๊ะ และแบบแขวน ซึ่งโคมไฟแบบตั้งโต๊ะเป็นโคมไฟที่ใช้ภายในบ้านและวางไว้ตามจุดต่าง ๆของบ้าน อาจจะวางไว้ บนโต๊ะหรือบนโต๊ะทำงาน เพื่อให้บริเวณนั้นมีแสงสว่างที่เพียงพอ นอกจากโคมไฟจะให้แสงสว่างแล้ว โคมไฟยัง ใช้เป็นของประดับและตกแต่งภายในบ้าน ซึ่งจะทำให้บริเวณนั้นเกิดความสวยงามอีกด้วย เนื่องจากได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติภายในท้องถิ่นขอ งตำบลโชคชัย แล้วพบว่า ทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าและพบมากที่สุดในท้องถิ่น คือ ไม้ไผ่ และจากการที่ได้ศึกษาคุณสมบัติของไม้ไผ่ แต่ละประเภท มีผลทำให้รู้ข้อมูลของไม้ไผ่ว่า ไม้ไผ่เป็นไม้ยืนต้นและมีคุณสมบัติเป็นไม้ที่เหนียวและมีความ แขง็ แรง กิ่งไมไ้ ผม่ ีสมบัติท่ีเหนียว ซ่งึ สามารถนำไปประดษิ ฐ์เป็นของใชแ้ ละของตกแตง่ บา้ นได้ ผจู้ ัดทำจึงได้คิด นำ ทรัพยากรธรรมชาติภายในทอ้ งถ่นิ มาใช้ให้เกิดประโยชน์และทำใหม้ ีคุณคา่ มากขน้ึ ดังนั้น ทางคณะผู้จัดทำจึงได้คิดที่จะประดิษฐ์โคมไฟจากกระบอกไม้ไผ่ เพราะต้นไผ่เป็น ทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถหาได้ง่ายภายในท้องถิ่น จากการที่ได้ศึกษาข้อมูล และคุณสมบัติทั้งข้อดีและ ข้อเสียของต้นไผ่ พบว่าไม้ไผ่เป็นไม้ยืนต้นและมีคุณสมบัติเป็นไม้ที่เหนียวและมีความแข็งแรง กิ่งไม้ไผ่มีสมบัติท่ี เหนียว ซึ่งสามารถนำไปประดิษฐ์เป็นของใช้และของตกแต่งบ้านได้อีกมากมาย เพื่อทำให้ทรัพยากรในท้องถิ่นมี มูลคา่ เพมิ่ และเกิดประประโยชนม์ ากยง่ิ ขึ้น วัตถุประสงค์ 1. เพื่อประดิษฐโ์ คมไฟจากกระบอกไมไ้ ผ่ 2. เพื่อประดิษฐข์ องใช้และของตกแตง่ บ้านจากทรพั ยากรธรรมชาตภิ ายในทอ้ งถิ่น 3. เพือ่ นำทรพั ยากรธรรมชาติภายในทอ้ งถิ่นมาใช้ใหเ้ กิดประโยชน์ จุดมุง่ หมายของการศึกษาคน้ คว้า - เพอ่ื นำวสั ดุท่ีมีอยใู่ นท้องถ่นิ มาใช้ให้เกดิ ประโยชน์ ประดิษฐข์ องใช้และของตกแตง่ บ้านจาก ทรัพยากรธรรมชาติภายในทอ้ งถ่นิ ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า 1. ส่ิงประดิษฐจ์ ากวัสดุธรรมชาติภายในท้องถ่ินของตำบลโชคชยั 2. โคมไฟจากทรัพยากรธรรมชาติหรอื โคมไฟจากกระบอกไมไ้ ผ่ โครงงานประเภทสง่ิ ประดิษฐ์ เรือ่ งโคมไฟจากกระบอกไม้ไผ่ หน้า 1

ระยะเวลาในการศกึ ษาค้นควา้ ในระหวา่ งวันท่ี 20 สงิ หาคม พ.ศ. 2566 – วนั ท่ี 23 สงิ หาคม พ.ศ. 2566 สถานทที่ ่ที ำการศึกษา กศน.ตำบลโชคชัย อำเภอโชคชยั จงั หวดั นครราชสีมา งบประมาณ 429 บาท ประโยชนท์ ี่คาดว่าจะไดร้ ับ - ไดน้ ำวัสดุในทอ้ งถ่นิ มาประดิษฐเ์ ป็นของใช้ ของตกแตง่ บ้าน เพื่อทำให้ทรัพยากรในทอ้ งถน่ิ มี มลู คา่ เพ่มิ และเกิดประประโยชน์มากย่งิ ขึ้น โครงงานประเภทส่งิ ประดษิ ฐ์ เร่อื งโคมไฟจากกระบอกไมไ้ ผ่ หน้า 2

บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกย่ี วข้อง โคมไฟฟา้ โคมไฟฟ้าทำหน้าที่บังคับทิศทางแสงของหลอดให้ไปในทิศทางที่ต้องการ โคมไฟฟ้ามีใช้กันมากมาย หลายชนิดขึ้นอยู่กับการใช้งาน สำหรับโคมไฟฟ้ากับการประหยัดพลังงาน ในที่นี้จะกล่าวถึงโคมไฟฟ้าที่ใช้ ภายในอาคาร เพราะมีการนำมาใช้งานกันมาก จำเป็นต้องเลือกโคมไฟฟ้าที่สามารถประหยัดพลังงานและมี คุณภาพทดี่ ี 1. ปจั จยั ทีค่ วรพิจารณาในการเลือกโคมไฟฟา้ 1.1 ความปลอดภัยของโคม โคมไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงานต้องได้รับมาตรฐานความปลอดภัยตามเกณฑ์ด้วย เช่น ต้องไม่มีคมจน อาจเกดิ อันตราย ต้องมรี ะบบการตอ่ ลงดินในกรณที ีใ่ ช้กับฝา้ สงู เพือ่ ไม่เปน็ อนั ตรายกับคนที่มาเปล่ียนหลอด 1.2 ประสิทธภิ าพของโคมไฟฟา้ (Luminaire efficiency) โคมไฟฟา้ ท่ีประหยัดพลงั งานหมายถงึ โคมที่มีประสิทธิภาพของโคมสงู ที่สุด คือ ให้ปริมาณแสงออกมา จากตวั โคมเมื่อเทยี บกบั ปริมาณแสงท่อี อกจากหลอดให้มคี ่าสงู ทสี่ ุด 1.3 คา่ สัมประสิทธกิ์ ารใชง้ านของโคมไฟฟ้า (Coefficients of Utilization) ค่าที่ได้จากการวัดประสทิ ธภิ าพของโคม โดยทร่ี วมผลของความสงู และสมั ประสิทธขิ องการสะท้อนของ ผนังและเพดานโดยผู้ผลิต 1.4 แสงบาดตาของโคม (Glare) เป็นค่าท่ีแสดงคุณภาพแสงของโคม ต้องเลือกโคมทีม่ แี สงบาดตาอยใู่ นเกณฑ์ทยี่ อมรับได้ 1.5 กราฟการกระจายแสงของโคม (Distribution Curve) โคมมีหลายชนดิ ดว้ ยกันแต่ละโคมกม็ ีกราฟกระจายแสงของโคมต่างกนั การนำโคมไปใชต้ ้องเลือกกราฟ กระจายแสงของโคมทเ่ี หมาะสมกบั งาน 1.6 การระบายความร้อนของโคม โคมไฟฟ้าทีประหยัดพลังงานควรจะมีการระบายความร้อนได้ดี ถ้ามีอุณหภูมิสะสมในโคมมากเกินไป อาจทำให้ปริมาณแสงที่ออกจากหลอดลดลง เช่น โคมไฟส่องลงหลอดคอมเพลกซ์ถ้าไม่มีการระบายความร้อนที่ ดปี ริมาณลดลงถึง 40% เปน็ ต้น 1.7 อายุการใชง้ าน โคมไฟฟ้าทีประหยัดพลังงานต้องพิจารณาอายุการใช้งานด้วย เช่น โคมต้องทำด้วยวัสดุที่สามารถใช้ งานได้นานตามที่ต้องการโดยไม่ผุกร่อน และไม่มีการเปลี่ยนรูปเมื่อมีการบำรุงรักษาเนื่องจากการเปลี่ยนหลอด หรือทำความสะอาด โครงงานประเภทส่งิ ประดษิ ฐ์ เรื่องโคมไฟจากกระบอกไม้ไผ่ หนา้ 3

1.8 สถานท่ตี ดิ ตั้ง การเลือกใช้โคมแต่ละชนิดขึ้นอยู่กับว่าต้องการนำไปใช้งานอะไรบ้างต้องการคุณภาพแสงมากน้อย เพียงใด หรือเน้นในเรื่องของปริมาณแสงแต่เพียงอย่างเดียว ต้องมีการป้องกันทางกล ป้องกันน้ำ ฝุ่นผงมาก น้อย เพียงใด 2. โคมไฟสอ่ งลง (Down light) โคมไฟส่องลง หมายถึง โคมไฟทใี่ ห้แสงลงด้านลา่ ง เหมาะสำหรบั ใช้งานสอ่ งสวา่ งทวั่ ไปอาจจะเปน็ ชนดิ ฝงั ติโคมไฟส่องลงชนิดตา่ ง ๆกัน 2.1 โคมไฟสอ่ งลงหลอดอินแคนเดสเซนต์ ก) ใชก้ ับงานเฉพาะที่ต้องการความสวยงาม หรอื เปิดใช้เปน็ ครงั้ คราว ข) ใชก้ ับงานทีต่ ้องการปรับหรแี่ สง 2.2 โคมไฟส่องลงหลอดคอมแพกตฟ์ ลูออเรสเซนต์ 2.2.1) ใชก้ บั งานทต่ี ้องการเปิดใชง้ านนาน ๆ 2.2.2) โคมไฟทใี่ ชเ้ ป็นชนิดที่ถกู ออกแบบมาสำหรบั หลอดคอมแพกตฟ์ ลอู อเรสเซนตโ์ ดยเฉพาะ 2.2.3) โคมไฟส่องลงหลอดคอมแพกต์ฟลูออเรสเซนต์ มี 2 แบบ คอื หลอดตดิ ต้ังในแนวนอน และหลอด ติดต้ังในแนวตั้ง หลอดติดตง้ั ในแนวนอน มีขอ้ ดี คอื การกระจายแสงออกจากโคมมากกว่าหลอดตดิ ตงั้ ในแนวนอนแต่ต้อง ระวงั เรอ่ื งการระบายความร้อนและการเปลยี่ นหลอด หลอดตดิ ต้ังในแนวตัง้ มขี อ้ ดี คือ ไม่มปี ัญหาเรอื่ งการระบายความรอ้ น แตต่ ้องระวังเรื่องแสงบาดตา โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ เรื่องโคมไฟจากกระบอกไมไ้ ผ่ หนา้ 4

ลักษณะของโคมหลอดคอมแพกตฟ์ ลอู อเรสเซนต์หลอดติดตง้ั แนวนอน 3. โคมไฟสอ่ งขึน้ โคมไฟส่องข้ึน หมายถึง โคมไฟทใี่ ห้แสงข้ึนไปด้านบนเพือ่ ให้แสงสะท้อนท่เี พดาน และแสงดังกลา่ วก็จะ ตกกระทบมาทีพ่ น้ื ท่ีทำงาน โคมดังกล่าวเหมาะสำหรับงานท่ีเพดานสงู และเพดานมีสีออ่ นใช้กบั บรเิ วณท่ีต้องการ ความสม่ำเสมอ ของแสง สำหรับบรเิ วณทค่ี วามสอ่ งส่องนอ้ ยประมาณ 200-300 ลกั ซ์ และสำหรับห้อง คอมพวิ เตอร์ท่ีไมต่ ้องการ แสงสะท้อนเน่อื งจากโคมไฟส่องลง โคมไฟสอ่ งขึ้นมคี ณุ สมบตั ิและการใช้งานท่คี วรพจิ ารณาดังน้ี ก) มีความสมำ่ เสมอของแสงและทำใหห้ ้องท่แี คบมคี วามรสู้ ึกกวา้ งและมบี รรยากาศดี ข) โคมไฟส่องขึ้นโดยทั่วไปให้ประสิทธิภาพต่ำ แต่มีคุณภาพแสงสูงคือไม่มีแสงบาดทำให้เหมาะกับงาน ท่ีตอ้ งการคณุ ภาพแสงสูง เชน่ ห้องคอมพิวเตอร์ ศนู ย์ควบคมุ ค) การใช้โคมไฟดังกลา่ วเพดานตอ้ งสงู มากกว่า 2.7 เมตรขน้ึ ไป เพือ่ ให้ไม่เกดิ ความร้อนท่เี พดาน และ ไม่สว่างจา้ เกนิ ไป 4. โคมฟลูออเรสเซนต์ หลอดฟลอู อเรสเซนตเ์ ป็นหลอดไฟทใ่ี ชก้ นั มากเพราะมคี า่ ประสทิ ธผิ ลการส่องสว่างสงู (Luminous Efficacy) โคมไฟสำหรบั หลอดฟลอู อเรสเซนตจ์ ึงมหี ลายรปู แบบเพ่อื ใหเ้ หมาะกบั การใชง้ านแตล่ ะชนดิ แตกตา่ ง กนั ไป ซงึ่ สามารถสรุปเปน็ ชนดิ หลกั ๆได้ดังน้ี ก) โคมฟลอู อเรสเซนตเ์ ปลือย (Bare Type Luminaires) ข) โคมฟลอู อเรสเซนต์โรงงาน (Industrial Luminaire) ค) โคมฟลูออเรสเซนตก์ รองแสง (Diffuser Luminaire) ง) โคมฟลอู อเรสเซนตต์ ะแกรง (Louver Luminaire) 4.1 โคมฟลูออเรสเซนต์เปลอื ย (Bare Type Luminaires) โคมฟลูออเรสเซนต์เปลือยใช้กบั งานทตี่ อ้ งการแสงออกดา้ นข้างทตี่ ดิ ต้ังสำหรบั เพดานที่ไมส่ งู มากนกั โดยท่วั ไปไม่เกิน 4 เมตร และไม่พิถพี ิถนั มากนกั กบั แสงบาดตาจากหลอด เช่น หอ้ งเกบ็ ของ ที่จอดรถ พื้นท่ที ่มี ี ชนั้ วางของ ทจี่ อดรถ และในพ้นื ท่ใี ชง้ านไม่บอ่ ยและไม่ตอ้ งการความสวยงามมาก โครงงานประเภทส่ิงประดษิ ฐ์ เรอื่ งโคมไฟจากกระบอกไม้ไผ่ หนา้ 5

ไมไ้ ผ่ (bamboo) ถ้าทา่ นท่องเที่ยวไปในสถานทตี่ า่ ง ๆ ในชนบท ทา่ นมักจะพบเหน็ ไม้ไผ่ข้ึนเปน็ กอบางเปน็ ลำเด่ยี ว ๆ บา้ ง อยู่ท่วั ไปตามปา่ เขาลำเนาไพร ริมฝ่งั แมน่ ำ้ ลำธาร หนอง คลอง บึง และบริเวณหัวไรป่ ลายนา บางแหง่ ก็ หนาแน่น เป็นปา่ ไผ่บางแห่งก็ขน้ึ ประปรายแซมไมช้ นิดอ่ืนอยู่ดาษดื่นไมไ้ ผ่ทีเ่ หน็ นมี้ คี ณุ คา่ มหาศาลมปี ระโยชนม์ ากมายจนไม่ อาจจะพรรณนาได้และอาจจะกลา่ วไดว้ า่ ไมม่ พี ชื ชนดิ ใดในโลกจะรบั ใชม้ นษุ ย์ได้มากกรณีเทา่ ไมไ้ ผ่เม่ือเทยี บกับไม้ ชนิดอืน่ ๆ แล้วจะเหน็ ได้วา่ ไม้ไผ่เหมาะท่ีจะนำไปใช้ก่อให้เกดิ ประโยชน์ กว้างขวาง ซงึ่ ถ้าหากจะใชว้ ตั ถุอ่ืนแทน แล้วจะต้องใชจ้ ่ายสูงกวา่ และไมไ้ ผน่ เ้ี จรญิ งอกงามได้ทว่ั ไปสะดวกในการตัดฟันการขยายพนั ธ์ุทำได้ในเวลาอันส้นั เตบิ โตรวดเรว็ มาก บางชนิดโตถงึ 120 ซม.ใน 24 ชม. ไม้ไผ่เปน็ พชื ตระกูลหญ้าท่รี ับใช้มนษุ ย์ชาติมาแตโ่ บราณ กาล ให้ประโยชน์กับมนษุ ย์หลายประการท้งั ในดา้ นอปุ โภคและ บริโภค ใชส้ ร้างทพี่ ักอาศัย ทำเครอ่ื งมือเครอ่ื งใช้ ทำยารกั ษาโรค และใชป้ ระโยชน์ในทางอตุ สาหกรรมอกี มากมาย สามารถเรียกไดว้ ่าเปน็ ไมอ้ เนกประสงค์ เป็น ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ีส่ ำคัญยิง่ ในสมัยโบราณประมาณ พ.ศ. 2442 - พ.ศ. 2443 รัฐหนงึ่ ในประเทศอนิ เดยี เกดิ ทพุ ภกิ ขภยั ประจวบพอดที ่ี ไม้ไผ่ออกดอกผลทัว่ ไปในป่า ประชาชนไดเ้ ก็บเอาเมลด็ (ขยุ ) ซ่ึงเป็นอาหารจำพวกแป้ง มาหงุ ต้มแทนขา้ ว มี ประชาชน ถึง 15,000 คนทรี่ อดตายในภาวะที่แสนเขญ็ เช่นน้ี ในประเทศจีนเป็นเวลานาน นับเป็นศตวรรษที่ ประเทศจนี ได้นำไมไ้ ผม่ าเปน็ วตั ถดุ บิ ในการทำเยอ่ื กระดาษกอ่ นประเทศอน่ื ๆ และใชเ้ ป็นทอ่ ส่ง นำ้ ในทางเกษตร และบรโิ ภคนอกจากนั้นชาวจีนยงั ใชป้ ระโยชนจ์ ากไมไ้ ผใ่ นการดำรงชพี อกี หลายประการ จนถงึ กับมีผเู้ ขียน หนงั สือเปรยี บเปรยไว้ เชน่ What would a poor Chinaman do without the bamboo ในประเทศ สหรฐั อเมรกิ า นกั วทิ ยาศาสตรช์ ื่อดงั Edison ก็ใช้ไมไ้ ผท่ ำไสห้ ลอดไฟฟา้ ตอนเร่มิ แรกจนกระทัง่ เปน็ บุคคล สำคัญไป สิง่ เหล่าน้ีแสดงใหเ้ หน็ ว่ามนษุ ย์เหน็ คณุ ค่าของไม้ไผม่ านานแสนนานแลว้ ในปจั จบุ ันหลายประเทศอาศยั วิทยาการและเทคโนโลย่ีสมัยใหม่ ๆ และมีการค้นควา้ วจิ ยั กนั อย่าง กวา้ งขวาง ทำให้คน้ พบสง่ิ ใหม่ ๆ ในต้นไผอ่ กี มากมายหลายชนิดที่สามารถทำประโยชนใ์ นทางอตุ สาหกรรมและ การแพทย์ เชน่ การทำไหมเทียม Hard board ชนิดตา่ ง ๆ วคั ซนี บางชนิด ผลติ ฮอรโ์ มนบางอยา่ ง อุตสาหกรรม ทำแบตเตอรี่ สกดั เปน็ น้ำมนั เชื้อเพลงิ และสกดั เปน็ สารเคมอี ีกนานัปการ ส่วนใหญ่เปน็ การคน้ ควา้ จากประเทศ ญีป่ นุ่ ซงึ่ กระทำกัน อยา่ งกว้างขวางและรีบเรง่ เพราะประเทศญป่ี นุ่ ถอื วา่ ไม้ไผ่มีคุณคา่ ทางเศรษฐกิจเป็นพิเศษ ชนดิ หนึ่งในบรรดาทรพั ยากรป่าไม้และเกษตร ดงั นั้นวัตถปุ ระดิษฐจ์ ากไม้ไผไ่ มเ่ พียงแต่ใชใ้ นประเทศเทา่ น้ัน ยงั สามารถส่งไปจำหน่ายในตา่ งประเทศได้เงินเปน็ จำนวนมาก สินคา้ ทีส่ ำคัญของญปี่ นุ่ คือ พวกเครื่องกีฬา พัด ม่าน เครื่องใชเ้ บ็ดเตล็ดประเภทของขวญั ซ่ึงประดษิ ฐไ์ ด้อยา่ งสวยงามมคี ณุ ภาพเปน็ ทน่ี ิยมกันทวั่ ไปสำหรบั ในประเทศ ไทยประชาชนกใ็ ชไ้ ม้ไผใ่ นชวี ิตประจำวนั มาชา้ นานแลว้ และนบั วนั จะใชม้ ากข้ึนทุกทีโดยเฉพาะงานหตั ถกรรมจกั สานซง่ึ เปน็ อาชีพรองของคนไทยมาช้านานแมก้ ระทัง่ ทุกวนั น้ีชาวบา้ นตามชนบทยงั นิยมทำงานจกั สานกันอยทู่ ั่วไป แตก่ ็ยังไม่ทำให้งานจกั สานไมไ้ ผข่ องไทยได้ทัดเทียมกบั ของตา่ งประเทศทง้ั นี้เป็นเพราะงานจกั สานของไทย ประดษิ ฐ์ขึน้ มาเพ่อื ความจำเป็นในครอบครัวเท่านน้ั ผลติ ภัณฑ์สว่ นใหญ่จงึ ไมค่ ่อยจะเรียบร้อยและสวยงามและ คุณภาพยงั ไม่คงทนถาวรพอ ถ้าหากผปู้ ระกอบการได้เรยี นร้ถู ึงวธิ กี ารใหม่ ๆ เช่น การออกแบบทสี่ วยงาม การ ดดั แปลงใหส้ ะดวกในการใช้ และรจู้ ักประดษิ ฐ์เคร่ืองมอื ทจี่ ะทำตอกใหเ้ รียบร้อย ยิ่งขึ้นแล้ว รวมทง้ั ศึกษาถงึ กรรมวิธตี า่ ง ๆ ท้งั ทางเคมี ฟิสกิ ส์ เพ่ือนำมาปรับปรุงคณุ ภาพของผลติ กณั ฑ์จากไม้ไผ่ ดงั กลา่ วใหม้ คี ุณภาพดขี นึ้ แลว้ กเ็ ชอ่ื ได้แนว่ า่ สนิ คา้ ผลติ กัณฑไ์ มไ่ ผ่ของไทยจะสามารถแข่งขนั กับของ ต่างประเทศได้ โครงงานประเภทสิ่งประดษิ ฐ์ เรอ่ื งโคมไฟจากกระบอกไมไ้ ผ่ หนา้ 6

อน่งึ ในปจั จบุ นั น้ีป่าไผธ่ รรมชาตถิ กู ท˚าลายลงอยา่ งมหาศาลแทบทกุ ปี และเพ่ือให้มปี ริมาณไมไ่ ผ่อย่าง เพยี งพอ เพื่อสนองความต้องการของโรงงานอตุ สาหกรรมและประชาชนท้ังในปัจจบุ นั และอนาคต จงึ สมควร อยา่ งยง่ิ ทที่ ้งั สว่ นราชการและเอกชนจะได้มีการปรับปรุงส่งเสรมิ และสนบั สนนุ ให้มกี ารปลกู สรา้ งเสรมิ ป่าไผข่ น้ึ ทดแทนปา่ ไผ่ท่ีถูกโคน่ ทำลายไป ความรู้ท่วั ไปของไมไ้ ผ่ ถ่ินกำเนิด ไมไ้ ผถ่ ือเป็นพืชเมืองร้อน (tropics) แตก่ ส็ ามารถเจริญเตบิ โตไดท้ ุกทวีป ไม้ไผ่หลายสกลุ พบ มากที่สดุ ในเขตรอ้ นทางใต้และตะวนั ออกเฉียงใตข้ องเอเซีย จากอนิ เดีย ไทย จนี ญปี่ ุ่น เกาหลี มนี อ้ ยสกลุ พบใน เขตอบอนุ่ (temperates) ของโลกบางส่วนของทวีปอเมริกากพ็ บมาก ในบางประเทศแถบอเมริกาใต้ เชน่ เปอ โตรโิ ก ชิลี อาเยนติน่า และก็มี 2-3 ชนิดทพี่ บในออสเตรเลยี ชนิดของไมไ้ ผ่ เทา่ ท่ีรูจ้ ักกันในปจั จบุ ันทงั้ โลกมอี ยเู่ ปน็ จำนวน 47 สกุล (Genera) แยกเป็น 1250 ชนดิ (Species) สำหรบั ประเทศไทยซึ่งอยใู่ นเขตร้อน ไผ่เจริญงอกงามได้ดี เทา่ ที่ทราบ โดยอาศยั หลกั ฐานตา่ ง ๆทคี่ น้ ไดม้ ไี ผ่ชนิด ตา่ ง ๆ อยูจ่ ำนวน 12 สกลุ ประมาณ 44 ชนดิ และมีอกี ประมาณ 35 ชนิด ทีม่ ผี บู้ นั ทกึ ว่าไดพ้ บ แตย่ ังไมม่ กี าร สำรวจอยา่ งแทจ้ ริง หากมีผ้สู นใจอย่างจรงิ จังแลว้ และได้มีการสำรวจกันอย่างกวา้ งขวางแลว้ เขา้ ใจว่าจะมจี ำนวน มากกวา่ นแ้ี น่นอน เพราะสภาพภมู ิประเทศบางแหง่ ทุรกันดารเป็นเขตที่ไม่ปลอดภัย เน่ืองจากมีผกู้ ่อการร้าย ปรากฏอยู่เนือง ๆ และบางแหง่ กย็ ังมีการสำรวจไมล่ ะเอียดพอ เชน่ ตามเทือกเขา ตะนาวศรี เขากาลาครี ี ฉะนนั้ การพบพันธ์ไุ ผช่ นิดใหม่หรือสกลุ ไผ่ชนิดใหม่จึงไมเ่ ปน็ ของเหลอื วิสัยถ้าหากได้ สำรวจในทอ้ งทด่ี ังกลา่ ว ลักษณะทว่ั ไปของไม้ไผ่ ประเภทของไม่ไผ่ (Types of bamboo) ไมไ่ ผ่นี้ นักพฤกษศาสตรส์ ว่ นใหญไ่ ด้จดั รวมให้อยูใ่ นวงศ์ เดียวกนั กบั หญ้าชนดิ ตา่ ง ๆ คือวงศ์ GRAMINEAE แตไ่ มไ่ ผ่เปน็ พวกหญา้ ทมี่ ลี ำตน้ เปน็ ไม้ (ลำ) เจรญิ เติบโตมา จากเหง้า ไมไ้ ผเ่ ปน็ พืชกอ ส่วนมากมลี ำต้นกลวง เป็นปลอ้ ง ผวิ แข็ง การแตกกอจะหนาแนน่ มากนอ้ ยเพยี งใดน้ัน ยอ่ มข้นึ อยกู่ ับชนดิ พันธ์ุเปน็ หลัก บางพวกอาจจะข้ึนเป็นลำเดย่ี ว ๆ ไมเ่ ป็นกอ มรี ะยะหา่ งแนน่ อนก็มีศาสตราจารย์ ดร.อูเอดะ (UEDA) ผู้เชยี่ วชาญไม้ไผ่ชาวญ่ีปนุ่ ไดจ้ ำแนกไว้เป็น 3 ประเภท โดยอาศยั ระบบการ เจรญิ เติบโตของ เหงา้ เป็นหลัก คอื 1. พวกท่ขี ้ึนเป็นกอ การเจรญิ ของพวกนจี้ ะสงั เกตไดจ้ ากตาของเหงา้ ซ่ึงมีอยู่หลายขอ้ จะพุ่งตัวแทงหน่อ โผล่ เหนอื พ้นื ดิน เจริญเตบิ โตกลายเปน็ ลำก่อน และในปตี ่อ ๆ มาตาตอนส่วนล่างของเหง้าลำดังกล่าวซึง่ มขี นาด สัน้ จะพุง่ ตวั แทงหน่อโผลเ่ หนอื พนื้ ดนิ กลายเป็นลำทีส่ อง ลำทีส่ าม เปน็ เช่นนเ้ี รอ่ื ย ๆ ไปจนกระทั่งหนาแน่นเป็น กอ ในท่ีสดุ ตวั อย่างได้แก่ ไผ่ปา่ ไผส่ สี ุก ไผ่บง ไผซ่ าง หรืออาจจะกลา่ วไดว้ า่ ไผ่ทกุ ชนิดในประเทศไทยจัดอยูใ่ น ประเภทนี้ และไผส่ ว่ นใหญใ่ นเขตรอ้ นกจ็ ัดอยู่ในพวกที่ขึน้ เปน็ กอแทบท้ังสิ้น 2. พวกท่ขี นึ้ เป็นลำเดยี่ ว การเจริญของไผพ่ วกน้ี อาศยั เหง้าในการขยายพนั ธเ์ุ ปน็ หลัก โดยทตี่ าตรงขอ้ ของ เหง้าจะเจรญิ เตบิ โตแทงหนอ่ โผล่เหนือพื้นดินกลายเปน็ ลำใหม่ และขณะเดยี วกันตาทเี่ ป็นส่วนปลายของข้อ เหงา้ กจ็ ะเจรญิ กลายเปน็ เหงา้ ใหม่ และมรี ะยะเกอื บเท่ากับความยาวของเหงา้ เดมิ สว่ นในปีตอ่ ๆ มาตาทขี่ ้อ ของ เหง้าเติบโตกลายเปน็ ลำใหม่และเหงา้ ใหม่เชน่ นี้เรื่อย ๆ ไป สว่ นระยะห่างระหว่างลำก็จะมรี ะยะค่อนข้าง คงท่ี แน่นอน เจริญเตบิ โตในรูปของลำเดย่ี ว ๆ ตลอดไปทกุ ปี ตวั อยา่ งได้แก่ พนั ธุไ์ ม้ไผท่ ี่ข้ึนอยู่ในเขตอบอนุ่ เชน่ พวก โครงงานประเภทส่ิงประดิษฐ์ เรื่องโคมไฟจากกระบอกไม้ไผ่ หนา้ 7

มาดาเกะ หรือ โมโชชิกุ ในประเทศญป่ี ุน่ เป็นต้น สำหรบั ในประเทศไทย จะมีไผ่ประเภทนี้หรอื ไม่กไ็ ม่ อาจจะ ทราบได้ เพราะยังไม่มกี ารสำรวจอย่างละเอยี ดมาก่อนและถา้ จะเป็นไปไดก้ เ็ ขา้ ใจวา่ ไผเ่ ล้ยี งหรือไผ่ คลานอาจจะ อย่ใู นประเภทนีก้ ไ็ ด้ 3. พวกผสม (เป็นทง้ั แบบลำเดีย่ วและกอ) การเจรญิ เตบิ โตของไผ่พวกนี้มที งั้ สองแบบคือ บางปีก็ เจริญเติบโต แบบลำเด่ยี ว บางปกี เ็ จริญเติบโตแบบกอ หรอื บางปกี ็อาจเจรญิ เติบโตทง้ั แบบลำเด่ยี วและแบบกอ สลับกันไป ส่วนใหญ่ เป็นพวกไม้ไผใ่ นเขตอบอนุ่ สำหรับในประเทศไทยยงั ไม่ปรากฏหลกั ฐานทแี่ นช่ ัดแต่อย่างใด อยา่ งไรก็ ตามการเจริญเติบโตของไผ่ทงั้ สามพวกดงั กล่าวแลว้ น้นั ย่อมจะมกี ารเปลย่ี นแปลงจากอกี พวกหน่ึง ไป เปน็ อีก พวกหนึ่งไดท้ ุกขณะ ท้งั นี้ย่อมขึน้ อยู่กบั สภาพความผันแปรของสง่ิ แวดล้อมเปน็ หลักด้วยอน่งึ เกีย่ วกบั ประเภท ของไมไ้ ผน่ ้ี บางประเทศ เชน่ เปอโตริโกได้จำแนกไมไ้ ผ่ไวเ้ พียง 2 ประเภทเท่านัน้ คอื ประเภทเปน็ กอ และลำเดย่ี วเทา่ นนั้ ความรู้เกยี่ วกบั ไผ่ ไผ่ เปน็ ไม้พมุ่ หลายชนิดและหลายสกุลใน วงศห์ ญ้า Poaceae (เดิมคือ Gramineae) วงศย์ ่อย Bambusoideae เปน็ ไม้ไมผ่ ลดั ใบใน ข้นึ เปน็ กอ ลำต้นเป็นปลอ้ งๆ เชน่ ไผ่จีน (Arundinaria suberecta Munro) ไผ่ปา่ (Bambusa arundinacea Willd.) ไผส่ สี กุ (B. flexuosa Munro และ B. blumeana Schult.) ไผไ่ ร่ (Gigantochloa albociliata Munro) ไผด่ ำ (Phyllostachys nigra Munro.) ไผ่ท่วั โลกมอี ยปู่ ระมาณ 90 สกลุ และ 1,000 ชนดิ ทรี่ ู้จักกนั แพรห่ ลาย สว่ นใหญ่จะอยใู่ นสกลุ ตอ่ ไปนี้ Arundinaria, Bambusa, Chimonobambusa, Chusquea, Dendrocalamus, Drepanostachyum, Guadua angustifolia, Hibanobambusa, Indocalamus, Otatea, Phyllostachys, Pleioblastus, Pseudosasa, Sasa, Sasaella, Sasamorpha, Semiarundinaria, Shibataea, Sinarundinaria, Sinobambusa, Thamnocalamus ในประเทศไทยนน้ั พบไผ่อยู่ 30 ชนดิ ดงั น้ี ไผ่ขา้ วหลาม (ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Cephalostachyum pergracile ) ไผค่ ายดำ (ช่อื วทิ ยาศาสตร์: Gigantochloa compressa) ไผ่โจด (ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์: Arundinaria cililta) ไผ่ซาง (ช่ือวิทยาศาสตร:์ Dendrocalamus strictus) ไผ่ซางคำ (ชอื่ วิทยาศาสตร:์ Dendrocalamus latiflorus) ไผซ่ างนวล (ชอื่ วิทยาศาสตร์: Dendrocalamus membranaceus) ไผ่ซางหมน่ (ชือ่ วิทยาศาสตร:์ Dendrocalamus sericeus ) ไผ่ตง (ชื่อวิทยาศาสตร:์ Dendrocalamus aspe) ไผ่ตากวาง (ช่ือวิทยาศาสตร:์ Gigantochloa kurzii) ไผบ่ ง (ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Bambusa nutans) ไผ่บงคาย (ช่อื วิทยาศาสตร:์ Gigantochloa hosseusii) ไผบ่ งดำ (ชอื่ วทิ ยาศาสตร์: Bambusa tulda) ไผ่บงปา่ (ชอ่ื วิทยาศาสตร:์ Bambusa longispatha) ไผ่บงหนาม (ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Bambusa burmanica) ไผ่ป่า (ชื่อวทิ ยาศาสตร:์ Bambusa bambos) โครงงานประเภทส่งิ ประดิษฐ์ เรื่องโคมไฟจากกระบอกไมไ้ ผ่ หนา้ 8

ไผ่เป๊าะ (ช่อื วทิ ยาศาสตร:์ Dendrocalamus giganteus) ไผผ่ าก (ชื่อวทิ ยาศาสตร:์ Gigantochloa densa) ไผเ่ พก็ (ชอื่ วทิ ยาศาสตร์: Vietnamosasa pusilla) ไผ่รวก (ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Thyrsostachys siamensis) ไผ่รวกดำ (ชือ่ วิทยาศาสตร์: Thyrsostachys oliveri) ไผ่ไร่ (ชือ่ วทิ ยาศาสตร:์ Gigantochloa albociliata) ไผล่ ำมะลอก (ช่อื วทิ ยาศาสตร์: Bambusa longispiculatar) ไผ่เลี้ยง (ชือ่ วิทยาศาสตร์: Bambusa mulfiplex) ไผ่หวาน (ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Bambusa sp.) ไผส่ สี กุ (ชอ่ื วทิ ยาศาสตร:์ Bambusa blumeana) ไผ่หก (ชือ่ วิทยาศาสตร:์ Dendrocalamus hamiltonii) ไผห่ ลอด (ชือ่ วิทยาศาสตร์: Neohouzeaua mekongensis) ไผห่ อม (ชอ่ื วทิ ยาศาสตร:์ Bambusa polymorpha) ไผเ่ หลือง (ชอื่ วิทยาศาสตร:์ Bambusa vulgaris) ไผเ่ ฮียะ (ชื่อวทิ ยาศาสตร:์ Cephalostachyum virgatum) ความหมายอนั เปน็ สญั ลักษณ์ของต้นไผ่ หลายๆ คนคงเคยไดย้ ินคำวา่ ประเทศหลงั มา่ นไม้ไผเ่ มอ่ื เปิด เขา้ ไปขา้ งหลังม่านไมไ้ ผ่เราก็ จะพบกบั ประเทศจนี ประเทศท่มี ปี ระเพณี วัฒนธรรม ทคี่ นทว่ั โลกให้ความสนใจเปน็ อนั มาก ซึ่งครัง้ นี้เราจะได้นำเกลด็ เก่ยี วกับตน้ ไผ่ มาฝาก จะเห็นได้วา่ ต้นไผ่นช้ี าวจีนนิยมปลูกกันมาก จนฝรัง่ กล่าว ว่าไผเ่ ปน็ มติ รของชาวจนี ต้นไผ่มีอยหู่ ลายชนิด บางชนิดล˚าตน้ มลี าย จงึ มนี ิทานเล่าว่า ลำขอ้ ที่ลายเกดิ ขึ้นจาก นำ้ ตาของพระมเหสี 2 องคข์ องฮ่องเต้ซนุ ทีร่ ่ำไห้ เสยี ใจทฮี่ อ่ งเต้ได้สนิ้ พระชนมล์ ง และน้ำตามาติดทขี่ ้อไผจ่ นเกิด เป็นลาย บางชนดิ บางต้นเปน็ สีเขยี วเรยี บ ส่วน ขนาด ของลำตน้ น้นั มคี วามสงู ต้งั แต่ 2-3 ฟุต ไปจนถงึ 20-30 ฟตุ ส่วนมากจะนิยมปลกู ทางใตข้ องประเทศจนี แตต่ ่อมาไดน้ ำมาปลกู ทางเหนอื ดว้ ย ต้นไผ่น้ีชาวจนี ถอื ว่าเปน็ ต้นไม้ ของนักปราชญ์ ไผ่มคี วามหมายในทาง สัญลกั ษณ์คอื ตวั ลำตน้ เป็นข้อแข็งแกร่งคงทนจีนเรียกวา่ \" เจ๊ีย \" หมายถึง คนมขี อ้ คอื คนทีม่ หี ลกั การไมล่ ่ตู าม ลม ขา้ งในของไผจ่ ะกลวง ถ้าเปรียบกบั คน ก็เปรียบเสมอื นคนใจกว้างยอมรับ ความคดิ เห็นและคำแนะนำของ ผู้อ่ืน ชอบหาความรู้เพ่มิ เติม สว่ นใบเขยี วของไผม่ ีความแข็งแรงทนได้ทุก สภาวการณไ์ มว่ า่ จะรอ้ นหรือหนาว จึง เปน็ เหตใุ ห้เหลา่ เสนาธกิ ารหรือกนุ ซือของกองทพั จนี นยิ มมเี ข็มกลัดเปน็ รปู ข้อไผต่ ดิ บนหนา้ อก ซง่ึ เป็น สญั ลักษณข์ องความเข้มแข็ง ความมีปัญญา ความจงรกั ภกั ดี ความซอ่ื สตั ย์และความ กตัญญู ในเมอื งไทยทีเ่ ห็น ปลูกไผน่ นั้ ส่วนมากนิยมปลกู เพื่อการตกแตง่ บา้ นใหร้ ่มเงา หรือนำเอาสว่ นตา่ งๆ ของต้น ไผ่มาทำเฟอรน์ เิ จอร์ เครอ่ื งตกแตง่ ตา่ งๆ แต่ถา้ เราจะเอาแบบอย่างของความหมายทาง สัญลักษณข์ องตน้ ไผ่มาใช้ ในชวี ติ ประจำวนั ก็ เปน็ สงิ่ ทีด่ ีมาก คณุ ลักษณะพิเศษของ \"ไผ่\" 1. ไผ่โตเรว็ สามารถนำมาใชป้ ระโยชนไ์ ด้ภายในเวลา 1 - 4 ปี และใชป้ ระโยชน์ไดท้ ุกส่วน ต้งั แตร่ ากไผ่ เปน็ สมุนไพรอย่างหนึ่งท่ีใช้เปน็ ยารักษาโรคได้ หน่อไผห่ รือหนอ่ ไม้ใชท้ ำอาหาร กาบหรือใบไผใ่ ชห้ อ่ อาหารหรือ หมกั ป๋ยุ กิ่งและแขนงใช้ทำรว้ั ลำตน้ ใชป้ ระโยชนไ์ ด้สารพัดอยา่ ง ตง้ั แตน่ ำมาใช้ปลูกสรา้ งทพ่ี กั อาศยั และแปรรูป เปน็ เครื่องจกั สานและเคร่อื งมือเครอื่ งใช้นานาชนดิ จนถึงนำมาใช้เก่ยี วกบั ความเชอื่ และพธิ กี รรมต่างๆ ต้ังแต่เกดิ โครงงานประเภทส่งิ ประดษิ ฐ์ เร่อื งโคมไฟจากกระบอกไมไ้ ผ่ หนา้ 9

จน ตาย ดังนัน้ ชาวนาจึงมักปลูกไผ่ตามหัวไรป่ ลายนา และปลูกไวร้ อบๆบ้าน เพอื่ ใช้เป็นรั้วบ้านและปอ้ งกันพายุ เพราะไมไ้ ผ่จะลูต่ ามลมไม่หกั โค่นเหมือนไม้อนื่ หากปลูกไผ่ไว้ตามริมแม่นำ้ ลำคลอง จะชว่ ยชะลอความเรว็ ของ กระแสน้ำไม่ให้ดนิ พวั ทะลายงา่ ย นอกจากนี้ไผ่ยงั ใชเ้ ปน็ อาหารในครวั เรอื นได้ด้วย 2. ไผ่มีลำตน้ ตรงและกลวงคลา้ ยหลอดและมีปล้องข้อคัน่ เป็นปล้องๆ จงึ ใช้เป็นภาชนะประเภท กระบอก ถ้วย สำหรับใส่ของเหลว เชน่ ใชเ้ ป็นกระบอกน้ำ กระบอกน้ำตาล ซึง่ ใช้กนั ทัว่ ไปในหลายประเทศ ลกั ษณะพเิ ศษ ของไม้ไผน่ ี้สามารถนำมาใช้สร้างอาคารทพี่ กั อาศยั ได้ โดยนำมาทำเปน็ โครงสรา้ งของบ้านเรอื น ใชเ้ ปน็ พืน้ เรอื น ฝา เรือน ใชท้ ำรางนำ้ ทอ่ นำ้ และทำเครอื่ งดนตรีประเภทขลุ่ยได้ดีอกี ดว้ ย 3. เนื้อไผเ่ ป็นเส้นตรงมคี วามยดื หยนุ่ ในตวั เองและสามารถคืนตวั สู่สภาพเดมิ ได้ เมอื่ นำไม้ไผ่มาแปรรปู ก็ จะสามารถใช้ประโยชน์ไดด้ ี เพราะเนื้อไมไ้ ผ่เป็นเส้นตรง นำมาจักเป็นป้ืนบางๆ หรอื เหลาเป็นเสน้ ไดด้ ี จึงใชท้ ำ เครือ่ งจกั สานนานาชนิดได้ ทงั้ เครือ่ งจกั สานท่มี ีขนาดใหญ่ แข็งแรงมนั่ คง สำหรับใช้งานหนกั จนถงึ เครื่องจัก สาน ขนาดเลก็ ท่ีมคี วามประณตี บอบบาง และเพราะคณุ สมบัตใิ นท่ีมคี วามยดื หยนุ่ จงึ เหมาะท่ีจะใชเ้ ปน็ เครื่อง หาบ หรอื หาม เช่น คาน คนั กระสุน คันธนูและเมือ่ แปรรปู เป็นตอกก็ยังมคี วามยดื หยนุ่ คนื รูปทรงเดิมไดง้ ่ายจึง ทำให้ ภาชนะจักสานทท่ี ำจากไผ่มีคุณลกั ษณะพิเศษตา่ งไปจากภาชนะที่ท˚าจากวตั ถุดบิ ชนิดอืน่ 4. ไมไ้ ผม่ คี วามสวยงามในตวั เอง ไมว่ า่ จะเปน็ ผวิ ทม่ี สี ตี า่ งๆ กนั เมอ่ื แหง้ แลว้ มกั จะมสี เี หลอื งอยเู่ ชน่ นน้ั ตลอดไป ดว้ ยคณุ สมบตั พิ ิเศษน้ี ชาวเอเชียจงึ ใชเ้ หล็กหรอื โลหะเผาไฟจนรอ้ นแลว้ เขียนตวั อกั ษรหรือลวดลายลง บนผวิ ไม้ ไผ่ (Bamboo Pyrographic) เชน่ จนี จารึกบทกวบี นผิวไม้ไผ่ ชาวญปี่ นุ่ ใช้เขียนชอ่ื เจา้ ของบ้านแขวนไว้ หน้า บา้ นและจารกึ บทกวีแขวนไว้ และผิวสวยงามดุจงานประติมากรรมสมัยใหม่ทีเดียไว้สองข้างประตูเรอื นนำ้ ชา (Tea House) ชาวเกาหลีใช้เขยี นเปน็ ลวดลายบนเครอื่ งใช้ เช่นเดยี วกับทช่ี าวบาตกั (Batak) ในประเทศ อนิ โดนเี ซีย ใช้เหล็กเผาไฟ ขดู ขีด เขียน ลงบนกระบอกไม้ไผ่ สำหรับเกบ็ ยาหรือทำเป็นปฏทิ ิน ในขณะทชี่ าว บาหลใี ช้จารลงบนผิวไผ่เปน็ แผน่ ๆ เพอ่ื ใชเ้ ปน็ คัมภรี ใ์ นศาสนาตน นอกจากไมไ้ ผ่จะมีผิวสวยแล้ว เนื้อไผ่ยังมี ลกั ษณะพิเศษต่างจากเน้อื ไม้อื่นคือ มีเสย้ี นยาวขนานกันเป็นเสน้ จงึ แปรรปู เป็นเส้น เปน็ ป้ืน หรอื เหลาใหก้ ลม ได้ ง่าย และเม่อื แกเ่ ต็มท่ีแล้วจะเป็นเสน้ ละเอียดแขง็ มอดแมลงไม่กนิ จนมีผู้กลา่ ววา่ เครื่องจักสานไมไ้ ผน่ นั้ ผู้ สาน สามารถสานให้เปน็ รูปทรงแปลกๆ แตกตา่ งกนั ไดม้ ากมาย จนเคร่อื งจกั สานบางชน้ิ มรี ปู ทรง โครงงานประเภทสิ่งประดษิ ฐ์ เรอื่ งโคมไฟจากกระบอกไม้ไผ่ หน้า 10

บทท่ี 3 วธิ ีการดำเนินการ วสั ดแุ ละอปุ กรณ์ วัสดุและอุปการณท์ ี่ใช้ในการจดั ทำโครงงาน ได้แก่ 1. ไมไ้ ผ่ 2. เคร่อื งตดั ไม้ 3. สวา่ นเจาะรู 4. กระดาษทราย 5. กรรไกร 7. มดี 8. ฐานโคมไฟ 9. หลอดไฟแบบตะเกยี บ 10. สายไฟ 11. ปลกั๊ ไฟ 12. ไขควง 13. เทปกาว วิธีการทำโคมไฟจากกระบอกไมไ้ ผ่ ขนั้ ตอนที่ 1 นำกระไม้ไผ่ทีเ่ ตรียมมาตดั เอา 1 ขอ้ แล้วมาทำความสะอาดดว้ ยน้ำเปล่าสามารถเลอื กไดต้ าม ความชอบ โครงงานประเภทสิง่ ประดิษฐ์ เรอ่ื งโคมไฟจากกระบอกไม้ไผ่ หนา้ 11

ขนั้ ตอนที่ 2 นำสะหว่านมาเจาะรู 2 ขนาด ดา้ นข้างของกระบอกไม้ไผ่ ขั้นตอนที่ 3 นำกระดาษทรายมาขดั ให้กระบอกไมไ้ ผ่ให้เรียบ และสวยงาม ขั้นตอนท่ี 4 เจาะรดู า้ นทเ่ี ป็นก้นโคมไฟเพ่อื สอดสายไฟเขา้ ไป หนา้ 12 โครงงานประเภทสง่ิ ประดษิ ฐ์ เร่อื งโคมไฟจากกระบอกไมไ้ ผ่

ขนั้ ตอนท่ี 5 นำหลอดไฟที่เตรียมมาประกอบเข้าฐานหลอดไฟ แล้วทำการตดิ ตั้งฐานหลอดไฟเข้าไปในกระบอก ไมไ้ ผ่ ขน้ั ตอนที่ 6 ประกอบปล๊ักไฟเข้ากบั สาย และฐานหลอดไฟ ขน้ั ตอนท่ี 7 นำโคมไฟจากกระบอกไมไ้ ผ่ มาทดลองสามารถใช้ได้จริง หนา้ 13 โครงงานประเภทสิง่ ประดิษฐ์ เรื่องโคมไฟจากกระบอกไมไ้ ผ่

บทที่ 4 ผลการศึกษาคน้ คว้า การดำเนินงานโครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ โคมไฟจากกระบอกไม้ไผ่ ทำให้คณะผู้ทำโครงงานบรรลุ วตั ถุประสงค์ท่ีตง้ั ไว้ คณะผ้จู ดั ทำได้ดำเนนิ งาน ดังน้ี 1. คณะผจู้ ดั ทำโครงงาน โครงงานประเภทส่ิงประดิษฐ์ โคมไฟจากกระบอกไมไ้ ผ่ ไวใ้ ชเ้ องได้ในครวั เรือน ได้ 2. การนำวสั ดุ คอื ไม้ไผซ่ ึง่ มีอยใู่ นทอ้ งถน่ิ ใช้มาทำใหเ้ กดิ ประโยชน์ ประดิษฐ์ของใชแ้ ละของตกแต่งบา้ น จากทรัพยากรธรรมชาตภิ ายในทอ้ งถน่ิ ผลการศึกษา จากการศกึ ษาการสร้างโคมไฟจากทรพั ยากรธรรมชาตใิ นท้องถน่ิ หรอื โคมไฟจากกระบอกไมไ้ ผ่ ในการ จดั ทำโครงงานครง้ั นค้ี ณะผูจ้ ดั ทำได้ จดั ทำโคมไฟทีท่ ำมาจากวัสดุทางธรรมชาตภิ ายในท้องถ่นิ ที่สามารถหาได้งา่ ย คือต้นไมไ้ ผ่ ผลการศึกษาพบว่า โคมไฟจากกระบอกไม้ไผ่ด้านทีเ่ จาะรูใหแ้ สงสวา่ งนอ้ ยกวา่ ดา้ นท่ผี า่ ออกเปน็ สี่เหล่ียมมากแต่ ด้านที่เจาะรูจะให้ความสวยงานมากกวา่ สว่ นดา้ นท่ผี า่ ออกเปน็ สีเ่ หล่ยี มจะให้แสงสวา่ งชดั มาก โคมไฟจาก กระบอกไมไ้ ผน่ ีเ้ ปน็ โคมไฟท่มี คี วามสวยงามมากท่สี ดุ กล่าวไดว้ า่ โคมไฟจากกระบอกไมไ้ ผน่ ้ีเหมาะแก่ การนำไป ตกแตง่ บ้านในบรเิ วณตา่ งๆของบ้าน อาจเปน็ บรเิ วณที่มีพน้ื ท่ีไม่กวา้ งหรอื มีขนาดท่ใี หญ่จนเกนิ ไป มากกวา่ การ นำไปใช้งานอื่นๆ โครงงานประเภทส่ิงประดษิ ฐ์ เร่ืองโคมไฟจากกระบอกไม้ไผ่ หน้า 14

บทท่ี 5 สรปุ และอภิปรายผล จากขอ้ มลู ผลการดำเนนิ งานโครงงานประเภทสง่ิ ประดษิ ฐ์ โคมไฟจากกระบอกไมไ้ ผ่ สามารถสรปุ ผล อภิปรายผล และมขี อ้ เสนอแนะดังนี้ สรปุ และอภิปรายผล จากการศกึ ษาและจดั ทำโครงงานเรื่องโคมไฟจากกระบอกไม้ไผ่ โดยการนำทรัพยากรทางธรรมชาติ ภายในทอ้ งถ่นิ มาใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนแ์ ละมีคณุ ค่ามากขึน้ แลว้ นำมาประดษิ ฐ์เป็นโคมไฟจากกระบอกไม้ไผ่ ทำให้ รวู้ ่าทรัพยากรธรรมชาติเป็นสง่ิ ท่ีมีคุณค่า ซงึ่ สามารถนำไปใชป้ ระโยชน์ไดม้ ากมายท้ังของประดบั ตกแตง่ ภายใน บา้ นและของใชภ้ ายในบ้านได้ พบวา่ โคมไฟทป่ี ระดิษฐ์จากจากกระบอกไมไ้ ผ่สามารถนำไปใช้เปน็ ของประดบั ตกแต่งภายในบา้ นและ ของใชภ้ ายในบา้ นทีใ่ ห้แสงสว่าง โดยเฉพาะโคมไฟทดี่ า้ นท่ีผา่ ออกเปน็ สเ่ี หล่ยี มสามารถให้ แสงสวา่ งได้ชดั เจน และสวา่ งทสี่ ดุ สว่ นดา้ นท่ีเจาะรูนนั้ ให้แสงสวา่ งน้อยแต่มคี วามสวยงามมาก ประโยชนท์ ี่ได้รบั 1. ไดโ้ คมไฟจากกระบอกไม้ไผ่ 2. ได้ประดษิ ฐ์ของใช้และของตกแตง่ บ้านจากทรพั ยากรธรรมชาติภายในท้องถิน่ 3. ไดน้ ำทรัพยากรธรรมชาตภิ ายในทอ้ งถิ่นมาใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ ข้อเสนอแนะ ในการทำโครงงานครง้ั น้ี คณะผ้จู ดั ทำไดน้ ำกระบอกไม้ไผ่ มาใชใ้ นการทำโคมไฟจากวสั ดธุ รรมชาติ ภายในท้องถ่นิ ซ่งึ คิดว่าจะลองใช้วัสดธุ รรมชาตภิ ายในทอ้ งถนิ่ ประเภทอื่นมาประดิษฐเ์ ปน็ โคมไฟได้เหมือนกนั และนำวสั ดทุ ี่มไี ปประดิษฐ์เป็นของใช้ และของตกแตง่ อืน่ ๆบ้าง โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ เรื่องโคมไฟจากกระบอกไมไ้ ผ่ หน้า 15

บรรณานกุ รม https://anyflip.com/urwdg/dnkk/basic https://www.nfe-pbr.org/home1/attachments/article/913/pj-std-khomfaimaipai.pdf https://www.naibann.com/30-ideas-bamboo-lamp/ http://u2t.bru.ac.th/idtech/id10/8-napatsanun/ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JAR_CRRU/article/view/259877 โครงงานประเภทสิ่งประดษิ ฐ์ เรือ่ งโคมไฟจากกระบอกไม้ไผ่ หนา้ 16

ทีป่ รึกษา คณะผจู้ ดั ทำ นางสาวสุภาวดี ญาติปลมื้ ครู กศน.ตำบล คณะผู้จดั ทำ นักศกึ ษา นักศกึ ษา นายสหสิน ดงั ดี นักศกึ ษา นายปรเมศ ปกุ ถนน นางสาวนนั ทนา สามขา โครงงานประเภทส่ิงประดิษฐ์ เรอ่ื งโคมไฟจากกระบอกไม้ไผ่ หนา้ 17


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook