การจดั การเรยี นรูใ้ นศตวรรษท่ี 21 รูปแบบการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ โดยใชเ้ ทคนิคSQ4R อาจารยผ์ สู้ อน ดร.รชั กร ประสรี ะเตสงั
ก คำนำ หนังสือเล่มน้ีเป็นส่วนหนึ่งของวิชาทักษะและเทคนิคการสอน รหัสวิชา 5002506 จัดทาข้ึนเพ่ือศึกษาค้นคว้าเก่ียวกับเทคนิคการสอน รูปแบบการจัด กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค SQ4Rและได้ศึกษาอย่างเข้าใจเพ่ือเป็น ประโยชน์ตอ่ การเรยี นรู้ ผู้จัดทาขอขอบพระคุณ ดร.รัชกร ประสีระเตสัง ท่ีคอยให้คาแนะและให้ ความรู้ในการจดั ทาหนงั สือเลม่ นี้ จนสาเรจ็ ไปไดด้ ้วยดี ผู้จัดทาหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้จัดทา ผู้อ่าน และผู้ท่ี สนใจที่จะศกึ ษาเก่ยี วกับ รปู แบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค SQ4R ไม่มากก็น้อย หากหนังสือเล่มน้ีมีข้อผิดพลาดประการใดผู้จัดทาขออภัยมา ณ ท่ีน้ดี ้วย คณะผจู้ ดั ทา
ข ำ นำ คานา ก สารบั ข ความหมายของวิ ีการสอนแบบSQ4R 1 ขั้นตอนในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้โดยใชว้ ิ ีการสอนแบบSQ4R 2-3 บทบาทผสู้ อนในการจดั กิจกรรมการเรียนร้โู ดยใชว้ ิ ีการสอนแบบSQ4R 4-5 บทบาทผเู้ รยี นในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรูโ้ ดยใชว้ ิ ีการสอนแบบSQ4R 6 ลักษณะสาคั ของการจัดการเรียนร้โู ดยใช้เทคนิคสอนแบบ SO4R 7 ความแตกต่างของการจัดการเรียนรโู้ ดยวิ สี อนแบบ SO4R 8 กับการเรียนรู้แบบปกติ ประโยชนแ์ ละข้อจากัดของการจดั การเรียนรู้โดยใช้เทคนคิ การสอนแบบ SQ4R 9 ข้อจากดั ของการจดั การเรียนรูโ้ ดยใชเ้ ทคนคิ การสอนแบบ SQ4R 10 สรปุ การจักกจิ กรรมการเรียนรโู้ ดยใชเ้ ทคนิคการสอนแบบ SQ4R 11 การอ่านจบั ใจความสาคั โดยใชเ้ ทคนิค SQ4R’’ 12-13 ตวั อย่างแผนจัดการเรียนรู้รูปแบบการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 14-22 โดยใช้เทคนคิ SQ4R ใบความรู้และแบบ กทกั ษะ 23-28 บรรณานกุ รม
1 ความหมายของวธิ ีการสอนแบบSQ4R วิธีสอนแบบSQ4R หมายถึง วิธีการสอนการอ่านวิธีหนึ่งซึ่งพัฒนามาจาก เทคนิค SQ3R เป็นวิธีการที่ช่วยฝึกทักษะการอ่านอย่างเป็นระบบเริ่มจากการ อ่านบทอ่านแบบคร่าวๆตั้งคำถาม จากบทอ่านเพื่อกระตุ้นความสนใจในบท อ่านมากยิ่งขึ้นดำเนินการอ่านอย่างละเอียดเพื่อหา คำตอบจากคำถามที่ตั้งไว้ จดบันทึกสาระสำคัญที่ได้จากการอ่านแล้วนำมาเขียนสรุปพร้อมทั้งมี การ วิเคราะห์วิจารณ์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทอ่านเพื่อช่วยทำให้ผู้อ่านเข้าใจ เรื่องนั้นได้ อยา่ งแทจ้ ริงการสอนอา่ นแบบSQ4R เป็นการสอนทไี่ ดร้ บั การ พัฒนาและต้ังอยูบ่ นรากฐานแนวคิด ทางการเรียนการสอนภาษาคือทฤษฎีอภิ ปัญญา (Metacognition theory) ซึ่งเป็นแนวคิดหน่ึง ของจิตวิทยาการเรียนรู้ อภิปัญญากับการอ่านนั้น หมายถึงขั้นตอนหรือวิธีการที่จะทำให้การอ่าน บรรลผุ ลตามเปา้ หมาย มอี งคป์ ระกอบสำคัญอยู่ 2 สว่ น คอื ความตระหนกั รู้ และการควบคมุ กลไก ที่ใช้ในกระบวนการอ่าน รวมถึงวิธีการที่จะทำให้บรรลุ เป้าหมายของการเรียนรู้เน้นให้ผู้เรียน เรียนรู้ด้วยตนเองอย่างเป็นระบบจนกว่า จะเข้าใจในเรื่องที่อ่านมีการควบคุมกระบวนการต่าง ๆ อยา่ งเป็นขัน้ ตอน มี การควบคุมและตรวจสอบตนเอง ในระหว่างการอา่ น คือขั้นตอนการอา่ นและ การพูดคําตอบออกมาจากความจำของตนเองรวมถึงการประเมินหลังจาก อ่านเรื่องนั้นๆจบแล้ว คือในขั้นตอนการทบทวน หากยังจำเรื่องราวทั้งหมดไม่ ได้ก็จะกลับไปสู่ขั้นตอนการอ่านอีกคร้ัง หน่งึ เพอื่ รวบรวมขอ้ มลู
2 ข้นั ตอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธกี ารสอนแบบSQ4R 1. ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น ขั้นตอนนีเ้ ปน็ ข้ันตอนทีจ่ ัดทำบรรยากาศให้รู้สึกสบาย ไม่เครยี ดเสนอสิ่ง เรา้ เพอ่ื ให้ผู้เรียนพรอ้ มทจ่ี ะเรยี นบทเรียนใหม่ การเสนอ เนื้อหาใหม่สำหรบั การอา่ น ผสู้ อนอาจจะ กำหนดให้ผ้เู รียนเตรียมมาเองหรือ ผสู้ อนจะเป็นผจู้ ดั เตรียมกไ็ ด้ เพราะการสอนอา่ นมีวัตถปุ ระสงค์ ใหผ้ อู้ า่ นได้ นำไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั เพราะฉะนน้ั ส่อื ที่นำมาใชจ้ ึงควรเป็นของจรงิ (Authentic Materials) เช่น ใบโฆษณา ข่าว จดหมาย ใบสมคั รงาน จุลสาร ฯลฯ 2. ขนั้ สอน ซึง่ ขน้ั สอนสามารถแบง่ เป็นรายละเอียดได้ดงั นี้ 2.1 Survey (S) ใหผ้ ูเ้ รียนอา่ นเน้ือเรื่องอยา่ งคร่าวๆ เพ่อื หาจดุ สำคัญของ เร่ืองไม่ควรใช้ เวลานานเกินไป 2.2 Question(Q) การตง้ั คำถาม การตงั้ คำถามนี้จะทำให้ผ้อู า่ นอยากรอู้ ยาก เหน็ จงึ เพ่มิ ความเข้าใจในการอ่านมากย่งิ ขึ้น คำถามจะชว่ ยใหผ้ ู้อา่ นระลกึ ถึง ความรู้เดมิ ทมี่ ีอยเู่ กย่ี วกับเรอ่ื งที่ อา่ น คำถามจะชว่ ยใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจเรือ่ งไดเ้ รว็ และที่สำคญั กค็ ือคำถามจะต้องสมั พันธก์ ับเรอ่ื งราวที่ กำลงั อ่านในเวลา เดยี วกันก็ควรจะต้องถามตัวเองดูวา่ ใจความสำคญั ที่ผู้เขียนกำลังพูดถงึ อยู่ น้นั คือ อะไร ทาํ ไมจึงสำคัญ สำคัญอย่างไร และเก่ยี วขอ้ งกับอะไรหรือใคร บ้าง ตอนไหนและเมอื่ ไร อยา่ งไรกต็ าม ควรพยายามตัง้ คำถามให้ได้ เพราะ จะชว่ ยให้การอ่านในขนั้ ต่อไปเป็นการอ่านอย่าง มจี ดุ มุ่งหมาย และสามารถ จบั ประเด็นสำคญั ได้อยา่ งถกู ต้องไม่ผดิ พลาด
3 2.3 Read (R) คอื การอา่ นข้อความในบทเรยี นหรือตอนนัน้ อีกอยา่ ง ละเอยี ดและใน ขณะเดยี วกนั ก็คน้ หาคำตอบสำหรบั คำถามที่ไดต้ ้ังไวใ้ นข้นั น้ี จะเปน็ การอ่านเพ่ือจบั ใจความและ จบั ประเดน็ สำคัญโดยแท้จรงิ ขณะทีก่ ำลงั อา่ นอยู่ ถ้านกึ คําถามได้ กอ็ าจจดบันทกึ ไว้ในที่วา่ งรมิ หนา้ หนังสือก่อน แลว้ ตัง้ ใจอ่านต่อไปจนกว่าจะได้คำตอบท่ตี อ้ งการ 2.4 Record (R) ให้ผู้เรียนจดบันทึกขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ทไ่ี ด้อา่ นจากขัน้ ตอนที่ 3 โดย มงุ่ เน้นจด บนั ทกึ ในส่วนทีส่ ำคญั และจำเป็น โดยใช้ข้อความรัดกุมหรอื ยอ่ ๆ ตามความเข้าใจของผเู้ รยี น 2.5 Recite(R) ใหผ้ เู้ รยี นสรปุ ใจความสำคญั โดยพยายามใชภ้ าษาของตนเอง ถ้ายังไม่แนใ่ จใน บทใดหรือตอนใด ใหก้ ลบั ไปอ่านใหม่ 2.6 Reflect(R) ให้ผู้เรยี นวิเคราะหว์ ิจารณ์บทอา่ นท่ผี ูเ้ รยี น ได้อ่านแล้วแสดง ความคดิ เหน็ ในประเด็นที่ผู้เรียนมคี วามคิดเห็นสอดคล้องหรือมีความคดิ เห็น ไม่ สอดคลอ้ ง บางครั้งอาจขยายความสิ่งท่ไี ดอ้ ่านโดยการเช่ือมโยงความคิด จากบทอา่ นกบั ความรเู้ ดมิ โดยใชภ้ าษาทถี่ กู ตอ้ ง 3. ขน้ั สรปุ และประเมนิ ผล ผสู้ อนจะต้องไม่ลมื ว่า การส้ินสุดการเรยี นรู้ จะ ตอ้ งมกี ารวดั ประเมินผลว่าผ้เู รียนได้ความรู้ตามจุดประสงคห์ รอื ไม่ เป็นการ ประเมินความสามารถเพื่อนำผลมา พัฒนาผู้เรียนและชว่ ยผู้เรียนท่ีอ่อน โดย อธิบายเพมิ่ เติมให้แบบฝกึ หดั มากขึ้น หรอื สาํ หรับผทู้ ่เี รียน ดกี อ็ าจจะให้แบบ ฝึกเสรมิ ใหม้ ที กั ษะเพมิ่ ขึ้นอกี ก็ได้ (สุคนธ์ สินธพานนท์, 2545)
4 บทบาทผู้สอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้วธิ ีการสอนแบบSQ4R ขน้ั สอนซึ่งกระทำการสอนตามระบบของวิธกี ารสอนแบบ SQ4R มี 6 ขัน้ ตอน 1. Survey (S) ผู้สอนสอนให้ผอู้ า่ นอ่านอย่างครา่ วๆ เพอื่ หาจดุ สำคัญของเรื่อง การอ่านในข้นั นี้ ผู้สอนควรจำกัดเวลาให้ไมค่ วรใช้เวลาเกินไป ผูส้ อนสอนการ เรียบเรยี งแนวคิดตา่ ง ๆ จากสิง่ ทีไ่ ด้ อา่ นคร่าวๆ 2. Question (Q) ผสู้ อนให้ผ้เู รียนต้ังคำถามจากเร่ืองที่เรียน ในขั้นน้ที ำให้ผอู้ ่านมี ความอยากรู้ อยากเห็น ดงั นน้ั จงึ เพ่มิ ความเขา้ ใจในการอา่ นมากยิ่งขน้ึ คำถาม จะชว่ ยใหผ้ ู้อ่านระลึกถึงความรู้ เดมิ ท่ีมีอยเู่ กย่ี วกบั เรื่องท่ีอ่าน คำถามจะชว่ ยให้ ผอู้ ่านเข้าใจเร่อื งได้เร็ว และทีส่ ำคญั คือ คำถาม จะต้อง สมั พนั ธ์กับเร่ืองราวที่ กำลังอ่าน ในเวลาเดียวกันกค็ วรจะต้องถามตวั เองดูว่าใจความสำคญั ท่ผี ้เู ขยี น กำลงั พดู ถงึ อยู่นั้นคืออะไร ทำไมจึงสำคัญสำคัญอยา่ งไร และเกยี่ วขอ้ งกบั อะไรหรือใคร บา้ งตอนไหน และเมื่อไร อยา่ งไรกต็ ามควรพยายามต้งั คำถามให้ ไดเ้ พราะจะชว่ ยใหก้ ารอ่านในข้นั ต่อไปเปน็ ไปอย่างมจี ุดมุง่ หมายและสามารถ จับประเดน็ สําคัญไดถ้ ูกตอ้ งไมผ่ ดิ พลาด
5 3. Read (R) ผ้สู อนให้ผเู้ รียนอ่านขอ้ ความในบทหรือตอนนั้น ๆ อยา่ ง ละเอยี ดและใน ขณะเดยี วกัน ก็ใหผ้ เู้ รยี นค้นหาคำตอบสำหรบั คำถามที่ไดต้ ง้ั ไว้ ในขัน้ น้จี ะเป็นการอา่ นเพื่อจับ ใจความและจับประเด็นสำคญั ๆ โดยแทจ้ รงิ ขณะทกี่ ำลงั อา่ นอยู่ ถ้านกึ ถึงคำถามได้อกี ก็ อาจใช้วิธี จดบันทึกไว้ในทว่ี ่างรมิ หนา้ หนงั สอื ก่อนแล้วต้ังใจอย่างตอ่ ไปจนกวา่ จะได้คำตอบทีต่ ้องการ 4. Record (R) ผสู้ อนใหผ้ ู้เรียน จดบนั ทกึ ขอ้ มูลตา่ ง ๆ ทไ่ี ดอ้ า่ นจาก ขน้ั ตอนที่ 3 โดยมุ่งจด บนั ทึกในสว่ นทีส่ ำคัญและสง่ิ ท่ีจำเป็น โดยใช้ขอ้ มลู อย่างรดั กุมหรือย่อ ๆ ตามความเขา้ ใจของ ผเู้ รยี น 5. Recite (R) ผสู้ อนใหผ้ ู้เรียนให้เขียนสรุปใจความสำคญั โดยพยายามใช้ภาษา ของตนเองถา้ ยัง ไมแ่ น่ใจในบทใดหรือตอนใดให้กลบั ไปอ่านใหม่ 6. Reflect (R) ผสู้ อนใหผ้ เู้ รยี นวิเคราะหว์ จิ ารณ์ บทอา่ นท่ผี ู้เรยี นไดอ้ า่ นแล้ว แสดงความคดิ เห็น ในประเด็นทผ่ี ้เู รียนมีความคิดเห็นสอดคล้องหรอื ความคิดเหน็ ไมส่ อดคลอ้ ง เตียง TC- 3, 14. เอบี ซี?... HE
6 บทบาทผเู้ รยี นในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ โดยใช้วธิ ีการสอนแบบSQ4R 1. Survey (S) ผเู้ รยี นอา่ นสำรวจเรื่องราวคร่าวๆ เชน่ ช่อื เรือ่ ง ชอื่ ตวั ละคร จุด มุ่งหมาย สถานที่ ปัญหาท่พี บในเรอื่ ง ฯลฯ) 2. Question(Q) ผ้เู รยี นคำถามเรือ่ งที่อา่ นลกั ษณะคำถามทเี่ ก่ียวข้องกบั เน้อื เร่ืองและคาํ ถามท่ี เกีย่ วกับการวเิ คราะหอ์ งค์ประกอบของเรื่อง ใครทำอะไร ท่ไี หน อย่างไร 3. Read (R1) ผู้เรยี นอา่ นเนื้อเรอ่ื งอย่างละเอียดและค้นหาคำตอบของ คำถามท่ีไดต้ ง้ั ไวใ้ หถ้ ูกต้อง และสมบรู ณ์ 4. Record (R2) ผูเ้ รยี นจดบันทึกสาระสำคัญต่าง ๆ ทไี่ ดจ้ ากการอ่านบนั ทึก ขอ้ มูลต่าง ๆ ทีไ่ ด้ อา่ นจากขน้ั ตอนที่ 3 โดยมงุ่ จดบนั ทกึ ในสว่ นท่ีสำคัญและส่ิงท่ี จำเปน็ โดยใช้ขอ้ ความอย่างรดั กุม หรอื ย่อ ๆ ตามความเข้าใจของผู้เรยี น 5. Recite (R3) ผเู้ รยี นเขียนสรุปใจความสำคัญ โดยพยายามใชภ้ าษาของ ตนเองถา้ ยงั ไมแ่ น่ใจ ในบทใดหรือตอนใดใหก้ ลับไปอ่านใหม่ 6. Reflect (R4 ให้ผูเ้ รียนวิเคราะหว์ ิจารณ์บทอ่านที่ผู้เรยี นได้อ่านแลว้ แสดง ความคดิ เหน็ ใน ประเด็นทีผ่ ูเ้ รียนมีความคิดเห็นสอดคลอ้ งหรอื ความคิดเห็นไม่ สอดคล้อง บางครง้ั อาจขยายความ ส่งิ ที่ไดอ้ า่ น โดยการเชือ่ มโยงความคดิ จาก บทอ่านกับความรู้เดิมโดยใชภ้ าษาอยา่ งถูกต้อง
7 ลกั ษณะสำคัญของการจัดการเรียนรโู้ ดยใช้เทคนิคสอนแบบ SO4R ลักษณะสำคัญของการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีสอนแบบ SO4R เป็นวิธีการ จัดการเรียนรู้ การอ่านตำราที่เป็นระบบ ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจตำราที่อ่านด้วย ตนเอง เน้นที่การอ่านซ้ำๆ จนกว่า จะเขา้ ใจและจดจำเรื่องราวทีอ่ า่ นได้ ประกอบด้วย 6 ขน้ั ตอน คือ ขน้ั สำรวจ เป็นการดแู บบผ่านไป อย่างคร่าวๆ และดู หัวข้อย่อยในแต่ละบท รวมถึงคำถามและสรุปใจความท้ายบท เพื่อนำไปตั้ง คําถามที่ได้มาจากบทอ่าน เช่น ใคร อะไร ทำไม อย่างไรและเมื่อไร ซึ่งจะช่วย ให้การอ่านมี จุดมุ่งหมายและจับประเด็นที่สำคัญได้ หลังจากนัน้ ผู้เรียนต้อง กลับมาอ่านเน้ือหาซ้ำอีกครั้งอย่าง ละเอียด การอ่านอย่างแท้จริงเกิดขึ้นในขั้นนี้ เป็นการอ่านเพื่อค้นหาคำตอบของคำถามที่ได้ตั้งไว้ แล้วในขั้นนี้หากนึกถึงเนื้อ ความอะไรได้อีกก็จดบันทึกลงไป เมื่อได้คำตอบแล้ว ใช้คำพูดของตน เพื่อสรุป คำตอบในขั้นตอนนี้ และแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจของผู้อ่านด้วยว่าเข้าใจ ประเด็น ถูกต้องหรือไม่ หลังจากนั้นเขียนคำตอบที่ได้ เพื่อสรุปใจความเรื่องราว ที่ได้อ่านประกอบด้วย ใจความหลัก และใจความสนับสนุน ซึ่งครอบคลุมเนื้อหา ทั้งหมด และทบทวนสิ่งต่าง ๆ ที่ได้จด บันทึกย่อไว้และเขียนสรุปใจความหลัง จากที่ได้อ่านจบแล้ว เป็นการทวนคำถามคำตอบ หากไม่ แนใ่ จสว่ นใดของเรอื่ ง ใหก้ ลับไปอ่านใหมเ่ พ่ือจำได้ดขี นึ้ (สุคนธ์ สินธพานนท์, 2545)
8 ความแตกต่างของการจัดการ การอ่านจับใจความของนักเรียนที่จัดการเรียนรู้ เรยี นรโู้ ดยวธิ ีสอนแบบ SO4R โดยวิธีสอนแบบ SO4R สูงกว่า วิธีการจัดการเรียนรู้โดย วิธีสอนแบบปกติวิธีการจัดการเรียนรู้เรื่องการอ่าน จับ กับการเรียนรู้แบบปกติ ใจความโดยใช้วิธีสอนแบบ SQ4R สามารถพัฒนา ความสามารถทางการอ่าน จับใจความของนักเรียนได้ ดีกว่าวิธีสอนแบบปกติอาจเนื่องมาจากวิธีสอนแบบ SQ4R เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ไปทีละ ขนั้ ตอน โดยเร่มิ จาก 1. ขนั้ นำเข้าสู่บทเรยี น มีการกระตนุ้ ความสนใจของนกั เรยี นเพอ่ื เชือ่ มโยงเขา้ สู่ เรื่องที่จะอา่ น 2. ขนั้ สอน ซ่ึงข้ันสอนสามารถแบง่ เป็นรายละเอียดไดด้ ังนี้ (Survey-S) สำรวจบทอา่ น และอา่ น เนือ้ เรอ่ื งอย่างคร่าวๆ (Question) ตง้ั คำถามจากเรอ่ื งที่อ่าน (Read) อา่ นเนอ้ื เร่ืองและค้นหา คำตอบสำหรบั คำถามที่ตัง้ ไว้แลว้ จดบันทกึ (Record) จดบันทกึ ข้อมูลต่าง ๆ ท่ีได้จากการอ่านโดย บันทกึ ตามความเข้าใจของ ตนเอง (Recite) สรุปเร่ืองท่ีอา่ นโดยใชภ้ าษาของตนเอง Reflect-R) วิเคราะหว์ ิจารณ์บทอา่ น แสดงความคิดเห็น 3. ข้นั สรปุ นักเรียนและครรู ่วมกนั สรุปผลการเรยี นรู้ทั้งด้านเนือ้ เรอื่ งและ วธิ ีการอา่ น ครู ตรวจสอบผลการเรียนรดู้ ว้ ยคำถาม ซงึ่ เปน็ การประมวล ความรูท้ ไี่ ดเ้ รยี นไปแล้วเขา้ ด้วยกันและ ชว่ ยสร้างความเขา้ ใจในบทอ่านไดด้ ี ข้ึนการจัดการเรยี นรู้โดยวิธสี อนแบบ SQ4R ชว่ ยใหน้ ักเรียน เข้าใจแนวคดิ ของเรื่องท่ีอา่ นได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ สามารถจับใจความ และเป็นการ อ่านอยา่ งมี จุดมุง่ หมายในแตล่ ะขั้นตอนพัฒนาทักษะการอ่านของผู้อ่านได้ เป็นอย่างดี ชว่ ยใหก้ ารอา่ นเปน็ ไป อยา่ งมีจุดหมายและเปน็ แรงจงู ใจในการ อ่านเป็นจุดสำคญั ทีช่ ว่ ยกระตุน้ ให้นักเรียนคน้ หาคำตอบ
9 ประโยชน์และข้อจำกดั ของการจดั การเรียนรู้ โดยใช้เทคนิคการสอนแบบ SQ4R การจัดการเรียนร้ดู ว้ ยเทคนิค SQ4R เปน็ การจัดการเรียนรทู้ ่ีเนน้ นักเรียนเป็น สำคัญ ช่วย พัฒนาประสิทธิภาพในการอ่าน เนื่องจากเป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่มี ขั้นตอนการจัดกิจกรรมท่ี ชัดเจนและเป็นระบบ จึงมีส่วนช่วยให้นักเรียนสามารถทําความเข้าใจเนื้อหาที่อ่านได้ง่ายโดย นักเรียนอาศัยคำถามที่ตั้งขึ้นเป็นแนวทาง ในการอ่านซึ่งช่วยให้มีจุดประสงค์ในการอ่านและ เปา้ หมายในการอ่านที่ชัดเจน ไมห่ ลงประเด็น นอกจากนี้แล้วการจัดการเรียนรู้แบบ SQ4R ยงั ช่วย พัฒนาทักษะ การคิดข้ันสูงของนักเรียน ไม่ว่าจะเป็นการคดิ วิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ หรือ การ คิดที่อาศัยทักษะการคิดที่ซับซ้อนอื่น ๆ และยังช่วยกระตุ้นให้นักเรียนเกิด ความกระตือรือร้นใน การเรียนและกลา้ แสดงความคิดเหน็ อีกดว้ ย
10 ขอ้ จำกัดของการจัดการเรยี นรโู้ ดยใช้ เทคนิคการสอนแบบ SQ4R 1. ผู้เรยี นในระดับประถมศกึ ษาจำเปน็ จะต้องเรียนรู้โครงสร้างภาษาและคำศัพท์ แต่การจัดการ เรียนร้แู บบ SQ4R ไม่มขี ั้นตอนสำหรับสอนโครงสร้างภาษาและ คำศัพทใ์ หม่โดยตรง ครูผสู้ อนจึง ตอ้ งสอดแทรกขั้นตอนการสอนอยา่ งเหมาะสม 2. ผู้สอนจะตอ้ งมีความรู้ และคล่องทางดา้ นภาษาพอสมควรในการทีจ่ ะชว่ ย เหลอื และให้ คำปรกึ ษาแก่ผ้เู รยี น 3. ผู้สอนจะต้องกำหนดเนื้อหาและจัดเตรยี มเนื้อหาใหเ้ หมาะสมกับวัยของผู้ เรียน มีความน่าสนใจ และทนั สมยั อีกทัง้ ตอ้ งคำนงึ ถึงความสามารถและความรู้ เดมิ ของผเู้ รยี นเป็นสำคญั อีกด้วย
11 สรปุ การจกั กจิ กรรมการเรียนรโู้ ดยใช้ เทคนิคการสอนแบบ SQ4R เทคนิคการสอนแบบ SQ4R มีแนวโน้มในการพัฒนาทักษะการอ่านของผู้เรียน ให้มี ประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งการสอนอ่านแบบ SQ4R ยังเป็นเทคนิคการ สอนที่เหมาะสมกับ การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยมีจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียนเกิดการ เรียนรู้ผ่านการตั้งคำถาม การหาคำตอบ การ ทำความเข้าใจเรื่องที่อ่านด้วยตนเอง การสรุปเน้ือ เรื่อง และการสะท้อนความคิด จากเรื่องที่อ่าน และถ้าผู้เรียนได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องจะ สามารถช่วยให้ผู้ เรียนมีทัศคติที่ดีต่อการอ่านและรักการอ่าน ซึ่งสอดคล้องกับกระทรวง ศกึ ษาธกิ ารทตี่ อ้ งการใหผ้ ้เู รียนมนี สิ ัยรกั การอ่าน
12 การอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้เทคนคิ ‘‘SQ4R’’ SQ4R เปน็ เทคนิคการสอนอา่ นอย่างคร่าว ๆ มี 5 ข้นั ตอน ดงั น้ี 1. Survey (S) คืออา่ นอยา่ งครา่ วๆ เพื่อหาจดุ สำคัญของเรอื่ ง การอ่านใน ขั้นนไี้ ม่ควรใชเ้ วลานาน เกนิ ไป การอ่านครา่ ว ๆ จะชว่ ยใหผ้ ู้อา่ นเรยี บเรยี ง แนวคดิ ตา่ ง ๆ ได้ 2. Question (Q) คือการต้ังคำถาม จะทำใหผ้ ้อู ่านมคี วามอยากรอู้ ยากเห็น ดังน้ันจึงเพิม่ ความ เข้าใจในการอา่ นมากยิ่งข้ึน คำถามจะช่วยให้ผอู้ า่ นระลึก ถงึ ความรเู้ ดิมทมี่ ีอยู่เกี่ยวกับเรื่องท่อี า่ น คำถามจะช่วยให้ผูอ้ ่านเข้าใจเรือ่ ง ได้เรว็ และท่ีสำคัญก็คอื คำถามจะต้องสมั พนั ธก์ บั เรอื่ งราวที่ กำลังอ่านใน เวลาเดยี วกนั ก็ควรจะต้องถามตัวเองดูว่า ใจความสำคญั ที่ผ้เู ขียนกำลังพดู ถึงอยนู่ น้ั คืออะไร ทำไมจึงสำคญั สำคัญอย่างไร และเกย่ี วขอ้ งกับอะไรหรือ ใครบ้าง ตอนไหนและเมื่อไร อยา่ งไรก็ 3. Read (R1) คอื การอา่ นข้อความในบทหรอื ตอนน้นั ๆ อย่างละเอียดและ ในขณะเดยี วกัน ก็ ค้นหาคำตอบสำหรบั คำถามทีไ่ ดต้ ัง้ ไว้ในขัน้ น้ีจะเปน็ การ อ่านเพ่อื จับใจความและจับประเดน็ สำคญั โดยแท้จรงิ ขณะทีก่ ำลังอา่ นอยู่ ถ้านกึ คำถามไดอ้ กี ก็อาจใช้วธิ ีจดบันทึกไวใ้ นท่วี ่างรมิ หนา้ หนังสือ ก่อนแลว้ ต้ังใจอา่ นตอ่ ไปจนกวา่ จะไดร้ ับคำตอบทต่ี อ้ งการ
13 4. Record (R2) คอื การจดบนั ทกึ ข้อมูลตา่ ง ๆ ทไ่ี ด้อ่านจากขัน้ ตอนที่ ๓ โดย มงุ่ จดบนั ทึกใน ส่วนที่สำคัญและส่งิ ท่จี ำเป็น โดยใช้ขอ้ ความอย่างรัดกมุ หรอื ย่อตามความเข้าใจของผ้เู รยี น 5. Recite (R3) คอื การเขยี นสรปุ ใจความสำคญั โดยพยายามใช้ภาษาของ ตนเองถา้ ยงั ไม่แนใ่ จ ในบทใดหรือตอนใดให้กลบั ไปอ่านใหม่ 6. Reflect (R4) คือ การวิเคราะห์ วจิ ารณ์ บทอา่ นที่ผู้เรียนได้อ่านแลว้ แสดง ความคดิ เห็นใน ประเด็นทีผ่ เู้ รยี นมคี วามคิดเห็นสอดคลอ้ งหรอื ความคดิ เหน็ ไม่สอดคล้อง บางคร้งั อาจขยายความ สิง่ ทไ่ี ด้อา่ น โดยการเชอ่ื มโยงความคิด จากบทอา่ นกับความรู้เดมิ โดยใช้ภาษาอยา่ งถกู ต้อง
14 ตวั อยา่ งแผนจัดการเรยี นรู้ โดยใชเ้ ทคนิค SQ4R แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 1 Topic: Herbal Medicine กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 รายวชิ าภาษาอังกฤษพื้นฐาน สอนวนั ท่ี ......... เดอื น ............... พ.ศ. .......... เวลา 50 นาที 1. สาระสำคญั การแปลความหมายของตัวอักษรที่อ่านออกมาเป็นความรู้ความคิด และเกิดความเข้าใจเรื่องราวที่อ่าน ตรงกับเร่ือราวทผ่ี ู้เขยี น ผู้อ่านสามารถนำความรู้ ความคิด หรอื สาระจากเร่ืองราวท่ีอ่านไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ การอ่านจึงมีความสำคัญ สามารถนำความรูท้ ่ีไดจ้ ากการอ่านไปพัฒนางานของตนได้ 2. ตัวชี้วดั ข้อที่ 4 เลือกหัวข้อเรื่องใจความสำคัญบอกรายละเอียดสนับสนุน (Supporting detail) และแสดง ความคิดเหน็ เก่ียวกบั เร่ืองทีฟ่ งั และอ่าน พร้อมทง้ั ใหเ้ หตุผล และยกตวั อย่างงา่ ยๆ ประกอบต.1.1-4 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 3.1 จุดประสงค์ปลายทาง: อ่านบทความส้นั ๆจากเร่ือง Herbal Medicine แลว้ สามารถตอบคำถามได้ 3.2 จุดประสงคน์ ำทาง: 3.2.1 ความรู้ตามเนื้อหา (K: Knowledge) 1. คำศัพท์และความหมาย เรื่อง Herbal Medicine เชน่ Ginger, ginseng, Garlic, Chili etc. ใน Handout 1 2. บทความสน้ั ๆ เก่ยี วกบั เรอื่ ง Herbal Medicine ใน Handout 2 3.2.2 กระบวนการเรยี นรู้ (P: Procedure) 3. ฟงั คำศัพท์และความหมายจากเรอ่ื ง Herbal Medicine เช่น Ginger, ginseng, Garlic, Chili etc. แลว้ ออกเสียงตามใน Handout 1 4. อ่านบทความเร่อื ง Herbal Medicine ตาม Handout 2 แล้วจับใจความเนอ้ื เรอ่ื งท่ีอ่านได้ 5. อ่านบทความเรื่อง Herbal Medicine Handout 2 แล้ววงกลมTrue or False ใน Worksheet 1 ไดถ้ กู ตอ้ ง
15 6. อ่านบทความเรื่อง Herbal Medicine ตาม Handout 2 แล้วเลือกคำตอบที่ถูกต้องใน Worksheet 2 ได้ถูกตอ้ ง 7. อ่านคำบอกใบ้จากน้ันเขียนเตมิ คำในชอ่ งวา่ งให้สมบูรณ์ใน Production of Language ได้ 3.2.3 สมรรถนะการเรยี นรู้ (C : Competency) 1. ความสามารถในการสอื่ สาร กระบวนการปฏิบตั เิ น้นทักษะการอ่าน 2. ความสามารถในการคิด ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ การทำงานเป็นทมี 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 3.2.4 คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A : Attitude) มุ่งมน่ั ในการทำงาน 4.การบรู ณาการกับกลุม่ สาระการเรยี นรูอ้ ่นื : กลมุ่ สาระการเรียนรูก้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี 5. สาระการเรยี นรู้ Topic : Herbal Medicine Vocabulary : Ginger, ginseng, garlic, chili etc. Function : Read the passage about “Herbal Medicine” Major skill : Reading Minor skill : Writing, Speaking, Listening Integration : Career and Technology 6. สอ่ื การเรยี นการสอน บัตรคำศัพท,์ บตั รเนอื้ หา ชาร์จบทความเรอื่ ง Herbal Medicine Handout 1: Vocabulary; Ginger, ginseng, garlic, chili etc. Handout 2: Read the passage about “Herbal Medicine” Worksheet 1: Read and circle True or False. Worksheet 2: Read and choose the best answer. Production of Language: Read the clue and then complete the crossword below
16 7. กจิ กรรมการเรยี นการสอน (50 นาที) บทบาทครู บทบาทนักเรยี น ข้ันนำเข้าสู่บทเรียน (Warm up: 5 minutes) ขน้ั นำเขา้ ส่บู ทเรียน (Warm up : 5 minutes) 1. ครกู ล่าวทักทายนักเรยี นให้นกั เรยี นปรบมอื 3 คร้ังเพ่อื 1. นักเรียนกล่าวทักทายครูพรอ้ มปรบมือ 3 คร้ัง เพอื่ เตรียมความพร้อมในการเรียน เตรยี มความพร้อมในการเรียน 2. ครูนำบัตรภาพเกีย่ วกับอาชพี มาให้นักเรยี นดู แล้วถาม 2. นักเรียนดบู ัตรภาพ และตอบคำถามครูเกย่ี วกบั บัตร นกั เรียนวา่ นักเรยี นร้จู ักสมุนไพรอะไรบา้ ง แลว้ นกั เรยี นรู้ ภาพว่ารปู อะไร ไหมว่า สมนุ ไพรแตล่ ะชนดิ มีประโยชน์อย่างไร 3. ฟงั ครแู จง้ จดุ ประสงค์การเรียนรเู้ กี่ยวกับเรอ่ื งท่จี ะ 3. ครแู จ้งจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้เก่ียวกับเรอื่ งท่จี ะเรียนใน เรยี นในวนั น้ี วันนี้ ขัน้ นำเสนอเน้อื หา (Presentation: 15 minutes) ข้ันนำเสนอเนอ้ื หา (Presentation: 15 minutes) 1. ครูสอนคำศัพท์พรอ้ มความหมายเกย่ี วกบั เร่ือง Herbal 1. นกั เรียนฟงั ครสู อนคำศพั ท์พรอ้ มความหมายเกีย่ วกบั Medicine เช่น Ginger, ginseng, Garlic, Chili etc. ใน เรือ่ ง Herbal Medicine เช่น Ginger, ginseng, Handout 1 พรอ้ มกับชบู ตั รคำศัพท์เกีย่ ว และบัตร Garlic, Chili etc. พรอ้ มกบั ชบู ตั รคำศพั ท์เก่ยี ว และ คำศัพท์ความหมายขึน้ มาแล้วใหน้ กั เรยี นช้ีตาม พร้อมท้ัง บตั รคำศัพท์ความหมายขนึ้ มาแล้วให้นักเรียนชต้ี าม ออกเสยี งตามทีละคำ พรอ้ มท้ังออกเสียงตามทลี ะคำ 2. ครูให้นกั เรียนเปิดไปที่ Handout 2 ซึ่งเนื้อหาทอี่ ่าน 2. ครใู ห้นักเรยี นเปดิ ไปที่ Handout 2 ซงึ่ เน้ือหาทีอ่ ่าน เปน็ บทความ 1 บทความและแบ่งเป็น 3 ยอ่ หนา้ จากนน้ั เปน็ บทความ 1 บทความและแบง่ เปน็ 3 ยอ่ หนา้ แบง่ กลมุ่ ใหน้ ักเรียน กลุ่มละ 3 กล่มุ แลว้ แจกเนื้อหาให้ จากนั้นแบ่งกลมุ่ ให้นกั เรยี น กลมุ่ ละ 3 กลุม่ แล้วแจก นกั เรยี น ให้นักเรยี นกลุ่มละ 1 แผน่ ซ่ึงบัตรเนอ้ื หาคือเน้ือ เนอ้ื หาให้นกั เรยี น ใหน้ กั เรียนกลุ่มละ 1 แผน่ ซง่ึ บัตร เรื่อง Herbal Medicine แลว้ ครูอธบิ ายคำสั่งใหน้ ักเรยี น เนื้อหาคือเน้อื เร่ือง Herbal Medicine แล้วครอู ธิบาย ฟัง โดยใหน้ ักเรียนชว่ ยกันอ่านและจบั ใจความสำคญั ใน คำสง่ั ใหน้ ักเรยี นฟัง โดยใหน้ กั เรยี นช่วยกันอา่ นและจับ กลุม่ ช่วยกันแปลความหมาย จากนน้ั ให้แต่ละกลุ่มสง่ ใจความสำคัญในกล่มุ ชว่ ยกันแปลความหมาย จากนัน้ ตัวแทนออกมานำเสนอหนา้ ชั้นเรยี น และในขณะท่เี พื่อน ให้แตล่ ะกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอหนา้ ชนั้ เรยี น นำเสนอ ให้เพื่อนอีก 2 กลุม่ ตั้งใจฟังเพ่อื น และในระหว่าง และในขณะท่เี พ่ือนนำเสนอ ใหเ้ พ่ือนอีก 2 กลมุ่ ตั้งใจฟัง ทนี่ ำเสนอ ถ้านักเรียนกลมุ่ ไหนเข้าใจเนื้อหาผิดไปจาก เพื่อน และในระหว่างทน่ี ำเสนอ ถ้านักเรียนกลุ่มไหน เรื่องท่ีเพ่ือนอา่ น ครูจะบอกเน้ือหาท่ถี ูกต้องให้กบั นักเรียน เข้าใจเนอ้ื หาผิดไปจากเร่ืองที่เพ่อื นอา่ น ครูจะบอก กลมุ่ นั้นทนั ที เนื้อหาทถ่ี ูกต้องให้กับนักเรียนกลมุ่ นนั้ ทันที
17 ข้นั ฝึกปฏบิ ัติ (Practice25: minutes) ขน้ั ฝึกปฏบิ ตั ิ (Practice: 25 minutes) 1. ครูสัง่ ให้นักเรยี นเปดิ ไปที่หน้า Worksheet 1 และ 1. นักเรียนเปดิ ไปทีห่ นา้ Worksheet 1 และฟังครู มอบหมายงานใหน้ ักเรยี นทำตามคำส่ัง โดยครูอธบิ ายวา่ อธบิ ายงานที่ครูมอบหมายงานใหน้ กั เรยี นทำตามคำสง่ั ให้นักเรยี นอ่านบทความเร่ือง Herbal Medicine ใน โดยครูอธิบายว่าใหน้ ักเรียนอ่านบทความเร่ืองHerbal Handout2 Medicine ใน Handout2 2. ใหน้ กั เรยี นอ่านประโยคนั้นวา่ กลา่ วถึงข้อความใน 2. ให้นักเรยี นอา่ นประโยคน้นั วา่ กล่าวถึงขอ้ ความใน Handout 2 วา่ ถูกหรือไมถ่ ูกตอ้ ง ถ้าถูกให้วงกลมคำวา่ Handout 2 วา่ ถกู หรอื ไมถ่ ูกต้อง ถา้ ถูกให้วงกลมคำว่า True แต่ถ้าไมถ่ ูกต้องให้วงกลมคำว่า False True แต่ถา้ ไม่ถูกต้องให้วงกลมคำว่า False โดยครู โดยครูยกตวั อยา่ งใบงานใหน้ ักเรียนดเู พ่ือความเข้าใจ 1ข้อ ยกตัวอย่างใบงานใหน้ ักเรียนดูเพื่อความเข้าใจ 1ข้อ - พอยกตวั อยา่ งเสร็จครูก็ส่งั ให้นักเรยี นลงมอื ทำ - พอยกตัวอย่างเสร็จครูก็สง่ั ให้นกั เรยี นลงมอื ทำ ครูถามนักเรยี นวา่ เข้าใจคำส่ังทคี่ รสู งั่ ไหม ถ้าไม่เข้าใจ ให้ ครูถามนักเรียนว่าเข้าใจคำสงั่ ที่ครสู งั่ ไหม ถา้ ไมเ่ ข้าใจ ให้ นักเรยี นยกมือครูกจ็ ะทวนคำส่ังอกี รอบ นกั เรียนยกมือครูกจ็ ะทวนคำส่ังอกี รอบ 3. ครถู ามนักเรียนว่าเสร็จยงั พอนักเรียนทำเสรจ็ จากนน้ั 3. ครูถามนกั เรียนวา่ เสร็จยัง พอนักเรยี นทำเสรจ็ ครูจะเฉลย worksheet 1 เรม่ิ จากข้อที่ 2 ให้นักเรยี น จากนัน้ ครูจะเฉลย worksheet 1 เริ่มจากข้อท่ี 2 ให้ อ่านประโยคพร้อมกันแล้วถามประโยคน้ีกลา่ วถูกหรอื ผดิ นักเรียน อา่ นประโยคพร้อมกันแล้วถามประโยคนี้กล่าว เก่ียวกับเนื้อหาใน handout 2 โดยบอกนกั เรยี นว่าขอ้ นี้ ถูกหรือผดิ เก่ียวกบั เนื้อหาใน handout 2 โดยบอก ตอบอะไรและบอกวา่ คำตอบอยตู่ รงไหนหรือบรรทดั นกั เรียนวา่ ขอ้ นต้ี อบอะไรและบอกวา่ คำตอบอยตู่ รงไหน หรือบรรทดั 4. ครใู หน้ กั เรยี นเปิดท่ี Worksheet 2 โดยครอู ธบิ ายว่าให้ 4. ครูให้นกั เรยี นเปดิ ที่ Worksheet 2 โดยครอู ธบิ ายว่า - โดยให้นักเรียนอา่ นบทความเรือ่ ง Herbal Medicine ให้ ตาม Handout 2 แลว้ ให้นกั เรยี นเลือกคำตอบทถี่ กู ตอ้ ง - โดยให้นกั เรียนอ่านบทความเร่ือง Herbal Medicine จากตวั เลือก 4 ตวั เลอื ก ตาม Handout 2 แลว้ ใหน้ กั เรยี นเลอื กคำตอบที่ถกู ตอ้ ง - ครยู กตัวอย่างการทำ Worksheet 2 จำนวน 1 ขอ้ จากตวั เลือก 4 ตัวเลือก เช่นข้อท่ี 1 ครูใหน้ ักเรียนอ่านและแปลความหมายของ -ครูยกตัวอยา่ งการทำ Worksheet 2 จำนวน 1 ขอ้ คำถามให้ฟัง คำถาม ถามว่าอะไร จากน้นั ถามนักเรยี น เช่นขอ้ ท่ี 1 ครูใหน้ ักเรียนอ่านและแปลความหมายของ นักเรียนจะเลือกคำตอบขอ้ ใด ท่ีอ่านจากเร่ือง แล้วเราจะรู้ คำถามให้ฟัง คำถาม ถามว่าอะไร จากนน้ั ถามนักเรยี น ได้ยงั ไงวา่ จะเอาคำตอบมาจากไหน ก็ให้กลับไปอ่าน นักเรยี นจะเลือกคำตอบขอ้ ใด ทอ่ี ่านจากเรื่อง แลว้ เรา บทความใน Handout 2 จะรไู้ ด้ยังไงวา่ จะเอาคำตอบมาจากไหน ก็ให้กลับไปอา่ น -ก่อนท่ี นักเรียนจะลงมือทำ ครถู ามนักเรยี นว่าเขา้ ใจคำสั่ง บทความใน Handout 2 ที่ครูสงั่ ไหม ถ้าไม่เขา้ ใจ ให้นักเรียนยกมือครกู ็จะทวน -กอ่ นที่ นักเรยี นจะลงมือทำ ครูถามนักเรยี นวา่ เข้าใจ คำสั่งอีกรอบ คำส่ังทคี่ รสู งั่ ไหม ถ้าไมเ่ ข้าใจ ให้นักเรยี นยกมือครูกจ็ ะ ทวนคำสงั่ อีกรอบ
18 5. ครูเฉลย Worksheet 2 ไปพร้อมกับนกั เรียน 5. ครูเฉลย Worksheet 2 ไปพร้อมกบั นกั เรยี น - เริม่ จากขอ้ ท่ี 3 ครใู หน้ ักเรียนทกุ คนอา่ นคำถามและแปล - เร่ิมจากข้อที่ 3 ครูให้นักเรียนทุกคนอ่านคำถามและ ให้ครฟู ังพรอ้ มกัน แล้วครูถามว่าขอ้ น้ีเขาถามว่าอะไรคะ แปลให้ครฟู งั พร้อมกนั แลว้ ครถู ามวา่ ข้อนเ้ี ขาถามว่า แล้วนักเรียนตอบว่าอะไรกัน ร้ไู ดย้ ังไง ว่าเอาคำตอบนี้มา อะไรคะ แลว้ นกั เรียนตอบว่าอะไรกนั รู้ไดย้ ังไง ว่าเอา จากไหน เช่น นกั เรยี นตอบว่า ย่อหน้าท่ี 3 บรรทดั ท่ี 1 คะ่ คำตอบนี้มาจากไหน เช่น นักเรยี นตอบว่า ยอ่ หน้าที่ 3 บรรทดั ท่ี 1 ค่ะ ขน้ั นำไปใช้ (Production:5 minutes) ขั้นนำไปใช้ (Production : 5 minutes) 1. ครใู หน้ ักเรยี นเปิดไปที่ Production of languageแลว้ 1. ครูให้นักเรยี นเปดิ ไปที่ Production of language สง่ั ให้นกั เรยี นกลบั ไปทำเป็นการบ้าน แล้วสงั่ ใหน้ ักเรยี นกลบั ไปทำเป็นการบ้าน - ครใู หน้ กั เรยี นอา่ นคำบอกใบ้จากน้นั เขียนเติมคำใน - ครูใหน้ ักเรียนอ่านคำบอกใบ้จากน้ันเขียนเติมคำใน ชอ่ งวา่ งใหส้ มบูรณ์ ใน Production of Language โดย ช่องว่างใหส้ มบูรณ์ ใน Production of Language โดย ทำเป็นการบา้ น พรอ้ มกบั ครยู กตัวอยา่ งใหน้ ักเรียนดูกอ่ น ทำเปน็ การบ้าน พรอ้ มกบั ครยู กตัวอย่างใหน้ ักเรยี น 1 ตวั อยา่ ง คือ คนในเร่ืองนีช้ ื่อวา่ อะไร เราก็เขียนคำตอบ ดูกอ่ น 1 ตวั อย่าง คือ คนในเรอ่ื งนชี้ ื่อว่าอะไร เราก็ วา่ chili เขียนคำตอบว่า chili - ครยู กตัวอย่างเสร็จแล้วครถู ามว่านกั เรยี นเขา้ ใจคำสง่ั - ครูยกยตัวอย่างเสรจ็ แลว้ ครูถามว่านกั เรยี นเขา้ ใจคำส่งั ไหม ถ้าไม่เข้าใจให้ยกมือถาม แล้วครจู ะทวนคำสั่งอีกรอบ ไหม ถ้าไมเ่ ข้าใจให้ยกมอื ถาม แล้วครจู ะทวนคำส่ังอกี ถา้ เขา้ ใจก็ส่ังให้นกั เรยี นนำกลับไปทำเป็นการบ้าน รอบ ถ้าเข้าใจก็สัง่ ให้นักเรียนนำกลับไปทำเปน็ การบา้ น - อาจจะมีคำศัพทใ์ หม่ๆมาเพ่ิมดตู วั อยา่ งและคำศัพท์ที่ครู - อาจจะมีคำศัพท์ใหมๆ่ มาเพ่ิมดูตวั อย่างและคำศพั ท์ท่ี ใหม้ าไปพรอ้ มกบั ครู ครใู หม้ าไปพร้อมกับครู บทบาทครู บทบาทนักเรียน ข้ันสรปุ (Wrap up) (5 minutes) ขัน้ สรปุ (Wrap up) (5 minutes) 1. ครูสรปุ เนอื้ หาทเ่ี รยี นมาร่วมกับนักเรียน โดยทบทวน 1. นักเรยี นร่วมสรปุ เน้ือหาทเี่ รียนมารว่ มกับครโู ดย เนื้อหาคำศพั ท์ และสนทนาเร่ือง เร่ือง ทบทวนเน้อื หาทคี่ ำศัพท์ และบทสนทนา 2. ครูสอบถามปัญหาและข้อสงสยั ต่างๆ ของนักเรียน เรอื่ ง Herbal Medicine เกี่ยวกบั บทความเรอื่ ง Herbal Medicine ว่ามนี ักเรียน 2. บอกปญั หาในการเรียนและสอบถามข้อสงสยั ตา่ งๆ คนไหนท่ีไมเ่ ข้าใจหรือไม่ทนั ตรงไหนบ้าง ในเน้อื หาเรื่อง Herbal Medicine
19 8. การวัดและประเมนิ ผล วิธีการประเมนิ เครื่องมอื วดั เกณฑก์ ารประเมิน การตรวจแบบฝึกหัด สมรรถนะทางภาษาท่ีต้องการ Worksheet 1 นกั เรยี นอ่านออกเสยี งได้ วัด การตรวจแบบฝกึ หดั Worksheet 2 ถกู ต้องและเขา้ ใจใน บทความตามเกณฑ์ร้อยละ *1. อา่ นจับใจความสำคญั Production of 70 บทความเกี่ยวกบั เร่อื ง Herbal language นกั เรียนสามารถเขียนตอบ Medicine แลว้ เขียนตอบ เก่ยี วกบั สง่ิ ทถี่ ามได้ ร้อยละ คำถามได้ แบบประเมินโดยการ 70 2. อา่ นคำบอกใบจ้ ากนน้ั เขยี น สังเกตการปฏิบัตงิ าน เตมิ คำในช่องว่างให้สมบรู ณ์ได้ นักเรียนสามารถอ่าน ของนักเรยี น บทความเร่ือง Where สมรรถผู้เรียน (C:Competency) Animals live ได้ถกู ต้อว ตามเกณฑร์ ้อยละ 70 1. ความสามารถในการ ประเมินการสงั เกตการ สอ่ื สาร ปฏบิ ตั ิงานของนักเรยี น กระบวนการปฏิบตั เิ นน้ ทักษะ การอ่าน 2. ความสามารถในการคิด ประเมนิ การสงั เกตการ กจิ กรรมใน นักเรยี นอ่านบทความเรื่อง Worksheet Where Animals live แลว้ การคิดวเิ คราะห์ ปฏิบัตงิ านของนกั เรียน จบั จบั ใจความสำคญั ได้ ได้ กิจกรรมใน ถูกต้อวตามเกณฑ์ร้อยละ 4. ความสามารถในการใช้ ประเมนิ การสงั เกตการ Worksheet 70 ทักษะชวี ติ การ ทำงานเปน็ ปฏิบัติงานของนกั เรียน นกั เรียนช่วยกนั ทำงานที่ครู ทมี มอบหมายรว่ มกนั ไดต้ าม เกณฑ์ทก่ี ำหนดให้ร้อยละ 70 คณุ ลกั ษณะอนั พึง่ ประสงค์ (A : Attitude) คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์: การสังเกตพฤติกรรม แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์การประเมิน มุ่งม่ันในการทำงาน คณุ ลักษณะอนั พงึ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ประสงค์ มุ่งม่ันในการ ม่งุ ม่ันในการทำงาน รอ้ ยละ ทำงาน 70 หมายเหตุ : เครื่องหมาย * หมายถงึ ทักษะหลกั คือทักษะการอา่ น (Major Skill: Reading) ข้อท่ี 4 เลอื ก หวั ข้อเร่ืองใจความสำคัญบอกรายละเอยี ดสนบั สนนุ (Supporting detail) และแสดงความคดิ เห็นเกีย่ วกบั เรือ่ งที่ฟังและอา่ น พรอ้ มทงั้ ใหเ้ หตุผล และยกตวั อย่างงา่ ยๆ ประกอบต.1.1-4
20 8.1 เกณฑก์ ารให้คะแนนการอ่าน (Major skill Reading) เกณฑ์ 21 0 คะแนน ประเดน็ การประเมิน - จับใจความสำคญั - จับใจความสำคญั โดย - จบั ใจความสำคญั โดย อ่านจับใจความสำคญั โดยสรปุ แลว้ ตอบ สรุปแลว้ ตอบคำถาม สรุปแล้วตอบคำถาม การอา่ นออกเสียง คำถามไดถ้ ูกต้องทุกคำ เกอื บได้ถูกตอ้ งทกุ คำ ไมไ่ ด้เลย -เข้าใจเน้อื หาใน -เขา้ ใจเนอ้ื หาจาก -ไมเ่ ข้าใจเนอ้ื หาทอี่ ่าน บทความท่ีอา่ น บทความที่อา่ นแต่มี บางส่วนไมเ่ ขา้ ใจ อ่านออกเสียงคำศัพท์ -อา่ นออกเสียงคำศัพท์ - อา่ นออกเสียงคำศัพท์ และบทความส้ันๆท่ี และบทความสั้นๆท่ี และบทความสั้นๆท่ี กำหนดให้ ได้ถูกต้อง กำหนดให้ ได้ถูกต้อง กำหนดให้ ไม่ไดเ้ ลย ทุกคำ บางคำ 8.2 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการเขียน (Minor skill Writing) เกณฑ์คะแนน 210 ประเดน็ การประเมนิ -เขียนประโยคถูกต้อง - เขยี นประโยคไม่ตรง - เขียนประโยคผิดหลัก ความถกู ตอ้ ง ตามหลกั ไวยากรณ์ ตามหลกั ไวยากรณ์ ไวยากรณ์ทุกประโยค ความเข้าใจ ทั้งหมด เลก็ น้อย - สะกดคำผิดทุกคำ -สะกดคำถกู ต้อง - สะกดคำ ผิดบ้างในบ้าง ท้ังหมด คำ - เขียนข้นึ ตน้ ด้วย - บางประโยคไม่เขียน ตวั พมิ พ์ใหญ่ได้ถกู ต้อง ขึ้นตน้ ดว้ ยตวั พิมพใ์ หญ่ - เครื่องหมายวรรค - ใชเ้ ครอ่ื งหมายวรรค - ใช้เครื่องหมายวรรค ตอนถูกต้องสมบูรณท์ ุก ตอนผิดเล็กน้อย ตอนผิดทกุ ประโยค ประโยค - บางคำไม่เวน้ ชอ่ งไฟ -ไมเ่ วน้ ชอ่ งไฟ
21 8.3 เกณฑ์การให้คะแนนคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (ด้านมุ่งมน่ั ในการทำงาน) เกณฑ์คะแนน 2 1 0 ประเด็นการประเมนิ - สง่ งานตรงต่อเวลาท่ี - ส่งงานชา้ เกินกำหนด - ไม่สง่ งาน การส่งงาน ครูกำหนด - งานไม่สะอาด - ส่งงานช้าเกนิ กำหนด - งานสะอาด เรยี บรอ้ ย หลายวนั การทำงานร่วมกับผอู้ ่ืน เรยี บรอ้ ย - งานไมส่ ะอาด เม่ือมีการทำงานกลุ่ม เรยี บร้อย เมือ่ มีการทำงานกลุ่ม ร่วมกันกบั เพ่ือนช่วย เมือ่ มีการทำงานกลุ่ม ร่วมกันกับเพอื่ นช่วย เพอ่ื นเปน็ บางทุกครงั้ ร่วมกนั กับเพ่ือน ไม่ เพือ่ นทุกคร้ัง ชว่ ยเพอ่ื น 9. อา้ งองิ หนงั สือเรยี น รายวิชาพนื้ ฐาน ภาษาองั กฤษ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551
22 10. บนั ทึกหลังการจัดการเรยี นรู้ 10.1 ผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………. 10.2 ปญั หา/อปุ สรรคในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………...…………………………… …………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………..…...………………………………………………………………………………………………………………………………………. 10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางการปรับปรงุ แก้ไข ………………………………………………………………………………………………………………..…………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………...………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ…….…………………………..……….ผสู้ อน (.................................................) .........../............/............. 11. ความคิดเห็นของครูพีเ่ ลี้ยง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ...........................................(ครพู เี่ ลี้ยง) (.............................................) .........../............/.............
23 HANDOUT 1 Direction: Listen, point and repeat. No Vocabulary Meaning 1 Herbal Medicines ยาสมุนไพร 2 Ginger ขิง 3 Ginseng โสม 4 Garlic 5 Chili กระเทียม 6 Cloves 7 Asian cuisine พริก 8 skin กานพลู 9 capsule อาหารเอเชีย 10 digestion ผวิ แคปซูล การยอ่ ยอาหาร
24 HANDOUT 2 Directions: Read the passage about Herbal Medicines. Ginger Ginger is used a lot in Asian cuisine. But you 1 can use it as a remedy. Drink a cup of hot ginger tea, or chew small pieces of it for sore throats. Ginseng Ginseng is good for colds and headaches. Drink a cup of ginseng tea three times a day. Ginseng creams are very good for the skin, too. And, some people take ginseng capsules to stay. Garlic Garlic isn't just for cooking. You can use garlic for many illnesses. Take it for a sore throat, headaches, and toothaches. The only problem is garlic's bad smell. Chili Cloves Chili There are many kinds of Today people use cloves for baking chili, and it is used for many and cooking and as an ingredient in health problems. Chili is good for perfumes and toothpaste. But, oil of digestion, the heart, fever, cloves appears in Chinese medicine as far back as 600 A.D. It is a very old 5 diarrhea, toothache, laryngitis, and anesthetic, and dentists use it to stop pain. Use it for colds, coughs, flu, and it helps to reduce cholesterol. Eat allergies, too. lots of hot chili, and stay healthy.
25 Directions: Read and circle True or False. Example True/ False 1. Use garlic for a stomachache. True/ False 2. Ginger is not good for cooking. True/ False 3. People use ginseng to stay young. True/ False 4. Hot chili is good for your health. True/ False 5. Oil of cloves is a modern anesthetic. True/ False 6. Ginseng is good for colds and headaches True/ False 7. Chili is good for digestion, the heart, fever, diarrhea, toothache, laryngitis, and it helps to reduce cholesterol.
26 Directions: Read and choose the best answer. 1. What kind of herb do you use to reduce cholesterol? Example a. garlic b. cloves c. ginger d. chili 2. According to the text, what sickness do you use garlic as a remedy? a. skin b. headache c. fever d. diarrhea 3. Which one of the following do people use as on ingredient of perfumes? a. ginseng b. ginger c. cloves d. garlic
27 4. Which word is not herb? a. lemon tree b. ginger c. garlic d. cloves 5. We can eat chili to reduce ___________. a. sugar in the urine b. fever c. cholesterol d. pain 6. You can go to buy medicine at the _______ instead of going to the hospital. a. drug store b. supermarket c. book store d. coffee shop
28 Directions: Read the clue and then complete the crossword below. Example C H 1 I L 2 I 3 ginger garlic cloves chili ginseng Across Down 1. It’s good for digestion heart, 1. It’s very old anesthetic use by larybgitis etc. dentists to stop pain. 2. It’s dood for you skin. 2.Take it for headahe but it’s bad smell. 3. Chew small piece of it for sore throats.
บรรณานกุ รม การจดั กจิ กรรมการเรียนรูแ้ บบ SQ4R. สืบค้น จาก https://sites.google.com ความหมายของวธิ กี ารสอนแบบSQ4R ขน้ั ตอนในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้โดยใชว้ ิธีการสอนแบบ SQ4R สบื คน้ จาก https://prapasara.blogspot.com บทบาทผสู้ อนในการจดั กิจกรรมการเรียนร้โู ดยใชว้ ิธีการสอนแบบSQ4R บทบาทผู้เรยี นในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้โดยใชว้ ิธกี ารสอนแบบSQ4R สืบค้นจาก http://krusunisa.pwwk.ac.th/ https://sites.google.com/site/lifevantageprapasara/a15 การจัดการเรียนรู้โดยประยุกต์ใช้เทคนิคการสอนอ่านแบบ SQ4R เพื่อความเข้าใจในการอ่าน ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรียนบ้านเนินมะหาด จังหวัดจันทบุร สืบค้น จาก http://digital_collect.lib.buu.ac.th/
เสนอ ดร. รัชกร ประสีเตสัง รายวชิ า วชิ าทกั ษะและเทคนิคการสอน รหัสวิชา 5002506 ผ้จู ัดทา นางสาวนภัสนนั ท์ อนิ ชิด รหสั นกั ศึกษา 611505111 นางสาวภชั ราภรณ์ ศรวี งค์ษา รหสั นักศึกษา 611505118 นางสาวรัตนาภรณ์ คลองโนนสูง รหัสนกั สึกษา 611505219 นางสาวศรัญญญญา รกั สิน รหัสนกั ศกึ ษา 611505222 สาขาวิชาภาษาองั กฤษ ชนั้ ปีท่ี 4 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎชยั ภูมิ
Search
Read the Text Version
- 1 - 33
Pages: