Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ครั้งที่ 11 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง)

ครั้งที่ 11 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง)

Published by jirut.ja, 2019-09-17 04:55:36

Description: ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 1 ครั้งที่ 11 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง)

Keywords: ประชุมสภาผู้แทนราษฎร,สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง

Search

Read the Text Version

ครัง้ ที่ ๑๑ วนั พฤหัสบดีที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ (สมัยสามัญประจาปคี รั้งทีห่ นง่ึ ) กลุ่มงานระเบยี บวาระ สานกั การประชุม

i-Jtann inI7nyruLavitnnlquvrtn--rq ?iN ooG)/N wanhtSiv7v16 fl 1 J. 0),000 cid n5n.mm.1 1&b1.9 65@l 1115.1J5:11.10f111111.15-N5 eariiinanlq66v1115n4,Q5 Lt@lmanti,i1Eru-a-15r.vianuLaT () kArd5t5-1110111,1,111.15`19401,a14-4,9611FIVIJ5VpRifl'IC11,61/11.151' 14.0 2SV1VI 1s& \"10171 G.) co (aiTsa-ikthr,41.1mi'lfivrtiArhni G)0 nIn-in3.112)&bto na-t 0611.00 -1E30.00 Vrani G)G-) 1§2&blo eMaq Od.Q10 - .00 1R@1J5t6Pl1qj tJ51 V1 \"1114 414 (1.nirrn.1) @-W1-17 /YU 1.9 f11.11,1661'7%11111: Lt,InTlOn11,1'@1 6601VallA nvoirtuvrrum `411,1utarni65-ru Loz;Tezifv,viTtaily-risnarmejmnlyr&mIthhr,voinifiqvitoi 9, 5111,Lazina-glnd-nii-NPu Toornzi,ilstrnun-mhnsam-antnurroaani n u.aown In`lui@ (tnsming Ann%) LaIontrmaniunn-11.40 21itThni5tht,T.1 n 0111.15tviistniTe, 1145. o - b IVISMS o www.partiament.go.th vi17awavthr11.1 Lwr.lniimyn5r.niTt.15r,v, anic:luvroTtr<27

Ir.1,1101Y)15t711TLI5VVJW-f-14169/111111./5 lm&Th 6)6) v ad 6)6) n5n.fl-wai lneolD if@Vili@ll@lnqiii1W194161/11.17-1`n5 21 eJ 6)G,J - r1n5Ifiw&-rw15amnaehl'IlAjun-159halLani'66`viuy1wo. 11.m. lDc (0) f17::4,1,g1111 (1§3) [email protected]@n1,41viacitIT,Ti (611) 5u5N5iulitini51.15rp (4 13@lcifinanInliBni5i14 V17WiLgi@l5L6q (6ni.11:4@lAillfraM7nriVr@lnn15thnli liannqt111V1U51'&25 fib& 6)0 (aI1E.i2{-Z6u,9J5gz4nN5lii9ifi5) 6)0 n5na1mu b&bb) (6-6.11,talKilm5fivi5t-trarinnn-nLl5npinnquvrt.45-10 t11171 6)0 (dismiityL152A-FA'lfivici111) Torii 6)0 rnivni b&bb) (t') 1,7@llIf1v1111@q5f111 (6-ifiLl@lA-iltnA•@n7nranvinn151.15tpannejumuyn.40 'NI 6) 51fl Ill 6)0 (a2:1FianiTt-u.,1.15r,41.J'Fli'lciviTil) Mf-1,2'W11.1 (b) (6.10 Ci@lb'cli (2. 111.11EJLIMI - a8J1\"UM11161,111,11114_ .0q115t014@tTal5n1f1rv15@ITiicav11Jn15665m1Li11u5t@1r5nywni@ V1111 [email protected] Vi@Raitf1551M-ITLITa'11.11-11.11A155M'Al t:11EJA'11,1 Vi@Ig1V11:11171141:111X@II152111 G). 71d1N5 Ficul,R1LiviLwi G)tD.00 - b.&o 1A-111f1110E19::16Irtinwervniaitvivaan lurgivTall FitiValLwinm - oe.bo oG.sno uan-rillkei-nihutula G.)& LLateJ-iukru 6-)& elliTnnn5th2,11.1 n Ownnr dinni5 1315. 0 1D-&& 1711015 o t9&e www.parliament.so.th

เร่อื งที่ประธานจะแจง้ ตอ่ ที่ประชมุ

หน้า ๑ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๗๖ ง ราชกิจจานเุ บกษา ประกาศ แตง่ ต้งั รัฐมนตรี พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธิบดศี รีสนิ ทรมหาวชิราลงกรณ พระวชริ เกล้าเจา้ อยู่หวั พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามท่ีได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้ าฯ แต่งตั้ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันท่ี ๙ มถิ ุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ แล้ว น้ัน บัดนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เลือกสรรผู้ที่สมควรดารงตาแหน่ง รัฐมนตรีเพ่อื บรหิ ารราชการแผ่นดนิ สืบต่อไปแลว้ อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๕๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณา โปรดเกลา้ ฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ พลเอก ประวติ ร วงษส์ ุวรรณ เป็นรองนายกรฐั มนตรี นายสมคดิ จาตศุ รพี ิทักษ์ เป็นรองนายกรฐั มนตรี นายวษิ ณุ เครืองาม เปน็ รองนายกรฐั มนตรี นายจรุ นิ ทร์ ลกั ษณวศิ ษิ ฏ์ เป็นรองนายกรัฐมนตรีและ รฐั มนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายอนุทิน ชาญวรี กูล เป็นรองนายกรัฐมนตรแี ละ รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงสาธารณสขุ นายเทวญั ลิปตพลั ลภ เป็นรฐั มนตรปี ระจาสานกั นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยทุ ธ์ จนั ทรโ์ อชา เป็นรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงกลาโหม อีกตาแหนง่ หน่งึ พลเอก ชยั ชาญ ชา้ งมงคล เปน็ รฐั มนตรีชว่ ยว่าการกระทรวงกลาโหม

หน้า ๒ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๗๖ ง ราชกิจจานุเบกษา นายอุตตม สาวนายน เปน็ รฐั มนตรีว่าการกระทรวงการคลงั นายสนั ติ พรอ้ มพฒั น์ เปน็ รัฐมนตรีชว่ ยว่าการกระทรวงการคลัง นายดอน ปรมัตถว์ ินัย เปน็ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการตา่ งประเทศ นายพิพฒั น์ รัชกจิ ประการ เป็นรัฐมนตรวี า่ การกระทรวงการท่องเทีย่ วและกฬี า นายจตุ ิ ไกรฤกษ์ เปน็ รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงการพัฒนาสงั คม และความมนั่ คงของมนุษย์ นายสวุ ทิ ย์ เมษินทรยี ์ เปน็ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการอดุ มศกึ ษา วทิ ยาศาสตร์ วจิ ัยและนวัตกรรม นายเฉลมิ ชัย ศรีอ่อน เปน็ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร รอ้ ยเอก ธรรมนัส พรหมเผา่ และสหกรณ์ เปน็ รฐั มนตรชี ว่ ยว่าการกระทรวงเกษตร นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ และสหกรณ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร นายประภัตร โพธสุธน และสหกรณ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยวา่ การกระทรวงเกษตร นายศกั ดสิ์ ยาม ชิดชอบ และสหกรณ์ นายอธริ ฐั รตั นเศรษฐ เปน็ รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงคมนาคม นายถาวร เสนเนียม เปน็ รัฐมนตรชี ่วยวา่ การกระทรวงคมนาคม นายพทุ ธพิ งษ์ ปณุ ณกันต์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปน็ รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงดจิ ทิ ัล นายวราวธุ ศลิ ปอาชา เพ่ือเศรษฐกจิ และสังคม นายสนธริ ัตน์ สนธจิ ิรวงศ์ เป็นรฐั มนตรีวา่ การกระทรวงทรพั ยากร นายวีรศักด์ิ หวังศุภกิจโกศล ธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจนิ ดา เปน็ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายนพิ นธ์ บุญญามณี เป็นรัฐมนตรชี ว่ ยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายทรงศักด์ิ ทองศรี เปน็ รฐั มนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสมศักดิ์ เทพสทุ นิ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย หม่อมราชวงศจ์ ตั มุ งคล โสณกลุ เป็นรัฐมนตรชี ว่ ยวา่ การกระทรวงมหาดไทย นายอิทธพิ ล คณุ ปลืม้ เป็นรฐั มนตรีวา่ การกระทรวงยตุ ธิ รรม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ เปน็ รฐั มนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปน็ รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงศกึ ษาธกิ าร

เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๑๗๖ ง หน้า ๓ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ราชกิจจานุเบกษา คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ เปน็ รัฐมนตรชี ่วยวา่ การกระทรวงศกึ ษาธกิ าร นายสาธติ ปิตุเตชะ เป็นรัฐมนตรีช่วยวา่ การกระทรวงศึกษาธิการ นายสุริยะ จงึ รุ่งเรืองกิจ เป็นรฐั มนตรีชว่ ยวา่ การกระทรวงสาธารณสุข ทงั้ นี้ ต้งั แตบ่ ดั นี้เป็นต้นไป เปน็ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศ ณ วันท่ี ๑๐ กรกฎาคม พทุ ธศักราช ๒๕๖2 เป็นปีท่ี 4 ในรัชกาลปัจจุบนั ผูร้ บั สนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จนั ทรโ์ อชา นายกรฐั มนตรี

เร่อื งท่ีคณะกรรมาธิการ พิจารณาเสร็จแล้ว











ร่าง ข้อบังคับการประชุมสภาผ้แู ทนราษฎร พ.ศ. .... อาศยั อานาจตามความในมาตรา ๑๒๘ ของรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ สภาผู้แทนราษฎรจึงตราข้อบังคบั การประชุมของสภาผู้แทนราษฎรขนึ้ ไว้ ดังต่อไปน้ี ข้อ ๑ ข้อบังคับน้เี รียกว่า “ข้อบงั คบั การประชุมสภาผ้แู ทนราษฎร พ.ศ. ....” ข้อ ๒ ขอ้ บังคับนี้ให้ใช้บงั คับตง้ั แต่วนั ถัดจากวนั ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเป็นตน้ ไป ขอ้ ๓ ในข้อบังคับนี้ คาวา่ “ประธานสภา” หมายความว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎร “รองประธานสภา” หมายความว่า รองประธานสภาผแู้ ทนราษฎร “สภา” หมายความว่า สภาผแู้ ทนราษฎร “ประธาน” หมายความวา่ ประธานของท่ปี ระชุมสภาผ้แู ทนราษฎร “สมาชิก” หมายความว่า สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร “กรรมาธิการ” หมายความว่า กรรมาธิการสามัญหรือกรรมาธกิ ารวิสามัญของสภาผู้แทนราษฎร “บรเิ วณสภา” หมายความว่า อาณาบริเวณอนั เปน็ ขอบเขตของสภาผูแ้ ทนราษฎร อาคาร ที่ทาการของสภาผแู้ ทนราษฎร และให้หมายความรวมถึงสถานท่ีสาหรับใชเ้ ป็นทป่ี ระชมุ สภาผู้แทนราษฎร เป็นการช่ัวคราว และอาคารท่ีทาการของสานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรด้วย “เลขาธกิ าร” หมายความว่า เลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร “การประชุม” หมายความว่า การประชมุ สภาผแู้ ทนราษฎร “ท่ีประชุม” หมายความว่า ท่ปี ระชมุ สภาผู้แทนราษฎร และให้หมายความรวมถึงห้องกระทู้ถามด้วย “ศาล” หมายความวา่ ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง หรือศาลรฐั ธรรมนญู ขอ้ ๔ ใหป้ ระธานสภาผู้แทนราษฎรรักษาการตามข้อบังคบั และมีอานาจออกระเบียบเพ่ือปฏบิ ัติ ตามข้อบังคบั นี้ หมวด ๑ การเลือกประธานสภาและรองประธานสภา ขอ้ ๕ การเลือกประธานสภาและรองประธานสภาครงั้ แรก ให้เลขาธกิ ารเชิญสมาชิก ผ้มู อี ายุสงู สุดซึ่งอย่ใู นที่ประชุมเปน็ ประธานชว่ั คราวของท่ปี ระชมุ เพ่ือให้ทปี่ ระชุมดาเนนิ การเลือกประธานสภา และรองประธานสภา และเพ่ือใหท้ ปี่ ระชุมดาเนินการในเร่ืองอื่นทจ่ี าเป็นจะต้องประชมุ ปรึกษา ในการประชมุ ครั้งนน้ั ด้วย

-๒- ในการดาเนนิ การเลอื กตามวรรคหน่งึ ถ้าผู้เป็นประธานชวั่ คราวของท่ีประชุมได้รบั การเสนอช่อื เป็นประธานสภาหรือรองประธานสภา ใหส้ มาชกิ ผู้มอี ายุสงู สดุ ในลาดับถดั ไปซ่ึงอยู่ในทป่ี ระชุมเป็นประธาน ชว่ั คราวของท่ีประชมุ ข้อ ๖ การเลือกประธานสภา สมาชกิ แตล่ ะคนมสี ทิ ธิเสนอชอื่ สมาชกิ ไดห้ นึง่ ช่ือ การเสนอนั้น ตอ้ งมีจานวนสมาชิกรบั รองไม่นอ้ ยกว่ายีส่ ิบคน ให้ผู้ถูกเสนอช่ือตามวรรคหนง่ึ กล่าวแสดงวสิ ยั ทัศน์ในการท่ีจะดารงตาแหน่งต่อท่ีประชมุ ภายในระยะเวลาทปี่ ระธานกาหนด โดยไมม่ ีการอภปิ ราย ถ้ามกี ารเสนอชอ่ื ผู้ใดเพียงช่ือเดียว ให้ถือว่าผ้ถู กู เสนอชอ่ื น้นั เป็นผู้ไดร้ บั เลอื ก ถา้ มีการเสนอชือ่ หลายช่อื ให้ออกเสียงลงคะแนนเปน็ การลับ ให้ประธานประกาศชื่อผู้ได้รบั เลอื กต่อที่ประชุม ข้อ ๗ การเลือกรองประธานสภา ใหน้ าความในข้อ ๖ มาใชบ้ ังคบั โดยอนโุ ลม ในกรณีท่สี ภามีมติให้มีรองประธานสภาสองคน ใหเ้ ลือกรองประธานสภาคนทห่ี นึ่งก่อน แลว้ จึงเลอื กรองประธานสภาคนที่สอง ข้อ ๘ เมื่อเลือกประธานสภาและรองประธานสภาได้แลว้ ใหเ้ ลขาธกิ ารมีหนังสอื แจง้ ไปยัง นายกรัฐมนตรีโดยเรว็ เพอ่ื นาความกราบบังคมทูลเพ่ือทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหม่อมแต่งตง้ั ต่อไป เมอื่ พระมหากษัตริยไ์ ด้ทรงแต่งตั้งประธานสภาและรองประธานสภาแล้ว ให้เลขาธิการส่งสาเนา ประกาศพระบรมราชโองการไปยังวุฒสิ ภาเพอื่ ทราบด้วย หมวด ๒ หนา้ ท่ีและอานาจของประธานสภา รองประธานสภา และหนา้ ท่ขี องเลขาธกิ าร ข้อ ๙ ประธานสภามีหนา้ ทแ่ี ละอานาจ ดังต่อไปนี้ (๑) เป็นประธานของที่ประชมุ (๒) กากบั ดแู ลการดาเนินกิจการของสภา (๓) ควบคุมการรักษาความสงบเรียบร้อยในทปี่ ระชมุ ตลอดถึงบริเวณสภา (๔) เป็นผูแ้ ทนสภาในกิจการภายนอก (๕) แต่งต้ังกรรมการเพ่ือดาเนินกิจการใด ๆ อนั เป็นประโยชนต์ ่อกจิ การของสภา (๖) หนา้ ที่และอานาจอนื่ ตามทม่ี กี ฎหมายบัญญตั ิไวห้ รือตามท่ีกาหนดไว้ในข้อบงั คบั น้ี ขอ้ ๑๐ รองประธานสภามีหนา้ ที่และอานาจช่วยประธานสภาในกิจการอนั เปน็ หนา้ ที่ และอานาจของประธานสภา หรอื ปฏบิ ัติการตามที่ประธานสภามอบหมาย เมอื่ ไมม่ ผี ูด้ ารงตาแหนง่ ประธานสภา หรือมีแตไ่ ม่อย่หู รือไม่สามารถปฏิบัติหน้าท่ีได้ ในกรณที ี่ มรี องประธานสภาสองคน ให้รองประธานสภาคนทหี่ นึ่งเป็นผปู้ ฏบิ ัติหนา้ ที่แทนประธานสภา ถ้ารองประธานสภา คนท่ีหน่งึ ไมอ่ ยหู่ รือไม่สามารถปฏบิ ัติหนา้ ท่ไี ด้ ใหร้ องประธานสภาคนท่ีสองเปน็ ผู้ปฏิบัติหนา้ ท่ีแทนประธานสภา

-๓- ขอ้ ๑๑ เลขาธกิ ารมีหน้าท่ี ดังตอ่ ไปนี้ (๑) นดั ประชุมสภาและคณะกรรมาธกิ ารครง้ั แรก (๒) เชิญผู้เป็นประธานช่ัวคราวของท่ปี ระชุมและท่ีประชมุ คณะกรรมาธกิ ารเข้าปฏิบตั ิหน้าท่ี (๓) ชว่ ยประธานในการประชมุ (๔) จัดทารายงานการประชุมและบันทึกการออกเสียงลงคะแนน (๕) ยนื ยนั มตขิ องสภาไปยงั ผู้ท่ีเกี่ยวข้อง (๖) รกั ษาสรรพเอกสาร ข้อมูลและโสตทศั นวสั ดขุ องสภา (๗) ควบคุมการปฏิบัตงิ านให้เป็นไปตามระเบยี บทปี่ ระธานสภากาหนด (๘) สนับสนนุ การประชุมและการดาเนนิ งานของสมาชิก (๙) หนา้ ที่อืน่ ตามท่ีมีกฎหมายบัญญัติไวห้ รือตามท่ีกาหนดไว้ในขอ้ บงั คับน้ี (๑๐) ปฏบิ ตั กิ ารอ่นื ตามท่ปี ระธานสภามอบหมาย หมวด ๓ คณะกรรมการประสานงาน ส่วนที่ ๑ คณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผู้แทนราษฎร ข้อ ๑๒ ให้มีคณะกรรมการคณะหน่งึ เรยี กวา่ “คณะกรรมการประสานงานร่วม สภาผแู้ ทนราษฎร” ประกอบด้วย ประธานสภาหรอื รองประธานสภาทป่ี ระธานสภามอบหมาย เปน็ ประธานกรรมการ และกรรมการอ่ืนอกี ไม่เกินสบิ คน ซ่ึงประธานสภาแต่งต้งั จากสมาชิกซง่ึ เป็นกรรมการ ประสานงานสภาผู้แทนราษฎรจานวนหา้ คน และกรรมการประสานงานพรรคการเมืองรว่ มฝ่ายค้าน ในสภาผู้แทนราษฎรจานวนหา้ คน หลักเกณฑ์ วิธกี ารในการแตง่ ตัง้ และสทิ ธิประโยชน์ของคณะกรรมการประสานงานรว่ ม สภาผ้แู ทนราษฎร ใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บทปี่ ระธานสภากาหนด ขอ้ ๑๓ คณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผแู้ ทนราษฎร พ้นจากตาแหน่ง เม่ือ (๑) สภาสิน้ อายุ สภาถูกยุบ หรือไม่มสี ภาเพราะเหตอุ ่ืนใด (๒) ตาย (๓) ลาออก (๔) พ้นจากการเป็นสมาชิก (๕) พ้นจากการเปน็ กรรมการประสานงานสภาผ้แู ทนราษฎรหรอื กรรมการประสานงาน พรรคการเมอื งรว่ มฝา่ ยค้านในสภาผ้แู ทนราษฎร แล้วแตก่ รณี (๖) มกี ารแต่งตง้ั คณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผ้แู ทนราษฎรใหม่แทนคณะเดมิ

-๔- ข้อ ๑๔ คณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผู้แทนราษฎร มีหน้าที่และอานาจ ดังตอ่ ไปนี้ (๑) พิจารณาดาเนินการหรือประสานงานในเรื่องท่เี ก่ียวข้องกับกิจการของสภา (๒) หน้าท่ีและอานาจอ่นื ตามท่ีประธานสภามอบหมาย สว่ นที่ ๒ คณะกรรมการประสานงานพรรคการเมืองรว่ มฝา่ ยค้านในสภาผแู้ ทนราษฎร ข้อ ๑๕ ใหม้ คี ณะกรรมการคณะหนง่ึ เรยี กวา่ “คณะกรรมการประสานงานพรรคการเมอื ง รว่ มฝา่ ยค้านในสภาผู้แทนราษฎร” ประกอบดว้ ย ผนู้ าฝา่ ยค้านในสภาผแู้ ทนราษฎรหรอื สมาชิก ซง่ึ สงั กัด พรรคการเมืองร่วมฝ่ายคา้ นที่ผูน้ าฝา่ ยคา้ นในสภาผู้แทนราษฎรมอบหมายเปน็ ประธานกรรมการ และกรรมการอื่นอีกไม่เกินสิบส่ีคน ซง่ึ ผ้นู าฝ่ายคา้ นในสภาผู้แทนราษฎรเสนอใหป้ ระธานสภาแต่งตง้ั จากสมาชกิ ในสงั กดั พรรคการเมืองรว่ มฝ่ายค้านในสภาผแู้ ทนราษฎรตามอตั ราสว่ นจานวนสมาชกิ ของพรรคการเมืองร่วมฝ่ายค้านแตล่ ะพรรค หลักเกณฑ์ วิธกี ารในการแต่งตงั้ และสิทธปิ ระโยชนข์ องคณะกรรมการประสานงาน พรรคการเมอื งรว่ มฝ่ายค้านในสภาผ้แู ทนราษฎร ให้เป็นไปตามระเบยี บท่ปี ระธานสภากาหนด ขอ้ ๑๖ คณะกรรมการประสานงานพรรคการเมืองรว่ มฝา่ ยค้านในสภาผูแ้ ทนราษฎร พ้นจากตาแหนง่ เมื่อ (๑) สภาสน้ิ อายุ สภาถูกยุบ หรอื ไม่มีสภาเพราะเหตอุ น่ื ใด (๒) ตาย (๓) ลาออก (๔) พ้นจากการเปน็ สมาชิก (๕) มีการแตง่ ตง้ั คณะกรรมการประสานงานพรรคการเมอื งร่วมฝ่ายค้านในสภาผแู้ ทนราษฎรใหม่ แทนคณะเดิม ขอ้ ๑๗ คณะกรรมการประสานงานพรรคการเมืองรว่ มฝา่ ยคา้ นในสภาผ้แู ทนราษฎร มหี นา้ ที่ และอานาจ ดงั ต่อไปนี้ (๑) พิจารณาดาเนินการหรือประสานงานในเร่ืองของพรรคการเมืองรว่ มฝา่ ยค้านท่เี ก่ียวข้อง กับกจิ การของสภา (๒) หนา้ ทีแ่ ละอานาจอื่นตามท่ีผนู้ าฝ่ายค้านในสภาผูแ้ ทนราษฎรมอบหมาย

-๕- หมวด ๔ การประชุม ส่วนท่ี ๑ วิธีการประชมุ ขอ้ ๑๘ การประชมุ ย่อมเปน็ การเปิดเผย เวน้ แตค่ ณะรฐั มนตรีหรือสมาชิกจานวนไมน่ อ้ ยกวา่ หน่งึ ในส่ขี องจานวนสมาชกิ ท้ังหมดเท่าท่ีมีอยู่ของสภารอ้ งขอใหป้ ระชมุ ลับ ก็ให้ประชุมลับ การประชุมเปดิ เผย ใหบ้ ุคคลภายนอกเข้าฟังการประชุมได้ตามระเบยี บทปี่ ระธานสภากาหนด และประธานสภาตอ้ งจดั ใหม้ ีการถ่ายทอดสดการประชมุ ทางวทิ ยุกระจายเสยี งและวทิ ยโุ ทรทศั น์ หรอื ทางส่ือเทคโนโลยีสารสนเทศประเภทอื่นทปี่ ระชาชนทัว่ ไปสามารถรับได้อยา่ งท่วั ถึง โดยจดั ให้มี ลา่ มภาษามือดว้ ย เว้นแต่มีเหตขุ ัดข้องใหแ้ จง้ ทีป่ ระชมุ ทราบ ในกรณีที่ไม่สามารถถ่ายทอดสดการประชุมตามวรรคสองได้ ให้ประธานสภาจัดให้มกี ารเผยแพร่ บันทึกภาพและเสียงการประชุมดงั กล่าวผา่ นทางสือ่ ที่เหมาะสม โดยเรว็ ในการประชุมลับ หา้ มบคุ คลภายนอกเขา้ ฟงั การประชมุ เว้นแต่ผูท้ ่ีได้รบั อนุญาตจากประธาน เทา่ น้ัน และให้ประธานดาเนินการเพ่ือมิใหม้ ีการบนั ทึกภาพ บนั ทึกเสียง หรือกระทาการใด ๆ ทเี่ ปน็ การถา่ ยทอด การประชมุ สู่บคุ คลภายนอกโดยมไิ ด้รับอนุญาต ข้อ ๑๙ ให้มีการประชุมครั้งแรกภายในสบิ วันนับแตว่ นั เปิดสมัยประชุมสามัญหรือวสิ ามัญของรัฐสภา การประชมุ ครง้ั ต่อไปใหเ้ ป็นไปตามมติทสี่ ภากาหนดไว้ แต่ถ้ามีเหตุอันสมควรประธานสภา จะส่ังงดการประชุมครัง้ ใดก็ได้ โดยให้ทาเปน็ หนังสอื เว้นแตป่ ระธานบอกงดในที่ประชุมแล้ว และให้ประธานสภา แจ้งเหตุท่สี ัง่ งดในการประชุมครง้ั ถดั ไป ในกรณีท่ปี ระธานสภาเห็นสมควรเรยี กประชุมเปน็ พเิ ศษ ให้เรยี กประชุมได้ ข้อ ๒๐ การนดั ประชุมตอ้ งทาเปน็ หนังสอื เวน้ แต่เมื่อประธานไดบ้ อกนัดในท่ปี ระชุมแลว้ หรือเห็นว่าเป็นเรอื่ งดว่ นจะนัดประชมุ โดยวธิ ีอ่ืนใดก็ได้ การนดั ประชุมใหน้ ดั ล่วงหน้าไมน่ ้อยกวา่ สามวนั แต่ถา้ ประธานสภาเหน็ สมควรจะนดั เรว็ กว่านั้น ก็ได้ ข้อ ๒๑ ให้สง่ ระเบียบวาระการประชมุ ไปพร้อมกบั หนงั สือนดั ประชุม โดยเอกสารที่เกีย่ วขอ้ ง จะเผยแพร่ทางสื่ออิเลก็ ทรอนิกส์ ในกรณที ปี่ ระธานสภาเหน็ สมควรจะบรรจุเร่ืองใดเพ่ิมเติมในระเบียบวาระการประชมุ อีกก็ได้ แตต่ อ้ งก่อนวนั ประชมุ ไมน่ อ้ ยกว่าหนงึ่ วนั ขอ้ ๒๒ การนดั ประชมุ ตามข้อ ๒๐ หรอื การสง่ เอกสารตามข้อ ๒๑ อาจดาเนินการ ทางสอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์หรือส่อื เทคโนโลยีสารสนเทศประเภทอ่ืนเพิ่มเตมิ ดว้ ยก็ได้ เม่ือประธานสภาเหน็ สมควร เว้นแตก่ ารจัดส่งเอกสารลับ ใหเ้ ป็นไปตามทีป่ ระธานสภากาหนด

-๖- ข้อ ๒๓ การจัดระเบยี บวาระการประชุม ให้จัดลาดับ ดังต่อไปน้ี (๑) กระท้ถู าม (๒) เรือ่ งท่ีประธานจะแจ้งต่อท่ีประชุม (๓) รบั รองรายงานการประชุม (๔) เรือ่ งท่ีคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแลว้ (๕) เรอ่ื งท่ีค้างพจิ ารณา (๖) เรือ่ งที่เสนอใหม่ (๗) เรือ่ งอื่น ๆ ในกรณีที่ประธานสภาเหน็ ว่าเรื่องใดเปน็ เร่ืองด่วน จะจัดไว้ในลาดับใดของระเบียบวาระ การประชมุ ก็ได้ แตจ่ ะจดั ไวก้ ่อนเรื่องทค่ี ณะกรรมาธิการพจิ ารณาเสรจ็ แล้วไม่ได้ ข้อ ๒๔ ก่อนเข้าส่รู ะเบยี บวาระการประชุม ประธานอาจอนุญาตใหส้ มาชิกปรึกษาหารือปัญหา ท่ีเกี่ยวกบั ความเดือดร้อนของประชาชนหรือปัญหาอน่ื ใดได้ ตามหลักเกณฑ์และวธิ กี ารทีป่ ระธานสภากาหนด และใหป้ ระธานสภาส่งเร่ืองดังกล่าวให้นายกรฐั มนตรหี รือรัฐมนตรีหรือหนว่ ยงานของรัฐทเ่ี ก่ยี วข้องชีแ้ จง ภายในสามสบิ วัน และแจง้ ให้สมาชิกทราบ ขอ้ ๒๕ ก่อนเข้าประชมุ ทุกคร้ังใหส้ มาชกิ ผู้มาประชุมลงชอ่ื ในเอกสารทจี่ ัดไว้หรือแสดงตน ตามระเบียบท่ีประธานสภากาหนด เมอื่ มีสมาชิกลงช่ือมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหน่ึงของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าทีม่ ีอยู่ของสภา จึงจะเป็นองคป์ ระชุม เวน้ แต่ในกรณีพจิ ารณาระเบียบวาระกระท้ถู ามตามมาตรา ๑๕๐ ของรฐั ธรรมนญู ถ้ามสี มาชิกลงช่อื มาประชมุ ไม่นอ้ ยกว่าหนึ่งในหา้ ของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าท่มี ีอยู่ของสภากใ็ หถ้ ือว่า เปน็ องค์ประชุมพิจารณาได้ เมอ่ื มสี มาชิกมาลงช่ือครบองค์ประชมุ และมสี ัญญาณใหเ้ ขา้ ประชมุ แล้ว ใหป้ ระธานดาเนนิ การ ประชุมได้ เมือ่ ประธานข้นึ บัลลังก์ ให้ผู้ที่อยูใ่ นทป่ี ระชุมยืนขึน้ จนกว่าประธานไดน้ ง่ั ลง ในกรณีอา่ นพระบรมราชโองการหรอื กระแสพระราชดารัส ใหผ้ อู้ ยู่ในทป่ี ระชุมยนื ฟงั ตลอดเวลาทอี่ า่ น ข้อ ๒๖ เม่อื พ้นกาหนดเวลาประชุมไปสามสิบนาทแี ล้ว จานวนสมาชกิ ยังไม่ครบองคป์ ระชมุ ประธานจะสง่ั ให้เล่ือนการประชุมไปกไ็ ด้ ข้อ ๒๗ เมอ่ื ไม่มีผปู้ ฏบิ ตั หิ น้าท่ปี ระธานของทป่ี ระชุม ให้สมาชกิ ผูม้ อี ายุสงู สดุ ซ่ึงมาประชุม เปน็ ประธานชั่วคราวของท่ีประชมุ เพ่ือใหท้ ่ีประชมุ ดาเนินการเลือกประธานสภาและรองประธานสภา ตามข้อ ๕ ขอ้ ๖ และข้อ ๗ หรอื เพ่ือใหท้ ปี่ ระชุมดาเนนิ การเลือกประธานเฉพาะคราวสาหรบั การประชุมคร้ังนั้น ในกรณที ี่ทป่ี ระชุมต้องประชุมปรกึ ษาเรื่องอนื่ ในการเลือกประธานเฉพาะคราว ให้นาความในข้อ ๕ และข้อ ๖ มาใชบ้ งั คับโดยอนโุ ลม เวน้ แต่ กรณตี ามข้อ ๖ วรรคสอง มใิ หน้ ามาใช้บังคับ ส่วนการลงคะแนนให้กระทาเป็นการเปิดเผยตามขอ้ ๘๓

-๗- ขอ้ ๒๘ การประชมุ ให้ท่ีประชุมพิจารณาเฉพาะเรื่องทม่ี ีอยู่ในระเบียบวาระการประชุม และต้องดาเนนิ การพจิ ารณาตามลาดับระเบยี บวาระการประชมุ ที่จดั ไว้ เวน้ แต่ท่ีประชุมจะลงมตเิ ปน็ อย่างอื่น ข้อ ๒๙ ผู้ใดประสงคจ์ ะกล่าวถ้อยคาต่อท่ีประชมุ ให้ยกมือขึ้นพ้นศีรษะ เม่ือประธานอนุญาตแล้ว จงึ ยนื ข้นึ กล่าวได้ และต้องเป็นคากลา่ วกับประธานเทา่ นั้น ข้อ ๓๐ ถ้านายกรัฐมนตรีหรือรฐั มนตรขี อแถลงหรือชแี้ จงเร่อื งใดต่อทีป่ ระชมุ ใหป้ ระธาน พจิ ารณาอนญุ าต สมาชกิ อาจซักถามเพื่อความกระจา่ งแจง้ ในเรอ่ื งทีแ่ ถลงหรือช้แี จงนั้น แต่นายกรัฐมนตรี หรอื รัฐมนตรจี ะไม่ตอบก็ได้ ถ้าเห็นวา่ ขอ้ ซักถามนนั้ ยังไม่ควรเปดิ เผยเพราะเกยี่ วกบั ความปลอดภยั หรือประโยชน์สาคญั ของแผ่นดนิ ข้อ ๓๑ ในกรณที ี่สภาพิจารณาเรื่องที่เก่ียวกับศาล องค์กรอิสระ องค์กรอยั การ หรือหนว่ ยงานอ่นื ที่กฎหมายกาหนดให้ต้องรายงานผลการปฏบิ ตั งิ านต่อสภา ใหผ้ แู้ ทนขององค์กรนนั้ มสี ิทธเิ ข้าแถลงหรือชแ้ี จง ตอ่ ที่ประชมุ ได้ เมื่อประธานอนุญาต ในการแถลงหรือช้ีแจง ใหน้ าความในข้อ ๖๙ ข้อ ๗๐ ข้อ ๗๑ และข้อ ๗๒ มาใชบ้ ังคับโดยอนุโลม ขอ้ ๓๒ ประธานมีอานาจปรึกษาหารือทปี่ ระชมุ ในปญั หาใด ๆ กาหนดวิธีการตรวจสอบ องค์ประชุม สง่ั พักการประชุม เล่ือนการประชมุ หรือเลกิ การประชุมไดต้ ามทเ่ี ห็นสมควร ถา้ ประธานสภาลงจากบัลลังก์โดยไมไ่ ดส้ ่งั อย่างใด และไม่มีรองประธานสภาปฏบิ ัติหน้าที่แทน ให้เลกิ การประชุม ข้อ ๓๓ รายงานการประชมุ เมื่อคณะกรรมาธิการกิจการสภาผ้แู ทนราษฎรตรวจแล้ว กอ่ นทจ่ี ะเสนอใหส้ ภารบั รอง ให้ทาสาเนาวางไว้ไม่น้อยกว่าเจด็ วัน ณ บริเวณสภาเพอ่ื ให้สมาชิกตรวจดูได้ โดยสมาชกิ อาจรอ้ งขอตรวจดทู างสอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส์หรือสือ่ เทคโนโลยีสารสนเทศประเภทอื่นด้วยกไ็ ด้ ท้ังนี้ ตามหลกั เกณฑ์และวธิ ีการทปี่ ระธานสภากาหนด รายงานการประชุมทุกครั้งจะต้องมรี ายชอ่ื สมาชิกท่ีมาประชุม ท่ลี าการประชุม ที่ขาดการประชุม และบันทึกการออกเสยี งลงคะแนนแตล่ ะเรื่อง สมาชิกมีสิทธขิ อแก้ไขเพิม่ เติมรายงานการประชุมดงั กลา่ วใหต้ รงตามทเ่ี ป็นจริง โดยย่นื คาขอ แก้ไขเพ่ิมเตมิ ต่อประธานคณะกรรมาธิการกจิ การสภาผู้แทนราษฎร ถา้ คณะกรรมาธกิ ารไมย่ อมแก้ไขเพมิ่ เตมิ ใหต้ ามท่ีขอ สมาชิกผ้นู ัน้ มสี ทิ ธทิ ่ีจะยืนยนั คาขอแก้ไขเพ่ิมเติมเพื่อขอใหส้ ภาวินิจฉยั ข้อ ๓๔ รายงานการประชุมคร้งั ใด เม่อื ไดว้ างสาเนาไว้เพื่อให้สมาชกิ ตรวจดูตามข้อ ๓๓ แลว้ ถ้ามีการแก้ไขเพิ่มเติมในภายหลังโดยคณะกรรมาธิการกิจการสภาผแู้ ทนราษฎรแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ เอง หรือโดยสมาชิกขอแก้ไขเพิ่มเติมก็ตาม ในคราวทส่ี ภาพิจารณารบั รองรายงานการประชุมนั้น คณะกรรมาธิการ จะตอ้ งแถลงต่อท่ปี ระชมุ ถงึ การแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าว ขอ้ ๓๕ เมื่อสภาได้รับรองรายงานการประชุมครั้งใดแลว้ ให้ประธานสภาลงลายมอื ชื่อไว้ เปน็ หลักฐาน

-๘- รายงานการประชุมทีไ่ ดร้ ับรองแลว้ แต่ประธานสภายังมิได้ลงลายมอื ชือ่ ไวเ้ ป็นหลกั ฐาน หรอื รายงานการประชมุ ทย่ี ังมิไดม้ ีการรบั รองเพราะเหตุที่สภาสิน้ อายุ สภาถูกยุบ หรือไม่มสี ภาเพราะเหตุอน่ื ใด ให้เลขาธิการบนั ทึกเหตุน้ันไว้ และเปน็ ผู้รบั รองความถูกต้องของรายงานการประชุมน้ัน ข้อ ๓๖ สภาอาจมมี ติไม่ให้จดรายงานการประชุมลบั ครั้งใดทั้งหมด หรอื แต่เพียงบางสว่ นกไ็ ด้ แต่ใหม้ ีบันทึกเหตุการณไ์ ว้ ขอ้ ๓๗ การเปิดเผยรายงานการประชุมลบั ใหค้ ณะกรรมาธิการกจิ การสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา และเสนอความเห็นเพื่อใหส้ ภามีมติวา่ จะเปิดเผยหรอื ไม่ ข้อ ๓๘ สภาอาจมมี ตหิ ้ามโฆษณาข้อความอันเก่ียวกับความปลอดภยั หรอื ประโยชนส์ าคญั ของแผน่ ดนิ ท่ไี ด้กล่าวหรอื ปรากฏในการประชมุ ก็ได้ ขอ้ ๓๙ ในกรณีท่ีสมาชิกกลา่ วถ้อยคาในทีป่ ระชุมที่มีการถ่ายทอดทางวิทยุกระจายเสียง หรือวทิ ยโุ ทรทัศนห์ รือทางส่ือเทคโนโลยีสารสนเทศประเภทอื่น อันอาจเปน็ เหตุให้บุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่นายกรฐั มนตรี หรอื รัฐมนตรหี รอื สมาชิกได้รับความเสียหาย บคุ คลน้ันมีสิทธิรอ้ งขอต่อประธานสภาภายในกาหนดเวลาสามเดือน นบั แตว่ ันทม่ี กี ารประชุมคร้ังน้ัน เพือ่ ให้มีการโฆษณาคาช้แี จง การยื่นคาร้องต้องทาเป็นหนังสือพร้อมคาช้ีแจงประกอบขอ้ เทจ็ จรงิ อย่างชดั เจนและอยู่ในประเดน็ ท่ีผู้รอ้ งอ้างว่าก่อใหเ้ กิดความเสยี หายเท่าน้นั ข้อ ๔๐ ให้เปน็ อานาจของประธานสภาทจ่ี ะวินจิ ฉัยว่าคาร้องและคาช้ีแจงท่ีผูร้ อ้ งกลา่ วอ้างมานัน้ เปน็ ไปตามขอ้ ๓๙ หรือไม่ ให้ประธานสภาวินิจฉัยคาร้องและคาช้ีแจงให้แลว้ เสร็จภายในสามสบิ วนั นบั แตว่ นั ท่ีไดร้ ับคาร้อง ในกรณีทป่ี ระธานสภาวินิจฉัยว่าคาร้องและคาชแี้ จงไมเ่ ป็นไปตามข้อ ๓๙ ใหย้ กคาร้องเสีย และแจง้ ให้ผู้ร้องทราบ คาวนิ ิจฉัยของประธานสภาให้ถอื เปน็ เดด็ ขาด ข้อ ๔๑ ในกรณีทป่ี ระธานสภาไดว้ ินจิ ฉัยวา่ คาร้องและคาชี้แจงเป็นไปตามข้อ ๓๙ ให้ประธานสภา จดั ใหม้ กี ารโฆษณาโดยวิธปี ิดประกาศคาชีแ้ จงไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ไว้ ณ บริเวณสภาทป่ี ระชาชนเข้าไป ตรวจสอบได้ และโฆษณาโดยวธิ กี ารอนื่ ตามท่ีประธานสภาเห็นสมควร ขอ้ ๔๒ เม่ือประธานสภาดาเนินการตามข้อ ๔๑ แลว้ ใหแ้ จง้ ผูร้ อ้ ง ผ้กู ล่าวถอ้ ยคาท่ีก่อให้เกดิ ความเสยี หาย และทีป่ ระชุมรับทราบในโอกาสแรกที่มีการประชุม ข้อ ๔๓ ให้เลขาธิการเปน็ ผ้พู มิ พแ์ ละโฆษณารายงานการประชมุ เพื่อเป็นการเปิดเผยใหป้ ระชาชน ทราบได้ท่ัวไป โดยอาจมีการเผยแพร่ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรอื ส่อื เทคโนโลยสี ารสนเทศประเภทอ่ืนด้วยกไ็ ด้ เวน้ แต่รายงานการประชุมลับทส่ี ภามมี ติไม่ใหเ้ ปดิ เผย

-๙- สว่ นท่ี ๒ การเสนอญัตติ ขอ้ ๔๔ ญัตติ คอื ข้อเสนอใด ๆ ท่มี ีความมุ่งหมายให้สภาลงมติหรอื ชข้ี าดวา่ จะใหป้ ฏิบัติ หรอื ดาเนนิ การอย่างไรต่อไป ขอ้ ๔๕ ญัตตทิ ้ังหลายต้องเสนอล่วงหนา้ เปน็ หนังสือต่อประธานสภา และต้องมีจานวนสมาชกิ รบั รองไม่น้อยกว่าหา้ คน เวน้ แต่ข้อบังคบั นี้ไดก้ าหนดไว้โดยเฉพาะเปน็ อย่างอนื่ ขอ้ ๔๖ ญัตตขิ อใหป้ ระชมุ ลับตามมาตรา ๑๒๗ ญตั ติท่เี ปน็ ร่างพระราชบัญญตั ิตามมาตรา ๑๓๓ ญัตตขิ อเปิดอภปิ รายทั่วไปตามมาตรา ๑๕๑ มาตรา ๑๕๒ ของรฐั ธรรมนูญ และญัตติท่ีคณะรฐั มนตรี เป็นผู้เสนอ ไมต่ ้องมผี ู้รบั รอง ข้อ ๔๗ ญัตติขอให้สภามมี ติให้นายกรัฐมนตรีหรอื รัฐมนตรีผู้ใดเข้าร่วมประชมุ ในเรื่องใด ในที่ประชมุ ถ้าสมาชกิ เปน็ ผูเ้ สนอตอ้ งมจี านวนสมาชิกรับรองไมน่ ้อยกว่าย่ีสิบคน ข้อ ๔๘ ญัตติขอใหส้ ภามีมตวิ ่ากรณีมีปัญหาเกี่ยวกับหนา้ ที่และอานาจของสภาตามมาตรา ๒๑๐ (๒) ของรัฐธรรมนูญ ถ้าสมาชิกเป็นผู้เสนอตอ้ งมจี านวนสมาชกิ รับรองไมน่ อ้ ยกวา่ ยส่ี ิบคน ข้อ ๔๙ ญัตตขิ อให้สภาต้ังคณะกรรมาธกิ ารหรือขอใหค้ ณะกรรมาธิการสามัญคณะใดคณะหนงึ่ กระทากิจการ พจิ ารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใด ๆ อันอยู่ในหน้าทีแ่ ละอานาจของสภา ตามมาตรา ๑๒๙ ของรัฐธรรมนูญ ถ้าสมาชกิ เปน็ ผเู้ สนอต้องมจี านวนสมาชิกรบั รองไม่น้อยกวา่ ย่สี ิบคน ข้อ ๕๐ ในกรณีที่เก่ยี วกบั ประโยชน์สาคญั ของแผน่ ดิน หรือมีความจาเปน็ รบี ด่วน ในอนั ทีจ่ ะรกั ษาความสงบเรียบรอ้ ยหรอื ศลี ธรรมอันดขี องประชาชน หรือความมั่นคงของประเทศ ไมว่ ่าในทางเศรษฐกจิ หรือในทางใด ๆ ก็ตาม หรือในอันท่ีจะขจดั เหตใุ ด ๆ ทีก่ ระทบกระเทือนต่อเสรีภาพ ของประชาชนอย่างรา้ ยแรง จะเสนอญัตติดว่ นเพ่ือให้สภาพิจารณาเปน็ การดว่ นก็ได้ ญตั ตดิ ว่ นตอ้ งไมม่ ลี ักษณะทานองเดยี วกบั กระทู้ถาม และต้องมวี ตั ถุประสงค์เพื่อใหส้ ภาดาเนนิ การ อย่างใดอย่างหน่ึงด้วย ขอ้ ๕๑ ให้เป็นอานาจของประธานสภาทจ่ี ะวนิ ิจฉยั ว่าญตั ติใดเป็นญตั ติด่วนหรอื ไม่ และเมื่อวนิ จิ ฉยั แล้วให้แจ้งผ้เู สนอญตั ติทราบพร้อมด้วยเหตุผลภายในหา้ วันนบั แต่วันที่ได้รับญัตตินน้ั ให้ประธานสภาบรรจุญัตตดิ ่วนเขา้ ระเบียบวาระการประชมุ เป็นเรอ่ื งด่วน ญตั ติทีป่ ระธานสภาวนิ ิจฉยั ว่าไมไ่ ด้เปน็ ญัตติด่วน ให้ประธานสภาดาเนนิ การต่อไปตามข้อ ๕๓ ขอ้ ๕๒ ญัตติทจ่ี ะก่อให้เกิดผลใช้บังคบั เปน็ กฎหมาย ต้องเสนอเป็นรา่ งพระราชบัญญตั ิ และปฏบิ ตั ิตามบทบญั ญตั ิของรฐั ธรรมนูญ

- ๑๐ - ขอ้ ๕๓ ภายใตบ้ งั คบั ข้อ ๕๑ และขอ้ ๕๒ ใหป้ ระธานสภาบรรจญุ ตั ตเิ ข้าระเบียบวาระ การประชุมภายในเจด็ วนั นบั แตว่ นั ท่ีไดร้ บั ญัตตนิ ้นั ตามลาดับท่ียื่นกอ่ นหลัง กาหนดวนั ดงั กล่าวใหห้ มายถึง วันในสมัยประชมุ ข้อ ๕๔ ญตั ตติ อ่ ไปน้ีไมต่ ้องเสนอลว่ งหนา้ หรอื เปน็ หนงั สอื (๑) ขอให้พิจารณาเปน็ เรอื่ งด่วน (๒) ขอเปล่ยี นระเบยี บวาระการประชมุ (๓) ขอใหล้ งมตติ ามข้อ ๓๖ หรอื ข้อ ๓๘ (๔) ญตั ตใิ นข้อ ๕๕ ขอ้ ๘๐ ข้อ ๘๓ ขอ้ ๘๔ ข้อ ๑๒๐ หรอื ข้อ ๑๘๔ (๕) ญตั ตทิ ่ปี ระธานอนุญาตตามที่เหน็ สมควร ญัตติตาม (๒) ถ้าเป็นการเสนอเพ่ือพิจารณารา่ งพระราชบัญญัติ เมอ่ื ทปี่ ระชุมลงมตเิ ห็นชอบ ตามท่เี สนอแลว้ ใหม้ ผี ลบงั คับในการประชุมครัง้ ต่อไป ข้อ ๕๕ เมื่อที่ประชุมกาลังพิจารณาญัตติใดอยู่ หา้ มเสนอญตั ติอื่นข้ึนมาพิจารณา เวน้ แต่ญัตติ ดังตอ่ ไปนี้ (๑) ขอแปรญตั ติเฉพาะในเรื่องท่ีไม่ใช่ร่างพระราชบญั ญตั ิ (๒) ขอใหร้ วมระเบยี บวาระการประชุมท่ีเปน็ เรื่องเดียวกนั ทานองเดยี วกนั หรือเกย่ี วเน่ืองกัน เพอื่ พิจารณาพร้อมกัน (๓) ขอให้สง่ ปัญหาไปยงั คณะกรรมาธกิ ารเพ่ือพิจารณา หรือขอให้บุคคลใดส่งเอกสาร หรอื มาแถลงข้อเทจ็ จริงหรือแสดงความคิดเหน็ (๔) ขอใหร้ วมหรือแยกประเดน็ พจิ ารณาหรือลงมติ (๕) ขอใหเ้ ลอ่ื นการปรึกษาหรือพิจารณา (๖) ขอให้ปดิ อภปิ ราย (๗) ขอให้ยกเรอ่ื งอ่นื ข้ึนปรึกษาหรือพจิ ารณา ญตั ตติ าม (๓) (๕) (๖) หรือ (๗) เม่ือท่ปี ระชุมลงมติเห็นชอบตามทีเ่ สนอแลว้ หา้ มไม่ให้เสนอ ญตั ตอิ ่ืนในข้อนี้อีก ข้อ ๕๖ ญตั ตติ ามขอ้ ๕๕ (๖) และ (๗) หา้ มเสนอในคราวเดียวกบั การอภปิ รายของตน ข้อ ๕๗ ญตั ตติ ามขอ้ ๕๕ (๗) หา้ มเสนอในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ ขอ้ ๕๘ ในกรณีทีท่ ่ปี ระชมุ ลงมติใหย้ กเร่ืองอืน่ ขน้ึ ปรึกษาหรือพจิ ารณา ให้ญัตตเิ ดิมเปน็ อันตกไป ข้อ ๕๙ ญัตตทิ ่ีเสนอล่วงหนา้ เป็นหนงั สือ ผู้เสนอและผรู้ บั รองต้องลงลายมือชอ่ื ในญัตตินั้น ข้อ ๖๐ ญตั ติทไี่ มต่ ้องเสนอล่วงหน้าเปน็ หนังสือ ให้ผรู้ บั รองญตั ติแสดงการรับรองโดยวิธยี กมอื ข้ึนพน้ ศรี ษะ

- ๑๑ - ขอ้ ๖๑ การแก้ไขเพ่ิมเติมญัตติหรือการถอนญัตติที่ประธานสภาส่งั บรรจุเขา้ ระเบยี บวาระ การประชมุ จะกระทาไดต้ ่อเมื่อไดร้ บั ความยนิ ยอมของทีป่ ระชุม ขอ้ ๖๒ การถอนช่อื จากการเป็นผู้ร่วมกนั เสนอญตั ติใด หรอื จากการเป็นผรู้ บั รอง จะกระทาได้เฉพาะกอ่ นที่ประธานสภาสัง่ บรรจุญตั ตินั้นเข้าระเบยี บวาระการประชมุ ในกรณีท่ีประธานสภา สง่ั บรรจุญัตติน้ันเข้าระเบียบวาระการประชุมแลว้ จะถอนชอ่ื ได้ตอ่ เม่อื ได้รบั ความยินยอมของที่ประชุม ขอ้ ๖๓ การถอนคาแปรญัตติจะกระทาเม่ือใดกไ็ ด้ แต่การขอแก้ไขเพิ่มเติมคาแปรญัตติ จะกระทาไดเ้ ฉพาะภายในกาหนดเวลาแปรญตั ติ ข้อ ๖๔ ญัตติใดถึงวาระพิจารณาในที่ประชุมแล้ว การเสนอญตั ตซิ ึง่ มีหลักการเชน่ เดยี วกัน จะกระทามิได้ ถ้าผู้เสนอญัตตหิ รือผู้แปรญตั ติไม่ช้แี จงในที่ประชมุ หรือผ้เู สนอญตั ติหรือผู้แปรญตั ติ ไมอ่ ยู่ในทีป่ ระชมุ โดยไม่มผี ชู้ แ้ี จงแทนในฐานะผู้รับมอบหมาย ญัตติหรือคาแปรญตั ตนิ ้นั เป็นอันตกไป การมอบหมายใหช้ ี้แจงแทนต้องทาเป็นหนังสอื ยื่นต่อประธานสภา ข้อ ๖๕ ญตั ตใิ ดตกไปแล้ว ห้ามนาญัตตซิ ่ึงมีหลักการเชน่ เดียวกนั ขึ้นเสนออีกในสมัยประชมุ เดียวกนั เว้นแต่ญัตติทยี่ ังไม่ไดม้ กี ารลงมตหิ รือญตั ติทป่ี ระธานสภาจะอนญุ าตในเม่ือพิจารณาเหน็ วา่ เหตุการณ์ ไดเ้ ปล่ียนแปลงไป สว่ นท่ี ๓ การอภปิ ราย ขอ้ ๖๖ ผมู้ ีสทิ ธิอภปิ รายก่อน คือ ผเู้ สนอญัตติหรือผูแ้ ปรญตั ติ แตถ่ า้ ผู้เสนอญตั ติ หรือผู้แปรญตั ติมีหลายคน ให้ประธานอนญุ าตใหอ้ ภิปรายก่อนไดเ้ พยี งคนเดยี ว กรรมาธิการซึ่งไดส้ งวนความเห็น กรรมาธิการผรู้ ับมอบหมายจากกรรมาธิการซึ่งได้สงวนความเหน็ หรอื สมาชกิ หรือกรรมาธกิ ารผู้รับมอบหมายจากผู้แปรญัตติซ่งึ ได้สงวนคาแปรญตั ติไว้ในชน้ั คณะกรรมาธกิ าร ให้มฐี านะเสมือนเป็นผู้แปรญัตติดว้ ย ขอ้ ๖๗ เม่ือผู้อภิปรายก่อนได้อภปิ รายแลว้ การอภปิ รายในลาดับตอ่ ไปจะต้องเป็นการอภปิ ราย สลับกันระหวา่ งฝา่ ยคัดค้านและฝา่ ยสนบั สนนุ เวน้ แตใ่ นวาระของฝา่ ยใดไมม่ ผี ู้อภปิ รายอีกฝา่ ยหนึง่ จึงอภิปราย ซ้อนได้ การอภปิ รายไม่สนบั สนนุ และไมค่ ดั คา้ น ย่อมกระทาไดโ้ ดยไม่ต้องสลับและไม่ให้นับเปน็ วาระ อภปิ รายของฝ่ายใด ขอ้ ๖๘ ถา้ มีผขู้ ออภปิ รายหลายคน ประธานจะใหค้ นใดอภิปรายก็ได้ แต่ใหค้ านงึ ถงึ ผเู้ สนอญตั ติ ผู้แปรญตั ติ และผ้ซู ่ึงยงั ไม่ได้อภิปรายดว้ ย

- ๑๒ - ขอ้ ๖๙ การอภิปรายต้องอยู่ในประเด็นหรือเก่ียวกับประเด็นทกี่ าลังปรกึ ษากันอยู่ ต้องไม่ฟุ่มเฟือย วนเวียน ซ้าซาก หรือซา้ กับผู้อน่ื และหา้ มไม่ให้นาเอกสารใด ๆ มาอ่านให้ท่ปี ระชมุ ฟงั โดยไมจ่ าเปน็ และหา้ มไม่ให้นาวัตถใุ ด ๆ เข้ามาแสดงในท่ีประชุม เวน้ แต่ประธานจะอนญุ าต หา้ มผู้อภปิ รายแสดงกริ ยิ าหรือใชว้ าจาอนั ไมส่ ุภาพ ใสร่ า้ ย หรือเสียดสีบุคคลใด และห้ามกล่าวถงึ พระมหากษัตรยิ ห์ รือออกชื่อสมาชกิ หรือบุคคลใดโดยไมจ่ าเป็น ข้อ ๗๐ ถา้ ประธานเห็นว่าผูใ้ ดได้อภปิ รายพอสมควรแล้ว ประธานจะให้ผู้นัน้ หยดุ อภปิ รายก็ได้ ข้อ ๗๑ สมาชิกผใู้ ดต้องการประท้วงวา่ มกี ารฝา่ ฝนื ขอ้ บังคับ ใหย้ นื และยกมอื ขึ้นพน้ ศีรษะ ประธานตอ้ งให้โอกาสผู้นนั้ ชแี้ จง แลว้ ให้ประธานวนิ จิ ฉยั วา่ ได้มีการฝ่าฝนื ข้อบงั คับตามท่ีประท้วงหรอื ไม่ คาวนิ ิจฉัยของประธานถือเป็นเดด็ ขาด ใหน้ าความในวรรคหน่ึงมาใชบ้ งั คบั โดยอนุโลมแก่ผถู้ ูกอภปิ รายพาดพงิ ถึงเร่ืองสว่ นตัว หรือเร่ืองอ่ืนใดอันเป็นท่เี สยี หายแก่ผ้นู น้ั ข้อ ๗๒ เม่อื มีผปู้ ระท้วงตามขอ้ ๗๑ ผูอ้ ภปิ รายอาจถอนคาพูดของตนหรือตามคาวินิจฉัย ของประธานได้ ถา้ ผอู้ ภปิ รายออกไปจากทปี่ ระชมุ โดยไม่ถอนคาพูดตามคาวินิจฉัยของประธาน ให้ประธาน บนั ทึกการไมป่ ฏบิ ัตติ ามคาวินิจฉยั ไว้ในรายงานการประชมุ ข้อ ๗๓ การอภิปรายเป็นอนั ยุติ เม่ือ (๑) ไม่มีผใู้ ดอภิปราย (๒) ที่ประชุมลงมตใิ หป้ ิดอภิปราย (๓) ที่ประชมุ ลงมติให้ยกเรอื่ งอน่ื ขน้ึ ปรึกษา ขอ้ ๗๔ ในกรณีท่ีประธานพิจารณาเห็นว่าได้อภปิ รายกันพอสมควรแลว้ จะขอให้ท่ีประชุมวินจิ ฉยั ว่าจะปิดอภิปรายหรือไม่กไ็ ด้ ข้อ ๗๕ เมือ่ การอภิปรายไดย้ ุติแลว้ ห้ามผ้ใู ดอภปิ รายอีก เวน้ แต่ทีป่ ระชุมจะต้องลงมติ ในเรื่องนนั้ จึงใหผ้ ู้ซึง่ มีสิทธิอภิปรายก่อนคนใดคนหนึ่งในแต่ละญัตติ มสี ทิ ธิอภิปรายสรปุ ไดอ้ กี ครั้งหนงึ่ เปน็ ครงั้ สุดทา้ ยกอ่ นทท่ี ี่ประชุมจะลงมติ ข้อ ๗๖ ประธานอาจอนญุ าตให้นายกรฐั มนตรหี รือรัฐมนตรีมอบหมายใหบ้ คุ คลใด ๆ ชีแ้ จงข้อเท็จจรงิ ต่อทีป่ ระชุมประกอบการอภิปรายของนายกรฐั มนตรหี รอื รฐั มนตรีก็ได้ ข้อ ๗๗ ถา้ ประธานให้สญั ญาณดว้ ยการเคาะค้อนหรอื ยนื ขึ้น ใหผ้ ้ทู กี่ าลังพดู หยุดพูด และนง่ั ลงทนั ที

- ๑๓ - ส่วนที่ ๔ การลงมติ ขอ้ ๗๘ ในกรณีทจ่ี ะต้องมีมติของสภา ใหป้ ระธานมสี ัญญาณให้สมาชกิ ทราบ เพ่ือแสดงตน และตรวจสอบองคป์ ระชมุ ก่อนลงมติ ประธานมอี านาจสัง่ ให้รวมหรือแยกประเด็นพจิ ารณาหรือลงมติ เว้นแต่ทป่ี ระชมุ จะมีมติ เปน็ อยา่ งอน่ื ขอ้ ๗๙ เสียงขา้ งมากตามมาตรา ๑๒๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญน้นั ถ้าความเหน็ ของทปี่ ระชุม มีต้ังแต่สองฝา่ ยขึ้นไป ใหถ้ ือเอาจานวนคะแนนเสยี งฝ่ายท่ีมากทีส่ ุด ในกรณมี ีคะแนนเสียงเท่ากัน ใหป้ ระธานออกเสยี งเพม่ิ ขน้ึ อีกเสยี งหนึง่ เป็นเสยี งชีข้ าด ข้อ ๘๐ การออกเสยี งลงคะแนนให้กระทาเปน็ การเปิดเผย แตเ่ มื่อสมาชิกเสนอญัตติโดยมผี ู้รบั รอง ไม่น้อยกวา่ ยี่สบิ คนขอให้กระทาเปน็ การลับ จงึ ให้ลงคะแนนลบั ในกรณที ี่สมาชกิ เสนอญตั ตใิ ห้ลงคะแนนลบั ตามวรรคหน่งึ ถ้ามีสมาชิกคดั ค้านและมผี ู้รับรอง ไมน่ อ้ ยกว่าหนึ่งในสามของสมาชิกในทป่ี ระชุม ใหถ้ ือเปน็ เอกสิทธิ์ท่จี ะลงคะแนนโดยเปดิ เผย การออกเสียงลงคะแนนจะกระทาแทนกันมิได้ ขอ้ ๘๑ การออกเสยี งลงคะแนนเลือกหรอื ใหค้ วามเหน็ ชอบให้บคุ คลดารงตาแหนง่ ใด ตามมาตรา ๑๒๐ วรรคหา้ ของรัฐธรรมนูญ ให้กระทาเป็นการลบั ข้อ ๘๒ การออกเสยี งลงคะแนน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไม่มีสทิ ธิออกเสยี งลงคะแนน เว้นแต่นายกรัฐมนตรีหรอื รัฐมนตรีผู้นั้นเปน็ สมาชิกด้วย ข้อ ๘๓ การออกเสียงลงคะแนนเปิดเผยมวี ิธีปฏบิ ัติ ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) ใชเ้ คร่ืองออกเสยี งลงคะแนนตามทป่ี ระธานกาหนด (๒) เรียกช่อื สมาชิกตามหมายเลขประจาตัวสมาชิก ให้ออกเสยี งลงคะแนนเป็นรายคน ตามวิธที ป่ี ระธานกาหนด (๓) วธิ ีอ่ืนใดซงึ่ ท่ีประชุมเห็นสมควรเฉพาะกรณี การออกเสียงลงคะแนนตาม (๑) หากเคร่ืองออกเสยี งลงคะแนนขัดข้องให้เปลี่ยนเปน็ วิธีการ ตามทีป่ ระธานกาหนด การออกเสยี งลงคะแนนให้ใช้วิธีตาม (๑) จะใช้วธิ ตี าม (๒) หรอื (๓) ไดต้ ่อเม่ือสมาชิกเสนอญัตติ และทปี่ ระชุมอนมุ ตั ิ หรือเม่ือมีการนับคะแนนเสยี งใหม่ตามข้อ ๘๕ การออกเสยี งลงคะแนนตาม (๒) หรือวรรคสอง ให้ประธานเชญิ สมาชิกไม่น้อยกวา่ หกคน เปน็ ผตู้ รวจนับคะแนน

- ๑๔ - ข้อ ๘๔ การออกเสียงลงคะแนนลับมีวิธีปฏิบัติ ดังต่อไปนี้ (๑) ใช้เครื่องออกเสียงลงคะแนนตามท่ีประธานกาหนด (๒) ใชบ้ ตั รออกเสยี งลงคะแนนโดยการเขยี นเคร่ืองหมายกากบาท (x) ลงในช่องทาเคร่อื งหมาย ตามประเด็นที่จะออกเสยี ง (๓) วธิ อี ื่นใดซงึ่ ทีป่ ระชมุ เห็นสมควรเฉพาะกรณี ทงั้ น้ี การดาเนนิ การตาม (๑) (๒) และ (๓) ให้ดาเนินการตามหลักเกณฑแ์ ละวิธีการ ตามทีท่ ปี่ ระชมุ กาหนด ใหน้ าความในขอ้ ๘๓ วรรคสาม และวรรคส่ี มาใช้บงั คับโดยอนุโลม ขอ้ ๘๕ เมือ่ มีการออกเสยี งลงคะแนนตามข้อ ๘๓ (๑) แลว้ ถา้ สมาชกิ รอ้ งขอใหม้ ีการนบั ใหม่ โดยมีผู้รบั รองไมน่ อ้ ยกว่ายส่ี บิ คน ก็ให้มีการนบั คะแนนเสียงใหม่ และใหเ้ ปล่ยี นวิธีการลงคะแนนเปน็ วธิ ตี าม ขอ้ ๘๓ (๒) เว้นแตค่ ะแนนเสียงตา่ งกนั เกนิ กวา่ ยส่ี ิบห้าคะแนนจะขอใหม้ ีการนบั คะแนนเสยี งใหม่ไม่ได้ เมื่อไดม้ ีการออกเสยี งลงคะแนนตามข้อ ๘๓ (๒) แลว้ จะขอให้มีการนับคะแนนเสยี งใหม่อีกไม่ได้ ข้อ ๘๖ สมาชกิ ซง่ึ เข้ามาในที่ประชมุ ระหว่างการออกเสียงลงคะแนนอาจออกเสียงลงคะแนนได้ กอ่ นประธานสั่งปดิ การนบั คะแนน ขอ้ ๘๗ เม่ือได้นับคะแนนเสียงแล้ว ให้ประธานประกาศมติต่อท่ีประชมุ ทันที ถา้ เร่ืองใด ทีร่ ัฐธรรมนญู กฎหมาย หรือข้อบงั คับนก้ี าหนดไวว้ า่ มตจิ ะต้องประกอบด้วยคะแนนเสยี งถงึ จานวนเทา่ ใด ก็ให้ประกาศดว้ ยว่าคะแนนเสียงข้างมากถึงจานวนทก่ี าหนดไวน้ ั้นหรือไม่ ในกรณตี ามวรรคหนงึ่ ถา้ ได้ประกาศมตติ ่อทปี่ ระชุมจากผลการออกเสยี งลงคะแนน ด้วยวิธีตามขอ้ ๘๔ แลว้ ใหป้ ระธานส่งั ใหเ้ จ้าหนา้ ท่ีทาลายบัตรออกเสยี งหรือลบข้อมลู การออกเสียงลงคะแนน นน้ั ดว้ ย ข้อ ๘๘ ญัตติใดไม่มผี คู้ ัดค้าน ใหป้ ระธานถามทีป่ ระชุมว่ามผี ู้เห็นเป็นอยา่ งอ่นื หรือไม่ เม่ือไม่มี ผเู้ ห็นเป็นอยา่ งอ่ืน ให้ถือว่าท่ีประชุมลงมตเิ ห็นชอบด้วยญตั ตินัน้ ความในวรรคหน่งึ ไม่ให้ใช้บังคับแก่ญัตติท่เี ปน็ ร่างพระราชบัญญตั ิ หรือเรอ่ื งอ่นื ใดทร่ี ัฐธรรมนูญ หรือขอ้ บงั คับน้ีกาหนดใหท้ ่ีประชมุ วนิ ิจฉัยโดยการออกเสียงลงคะแนน ข้อ ๘๙ ให้เลขาธิการจัดทาบันทกึ การออกเสยี งลงคะแนนของสมาชิกแต่ละคนและเปิดเผย บนั ทกึ ดังกลา่ วไว้ ณ บริเวณสภา รวมทัง้ ส่ืออเิ ลก็ ทรอนิกส์หรือสื่อเทคโนโลยสี ารสนเทศประเภทอ่ืน เพ่อื ให้ประชาชนทราบได้ท่วั ไป เว้นแตก่ ารออกเสียงลงคะแนนเป็นการลบั ตามข้อ ๘๔ หมวด ๕ กรรมาธิการ ข้อ ๙๐ ใหส้ ภาตั้งคณะกรรมาธกิ ารสามญั ขนึ้ สามสบิ หา้ คณะ แต่ละคณะประกอบดว้ ย กรรมาธกิ ารมจี านวนสบิ ห้าคน โดยใหม้ ีหน้าท่ีและอานาจ ดังนี้

- ๑๕ - (๑) คณะกรรมาธกิ ารการกฎหมาย การยุตธิ รรมและสิทธิมนุษยชน มหี น้าทแี่ ละอานาจ กระทากิจการ พิจารณาสอบหาขอ้ เทจ็ จรงิ หรือศึกษาเรื่องใด ๆ ที่เก่ียวกับการดาเนินการตามแนวนโยบาย ดา้ นกฎหมาย การยุตธิ รรม สิทธิมนษุ ยชน สิทธิชุมชน สทิ ธใิ นกระบวนการยตุ ิธรรม และความเป็นธรรม ในระยะเปลี่ยนผ่าน (๒) คณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร มหี น้าท่ีและอานาจกระทากจิ การ พจิ ารณา สอบหาข้อเท็จจริง หรอื ศึกษาเรือ่ งใด ๆ ทเี่ กี่ยวกบั กิจการของสภา สมาชิกและผูเ้ คยเป็นสมาชกิ การพฒั นา ระบบและปรับปรุงการดาเนินกจิ การของสภา คาร้องเรยี น ข้อเสนอแนะของสมาชิกและประชาชนในส่วนที่ เก่ยี วกบั กิจการของสภา รวมท้ังเรอ่ื งใด ๆ ทีอ่ ยู่ในหนา้ ท่ีและอานาจของสภาและองคก์ รรฐั สภาระหว่างประเทศ ตรวจสอบรายงานการประชุม พจิ ารณาให้ความเห็นเกย่ี วกับการเปิดเผยรายงานการประชมุ ลบั และตดิ ตาม ผลการปฏิบตั ิตามมติของสภา (๓) คณะกรรมาธิการกจิ การศาลรัฐธรรมนญู องคก์ รอสิ ระ องค์กรอัยการ รฐั วสิ าหกจิ องค์การ มหาชน และกองทนุ มหี น้าที่และอานาจกระทากจิ การ พิจารณาสอบหาข้อเทจ็ จริง หรือศึกษาเร่ืองใด ๆ ทเ่ี ก่ียวกบั การดาเนินงานของหน่วยงานของศาลรฐั ธรรมนูญ องค์กรอิสระและองค์กรอัยการ การดาเนินงาน ของรัฐวสิ าหกจิ การบรหิ ารจัดการขององค์การมหาชน และกองทุนต่าง ๆ รวมทัง้ ตรวจสอบรายงาน ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายทีเ่ สนอต่อสภา (๔) คณะกรรมาธกิ ารกิจการชายแดนไทย มหี น้าท่แี ละอานาจกระทากิจการ พิจารณา สอบหาข้อเท็จจรงิ หรอื ศกึ ษาเร่ืองใด ๆ ทีเ่ กีย่ วกับการค้าชายแดน การค้าผ่านแดน จดุ ผ่านแดนถาวร จดุ ผ่านแดนช่วั คราว จุดผ่อนปรนเพ่อื การคา้ ช่องทางธรรมชาติ และชอ่ งทางตามกฎหมายศลุ กากร การเดินทางข้ามแดน การจดั การและการดแู ลแรงงานขา้ มแดน การสง่ เสรมิ ความสัมพนั ธ์กับประเทศเพ่ือนบ้าน และเรือ่ งอื่น ๆ ท่ีเกยี่ วข้องกบั การแก้ปัญหาและการพัฒนาชายแดนไทย (๕) คณะกรรมาธิการกจิ การเดก็ เยาวชน สตรี ผู้สงู อายุ ผพู้ กิ าร กลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ และผมู้ ีความหลากหลายทางเพศ มหี น้าทีแ่ ละอานาจกระทากจิ การ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรอื ศึกษา เรอื่ งใด ๆ ที่เกย่ี วกบั เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สงู อายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผูม้ ีความหลากหลายทางเพศ รวมทง้ั ประสานกบั องคก์ รภายในประเทศ ตา่ งประเทศและประชาคมนานาชาติเกี่ยวกบั แนวทางความรว่ มมือ เพ่อื แกป้ ัญหาและส่งเสรมิ การคมุ้ ครองสทิ ธแิ ละการพัฒนาคุณภาพชีวติ เด็ก เยาวชน สตรี ผูส้ ูงอายุ ผู้พกิ าร กลมุ่ ชาตพิ นั ธุ์ และผมู้ ีความหลากหลายทางเพศ (๖) คณะกรรมาธิการแก้ไขปัญหาหน้สี ินแห่งชาติ มหี นา้ ที่และอานาจกระทากจิ การ พิจารณา สอบหาข้อเทจ็ จรงิ หรอื ศึกษาเรือ่ งใด ๆ เพือ่ แก้ไขปญั หาเกี่ยวกับหนสี้ ินทกุ ระดับ ไดแ้ ก่ ปญั หาหน้สี นิ ของประเทศ หนี้สินภาคธุรกจิ หน้สี นิ ภาคอตุ สาหกรรม หน้ีสินขา้ ราชการ ตลอดจนหน้สี ินเกษตรกร (๗) คณะกรรมาธกิ ารการเกษตรและสหกรณ์ มหี น้าทีแ่ ละอานาจกระทากจิ การ พจิ ารณา สอบหาข้อเทจ็ จริง หรือศกึ ษาเรอ่ื งใด ๆ ทเี่ ก่ยี วกับการใช้ประโยชนท์ ่ดี นิ ทางการเกษตร การพัฒนาการเกษตร การสหกรณ์ การพฒั นาการผลติ และการตลาด (๘) คณะกรรมาธกิ ารการคมนาคม มีหนา้ ที่และอานาจกระทากิจการ พจิ ารณาสอบหาข้อเทจ็ จริง หรือศกึ ษาเรื่องใด ๆ ทีเ่ ก่ียวกับการคมนาคมทั้งการจราจรทางบก ทางน้า ทางอากาศ ทางอวกาศ การขนสง่ มวลชน การขนสง่ สินค้า ระบบโลจิสตกิ ส์ และการพาณชิ ย์นาวี (๙) คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรฐั มีหนา้ ที่และอานาจกระทากจิ การ พิจารณา สอบหาข้อเทจ็ จรงิ หรอื ศกึ ษาเรอ่ื งใด ๆ ที่เกี่ยวกบั ความมัน่ คงแหง่ รฐั โดยเฉพาะปจั จยั ที่สง่ ผลกระทบ ต่อความม่ันคง ทั้งเศรษฐกิจ สงั คม วัฒนธรรม วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รวมทัง้ ส่งเสรมิ สนบั สนนุ และแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับดนิ แดนและความมัน่ คงของประชาชน

- ๑๖ - (๑๐) คณะกรรมาธิการการคุ้มครองผบู้ รโิ ภค มหี น้าทแี่ ละอานาจกระทากจิ การ พจิ ารณา สอบหาข้อเท็จจรงิ หรือศกึ ษาเรอื่ งใด ๆ ทีเ่ กย่ี วกับการคมุ้ ครองผบู้ รโิ ภค รวมท้ังปัญหาความเดือดร้อน ของผูบ้ รโิ ภค (๑๑) คณะกรรมาธิการการเงิน การคลงั สถาบนั การเงินและตลาดการเงิน มีหน้าท่แี ละอานาจ กระทากจิ การ พจิ ารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใด ๆ ที่เกย่ี วกับการเงนิ การคลัง การธนาคาร ตลาดการเงนิ และสถาบันการเงินของประเทศ (๑๒) คณะกรรมาธิการการตา่ งประเทศ มหี น้าที่และอานาจกระทากจิ การ พจิ ารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศกึ ษาเรอื่ งใด ๆ ทเี่ กย่ี วกับการตา่ งประเทศ ความสมั พันธ์ระหว่างประเทศ ภาพลกั ษณ์ของประเทศ รวมทัง้ กระทากิจการทัง้ ปวงท่ีเกยี่ วขอ้ งกับชาวไทยซง่ึ ต้งั ถ่ินฐานหรอื ไปประกอบอาชีพในต่างประเทศ (๑๓) คณะกรรมาธิการการตารวจ มีหน้าทแ่ี ละอานาจกระทากิจการ พิจารณาสอบหาข้อเทจ็ จรงิ หรือศกึ ษาเร่ืองใด ๆ ทเี่ กย่ี วกับกิจการตารวจ การปฏบิ ัติให้เปน็ ไปตามกฎหมาย การป้องกนั และรักษา ความสงบเรยี บร้อยภายในประเทศ (๑๔) คณะกรรมาธิการติดตามการบรหิ ารงบประมาณ มีหน้าทีแ่ ละอานาจกระทากจิ การ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจรงิ หรอื ศึกษาเร่ืองใด ๆ ที่เกย่ี วกบั นโยบายของรฐั บาลในด้านงบประมาณ ติดตาม และประเมินผลการรบั การใช้จ่ายเงนิ งบประมาณประจาปขี องส่วนราชการ หนว่ ยงานของรัฐ และรฐั วสิ าหกจิ (๑๕) คณะกรรมาธิการการทหาร มหี นา้ ท่แี ละอานาจกระทากิจการ พิจารณาสอบหาข้อเทจ็ จริง หรือศกึ ษาเรือ่ งใด ๆ ท่เี กี่ยวกับกจิ การทหาร การป้องกนั การรักษาความม่ันคง และการพัฒนาประเทศ (๑๖) คณะกรรมาธิการการท่องเทย่ี วและกีฬา มหี น้าที่และอานาจกระทากจิ การ พิจารณา สอบหาข้อเท็จจริง หรอื ศึกษาเรือ่ งใด ๆ ทีเ่ ก่ยี วกบั การส่งเสรมิ สนบั สนนุ การแกไ้ ขปญั หาอปุ สรรค และการพัฒนาการทอ่ งเที่ยวและการกีฬาของไทย รวมทั้งกฬี าอิเลก็ ทรอนิกส์ทง้ั ในประเทศและต่างประเทศ (๑๗) คณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม มหี น้าที่และอานาจ กระทากจิ การ พิจารณาสอบหาขอ้ เทจ็ จรงิ หรือศึกษาเรื่องใด ๆ ทเ่ี ก่ยี วกับการใชท้ ี่ดิน การบริหารจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดจนการส่งเสริม บารงุ รักษา และคุ้มครองคุณภาพส่งิ แวดล้อม รวมท้ังการคุ้มครองสตั ว์ (๑๘) คณะกรรมาธิการการปกครอง มหี น้าทแี่ ละอานาจกระทากจิ การ พิจารณา สอบหาข้อเทจ็ จริง หรือศึกษาเรือ่ งใด ๆ ที่เกีย่ วกบั การบริหารราชการแผน่ ดนิ สว่ นกลางและส่วนภมู ภิ าค การพัฒนาระบบราชการและการปฏิบัติของเจ้าหนา้ ท่ีของรัฐท่ีเกี่ยวข้อง (๑๙) คณะกรรมาธิการการกระจายอานาจและการปกครองส่วนท้องถน่ิ มหี น้าทีแ่ ละอานาจ กระทากจิ การ พิจารณาสอบหาขอ้ เทจ็ จรงิ หรือศึกษาเรื่องใด ๆ ที่เกยี่ วกับการบรหิ ารราชการและการปฏิบตั ขิ อง เจา้ หน้าทข่ี ององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น รวมทงั้ สง่ เสรมิ การกระจายอานาจใหแ้ ก่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน (๒๐) คณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด มหี น้าทีแ่ ละอานาจ กระทากิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจรงิ หรือศึกษาเรื่องใด ๆ ที่เกยี่ วกับการป้องกันและปราบปราม การฟอกเงนิ และยาเสพตดิ (๒๑) คณะกรรมาธิการการป้องกนั และบรรเทาผลกระทบจากภยั ธรรมชาติและสาธารณภยั มหี น้าทีแ่ ละอานาจกระทากิจการ พจิ ารณาสอบหาข้อเทจ็ จรงิ หรือศึกษาเรอ่ื งใด ๆ ท่เี กี่ยวกบั การดาเนินงาน ของหนว่ ยงานภาครัฐและเอกชนทีเ่ ก่ียวข้องกับกระบวนการและมาตรการการป้องกันภัยธรรมชาติและสาธารณภยั การแจ้งเตือนภัยพิบตั ิทางธรรมชาติ การฟืน้ ฟหู ลังเกดิ ภัยธรรมชาตแิ ละสาธารณภยั การพัฒนามาตรการ ในการป้องกันภยั ธรรมชาติและสาธารณภัย รวมทงั้ ตดิ ตามการให้ความช่วยเหลอื และดูแลประชาชน ทไ่ี ดร้ ับผลกระทบจากภัยดังกลา่ ว

- ๑๗ - (๒๒) คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมชิ อบ มหี น้าท่ีและอานาจ กระทากิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจรงิ หรือศึกษาเรื่องใด ๆ ทเ่ี ก่ยี วกบั กระบวนการและมาตรการ การปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตประพฤติมชิ อบ (๒๓) คณะกรรมาธิการการพลงั งาน มีหนา้ ท่ีและอานาจกระทากิจการ พิจารณา สอบหาข้อเทจ็ จรงิ หรอื ศกึ ษาเร่อื งใด ๆ ทเี่ กย่ี วกบั การบรหิ าร การพฒั นา การจัดหา การใช้ การอนรุ ักษ์ พลังงาน และผลกระทบจากการจดั หาและการใช้พลงั งาน รวมท้ังการแสวงหาพลังงานทดแทนและ พลงั งานทางเลอื ก (๒๔) คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมสี ่วนร่วม ของประชาชน มีหน้าที่และอานาจกระทากจิ การ พจิ ารณาสอบหาข้อเทจ็ จริง หรือศึกษาเรือ่ งใด ๆ ท่เี กี่ยวกบั การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมสี ว่ นร่วมของประชาชน การส่งเสริมและเผยแพร่ การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมุข วถิ คี ิดและวถิ ปี ฏบิ ัติ ทเ่ี ปน็ ประชาธิปไตย รวมท้ังปัญหาและอุปสรรคเกีย่ วกบั การบังคบั ใชร้ ฐั ธรรมนูญ กฎหมายประกอบรฐั ธรรมนญู ส่งเสริมการรบั รู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน เสรีภาพและความรบั ผิดชอบในการแสดงความคิดเห็นของบุคคล และสื่อมวลชน การคุ้มครองผู้เสยี หายจากการเผยแพรข่ ้อมูลข่าวสาร ตลอดจนส่งเสริมให้ประชาชนและชมุ ชน มสี ่วนรว่ มในการตัดสนิ ใจทางการเมือง และการตรวจสอบการใช้อานาจรัฐทุกระดับ (๒๕) คณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกจิ มหี นา้ ท่ีและอานาจกระทากิจการ พจิ ารณา สอบหาข้อเท็จจริง หรือศกึ ษาเรอ่ื งใด ๆ ที่เก่ยี วกบั ผลกระทบตอ่ การเศรษฐกจิ ของชาติ ธุรกิจภาคเอกชน ประชาชน สถานการณ์ทางเศรษฐกจิ ในประเทศและเศรษฐกจิ ของภูมิภาคต่าง ๆ ในสังคมโลกทอ่ี าจสง่ ผลกระทบ ตอ่ เศรษฐกจิ ของไทย รวมทั้งนโยบายและแผนการพฒั นาเศรษฐกจิ ของรฐั (๒๖) คณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพยส์ ินทางปัญญา มีหนา้ ทีแ่ ละอานาจกระทากิจการ พจิ ารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรอื ศกึ ษาเร่ืองใด ๆ ทเี่ กีย่ วกบั การคา้ การส่งออก ดุลการค้า ลิขสิทธ์ิ ตราสาร ทะเบียน การประดิษฐห์ รอื การคน้ คิดเพื่อใหเ้ กิดความรู้ใหม่ และพัฒนาภูมปิ ัญญาท้องถนิ่ และภูมปิ ญั ญาไทย รวมทง้ั การให้ความคุ้มครองทรัพยส์ นิ ทางปัญญา (๒๗) คณะกรรมาธิการการแรงงาน มีหนา้ ทแ่ี ละอานาจกระทากจิ การ พจิ ารณา สอบหาข้อเทจ็ จรงิ หรอื ศึกษาเร่ืองใด ๆ ที่เกยี่ วกับกาลังแรงงานทัง้ หมดในประเทศ แรงงานไทยในตา่ งประเทศ รวมท้งั การพัฒนาความสมั พนั ธก์ ับองค์กรแรงงานในตา่ งประเทศ ตลอดจนการลงทุนทมี่ ีผลต่อคณุ ภาพชวี ิต แรงงานโดยรวม (๒๘) คณะกรรมาธิการการวทิ ยาศาสตร์ วิจยั นวัตกรรม และดิจิทัล มีหนา้ ท่ีและอานาจ กระทากจิ การ พจิ ารณาสอบหาขอ้ เท็จจริง หรือศึกษาเร่ืองใด ๆ ท่ีเกยี่ วกับการส่งเสริมและการพฒั นา ดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี การสง่ เสรมิ และสนับสนนุ การวจิ ยั และการสร้างสรรค์นวตั กรรม รวมทง้ั การวางแผน ส่งเสริม พฒั นา และดาเนนิ กจิ การเกย่ี วกับดจิ ทิ ัลเพ่ือเศรษฐกจิ และสงั คม (๒๙) คณะกรรมาธิการแก้ไขปญั หาราคาผลติ ผลเกษตรกรรม มหี น้าที่และอานาจกระทากิจการ พจิ ารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรอื ศกึ ษาเร่ืองใด ๆ ที่เกี่ยวกับการสง่ เสริมและแก้ไขปัญหาราคาผลติ ผล ทางการเกษตรใหส้ ามารถคุ้มต่อตน้ ทุนการผลิตของเกษตรกรทุกประเภทและสามารถแข่งขนั ได้ ในตลาดการค้า ตลอดจนมีความม่นั คงอย่างยั่งยนื ในอาชีพ (๓๐) คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม มีหนา้ ทแี่ ละอานาจกระทากจิ การ พจิ ารณาสอบหาข้อเทจ็ จริง หรอื ศกึ ษาเรื่องใด ๆ ทเ่ี ก่ียวกับการอุปถัมภ์ ทานุบารุงและคุ้มครองศาสนา และโบราณสถาน การอนุรักษ์และสง่ เสรมิ ศิลปะ ขนบธรรมเนยี มประเพณี วฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ วัฒนธรรม ประชาธปิ ไตย ภูมิปัญญาชาวบ้าน เอกลกั ษณ์ แบบวิถีชวี ติ ไทย และศลิ ปวฒั นธรรมรว่ มสมยั

- ๑๘ - (๓๑) คณะกรรมาธิการการศึกษา มีหน้าทีแ่ ละอานาจกระทากิจการ พจิ ารณาสอบหาข้อเท็จจรงิ หรือศกึ ษาเรื่องใด ๆ ทีเ่ ก่ียวกับการศึกษา การพัฒนาการศึกษาของชาติ และการสง่ เสรมิ วัฒนธรรมประชาธิปไตย รวมท้งั แนวทางการปรับฐานการเรียนรขู้ องประชาชนสู่โลกยุคโลกาภิวัตน์ (๓๒) คณะกรรมาธิการการสวัสดิการสังคม มีหน้าที่และอานาจกระทากิจการ พิจารณา สอบหาข้อเท็จจริง หรอื ศึกษาเร่อื งใด ๆ ทีเ่ ก่ียวกบั การจดั สวสั ดิการสงั คมไมน่ อ้ ยกวา่ สทิ ธขิ ั้นพ้นื ฐาน การให้บรกิ ารด้านสวัสดิการสังคมเพ่ือพฒั นาคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างทวั่ ถึง โดยเฉพาะผยู้ ากไร้ ในเมอื งและชนบท และผู้ดอ้ ยโอกาสในสังคม (๓๓) คณะกรรมาธิการการสาธารณสขุ มหี นา้ ที่และอานาจกระทากิจการ พิจารณา สอบหาข้อเทจ็ จรงิ หรอื ศกึ ษาเรือ่ งใด ๆ ที่เก่ียวกับการแพทย์ การสาธารณสขุ ในดา้ นการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกนั โรค การรักษาพยาบาล การฟืน้ ฟูสขุ ภาพ ตลอดจนการพัฒนาการรกั ษาเพื่อให้ประชาชน ไดร้ ับบริการสาธารณสุขท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพอยา่ งท่ัวถงึ (๓๔) คณะกรรมาธิการการสื่อสารและโทรคมนาคม มหี น้าทแี่ ละอานาจกระทากิจการ พิจารณาสอบหาข้อเทจ็ จรงิ หรอื ศึกษาเรื่องใด ๆ ทีเ่ กย่ี วกับกจิ การสอื่ สาร สารสนเทศ และโทรคมนาคม (๓๕) คณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม มีหน้าที่และอานาจกระทากิจการ พจิ ารณา สอบหาข้อเทจ็ จรงิ หรือศกึ ษาเรื่องใด ๆ ทีเ่ กี่ยวกบั การส่งเสรมิ และพฒั นาอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดย่อม และศึกษาผลกระทบอันเกดิ จากอุตสาหกรรม รวมทง้ั แนวทางในการแกไ้ ขปัญหา หากมคี วามจาเป็นจะตั้งคณะกรรมาธกิ ารสามัญคณะอืน่ เพิ่มขึ้นอีกเม่ือใดกไ็ ด้ สมาชิกคนหน่งึ จะดารงตาแหน่งกรรมาธิการสามญั ได้ไมเ่ กนิ สองคณะ กรรมาธกิ ารสามัญซง่ึ ตัง้ จากผู้ซึง่ เป็นสมาชกิ ต้องมีจานวนตามหรือใกลเ้ คียงกับอตั ราส่วน ของจานวนสมาชกิ ของแตล่ ะพรรคการเมืองทีม่ ีอยู่ในสภา เม่อื คณะกรรมาธกิ ารสามัญจะกระทากจิ การ พิจารณาสอบหาข้อเทจ็ จริง หรือศึกษาเรื่องใด ๆ ให้คณะกรรมาธิการสามญั รายงานให้ประธานสภาทราบ ในการกระทากจิ การ พจิ ารณาสอบหาข้อเท็จจรงิ หรอื ศึกษาเรอ่ื งใดเร่ืองหนงึ่ ต้องไมเ่ ปน็ เรื่องซ้าซ้อนกัน ในกรณที ่กี ารกระทากิจการ การสอบหาขอ้ เท็จจรงิ หรอื การศึกษาในเร่ืองใดมีความเก่ียวข้องกัน ให้เปน็ หนา้ ที่ของประธานสภาท่ีจะต้องดาเนินการ ให้คณะกรรมาธิการสามญั ที่เกย่ี วข้องทุกคณะรว่ มกันดาเนินการ ในการสอบหาขอ้ เท็จจริง คณะกรรมาธิการจะมอบอานาจหรอื มอบหมายให้บุคคล หรอื คณะบุคคลใดกระทาการแทนมิได้ หลักเกณฑ์และวิธกี ารดาเนนิ การตามวรรคสี่ ใหเ้ ปน็ ไปตามระเบียบที่ประธานสภากาหนด ข้อ ๙๑ การเลือกต้ังคณะกรรมาธิการ สมาชิกแต่ละคนมีสิทธเิ สนอชื่อได้ไม่เกนิ จานวน กรรมาธิการ การเสนอนัน้ ต้องมจี านวนสมาชกิ รบั รองไม่น้อยกว่าหา้ คน การเลือกตงั้ คณะกรรมาธิการวสิ ามญั ให้ตั้งจากบุคคลทคี่ ณะรัฐมนตรเี สนอชือ่ มีจานวน ไม่เกินหนึ่งในส่ีของจานวนกรรมาธกิ ารทั้งหมด จานวนนอกจากนน้ั ใหท้ ป่ี ระชุมเลอื กจากรายชื่อ ท่ีสมาชิกเสนอ โดยใหม้ จี านวนตามหรือใกลเ้ คยี งกับอัตราส่วนของจานวนสมาชกิ ของแตล่ ะพรรคการเมือง ที่มีอย่ใู นสภา การออกเสยี งลงคะแนนเลอื กต้ังคณะกรรมาธิการ ถา้ มีการเสนอชอื่ กรรมาธิการเทา่ กับจานวน กรรมาธกิ ารทั้งหมด ให้ถือวา่ ผถู้ กู เสนอชื่อน้นั เป็นผ้ไู ด้รับเลือก ถ้ามีการเสนอชอ่ื มากกวา่ จานวนกรรมาธกิ าร ท้งั หมด ให้ออกเสยี งลงคะแนนเปน็ การลับ

- ๑๙ - ขอ้ ๙๒ การประชุมคณะกรรมาธกิ าร ตอ้ งมีกรรมาธิการมาประชุมไมน่ ้อยกว่าหนึ่งในสาม ของจานวนกรรมาธิการท้ังหมดเท่าทม่ี ีอยู่ จึงจะเปน็ องคป์ ระชุม เวน้ แต่ในการประชุมคณะกรรมาธิการ ทีจ่ ะมีการลงมติในเรอ่ื งใดเรือ่ งหนึง่ ต้องมีกรรมาธกิ ารมาประชมุ ไมน่ ้อยกวา่ กงึ่ หนง่ึ ของกรรมาธกิ ารทง้ั หมด เท่าท่มี ีอยู่ การนัดประชมุ คณะกรรมาธกิ ารนอกจากครงั้ แรก ใหท้ าเป็นหนังสอื ลงลายมือชื่อเลขานุการ คณะกรรมาธิการหรือผ้ปู ฏบิ ตั ิหน้าทแ่ี ทนเลขานุการคณะกรรมาธิการก็ได้ ข้อ ๙๓ การประชมุ คณะกรรมาธกิ าร ใหน้ าข้อบังคับนเี้ ฉพาะท่เี ก่ยี วกบั การประชมุ มาใช้บงั คบั โดยอนุโลม ใหค้ ณะกรรมาธิการแต่ละคณะเลือกต้ังประธาน รองประธาน เลขานุการ โฆษก และตาแหน่งอ่ืน ตามความจาเป็นจากกรรมาธกิ ารในคณะนนั้ ประธานคณะกรรมาธิการสามัญแตล่ ะคณะ จะต้องมีจานวนตามหรือใกล้เคียงกับอัตราสว่ น ของจานวนสมาชิกของแต่ละพรรคการเมืองที่มีอยู่ในสภา ใหค้ ณะกรรมาธิการแตล่ ะคณะมีผชู้ ่วยเลขานุการคนหน่ึงประจาคณะกรรมาธกิ าร โดยให้แตง่ ต้ัง จากข้าราชการสานักงานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎรตามรายชอื่ ที่เลขาธิการเสนอ ขอ้ ๙๔ เมอ่ื ไมม่ ีผดู้ ารงตาแหนง่ ประธานคณะกรรมาธิการ หรอื มีแต่ไม่อยูห่ รือไมส่ ามารถ ปฏิบตั ิหนา้ ทไ่ี ด้ ในกรณีที่มีรองประธานคณะกรรมาธกิ ารหลายคน ให้รองประธานคณะกรรมาธกิ ารคนท่ีหนง่ึ เป็นผปู้ ฏบิ ัติหน้าที่แทนประธานคณะกรรมาธิการ ถา้ รองประธานคณะกรรมาธกิ ารคนที่หนงึ่ ไม่อยู่หรอื ไม่สามารถปฏบิ ตั ิหน้าที่ได้ ให้รองประธานคณะกรรมาธิการลาดับตอ่ ไปเปน็ ผ้ปู ฏบิ ตั ิหน้าท่ีแทนประธาน คณะกรรมาธิการ ข้อ ๙๕ เพื่อประโยชนใ์ นการดาเนนิ งาน คณะกรรมาธกิ ารสามัญอาจตั้งผู้ทรงคุณวฒุ ิ เปน็ ที่ปรึกษา ผู้ชานาญการ นักวิชาการ และเลขานุการ ประจาคณะกรรมาธิการกไ็ ด้ ทั้งน้ี ให้เป็นไปตาม ระเบียบทีป่ ระธานสภากาหนด ขอ้ ๙๖ คณะกรรมาธิการมีอานาจตงั้ คณะอนกุ รรมาธิการเพื่อพจิ ารณาปัญหาอันอยู่ในหนา้ ที่ และอานาจของคณะกรรมาธิการ เว้นแตห่ น้าที่และอานาจในการสอบหาข้อเท็จจริง แลว้ รายงานคณะกรรมาธิการ ภายในเวลาที่คณะกรรมาธิการกาหนด ในกรณีที่คณะอนุกรรมาธิการกระทากจิ การ หรือศึกษาเร่ืองใดไม่เสรจ็ ภายในเวลาท่กี าหนด ให้ประธานคณะอนุกรรมาธิการขออนญุ าตขยายเวลาต่อที่ประชมุ คณะกรรมาธกิ าร คณะอนกุ รรมาธกิ ารแต่ละคณะประกอบด้วยอนุกรรมาธิการมีจานวนไมเ่ กินสบิ คน โดยใหต้ ง้ั จาก บุคคลทเี่ ป็นกรรมาธกิ ารในคณะนั้นมจี านวนไมน่ ้อยกว่าหน่งึ ในห้าของจานวนอนุกรรมาธกิ ารทงั้ หมด จานวน นอกจากนัน้ ใหท้ ป่ี ระชุมเลือกจากรายชอ่ื ที่กรรมาธิการเสนอ ท้งั นี้ ประธานคณะอนุกรรมาธกิ ารต้องต้ังจากบุคคล ที่เปน็ กรรมาธิการในคณะน้ัน

- ๒๐ - ข้อ ๙๗ การเรียกเอกสารจากบคุ คลใด ๆ หรือเรยี กบุคคลใด ๆ มาแถลงข้อเทจ็ จริงหรือแสดง ความคดิ เหน็ ในกจิ การท่ีกระทาหรือในเร่อื งท่ีพจิ ารณาสอบหาขอ้ เทจ็ จรงิ หรือศึกษาอยู่ ให้ทาเปน็ หนังสือ ลงลายมอื ชอื่ ประธานคณะกรรมาธกิ ารหรือรองประธานคณะกรรมาธิการผู้ปฏิบัติหน้าท่ีแทนประธาน คณะกรรมาธิการ ในกรณีท่บี ุคคลตามวรรคหนง่ึ เป็นเจ้าหนา้ ที่ของรฐั ให้ประธานคณะกรรมาธิการแจ้งให้ นายกรฐั มนตรหี รอื รัฐมนตรีซ่ึงบงั คบั บญั ชาหรือกากบั ดแู ลหนว่ ยงานที่บคุ คลนนั้ สังกัดทราบ และให้เป็นหนา้ ท่ี ของนายกรฐั มนตรหี รือรฐั มนตรที ีร่ บั ผิดชอบสง่ั การให้บคุ คลนัน้ ให้ข้อเท็จจริง ส่งเอกสาร หรือแสดงความเห็น ตามทค่ี ณะกรรมาธกิ ารเรียก การเรยี กเอกสารจากบคุ คลหรอื การเรยี กบุคคลมาแถลงข้อเท็จจริงตามวรรคหนึ่ง มิใหใ้ ชบ้ ังคับ แก่ผ้พู ิพากษาหรือตุลาการทีป่ ฏบิ ตั ิตามหนา้ ที่หรอื ใชอ้ านาจในกระบวนวิธีพิจารณาพิพากษาอรรถคดหี รือ การบริหารงานบคุ คลของแต่ละศาล และมใิ หใ้ ชบ้ ังคบั แก่ผู้ดารงตาแหน่งในองค์กรอสิ ระในส่วนทเี่ กยี่ วกบั การปฏิบตั ติ ามหน้าท่แี ละอานาจโดยตรงในแต่ละองค์กรตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญหรือตามพระราชบัญญตั ิ ประกอบรัฐธรรมนูญ แล้วแต่กรณี ขอ้ ๙๘ ในการประชุมคณะกรรมาธกิ าร สมาชกิ นายกรฐั มนตรี รฐั มนตรี และผู้ซึ่งประธาน ของทปี่ ระชมุ คณะกรรมาธิการอนญุ าต มีสิทธิเข้าฟงั การประชุม ในกรณีประชุมลับ ผู้ท่ีจะเข้าฟังการประชุมไดต้ ้องเปน็ ผู้ทม่ี ีส่วนเกีย่ วข้องกบั การประชมุ และได้รับอนญุ าตจากประธานของท่ีประชุมคณะกรรมาธิการ ข้อ ๙๙ ภายใตบ้ ังคับขอ้ ๙๘ ผเู้ สนอญัตติ นายกรฐั มนตรี รฐั มนตรี และผูซ้ ึ่งคณะรัฐมนตรี มอบหมาย มีสิทธชิ แี้ จงแสดงความคดิ เหน็ ในทีป่ ระชุมคณะกรรมาธิการได้ตลอดเร่ือง ส่วนผู้แปรญตั ติ มีสิทธิชี้แจงแสดงความคิดเห็นไดเ้ ฉพาะทแ่ี ปรญตั ติไว้ การชี้แจงแสดงความคดิ เหน็ ตามวรรคหนึง่ ผู้เสนอญัตตหิ รือผู้แปรญตั ตอิ าจมอบหมาย เป็นหนังสอื ให้สมาชิกอื่นหรือกรรมาธิการคนใดคนหนึง่ กระทาการแทนได้ ขอ้ ๑๐๐ ให้เลขาธกิ ารประกาศกาหนดการประชมุ คณะกรรมาธกิ ารไว้ ณ บรเิ วณสภา และมหี นงั สือนัดผู้เสนอญตั ติหรอื ผ้แู ปรญตั ตมิ าชี้แจงประกอบญตั ตหิ รือคาแปรญตั ติ แล้วแตก่ รณี ลว่ งหน้าไมน่ ้อยกว่าสามวนั หากเร่อื งใดจะกอ่ ให้เกดิ ผลใชบ้ ังคับเป็นกฎหมายหรือเก่ียวกับ การบริหารราชการแผน่ ดนิ ให้แจง้ คณะรฐั มนตรีทราบดว้ ย ขอ้ ๑๐๑ ถา้ ผู้แปรญตั ตหิ รือผ้รู ับมอบหมายไม่มาช้แี จงตอ่ คณะกรรมาธิการตามนดั จนเวลา ล่วงไปเกินกวา่ สามสิบนาทีนบั แต่เวลาทไี่ ดเ้ ร่มิ พิจารณาคาแปรญัตติใด ให้คาแปรญตั ตินน้ั เป็นอันตกไป เว้นแต่คณะกรรมาธิการพิจารณาเรื่องนน้ั ยังไม่เสร็จหรอื ทปี่ ระชุมคณะกรรมาธกิ ารอนญุ าตให้เลอื่ นการช้แี จง ไปวนั อื่น ขอ้ ๑๐๒ ถ้าผ้แู ปรญัตตหิ รือผรู้ ับมอบหมายไมเ่ ห็นด้วยกบั มตขิ องคณะกรรมาธกิ ารในขอ้ ใด จะสงวนคาแปรญตั ตใิ นข้อนน้ั ไวเ้ พอื่ ขอใหส้ ภาวินิจฉัยก็ได้

- ๒๑ - ข้อ ๑๐๓ กรรมาธิการผูใ้ ดไม่เห็นด้วยกับมตขิ องคณะกรรมาธิการในข้อใดจะสงวนความเหน็ ในข้อน้ันไว้เพ่ือขอใหส้ ภาวนิ จิ ฉยั กไ็ ด้ ข้อ ๑๐๔ เม่ือคณะกรรมาธิการได้กระทากจิ การ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใด ๆ ตามหนา้ ท่ีและอานาจหรือตามท่สี ภามอบหมายเสร็จแลว้ ให้รายงานตอ่ สภาตามระยะเวลาทีส่ ภากาหนด ในท่ปี ระชมุ สภา คณะกรรมาธกิ ารมีสิทธแิ ถลง ช้แี จง หรือแก้ไขเพิ่มเติมเก่ียวกบั การกระทา ดงั กลา่ วในวรรคหนง่ึ ในการนี้ คณะกรรมาธกิ ารอาจมอบหมายให้บุคคลใดแถลงหรือช้แี จงแทนก็ได้ เมอ่ื ได้รับอนุญาตจากประธาน ข้อ ๑๐๕ ในการพจิ ารณาของคณะกรรมาธิการ ถ้าคณะกรรมาธิการเห็นว่ามีข้อสงั เกต ที่คณะรัฐมนตรี ศาล องคก์ รอิสระ องค์กรอัยการ หรอื หนว่ ยงานอื่นทเี่ กีย่ วข้องควรทราบหรือควรปฏบิ ัติ ก็ให้บันทึกข้อสังเกตดังกล่าวไวใ้ นรายงานของคณะกรรมาธกิ ารเพ่ือใหส้ ภาพจิ ารณา ในการพิจารณาข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ ให้สภาลงมตวิ ่าเห็นดว้ ยหรือไม่เหน็ ดว้ ย โดยไม่มกี ารอภิปราย ในกรณที ่สี ภาเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธกิ าร ให้ประธานสภาสง่ รายงาน และข้อสังเกตไปยังคณะรฐั มนตรี ศาล องค์กรอสิ ระ องค์กรอัยการ หรือหน่วยงานอ่นื ทเ่ี กี่ยวข้อง เม่อื พ้นกาหนดระยะเวลาหกสิบวนั นับแตว่ นั ทป่ี ระธานสภาสง่ ขอ้ สงั เกตของคณะกรรมาธกิ าร ให้คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ องค์กรอยั การ หรือหน่วยงานอื่นท่เี กีย่ วขอ้ งทราบ คณะรฐั มนตรี ศาล องค์กรอิสระ องค์กรอยั การ หรอื หน่วยงานอื่นท่ีเกยี่ วข้องได้ปฏิบัตติ ามขอ้ สังเกตนัน้ ประการใดหรือไม่ ให้ประธานสภาแจ้งให้ที่ประชุมทราบในโอกาสแรกที่มีการประชมุ ข้อ ๑๐๖ ถ้าสภามีมติให้คณะกรรมาธิการใดกระทากจิ การ พิจารณาสอบหาข้อเทจ็ จรงิ หรือศกึ ษาเรื่องใดใหเ้ สร็จภายในกาหนดเวลาใด และคณะกรรมาธกิ ารนน้ั กระทากิจการ พจิ ารณาสอบหา ขอ้ เทจ็ จริง หรือศึกษาไมเ่ สร็จภายในเวลาทีก่ าหนด ประธานคณะกรรมาธกิ ารตอ้ งรายงานให้ประธานสภา ทราบโดยดว่ น ในกรณดี ังกลา่ วตามวรรคหนง่ึ ถ้าอย่ใู นระหว่างสมัยประชุม ให้ประธานสภาเสนอตอ่ ทปี่ ระชมุ โดยพลัน และที่ประชมุ อาจลงมตใิ ห้ขยายเวลาที่ไดก้ าหนดไว้หรอื ให้ตงั้ คณะกรรมาธิการใหม่แทนคณะเดิม หรือให้ดาเนินการอย่างอื่นสุดแต่ทีป่ ระชุมจะเหน็ สมควร แต่ถา้ อยนู่ อกสมยั ประชุม ก็ใหป้ ระธานสภา มีอานาจอนญุ าตใหข้ ยายเวลาท่กี าหนดไว้ได้ตามที่พจิ ารณาเห็นสมควร แลว้ แจ้งให้สภาทราบภายหลงั การนบั ระยะเวลาดงั กล่าวในวรรคหนง่ึ และวรรคสอง ให้เร่ิมนับแต่วนั ถดั จากวนั ทสี่ ภามีมติ กาหนดระยะเวลา ขอ้ ๑๐๗ บนั ทึกการประชมุ รายงานการดาเนนิ การ รายงานการสอบหาขอ้ เทจ็ จรงิ หรือรายงานการศึกษา แลว้ แตก่ รณี ของคณะกรรมาธกิ ารให้เปดิ เผยใหป้ ระชาชนทราบ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ประธานสภากาหนด ในกรณที จ่ี ะไม่เปดิ เผยบนั ทึกการประชมุ หรือรายงานตามวรรคหนึ่ง ใหค้ ณะกรรมาธิการ ท่ีเก่ยี วข้องเสนอความเห็นต่อสภาเพ่ือให้สภามมี ติมิใหเ้ ปดิ เผย ทั้งน้ี หากสภามีมติมิให้เปิดเผยให้สานักงาน เลขาธิการสภาผูแ้ ทนราษฎรจัดเกบ็ บนั ทึกการประชมุ หรือรายงานดังกลา่ วไว้ ตามหลกั เกณฑ์ วธิ ีการ

- ๒๒ - และเงื่อนไขที่เลขาธกิ ารกาหนด หากสภามไิ ด้มีมตไิ ปตามความเหน็ ของคณะกรรมาธกิ ารดังกล่าว ให้ดาเนินการตามวรรคหนงึ่ ต่อไป การรับรองความถูกตอ้ งของบันทึกการประชุม ให้เปน็ ไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ท่ปี ระธานสภากาหนด ข้อ ๑๐๘ กรรมาธิการพ้นจากตาแหนง่ เม่ือ (๑) สภาสิ้นอายุ สภาถูกยบุ หรอื ไม่มสี ภาเพราะเหตุอื่นใด (๒) ตาย (๓) ลาออก (๔) มีการต้ังคณะกรรมาธิการใหม่แทนคณะเดิม (๕) สภามมี ตใิ ห้พ้นจากตาแหนง่ (๖) ขาดการประชมุ สามครัง้ ติดตอ่ กนั โดยไมม่ ีเหตผุ ลอนั สมควรและไมไ่ ด้แจ้งเป็นหนงั สือ ให้ประธานคณะกรรมาธกิ ารทราบ ขอ้ ๑๐๙ ในกรณที ี่ตาแหน่งกรรมาธกิ ารในคณะกรรมาธกิ ารใดวา่ งลง ให้ประธานคณะกรรมาธกิ าร แจง้ เป็นหนงั สือต่อประธานสภา เพ่ือขอให้สภาตั้งแทนตาแหน่งท่วี า่ งลง หมวด ๖ การเสนอและการพจิ ารณารา่ งพระราชบัญญัติ ข้อ ๑๑๐ ร่างพระราชบัญญัตติ ้องแบ่งเปน็ มาตรา และต้องมบี นั ทึกประกอบ ดังต่อไปนี้ (๑) หลกั การแหง่ ร่างพระราชบัญญตั ิ (๒) เหตผุ ลในการเสนอร่างพระราชบัญญัติ (๓) บันทึกวิเคราะหส์ รุปสาระสาคญั ของร่างพระราชบญั ญัติ ในกรณีท่ีมกี ารรับฟงั ความคิดเห็นและวิเคราะหผ์ ลกระทบที่อาจเกดิ ขึ้นจากรา่ งพระราชบัญญัติ ใหเ้ สนอมาพรอ้ มบนั ทึกประกอบตามวรรคหนึ่ง หลักการแห่งร่างพระราชบญั ญัตินน้ั ใหก้ าหนดโดยชดั แจ้ง กอ่ นบรรจรุ ะเบียบวาระการประชมุ ร่างพระราชบญั ญตั ิที่มผี ู้เสนอตามมาตรา ๑๓๓ (๒) หรือ (๓) ของรฐั ธรรมนญู การพิจารณาความจาเปน็ ทจ่ี ะตอ้ งรับฟังความคดิ เห็นและวเิ คราะห์ผลกระทบที่อาจเกดิ ขึ้น จากร่างพระราชบัญญตั ิ ใหเ้ ป็นไปตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธีการท่ีประธานสภากาหนด ขอ้ ๑๑๑ รา่ งพระราชบญั ญัตทิ ม่ี ผี เู้ สนอตามมาตรา ๑๓๓ ของรัฐธรรมนูญ ใหป้ ระธานสภา ทาการตรวจสอบ และหากมขี ้อบกพร่อง ใหป้ ระธานสภาแจ้งผเู้ สนอทราบภายในเจ็ดวนั นับแตว่ นั ที่ได้รบั ข้อ ๑๑๒ ในกรณีที่มีการขอแก้ไขเพม่ิ เติมรา่ งพระราชบัญญัตกิ ่อนทีป่ ระธานสภาสั่งบรรจุ ร่างพระราชบัญญัตินน้ั เข้าระเบยี บวาระการประชมุ ใหผ้ เู้ สนอที่ลงชื่อไวเ้ ดมิ ทุกคนรว่ มลงช่ือขอแก้ไขเพิ่มเติม ร่างพระราชบญั ญตั ดิ ้วย เวน้ แต่เปน็ การขอแกไ้ ขเพ่ิมเตมิ เลก็ นอ้ ย

- ๒๓ - ข้อ ๑๑๓ ร่างพระราชบัญญัติทผี่ ูม้ สี ิทธิเลอื กตัง้ เข้าชื่อเสนอ ให้เลขาธิการจดั ทารายงาน ผลการดาเนินการรา่ งพระราชบญั ญัตินั้นเพื่อใหส้ ภาทราบด้วย ในการพจิ ารณาร่างพระราชบัญญตั ิตามวรรคหนงึ่ ให้ผู้แทนของผมู้ สี ิทธเิ ลือกตั้งซึง่ เขา้ ช่ือ เสนอร่างพระราชบัญญตั ินัน้ เปน็ ผู้เสนอและชี้แจงรา่ งพระราชบัญญัตติ ่อท่ีประชมุ ขอ้ ๑๑๔ ในกรณีที่ประธานสภาเห็นวา่ รา่ งพระราชบญั ญัติท่ีมีผู้เสนอตามมาตรา ๑๓๓ (๒) และ (๓) ของรฐั ธรรมนูญ เป็นรา่ งพระราชบัญญัติเกี่ยวดว้ ยการเงนิ ให้ประธานสภาแจ้งให้ผู้เสนอทราบ หากผเู้ สนอไมค่ ดั คา้ นความเห็นของประธานสภาภายในเจ็ดวนั นับแต่วนั ส่งคาแจง้ ให้ถือว่าไมม่ ีกรณี เปน็ ท่ีสงสยั ตามมาตรา ๑๓๔ ของรฐั ธรรมนญู ก็ใหป้ ระธานสภาสง่ ร่างพระราชบญั ญัตินน้ั ไปยังนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาใหค้ ารบั รอง เมอื่ นายกรัฐมนตรไี ด้รับร่างพระราชบญั ญัติตามวรรคหนงึ่ แลว้ หากไมพ่ จิ ารณาใหค้ ารบั รอง ภายในสามสิบวนั นับแตว่ นั ทไี่ ดร้ ับ ให้ประธานสภาแจง้ เหตุขดั ข้องให้ผ้เู สนอทราบ หากผู้เสนอแจง้ คัดค้านตามวรรคหนึง่ ให้เป็นอานาจของท่ปี ระชุมร่วมกันของประธานสภา และประธานคณะกรรมาธกิ ารสามญั ทุกคณะเปน็ ผู้วนิ จิ ฉัย ข้อ ๑๑๕ ใหป้ ระธานสภาจดั ให้มีการประชุมร่วมกันของประธานสภาและประธานคณะกรรมาธกิ าร สามญั ทกุ คณะเพ่ือพจิ ารณากรณตี ามข้อ ๑๑๔ วรรคสาม ภายในสิบหา้ วันนับแต่วันทม่ี ีกรณีดงั กล่าว การประชุมร่วมกนั ของประธานสภาและประธานคณะกรรมาธกิ ารสามัญทุกคณะเพอ่ื พิจารณา วนิ ิจฉัยว่าร่างพระราชบัญญัติใดเปน็ ร่างพระราชบญั ญัตเิ กี่ยวดว้ ยการเงนิ ให้เปน็ ไปตามระเบยี บทีป่ ระธานสภา กาหนด และให้นาข้อบังคบั นีเ้ ฉพาะที่เกยี่ วกบั การประชุม มาใชบ้ ังคับโดยอนุโลม ขอ้ ๑๑๖ การพจิ ารณาร่างพระราชบญั ญตั ิให้กระทาเปน็ สามวาระตามลาดับ ขอ้ ๑๑๗ การพิจารณารา่ งพระราชบญั ญตั ิในวาระทีห่ นึ่ง ใหส้ ภาพิจารณาและลงมติ ว่าจะรับหลักการหรือไม่รับหลักการแหง่ รา่ งพระราชบัญญัตนิ นั้ เพือ่ ประโยชน์แก่การวินิจฉัยดงั กลา่ วในวรรคหน่งึ สภาจะให้คณะกรรมาธิการพจิ ารณา ก่อนรับหลักการก็ได้ ท้งั น้ี ต้องพิจารณาให้แล้วเสรจ็ ภายในหกสบิ วนั นบั แต่วันที่สภามีมติ ในกรณีทีส่ ภามีมติให้พิจารณารา่ งพระราชบญั ญตั ิท่มี ีหลักการทานองเดียวกันหลายฉบบั รวมกนั สภาจะลงมตริ ับหลักการหรือไม่รบั หลักการแหง่ ร่างพระราชบญั ญัติแตล่ ะฉบับหรอื ทั้งหมดรวมกนั กไ็ ด้ และเม่ือสภาได้มีมตริ บั หลกั การแล้ว ใหส้ ภาลงมตวิ า่ จะใหร้ า่ งพระราชบญั ญัติฉบบั ใดเป็นหลกั ในการพิจารณา ในวาระทีส่ อง ข้อ ๑๑๘ การพิจารณาร่างพระราชบญั ญตั ทิ ่ีมผี ู้เสนอตามมาตรา ๑๓๓ (๒) และ (๓) ของรัฐธรรมนูญ ถา้ คณะรฐั มนตรีขอรับรา่ งพระราชบญั ญตั ิน้ันไปพจิ ารณาก่อนทสี่ ภาจะลงมตติ ามข้อ ๑๑๗ เมอ่ื ท่ีประชุมอนมุ ตั ิกใ็ ห้รอการพิจารณาไวก้ อ่ น แตต่ อ้ งไม่เกินหกสิบวนั นับแตว่ นั ที่สภามีมติ เมอ่ื ประธานสภาไดร้ ับร่างพระราชบญั ญัตคิ นื จากคณะรฐั มนตรีหรอื พ้นกาหนดเวลาที่รอการพิจารณา ตามวรรคหนึง่ แล้ว ให้บรรจุรา่ งพระราชบัญญตั ิน้นั เขา้ ระเบียบวาระการประชมุ เปน็ เร่อื งดว่ น

- ๒๔ - ขอ้ ๑๑๙ ในกรณที ี่สภามีมติในวาระทห่ี นึ่งรับหลักการแห่งร่างพระราชบญั ญัติ ให้สภาพิจารณา ตามลาดบั ต่อไปเป็นวาระท่ีสอง การพิจารณาในวาระทส่ี อง ให้พิจารณารา่ งพระราชบญั ญัติโดยคณะกรรมาธกิ าร ข้อ ๑๒๐ การพจิ ารณาร่างพระราชบัญญัติโดยคณะกรรมาธกิ าร สภาจะใหค้ ณะกรรมาธิการ สามัญหรอื คณะกรรมาธกิ ารวิสามัญเปน็ ผ้พู ิจารณาก็ได้ การพิจารณาโดยกรรมาธกิ ารเต็มสภาจะกระทาไดต้ ่อเม่ือคณะรฐั มนตรีร้องขอ หรอื เม่ือสมาชกิ เสนอญัตตโิ ดยมีจานวนสมาชิกรบั รองไมน่ ้อยกวา่ ยีส่ บิ คนและที่ประชุมอนมุ ตั ิ คณะกรรมาธิการอาจเพม่ิ มาตราข้นึ ใหมห่ รือตดั ทอนหรือแก้ไขมาตราเดมิ ได้ แตต่ ้องไมข่ ัดกบั หลักการแหง่ ร่างพระราชบญั ญัติน้นั ข้อ ๑๒๑ การเลอื กต้ังคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบญั ญตั ิที่มีสาระสาคัญ เกีย่ วกับเด็ก เยาวชน สตรี ผูส้ ูงอายุ หรอื คนพิการหรือทพุ พลภาพ ให้ดาเนินการดงั น้ี (๑) ใหต้ งั้ จากบุคคลประเภทดังกล่าวหรอื ผ้แู ทนองค์กรเอกชนทที่ างานเก่ยี วกับบคุ คลประเภทนน้ั โดยตรง จานวนไมน่ ้อยกว่าหนึ่งในสามของจานวนกรรมาธิการวิสามญั ทง้ั หมด ท้ังน้ี วธิ กี ารคัดเลือกและ การเสนอช่อื ให้เป็นไปตามระเบยี บที่ประธานสภากาหนด (๒) ให้ตั้งจากบุคคลท่ีคณะรฐั มนตรีเสนอชอ่ื ไม่เกินหนึง่ ในหกของจานวนกรรมาธกิ ารวสิ ามญั ทงั้ หมด (๓) จานวนกรรมาธกิ ารวสิ ามัญทีเ่ หลือให้ท่ีประชมุ เลือกจากรายชื่อท่สี มาชิกเสนอ โดยใหม้ จี านวนตามหรอื ใกลเ้ คียงกบั อตั ราสว่ นของจานวนสมาชกิ ของแตล่ ะพรรคการเมืองท่ีมีอยูใ่ นสภา การเลอื กต้งั คณะกรรมาธิการวสิ ามญั ให้นาความในขอ้ ๙๑ มาใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อ ๑๒๒ การเลือกตงั้ คณะกรรมาธกิ ารวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญตั ิทีผ่ มู้ ีสทิ ธเิ ลือกตง้ั เขา้ ช่อื เสนอ ใหต้ ้ังจากผแู้ ทนของผมู้ สี ทิ ธิเลือกตง้ั ซึง่ เขา้ ช่ือเสนอร่างพระราชบัญญตั ินน้ั จานวนไมน่ ้อยกว่า หน่ึงในสามของจานวนกรรมาธกิ ารวิสามัญทง้ั หมด และให้นาความในข้อ ๑๒๑ (๒) (๓) และวรรคสอง มาใชบ้ งั คบั โดยอนโุ ลม ข้อ ๑๒๓ ในกรณที ผ่ี ู้มีสทิ ธเิ ลอื กตั้งได้เข้าชอ่ื เสนอร่างพระราชบัญญัติตอ่ สภาแลว้ หากคณะรัฐมนตรี หรอื สมาชกิ ไดเ้ สนอรา่ งพระราชบญั ญตั ิทม่ี หี ลกั การเดียวกับร่างพระราชบญั ญัตนิ ้ันอีก ถ้าสภามมี ตริ ับหลกั การแห่งร่างพระราชบัญญัตดิ ังกล่าวนน้ั ในการเลอื กตงั้ คณะกรรมาธิการวสิ ามญั ให้นาความในขอ้ ๑๒๒ มาใช้บังคบั โดยอนุโลม ขอ้ ๑๒๔ การเลอื กต้งั คณะกรรมาธิการวสิ ามัญพิจารณารา่ งพระราชบัญญตั ิทผ่ี มู้ สี ิทธเิ ลือกตั้ง เขา้ ช่ือเสนอและท่ีมสี าระสาคัญเก่ยี วกบั เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สงู อายุ หรือคนพิการหรือทุพพลภาพ ให้ตง้ั จาก ผู้แทนของผ้มู สี ทิ ธิเลอื กต้ังซึ่งเขา้ ชอ่ื เสนอร่างพระราชบัญญัตินน้ั จานวนไม่น้อยกว่าหน่งึ ในสามของจานวน กรรมาธิการวิสามัญท้ังหมด และให้ดาเนนิ การเลอื กตัง้ ตามขอ้ ๑๒๑ ตอ่ ไป

- ๒๕ - ข้อ ๑๒๕ การพิจารณาร่างพระราชบัญญตั ิในชนั้ คณะกรรมาธิการท่ีสภาตัง้ สมาชิกผู้ใดเห็นควร แกไ้ ขเพ่ิมเติมรา่ งพระราชบญั ญัติ กใ็ หเ้ สนอคาแปรญตั ติล่วงหนา้ เป็นหนงั สือต่อประธานคณะกรรมาธิการ ภายในกาหนดเจ็ดวันนบั แต่วันถัดจากวนั ทีส่ ภารับหลกั การแห่งร่างพระราชบัญญัติ เวน้ แตส่ ภาจะไดก้ าหนด เวลาแปรญัตติสาหรับรา่ งพระราชบญั ญตั ินั้นไว้เป็นอย่างอนื่ การแปรญัตติต้องแปรเปน็ รายมาตรา การแปรญัตติเพมิ่ มาตราข้นึ ใหมห่ รือตัดทอนหรอื แก้ไขมาตราเดมิ ตอ้ งไม่ขดั กับหลกั การ แห่งรา่ งพระราชบญั ญตั ินัน้ ขอ้ ๑๒๖ การพิจารณาร่างพระราชบญั ญตั ิงบประมาณรายจา่ ยประจาปีงบประมาณ รา่ งพระราชบัญญัตงิ บประมาณรายจา่ ยเพ่ิมเตมิ และร่างพระราชบญั ญตั โิ อนงบประมาณรายจ่ายในช้ัน คณะกรรมาธกิ ารที่สภาตงั้ หากสภาเหน็ ว่างบประมาณรายจ่ายทไ่ี ดร้ ับการจัดสรรไมเ่ พยี งพอกบั การปฏบิ ตั ิ หนา้ ทใ่ี หเ้ สนอคาขอแปรญตั ติตอ่ ประธานคณะกรรมาธิการ ขอ้ ๑๒๗ เมื่อคณะกรรมาธกิ ารได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติเสร็จแลว้ ให้เสนอรา่ งพระราชบญั ญัตนิ ั้น โดยแสดงรา่ งเดิมและการแก้ไขเพ่ิมเตมิ พรอ้ มท้ังรายงานตอ่ ประธานสภา รายงานน้ันอย่างนอ้ ยต้องระบวุ า่ ไดม้ ีหรือไม่มกี ารแก้ไขเพม่ิ เติมในมาตราใดบ้าง และถา้ มีการแปรญตั ติ มติของคณะกรรมาธิการเก่ียวด้วย คาแปรญัตตนิ ั้นเป็นประการใด หรือมกี ารสงวนคาแปรญตั ติของผู้แปรญัตติ หรอื มีการสงวนความเห็น ของกรรมาธกิ าร และในกรณีท่คี ณะกรรมาธิการมีการรบั ฟังความคิดเห็นและวเิ คราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึน้ จากร่างพระราชบัญญัติ ก็ให้ระบไุ วใ้ นรายงานด้วย ในกรณที ่ีคณะกรรมาธิการเห็นว่ามขี อ้ สังเกตท่ีคณะรัฐมนตรคี วรทราบหรอื ควรปฏบิ ตั ิ ใหบ้ นั ทกึ ข้อสงั เกตดังกล่าวนน้ั ไว้ในรายงานของคณะกรรมาธิการเพื่อให้ท่ปี ระชุมสภาพิจารณา และให้นาความ ในข้อ ๑๐๕ มาใช้บังคบั โดยอนุโลม ขอ้ ๑๒๘ รา่ งพระราชบัญญัติใดทสี่ มาชกิ หรือผู้มีสิทธิเลือกต้ังเปน็ ผู้เสนอ และในช้ันรับหลักการ ไมเ่ ป็นรา่ งพระราชบญั ญตั เิ กี่ยวดว้ ยการเงนิ แต่ในการพจิ ารณาในวาระทีส่ อง ถา้ สภาไดล้ งมตแิ ก้ไขเพ่ิมเตมิ ในมาตราใดและประธานสภาเห็นเอง หรือมสี มาชิกทักทว้ งต่อประธานสภาโดยมีจานวนสมาชกิ รบั รอง ไม่น้อยกวา่ ยี่สบิ คนว่าการแก้ไขเพมิ่ เตมิ นน้ั ทาให้มลี ักษณะเป็นร่างพระราชบัญญตั ิเกีย่ วด้วยการเงิน ใหป้ ระธานสภาสัง่ ระงับการลงมติในวาระท่สี ามไวก้ ่อน และส่งใหท้ ี่ประชมุ ร่วมกันของประธานสภาและประธาน คณะกรรมาธกิ ารสามัญทุกคณะเป็นผู้วินิจฉัยภายในสิบห้าวันนับแตว่ นั ที่มีกรณีดังกลา่ ว และให้นาความ ในข้อ ๑๑๔ และข้อ ๑๑๕ มาใช้บังคบั โดยอนุโลม ขอ้ ๑๒๙ เม่ือประธานสภาไดร้ บั แจ้งเรื่องการรับรองร่างพระราชบญั ญัตเิ กี่ยวดว้ ยการเงิน จากนายกรฐั มนตรตี ามข้อ ๑๒๘ แล้ว ให้สภาดาเนินการลงมติในวาระทีส่ ามตอ่ ไป แต่ถา้ นายกรัฐมนตรี ไม่ให้คารบั รองกใ็ ห้สภาดาเนินการแก้ไข เพอ่ื มิใหร้ า่ งพระราชบญั ญัตินน้ั เปน็ ร่างพระราชบัญญตั ิ เกีย่ วดว้ ยการเงนิ

- ๒๖ - ขอ้ ๑๓๐ ในกรณที ่สี ภามีมตใิ หพ้ จิ ารณารา่ งพระราชบัญญัติโดยกรรมาธิการเตม็ สภา ใหถ้ ือวา่ สมาชกิ ทกุ คนในท่ปี ระชมุ ประกอบกนั เป็นคณะกรรมาธกิ าร และประธานมีฐานะเป็นประธาน คณะกรรมาธกิ ารด้วย การพจิ ารณาโดยกรรมาธกิ ารเต็มสภาเปน็ การพิจารณาในช้ันคณะกรรมาธิการและการพิจารณา ของสภาในวาระที่สองเรยี งตามลาดบั มาตรารวมกนั ไป ข้อ ๑๓๑ ในการพิจารณารา่ งพระราชบัญญตั ทิ คี่ ณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแลว้ ให้สภาพิจารณาเริ่มต้นดว้ ยชื่อร่าง คาปรารภ แลว้ พจิ ารณาเรยี งตามลาดับมาตราและให้สมาชกิ อภิปรายได้ เฉพาะถ้อยคาหรือข้อความที่มีการแกไ้ ขเพ่ิมเตมิ หรอื ผู้แปรญัตตทิ ม่ี ีการสงวนคาแปรญตั ติ หรือกรรมาธิการ ทม่ี ีการสงวนความเหน็ ไว้ เวน้ แต่ทีป่ ระชมุ จะลงมติเปน็ อยา่ งอ่ืน การพจิ ารณาร่างพระราชบัญญัติทีเ่ ป็นการแก้ไขเพิ่มเตมิ กฎหมายเดิม ให้พิจารณาเรยี งตามลาดับ มาตราที่ได้แก้ไขเพ่ิมเติมในกฎหมายเดมิ ดว้ ย และให้นาความในวรรคหนงึ่ มาใช้บงั คบั โดยอนุโลม ขอ้ ๑๓๒ เมอ่ื ไดพ้ ิจารณาตามข้อ ๑๓๑ จนจบร่างแลว้ ให้สภาพจิ ารณาทง้ั ร่างเป็นการสรปุ อีกคร้ังหนงึ่ และในการพจิ ารณาคร้ังนส้ี มาชิกอาจขอแก้ไขเพ่มิ เตมิ ถ้อยคาได้ แต่จะขอแก้ไขเพมิ่ เติม เน้อื ความใดไม่ได้ นอกจากเน้ือความท่ีเห็นว่ายังขดั แย้งกันอยู่ ขอ้ ๑๓๓ เมอ่ื ไดพ้ จิ ารณารา่ งพระราชบัญญัติในวาระทส่ี องเสร็จแล้ว ให้สภาลงมติ ในวาระทส่ี ามวา่ เหน็ ชอบหรือไม่เห็นชอบโดยไม่มีการอภิปราย ข้อ ๑๓๔ ในกรณที ส่ี ภาลงมตใิ นวาระที่หน่ึงไมร่ บั หลักการแหง่ รา่ งพระราชบัญญตั ิก็ดี หรือลงมติในวาระทีส่ ามไม่เห็นชอบกด็ ี รา่ งพระราชบัญญัตินน้ั เป็นอนั ตกไป ขอ้ ๑๓๕ รา่ งพระราชบญั ญัตใิ ดตอ้ งยับย้งั ไวโ้ ดยบทบัญญัตมิ าตรา ๑๓๗ ของรัฐธรรมนูญ เม่อื กาหนดเวลาตามมาตรา ๑๓๘ ของรฐั ธรรมนญู ได้ลว่ งพน้ ไป สมาชิกอาจเสนอญตั ติโดยมผี ูร้ ับรอง ไมน่ อ้ ยกว่ายี่สิบคน ใหย้ กรา่ งพระราชบัญญัติทีต่ ้องยับยัง้ ไวน้ ้นั ขึน้ เพื่อให้สภาพจิ ารณาลงมตยิ นื ยนั รา่ งทีผ่ า่ นการพจิ ารณาจากสภาหรอื รา่ งท่คี ณะกรรมาธิการรว่ มกนั พิจารณา เว้นแตก่ รณียับยง้ั รา่ งพระราชบญั ญัติตามมาตรา ๒๗๑ (๑) หรอื (๒) ของรัฐธรรมนญู ให้กระทาในท่ปี ระชมุ รว่ มกนั ของรฐั สภา ขอ้ ๑๓๖ ในกรณที ีส่ ภามีมติในวาระทีส่ ามเหน็ ชอบด้วยร่างพระราชบญั ญัตใิ ด ใหป้ ระธานสภา ดาเนินการเสนอรา่ งพระราชบัญญตั นิ ้นั ต่อวฒุ ิสภา ใหม้ สี ารบบลงวนั ทีส่ ภาส่งรา่ งพระราชบัญญัติไปยังวฒุ ิสภา และวันท่ีสภาได้รับร่างพระราชบัญญตั ิ คนื จากวฒุ ิสภา ข้อ ๑๓๗ ในกรณีทว่ี ฒุ ิสภาแก้ไขเพมิ่ เตมิ ร่างพระราชบญั ญัตทิ ่ีไดเ้ สนอไปตามข้อ ๑๓๖ ใหป้ ระธานสภาบรรจเุ ข้าระเบียบวาระการประชมุ เป็นเรอ่ื งดว่ น เพื่อใหส้ ภาพิจารณาว่าจะเห็นชอบด้วย กบั การแก้ไขเพ่ิมเตมิ ของวฒุ สิ ภาหรอื ไม่

- ๒๗ - ถา้ สภาไมเ่ หน็ ชอบดว้ ยกับการแกไ้ ขเพ่ิมเติม ใหป้ ระธานดาเนินการใหส้ ภากาหนดจานวน และตงั้ กรรมาธิการร่วมกนั เม่ือสภาได้กาหนดจานวนและต้ังกรรมาธิการรว่ มกนั แล้ว ใหป้ ระธานสภา แจง้ ไปยงั วุฒิสภา เมื่อคณะกรรมาธกิ ารรว่ มกันไดพ้ จิ ารณารา่ งพระราชบญั ญัติเสรจ็ แลว้ ให้เสนอรายงาน และรา่ งพระราชบญั ญัตนิ ้ันต่อประธานสภา เพ่ือใหส้ ภาพิจารณาลงมติวา่ จะเหน็ ชอบหรือไม่เห็นชอบดว้ ย กับร่างพระราชบญั ญัติที่คณะกรรมาธกิ ารรว่ มกนั ได้พิจารณาแลว้ ในกรณที ่ีคณะกรรมาธิการร่วมกนั เหน็ วา่ มขี ้อสงั เกตที่คณะรัฐมนตรคี วรทราบหรอื ควรปฏิบัติ ให้บนั ทกึ ข้อสังเกตดงั กล่าวนั้นไว้ในรายงานของคณะกรรมาธกิ ารรว่ มกนั เพื่อให้ท่ปี ระชุมสภาพิจารณา และให้นาความในข้อ ๑๐๕ มาใชบ้ งั คบั โดยอนุโลม ขอ้ ๑๓๘ ในกรณีรา่ งพระราชบญั ญัติที่รัฐสภาใหค้ วามเหน็ ชอบแล้วมีข้อความผิดพลาด ซ่ึงเกดิ ข้นึ ในระหว่างการพจิ ารณาของสภา ประธานสภาอาจขอปรึกษาหรือสมาชกิ เสนอญัตติโดยมีผรู้ บั รอง ไม่นอ้ ยกวา่ ย่ีสบิ คน ให้นาร่างพระราชบัญญตั ินนั้ มาพิจารณาทบทวน หากท่ีประชุมสภาลงมติเห็นชอบ ดว้ ยคะแนนเสยี งไม่น้อยกวา่ ก่ึงหนง่ึ ของจานวนสมาชิกทง้ั หมดเทา่ ที่มีอยู่ของสภา กใ็ หด้ าเนนิ การได้ การขอปรึกษาหรอื ญัตติตามวรรคหนึ่งตอ้ งระบปุ ระเด็นทจ่ี ะขอนามาพิจารณาทบทวน และใหเ้ หตุผลที่ชดั เจน การพิจารณาแก้ไขเพมิ่ เตมิ ให้กระทาไดเ้ ท่าทีจ่ าเปน็ และให้กระทาในทีป่ ระชุมสภา เม่ือได้ดาเนนิ การตามวรรคสามแล้ว ใหป้ ระธานสภาแจ้งไปยังวุฒิสภาเพ่ือดาเนินการ ตามมาตรา ๘๑ ของรฐั ธรรมนญู ต่อไป ขอ้ ๑๓๙ รา่ งพระราชบัญญัติใดทร่ี ัฐสภาให้ความเหน็ ชอบแลว้ กอ่ นสง่ ร่างพระราชบัญญัติ ไปยังนายกรัฐมนตรเี พ่ือดาเนินการตามมาตรา ๘๑ ของรัฐธรรมนญู ใหป้ ระธานสภาชะลอไวส้ ามวัน เพ่ือเปิดโอกาสใหส้ มาชิกจานวนไมน่ อ้ ยกว่าหนงึ่ ในสิบของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าทม่ี ีอยู่ของทัง้ สองสภา เสนอความเห็นต่อประธานสภาว่ารา่ งพระราชบญั ญตั นิ ัน้ มีข้อความขัดหรือแยง้ ต่อรัฐธรรมนญู หรือตราขึน้ โดยไมถ่ ูกต้องตามบทบัญญตั ิแห่งรฐั ธรรมนญู และใหป้ ระธานสภาส่งความเหน็ ไปยงั ศาลรฐั ธรรมนญู เพ่อื วินจิ ฉัย ขอ้ ๑๔๐ เพือ่ ประโยชนใ์ นการมสี ่วนร่วมและการรบั ฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้เกย่ี วข้อง สภาหรือคณะกรรมาธิการจะจัดใหม้ ีการรับฟงั ความคดิ เห็นเก่ียวกับรา่ งพระราชบัญญัติ เพ่มิ เติมก็ได้ หมวด ๗ การพิจารณารา่ งพระราชบัญญตั ิทีร่ ฐั สภามมี ตเิ ห็นชอบให้พิจารณาต่อไป ข้อ ๑๔๑ เมอื่ รฐั สภามมี ติให้ความเห็นชอบให้พิจารณารา่ งพระราชบญั ญัติตอ่ ไป ตามมาตรา ๑๕๖ (๙) ประกอบมาตรา ๑๔๗ ของรัฐธรรมนูญ ถ้าร่างพระราชบัญญัติน้ันค้างการพจิ ารณา

- ๒๘ - อยใู่ นวาระใด ก็ให้พจิ ารณาต่อไปในวาระน้ัน และใหป้ ระธานสภาบรรจเุ ข้าระเบยี บวาระการประชมุ เป็นเร่ืองดว่ น การพิจารณาร่างพระราชบัญญัตติ ามวรรคหนึ่ง ถ้าอยู่ในระหว่างการพจิ ารณาของคณะกรรมาธิการ ใหส้ ภาตั้งคณะกรรมาธิการขน้ึ ใหม่ ข้อ ๑๔๒ ถ้ารา่ งพระราชบญั ญตั ินั้นอยรู่ ะหว่างการพจิ ารณาของคณะกรรมาธกิ ารร่วมกัน ให้สภาต้งั กรรมาธกิ ารรว่ มกันฝ่ายสภาขึ้นใหม่และให้ประธานสภาแจง้ ไปยงั วุฒสิ ภาเพือ่ ทราบ ขอ้ ๑๔๓ การพจิ ารณารา่ งพระราชบัญญตั ิท่ีคา้ งการพจิ ารณาให้ดาเนินกระบวนการพจิ ารณา ตอ่ ไปตามที่กาหนดไว้ในหมวด ๖ การเสนอและการพิจารณาร่างพระราชบญั ญตั ิ หมวด ๘ กระทู้ถาม ส่วนท่ี ๑ บททวั่ ไป ขอ้ ๑๔๔ กระทูถ้ าม คือ ข้อซักถามทส่ี มาชิกสภามีต่อนายกรัฐมนตรีหรือรฐั มนตรีเก่ียวกบั งานในหนา้ ทข่ี องนายกรัฐมนตรหี รือรฐั มนตรี ขอ้ ๑๔๕ กระทู้ถามมี ๓ ประเภท คือ (๑) กระทู้ถามสด (๒) กระทถู้ ามทว่ั ไป (๓) กระทูถ้ ามแยกเฉพาะ ข้อ ๑๔๖ การต้งั กระทู้ถาม ให้ผตู้ ้ังกระทู้ถามมอี สิ ระ ไม่อยู่ในความผกู มัดแหง่ อาณัติมอบหมาย หรือความครอบงาใด ๆ กระทู้ถามแต่ละกระทนู้ น้ั ให้ตงั้ ถามและซักถามไดเ้ ฉพาะคนเดยี ว ขอ้ ๑๔๗ กระทู้ถามต้องไมม่ ีลักษณะอยา่ งหน่ึงอย่างใด ดังต่อไปน้ี (๑) เป็นเชิงประชด เสียดสี หรอื กล่ันแกลง้ ใสร่ า้ ย (๒) เคลอื บคลมุ หรือเขา้ ใจยาก (๓) เป็นเรอ่ื งทไี่ ดต้ อบแล้วหรอื ชแี้ จงแลว้ ว่าไมต่ อบ (๔) เป็นเรอ่ื งทม่ี ีประเด็นคาถามซ้ากับกระทู้ถามซึ่งมผี เู้ สนอมาก่อน (๕) เปน็ การให้ออกความเหน็ (๖) เปน็ ปญั หาข้อกฎหมาย

- ๒๙ - (๗) เปน็ เร่ืองทไี่ ม่มีสาระสาคัญ (๘) เปน็ เรอื่ งสว่ นตัวของบคุ คลใด เวน้ แต่ทเี่ กีย่ วกบั การงานในหนา้ ทรี่ าชการ ข้อ ๑๔๘ กระทู้ถามตามข้อ ๑๔๗ (๓) และ (๔) น้ัน จะตั้งกระทถู้ ามขนึ้ ใหม่ได้ในเมื่อสาระสาคัญ ตา่ งกัน หรอื พฤติการณ์ในขณะท่ีมกี ระทู้ถามครง้ั นนั้ ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อตงั้ กระทถู้ ามครงั้ ก่อน ขอ้ ๑๔๙ กระทู้ถามทสี่ มาชิกตั้งถาม ให้ประธานสภาทาการตรวจสอบ และหากมีขอ้ บกพร่อง ให้ประธานสภาแจ้งสมาชิกผู้นั้นทราบ ข้อ ๑๕๐ การประชุมคร้ังหน่ึง ๆ ใหบ้ รรจกุ ระทู้ถามสดไดไ้ ม่เกินสามกระทู้และกระทูถ้ ามทว่ั ไป ไม่เกินสามกระทู้ แต่ถา้ หากมีกระทู้ถามทว่ั ไปรอบรรจุระเบียบวาระการประชมุ จานวนมากหรือมีกระทู้ถาม ท่ัวไปท่ีเล่อื นมาจากการประชมุ ครั้งที่แลว้ ประธานสภาจะบรรจกุ ระทู้ถามทั่วไปเกนิ กว่านีก้ ไ็ ด้ การจัดลาดบั กระทู้ถามในที่ประชมุ ใหจ้ ัดตามลาดับ คือ กระทู้ถามสดและกระทถู้ ามทัว่ ไป ข้อ ๑๕๑ นายกรฐั มนตรหี รือรฐั มนตรที ่ีถกู ต้ังกระทู้ถามต้องเขา้ ร่วมประชมุ สภาเพอื่ ตอบ กระทู้ถามในเร่ืองนน้ั ด้วยตนเอง เว้นแต่มเี หตุจาเปน็ อันมิอาจหลกี เลย่ี งได้ทาให้ไมอ่ าจตอบกระทู้ แต่ต้องแจ้ง เหตุจาเปน็ น้นั เป็นหนงั สือต่อประธานสภาก่อนหรือในวนั ประชุมสภา และให้กาหนดวา่ จะตอบได้เมื่อใด ในกรณีทม่ี ีการมอบหมายใหร้ ัฐมนตรีอืน่ ที่เกย่ี วข้องเป็นผู้ตอบกระทู้ถาม จะต้องแจง้ เป็นหนังสอื ตอ่ ประธานสภาก่อนถึงระเบียบวาระกระทู้ถาม ขอ้ ๑๕๒ การต้ังกระทู้ถามต้องชดั เจน ไม่ฟุม่ เฟือย วนเวยี น ซ้าซาก หรือมีลกั ษณะ เป็นการอภิปราย การตอบกระทถู้ ามของนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี ใหน้ าความในวรรคหน่ึง มาใช้บงั คับโดยอนุโลม ขอ้ ๑๕๓ ผตู้ ้ังกระทู้ถามมีสทิ ธิถอนกระทถู้ ามเม่ือใดกไ็ ด้ ข้อ ๑๕๔ กระทู้ถามใดท่ีประธานสภาพจิ ารณาเห็นวา่ เหตุการณไ์ ด้เปลยี่ นแปลงไป ประธานสภาอาจส่ังให้นาออกจากการรอบรรจรุ ะเบยี บวาระการประชุมได้ เม่ือได้รับความยนิ ยอม ของผู้ตั้งกระทูถ้ าม ขอ้ ๑๕๕ กระทู้ถามตกไป เม่ือ (๑) ถงึ ระเบียบวาระกระทู้ถามของผ้ใู ด ถา้ ผตู้ ้งั กระทถู้ ามไมถ่ ามหรือไมอ่ ยู่ในทปี่ ระชมุ (๒) สมาชิกภาพของผตู้ ั้งกระทถู้ ามสิน้ สุดลง (๓) คณะรฐั มนตรีทั้งคณะพน้ จากตาแหน่ง (๔) สภาสิน้ อายุ สภาถกู ยุบ หรอื ไม่มสี ภาเพราะเหตอุ นื่ ใด

- ๓๐ - สว่ นที่ ๒ กระทู้ถามสด ขอ้ ๑๕๖ การตง้ั กระทู้ถามสด สมาชกิ แต่ละคนมสี ิทธติ งั้ กระทถู้ ามได้ครัง้ ละหนึ่งกระทู้ ในวนั ประชุมท่ีมีวาระการตอบกระทู้ถาม โดยระบุช่ือเรอ่ื งท่ีจะถามพร้อมระบวุ ่าจะถามนายกรฐั มนตรี หรอื รัฐมนตรีผู้ใด และต้องมีลักษณะอย่างหนึง่ อย่างใด ดังต่อไปนี้ (๑) เปน็ เรือ่ งสาคญั ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน (๒) เป็นเรื่องท่กี ระทบถึงผลประโยชนข์ องประเทศชาติและประชาชน (๓) เป็นเรือ่ งเรง่ ด่วน ให้เป็นอานาจของประธานสภาทจ่ี ะวนิ ิจฉยั ว่ากระทูถ้ ามใดเป็นกระทู้ถามสดหรือไม่ ขอ้ ๑๕๗ ในการประชมุ ครงั้ ใดมีกระทู้ถามสดทีป่ ระธานสภาวินิจฉยั แลว้ เกนิ จานวนสามกระทู้ ใหป้ ระธานสภาจบั สลากใหเ้ หลอื เพยี งสามกระทู้ ในจานวนสามกระทนู้ ้ี หากปรากฏว่ามีกระทู้ถามที่เป็นเร่ือง ทานองเดียวกนั ให้กระทู้ถามทีถ่ กู จบั สลากขนึ้ มาในลาดบั หลงั ตกไป ขอ้ ๑๕๘ กระทู้ถามสดท่ีประธานสภาวินจิ ฉัยตามขอ้ ๑๕๖ หรือได้ดาเนนิ การตามขอ้ ๑๕๗ แลว้ ใหบ้ รรจเุ ข้าระเบยี บวาระกระทูถ้ ามสดและแจ้งใหน้ ายกรฐั มนตรีหรอื รัฐมนตรที ี่ถูกตั้งกระทูถ้ ามทราบ ข้อ ๑๕๙ การถามและการตอบกระท้ถู ามสดในการประชุมคร้ังหนึง่ ๆ มีกาหนดเวลาไม่เกนิ เก้าสบิ นาที เรอ่ื งใดทปี่ ระธานสภาวินจิ ฉัยวา่ ไม่เข้าลักษณะกระทู้ถามสดตามข้อ ๑๕๖ หรือไม่อนญุ าต ให้บรรจุเขา้ ระเบียบวาระการประชุม หรือมิได้มีการถามตอบดว้ ยเหตุอ่นื ใดท่ีมใิ ช่การขอเลอ่ื นการตอบ ของนายกรัฐมนตรหี รอื รฐั มนตรใี หเ้ ปน็ อนั ตกไป หากสมาชิกยงั ประสงค์ท่จี ะต้ังเป็นกระทู้ถามสดอยู่ ใหเ้ สนอใหม่เพ่อื พิจารณาในคราวถัดไป ข้อ ๑๖๐ กระทู้ถามสดแตล่ ะกระทู้ใหถ้ ามดว้ ยวาจาได้เรอื่ งละไม่เกินสามครั้งและต้องถามตอบ ใหแ้ ล้วเสร็จภายในกาหนดเวลาสามสิบนาที เว้นแต่ในการประชุมครงั้ ใดมีกระทู้ถามสดน้อยกว่าสามกระทู้ ก็ใหข้ ยายเวลาออกไปอีกตามสดั สว่ นภายในเวลาหกสิบนาที ข้อ ๑๖๑ ในระหวา่ งการถามกระทู้ถามสด หากประธานวนิ ิจฉัยวา่ คาถามขอ้ ใดเข้าลักษณะ ต้องหา้ มตามข้อ ๑๔๗ ใหป้ ระธานมอี านาจสง่ั ให้เปลีย่ นแปลงคาถาม ส่วนที่ ๓ กระทู้ถามทัว่ ไป ข้อ ๑๖๒ การต้ังกระทู้ถามทว่ั ไปให้เสนอลว่ งหน้าเป็นหนังสือยน่ื ตอ่ ประธานสภา โดยมขี ้อความ เป็นคาถามในข้อเทจ็ จริงหรือนโยบาย และระบุวา่ จะให้ตอบในที่ประชุมสภาหรือในราชกิจจานุเบกษา

- ๓๑ - ข้อเท็จจริงที่อ้างประกอบกระทู้ถามทวั่ ไป ตอ้ งเปน็ ข้อเทจ็ จริงท่ีผู้ตั้งกระท้ถู ามรบั รองว่าถูกตอ้ ง แม้ไม่ได้ยืนยันรับรองไวใ้ นกระทถู้ ามท่วั ไปก็ตาม และถ้าจาเปน็ จะตอ้ งมคี าช้แี จงประกอบให้ระบแุ ยกเป็น ส่วนหนึง่ ตา่ งหาก ขอ้ ๑๖๓ ให้ประธานสภาวินิจฉยั ว่ากระทู้ถามใดมีลักษณะตอ้ งหา้ มตามข้อ ๑๔๗ หรือมีลักษณะ ตามข้อ ๑๔๘ และเมื่อวินิจฉยั แล้วให้แจง้ ผ้ตู ้งั กระทถู้ ามทราบภายในเจด็ วนั กระทู้ถามท่ปี ระธานสภาวินิจฉัยว่าเปน็ กระท้ถู าม ใหจ้ ดั สง่ ไปยังนายกรฐั มนตรีหรือรัฐมนตรี ท่ถี กู ต้ังกระท้ถู าม ขอ้ ๑๖๔ กระทู้ถามที่ตอ้ งตอบในที่ประชุมสภา ใหบ้ รรจุเข้าระเบยี บวาระการประชมุ ภายในสบิ หา้ วันนับแตว่ ันทส่ี ่งไปยังนายกรัฐมนตรหี รือรฐั มนตรตี ามข้อ ๑๖๓ วรรคสอง ข้อ ๑๖๕ กระทู้ถามท่ตี อ้ งตอบในราชกจิ จานุเบกษา ใหป้ ระธานสภาแจง้ นายกรฐั มนตรี หรือรฐั มนตรีทถี่ ูกต้งั กระทู้ถามเพ่ือดาเนินการตอบภายในสามสบิ วันนบั แต่วนั ทส่ี ่งไปยงั นายกรฐั มนตรี หรอื รัฐมนตรตี ามข้อ ๑๖๓ วรรคสอง เมอ่ื นายกรัฐมนตรีหรอื รฐั มนตรีได้ตอบแลว้ ให้ส่งราชกิจจานุเบกษาท่ีมีคาตอบกระท้ถู ามมา เพอ่ื ใหป้ ระธานสภาแจง้ ใหผ้ ู้ตั้งกระทถู้ ามทราบ หากนายกรัฐมนตรีหรือรฐั มนตรไี ม่สามารถตอบภายในกาหนดเวลาตามวรรคหนง่ึ ใหแ้ จ้งเหตุขดั ขอ้ งเป็นหนงั สือและใหก้ าหนดว่าจะตอบไดเ้ มื่อใดเพ่ือประธานสภาแจ้งใหผ้ ู้ตัง้ กระทู้ถามทราบ ขอ้ ๑๖๖ การตัง้ กระทู้ถามท่ัวไปตามข้อ ๑๖๒ ในการประชุมให้บรรจุกระทู้ลาดับแรก ของสมาชิกเข้าระเบยี บวาระการประชุมตามลาดบั ก่อนหลังท่ีไดย้ ื่นต่อประธานสภา เมื่อได้ตอบกระทู้ตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้พิจารณาบรรจุกระทู้ลาดับถัดไปของแตล่ ะบุคคล เข้าสรู่ ะเบียบวาระการประชุมตามลาดับท่ีได้ยื่นไวต้ ่อประธานสภา กระทู้ท่ตี ้องตอบในทป่ี ระชมุ สภา ทั้งทีไ่ ด้รับการบรรจแุ ละยังไม่ได้รับการบรรจุเขา้ ระเบยี บวาระ การประชุมในสมยั ประชมุ หนึ่ง ๆ เมอื่ สิ้นสดุ สมยั ประชมุ ให้ประธานสภารวบรวมแจ้งนายกรัฐมนตรี หรอื รัฐมนตรที ีเ่ กยี่ วขอ้ งดาเนินการตอบในราชกจิ จานุเบกษาภายในสามสบิ วนั ขอ้ ๑๖๗ กระทู้ถามที่ขอใหต้ อบในที่ประชมุ สภา เมอื่ นายกรัฐมนตรีหรอื รฐั มนตรีไดต้ อบแลว้ ผตู้ ง้ั กระทู้ถามมสี ิทธิซกั ถามไดอ้ กี หน่งึ ครงั้ เวน้ แตจ่ ะขอซักถามต่อไปเพราะคาตอบยงั ไม่หมดประเด็น และประธานอนุญาต สว่ นท่ี ๔ กระทู้ถามแยกเฉพาะ ข้อ ๑๖๘ กระทู้ถามทม่ี ีลกั ษณะเฉพาะเรื่อง เฉพาะพ้ืนที่ เฉพาะบุคคล หรือสมาชิกระบุวา่ ให้ตอบในห้องกระทู้ถาม ให้ถือเปน็ กระทถู้ ามแยกเฉพาะ ประธานสภาอาจกาหนดใหม้ กี ารถามและการตอบ ในหอ้ งกระทู้ถามกไ็ ด้

- ๓๒ - การตัง้ กระทู้ถามแยกเฉพาะให้เสนอล่วงหน้าเป็นหนังสือยื่นตอ่ ประธานสภา ข้อเท็จจรงิ ที่อา้ ง ประกอบกระทู้ถามแยกเฉพาะ ตอ้ งเป็นข้อเท็จจริงทผ่ี ู้ต้งั กระทู้ถามรับรองว่าถูกต้อง แมไ้ ม่ได้ยืนยนั รับรอง ไว้ในกระทถู้ ามแยกเฉพาะก็ตาม และถ้าจาเปน็ จะต้องมคี าช้ีแจงประกอบให้ระบแุ ยกเป็นส่วนหนึ่งต่างหาก และให้นาความในข้อ ๑๖๓ มาใชบ้ งั คับโดยอนโุ ลม ขอ้ ๑๖๙ ให้ประธานสภาจดั ใหม้ ีหอ้ งกระทูถ้ ามในบริเวณสภา เพอ่ื ให้มีการถามและการตอบ กระทู้ถามแยกเฉพาะไดโ้ ดยสะดวก ขอ้ ๑๗๐ ให้ประธานสภาแจ้งนายกรัฐมนตรหี รือรัฐมนตรีที่ถูกตั้งกระทู้ถามแยกเฉพาะ เพ่อื มาตอบภายในสิบห้าวันนบั แตว่ นั ทส่ี ่งไปยังนายกรฐั มนตรหี รือรัฐมนตรตี ามข้อ ๑๖๓ วรรคสอง หากนายกรฐั มนตรหี รือรฐั มนตรไี มส่ ามารถมาตอบภายในกาหนดเวลาตามวรรคหนง่ึ ใหแ้ จ้ง เหตขุ ดั ข้องเป็นหนังสือและใหก้ าหนดว่าจะตอบได้เม่ือใด เพื่อประธานสภาแจง้ ให้ผ้ตู ง้ั กระทู้ถามทราบ ขอ้ ๑๗๑ ให้บรรจุกระทู้ถามแยกเฉพาะ เข้าระเบยี บวาระการประชมุ ภายในสบิ หา้ วัน นับแตว่ ันทส่ี ง่ ไปยังนายกรฐั มนตรีหรอื รฐั มนตรตี ามขอ้ ๑๖๓ วรรคสอง ตามลาดบั ก่อนหลังท่ีไดย้ น่ื ต่อ ประธานสภา กระทู้ถามแยกเฉพาะทีย่ ังไม่ได้ตอบหรือที่ยังไม่ไดบ้ รรจเุ ข้าระเบยี บวาระการประชมุ ในสมยั ประชมุ หนึ่ง ๆ เมื่อสิน้ สดุ สมยั ประชมุ ให้ประธานสภารวบรวมแจ้งนายกรฐั มนตรีหรือรฐั มนตรีท่ีเกยี่ วข้อง ดาเนนิ การตอบในราชกิจจานุเบกษาภายในสามสบิ วัน ขอ้ ๑๗๒ เมอื่ เข้าสู่ระเบียบวาระกระทู้ถามให้ประธานสภาสงั่ ให้ดาเนนิ การถามและตอบ กระทู้ถามแยกเฉพาะในหอ้ งกระทู้ถาม ให้ประธานสภาหรือรองประธานสภาทป่ี ระธานสภามอบหมายทาหนา้ ทป่ี ระธานในห้องกระทถู้ าม และใหน้ าความในข้อ ๑๖๗ มาใชบ้ ังคับโดยอนุโลม ข้อ ๑๗๓ ในการประชมุ ครง้ั หนง่ึ ใหม้ กี ระท้ถู ามแยกเฉพาะตามจานวนท่ีประธานสภากาหนด กระทู้ถามแยกเฉพาะแตล่ ะกระท้ตู ้องถามและตอบใหแ้ ล้วเสร็จภายในกาหนดเวลาย่ีสิบนาที ข้อ ๑๗๔ การเผยแพร่การถามและการตอบกระทถู้ ามแยกเฉพาะใหน้ าความในข้อ ๑๘ วรรคสอง และวรรคสาม มาใช้บังคับโดยอนโุ ลม หมวด ๙ การเปิดอภิปรายทั่วไป ส่วนท่ี ๑ การเปิดอภิปรายท่วั ไปเพ่ือลงมติไม่ไว้วางใจ

- ๓๓ - ขอ้ ๑๗๕ เมอื่ สมาชกิ มีความประสงคจ์ ะเสนอญัตตขิ อให้เปิดอภปิ รายทวั่ ไปตามมาตรา ๑๕๑ ของรฐั ธรรมนูญ ให้ย่ืนต่อประธานสภาเปน็ หนงั สือแสดงว่า จะเปิดอภปิ รายทวั่ ไปเพือ่ ลงมตไิ ม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรอื ท้ังคณะในเร่อื งใดบา้ ง ขอ้ ๑๗๖ เม่ือประธานสภาได้รบั ญัตติตามข้อ ๑๗๕ แล้ว ให้ทาการตรวจสอบ หากมีข้อบกพร่อง ให้ประธานสภาแจ้งผเู้ สนอทราบภายในเจด็ วนั นบั แต่วนั ที่ได้รบั ญัตติ เมื่อประธานสภาไดต้ รวจสอบความถกู ต้องของญตั ตแิ ลว้ ให้บรรจเุ ข้าระเบยี บวาระการประชมุ เปน็ เรือ่ งด่วนและแจง้ ให้นายกรฐั มนตรีทราบ ข้อ ๑๗๗ นายกรัฐมนตรแี ละรัฐมนตรีเทา่ นน้ั ที่มสี ิทธิอภิปรายช้ีแจง การชแ้ี จงตามวรรคหน่ึง จะช้แี จงคาอภปิ รายของสมาชกิ ทลี ะคนเปน็ ลาดับไปหรอื จะรอรวมชีแ้ จง ครง้ั ละหลายคนก็ได้ ข้อ ๑๗๘ ในการอภิปรายและการลงมติไม่ไวว้ างใจ สมาชิกมอี สิ ระจากพรรคการเมือง ไมอ่ ยู่ในความผูกมัดแหง่ อาณัตมิ อบหมาย หรือความครอบงาใด ๆ การอภิปรายตามวรรคหนึ่ง นอกจากที่กาหนดไวใ้ นส่วนนี้แล้ว ใหน้ าความในหมวด ๔ สว่ นที่ ๓ การอภปิ ราย มาใชบ้ ังคับโดยอนโุ ลม ยกเวน้ ขอ้ ๖๗ และข้อ ๖๙ เฉพาะสว่ นท่เี ก่ยี วกับการหา้ มมใิ หน้ าเอกสาร ใด ๆ มาอา่ นในท่ปี ระชมุ โดยไมจ่ าเปน็ และหา้ มมใิ หน้ าวตั ถุใด ๆ เข้ามาแสดงในทีป่ ระชมุ มิใหน้ ามาใช้บงั คับ การนาเอกสารหรอื วตั ถุใด ๆ เขา้ มาแสดงในท่ีประชมุ ในการอภิปรายตามวรรคหนง่ึ ทีอ่ าจเปน็ เหตุใหบ้ ุคคลอืน่ ซึ่งมิใช่นายกรัฐมนตรีหรอื รฐั มนตรีหรือสมาชิกได้รับความเสียหาย หรือเป็นการฝา่ ฝนื หรอื ไม่ปฏบิ ตั ิตามมาตรฐานทางจรยิ ธรรม สมาชิกผูน้ ้นั ต้องรับผดิ ชอบผลแหง่ การกระทานั้น สว่ นที่ ๒ การเปดิ อภปิ รายทว่ั ไปตามมาตรา ๑๕๒ ของรฐั ธรรมนูญ ขอ้ ๑๗๙ ญตั ติขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา ๑๕๒ ของรัฐธรรมนูญ ใหท้ าเป็นหนังสือ ยนื่ ต่อประธานสภาโดยระบใุ ห้ชดั เจนว่าจะซกั ถามข้อเทจ็ จริงหรอื เสนอแนะปัญหาต่อคณะรฐั มนตรีในเรื่องใด เมือ่ ประธานสภาไดร้ บั ญัตติตามวรรคหนึ่งแลว้ ให้นาความในข้อ ๑๗๖ มาใชบ้ ังคับโดยอนุโลม ข้อ ๑๘๐ ในการอภิปราย ใหน้ าความในหมวด ๔ ส่วนที่ ๓ การอภปิ ราย มาใชบ้ ังคบั โดยอนุโลม หมวด ๑๐ การรกั ษาระเบยี บและความเรียบร้อย ขอ้ ๑๘๑ สถานทีป่ ระชมุ ของสภาย่อมเป็นทเี่ คารพและเป็นเขตหวงห้าม บคุ คลซง่ึ เขา้ ไป ต้องประพฤตติ นใหเ้ รยี บร้อย มสี ัมมาคารวะ และต้องแตง่ กายตามท่ปี ระธานสภากาหนด บุคคลอ่ืน ที่ไมใ่ ชส่ มาชิกหรอื เจ้าหน้าท่ี เมอื่ หมดภารกิจต้องออกนอกสถานทปี่ ระชมุ ของสภา

- ๓๔ - การแต่งกายของสมาชิกนั้น ให้แต่งเครื่องแบบสมาชิกรัฐสภา หรือสากลนยิ ม หรือชุดพระราชทาน หรอื ชุดตามระเบยี บที่ประธานสภากาหนด หา้ มใช้เครือ่ งมือส่ือสารใด ๆ ซ่ึงกอ่ ให้เกดิ การรบกวนในทปี่ ระชมุ ข้อ ๑๘๒ ผู้ใดฝ่าฝนื ข้อบังคับน้ี ประธานมอี านาจเตือน ห้ามปราม ให้ถอนคาพดู หา้ มพูดในเร่ือง ทก่ี าลงั ปรกึ ษากันอยู่ ให้กล่าวขออภัยในท่ีประชุม หรือสัง่ ให้ออกไปจากที่ประชุมโดยมหี รือไม่มี กาหนดเวลาในครง้ั นน้ั ก็ได้ ในกรณีทป่ี ระธานสั่งใหผ้ ูใ้ ดออกจากทป่ี ระชุม หากผ้นู นั้ ขัดขืน ประธานมีอานาจสั่งให้เจา้ หนา้ ท่ี ตารวจรัฐสภานาตวั ออกจากสถานที่ประชมุ ของสภาหรอื ออกไปให้พน้ บริเวณสภา ทง้ั น้ี วิธกี ารหรอื ขั้นตอน การนาตวั ผูท้ ่ปี ระธานส่งั ให้ออกจากทป่ี ระชุม ใหเ้ ปน็ ไปตามระเบียบที่ประธานสภากาหนด เจ้าหน้าทตี่ ารวจรัฐสภาทป่ี ฏบิ ตั หิ น้าที่ตามคาส่ังของประธานยอ่ มไดร้ บั ความคุ้มครอง คาสง่ั ของประธานตามข้อน้ี ผู้ใดจะโต้แยง้ ไม่ได้ ขอ้ ๑๘๓ การรกั ษาระเบียบและความสงบเรยี บร้อยในสว่ นทีเ่ กี่ยวกับบุคคลภายนอก ที่จะเข้ามาในท่ีประชุม หรือบริเวณสภา หรือเข้าฟังการประชมุ ตลอดจนมารยาทของบุคคลเช่นว่านั้น และการโฆษณาข้อความเก่ียวดว้ ยการประชุม ให้เป็นไปตามระเบยี บท่ีประธานสภากาหนด หมวด ๑๑ บทสุดทา้ ย ข้อ ๑๘๔ ถา้ ประธานขอปรึกษา หรอื สมาชิกเสนอญัตตโิ ดยมจี านวนสมาชกิ รบั รอง ไมน่ ้อยกว่าย่สี ิบคน ใหง้ ดใช้ข้อบังคับข้อหน่ึงข้อใดทง้ั หมดหรอื บางส่วนเป็นการช่วั คราวเฉพาะกรณี หากทป่ี ระชมุ อนมุ ัตดิ ้วยคะแนนเสยี งไมน่ ้อยกวา่ สองในสามของสมาชกิ ในท่ีประชมุ กใ็ ห้งดใช้ได้ ข้อ ๑๘๕ ภายใต้บงั คบั มาตรา ๑๔๙ ของรฐั ธรรมนญู ถ้ามีปัญหาที่จะต้องตีความข้อบังคับน้ี ให้เป็นอานาจของสภาทจ่ี ะวนิ ิจฉัย และเม่ือท่ีประชมุ ได้ลงมตวิ นิ ิจฉัยโดยคะแนนเสยี งไมน่ ้อยกวา่ ก่ึงหนึง่ ของจานวนสมาชิกท้งั หมดเท่าทีม่ อี ยู่ของสภาเปน็ ประการใดแล้ว ใหถ้ ือวา่ คาวนิ ิจฉัยนน้ั เป็นเด็ดขาด การขอให้ที่ประชมุ วนิ ิจฉัยตามวรรคหนึง่ อาจกระทาไดโ้ ดยประธานขอปรึกษาหรือสมาชิก เสนอญัตตโิ ดยมีจานวนสมาชิกรบั รองไม่น้อยกวา่ ย่สี บิ คน ข้อ ๑๘๖ การขอแก้ไขเพิม่ เติมขอ้ บังคับน้ี ต้องเสนอเป็นญัตติโดยมจี านวนสมาชกิ รบั รอง ไม่นอ้ ยกวา่ ยี่สิบคน การเสนอและพจิ ารณาญตั ติในวรรคหนง่ึ ให้นาขอ้ บังคบั ว่าดว้ ยการเสนอและการพจิ ารณา รา่ งพระราชบัญญัติ มาใชบ้ งั คับโดยอนโุ ลม ขอ้ ๑๘๗ ในกรณีมีเร่อื งทส่ี ภาจะตอ้ งพจิ ารณาเก่ียวกับการอนญุ าตหรือไม่อนญุ าตใหม้ ีการจบั คุมขงั หรือหมายเรียกตัวสมาชิกไปทาการสอบสวนในฐานะเปน็ ผ้ตู ้องหาในคดอี าญาในระหว่างสมยั ประชุม ตามมาตรา ๑๒๕ วรรคหน่งึ ของรัฐธรรมนญู ใหป้ ระธานสภาบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมเปน็ เร่ืองดว่ น

- ๓๕ - การขออนุญาตตามวรรคหนึง่ หากประธานสภาเหน็ วา่ เหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป ประธานสภา อาจส่ังใหน้ าออกจากระเบียบวาระการประชมุ ได้ แลว้ แจ้งใหท้ ี่ประชมุ ทราบ ข้อ ๑๘๘ ในกรณีท่ีประธานสภาไดด้ าเนนิ การตามมาตรา ๑๒๕ วรรคสองหรือวรรคสาม ของรฐั ธรรมนูญแลว้ ให้ประธานสภาแจ้งให้ท่ปี ระชมุ รับทราบในโอกาสแรกทมี่ ีการประชุม บทเฉพาะกาล ข้อ ๑๘๙ ขอ้ บังคับนไ้ี ม่กระทบกระเทือนถึงการใดท่ีไดก้ ระทาเสรจ็ ไปแลว้ ก่อนใช้ข้อบงั คับนี้ สว่ นการใดทย่ี งั กระทาค้างอยู่ให้ดาเนินการต่อไปตามข้อบงั คับท่ใี ชอ้ ยู่กอ่ นวันใช้ข้อบังคบั น้ี ข้อ ๑๙๐ ใหน้ าข้อบงั คับว่าด้วยประมวลจรยิ ธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ. ๒๕๕๓ มาใชบ้ ังคับกับสมาชกิ และกรรมาธิการโดยอนุโลม จนกว่าจะได้มีการประกาศใช้ข้อบังคับว่าด้วย ประมวลจริยธรรมตามมาตรา ๑๒๘ วรรคหนึง่ ประกอบมาตรา ๒๑๙ วรรคสอง ของรฐั ธรรมนูญแล้ว เพื่อดาเนนิ การให้เป็นไปตามวรรคหน่ึง ใหส้ ภาต้งั คณะกรรมาธกิ ารวิสามัญยกร่างขอ้ บังคับ ว่าดว้ ยประมวลจริยธรรมของสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการตามมาตรา ๑๒๘ วรรคหน่ึง ประกอบมาตรา ๒๑๙ วรรคสอง ของรัฐธรรมนญู ภายในสามสิบวนั น้ันแต่วันประกาศใช้ข้อบังคบั นี้ ขอ้ ๑๙๑ ให้คณะกรรมาธกิ ารวิสามญั ที่สภาต้ังก่อนวนั ท่ีข้อบังคับนี้ใชบ้ งั คบั คงดารงตาแหน่งต่อไป จนกว่าจะปฏิบัตหิ น้าที่เสร็จสิ้น ข้อ ๑๙๒ ให้บรรดาข้อบงั คับ ระเบียบ ประกาศ หรือคาสง่ั ท่อี อกตามข้อบงั คับการประชุม สภาผ้แู ทนราษฎรท่ีใช้บังคับอยู่กอ่ นวันที่ข้อบังคับนใ้ี ชบ้ ังคับ ยงั คงใชบ้ ังคับต่อไปเท่าทไ่ี ม่ขัดหรอื แย้ง กับบทแหง่ ข้อบังคับนี้ จนกวา่ จะมขี ้อบังคบั ระเบยี บ ประกาศ หรือคาสัง่ ทอ่ี อกตามข้อบงั คับน้ใี ช้บงั คบั ประกาศ ณ วนั ที่ พ.ศ. ลงชอื่ () ประธานสภาผูแ้ ทนราษฎร

เร่อื งดว่ น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook