Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การกำหนดวัตถุประสงค์ของบทเรียนNEW

การกำหนดวัตถุประสงค์ของบทเรียนNEW

Published by virote.kr, 2019-09-11 02:30:47

Description: การกำหนดวัตถุประสงค์ของบทเรียนNEW

Search

Read the Text Version

การกา่ หนดวตั ถปุ ระสงค์ของบทเรียน ปรีชา กลา่ รศั มี L.T. ผู้ตรวจการลกู เสือประจา่ สา่ นกั งานลูกเสือแห่งชาติ

วตั ถุประสงค์ เมอื จบบทเรยี นนแ้ี ลว้ ผู้เขา้ รบั การฝึกอบรมควรจะสามารถ 1. อธิบายองคป์ ระกอบของจุดประสงค์เชงิ พฤติกรรมได้ 2. อภปิ รายความสมั พนั ธก์ ับจุดประสงค์เชิง พฤติกรรมได้ 3. เขียนจุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรมตามตอ้ งการได้

จดุ หมาย(AIM) คอื เป็นผลหรือคุณลักษณะทีต้องการให้เกิดขนึ้ เมอื ผเู้ รยี น(ผเู้ ข้ารับการอบรม)จบการศึกษาตาม หลกั สูตรน้นั ตัวอย่าง AIM “เพือใหผ้ เู้ ข้ารบั การฝึกอบรมมี ความร้คู วามสามารถทา่ หน้าทีเปน็ ผอู้ า่ นวยการ ฝึกอบรมได”้

ศกึ ษาบทเรยี นสา่ เร็จรปู

ความหมายของวตั ถุประสงคข์ อง บทเรยี น (OBJECTIVES) วัตถุประสงคค์ ือ การก่าหนดขอบเขตของเนื้อหา การศึกษาและผลการเรียนร้ทู คี าดหวงั ว่าผูเ้ ขา้ รับ การฝกึ อบรมจะได้รับหลงั การเรยี น จะเป็นเชน่ ไร  วัตถุประสงคอ์ าจเปน็ ข้อความหลายประโยค หรือหลายข้อจัดเรยี งตามล่าดับกอ่ นหลงั

องค์ประกอบในการเขยี นวัตถปุ ระสงค์ 1. พฤตกิ รรมทีคาดหวัง (Expected behavior) เปน็ พฤตกิ รรมทีตอ้ งการปลูกฝงั ให้ผเู้ รียนเกดิ ข้นึ หลังจากมกี าร จดั การเรียนการสอน หรือมเี งือนไขก่าหนดไว้แล้ว ถือเปน็ ผลของการเรยี นรูช้ นดิ หนึงของผเู้ รียน คา่ ทใี ช้มกั เปน็ คา่ ที แสดงการกระท่า (Action word) ทีสามารถสังเกตเหน็ ได้ เช่น เขียน อา่ น วาด บอก ชี้ อธบิ าย สาธิต เรียกชือ ฯลฯ แต่ละหนว่ ยการเรียนเราตอ้ งการให้ผูเ้ รยี นเกิดการเรยี นรู้ อะไรกส็ ามารถเขียนก่าหนดผลสิงน้นั ไวไ้ ด้เลย

ตวั อย่างการเขียนพฤตกิ รรมทีคาดหวัง  นักเรยี นสามารถ แกส้ มการ ได้  นกั เรียนสามารถ เขียน สมการตัวแปรเดยี วไดถ้ กู ตอ้ ง  นักเรียนสามารถ บอก ไดว้ า่ สมการเสน้ ตรงใดผิด  นกั เรียนสามารถ วาด แผนทีของอ่าเภอทีตนเองอย่ไู ด้  นักเรยี นสามารถ อธิบาย ลกั ษณะของพชื ใบเลีย้ งเดยี วได้  นกั เรียนสามารถ สาธติ การทา่ แกงสม้ ได้  นกั เรยี นสามารถ อา่ นออกเสียงได้

องคป์ ระกอบในการเขียนวตั ถปุ ระสงค์ 2. เงอื นไขหรอื สถานการณ์ (Condition or Situation) หมายถงึ เน้ือหาของสงิ ทีต้องการใหผ้ ้เู รยี นฝึกปฏบิ ัตหิ รือ สภาพของสิงทตี ้องการใหเ้ รียนรู้ เพอื ใหเ้ กิดพฤติกรรมที คาดหวัง การเขียนเงือนไขมกั จะมีคา่ วา่ ถ้า....แล้ว ก่าหนดให.้ ....แล้ว, หลงั จาก...แล้ว,เมอื ...แลว้ , ดังตัวอย่าง

ตัวอยา่ งการเขียนเงือนไขหรอื สถานการณ์  ถา้ นักเรยี นทอ่ งสูตรคูณทุกวนั แล้ว  ถ้านักเรียนฝกึ ทา่ แบบฝกึ หัดการบวกเลขบ่อยๆแล้ว  เมอื เรยี นเรืองพลงั งานจลนแ์ ล้ว  หลงั จากฝึกเขียนภาพเหมอื น 1 ภาคเรียนแล้ว  กา่ หนดให้เลน่ ฟตุ บอลกับเพอื นฝงู อย่างถกู วิธี ฯลฯ

องคป์ ระกอบในการเขียนวตั ถปุ ระสงค์ 3. เกณฑห์ รอื มาตรฐาน (Criterion or Performance Standard) เมอื พฤติกรรมคาดหวงั กา่ หนดไว้ชัดแลว้ จะรู้ ได้อย่างไรว่า เกิดสมความปรารถนาตามทีต้องการ นนั ก็ คือต้องก่าหนดเกณฑข์ น้ั ตา่ ไว้ การวดั การกระท่าจึง สามารถบอกไว้วา่ ผ่านหรือไมผ่ า่ น ส่าเร็จหรอื ไมส่ ่าเรจ็ การบอกเกณฑ์จึงมกั เป็นเปอรเ์ ซน็ ต์ หรอื บอกจา่ นวนการ กระท่าสิงนัน้ ไว้ได้เทา่ ไรจงึ ผา่ น ดงั ตัวอยา่ งเชน่

ตัวอยา่ งเกณฑ์หรือมาตรฐาน อยา่ งน้อย 80 เปอรเ์ ซน็ ต์ 6 ข้อในจา่ นวนทงั้ หมด 8 ข้อ ถกู ทงั้ หมดทุกขอ้ ฯลฯ

ตัวอย่าง เมอื ก่าหนดค่ามาให้ ๑๐ คา่ นักเรียนสามารถ อ่านออกเสียงได้ ถูกตอ้ วอยา่ งน้อย ๗ คา เมอื กา่ หนดสมการ ทีมตี ัวแปร ๒ ตัว มาให้ ๕ สมการ นักเรียนสามารถแก้สมการไดถ้ กู ต้อง อยา่ งน้อย ๔สมการ

ตัวอยา่ ง(ตอ่ ) กา่ หนดระยะทาง ๘๐๐ เมตร นักเรยี นสามารถวงิ ได้ ภายใน ๒ นาที ก่าหนดภาพมาให้ ๑ ภาพ นักเรยี นสามารถแตง่ ประโยคให้สอดคล้องกบั ภาพได้ อยา่ งน้อย ๓ ประโยค

หลกั การเขยี นวัตถุประสงค์  ประธาน = ผ้เู ขา้ รบั การฝกึ อบรม  ทา่ อะไรได้ = ผ่านการฝึกอบรมแล้วจะท่าอะไรได้บ้าง (มองเหน็ ความส่าเร็จ)  สงั เกตและวดั ได้ = ใช้กริยาทแี สดงการกระทา่ เชน่ แสดง สาธติ ท่า บอก เลอื ก อธิบาย ด่าเนินการ ฯลฯ  มีกฎเกณฑ์ = ท่าสงิ หนงึ สิงใดได้  มีมาตรฐาน = ท่าสิงหนึงสิงใดไดอ้ ยา่ งมีมาตรฐาน

ค่าทีบ่งถึงการกระท่า ระดบั พฤติกรรม ค่าทีบ่งถงึ การกระทา่ ดา้ นพุทธิพิสัย ๑. ความรู้ ความจ่า บอก บง่ ชี้ บรรยาย บอกลักษณะ บอกกฎเกณฑ์ ๒. ความเข้าใจ แปลความหมาย ยกตัวอยา่ ง อธบิ าย บอกความ แตกต่าง ๓. การน่าไปใช้ คา่ นวณ สาธิต สร้าง แกป้ ญั หา หาผลลัพธ์ ๔. การวิเคราะห์ จ่าแนก ค้นหา เปรียบเทียบ หาความสมั พนั ธ์ ๕.การสังเคราะห์ ออกแบบ สร้าง จัดรวบรวม ตง้ั สมมตฐิ าน ๖. การประเมินค่า ประเมิน ชี้ขอ้ มลู พจิ ารณา วินิจฉยั เทียบคณุ คา่

คา่ ทีบ่งถงึ การกระท่า ระดับพฤตกิ รรม คา่ ทบี ่งถงึ การกระทา่ ดา้ นจติ พิสยั พิสยั การยอมรบั กลา่ วสง่ เสริม สนบั สนนุ เรียบเรียงใหม่ แก้ไขใหม่ การมีปฎิกิริยาโตต้ อบ ด้านทกั ษะพิสัย การเลยี นแบบ การทา่ ตามคา่ บอก การ ออกแบบการเตน้ การวาดภาพ

ตัวเลอื กค่าตอบ ก. ไม่ใช่จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข. เป็นจดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรมทมี ีเฉพาะ พฤตกิ รรมทคี าดหวัง ค. เป็นจดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมทีประกอบด้วย สถานการณ์ และพฤติกรรมทีคาดหวงั ง. เปน็ จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรมทีประกอบดว้ ย เกณฑแ์ ละพฤตกิ รรมทีคาดหวัง จ. เปน็ จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรมทีประกอบด้วย สถานการณ์ พฤตกิ รรมทีคาดหวัง และเกณฑ์

๑. นกั เรียนสามารถเข้าใจการหลอมเหลว ๒. นักเรยี นชอบเรยี นเรืองสมการ ๓. อ่านคา่ ใหมใ่ นบทเรยี นได้ถกู ต้อง ๔. สามารถบอกคณุ ลกั ษณะของของแข็งได้ ๕. สามารถวงิ ในระยะทาง ๘๐๐ เมตรไดใ้ น เวลาไม่ถงึ ๓ นาที

๖. นกั เรยี นสามารถแปลนทิ านอิสปเรืองเทวดากบั คนตดั ฟืนเป็นภาษาอังกฤษได้ ๗. สนใจการคน้ คว้าเกยี วกับแม่เหล็ก ๘. นักเรียนสามารถแกส้ มการไดถ้ กู ต้อง ๔ สมการ ๙. นักเรยี นสามารถเปรียบเทียบลักษณะของใบ พชื ทกี ่าหนดให้ ๑๐ ชนิดได้ ๑๐.นักเรยี นสามารถบอกข้อดีของการออกก่าลงั กายได้

เฉลย ๒. ก. ๓. จ. ๑. ก. ๕. จ. ๖. ค. ๔. ข. ๘. ง. ๙. ค. ๗. ก. ๑๐. ข.



การเขียนวตั ถุประสงค์ควรจะต้อง คา่ นึงถงึ ลกั ษณะทีดี 5 ประการ หรอื จะต้องกา่ หนดขน้ึ ด้วยความฉลาด (SMART) ซงึ ไดอ้ ธบิ ายความหมายไว้ ดังนี้

S = Sensible (เปน็ ไปได)้ หมายถึง วตั ถุประสงคจ์ ะตอ้ งมคี วาม เป็นไปได้ ในการดา่ เนนิ งานโครงการ M = Measurable (วดั ได)้ หมายถงึ วัตถปุ ระสงค์ทดี ีจะต้อง สามารถวดั และประเมนิ ผลได้ A = Attainable (ระบสุ งิ ทตี ้องการ) หมายถงึ วตั ถุประสงค์ทดี ี ต้องระบุสิงทตี อ้ งการดา่ เนินงาน อย่างชัดเจน และเฉพาะเจาะจงมาก ทสี ดุ R = Reasonable (เป็นเหตเุ ปน็ ผล) หมายถึง วตั ถุประสงคท์ ีดี ต้องมีความเปน็ เหตเุ ปน็ ผลในการปฏบิ ตั ิ T = Time (เวลา) หมายถึง วตั ถปุ ระสงคท์ ีดจี ะตอ้ งมขี อบเขตของ เวลาทีแนน่ อนในการปฏิบัติงาน

ประโยชนข์ องการก่าหนดวตั ถุประสงค์ของบทเรียน 1. ช่วยใหร้ ้วู า่ ควรจะสอนอะไรก่อนอะไรหลงั 2. เลือกวธิ สี อน กา่ หนดเวลา และจดั เตรียมอุปกรณ์ไว้ ล่วงหน้า 3. ช่วยขจดั ข้อสงสัยความยุง่ ยากและปญั หาต่างๆให้นอ้ ยลง 4. อาจช่วยการวดั ผลการสอนได้วา่ ไดผ้ ลตรงตาม วัตถุประสงค์หรอื ไม่เพียงใด 5. อาจปรบั ปรงุ ให้เข้ากบั กาลเทศะไดเ้ มือมีความจ่าเปน็ เกดิ ข้ึน

ขอ้ เสนอแนะเกยี วกบั การกา่ หนดวัตถุประสงค์ 1. มีความเป็นไปได้และเป็นสงิ ทีพึงปรารถนา 2. ตอ้ งมีจุดประสงคท์ ชี ดั เจน เพอื จะเลือกเนื้อหา อุปกรณ์ กระบวนการ 3. ภาษาชดั เจนเข้าใจงา่ ย 4. สอดคลอ้ งกับจดุ ประสงค์รายวชิ า / หลักสตู ร 5. เปน็ จดุ ประสงค์ทีสามารถบรรลุในชว่ งส้ันหรือใน ระหว่างทีสอน

การจา่ แนกวตั ถุประสงค์ของ บลมู และคณะ  ดา้ นพุทธพสิ ัยหรอื ดา้ นปญั ญา (Head)  ดา้ นจิตพิสยั หรือดา้ นอารมณ์ (Heart)  ด้านทกั ษะพสิ ัยหรอื การปฏิบตั ิ (Hand) ลกั ษณะวตั ถุประสงคท์ ี HEAD ความสามารถทางสมอง สมบรู ณต์ อ้ งเขยี นให้ HAND ความสามารถการปฏิบตั ิ ครอบคลมุ 3 H HEARTความสามารถด้านจิตใจ

เมือจะไปปราศรยั เมอื จบค่าปราศรัยนแ้ี ลว้ (ผู้ฟัง..................) ควรจะสามารถ ๑........ ๒.........


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook