พชื กระท่อม: 10 เรอื่ งน่ารูเ้ กยี่ วกบั พชื สมนุ ไพรทไี่ ดร้ บั การปลด จากสถานะ \"ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ\" เกษตรกรชาวอนิ โดนีเซยี ถอื ใบกระท่อม อนิ โดนีเซยี เป็ นหนึ่งในประเทศทใี่ หป้ ลกู กระท่อมเพอื่ การคา้ และส่งออกไดอ้ ย่าง ถกู กฎหมาย หลงั จากมสี ถานะเป็ น \"ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ\" ภายใต ้ พ.ร.บ. ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษมานานถงึ 41 ปี วนั นี้ (24 ส.ค.) พชื กระท่อมไดร้ บั การปลดออกจากสถานะยาเสพตดิ มาเป็ นพชื ทปี่ ระชาชนปลู กเพอื่ การบรโิ ภคและขายไดท้ ว่ั ไป แมแ้ ต่ผตู ้ อ้ งขงั หรอื อยรู่ ะหวา่ งถกู ดาเนินคดเี กยี่ วกบั พชื กระทอ่ มกจ็ ะไดร้ บั การป ลอ่ ยตวั หรอื ยุตคิ ดโี ดยไม่ถอื วา่ เคยกระทาความผดิ พชื กระทอ่ มเป็ น 1 ในพชื 4 ชนิดทอี่ ยู่ในบญั ชยี าเสพตดิ ใหโ้ ทษประเภทที่ 5 ของ พ.ร.บ. ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 ไดแ้ ก่ กญั ชา พชื กระทอ่ ม พชื ฝิ่น และเห็ดขคี้ วาย
แต่เมอื่ วนั ที่ 26 พ.ค. ทผี่ ่านมา ราชกจิ จานุเบกษาไดเ้ ผยแพร่ พ.ร.บ. ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ (ฉบบั ที่ 8) พ.ศ. 2564 ซงึ่ มสี าระสาคญั คอื การปลดพชื กระท่อมออกจากยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ใหม้ ผี ลบงั คบั ใช ้ 90 วนั นบั แตว่ นั ประกาศซงึ่ ตรงกบั วนั นี้ กญั ชา : กฎหมายใชก้ ญั ชา-กระท่อมทางการแพทยม์ ผี ลบงั คบั ใชแ้ ลว้ ทมี่ ายาเสพตดิ หนึ่งคาถามทที่ หารปัตตานีตอบไม่ได ้ กญั ชา: พชื รา้ ยหรอื สมุนไพรทางเลอื ก น้ามนั กญั ชา : ทาความเขา้ ใจ ปลดล็อกสารสกดั กญั ชา-กญั ชง ออกจากบญั ชยี าเสพตดิ นายสมศกั ดิ ์ เทพสทุ นิ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงยตุ ธิ รรมอธบิ ายวา่ พ.ร.บ. ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษฉบบั ที่ 8 นี้ จะสง่ ผลใหป้ ระชาชนสามารถปลกู และบรโิ ภคกระทอ่ มตามวถิ ชี าวบา้ น รวมทง้ั ยงั ซอื้ หรอื ขายใบกระท่อมโดยไม่ผดิ กฎหมาย แตห่ ากมกี ารนาไปผสมยาเสพตดิ อนื่ ๆ เชน่ \"สคี่ ูณรอ้ ย\" ซงึ่ เป็ นสารเสพตดิ ทเี่ กดิ จากการนายานา้ แกไ้ อมาผสมกบั ใบกระท่อม ยงั ถอื วา่ เป็ นความผดิ ตามกฎหมาย นอกจากนี้ จะมกี ารปลอ่ ยผกู ้ ระทาความผดิ ตามกฏหมายพชื กระท่อมจานวน 1,038 ราย โดยถอื วา่ ไม่เคยกระทาความผดิ สาหรบั ผูถ้ กู จบั กมุ หรอื จาเลยในชน้ั ตา่ ง ๆ จะไดด้ าเนินการตามแนวทางการปฏบิ ตั ขิ องหน่วยงานทเี่ กยี่ วขอ้ งในการปล่อย ตวั ผกู ้ ระทาความผดิ และผตู ้ อ้ งขงั คดคี วามผดิ เกยี่ วกบั พชื กระทอ่ มตอ่ ไป แตผ่ ูท้ ที่ าผดิ ในคดที เี่ กยี่ วกบั สารเสพตดิ \"สคี่ ูณรอ้ ย\" จะไม่ไดร้ บั สทิ ธปิ ระโยชนจ์ ากกฎหมายนี้ ขอ้ มูลจากกระทรวงยตุ ธิ รรมระบุวา่ การปลดกระทอ่ มออกจากยาเสพตดิ ใหโ้ ทษทาใหล้ ดคา่ ใชจ้ า่ ยทงั้ ในส่วนของภ าครฐั และผตู ้ อ้ งหาหรอื จาเลยถงึ 1.69 พนั ลา้ นบาท โดยคานวณจากคา่ ใชจ้ า่ ยเฉลยี่ ต่อคดที ี่ 76,612 บาท ซงึ่ คดขี อ้ หาพชื กระท่อมทขี่ นึ้ สู่ศาลตงั้ แต่ 1 ม.ค. 2563 - 30 ม.ิ ย. 2564 มมี ากถงึ 22,076 คดี
บบี ซี ไี ทยรวบรวม 10 เรอื่ งน่ารูเ้ กยี่ วกบั กระทอ่ มมานาเสนอตอ้ นรบั การกลบั ส่สู ถานะ \"พชื ยา\" ซงึ่ มกี ารใชก้ นั มาตง้ั แต่สมยั โบราณ 1. กระท่อมเป็ นพชื วงศก์ าแฟ กระท่อมมชี อื่ ทางวทิ ยาศาสตรว์ า่ Mitragyna speciosa (Korth.) Havil. อยใู่ นวงศเ์ ขม็ และกาแฟ (Rubiaceae) เป็ นไมย้ นื ตน้ ขนาดใหญ่ปานกลาง ใบคลา้ ยใบกระดงั งา มถี นิ่ กาเนิดในเขตรอ้ นชนื้ แถบเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต ้ โดยเฉพาะประเทศไทย มาลายู จนถงึ เกาะนิวกนิ ี เตบิ โตไดด้ ใี นทชี่ มุ่ ชนื้ ความชนื้ สูง ดนิ อดุ มสมบูรณ์ และมแี สงแดดปานกลาง ในไทยมอี ยู่ 3 พนั ธุ ์ คอื พนั ธแุ ์ ตงกวา พนั ธยุ ์ กั ษาใหญ่ และพนั ธกุ ์ า้ นแดง พบมากในป่ าธรรมชาตบิ รเิ วณภาคใต ้ เชน่ สุราษฎรธ์ านี นครศรธี รรมราช ตรงั สตลู พทั ลงุ สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธวิ าส และยงั พบในบางจงั หวดั ของภาคกลาง เชน่ ปทมุ ธานี มชี อื่ เรยี กแตกตา่ งกนั ไปในแตล่ ะที่ เชน่ อดี า่ ง อแี ดง กระอว่ ม ทอ่ มหรอื ทม่ 2. พชื กระท่อมมสี รรพคณุ ทางยา สมยั โบราณมกี ารใชใ้ บกระทอ่ มเพอื่ รกั ษาการตดิ เชอื้ ในลาไส ้ แกท้ อ้ งเสยี ทอ้ งรว่ ง บรรเทาอาการปวดกลา้ มเนือ้ ลดไข ้ บรรเทาอาการไอ ทาใหน้ อนหลบั โดยใชใ้ บสดหรอื ใบแหง้ นามาเคยี้ ว สูบ หรอื ชงเป็ นน้าชา กลุม่ ผูใ้ ชแ้ รงงานและเกษตรกรบรโิ ภคใบกระท่อมเพอื่ กดความรสู ้ กึ เหน็ดเหนื่อย เมอื่ ยลา้ ทาใหท้ างานไดย้ าวนานขนึ้ ชาวบา้ นในภาคใตใ้ ชใ้ บกระท่อมในการรกั ษาอาการป่ วยทเี่ กดิ ขนึ้ เป็ นครง้ั คราว รวมทง้ั รกั ษาโรคเรอื้ รงั เชน่ โรคเบาหวาน โรคความดนั โลหติ สงู กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื กรวบรวมตารบั ยาแพทยแ์ ผนโบร าณทใี่ ชพ้ ชื กระทอ่ มได ้ 18 ตารบั ทงั้ หมดเป็ นคมั ภรี ย์ าหลวงทง้ั สนิ้ เชน่ ตาราพระโอสถพระนารายณ์ ตารายาโรงพระโอสถ (สมยั รชั กาลที่ 2) ตารายาศลิ าจารกึ วดั โพธิ ์ (รชั กาลที่ 3) ตาราแพทยศาสตรส์ งเคราะห ์ (รชั กาลที่ 5) ตารายาพระองคเ์ จา้ สายสนิทวงศเ์ จา้ กรมหมอหลวง (รชั กาลที่ 5) ตาราเวชศกึ ษาของพระยาพศิ ณุประสาทเวช (รชั กาลที่ 5) ตารายาแพทยต์ าบลของพระยาแพทยพ์ งศาวสิ ทุ ธาธบิ ดี (แพทยห์ ลวงประจาพระองคใ์ นรชั กาลที่ 6) และคมั ภรี แ์ พทยไ์ ทยแผนโบราณของขนุ โสภติ บรรณลกั ษณ์ เป็ นตน้
ดอกและใบกระทอ่ ม 3. \"ไมทราไจนีน\" สารสาคญั ทพี่ บเฉพาะในพชื กระทอ่ ม การศกึ ษาทางเภสชั วทิ ยาพบวา่ สารทพี่ บในกระทอ่ มมากทสี่ ุดเป็ นสารกลมุ่ อลั ค าลอยด ์ (alkaloids) ซงึ่ เป็ นสารทมี่ ฤี ทธทิ ์ างเภสชั วทิ ยาในหลายระบบและถกู นามาใชใ้ นการรกั ษาโร คอย่างกวา้ งขวาง สารสาคญั ทพี่ บคอื ไมทราไจนีน (mitragynine) ซงึ่ เป็ นสารทพี่ บเฉพาะในพชื กระท่อมเท่าน้ัน ออกฤทธบิ ์ รรเทาอาการปวดและตา้ นอกั เสบ นอกจากนีย้ งั พบสารสกดั จากใบกระท่อมทสี่ าคญั เชน่ 7- hydroxymitragynine ทมี่ ฤี ทธริ ์ ะงบั ปวดไดค้ ลา้ ยกบั การใชม้ อรฟ์ ี น แมจ้ ะมคี วามแรงต่ากวา่ มอรฟ์ ี น แตม่ ขี อ้ ดกี วา่ ตรงทไี่ ม่กดระบบทางเดนิ หายใจ ไมท่ าใหค้ ลนื่ ไสอ้ าเจยี น พฒั นาการในการตดิ ยาชา้ กวา่ มอรฟ์ ี นหลายปี 4. กนิ พชื กระท่อมไม่ถกู วธิ มี อี นั ตรายต่อสขุ ภาพ การบรโิ ภคกระทอ่ มในปรมิ าณตา่ ๆ จะออกฤทธกิ ์ ระตนุ ้ ลดอาการเมอื่ ยลา้ ทางานไดน้ านขนึ้ แต่ถา้ ใชใ้ นปรมิ าณสงู จะมฤี ทธกิ ์ ลอ่ มประสาทและเสพตดิ ยงิ่ ถา้ เสพไปนาน ๆ ผูเ้ สพอาจมอี าการทอ้ งผกู นอนไม่หลบั คลนื่ ไสอ้ าเจยี น ผวิ หนังคลา้ ลง บางรายทเี่ สพมากเกนิ ไปอาจพบอาการแขนกระตุก อารมณซ์ มึ เศรา้ หรอื ไม่ก็กา้ วรา้ ว กระวนกระวาย ความดนั สงู มอี าการทางจติ หวาดระแวง เห็นภาพหลอน พูดไมค่ ่อยรเู ้ รอื่ ง เมอื่ หยดุ เสพใบกระท่อมก็จะทาใหร้ า่ งกายไม่มแี รง ออ่ นเพลยี ทางานไม่ได ้ ปวดเมอื่ ยตวั
5. จากพชื สมุนไพรกลายเป็ น \"สคี่ ณู รอ้ ย\" ศนู ยว์ ชิ าการดา้ นยาเสพตดิ สานักงานคณะกรรมการป้ องกนั และปราบปรามยาเสพตดิ ระบวุ า่ ในชว่ งปี 2547 พบวา่ สารเสพตดิ ทเี่ รยี กวา่ \"สคี่ ณู รอ้ ย\" (4x100) เรมิ่ แพรห่ ลายในกลมุ่ วยั รนุ่ ในจงั หวดั ชายแดนภาคใต ้ สคี่ ูณรอ้ ยเป็ นเครอื่ งดมื่ ทมี่ สี ว่ นผสมหลกั 4 อยา่ ง คอื นา้ ตม้ ใบกระท่อม นา้ อดั ลมประเภทโคล่า ยาแกไ้ อทมี่ สี ่วนผสมของโคเดอนี และยากนั ยงุ ซงึ่ ทง้ั หมดนีเ้ ป็ นสตู รเรมิ่ แรกของสคี่ ณู รอ้ ยตามการระบุของกรมวทิ ยาศาสตรก์ า รแพทย ์ สคี่ ณู รอ้ ยมฤี ทธกิ ์ ระตุน้ ประสาท ทาใหผ้ ูเ้ สพเมามาย และยงั มรี ายงานวา่ มเี ยาวชนเสยี ชวี ติ จากการเสพสคี่ ูณรอ้ ยอกี ดว้ ย นอกจากสูตรสคี่ ณู รอ้ ยแบบดงั้ เดมิ แลว้ ยงั มกี ารใสส่ ่วนผสมและยาทมี่ ฤี ทธกิ ์ ล่อมประสาทอกี หลายอยา่ งเพอื่ ตอบสนอง ความตอ้ งการของผเู ้ สพ การแพรร่ ะบาดของสคี่ ณู รอ้ ยกลายเป็ นปัญหาใหญท่ หี่ ลายหน่วยงานใหค้ วาม สาคญั และยงั ทาใหพ้ ชื กระท่อมถกู จบั ตามากยงิ่ ขนึ้ ในฐานะทเี่ ป็ นส่วนผสมหลกั ของเครื่ องดมื่ ทนี่ าไปสกู่ ารเสพยาเสพตดิ ชนิดอนื่ ทรี่ นุ แรงขนึ้ ชายคนหนึ่งใน จ.นราธวิ าส กาลงั ผสม \"สคี่ ูณรอ้ ย\" ซงึ่ มนี า้ ใบกระทอ่ มเป็ นหนึ่งในสสี่ ่วนผสมหลกั
6. ถกู ควบคมุ ครง้ั แรกสมยั รชั กาลที่ 8 ประเทศไทยออกกฎหมายควบคุมการครอบครอง ปลูก เสพ ซอื้ ขายพชื กระทอ่ มเป็ นครงั้ แรกในสมยั รชั กาลที่ 8 เมอื่ มกี ารตรา พ.ร.บ. พชื กระทอ่ ม พ.ศ. 2486 ระบวุ า่ \"หา้ มผใู ้ ดเสพ ปลกู มี ซอื้ ขาย ให้ หรอื แลกเปลยี่ นพชื กระทอ่ ม เวน้ แตจ่ ะไดร้ บั ใบอนุญาตจากเจา้ พนักงาน เพอื่ ประโยชนใ์ นการประกอบโรคศลิ ป์ หรอื วทิ ยาศาสตร ์ผูใ้ ดฝ่ าฝื น มคี วามผดิ ตอ้ งระวางโทษปรบั ไม่เกนิ 200 บาทหรอื จาคุกไม่เกนิ 6 เดอื น หรอื ทงั้ จาทงั้ ปรบั \" อยา่ งไรก็ตามผศู ้ กึ ษาเกยี่ วกบั พชื กระท่อมวเิ คราะหว์ า่ การออกกฎหมายใหก้ ระทอ่ มเป็ นยาเสพตดิ ตอ้ งหา้ มในสมยั นั้น มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ ปกป้ องผลประโยชนท์ างการคา้ และภาษขี องรฐั เนื่องจากฝิ่นทรี่ ฐั เป็ นผูผ้ กู ขาดการผลติ มรี าคาแพง ทาใหค้ นหนั มาสูบกระท่อมแทนฝิ่น มใิ ชเ่ ป็ นการออกกฎหมายเพอื่ ป้ องกนั การเสพตดิ พชื กระทอ่ ม เมอื่ มกี ารออก พ.ร.บ. ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 พชื กระทอ่ มกถ็ กู ควบคมุ อย่างต่อเนื่องในฐานะ \"ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษประเภทที่ 5\" ซงึ่ มพี ชื เสพตดิ จดั อยใู่ นประเภทนีท้ งั้ หมด 4 ชนิด นอกจากกระท่อมแลว้ ก็มกี ญั ชา ฝิ่นและเหด็ ขคี้ วาย ปี 2562 มกี ารแกไ้ ขปรบั ปรุง พ.ร.บ. ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ เพอื่ ปลดล็อกใหม้ กี ารใชก้ ญั ชาและพชื กระทอ่ มในทางการแพทย ์ โดย พ.ร.บ. ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ (ฉบบั ที่ 7) ระบุวา่ หา้ มมใิ หผ้ ใู ้ ดเสพยาเสพตดิ ใหโ้ ทษในประเภท 5 \"เวน้ แตก่ ารเสพนั้นเป็ นการเสพเพอื่ การรกั ษาโรค ตามคาสง่ั ของผูป้ ระกอบวชิ าชพี เวชกรรม ผูป้ ระกอบวชิ าชพี ทนั ตกรรม ผปู ้ ระกอบวชิ าชพี การแพทยแ์ ผนไทย
ผปู ้ ระกอบวชิ าชพี การแพทยแ์ ผนไทยประยกุ ต ์ หรอื หมอพนื้ บา้ นตามกฎหมายวา่ ดว้ ยวชิ าชพี การแพทยแ์ ผนไทย ทไี่ ดร้ บั ใบอนุญาต หรอื เป็ นการเสพเพอื่ การศกึ ษาวจิ ยั \" แตก่ ารเสพ ครอบครอง ขาย นาเขา้ หรอื ส่งออกพชื กระทอ่ มทนี่ อกเหนือจากนีย้ งั ถอื วา่ เป็ นความผดิ มโี ทษทง้ั จาคุกและปรบั 7. พ.ร.บ.ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ฉบบั ที่ 8 ใหส้ ถานะใหม่พชื กระท่อม ปี 2564 มกี ารปรบั ปรงุ แกไ้ ข พ.ร.บ. ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษอกี ครง้ั เป็ นฉบบั ที่ 8 มสี าระสาคญั อยทู่ กี่ ารปลดพชื กระทอ่ มออกจากบญั ชยี าเสพตดิ ใหโ้ ทษ รวมทง้ั ยกเลกิ บทลงโทษทงั้ หมดทเี่ กยี่ วกบั พชื กระท่อม พ.ร.บ. ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ฉบบั ที่ 8 ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเมอื่ วนั ที่ 26 พ.ค. 2564 และมผี ลบงั คบั ใชใ้ นวนั ที่ 24 ส.ค. 2564 โดยระบถุ งึ เหตุผลในการประกาศใชก้ ฎหมายฉบบั นีว้ า่ \"โดยทปี่ ัจจบุ นั พชื กระทอ่ มเป็ นยาเสพตดิ ใหโ้ ทษในประเภท 5 ตามพระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 แตใ่ นหลายประเทศมไิ ดก้ าหนดใหพ้ ชื กระทอ่ มเป็ นยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ประกอบกบั อนุสญั ญาเดยี่ ววา่ ดว้ ยยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ค.ศ. 1961 และพธิ สี ารแกไ้ ขอนุสญั ญาเดยี่ ววา่ ดว้ ยยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ค.ศ. 1972 มไิ ดก้ าหนดใหพ้ ชื กระท่อมเป็ นยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ดงั น้ัน เพอื่ ใหส้ อดคลอ้ งกบั หลกั สากลและบรบิ ทของสงั คมไทยในบางพนื้ ทที่ มี่ กี ารบรโิ ภคพชื กระทอ่ มตามวถิ ชี าวบา้ น สมควรยกเลกิ พชื กระทอ่ มจากการเป็ นยาเสพตดิ ใหโ้ ทษในประเภท 5\" 8. พชื กระท่อมกาลงั จะมกี ฎหมายเป็ นของตวั เอง ขนั้ ตอนต่อไปหลงั จากปลดพชื กระท่อมออกจากบญั ชยี าเสพตดิ ใหโ้ ทษแลว้ ก็จะมกี ารออก พ.ร.บ. พชื กระท่อม เพอื่ จดั การดูแลพชื กระทอ่ มโดยเฉพาะ ซงึ่ รา่ ง พ.ร.บ. พชื กระท่อมทเี่ สนอโดยกระทรวงยตุ ธิ รรมไดผ้ า่ นความเห็นชอบของคณะรฐั มน ตรแี ลว้ ตง้ั แต่เดอื น ต.ค. 2563 ขณะนีอ้ ยู่ระหวา่ งรอเขา้ สกู่ ารพจิ ารณาในสภา กฎหมายฉบบั นีไ้ ดก้ าหนดมาตรการกากบั ดูแลการปลูกพชื กระทอ่ ม การขาย การนาเขา้ หรอื ส่งออกใบกระท่อม เพอื่ ใหเ้ กดิ ประโยชนท์ างเศรษฐกจิ เชน่
กาหนดใหก้ ารปลูกพชื กระท่อม การขาย การนาเขา้ หรอื ส่งออกใบกระทอ่ ม เพอื่ ประโยชนเ์ ชงิ อตุ สาหกรรม ตอ้ งไดร้ บั ใบอนุญาต กาหนดคณุ สมบตั แิ ละระเบยี บเกยี่ วกบั สถานทขี่ าย นาเขา้ หรอื ส่งออกพชื กระทอ่ ม กาหนดมาตรการป้ องกนั การใชใ้ บกระท่อมในทางทผี่ ดิ เชน่ หา้ มขายใบกระทอ่ ม นา้ ตม้ ใบกระท่อม หรอื อาหารทมี่ ใี บกระท่อมเป็ นวตั ถดุ บิ หรอื สว่ นประกอบแกบ่ ุคคลอายตุ า่ ก วา่ 18 ปี หญงิ มคี รรภแ์ ละหญงิ ใหน้ มบตุ ร หากฝ่ าฝื นมโี ทษปรบั ไม่เกนิ 30,000 บาท, หา้ มบรโิ ภคใบกระท่อมหรอื นา้ ตม้ ใบกระท่อมทปี่ รงุ ผสมกบั ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ฝ่ าฝื นมโี ทษปรบั ไม่เกนิ 50,000 บาท เป็ นตน้ 9. พชื กระทอ่ มในตา่ งประเทศ องคก์ ารสหประชาชาตไิ ม่ไดป้ ระกาศควบคมุ พชื กระทอ่ มในบญั ชรี ายชอื่ ยาเสพ ตดิ หรอื วตั ถอุ อกฤทธติ ์ ามอนุสญั ญาระหวา่ งประเทศ แต่จากสานักงานควบคมุ ยาเสพตดิ และอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ
(UNODC) ไดข้ อความรว่ มมอื ใหป้ ระเทศสมาชกิ เฝ้ าระวงั และตดิ ตามสถานการณข์ องสารอ อกฤทธิ ์ ซงึ่ มพี ชื กระทอ่ มรวมอยดู่ ว้ ย ขณะทบี่ างประเทศ เชน่ เดนมารก์ ลตั เวยี ลทิ วั เนีย โปแลนด ์ โรมาเนีย สวเี ดน นิวซแี ลนดจ์ ดั ใหพ้ ชื กระทอ่ ม สารไมทราไจนีน และสาร 7-hydroxymitragynine เป็ นยาควบคมุ แตก่ ็มหี ลายประเทศทอี่ นุญาตใหซ้ อื้ ขายและส่งออกกระทอ่ มไดอ้ ย่างถกู กฎหมา ย เชน่ อนิ โดนีเซยี ในองั กฤษมกี ารขายกระท่อมทงั้ ใบสด ใบแหง้ ผง และสารสกดั ผูบ้ รโิ ภคสามารถหาซอื้ ไดโ้ ดยไม่ตอ้ งมใี บสง่ั แพทย ์ 10. ใบกระท่อมตา้ นโควดิ -19 เป็ น \"ขา่ วปลอม\" เมอื่ เรว็ ๆ นี้ กรมการแพทยแ์ ผนไทยฯ ออกเอกสารชแี้ จงกรณีทโี่ ลกออนไลนม์ กี ารส่งต่อขอ้ มูลเรอื่ ง \"ใบกระทอ่ มตา้ นโควดิ -19\" มกี ารโฆษณาชวนเชอื่ ในสอื่ ออนไลนโ์ ดยผูผ้ ลติ ผลณิ ภณั ฑจ์ ากกระท่อมวา่ สา มารถใชใ้ บกระทอ่ มป้ องกนั หรอื รกั ษาโรคโควดิ -19 โดยกรมการแพทยแ์ ผนไทยฯ ชแี้ จงวา่ ขอ้ มูลดงั กล่าวเป็ น \"ขา่ วปลอม\" ปัจจบุ นั ยงั ไม่พบรายงานการวจิ ยั ทยี่ นื ยนั วา่ ใบกระทอ่ มมสี ารทมี่ ฤี ทธติ ์ า้ นเชอื้ ไว รสั โคโรนาทกี่ อ่ โรคโควดิ -19 นอกจากนีอ้ งคก์ ารอาหารและยาของสหรฐั ฯ ยงั ไดอ้ อกคาเตอื นเรอื่ งการใชผ้ ลติ ภณั ฑด์ งั กลา่ ว เนื่องจากเป็ นผลติ ภณั ฑท์ ไี่ ม่ไดข้ นึ้ ทะเบยี นและ ไม่ไดร้ บั การพจิ ารณาดา้ นความปลอดภยั
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: