Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ที่เกี่ยวข้องกับวงงานรัฐสภา

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ที่เกี่ยวข้องกับวงงานรัฐสภา

Published by jirut.ja, 2019-02-28 02:41:42

Description: รวบรวมบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ที่เกี่ยวข้องกับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร การประชุมวุฒิสภา และการประชุมร่วมกันของรัฐสภา

Keywords: รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐,การประชุมสภาผู้แทนราษฎร,การประชุมวุฒิสภา,การประชุมร่วมกันของรัฐสภา

Search

Read the Text Version

รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ ๔๙ ส่วนท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั สว่ นทีเ่ กี่ยวข้องกบั วฒุ สิ ภา การประชุมรว่ มกนั ของ อ นุ มั ติ ห รื อ ส ภ ำ ผู้ แ ท น ร ำ ษ ฎ ร อ นุ มั ติ แ ต่ วุ ฒิ ส ภ ำ ไ ม่ อ นุ มั ติ แ ล ะ ส ภ ำ ส่วนท่เี กี่ยวข้องกบั ผู้แทนรำษฎรยืนยันกำรอนุมัติด้วยคะแนนเสียงไม่มำกกว่ำกึ่งหน่ึงของ สภาผ้แู ทนราษฎร รฐั สภา จำนวนสมำชิกท้ังหมดเท่ำท่ีมีอยู่ของสภำผู้แทนรำษฎรให้พระรำช กำหนดนั้นตกไป แต่ท้ังนี้ไม่กระทบต่อกิจกำรท่ีได้เป็นไปในระหว่ำงท่ี โดยให้พิจำรณำในกำรประชุม ใชพ้ ระรำชกำหนดนน้ั รฐั สภำครำวต่อไป หำกพระรำชกำหนดตำมวรรคหนึ่งมีผลเป็นกำรแก้ไขเพิ่มเติมหรือ หำกอยู่นอกสมัย คณะรัฐมนตรี ยกเลิกบทบัญญัติแห่งกฎหมำยใดและพระรำชกำหนดน้ันต้องตกไป ต้องดำเนินกำรเรียกให้ประชุม ตำมวรรคสำม ให้บทบัญญตั ิแห่งกฎหมำยท่ีมีอยู่ก่อนกำรแกไ้ ขเพิ่มเติม รัฐสภำสมัยวิสำมัญเพ่ือพิจำรณำ หรือยกเลิก มีผลใช้บังคับต่อไปนับแต่วันท่ีกำรไม่อนุมัติพระรำช อนุมัติ/ไม่อนุมัติ พระรำชกำหนด กำหนดนั้นมผี ล โดยเรว็ ถ้ำสภำผู้แทนรำษฎรและวุฒิสภำอนุมัติพระรำชกำหนดน้ัน หรือถ้ำ วุฒิสภำไม่อนุมัติและสภำผู้แทนรำษฎรยืนยันกำรอนุมัติด้วยคะแนน เสียงมำกกว่ำกึ่งหนึ่งของจำนวนสมำชิกท้ังหมดเท่ำท่ีมีอยู่ของ สภำผ้แู ทนรำษฎร ให้พระรำชกำหนดนน้ั มีผลใชบ้ งั คบั เปน็ พระรำชบญั ญัติ ต่อไป กำรอนุมัติหรือไม่อนุมัติพระรำชกำหนด ให้นำยกรัฐมนตรีประกำศ ในรำชกิจจำนุเบกษำ ในกรณีไม่อนุมัติ ให้มีผลตั้งแต่วันถัดจำกวัน ประกำศในรำชกจิ จำนุเบกษำ กำรพิจำรณำพระรำชกำหนดของสภำผ้แู ทนรำษฎรและของวุฒสิ ภำ และกำรยืนยันกำรอนุมัติพระรำชกำหนด จะต้องกระทำในโอกำสแรก ทีม่ กี ำรประชุมสภำนนั้ ๆ

๕๐ รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ สว่ นท่เี ก่ียวขอ้ งกบั ส่วนท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั สว่ นท่เี ก่ียวข้องกบั สภาผู้แทนราษฎร วฒุ ิสภา การประชุมร่วมกันของ รฐั สภา มาตรา ๑๗๓ ก่อนที่สภำผู้แทนรำษฎรหรอื วุฒิสภำจะได้อนุมัติพระรำช สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรจำนวนไม่ สมำชกิ วุฒสิ ภำจำนวนไม่น้อยกว่ำ กำหนดใด สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรหรือสมำชิกวุฒิสภำจำนวนไม่น้อย น้อยกว่ำ ๑ ใน ๕ ของจำนวนสมำชิก ๑ ใน ๕ ของจำนวนสมำชิกท้ังหมด กว่ำหนึ่งในห้ำของจำนวนสมำชิกท้ังหมดเท่ำท่ีมีอยู่ ของแต่ละสภำ มี ท้ังหมดเท่ำท่ีมีอยู่ของสภำผู้แทนรำษฎร มี เท่ำท่ีมีอยู่ของวุฒิสภำ มีสิทธิเข้ำช่ือ สิทธิเข้ำช่ือเสนอควำมเห็นต่อประธำนแห่งสภำท่ีตนเป็นสมำชิกว่ำพระ สิทธิเข้ำช่ือเสนอควำมเห็นต่อประธำน เสนอควำมเห็นต่อประธำนวุฒิสภำ รำชกำหนดน้ัน ไม่เป็นไปตำมมำตรำ ๑๗๒ วรรคหนึ่ง และให้ประธำน สภำผู้แทนรำษฎรว่ำพระรำชกำหนดน้ัน ว่ำพระรำชกำหนดนั้นไม่เป็นไป แห่งสภำนั้นส่งควำมเห็นไปยังศำลรัฐธรรมนูญ ภำยในสำมวันนับแต่วันท่ี ไม่เป็นไปเพ่ือประโยชน์ท่ีจะรักษำควำม เพ่ือประโยชน์ท่ีจะรักษำควำม ได้รับควำมเห็นเพ่ือวินิจฉัย และให้รอกำรพิจำรณำพระรำชกำหนดนั้น ปลอดภัยของประเทศ/สำธำรณะ/ควำม ป ล อ ด ภั ย ไว้ก่อน จนกว่ำจะได้รับแจ้งคำวินิจฉัยของศำลรัฐธรรมนูญจะได้รับแจ้ง มั่นคงทำงเศรษฐกิจหรือป้องปัดภัยพิบัติ ของประเทศ/สำธำรณะ/ควำมม่ันคง คำวนิ จิ ฉยั ของศำลรฐั ธรรมนญู สำธำรณะ และให้ส่งไปยงั ศำลรัฐธรรมนูญ ทำงเศรษฐกิจหรือป้องปัดภัยพิบัติ ใหศ้ ำลรฐั ธรรมนูญมคี ำวินิจฉัยภำยในหกสิบวันนับแต่วันทีไ่ ดร้ ับเรื่อง ศำลรัฐธรรมนูญจะต้องวินิจฉัยภำยใน สำธำรณะ และให้ส่งไปยังศำล และให้ศำลรัฐธรรมนูญ แจ้งคำวินิจฉัยน้ันไปยังประธำนแห่งสภำท่ีส่ง ๖๐ วนั นบั แตว่ ันทไ่ี ด้รบั เร่ือง ถ้ำศำลเห็น รัฐธรรมนูญ ควำมเหน็ นัน้ มำ ว่ำพระรำชกำหนดน้ันไม่เป็นไปเพ่ือประโยชน์ ศำลรัฐธรรมนูญจะต้องวินิจฉัย ในกรณีท่ีศำลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ำพระรำชกำหนดใดไม่เป็นไปตำม ฯ ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ำ ๒ ใน ๓ ภำยใน ๖๐ วันนับแต่วันที่ได้รับ มำตรำ ๑๗๒ วรรคหน่ึง ให้พระรำชกำหนดน้ันไม่มผี ลใชบ้ ังคับมำแต่ตน้ ของจำนวนตุลำกำรศำลรัฐธรรมนูญท้ังหมด เร่ือง ถ้ำศำลเห็นว่ำพระรำชกำหนด คำวินิจฉัยของศำลรัฐธรรมนูญว่ำพระรำชกำหนดใดไม่เป็นไปตำม เท่ำที่มีอยู่ ให้พระรำชกำหนดน้ันไม่มีผล น้ันไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ฯ ด้วย มำตรำ ๑๗๒ วรรคหน่ึง ต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ำสองในสำมของ บังคับใช้มำแต่ต้น และให้แจ้งคำวินิจฉัย คะแนนเสียงไม่น้อยกว่ำ ๒ ใน ๓ จำนวนตุลำกำรศำลรัฐธรรมนญู ท้ังหมดเทำ่ ท่มี ีอยู่ ไปยังประธำนสภำผู้แทนรำษฎร ของจำนวนตุลำกำรศำลรัฐธรรมนูญ ท้ังหมดเท่ำท่ีมีอยู่ ให้พระรำชกำหนด น้ันไม่มีผลบังคับใช้มำแต่ต้น และ ให้ แจ้ งค ำวิ นิ จฉั ยไปยั งประธำน วุฒิสภำ

๕๑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ ส่วนท่เี กี่ยวขอ้ งกบั ส่วนที่เกย่ี วขอ้ งกบั สว่ นทีเ่ กี่ยวข้องกบั สภาผแู้ ทนราษฎร วฒุ สิ ภา การประชมุ ร่วมกันของ มาตรา ๑๗๔ ในกรณีที่มีควำมจำเปน็ ต้องมีกฎหมำยเก่ียวดว้ ยภำษีอำกร ถำ้ กำรขอใหต้ รำกฎหมำยตำมมำตรำ รัฐสภา หรือเงินตรำ ซึ่งจะต้องได้รับกำรพิจำรณำโดยด่วนและลับเพ่ือรักษำ น้ีเกิดขึ้นในสมัยประชุม ให้เสนอต่อสภำ พระมหำกษัตริย์จะทรงให้ตรำ พระรำชก ำหนดใช้ บั งคั บเช่ น ประโยชน์ของแผ่นดิน พระมหำกษัตริย์จะทรง ตรำพระรำชกำหนดให้ ผู้แทนรำษฎรภำยใน ๓ วันนับแต่วันถัด พระรำชบั ญญั ติ ใ น ก ร ณี มี ค ว ำ ม จำเปน็ ทจี่ ะต้องมีกฎหมำยเก่ียวกับ ใช้บงั คบั ดังเช่นพระรำชบัญญัตกิ ไ็ ด้ จำกประกำศในรำชกจิ จำนุเบกษำ ภำษีอำกรหรือเงินตรำ ที่จะต้อง พิจำรณำเป็นกำรลับและด่วน ก็ ให้นำควำมในมำตรำ ๑๗๒ วรรคสำม วรรคสี่ วรรคห้ำ วรรคหก ได้ และวรรคเจ็ด มำใช้บังคับแก่ พระรำชกำหนดที่ได้ตรำข้ึนตำมวรรค สัญญำท่ีต้องได้รับควำมเห็นชอบ จำกรัฐสภำ ได้แก่ หนึ่งโดยอนุโลม แต่ถ้ำเป็นกำรตรำขึ้นในระหว่ำงสมัยประชุม จะต้อง -หนังสือสัญญำที่มีบทเปล่ียนแปลง น ำ เ ส น อ ต่ อ ส ภ ำ ผู้ แ ท น ร ำ ษ ฎ ร ภ ำ ย ใ น ส ำ ม วั น นั บ แ ต่ วั น ถั ด จ ำ ก วั น อำณำเขตไทย ประกำศในรำชกจิ จำนุเบกษำ -หนังสือสญั ญำท่ีมีบทเปล่ียนแปลง เขตพื้นท่ีนอกอำณำเขตซ่ึงประเทศ มาตรา ๑๗๘ พระมหำกษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระรำชอำนำจในกำรทำ ไทยมสี ิทธิอธิปไตย หรือมเี ขตอำนำจ หนงั สือสญั ญำสนั ตภิ ำพ สัญญำสงบศึก และสัญญำอื่นกบั นำนำประเทศหรือ ตำมหนังสือสัญญำหรือตำมกฎหมำย กับองค์กำรระหวำ่ งประเทศ ระหว่ำงประเทศ หนังสือสัญญำใดมีบทเปลย่ี นแปลงอำณำเขตไทย หรือเขตพ้ืนท่ีนอก - หนั งสื อสั ญญำท่ี ต้ องออก อำณำเขตซึ่งประเทศไทย มีสิทธิอธิปไตยหรือมีเขตอำนำจตำมหนังสือ พระรำชบัญญัติเพื่อให้กำรเป็นไป สัญญำหรือตำมกฎหมำยระหว่ำงประเทศหรือจะต้องออก พระรำชบัญญัติ ตำมหนงั สอื สญั ญำ เพื่อใหก้ ำรเป็นไปตำมหนังสือสัญญำ และหนังสือสญั ญำอ่ืนท่ีอำจมีผลกระทบ ต่อควำมมั่นคง ทำงเศรษฐกิจ สังคม หรือกำรค้ำหรือกำรลงทุนของประเทศ อยำ่ งกวำ้ งขวำง ตอ้ งไดร้ ับควำมเห็นชอบ ของรัฐสภำ ในกำรนี้ รัฐสภำ ต้องพิจำรณำให้แล้วเสร็จภำยในหกสบิ วนั นับแต่วันที่ได้รับเรื่อง หำกรัฐสภำ พิจำรณำไม่แล้วเสร็จภำยในกำหนดเวลำดังกล่ำว ให้ถือว่ำรัฐสภำให้ ควำมเหน็ ชอบ

รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ ๕๒ ส่วนที่เก่ียวขอ้ งกบั ส่วนทีเ่ ก่ียวข้องกบั วฒุ ิสภา การประชมุ รว่ มกนั ของ หนังสือสัญญำอื่นที่อำจมีผลกระทบต่อควำมม่ันคงทำงเศรษฐกิจ ส่วนท่เี กย่ี วขอ้ งกบั สังคม หรือกำรค้ำ หรือกำรลงทุน ของประเทศอย่ำงกว้ำงขวำงตำม สภาผแู้ ทนราษฎร รัฐสภา วรรคสอง ได้แก่ หนังสือสัญญำเกี่ยวกับกำรค้ำเสรีเขตศุลกำกรร่วม หรือ กำรให้ใช้ทรัพยำกรธรรมชำติ หรือทำให้ประเทศต้องสูญเสียสิทธิใน - หนังสือสัญญำอ่ืนท่ีอำจมี ทรัพยำกรธรรมชำติทั้งหมด หรือบำงส่วน หรือหนังสอื สญั ญำอื่นตำมท่ี ผลกระทบ ต่ อ ค ว ำ ม ม่ั น ค ง ท ำ ง กฎหมำยบญั ญัติ เศรษฐกจิ สังคม หรือกำรคำ้ หรือ กำรลงทุนของประเทศอย่ำงกว้ำงขวำง ให้มีกฎหมำยกำหนดวิธีกำรท่ีประชำชนจะเข้ำมำมีส่วนร่วมในกำร แสดงควำมคิดเห็นและได้รับ กำรเยียวยำท่ีจำเป็นอันเกิดจำกผลกระทบ ของกำรทำหนังสือสญั ญำตำมวรรคสำมด้วย เมื่อมีปัญหำว่ำหนังสือสัญญำใดเป็นกรณีตำมวรรคสองหรือวรรค สำมหรือไม่ คณะรัฐมนตรี จะขอให้ศำลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็ได้ ทั้งนี้ ศำลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภำยในสำมสิบวัน นับแต่วันที่ ไดร้ บั คำขอ หมวด ๙ การขดั กันแหง่ ผลประโยชน์ มาตรา ๑๘๔ สมำชิกสภำผูแ้ ทนรำษฎรและสมำชกิ วฒุ ิสภำตอ้ ง ข้อห้ำมของกำรใช้หน้ำท่ีและอำนำจ ข้อห้ำมของกำรใช้หน้ำท่ีและ (๑) ไมด่ ำรงตำแหน่งหรือหน้ำท่ีใดในหนว่ ยรำชกำร หนว่ ยงำนของรัฐ ของสมำชกิ สภำผแู้ ทนรำษฎร อำนำจของสมำชิกวฒุ ิสภำ หรือรฐั วิสำหกจิ หรือตำแหน่งสมำชกิ สภำทอ้ งถนิ่ หรือผู้บรหิ ำรท้องถน่ิ (๒) ไม่รับหรอื แทรกแซงหรือก้ำวก่ำยกำรเข้ำรับสัมปทำนจำกรฐั หนว่ ย รำชกำร หน่วยงำนของรัฐ หรือรัฐวิสำหกิจ หรือเข้ำเป็นคู่สัญญำกับรัฐ หน่วยรำชกำร หน่วยงำนของรัฐ หรอื รัฐวสิ ำหกิจอันมลี ักษณะ เปน็ กำร

๕๓ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ สว่ นที่เก่ียวข้องกบั สว่ นท่ีเกย่ี วข้องกบั ส่วนท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั สภาผ้แู ทนราษฎร วฒุ ิสภา การประชุมร่วมกนั ของ รัฐสภา ผกู ขำดตัดตอน หรือเป็นหุน้ ส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้ำงหนุ้ สว่ นหรือบริษัท ที่รับสัมปทำนหรือเข้ำเป็น คู่สัญญำในลักษณะดังกลำ่ ว ท้ังนี้ ไม่ว่ำโดย ทำงตรงหรือทำงออ้ ม (๓) ไม่รับเงินหรือประโยชน์ใดๆ จำกหน่วยรำชกำร หน่วยงำนของ รัฐ หรือรัฐวิสำหกิจเป็นพิเศษ นอกเหนือไปจำกที่หน่วยรำชกำร หน่วยงำนของรัฐ หรือรัฐวิสำหกิจปฏิบัติต่อบุคคลอ่ืน ๆ ในธุรกิจกำร งำนปกติ (๔) ไม่กระทำกำรใด ๆ ไม่ว่ำโดยทำงตรงหรือทำงอ้อม อันเป็นกำร ขัดขวำงหรือแทรกแซง กำรใช้สิทธิหรือเสรีภำพของหนังสือพิมพ์หรือ สื่อมวลชนโดยมชิ อบ มาตรา ๑๘๕ สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรหรือสมำชิกวุฒิสภำต้องไม่ใช้ ข้อห้ำมในกำรใช้ตำแหน่งสมำชิก ข้อห้ำมในกำรใช้ตำแ หน่ง สถำนะหรือตำแหน่ง กำรเป็นสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรหรือสมำชิกวุฒิสภำ สภำผแู้ ทนรำษฎรก้ำวกำ่ ยหรอื แทรกแซง สมำชิกวุฒิสภำก้ำวก่ำยหรือ กระทำกำรใด ๆ อันมีลักษณะท่ีเป็นกำรก้ำวก่ำย หรือแทรกแซงเพื่อ ระบบรำชกำร แทรกแซงระบบรำชกำร ประโยชน์ของตนเอง ของผู้อ่ืน หรือของพรรคกำรเมือง ไม่ว่ำโดย ทำงตรงหรือทำงอ้อม ในเรื่องดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) กำรปฏิบัติรำชกำรหรือกำรดำเนินงำนในหน้ำที่ประจำของข้ำรำชกำร พนักงำนหรือลูกจ้ำง ของหน่วยรำชกำร หน่วยงำนของรัฐ รัฐวิสำหกิจ กิจกำรท่ีรัฐถอื หุ้นใหญ่ หรอื รำชกำรส่วนท้องถ่ิน (๒) กระทำกำรในลักษณะท่ีทำให้ตนมีส่วนร่วมในกำรใช้จ่ำยเงิน งบประมำณหรือให้ควำมเห็นชอบ ในกำรจัดทำโครงกำรใดๆ ของ หนว่ ยงำนของรฐั เว้นแตเ่ ป็นกำรดำเนนิ กำรในกจิ กำรของรัฐสภำ

รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ๕๔ สว่ นที่เก่ยี วข้องกบั สว่ นทีเ่ ก่ียวข้องกบั วฒุ สิ ภา การประชุมร่วมกันของ (๓) กำรบรรจุ แต่งต้ัง โยกย้ำย โอน เลื่อนตำแหน่ง เล่ือนเงินเดือน ส่วนที่เก่ยี วข้องกบั หรอื กำรให้พ้นจำกตำแหน่ง ของข้ำรำชกำรซ่ึงมีตำแหน่งหรือเงินเดือน สภาผู้แทนราษฎร รฐั สภา ประจำและมิใช่ข้ำรำชกำรกำรเมือง พนักงำน หรือลูกจ้ำงของ หน่วย รำชกำร หน่วยงำนของรัฐ รัฐวิสำหกิจ กิจกำรท่ีรัฐถือหุ้นใหญ่ หรือ รำชกำรสว่ นทอ้ งถ่นิ หมวด ๑๐ ศาล - (ไมม่ บี ทบัญญัติท่เี กี่ยวข้องกับวงงานรัฐสภา) – หมวด ๑๑ ศาลรฐั ธรรมนูญ มาตรา ๒๐๓ เมอื่ มีกรณีที่จะต้องสรรหำผสู้ มควรไดร้ บั กำรแตง่ ต้ังเป็น ประธำนสภำผู้แทนรำษฎรและผู้นำฝ่ำย สำนักงำนเลขำธิกำรวุฒิสภำ ตุลำกำรศำลรัฐธรรมนูญ ให้เป็นหน้ำที่และอำนำจของคณะกรรมกำรสรรหำ ค้ำนในสภำผู้แทนรำษฎรเป็นคณะกรรมกำร ปฏิบัติหน้ำที่เป็นหน่วยธุรกำรของ ซงึ่ ประกอบด้วย สรรหำตลุ ำกำรศำลรฐั ธรรมนูญ คณะกรรมกำรสรรหำ ๑) ประธำนศำลฎกี ำ เปน็ ประธำนกรรมกำร (๒) ประธำนสภำผู้แทนรำษฎร และผู้นำฝ่ำยคำ้ นในสภำผแู้ ทนรำษฎร เปน็ กรรมกำร(๓) ประธำนศำลปกครองสูงสุด เป็นกรรมกำร (๔) บุคคลซึ่งองค์กรอิสระแต่งตั้งจำกผู้มีคุณสมบัติตำมมำตรำ ๒๐๑ และไม่มีลักษณะต้องห้ำม ตำมมำตรำ ๒๐๒ และไม่เคยปฏิบัติหน้ำท่ี

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ ๕๕ ส่วนท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั สว่ นทีเ่ ก่ียวข้องกบั วุฒสิ ภา การประชมุ ร่วมกันของ ใดๆ ในศำลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระ องค์กรละหนึ่งคน เป็น สว่ นทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั กรรมกำร สภาผแู้ ทนราษฎร รัฐสภา ในกรณีท่ีไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งกรรมกำรสรรหำตำม (๒) หรือกรรมกำร สรรหำตำม (๔) มีไม่ครบ ไม่ว่ำด้วยเหตุใด ให้คณะกรรมกำรสรรหำ ประกอบดว้ ยกรรมกำรสรรหำเทำ่ ท่ีมอี ยู่ ใ ห้ ส ำ นั ก ง ำ น เ ล ข ำธิ ก ำร วุ ฒิ ส ภ ำ ป ฏิ บั ติ หน้ำท่ีเป็นหน่วยธุรกำรของ คณะกรรมกำรสรรหำ ให้คณะกรรมกำรสรรหำดำเนินกำรสรรหำผู้สมควรได้รับกำรแต่งต้ัง เป็นตุลำกำรศำลรัฐธรรมนูญ ตำมหลักเกณฑ์ วิธีกำร และเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ ในพระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่ำด้วยวิธีพิจำรณำของศำล รฐั ธรรมนูญ ในกรณีที่มีปัญหำเก่ียวกับคุณสมบัติของผสู้ มัคร ผู้ได้รับกำรคัดเลือก หรือได้รับกำรสรรหำ ให้เป็นหน้ำท่ีและอำนำจของคณะกรรมกำรสรรหำ เปน็ ผู้วนิ ิจฉยั คำวินิจฉยั ของคณะกรรมกำรสรรหำ ให้เป็นท่สี ดุ ในกำรสรรหำ ใหค้ ณะกรรมกำรสรรหำปรึกษำหำรือเพือ่ คดั สรรให้ได้ บุคคลซึง่ มคี วำมรบั ผดิ ชอบสูง มีควำมกลำ้ หำญในกำรปฏิบัติหน้ำท่ี และมี พฤติกรรมทำงจริยธรรมเป็นตัวอย่ำงที่ดีของสังคม โดยนอกจำก กำร ประกำศรับสมัครแล้ว ให้คณะกรรมกำรสรรหำดำเนินกำรสรรหำจำก บุคคลที่มีควำมเหมำะสมทั่วไปได้ด้วย แต่ต้องได้รับควำมยินยอมของ บุคคลน้ัน

รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ๕๖ ส่วนที่เกย่ี วขอ้ งกบั ส่วนทเี่ กี่ยวข้องกบั วฒุ สิ ภา การประชมุ รว่ มกันของ มาตรา ๒๐๔ ผู้ได้รับกำรคัดเลือกหรือสรรหำเพ่ือแต่งต้ังให้ดำรง สว่ นทีเ่ กยี่ วข้องกบั ตำแหนง่ ตุลำกำรศำลรัฐธรรมนูญ ตอ้ งไดร้ ับควำมเห็นชอบจำกวุฒิสภำ สภาผ้แู ทนราษฎร ตุลำกำรศำลรัฐธรรมนูญต้อง รัฐสภา ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ำก่ึงหนึ่งของจำนวนสมำชิกท้ังหมดเท่ำที่มี ได้รับควำมเห็นชอบจำกวุฒิสภำ อยู่ของวุฒสิ ภำ ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ำก่ึง หนึ่งของจำนวนสมำชิกท้ังหมด ในกรณีที่วุฒิสภำไม่ให้ควำมเห็นชอบผู้ได้รับกำรสรรหำหรือคัดเลือก เทำ่ ทมี่ อี ยู่ของวฒุ ิสภำ รำยใด ให้ดำเนินกำรสรรหำหรือคัดเลือกบุคคลใหม่แทนผู้น้ัน แล้ว เสนอต่อวุฒสิ ภำเพ่อื ให้ควำมเหน็ ชอบต่อไป รับทรำบผลกำรเลือกกันเองของ ตลุ ำกำรศำลรัฐธรรมนญู ท่วี ุฒสิ ภำ เมื่อผู้ได้รับกำรสรรหำหรือคัดเลือกได้รับควำมเห็นชอบจำกวุฒิสภ ำ ให้ควำมเห็นชอบแล้วว่ำจะให้ใคร แล้ว ให้เลือกกันเองให้คนหน่ึง เป็นประธำนศำลรัฐธรรมนูญ แล้วแจ้ง เปน็ ประธำนศำลรัฐธรรมนูญ ผลให้ประธำนวฒุ สิ ภำทรำบ ป ร ะ ธ ำ น วุ ฒิ ส ภ ำ น ำ ค ว ำ ม ให้ประธำนวุฒิสภำนำควำมกรำบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งต้ังประธำน กรำบทูลฯ เพ่ือแต่งต้ังประธำน ศำลรัฐธรรมนูญและตุลำกำร ศำลรัฐธรรมนูญ และเป็นผู้ลงนำมรับ ศำลรฐั ธรรมนูญ สนองพระบรมรำชโองกำร หมวด ๑๒ องคก์ รอิสระ มาตรา ๒๑๙ ให้ศำลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระร่วมกันกำหนด กำรจัดทำมำตรฐำนทำงจริยธรรม ให้ กำรจัดทำมำตรฐ ำนทำ ง มำตรฐำนทำงจริยธรรม ขึ้นใช้บังคับแก่ตุลำกำรศำลรัฐธรรมนูญและผู้ รับฟังควำมคดิ เห็นของสภำผูแ้ ทนรำษฎร จริยธรรม ให้รับฟังควำมคิดเห็น ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่ำกำรตรวจเงินแผ่นดิน และ ประกอบด้วย และเม่ือประกำศใช้บังคับ ของวุฒิสภำประกอบด้วย และ หัวหน้ำหน่วยงำนธุรกำรของศำลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ และ แล้วให้ใช้บังคับแก่สมำชิกสภำผู้แทน เมื่อประกำศใช้บังคับแล้วให้ใช้ เมื่อประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำ แล้วให้ใช้บังคับได้ ท้ังน้ี มำตรฐำน รำษฎรด้วย บงั คบั แกส่ มำชกิ วุฒสิ ภำด้วย ทำงจริยธรรมดังกล่ำวต้องครอบคลุมถึงกำรรักษำเกียรติภูมิและ

รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ๕๗ สว่ นที่เก่ียวข้องกบั ส่วนทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั วุฒสิ ภา การประชมุ รว่ มกันของ ผลประโยชน์ ของชำติ และต้องระบุให้ชัดแจ้งด้วยว่ำกำรฝ่ำฝืนหรือไม่ สว่ นทเี่ ก่ียวข้องกบั ปฏิบตั ติ ำมมำตรฐำนทำงจรยิ ธรรมใดมลี ักษณะร้ำยแรง สภาผแู้ ทนราษฎร รัฐสภา ในกำรจัดทำมำตรฐำนทำงจริยธรรมตำมวรรคหน่ึง ให้รับฟังควำม พระมหำกษัตริย์ทรงแต่งตั้ง คิดเหน็ ของสภำผแู้ ทนรำษฎร วุฒสิ ภำ และคณะรฐั มนตรีประกอบด้วย คณะกรรม ก ำร กำ รเลื อ ก ต้ั ง และเมื่อประกำศใช้บังคับแล้วให้ใช้บังคับแก่สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร ประกอบด้วยกรรมกำรจำนวน สมำชิกวุฒิสภำ และคณะรัฐมนตรีด้วย แต่ไม่ห้ำมสภำผู้แทนรำษฎร เจ็ดคนตำมคำแนะนำของวฒุ ิสภำ วุฒิสภำ หรือคณะรัฐมนตรีที่จะกำหนด จริยธรรมเพิ่มข้ึนให้เหมำะสม กับกำรปฏิบัติหน้ำที่ของตน แต่ต้องไม่ขัดหรือแย้งกับมำตรฐำนทำง จริยธรรม ตำมวรรคหนึง่ และใหป้ ระกำศในรำชกจิ จำนเุ บกษำ มาตรา ๒๒๒ คณะกรรมกำรกำรเลือกต้ังประกอบด้วยกรรมกำร จำนวนเจ็ดคนซ่ึงพระมหำกษัตริย์ ทรงแต่งต้ังตำมคำแนะนำของ วุฒิสภำ จำกบุคคลดังตอ่ ไปนี้ (๑) ผู้มีควำมรู้ควำมเชี่ยวชำญในสำขำวิชำกำรต่ำงๆ ท่ีจะยัง ประโยชน์แก่กำรบริหำรและจัดกำร กำรเลือกต้ังให้เป็นไปโดยสุจริต และเท่ียงธรรม และมีควำมซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งได้รับกำร สรรหำจำกคณะกรรมกำรสรรหำ จำนวนหำ้ คน (๒) ผู้มีควำมรู้ ควำมเชี่ยวชำญ และประสบกำรณ์ด้ำนกฎหมำย มี ควำมซ่ือสัตย์สุจริตเป็นท่ีประจักษ์ และเคยดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ำ อธิบดีผู้พิพำกษำ หรือตำแหน่งไม่ต่ำกว่ำอธิบดีอัยกำรมำแล้วเป็นเวลำ ไม่น้อยกว่ำห้ำปี ซ่ึงได้รับกำรคัดเลือกจำกที่ประชุมใหญ่ศำลฎีกำ จำนวนสองคน ผู้ซึ่งจะได้รับกำรสรรหำเป็นกรรมกำรกำรเลือกตั้งตำม (๑) ต้องมี คุณสมบัติตำมมำตรำ ๒๓๒ (๒) (๓) (๔) (๕) (๖) หรือ (๗) หรือเป็น

๕๘ รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ส่วนทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั สว่ นท่ีเกย่ี วข้องกบั ส่วนทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั สภาผูแ้ ทนราษฎร วุฒิสภา การประชุมร่วมกนั ของ ผู้ทำงำนหรือเคยทำงำนในภำคประชำสังคมมำแล้วเป็นเวลำ ไม่น้อย รัฐสภา กว่ำย่ีสิบปี ทัง้ น้ี ตำมทค่ี ณะกรรมกำรสรรหำประกำศกำหนด มาตรา ๒๒๖ เมื่อมีกำรดำเนินกำรตำมมำตรำ ๒๒๕ หรือภำยหลัง กำรยื่นคำร้องต่อศำลฎีกำเพื่อสั่งเพิก กำรย่นื คำร้องต่อศำลฎีกำเพ่ือ กำรประกำศผลกำรเลือกตั้ง หรือกำรเลือกแล้ว มีหลักฐำนอันควรเชื่อ ถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกต้ัง ส่ังเพิกถอนสิทธิเลือกต้ังของ ได้ว่ำผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือผู้สมัครรับเลือกผู้ใดกระทำกำรทุจริต ใน เปน็ สมำชกิ สภำผู้แทนรำษฎร ผู้ ส มั ค ร รั บ เ ลื อ ก เ ป็ น ส ม ำ ชิ ก กำรเลือกตั้งหรือกำรเลือกหรือรู้เห็นกับกำรกระทำของบุคคลอ่ืน ให้ วุฒสิ ภำ คณะกรรมกำรกำรเลือกต้ังย่ืนคำร้อง ต่อศำลฎีกำเพ่ือส่ังเพิกถอนสิทธิ สมัครรบั เลอื กตง้ั หรือเพกิ ถอนสิทธเิ ลอื กตัง้ ของผู้นัน้ กำรพิจำรณำของศำลฎีกำตำมวรรคหน่ึง ให้นำสำนวนกำรสืบสวน หรือไต่สวนของคณะกรรมกำร กำรเลือกต้ังเป็นหลักในกำรพิจำรณำ และเพื่อประโยชน์แห่งควำมยุติธรรม ให้ศำลมีอำนำจส่ังไต่สวน ข้อเท็จจรงิ และพยำนหลักฐำนเพ่ิมเติมได้ ในกรณีท่ีศำลฎีกำพิพำกษำว่ำบุคคลตำมวรรคหน่ึงกระทำควำมผิด ตำมท่ีถูกร้อง ให้ศำลฎีกำ ส่ังเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกต้ัง หรือเพิก ถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นเป็นเวลำสิบปี ทั้งนี้ ตำมพระรำชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่ำด้วยกำรเลือกตั้งสมำชกิ สภำผู้แทนรำษฎรหรอื พระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่ำด้วยกำรได้มำซ่ึงสมำชิก วฒุ ิสภำ แลว้ แตก่ รณี เม่ือศำลฎีกำมีคำส่ังรับคำร้องไว้พิจำรณำแล้ว ถ้ำผู้ถูกกล่ำวหำเป็น สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร หรือสมำชิกวุฒิสภำ ให้ผู้น้ันหยุดปฏิบัติ หน้ำท่ีจนกว่ำศำลฎีกำจะพิพำกษำว่ำผู้น้ันมิได้กระทำควำมผิด และ เมื่อศำลฎีกำมีคำพิพำกษำว่ำผู้น้ันกระทำควำมผิด ให้สมำชิกภำพของ

รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ๕๙ สว่ นที่เกย่ี วข้องกบั สว่ นทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั วุฒิสภา การประชุมร่วมกนั ของ สมำชิกสภำผแู้ ทนรำษฎร หรือสมำชิกวฒุ สิ ภำผู้นน้ั สน้ิ สุดลงนับแต่วันที่ สว่ นทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั หยดุ ปฏบิ ัติหน้ำท่ี สภาผแู้ ทนราษฎร รฐั สภา มิให้นับสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรหรือสมำชิกวุฒิสภำซึ่งหยุดปฏิบัติ พระมหำกษัตริย์ทรงแต่งต้ัง หน้ำท่ีตำมวรรคส่ีเป็นจำนวน สมำชิกทั้งหมดเท่ำท่ีมีอยู่ของสภำ ผ้ตู รวจกำรแผ่นดนิ จำนวนสำมคน ผแู้ ทนรำษฎรหรอื วฒุ ิสภำ แลว้ แตก่ รณี ตำมคำแนะนำของวฒุ สิ ภำ ให้นำมำตรำน้ีไปใช้บังคับแก่กำรเลือกัต้งสมำชิกสภำท้องถิ่นหรือ ผู้บริหำรท้องถิ่นด้วยโดยอนุโลม แต่ให้อำนำจของศำลฎีกำเป็นอำนำจ ของศำลอุทธรณ์ และให้คำสั่งหรือคำพิพำกษำของศำลอุทธรณ์เป็น ที่สุด กำรพจิ ำรณำพิพำกษำของศำลฎกี ำหรือศำลอุทธรณต์ ำมมำตรำนี้ ให้ เป็นไปตำมระเบียบของ ท่ีประชุมใหญ่ของศำลฎีกำซ่ึงต้องกำหนดให้ ใชร้ ะบบไตส่ วนและใหด้ ำเนินกำรโดยรวดเร็ว มาตรา ๒๒๘ ผู้ตรวจกำรแผ่นดนิ มจี ำนวนสำมคนซึ่งพระมหำกษัตริย์ ทรงแต่งต้ังตำมคำแนะนำ ของวุฒิสภำ จำกผู้ซ่ึงได้รับกำรสรรหำโดย คณะกรรมกำรสรรหำ ผู้ซ่ึงได้รับกำรสรรหำต้องเป็นผู้มีควำมซ่ือสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีควำมรู้ ควำมเชี่ยวชำญ และประสบกำรณ์เก่ียวกับกำรบริหำร รำชกำรแผ่นดินไมั่ต่ำกว่ำอธิบดีหรือหัวหน้ำส่วนรำชกำรท่ีเทียบเท่ำ หรือหัวหน้ำหน่วยงำนของรัฐที่เทียบได้ไมั่ต่ำกว่ำกรมตำมที่คณะกรรมกำร สรรหำประกำศกำหนด โดยต้อง ดำรงตำแหน่งดังกล่ำวเป็นเวลำไม่น้อย กว่ำหำ้ ปี จำนวนสองคน และเปน็ ผมู้ ีประสบกำรณ์ในกำรดำเนินกิจกำร อัน เปน็ สำธำรณะมำแล้วไม่น้อยกวำ่ ย่สี บิ ปี จำนวนหน่ึงคน

รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ๖๐ สว่ นท่ีเกี่ยวข้องกบั สว่ นท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั วฒุ สิ ภา การประชมุ ร่วมกันของ มาตรา ๒๓๒ คณะกรรมกำรป้องกันและปรำบปรำมกำรทุจริต ส่วนท่เี กย่ี วข้องกบั แห่งชำติประกอบด้วย กรรมกำรจำนวนเก้ำคน ซ่ึงพระมหำกษัตริย์ สภาผ้แู ทนราษฎร พระมหำกษัตริย์ทรงแต่งตั้ง รัฐสภา ทรงแต่งต้ังตำมคำแนะนำของวุฒิสภำจำกผู้ซึ่งได้รับกำรสรรหำโ ดย คณะกรรมกำรป้องกันและปรำบปรำม คณะกรรมกำรสรรหำ กำรทุจริตแห่งชำติประกอบด้วย กรรมกำรจ ำนวนเก้ ำคนตำม ผูซ้ ึ่งได้รับกำรสรรหำตอ้ งเปน็ ผ้มู ีควำมซื่อสัตย์สุจริตเป็นท่ปี ระจักษ์ มี คำแนะนำของวฒุ สิ ภำ ควำมรู้ ควำมเช่ียวชำญ และประสบกำรณ์ด้ำนกฎหมำย บัญชี เศรษฐศำสตร์ กำรบริหำรรำชกำรแผ่นดิน หรือกำรอื่นใดอันเป็น ประโยชน์ต่อกำรป้องกันและปรำบปรำมกำรทุจริต และต้องมีคุณสมบัติ อยำ่ งหน่งึ อย่ำงใด ดังตอ่ ไปน้ีดว้ ย (๑) รับรำชกำรหรือเคยรับรำชกำรในตำแหน่งไมั่ต่ำกว่ำอธิบดีผู้ พพิ ำกษำ อธิบดีศำลปกครองช้ันตน้ ตลุ ำกำรพระธรรมนญู หัวหน้ำศำล ทหำรกลำง หรอื อธบิ ดอี ยั กำรมำแล้วไมน่ อ้ ยกว่ำห้ำปี (๒) รับรำชกำรหรือเคยรับรำชกำรในตำแหน่งไมั่ต่ำกว่ำอธิบดีหรือ หัวหนำ้ สว่ นรำชกำรท่เี ทียบเท่ำ มำแลว้ ไมน่ อ้ ยกวำ่ ห้ำปี (๓) เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหำรสูงสุดของรัฐวิสำหกิจ หรือหน่วยงำนอน่ื ของรฐั ที่ไมเ่ ปนส็ ว่ นรำชกำรหรอื รฐั วสิ ำหกิจมำแล้ว ไมน่ ้อยกว่ำหำ้ ปี (๔) ดำรงตำแหน่งหรือเคยดำรงตำแหน่งศำสตรำจำรย์ของ มหำวิทยำลัยในประเทศไทยมำแล้ว ไม่น้อยกว่ำห้ำปี และยังมีผลงำน ทำงวชิ ำกำรเป็นทปี่ ระจักษ์

๖๑ รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ สว่ นทเ่ี ก่ียวข้องกบั สว่ นท่ีเก่ียวขอ้ งกบั สว่ นท่เี ก่ียวข้องกบั สภาผูแ้ ทนราษฎร วุฒิสภา การประชมุ รว่ มกันของ (๕) เป็นหรือเคยเป็นผู้ประกอบวิชำชีพที่มีกฎหมำยรับรองกำร ประกอบวิชำชีพโดยประกอบวิชำชีพ อย่ำงสม่ำเสมอและต่อเน่ืองมำเป็น รัฐสภา เวลำไม่น้อยกว่ำย่ีสิบปีนับถึงวันที่ได้รับกำรเสนอช่ือ และได้รับกำร รบั รอง กำรประกอบวิชำชพี จำกองค์กรวชิ ำชีพน้นั (๖) เป็นผู้มีควำมรู้ควำมชำนำญและประสบกำรณ์ทำงด้ำนกำรบริหำร กำรเงิน กำรคลัง กำรบัญชี หรือกำรบริหำรกิจกำรวสิ ำหกิจในระดับไมั่ต่ำ กว่ำผู้บรหิ ำรระดับสงู ของบริษัทมหำชนจำกดั มำแล้ว ไม่นอ้ ยกวำ่ สบิ ปี (๗) เคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งตำม (๑) (๒) (๓) (๔) หรือ (๖) รวมกันไม่ น้อยกวำ่ สิบปี กำรนบั ระยะเวลำตำมวรรคสอง ใหน้ บั ถงึ วันทไ่ี ดร้ ับกำรเสนอช่ือหรือ วนั สมคั รเข้ำรับกำรสรรหำ แลว้ แตก่ รณี มาตรา ๒๓๖ สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร สมำชิกวุฒิสภำ หรือสมำชิกของ สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรจำนวนไม่ สมำชิกวุฒิสภำจำนวนไม่นอ้ ย ส ม ำ ชิ ก ข อ ง ท้ั ง ส อ ง ส ภ ำ ท้ังสองสภำ จำนวนไม่น้อยกว่ำหนึ่งในห้ำของจำนวนสมำชิกท้ังหมด น้อยกว่ำหนึ่งในห้ำของจำนวนสมำชิก กว่ำหน่ึงในห้ำของจำนวนสมำชิก จำนวนไม่น้อยกว่ำหนึ่งในห้ำของ เท่ำที่มีอยู่ของท้ังสองสภำหรือประชำชนผู้มีสิทธิ เลือกตั้งจำนวนไมน่ ้อย ท้ังหมดเท่ำที่มีอยู่ของทั้งสองสภำ มีสิทธิ ทั้งหมดเท่ำที่มีอยู่ของทั้งสองสภำ จำนวนสมำชิกทั้งหมดเท่ำที่มีอยู่ กว่ำสองหมืน่ คน มสี ิทธิเข้ำช่อื กลำ่ วหำว่ำกรรมกำรป้องกนั และปรำบปรำม กำร เข้ำชื่อกล่ำวหำว่ำกรรมกำรป้องกันและ มีสิทธิเข้ำชื่อกล่ำวหำว่ำกรรมกำร ของท้ังสองสภำ มีสิทธิเข้ำชื่อ ทุจรติ แหง่ ชำตผิ ู้ใดกระทำกำรตำมมำตรำ ๒๓๔ (๑) โดยยนื่ ต่อประธำน ปรำบปรำมกำรทุจริตแห่งชำติผู้ใด ป้องกันและปรำบปรำมกำรทจุ ริต กล่ำวหำว่ำกรรมกำรป้องกันและ รัฐสภำพร้อมด้วยหลักฐำน ตำมสมควร หำกประธำนรัฐสภำเห็นว่ำมี กระทำกำรตำมมำตรำ ๒๓๔ (๑) แห่งชำติผู้ใดกระทำกำรตำม ปรำบปรำมกำรทุจริตแห่งชำติ เหตุอันควรสงสัยว่ำมีกำรกระทำตำมที่ถูกกล่ำวหำ ให้ประธำนรัฐสภำ มำตรำ ๒๓๔ (๑) ผู้ใดกระทำกำรตำมมำตรำ ๒๓๔ เสนอเร่ืองไปยังประธำนศำลฎีกำเพื่อตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระจำกผู้ซึ่งมี (๑)

รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ ๖๒ ส่วนที่เกย่ี วข้องกบั ส่วนทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั วุฒิสภา การประชุมร่วมกนั ของ ควำมเป็นกลำงทำงกำรเมืองและ มีควำมซื่อสัตย์สุจริตเป็นท่ีประจักษ์ สว่ นท่ีเก่ยี วข้องกบั เพอื่ ไตส่ วนหำข้อเท็จจรงิ สภาผูแ้ ทนราษฎร รัฐสภา คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้ำม หน้ำที่และอำนำจ วิธีกำรไต่สวน พระมหำกษัตริย์ทรงแต่งตั้ง ระยะเวลำกำรไต่สวน และกำรดำเนินกำรอื่นที่จำเป็นของคณะผู้ไต่ คณะกรรมกำรตรวจเงินแผ่นดิน สวนอิสระ ใหเ้ ป็นไปตำมท่ีกฎหมำยบัญญตั ิ ประกอบด้วยกรรมกำรจำนวน เจ็ดคนตำมคำแนะนำของวุฒิสภำ มาตรา ๒๓๘ คณะกรรมกำรตรวจเงินแผ่นดินประกอบด้วยกรรมกำร จำนวนเจ็ดคน ซึ่งพระมหำกษัตริย์ทรงแต่งตั้งตำมคำแนะนำของ พระมหากษัตริย์ทรงแตง่ ตั้งผู้ว่า วฒุ สิ ภำ จำกผู้ซ่ึงได้รับกำรสรรหำโดยคณะกรรมกำรสรรหำ การตรวจเงินแผ่นดินคนหน่ึงตาม คาแนะนาของวุฒิสภา ผซู้ ่งึ ไดร้ ับกำรสรรหำตอ้ งเปน็ ผมู้ ีควำมซื่อสัตยส์ จุ ริตเปน็ ทปี่ ระจักษ์ มี ควำมรู้ ควำมเชี่ยวชำญ และประสบกำรณ์เกี่ยวกับกำรตรวจเงิน แผ่นดิน กฎหมำย กำรบัญชี กำรตรวจสอบภำยใน กำรเงินกำรคลัง และด้ำนอื่นท่ีเป็นประโยชน์ต่อกำรตรวจเงินแผ่นดิน ท้ังน้ี เป็นเวลำไม่ น้อยกว่ำสบิ ปี มาตรา ๒๔๑ ให้มีผู้ว่ำกำรตรวจเงินแผ่นดินคนหน่ึงซึ่งพระมหำกษัตริย์ทรง แต่งต้ังตำมคำแนะนำของวุฒิสภำโดยได้รับกำรเสนอชื่อจำกคณะกรรมกำร ตรวจเงนิ แผ่นดนิ ผู้ว่ำกำรตรวจเงินแผ่นดินต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ำม เช่นเดียวกบั กรรมกำรตรวจเงินแผน่ ดนิ ผู้ได้รับกำรเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งเป็นผู้ว่ำกำรตรวจเงินแผ่นดิน ต้อง ได้รับควำมเห็นชอบจำกวุฒิสภำ ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ำกึ่งหนึ่ง ของสมำชิกวุฒิสภำทั้งหมดเท่ำที่มีอยู่ และให้นำควำมในมำตรำ ๒๐๔

๖๓ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ ส่วนทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั สว่ นที่เกี่ยวข้องกบั ส่วนท่เี กี่ยวขอ้ งกบั สภาผแู้ ทนราษฎร วฒุ สิ ภา การประชมุ รว่ มกนั ของ รัฐสภา วรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสี่ และมำตรำ ๒๐๕ มำใชบ้ ังคับแก่กำร แตง่ ตั้งผ้วู ำ่ กำรตรวจเงินแผ่นดนิ ดว้ ยโดยอนุโลม กำรสรรหำ กำรคัดเลือก และกำรเสนอช่ือผู้ว่ำกำรตรวจเงินแผ่นดินให้ เป็นไปตำมพระรำชบัญญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญว่ำดว้ ยกำรตรวจเงินแผน่ ดิน มาตรา ๒๔๕ เพื่อประโยชน์ในกำรระงับหรือยับย้ังควำมเสียหำยที่ หำกท่ีประชุมร่วม(คณะกรรมกำร หำกที่ประชุมร่วม(คณะกรรมกำร อำจเกิดขึ้นแก่กำรเงินกำรคลัง ของรัฐ ให้ผู้ว่ำกำรตรวจเงินแผ่นดิน ตรวจเงินแผ่นดิน+กกต.+ปปช.)เห็นพ้อง ตรวจเงินแผ่นดิน+กกต.+ปปช.) เสนอผลกำรตรวจสอบกำรกระทำที่ไม่เป็นไปตำมกฎหมำยวำ่ ด้วยวนิ ัย กับผลกำรตรวจสอบกำรกระทำท่ีไม่ เห็นพ้องกับผลการตรวจสอบการ กำรเงินกำรคลังของรัฐและอำจก่อให้เกิดควำมเสียหำยแก่กำรเงินกำร เป็นไปตำมกฎหมำยว่ำด้วยวินัยกำรเงิน กระทาที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย คลังของรฐั อยำ่ งร้ำยแรง ต่อคณะกรรมกำร ตรวจเงนิ แผ่นดนิ เพื่อพจิ ำรณำ กำรคลัง(ท่ีผู้ว่ำกำรตรวจเงินแผ่นดิน วา่ ด้วยวินยั การเงนิ การคลัง(ท่ีผู้ว่า ในกรณีที่คณะกรรมกำรตรวจเงินแผ่นดินเห็นพ้องด้วยกับผลกำร เสนอ) ให้ร่วมกันมีหนังสือแจ้งสภำ การตรวจเงินแผ่นดินเสนอ) ให้ ตรวจสอบดังกล่ำว ให้ปรึกษำหำรือ ร่วมกับคณะกรรมกำรกำรเลือกต้ัง ผแู้ ทนรำษฎรเพอ่ื ทรำบโดยไมช่ ักช้ำ ร่วมกันมีหนังสือแจ้งวุฒิสภาเพ่ือ และคณะกรรมกำรป้องกันและปรำบปรำมกำรทุจริตแห่งชำติ หำกท่ีประชุม ทราบโดยไม่ชักช้า ร่วม เห็นพ้องกับผลกำรตรวจสอบน้ัน ให้ร่วมกันมีหนังสือแจ้งสภำ ผู้แทนรำษฎร วุฒิสภำ และคณะรัฐมนตรี เพ่ือทรำบโดยไม่ชักช้ำ และให้ เปดิ เผยผลกำรตรวจสอบดงั กล่ำวตอ่ ประชำชนเพื่อทรำบด้วย มาตรา ๒๔๖ คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติประกอบด้วย พระมหากษัตริย์ทรงแต่งต้ัง กรรมกำรจำนวนเจ็ดคน ซ่ึงพระมหำกษัตริย์ทรงแต่งต้ังตำมคำแนะนำ ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร สิ ท ธิ ม นุ ษ ย ช น ของวุฒิสภำจำกผซู้ ึง่ ไดร้ บั กำรสรรหำ แห่งชาติประกอบด้วยกรรมการ จานวนเจ็ดคนตามคาแนะนาของ ผู้ซ่ึงได้รับกำรสรรหำต้องมีควำมรู้และประสบกำรณ์ด้ำนกำร วฒุ ิสภา คุ้มครอง สทิ ธิและเสรีภำพของประชำชน เป็นกลำงทำงกำรเมอื ง และ มคี วำมซ่ือสัตยส์ จุ รติ เป็นท่ปี ระจกั ษ์

รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ๖๔ สว่ นที่เกี่ยวขอ้ งกบั ส่วนท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั วฒุ สิ ภา การประชมุ รว่ มกันของ กรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติมีวำระกำรดำรงตำแหน่งเจ็ดปีนับ ส่วนท่ีเก่ียวข้องกบั แต่วันท่ีพระมหำกษัตรยิ ท์ รงแตง่ ต้งั และให้ดำรงตำแหนง่ ไดเ้ พียงวำระเดียว สภาผู้แทนราษฎร รัฐสภา คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้ำม กำรสรรหำ และกำรพ้นจำกตำแหน่ง คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชน ของคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชน แห่งชำติ ให้เป็นไปตำมพระรำชบัญญัติ แห่งชำติมีหน้ำที่จัดทำรำยงำนผล ประกอบรัฐธรรมนูญวำ่ ด้วยคณะกรรมกำรสิทธมิ นุษยชนแหง่ ชำติ ทัง้ นี้ กำรประเมินสถำนกำรณ์ด้ำนสิทธิ บทบัญญัติเกี่ยวกับกำรสรรหำต้องกำหนดให้ผู้แทนองค์กรเอกชนด้ำน มนุษยชนของประเทศเสนอต่อ สิทธมิ นษุ ยชนมีสว่ นรว่ มในกำรสรรหำดว้ ย รัฐสภำ และเสนอแนะมำตรกำร หรือแนวทำงในกำรส่งเสริมและ มาตรา ๒๔๗ คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติมีหน้ำที่และ คุม้ ครองสทิ ธิมนุษยชนตอ่ รฐั สภำ อำนำจ ดงั ต่อไปนี้ (๑) ตรวจสอบและรำยงำนข้อเท็จจริงท่ีถูกต้องเกี่ยวกับกำรละเมิดสิทธิ มนุษยชนทุกกรณีโดยไม่ล่ำช้ำ และเสนอแนะมำตรกำรหรือแนวทำงที่ เหมำะสมในกำรป้องกันหรือแก้ไขกำรละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้ง กำรเยียวยำผู้ได้รับควำมเสียหำยจำกกำรละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อหนว่ ยงำน ของรฐั หรอื เอกชนที่เกย่ี วข้อง (๒) จัดทำรำยงำนผลกำรประเมินสถำนกำรณ์ด้ำนสิทธิมนุษยชนของ ประเทศเสนอตอ่ รัฐสภำ และคณะรัฐมนตรี และเผยแพรต่ ่อประชำชน (๓) เสนอแนะมำตรกำรหรือแนวทำงในกำรส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิ มนุษยชนต่อรัฐสภำ คณะรัฐมนตรี และหน่วยงำนที่เกี่ยวข้อง รวม ตลอดทั้งกำรแก้ไขปรับปรุงกฎหมำย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใดๆ เพ่ือให้ สอดคล้องกบั หลกั สิทธิมนษุ ยชน (๔) ชี้แจงและรำยงำนข้อเท็จจริงที่ถูกต้องโดยไม่ชักช้ำในกรณีท่ีมีกำร รำยงำนสถำนกำรณเ์ ก่ยี วกบั สิทธมิ นษุ ยชนในประเทศไทยโดยไม่ถูกต้องหรอื ไม่เปน็ ธรรม

๖๕ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ ส่วนทเ่ี กยี่ วข้องกบั สว่ นท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั สว่ นท่ีเก่ียวข้องกบั สภาผู้แทนราษฎร วุฒสิ ภา การประชมุ ร่วมกนั ของ (๕) สร้ำงเสริมทุกภำคสว่ นของสังคมให้ตระหนักถึงควำมสำคัญของสิทธิ มนษุ ยชน รัฐสภา (๖) หน้ำที่และอำนำจอื่นตำมท่ีกฎหมำยบญั ญัติ เมื่อรับทรำบรำยงำนตำม (๑) และ (๒) หรือข้อเสนอแนะตำม (๓) ให้คณะรัฐมนตรีดำเนินกำร ปรับปรุงแก้ไขตำมควำมเหมำะสมโดยเร็ว กรณีใดไม่อำจดำเนินกำรได้หรือต้องใช้เวลำในกำรดำเนินกำร ให้แจ้งเหตุผล ให้คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำตทิ รำบโดยไมช่ ักช้ำ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติต้อง คำนึงถึงควำมผำสุกของประชำชนชำวไทยและผลประโยชน์ส่วนรวม ของชำตเิ ป็นสำคญั ดว้ ย หมวด ๑๓ องค์กรอัยการ - (ไม่มีบทบญั ญัติทเี่ กย่ี วข้องกับวงงานรัฐสภา) – หมวด ๑๔ การปกครองส่วนท้องถ่นิ - (ไม่มีบทบญั ญตั ิท่ีเกี่ยวข้องกับวงงานรัฐสภา) –

๖๖ รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ สว่ นทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั สว่ นที่เกีย่ วขอ้ งกบั ส่วนทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั สภาผู้แทนราษฎร วุฒสิ ภา การประชุมรว่ มกนั ของ รัฐสภา หมวด ๑๕ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนญู มาตรา ๒๕๖ ภำยใต้บังคบั มำตรำ ๒๕๕ กำรแก้ไขเพม่ิ เติมรฐั ธรรมนูญให้ สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรจำนวนไม่ สมำชิกวุฒิสภำ + สมำชิก ผู้มีสิทธิคอื ครม. , สส. , สส + กระทำได้ ตำมหลักเกณฑแ์ ละวธิ กี ำร ดังตอ่ ไปนี้ น้อยกว่ำ ๑ ใน ๕ ของจำนวนสมำชิก สภำผแู้ ทนรำษฎร จำนวนไมน่ ้อย สว. , ประชำชน ยนื่ ต่อรัฐสภำ (๑) ญัตติขอแก้ไขเพ่ิมเติมต้องมำจำกคณะรัฐมนตรี หรือจำกสมำชิก ท้ังหมดเท่ำท่ีมีอยู่ มีสิทธิยื่นญัตติขอ กว่ำ ๑ ใน ๕ ของสมำชิกท้ังหมด พิ จ ำ ร ณ ำ ญั ต ติ ข อ แ ก้ ไ ข สภำผู้แทนรำษฎรจำนวนไม่น้อยกว่ำหน่ึงในห้ำของจำนวนสมำชิกท้ังหมด แกไ้ ข ท่ีมีอยู่ของท้ังสองสภำมีสิทธิยื่น เพม่ิ เตมิ รัฐธรรมนูญ ๓ วำระ เท่ำที่มีอยู่ของสภำผู้แทนรำษฎร หรือจำกสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร ญตั ติขอแกไ้ ข วำระที่ ๑ ลงคะแนนเปิดเผย และสมำชิกวุฒิสภำจำนวนไม่น้อยกว่ำหนึ่งในห้ำของจำนวนสมำชิก โดยใช้วิธีเรียกช่ือ คะแนนเห็น ทั้งหมดเท่ำที่มีอยู่ของท้ังสองสภำ หรือจำกประชำชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ด้วยต้องไม่น้อยกว่ำกึ่งหน่ึงของ จำนวนไม่น้อยกว่ำห้ำหมื่นคนตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรเข้ำช่ื อเสนอ สมำชิกท้ังหมดเท่ำที่มีอยู่ของท้ัง กฎหมำย สองสภำ (จะต้องมีเสียงของ สว. (๒) ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมต้องเสนอเป็นร่ำงรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เห็นด้วยไม่น้อยกว่ำ ๑ ใน ๓ ของ ตอ่ รัฐสภำและใหร้ ฐั สภำ พจิ ำรณำเปน็ สำมวำระ สมำชิก สว. รวมอยู่ด้วย) (๓) กำรออกเสียงลงคะแนนในวำระที่หน่ึงข้ันรับหลักกำร ให้ใช้วิธี วำระท่ี ๒ พจิ ำรณำเรียงลำดับ เรียกช่ือและลงคะแนนโดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบ มำตรำ กรณีเป็นร่ำงที่ประชำชน ด้วยในกำรแก้ไขเพิ่มเติมน้ัน ไม่น้อยกว่ำกึ่งหนึ่งของจำนวนสมำชิก เสนอ ต้องให้ตัวแทนประชำชน ทงั้ หมด เทำ่ ที่มอี ยู่ของท้ังสองสภำ ซึ่งในจำนวนนต้ี ้องมสี มำชกิ วุฒิสภำ เข้ำช่ือกันแสดงควำมเห็นด้วย เหน็ ชอบดว้ ยไม่น้อยกว่ำหนึ่งในสำมของ จำนวนสมำชกิ ทั้งหมดเท่ำที่มี กำรออกเสียงในวำระน้ีถือเสียง อยู่ของวฒุ สิ ภำ ข้ ำ ง ม ำ ก โ ด ย ป ร ะ ม ำ ณ เ มื่ อ (๔) กำรพิจำรณำในวำระท่ีสองขั้นพิจำรณำเรียงลำดับมำตรำ โดย พิจำรณำเสร็จแล้วให้รอไว้ ๑๕ กำรออกเสียงในวำระที่สองนี้ ให้ถือเสียงข้ำงมำกเป็นประมำณ แต่ใน

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ๖๗ ส่วนท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั สว่ นทเ่ี กี่ยวข้องกบั วฒุ สิ ภา การประชมุ รว่ มกันของ กรณีท่ีเป็นร่ำงรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมที่ประชำชนเป็นผู้เสนอ ต้อง ส่วนทเ่ี ก่ยี วข้องกบั เปดิ โอกำสใหผ้ ูแ้ ทนของประชำชนทเ่ี ข้ำชอื่ กันได้แสดงควำมคิดเห็นดว้ ย สภาผู้แทนราษฎร รัฐสภา (๕) เม่ือกำรพิจำรณำวำระท่ีสองเสร็จส้ินแล้ว ให้รอไว้สิบห้ำวัน เม่ือ วัน ก่อนเข้ำสู่กำรพิจำรณำใน พน้ กำหนดน้แี ล้วให้รฐั สภำ พจิ ำรณำในวำระท่ีสำมต่อไป วำระที่ ๓ (๖) กำรออกเสียงลงคะแนนในวำระทสี่ ำมข้ันสดุ ทำ้ ย ใหใ้ ชว้ ธิ เี รียกชอื่ และ วำระท่ี ๓ ลงคะแนนโดย ลงคะแนนโดยเปิดเผย และต้องมคี ะแนนเสียงเห็นชอบดว้ ยในกำรที่จะ เปิดเผย ด้วยวิธีเรียกชื่อ และ ให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญมำกกว่ำกึ่งหน่ึงของจำนวนสมำชิก ทั้งหมด คะแนนเห็นชอบจะต้องมำกกว่ำก่ึง เท่ำที่มีอยู่ของท้ังสองสภำ โดยในจำนวนน้ีต้องมีสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร หนึ่งของจำนวนสมำชิกทั้งหมดท่ีมี จำกพรรคกำรเมืองที่สมำชิกมิได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ประธำน อยู่ทั้งสองสภำ จะต้องมีคะแนน สภำผู้แทนรำษฎรหรือรองประธำนสภำผู้แทนรำษฎร เห็นชอบด้วย เสียงเหน็ ชอบ ดังน้ี ไม่น้อยกว่ำร้อยละยี่สิบของทุกพรรคกำรเมืองดังกล่ำวรวมกัน และมี สมำชิกวุฒิสภำเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่ำ หน่ึงในสำมของจำนวนสมำชิก - จำก สส.พรรคท่สี มำชิกไมไ่ ด้ ทั้งหมดเทำ่ ที่มอี ยู่ของวฒุ สิ ภำ ด ำ ร ง ต ำแหน่ งรั ฐ มน ตรี + ประธำนสภำผู้แทนรำษฎร + รอง (๗) เม่ือมีกำรลงมติเห็นชอบตำม (๖) แล้ว ให้รอไว้สิบห้ำวัน แล้วจึง ประธำนสภำผู้แทนรำษฎร ไม่ นำร่ำงรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ข้ึนทูลเกล้ำทูลกระหม่อมถวำย และ น้อยกว่ำร้อยละ ๒๐ ของทุก ใหน้ ำควำมในมำตรำ ๘๑ มำใชบ้ ังคับโดยอนุโลม พรรคกำรเมอื ง และ (๘) ในกรณีร่ำงรฐั ธรรมนญู แก้ไขเพ่ิมเติมเป็นกำรแก้ไขเพิม่ เตมิ หมวด - คะแนนของ สว. เห็นชอบไม่ ๑ บทท่ัวไป หมวด ๒ พระมหำกษัตริย์ หรือหมวด ๑๕ กำรแก้ไขเพ่ิมเติม น้อยกว่ำ ๑ ใน ๓ ของ สว. รวมอยู่ รัฐธรรมนูญ หรือเรื่องท่ีเกี่ยวกับคณุ สมบัติหรือลักษณะ ต้องห้ำมของผู้ดำรง ดว้ ย) ตำแหน่งตำ่ ง ๆ ตำมรฐั ธรรมนญู หรอื เร่อื งทีเ่ ก่ยี วกับหน้ำท่หี รืออำนำจ ของศำล หรือองค์กรอิสระ หรือเรื่องท่ีทำให้ศำลหรือองค์กรอิสระไม่

๖๘ รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ สว่ นทเ่ี กย่ี วข้องกบั สว่ นท่ีเกีย่ วขอ้ งกบั สว่ นทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั สภาผแู้ ทนราษฎร วฒุ ิสภา การประชุมร่วมกันของ อำจปฏิบตั ิตำมหนำ้ ท่ีหรอื อำนำจได้ กอ่ นดำเนินกำร ตำม (๗) ใหจ้ ดั ให้ มีกำรออกเสียงประชำมติตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรออกเสียงประชำมติ รฐั สภา ถ้ำผลกำรออกเสียง ประชำมติเห็นชอบด้วยกับร่ำงรัฐธรรมนูญแก้ไข เพ่ิมเตมิ จงึ ใหด้ ำเนินกำรตำม (๗) ตอ่ ไป (๙) ก่อนนำยกรัฐมนตรีนำควำมกรำบบังคมทูลเพื่อทรงลงพระปรมำภิไธย ตำม (๗) สมำชกิ สภำผแู้ ทนรำษฎร หรอื สมำชิกวุฒิสภำ หรือสมำชกิ ทั้งสอง สภำรวมกัน มีจำนวนไม่น้อยกว่ำหน่ึงในสิบ ของสมำชิกท้ังหมดเท่ำที่มีอยู่ ของแต่ละสภำ หรือของทั้งสองสภำรวมกัน แล้วแต่กรณี มีสิทธิเข้ำช่ือกัน เสนอควำมเห็นต่อประธำนแห่งสภำที่ตนเป็นสมำชิกหรือประธำนรัฐสภำ แล้วแต่กรณี ว่ำร่ำงรัฐธรรมนูญ ตำม (๗) ขัดต่อมำตรำ ๒๕๕ หรือมีลักษณะ ตำม (๘) และให้ประธำนแหง่ สภำที่ได้รับเรื่องดงั กลำ่ ว ส่งควำมเห็นไป ยังศำลรัฐธรรมนูญ และให้ศำลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภำยใน สำมสิบวันนับแต่ วันท่ีได้รับเรื่อง ในระหว่ำงกำรพิจำรณำวินิจฉัยของ ศำลรัฐธรรมนูญ นำยกรัฐมนตรีจะนำร่ำงรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม ดังกล่ำวข้ึนทูลเกล้ำทูลกระหม่อมถวำยเพ่ือพระมหำกษัตริย์ทรงลง พระปรมำภไิ ธยมไิ ด้ หมวด ๑๖ การปฏิรูปประเทศ - (ไม่มบี ทบญั ญัติทเ่ี กยี่ วข้องกับวงงานรฐั สภา) –

๖๙ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ ส่วนท่เี ก่ียวขอ้ งกบั ส่วนท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั สว่ นที่เกี่ยวข้องกบั สภาผู้แทนราษฎร วฒุ สิ ภา การประชุมรว่ มกันของ รฐั สภา บทเฉพาะกาล มาตรา ๒๖๓ ในระหว่ำงท่ียังไม่มีสภำ-ผู้แทนรำษฎรและวุฒิสภำตำม ให้สมำชิกสภำนิติบัญญัติแห่งชำติซ่ึง ให้สมำชิกสภำนิติบัญญัติ ให้สมำชิกสภำนิติบัญญัติ รัฐธรรมนูญนี้ ให้สภำนิติบัญญัติแห่งชำติที่ต้ังข้ึนตำมรัฐธรรมนูญแห่ง ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันประกำศ แห่งชำติซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวัน แห่งชำติซ่ึงดำรงตำแหน่งอยู่ในวัน รำชอำณำจักรไทย (ฉบับช่ัวครำว) พุทธศักรำช ๒๕๕๗ ยังคงทำหน้ำที่รัฐสภำ ใช้รัฐธรรมนูญนี้ ทำหน้ำท่ีเป็นสมำชิก ก่อนวันประกำศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ทำ ก่อนวันประกำศใช้รัฐธรรมนูญน้ี สภำผู้แทนรำษฎรและวุฒิสภำต่อไป และให้สมำชิกสภำนิติบัญญัติ สภำผู้แทนรำษฎรตำมบทบัญญัติแห่ง หน้ำที่เป็นสมำชิกวุฒิสภำตำม ท ำ ห น้ ำ ท่ี เ ป็ น ส ม ำ ชิ ก แห่งชำติ ซ่ึงดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันประกำศใช้รัฐธรรมนูญนี้ รัฐธรรมนูญนี้ และให้สภำนิติบัญญัติ บทบัญญตั แิ ห่งรัฐธรรมนูญน้ี และ สภำผู้แทนรำษฎรหรือสมำชิก ทำหน้ำที่เป็นสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรหรือสมำชิกวุฒิสภำ ตำมลำดับ แห่งชำติและสมำชิกสภำนิติบัญญัติ ให้สภำนิติบัญญัติแห่งชำติและ วุฒิสภำ ตำมลำดับ ตำมบทบัญญัติ ตำมบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญน้ี และให้สภำนิติบัญญัติแห่งชำติ และ แห่งชำติสิ้นสุดลงในวันก่อนวันเรียก สมำชิกสภำนิติบัญญัติแห่งชำติ แห่งรัฐธรรมนูญนี้ และให้สภำนิติ สมำชิกสภำนิติบัญญัติแห่งชำติสิ้นสุดลงในวันก่อนวันเรียกประชุม ประชุมรัฐสภำคร้ังแรกภำยหลังกำร สิ้นสุดลงในวันก่อนวันเรียกประชุม บัญญัติแห่งชำติและสมำชิกสภำ รัฐสภำครง้ั แรกภำยหลังกำรเลอื กตัง้ ทว่ั ไป ท่ีจัดข้นึ ตำมรัฐธรรมนญู น้ี เลอื กต้ังทว่ั ไปทจี่ ดั ขึน้ ตำมรัฐธรรมนูญน้ี รัฐสภำครั้งแรกภำยหลังกำร นิติบัญญัติแห่งชำติสิ้นสุดลงในวัน สมำชิกสภำนิติบัญญัติแห่งชำติ นอกจำกจะต้องมีคุณสมบัติและไมม่ ี เ ลื อ ก ตั้ ง ท่ั ว ไ ป ท่ี จั ด ข้ึ น ต ำ ม ก่อนวันเรียกประชุมรัฐสภำคร้ังแรก ลักษณะต้องห้ำม ตำมรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย (ฉบับช่ัวครำว) รัฐธรรมนญู น้ี ภำยหลังกำรเลือกตั้งทั่วไปท่ีจัด พุทธศักรำช ๒๕๕๗ แล้ว ต้องมีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ำม ขนึ้ ตำมรฐั ธรรมนูญน้ี รวมท้ังเหตุแห่งกำรสิ้นสุดสมำชิกภำพตำมทั่บัญญัติไว้สำหรับสมำชิก สภำผู้แทนรำษฎรและสมำชกิ วฒุ สิ ภำตำมรฐั ธรรมนูญน้ี ดงั ตอ่ ไปน้ีดว้ ย ๑) มำตรำ ๙๘ ยกเวน้ (๓) (๑๒) (๑๓) (๑๔) และ (๑๕) (๒) มำตรำ ๑๐๑ ยกเว้น (ก) กรณีตำม (๖) เฉพำะในส่วนท่ีเก่ียวกับมำตรำ ๙๘ ยกเว้น (๓) (๑๒) (๑๓) (๑๔) และ (๑๕) (ข) กรณีตำม (๗) เฉพำะในกรณีท่ีสมำชิกสภำนิติบัญญัติแห่งชำติ เป็นเจ้ำหน้ำท่ีของรัฐ ที่ปฏิบัติกำรตำมหน้ำที่และอำนำจตำมกฎหมำย หรือคำสงั่ ที่ชอบดว้ ยกฎหมำย และในสว่ นท่ีเกี่ยวกบั มำตรำ ๑๘๔ (๑)

รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ๗๐ สว่ นท่ีเกยี่ วขอ้ งกบั สว่ นทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั วฒุ สิ ภา การประชมุ รว่ มกันของ (๓) มำตรำ ๑๐๘ ยกเว้นก. คุณสมบัติตำม (๓) และ (๔) และ ข. สว่ นทีเ่ กีย่ วขอ้ งกบั ลักษณะต้องห้ำม ตำม (๑) (๒) และ (๗) แต่เฉพำะกรณีตำม (๑) นั้น สภาผู้แทนราษฎร รัฐสภา ไม่รวมสว่ นทเ่ี ก่ียวกบั มำตรำ ๙๘ (๓) และ (๑๕) มิให้นำมำตรำ ๑๑๒ มำใช้บังคับแก่กำรดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของ สมำชกิ สภำนิตบิ ญั ญัติแหง่ ชำติ บทบัญญัติแห่งกฎหมำยใดที่ห้ำมมิให้บุคคลดำรงตำแหน่งทำง กำรเมอื ง มใิ ห้นำมำใชบ้ ังคับแก่ กำรดำรงตำแหน่งรฐั มนตรีตำมมำตรำ ๒๖๔ ข้ำรำชกำรกำรเมืองท่ีตั้งขึ้นเพ่ือประโยชน์ในกำรปฏิบัติหน้ำท่ี ของคณะรัฐมนตรีตำมมำตรำ ๒๖๔ หรือเพื่อประโยชน์ในกำรปฏิบัติ หน้ำทขี่ องคณะรักษำควำมสงบแหง่ ชำติ ตำมมำตรำ ๒๖๕ หรอื สมำชกิ สภำนิตบิ ญั ญัติแห่งชำตติ ำมมำตรำน้ี ในระหว่ำงที่สภำนิติบัญญัติแห่งชำติทำหน้ำท่ีรัฐสภำ สภำ ผ้แู ทนรำษฎร และวฒุ ิสภำ ตำมวรรคหนึ่ง ใหอ้ ำนำจของประธำนรัฐสภำ ประธำนสภำผู้แทนรำษฎร หรือประธำนวุฒิสภำ ตำมรัฐธรรมนูญน้ีหรือ กฎหมำย เป็นอำนำจของประธำนสภำนิตบิ ัญญตั แิ ห่งชำติ ในระหว่ำงท่ีสภำนิติบัญญัติแห่งชำติทำหน้ำท่ีตำมวรรคหน่ึง หำกมี ตำแหน่งว่ำงลง หัวหน้ำคณะรักษำ ควำมสงบแห่งชำติจะนำควำม กรำบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งต้ังผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ำม ตำมวรรคสอง เป็นสมำชกิ สภำนติ ิบัญญัติแห่งชำติแทนกไ็ ด้ เม่ือมีกำรเลือกตั้งทั่วไปคร้ังแรกภำยหลังจำกวันประกำศใช้รัฐธรรมนูญ น้ี สมำชิกสภำนิติบัญญัติแห่งชำติจะสมัครรับเลือกต้ังเป็นสมำชิก สภำผู้แทนรำษฎรมิได้ เว้นแต่จะได้พ้นจำกตำแหน่งสมำชิกสภำนิติ บัญญตั ิแหง่ ชำติ ภำยในเกำ้ สิบวันนับแตว่ นั ประกำศใชร้ ัฐธรรมนญู น้ี

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ๗๑ สว่ นท่ีเกีย่ วข้องกบั ส่วนทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั วุฒิสภา การประชมุ ร่วมกนั ของ มาตรา ๒๖๙ ในวำระเร่ิมแรก ให้วุฒิสภำประกอบด้วยสมำชิกจำนวนสอง สว่ นทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ร้อยห้ำสิบคน ซึ่งพระมหำกษัตริย์ทรงแต่งต้ังตำมท่ีคณะรักษำควำมสงบ สภาผแู้ ทนราษฎร ในวำระเร่ิมแรก ให้วุฒิสภำ รฐั สภา แห่งชำติถวำยคำแนะนำ โดยในกำรสรรหำ และแต่งตั้งให้ดำเนินกำรตำม ประกอบด้วยสมำชิกจำนวนสอง หลักเกณฑแ์ ละวธิ ีกำร ดังตอ่ ไปนี้ ร้อยห้ำสิบคนซ่ึงพระมหำกษัตริย์ ทรงแต่งตั้งตำมที่คณะรักษำควำม ๑) ให้มีคณะกรรมกำรสรรหำสมำชกิ วุฒิสภำคณะหนึ่งซ่ึงคณะรักษำ สงบแห่งชำติถวำยคำแนะนำ อำยุ ควำมสงบแห่งชำติ แต่งต้ังจำกผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีควำมรู้และ ข อ ง วุ ฒิ ส ภ ำ ต ำ ม ม ำ ต ร ำ น้ี มี ประสบกำรณ์ในด้ำนตำ่ ง ๆ และมีควำมเปน็ กลำงทำงกำรเมือง จำนวน กำหนดห้ำปนี ับแตว่ ันท่ีมีพระบรม ไม่น้อยกว่ำเก้ำคนแต่ไม่เกินสิบสองคน มีหน้ำที่ดำเนินกำรสรรหำ รำชโองกำรแต่งต้ัง สมำชิกภำพ บุคคลซึ่งสมควรเป็นสมำชิกวุฒิสภำ ตำมหลักเกณฑ์และวิธีกำร ของสมำชิกวุฒิสภำเริ่มต้ังแต่วันที่ ดังต่อไปน้ี มพี ระบรมรำชโองกำรแต่งต้ัง (ก) ให้คณะกรรมกำรกำรเลือกตั้งดำเนินกำรจัดให้มีกำรเลือกสมำชิก วุฒิสภำตำมมำตรำ ๑๐๗ จำนวนสองร้อยคนตำมพระรำชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่ำด้วยกำรได้มำซึ่งสมำชิกวุฒิสภำ โดยให้ ดำเนินกำรให้แล้วเสร็จก่อนวันที่มีกำรเลือกต้ังสมำชิกสภำผู้แทน รำษฎรตำมมำตรำ ๒๖๘ ไม่น้อยกว่ำสิบห้ำวัน แล้วนำรำยช่ือเสนอต่อ คณะรักษำควำมสงบแห่งชำติ (ข) ให้คณะกรรมกำรสรรหำสมำชิกวุฒิสภำ คัดเลือกบุคคลผู้มีควำมรู้ ควำมสำมำรถ ที่เหมำะสมในอันจะเป็นประโยชน์แก่กำรปฏิบัติหน้ำที่ ของวุฒิสภำและกำรปฏิรูปประเทศมีจำนวนไม่เกิน ส่ีร้อยคน ตำม วิธีกำรที่คณะกรรมกำรสรรหำสมำชิกวุฒิสภำกำหนดแล้วนำรำยช่ือ เสนอต่อคณะรักษำ ควำมสงบแห่งชำติ ทั้งน้ี ต้องดำเนินกำรให้แล้ว เสรจ็ ไม่ชำ้ กวำ่ ระยะเวลำท่ีกำหนดตำม (ก)

รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ ๗๒ ส่วนท่ีเกีย่ วข้องกบั ส่วนท่เี กี่ยวขอ้ งกบั วุฒิสภา การประชุมรว่ มกันของ (ค) ให้คณะรักษำควำมสงบแห่งชำติคัดเลือกผู้ได้รับเลือกตำม (ก) ส่วนทเ่ี กยี่ วข้องกบั จำกบัญชีรำยชื่อ ท่ีได้รับจำกคณะกรรมกำรกำรเลือกตั้ง ให้ได้จำนวนห้ำสิบ สภาผ้แู ทนราษฎร รัฐสภา คน และคัดเลือกรำยช่ือสำรองจำนวนห้ำสิบคน โดยกำรคัดเลือก ดังกล่ำวให้คำนึงถึงบุคคลจำกกลุ่มต่ำงๆ อย่ำงท่ัวถึง และให้คัดเลือก บุคคลจำกบัญชีรำยชื่อ ท่ีได้รับกำรสรรหำตำม (ข) ให้ได้จำนวนหนึ่ง ร้อยเกำ้ สบิ สคี่ นรวมกับผดู้ ำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลำโหม ผู้บัญชำกำร ทหำรสูงสุด ผู้บัญชำกำรทหำรบก ผู้บัญชำกำรทหำรเรือ ผู้บัญชำกำร ทหำรอำกำศ และผู้บัญชำกำร ตำรวจแห่งชำติ เป็นสองร้อยห้ำสิบคน และคัดเลือกรำยชื่อสำรองจำกบัญชีรำยชื่อท่ีได้รับกำรสรรหำตำม (ข) จำนวนหำ้ สบิ คน ท้งั นี้ ใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภำยในสำมวันนับแตว่ นั ประกำศผล กำรเลือกต้ังสมำชกิ สภำผ้แู ทนรำษฎร ตำมมำตรำ ๒๖๘ (๒) มิให้นำควำมในมำตรำ ๑๐๘ ข. ลักษณะต้องห้ำม (๖) ในส่วนท่ี เก่ียวกับกำรเคยดำรง ตำแหน่งรัฐมนตรีมำใช้บังคับแก่ผู้ดำรงตำแหน่ง สมำชิกวุฒิสภำซ่ึงได้รับสรรหำตำม (๑) (ข) และมิให้ นำควำมใน มำตรำ ๑๐๘ ข. ลักษณะต้องห้ำม (๒) มำตรำ ๑๘๔ (๑) และมำตรำ ๑๘๕ มำใช้บังคับ แก่ผู้ซ่ึงได้รับแต่งต้ังให้เป็นสมำชิกวุฒิสภำโดย ตำแหนง่ (๓) ให้คณะรักษำควำมสงบแห่งชำตินำรำยชื่อบุคคลซึ่งได้รับกำร คัดเลือกตำม (๑) (ค) จำนวนสองร้อยห้ำสิบคนดังกล่ำวข้ึนกรำบบังคม ทูลเพ่ือทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำโปรดกระหม่อมแต่งต้ังต่อไป และให้ หัวหน้ำคณะรักษำควำมสงบแห่งชำติเป็นผู้ลงนำมรับสนองพระบรม รำชโองกำร

รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ๗๓ สว่ นที่เกี่ยวขอ้ งกบั ส่วนที่เก่ียวข้องกบั วฒุ ิสภา การประชุมรว่ มกันของ (๔) อำยุของวุฒิสภำตำมมำตรำน้ีมีกำหนดห้ำปีนับแต่วันที่มีพระ สว่ นทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั บรมรำชโองกำรแต่งต้ัง สมำชิกภำพของสมำชิกวุฒิสภำเริ่มต้ังแต่วันท่ี สภาผแู้ ทนราษฎร รัฐสภา มีพระบรมรำชโองกำรแต่งต้ัง ถ้ำมีตำแหน่งว่ำงลง ให้เลื่อน รำยชื่อ บุคคลตำมลำดับในบัญชีสำรองตำม (๑) (ค) ข้ึนเป็นสมำชิกวุฒิสภำ แทน โดยให้ประธำนวุฒิสภำ เป็นผู้ดำเนินกำรและเป็นผู้ลงนำมรับ สนองพระบรมรำชโองกำร สำหรับสมำชิกวุฒิสภำโดยตำแหน่ง เมื่อ พ้นจำกตำแหน่งที่ดำรงอยู่ในขณะได้รับแต่งต้ังเปน็ สมำชิกวุฒิสภำก็ให้ พ้นจำกตำแหน่งสมำชิกวฒุ ิสภำด้วย และให้ดำเนินกำรเพ่ือแต่งตั้งให้ผู้ ดำรงตำแหน่งนั้นเป็นสมำชิกวุฒิสภำโดยตำแหน่งแทน ให้สมำชิก วุฒิสภำ ท่ีได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งท่ีว่ำง อยู่ใน ตำแหนง่ เท่ำอำยขุ องวฒุ ิสภำท่เี หลืออยู่ (๕) ในระหว่ำงที่ยังไม่มีพระบรมรำชโองกำรแต่งตั้งบุคคลในบัญชี รำยช่ือสำรองข้ึนเปน็ สมำชิกวฒุ ิสภำ แทนตำแหน่งท่ีว่ำงตำม (๔) หรือ เป็นกรณีที่ไม่มีรำยช่ือบุคคลเหลืออยู่ในบัญชีสำรอง หรือไม่มีผู้ดำรง ตำแหน่ง ที่เป็นสมำชิกวุฒิสภำโดยตำแหน่ง ไม่ว่ำด้วยเหตุใด ให้ วุฒสิ ภำประกอบด้วยสมำชกิ วฒุ สิ ภำเท่ำที่มีอยู่ (๖) เมือ่ อำยขุ องวุฒิสภำสนิ้ สุดลงตำม (๔) ใหด้ ำเนนิ กำรเลอื กสมำชิก วุฒิสภำตำมมำตรำ ๑๐๗ ต่อไป และให้นำควำมในมำตรำ ๑๐๙ วรรค สำมมำใช้บงั คบั โดยอนุโลม

รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ ๗๔ ส่วนท่ีเกี่ยวข้องกบั สว่ นทีเ่ กี่ยวข้องกบั วฒุ ิสภา การประชุมรว่ มกนั ของ มาตรา ๒๗๐ นอกจำกจะมีหน้ำที่และอำนำจตำมที่บัญญัติไว้ใน ส่วนทีเ่ กีย่ วข้องกบั รฐั ธรรมนูญแล้ว ให้วุฒสิ ภำ ตำมมำตรำ ๒๖๙ มหี นำ้ ทแ่ี ละอำนำจติดตำม สภาผแู้ ทนราษฎร รฐั สภา เสนอแนะ และเร่งรัดกำรปฏิรูปประเทศ เพ่ือให้บรรลุเป้ำหมำย ตำมหมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศและกำรจัดทำและดำเนินกำรตำมยุทธศำสตร์ชำติ ให้วุฒิสภำตำมมำตรำ ๒๖๙ มี ให้คณะรัฐมนตรีแจ้งควำม ในกำรน้ี ให้คณะรัฐมนตรี แจ้งควำมคืบหน้ำในกำรดำเนินกำรตำม แผนกำรปฏริ ปู ประเทศต่อรฐั สภำเพือ่ ทรำบทุกสำมเดอื น หน้ำท่ีและอำนำจติดตำม เสนอแนะ คืบหน้ำในกำรดำเนินกำรตำม ร่ำงพระรำชบัญญัติท่ีจะตรำข้ึนเพ่ือดำเนินกำรตำมหมวด ๑๖ กำร และเร่งรดั กำรปฏริ ูปประเทศ เพ่อื ให้ แผนกำรปฏิรูปประเทศต่อรัฐสภำ ปฏริ ูปประเทศ ใหเ้ สนอ และพิจำรณำในทีป่ ระชมุ รว่ มกนั ของรัฐสภำ บรรลุเป้ำหมำยตำมหมวด ๑๖ กำร เพ่ือทรำบทุกสำมเดือน และร่ำง ร่ำงพระรำชบัญญัติใดท่ีคณะรัฐมนตรีเห็นวำ่ เป็นร่ำงพระรำชบัญญตั ิ ท่ีจะตรำข้ึนเพื่อดำเนินกำร ตำมหมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ ให้แจ้งให้ ปฏิรูปประเทศ และกำรจัดทำและ พระรำชบัญญัติที่จะตรำข้ึนเพ่ือ ประธำนรัฐสภำทรำบพร้อมกับกำรเสนอร่ำงพระรำชบัญญัตินั้น ในกรณีที่ คณะรัฐมนตรีมิได้แจ้งว่ำเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำข้ึนเพื่อ ดำเนินกำรตำมยทุ ธศำสตร์ชำติ ดำเนินกำรตำมหมวด ๑๖ กำร ดำเนินกำรตำมหมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ หำกสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร หรอื สมำชิกวฒุ ิสภำเหน็ วำ่ ร่ำงพระรำชบญั ญตั ิน้ันเป็น รำ่ งพระรำชบัญญัติท่ี ปฏิรูปประเทศ ให้เสนอและ จะตรำขึ้นเพ่ือดำเนินกำรตำมหมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ สมำชิก สภำผู้แทนรำษฎร หรือสมำชิกวุฒิสภำจำนวนไม่น้อยกว่ำหนึ่งในห้ำ พิจำรณำในท่ีประชุมร่วมกันของ ของแตล่ ะสภำ อำจเข้ำชือ่ กันร้องขอต่อประธำนรัฐสภำ เพอื่ ใหว้ ินิจฉัย กำรย่ืนคำร้องดังกล่ำวต้องยื่นก่อนท่ีสภำผู้แทนรำษฎรหรือวุฒิสภ ำ รัฐสภำ แล้วแต่กรณี จะพจิ ำรณำร่ำงพระรำชบัญญัตนิ นั้ แลว้ เสรจ็ เม่ือประธำนรฐั สภำไดร้ ับคำร้องตำมวรรคสำม ให้ประธำนรฐั สภำเสนอ เรื่องต่อคณะกรรมกำรร่วม ซ่ึงประกอบด้วยประธำนวฒุ สิ ภำเปน็ ประธำน รอง

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ๗๕ สว่ นที่เก่ยี วข้องกบั ส่วนท่เี ก่ียวขอ้ งกบั วฒุ ิสภา การประชมุ ร่วมกนั ของ ประธำนสภำผู้แทนรำษฎรคนหัน่ง ผู้นำฝ่ำยค้ำน ในสภำผู้แทนรำษฎร สว่ นที่เกีย่ วข้องกบั ผู้แทนคณะรัฐมนตรีคนหนึ่ง และประธำนคณะกรรมำธิกำรสำมัญ สภาผแู้ ทนราษฎร รัฐสภา คนหน่งึ ซง่ึ เลอื กกนั เอง ระหวำ่ งประธำนคณะกรรมำธิกำรสำมัญในวุฒิสภำ ทุกคณะเปน็ กรรมกำร เพอ่ื วินจิ ฉัย ภ ำ ย ใ น ก ำ ห น ด ห้ ำ ปี นั บ แ ต่ วันท่ีมีพระบรมรำชโองกำรแต่งต้ัง กำรวินิจฉัยของคณะกรรมกำรร่วมตำมวรรคส่ีให้ถือเสียงข้ำงมำก สมำชกิ วฒุ ิสภำตำมมำตรำ ๒๖๙ กำร เป็นประมำณ คำวินิจฉัยของ คณะกรรมกำรร่วมดังกล่ำวให้เป็นท่ีสุด พิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติ ที่ และใหป้ ระธำนรฐั สภำดำเนนิ กำรไปตำมคำวินิจฉยั นนั้ วุฒิสภำหรือสภำผู้แทนรำษฎร ยับย้ังไว้ตำมมำตรำ ๑๓๗ (๒) หรือ มาตรา ๒๗๑ ในวำระเริ่มแรกภำยในอำยุของวุฒิสภำตำมมำตรำ (๓) ให้กระทำโดยที่ประชุมร่วมกัน ๒๖๙ กำรพิจำรณำ ร่ำงพระรำชบัญญัติที่วุฒิสภำหรอื สภำผู้แทนรำษฎร ของรัฐสภำ ถ้ำร่ำงพระรำชบัญญัติ ยับยั้งไว้ตำมมำตรำ ๑๓๗ (๒) หรือ (๓) ให้กระทำโดยท่ีประชุมร่วมกันของ นั้นเป็นไปตำมมำตรำ ๒๗๑ (๑) รฐั สภำ ถำ้ รำ่ งพระรำชบัญญัตินน้ั เกีย่ วกบั หรือ (๒) (๑)กำรแก้ไขเพ่ิมเติมโทษหรือองค์ประกอบควำมผิดต่อตำแหน่งหน้ำที่ รำชกำรหรือต่อตำแหน่ง หน้ำท่ีในกำรยุติธรรม หรือควำมผิดของ พนักงำนในองค์กำรหรือหน่วยงำนของรฐั เฉพำะเมือ่ กำรแก้ไขเพิ่มเติม น้ัน มีผลให้ผู้กระทำควำมผิดพ้นจำกควำมผิดหรือไม่ต้องรับโทษ (๒) ร่ำงพระรำชบัญญัติที่วุฒิสภำมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ำ สองในสำมของจำนวน สมำชิกวุฒิสภำทั้งหมดเท่ำท่ีมีอยู่ว่ำมีผลกระทบ ต่อกำรดำเนินกระบวนกำรยตุ ิธรรมอยำ่ งร้ำยแรง มติของท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภำท่ีให้ควำมเห็นชอบร่ำงพระรำชบัญญัติ ตำมวรรคหน่ึง ต้องมี คะแนนเสียงไม่น้อยกว่ำสองในสำมของจำนวน สมำชกิ ทัง้ หมดเท่ำท่มี ีอยู่ของรัฐสภำ

๗๖ รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ส่วนท่ีเก่ยี วข้องกบั สว่ นที่เกย่ี วข้องกบั ส่วนท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั สภาผแู้ ทนราษฎร วฒุ ิสภา การประชมุ รว่ มกนั ของ มาตรา ๒๗๒ ในระหว่ำงห้ำปีแรกนับแต่วันท่ีมีรัฐสภำชุดแรกตำม ให้สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรเสนอช่ือ รัฐสภา รัฐธรรมนูญน้ี กำรให้ ควำมเห็นชอบบุคคลซ่ึงสมควรได้รับแต่งตั้งเป็น บุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งต้ังเป็นนำยก- นำยกรัฐมนตรีให้ดำเนินกำรตำมมำตรำ ๑๕๙ เว้นแต่ กำรพิจำรณำให้ รัฐมนตรี โดยต้องมสี มำชกิ สภำผแู้ ทนรำษฎร ในระหว่ำงห้ำปีแรกนับแต่วัน ควำมเห็นชอบตำมมำตรำ ๑๕๙ วรรคหนึ่ง ให้กระทำในที่ประชุมรว่ มกันของ รับรองไม่น้อยกว่ำหน่ึงในสิบของจำนวน ทีม่ รี ฐั สภำชุดแรกตำมรฐั ธรรมนูญ รัฐสภำ และ มติที่เห็นชอบกำรแต่งต้ังบุคคลใดให้เป็นนำยกรัฐมนตรี สมำชิกทั้งหมดเท่ำท่ีมีอยู่ของสภำ นี้ กำรให้ควำมเห็นชอบบุคคลซึ่ง ตำมมำตรำ ๑๕๙ วรรคสำม ตอ้ งมีคะแนนเสียง มำกกวำ่ กึ่งหน่ึงของจำนวน ผ้แู ทนรำษฎร สมควรได้รับแต่งต้ังเป็นนำยก- สมำชกิ ทั้งหมดเทำ่ ท่ีมีอยูข่ องทัง้ สองสภำ รัฐมนตรี ให้กระทำในที่ประชุม ร่วมกันของรฐั สภำ ในระหว่ำงเวลำตำมวรรคหน่ึง หำกมีกรณีที่ไม่อำจแต่งต้ังนำยกรัฐมนตรี จำกผู้มีชื่ออยู่ใน บัญชีรำยช่ือที่พรรคกำรเมืองแจ้งไว้ตำมมำตรำ ๘๘ ไม่ว่ำ ดว้ ยเหตุใด และสมำชกิ ของท้ังสองสภำรวมกนั จำนวนไม่น้อยกวำ่ กงึ่ หนึ่งของ จำนวนสมำชิกทั้งหมดเท่ำท่ีมีอยู่ของทั้งสองสภำเข้ำชื่อเสนอต่อประธำน รฐั สภำ ขอให้รฐั สภำมีมติยกเวน้ เพ่อื ไม่ต้องเสนอชื่อนำยกรฐั มนตรจี ำกผู้มีชื่อ อยใู่ นบัญชรี ำยชื่อที่พรรคกำรเมือง แจง้ ไวต้ ำมมำตรำ ๘๘ ในกรณเี ชน่ นัน้ ให้ ประธำนรฐั สภำจดั ให้มีกำรประชุมร่วมกันของรัฐสภำโดยพลนั และในกรณีท่ี รัฐสภำมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ำสองในสำมของจำนวนสมำชิก ท้ังหมดเท่ำที่มีอยู่ของ ท้ังสองสภำให้ยกเว้นได้ ให้ดำเนินกำรตำมวรรคหนึ่ง ต่อไป โดยจะเสนอช่ือผู้อยู่ในบญั ชีรำยช่ือที่พรรคกำรเมือง แจ้งไว้ตำมมำตรำ ๘๘ หรอื ไมก่ ไ็ ด้