เมืองขนมจนี ถนิ่ มะขามหวาน เทศกาลแขง่ เรอื ยาว หมอกหนาวภูทบั เบิก จติ รกรรมล้าเลศิ วดั นาทราย เมืองหลม่ เกา่ ปรากฏขนึ้ ครั้งแรกในรัชกาลของ พ่อขุนรามค้าแหง มหาราช ในช่อื ว่า \"เมอื งหลม่ \" เมือ่ ย่างเขา้ สสู่ มัยรัตนโกสนิ ทร์ เมืองหลม่ เกา่ นี้ เปน็ กลายเป็นเมอื งของชาวลาวขนาดใหญ่ และเมือ่ มีอพยพมายง่ิ ข้ึนจากหลวง พระบาง จงึ ได้มีการตงั้ เมอื งใหม่บริเวณทางใต้ของเมอื งหล่มเก่า ซงึ่ ก็คอื เมือง หล่มสักในปัจจบุ ัน
หล่มเก่าท่ีจะกล่าวถึงในที่นี้ มิได้หมายถึงอา้ เภอหรือต้าบลท่ีจัดต้ังเป็นทาง ราชการ แต่จะกล่าวถึงความเป็นมาของนามว่า “หล่มเก่า” น้ัน มีประวัติ เป็นมาอย่างไร จากการสืบถามผู้เฒ่าผู้แก่ที่พอจะทราบเรื่องราวของหล่มเก่า ซ่ึงเล่ากันต่อๆมา และจากหนังสือเอกสารท่ีท่านผู้รู้จดบันทึกไว้ เช่นขุนส้ารวจ ธุรกิจ ,ท้าวบัวไข จันทร์พิลาอดีตปลัดอ้าเภอหล่มเก่า ,คุณตาช่ืน หอม จันทร์ อดตี ศกึ ษาอา้ เภอหลม่ เกา่ กลา่ ววา่ “หล่มเก่า” เป็นค้าเรียกหมู่บ้านแห่งหน่ึง ซ่ึงปัจจบุ ันน้ีเป็นชื่อต้าบลและ อ้าเภอ อยู่ในเขตการปกครองของจังหวัดเพชรบูรณ์ ณ บริเวณน้ัน เดิม ช่ือ “เมืองลม” หรือ “เมืองลุ่ม” หรือ \"เมืองหล่ม” ซึ่งมีหลักฐานปรากฏใน ศิลาจารึกของพ่อขุนรามค้าแหงมหาราชว่า เมืองหล่มน้ี มิใช่เป็นเมืองทาง ราชการต้ังข้นึ แต่เป็นเมืองทเ่ี กิดขน้ึ โดยประชาชนร่วมกันสรา้ ง อ้าเภอหล่มเก่า ต้ังอยู่ในจังหวัดเพชรบูรณ์ ส่วนใหญ่เป็นพ้ืนที่ราบสลับกับ พื้นที่สงู จดุ ท่ีสูงทีส่ ดุ คอื ภทู บั เบกิ สงู 1768 เมตรจากระดับนา้ ทะเล
ทตี่ ง้ั และอาณาเขต อา้ เภอหล่มเกา่ ตัง้ อย่ทู างทศิ เหนอื ของจงั หวัดเพชรบูรณ์ มอี าณาเขต ติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคยี ง ดังต่อไปนี้ ทิศเหนอื ตดิ ต่อกบั อา้ เภอดา่ นซ้าย (จังหวัดเลย) ทิศตะวนั ออก ตดิ ตอ่ กับอ้าเภอภหู ลวง (จงั หวดั เลย) และอ้าเภอน้าหนาว ทศิ ใต้ ตดิ ตอ่ กบั อา้ เภอหล่มสักและอ้าเภอเขาค้อ ทศิ ตะวนั ตก ตดิ ต่อกบั อ้าเภอด่านซ้าย (จังหวดั เลย) อา้ เภอนครไทย (จังหวดั พิษณโุ ลก)
การปกครองสว่ นภมู ภิ าค อ้าเภอหลม่ เกา่ แบง่ เขตการปกครองออกเปน็ 9 ต้าบล 99 หมู่บา้ น ได้แก่ 1. หลม่ เก่า(Lom Kao) 13 หมบู่ า้ น 2. นาแซง (Na Saeng) 7 หม่บู า้ น 3. นาซา้ (Na Sam) 10 หมบู่ ้าน 4. วังบาล (Wang Ban) 17 หมบู่ า้ น 5. หินฮาว (Hin Hao) 13 หมบู่ ้าน 6. นาเกาะ (Na Ko) 6 หมู่บ้าน 7. บา้ นเนนิ (Ban Noen) 8 หม่บู ้าน 8. ตาดกลอย(Tat Kloi) 9 หม่บู ้าน 9. ศิลา (Sila) 16 หมู่บา้ น การปกครองสว่ นท้องถ่นิ ท้องท่อี ้าเภอหล่มเก่าประกอบดว้ ยองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ 10 แห่ง ไดแ้ ก่ เทศบาลตา้ บลหลม่ เกา่ ครอบคลุมพื้นทบี่ างส่วนของตา้ บลหลม่ เก่า องคก์ ารบรหิ ารส่วนต้าบลหลม่ เก่า ครอบคลมุ พ้นื ทตี่ ้าบลหลม่ เกา่ (นอกเขต เทศบาลต้าบลหล่มเกา่ ) องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบลนาซา ครอบคลมุ พื้นทีต่ ้าบลนาซ้าทง้ั ตา้ บล องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบลหินฮาว ครอบคลมุ พืน้ ทีต่ ้าบลหินฮาวทั้งตา้ บล องค์การบริหารสว่ นตาบลบ้านเนนิ ครอบคลมุ พน้ื ทตี่ ้าบลบา้ นเนนิ ทัง้ ตา้ บล องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบลศลิ า ครอบคลุมพืน้ ทต่ี า้ บลศิลาท้ังตา้ บล องคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบลนาแซง ครอบคลุมพื้นท่ตี า้ บลนาแซงท้ังต้าบล องคก์ ารบริหารส่วนตาบลวังบาล ครอบคลมุ พื้นท่ตี ้าบลวังบาลทง้ั ตา้ บล องค์การบริหารสว่ นตาบลนาเกาะ ครอบคลุมพนื้ ทต่ี า้ บลนาเกาะทงั้ ต้าบล องคก์ ารบริหารส่วนตาบลตาดกลอย ครอบคลมุ พนื้ ทต่ี า้ บลตาดกลอยท้ังตา้ บล
เรื่องราวของ “ชาวหล่ม” หรือ “ชาวไทหล่ม” กลุ่มชนชาติพันธ์ุเก่าแก่ท่ี สบื เช้ือสายมาจากชาวล้านช้าง ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ตอนบนจงั หวัดเพชรบูรณ์ โดย เมื่อหลายร้อยปีท่ีผ่านมากลุ่มคนเหล่าน้ีนอกจากจะเป็นกลุ่มคนที่ต้ังรกรากอยู่ ด้ังเดิมแล้ว บางส่วนยังอพยพมาตั้งถิ่นฐานและอกี ส่วนยังหนีภัยสงครามมาจาก หลวงพระบางและเวียงจันทร์ มาลงหลักปักฐานอาศัยอยู่ในเมืองหล่มเก่าด้วย จากการท่ีเป็นกลุ่มชาติพันธ์ุท่ีมีวัฒนธรรมที่แสดงถึงความเป็นชาติเก่าแก่และ เจริญรุ่งเรืองมานาน ท้าให้มีการน้าวัฒนธรรมเหล่าน้ีมาปฏิบัติ ขณะเดียวกันยัง ผสมผสานหลอมรวมความเชื่อเข้ากับวิถีชีวิตอย่างแนบแน่น จนก่อให้เกิด พิธีกรรมอย่างหลากหลายจนกลายเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีท่ีมีการสืบทอด กันมาอย่างยาวนาน และได้รับสืบสานมาจนกระท่ังถึงปัจจุบันและยังถูก เรียกวา่ “วัฒนธรรมไทหลม่ ” ส้าหรับในพิธีกรรมในวัฒนธรรมไทหล่มเหล่านี้ มีหลากหลายพิธีกรรมที่ แสดงใหเ้ ห็นถึงตัวตนและความเช่ือและจิตวิญญาณว่าเป็นกลุ่มคนท่ีสืบเช้ือสาย มาจากชาวล้านช้าง “พิธีเล้ียงปีเจ้าพ่อ”นับเป็นหนึ่งในพิธีกรรมท่ีสะท้อนถึง ตัวตนของชาวไทหล่มและยังคงความเช่ือแบบฝังรากลึกอยู่ในสังคมและชุมชน ของกลุ่มคนเหล่านี้ อย่างไรก็ตามเร่ืองราวท่ีมาท่ีไปของพิธีเล้ียงปีและยังมีพีธี กรรมอีกหลายพิธที ีส่ อดแทรกร่วมกัน
เจา้ พ่อเจา้ นาย เมืองหลม่ เกา่ “ไทหล่มส่วนใหญ่น้ันสืบเช้ือสายมากจากชาวลาวล้านช้าง ทั้งจากสาย หลวงพระบางและสายเวียงจันทน์ ในหม่ชู นชาวลาวน้ัน มีความเชื่อถือในผี มาแต่ด้ังเดิมก่อนการนับถือพระพุทธศาสนา แม้ว่าจะมีการรับเอา พระพุทธศาสนามาเป็นศาสนาของตนแล้ว แต่ก็ยังมีความเช่ือถือในผี วญิ ญาณศักด์ิสทิ ธิ์ ตา่ ง ๆ อยู่ควบคู่กนั ไป” ความเช่ือเรอ่ื งผีของไทหล่มน้ัน มี 2 ส่วนคือ ผีท่ีให้คุณและผีที่ให้โทษ ผีท่ี ใหค้ ุณนน้ั ได้แก่ ผีฟา้ พญาแถน ผีอารกั ษ์หลักเมือง ผีบรรพบุรุษเป็นต้น ส่วนผีท่ี ใหโ้ ทษได้แต่ วิญญาณต่าง ๆ ดังนั้น จงึ มีความเช่ือว่าหากได้กระท้าการอันใดที่ ท้าให้ผีในฝ่ายดีมีความพึงพอใจแล้ว ก็จะท้าให้การด้าเนินชีวิตเป็นไปอย่าง ราบรื่น อีกท้ังยังช่วยป้องกันการกระท้าที่ไม่ดีอันจะเกิดจากผีท่ีให้โทษอีกด้วย ในบรรดาผีให้คุณน้ัน ผีแถน ดูจะเป็นผีท่ีใหค้ วามเคารพมากที่สุด จึงนับผีแถน วา่ เป็นเทวดามากกว่าเปน็ ผี “แถน” จึงเปน็ ผที ี่อยรู่ ะดบั สงู กวา่ ผชี นดิ อื่น ๆ
ค้าว่า “แถน” นั้น มีความเชื่อว่าเป็นค้าเรียกรวมถึงเทวดาต่าง ๆ โดยแถน ที่ใหญ่ที่สุด คือ “แถนหลวง” ซ่ึงเช่ือว่าเป็นพระอินทร์ ผีแถนนั้น แต่ละพ้ืนที่มี การเรยี กที่แตกต่างกันไป เช่น ผีฟ้า ผีแถน ผีฟ้าพญาแถน ก็มี และมีความเช่ือ ว่าผีแถนนั้นสามารถท่ีจะดับยุคเข็ญหรือท้าลายล้างอุปสรรคท้ังปวงได้ และ สามารถที่จะช่วยเหลือมนุษย์ท่ีเดือดร้อนได้ บางคร้ังในกรณีที่มนุษย์เกิดการ เจ็บป่วยนั้นเนื่องจากไปละเมิดต่อผี การละเมิดต่อบรรพบุรุษ การรักษาต้องมี การเชญิ ผีฟา้ มาสงิ สถิตอยใู่ นร่างของคนทรง เรียกว่า “คาบ คนทรง นางเทียม หรอื ทา้ วเทยี ม” ตามแตล่ ะกลุม่ ทจี่ ะเรยี กใช้สรรพนาม ผีที่มีความส้าคัญรองลงมาคือ ผีอารักษ์หลักเมือง หรือผีเจา้ นาย เชื่อกันว่าเป็น ดวงวิญญาณของเจ้าเมือง ทหาร เสนา อ้ามาตย์ต่าง ๆ ซ่ึงเคยเป็นผู้ทีมีวิชา ความรู้ต่าง ๆ ถือเป็นบรรพบุรุษของตนเมื่อตายไปแล้ว แม้เวลาจะนานเท่าใด วิญญาณก็ยังคงอยูป่ กปกั รักษาบา้ นเมืองและลูกหลานนของตน ทั้งยังท้าหน้าที่ ติดต่อกบั ผแี ถนอีกด้วย ซ่ึงแต่ละหมู่บ้าน แต่ละอา้ เภอที่มีไทหล่มอาศัยอยู่ ก็จะ มีผีอารักษ์หลักเมืองเป็นของตนเอง ทั้งนี้ ไทหล่มจะเรียกผีอารักษ์หลักเมือง วา่ “เจา้ พ่อ” หรือ “เจ้านาย” บางครั้งกเ็ รียกว่า “นาย”
โ ด ย มี ก า ร ติ ด ต่ อ ผ่ า น ก า ร สิ ง ส ถิ ต อ ยู่ ใ น ร่ า ง ข อ ง ค น ท ร ง เรียกว่า “คาบ” เช่นเดียวกัน โดยในแต่ละหมู่บ้านจะมีหอเจ้าพ่อประจ้า หมู่บ้าน โดยมีต้านานหรือประวัติต่างๆผูกไว้เป็นเรื่องราว บ้างก็สอดคล้องกับ ชื่อหมู่บ้าน หรือสถานที่ส้าคัญในที่น้ัน ๆ หรืออาจมีต้านานเชื่อมโยงไปยังอีก หมู่บ้านก็มี โดยบางหมู่บ้านอาจมีหอเจ้าพ่อมากกว่า 1 แห่งก็ได้ บางครั้ง หมู่บ้านห่างไกลกันอาจมีหอเจ้าพ่อช่ือเดียวกัน ท้ังนี้เป็นเพราะสมัยก่อนมีการ อพยพย้ายถ่ินฐาน เม่ือไปต้ังรกรากท่ีใหม่ก็จะอัญเชิญ ผีอารักษ์ของตนไปด้วย น่ันเอง “ไทหล่มเชื่อมั่นว่า เจ้าพ่อเป็นเจ้านาย จิตวิญญาณของอารักษ์หลักเมือง สามารถคุ้มครองให้เกิดความปลอดภัย ความเจริญรุ่งเรือง หรือช่วยให้ คลี่คลายปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องสุขภาพและเร่ืองการดาเนินชีวิต กิจการ หรือการอาชีพต่างๆ เป็นต้น โดยเจ้าพ่อเจ้านายในแต่ละหมู่บ้าน อาจจะมีชื่อที่เหมือนกัน หรือต่างกันก็ได้ ส่วนมากจะใช้ช่ือเจ้าพ่อเป็นชื่อ ประจาหอ โดยหอแตล่ ะแห่งจะมีเจ้าพอ่ เจา้ นายอยู่ด้วยกันอีกหลายองค์ เช่น เจ้าพ่ออู่คา เจ้าพ่อตอมาด เจ้าพ่อขุนส่วง เจ้าพ่อสามดาว เจ้าพ่อหนองบัว เจ้าพ่อหนองดู่ เจ้าพ่อพระพรหม เจ้าพ่อขุนจบ เจ้าพ่อเหล็กซี เจ้าพ่อหน่อ น้า เจา้ พ่อพ่ายแสนเมือง เจา้ พ่ออินทนิล ฯลฯ เป็นตน้ ”
ประเพณีบญุ บัง้ ไฟเดือนหกและผีตาโม่ ในช่วงก่อนฤดูฝนของทุกปี อ้าเภอหล่มเก่า ได้จัดเทศกาลบุญบ้ังไฟขอฝน และผีตาโม่ ซึ่งเป็นความเชื่อของคนสมัยโบราณที่มีประวัติมายาวนานของผู้คน ในท้องถนิ่ อ้าเภอหล่มเก่า ซ่ึงเป็นผีที่คอยสิงสถิตอยู่ตามบ้านเรือน ป่าเขาล้าเนา ไพร เที่ยวเพชรบรู ณ์ ประเพณบี ญุ บงั้ ไฟเดือนหกและผีตาโม่ ในช่วงก่อนฤดูฝนของทุกปี อ้าเภอหล่มเก่า ได้จัดเทศกาลบุญบ้ังไฟขอฝน และผีตาโม่ ซ่ึงเป็นความเช่ือของคนสมัยโบราณที่มีประวัติมายาวนานของผู้คน ในท้องถนิ่ อ้าเภอหล่มเกา่ ซ่ึงเป็นผีที่คอยสิงสถิตอยู่ตามบ้านเรือน ป่าเขาล้าเนา ไพร ชาวบ้านท่ีบ้านนาทราย จึงได้จัดขบวนแห่ผีตาโม่ข้ึน ในเทศกาลบุญบั้งไฟ เดือนหก เพ่ือให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล อันจะท้าใหเ้ กิดความอดุ มสมบูรณ์ ของ พชื พนั ธุ์ธัญญาหารและความอดุ มสมบูรณ์ ลักษณะของผีตาโม่ จะมีลักษณะท่ีน่ากลับ ตาโตแดงกล่้า ปากกว้างเท่า กระด้ง ฟันขาว มีล้ินยาวห้อยลงคล้ายเปรต จมูกกลมใหญ่คล้ายกระบวยตักน้า มีหูยาวคล้ายเขาควาย ใส่เสื้อผ้าชุดด้าผ้าแดงคาดเอว มือเท้าใหญ่ถืออาวุธ พุง ใหญ่อ้ยุ อ้าย มีลักษณะความแตกต่างระหว่างผีตาโขนและผีตาโม่ คือ หวดหน่ึง ขา้ วเหนยี วทใ่ี ชท้ า้ หน้ากาก ผตี าโขนจะใสโ่ ดยคว่้าปากหวดนึ่งขา้ วเหนยี วลง
ประเพณีแขง่ เรือยาวเทศกาลออกพรรษา งานประเพณีแข่งเรอื ยาวเทศกาลออกพรรษา ณ ล้าน้าพุง หน้าวัดทุ่งธงไชย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์ ประเพณีวัฒนธรรม และสืบสานต้านานงาน ประเพณีท้องถ่ินไว้ และเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของอ้าเภอ เพราะ ปกติทกุ ปีทผ่ี า่ นมาจะมีประชาชนจากต่างจังหวัดพากันมาท่องเท่ียว และหาซื้อ ของดีเมอื งหลม่ เก่า เช่น มะขามหวาน มะขามหวานแปรรปู ขนมจนี หล่มเกา่ หลังจากพระลาพรรษาชาวบ้านได้ชักชวนกันมาแข่งเรือพายในล้าน้าพุง เพ่ือเป็นการเฉลิมฉลองวันพระออกพรรษา และจะท้ากันหลังจากที่ ได้ท้าบุญ ตักบาตร ในช่วงเช้าแล้ว ต่อมาปี 2545 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานถ้วยรางวัลในการแข่งขัน ต้ังแต่ นั้นมาจึงได้จัดเป็นงานประเพณีย่ิงใหญ่ มีเรือยาว เรือพายจากต่างจังหวัด มาร่วมแข่งขันกันมากมายทุกปี ส้าหรับวันเปิดงานจะมีการอัญเชิญถ้วย พระราชทาน ขบวนแห่ทางน้าอย่างสมพระเกียรติ จากท่าน้าวัดสระเกศไปท่า น้าวดั ทุง่
ประเพณีงานวัฒนธรรมไทหล่ม ขนมเส้นหล่มเก่า เทศกาลอาหารสะอาด รสชาติอร่อย ขนมเส้นหล่มเก่า เป็นขนมที่มีรูปแบบ วิธีท้าและการรับประทานท่ี แตกต่างจากขนมเส้นท่ัวไป เน่ืองจากเป็นแนวคิดริเร่ิมจากภูมิปัญญาของชาว อ้าเภอหล่มเก่า จึงเรียกติดปากกันว่า ขนมเส้นหล่มเก่า เป็นของดีของจังหวัด เพชรบูรณ์ท่ีขึ้นช่ืออีกชนิดหนึ่ง ในปี 2541 ได้ขานรับปีท่องเท่ียวไทย จึงได้มี การจดั งานเทศกาลขนมจีนและของดีหลม่ เกา่ ขึ้น การจัดงานติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายสิบปี เพ่ืออนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่น วิถีชีวิต ของคนไทหล่มและเผยแพร่ของดีขนมจีนหล่ม เก่า ช่ือเสียงอ้าเภอหล่มเก่าให้ประชาชนท่ัวไปได้รู้จัก พร้อมรับ AEC ส้าหรับ กิจกรรมภายในงานทางสภาวัฒนธรรมต้าบลและองค์กรปกครองส่วน ท้องถ่ิน ทั้ง 9 ต้าบล ร่วมกันจัดงานวัฒนธรรมไทหล่ม โดยการน้าวิถี ชีวิต ความเช่ือ อาหารพื้นบ้าน ดนตรีพ้ืนบ้าน และศิลปหัตถกรรมของชาวไท หล่มออกแสดง นอกจากน้ียังมีจดั กิจกรรมประกวดธิดาขนมเส้น การประกวด คู่รักยืนยาว และการแสดงแสงเสียงต้านานไทหล่ม การจัดประกวดผ้าซิ่นหัว แดงตีนก่าน การนมัสการหลวงพ่อใหญ่วัดตาล บวงสรวงเจ้าแม่เข็มทอง การ จัดขบวนแห่ ประกวดนักร้องหางเคร่ือง ประกวดหนุ่มสาวสมัยใหม่ การออก รา้ นขนมเส้น และOTOP เทศกาลอาหารสะอาดรสชาตอิ ร่อย
ภูทับเบิก ภูทับเบิก จะมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี มีทัศนียภาพท่ีสวยงาม ยามเช้าจะมองเห็นทะเลหมอกตัดกับยอดภู สูงต่้างดงามมาก ในราวเดือน ธันวาคม-มกราคม จะมีดอกซากุระหรือนางพญาเสือโคร่งสีชมพู บานสะพรั่ง ไปทั้งภูเขา นอกจากนี้ในยามค้่าคืนยังมองเห็นแสงไฟระยิบระยับ จาก บา้ นเรือนในอา้ เภอหล่มสักทอ่ี ยู่เบ้ืองล่าง เปรยี บได้กบั \" ดาวบนดนิ “
ประวตั ิ ภูทับเบิก ส้าหรับ ภทู ับเบิก นัน้ เป็นชื่อของหมู่บ้านท่ีช่ือ หมู่บ้านม้งทับเบิก โดยเป็น หมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งมีความสูง จากระดับน้าทะเลประมาณ 1,768 เมตร บนภูเขาสูงของจังหวัด เพชรบูรณ์ ในตา้ บลวังบาล อ้าเภอหลม่ เก่า และห่างจากตวั อ้าเภอประมาณ 40 กม. และหา่ งจากตัวจงั หวดั เพชรบรู ณป์ ระมาณ 100 กม. ชาวม้งที่น่ีมีอาชีพท้า การเกษตรเป็นหลัก พืชผักท่ีมีการปลูกมากที่สุด ก็คือกะหล้่าปลี ซ่ึงมีการ จัดสรรที่ดินท้ากินส้าหรับการปลูกกะหล่้าปลีหลายพันไร่บนยอดเขาสูง ท้าให้ ในชว่ งฤดฝู น มีกะหลา้่ ปลผี ุดขึ้นละลานตาเต็มภูเขา โดยใน เฉพาะในช่วง เดือน กรกฎาคม - สิงหาคม และช่วงเดอื น ตลุ าคม-พฤศจกิ ายน ของทกุ ปี ส่วนในช่วง หน้าหนาว ที่เท่ียวก็จะมีดอกนางพญาเสือโคร่งบานเต็ม ภูทับเบิก ให้ไปถ่ายรูป กัน
ในหล่มเก่ามีวัดที่เก่าแก่จา้ นวนมาก สะท้อนยืนยันให้เห็นความสัมพันธ์เป็น เชื้อสายเดียวกันกับคนหลวงพระบางที่มีศิลปะล้านช้าง ได้แก่ หลวงพ่อใหญ่ 3 วดั ได้แก่ วดั ศรีมงคลบา้ นหินกลง้ิ วัดตาลและวัดทุ่งธงไชย สิมโบราณที่วัดศรบี ุญ เรืองบ้านนาซ้า วัดโพธ์ิทองบ้านน้าคร่ัง วัดศรีมงคลบ้านนาทราย และวัดม่วง เย็นบ้านน้าออ้ ย ศาสนสถานท่ีส้าคัญอ่ืนๆ ก็มีกระจัดกระจายเช่น หลวงพ่อขาว ท่ีบ้านวัดตาล พระธาตุที่วัดพลแพงบ้านนาแซง พระธาตุปู่เถร พระธาตุในวัดศรี ฐานและพระธาตุดอยสะเกด็ บ้านวงั บาล พระธาตุท่ีวัดศรมี งคลบ้านหินกลิ้ง พระ ธาตุวัดม่วงชุมบ้านพรวน และพระธาตุภูผาชัยสวรรค์บ้านภูผักไซ่ นอกจากน้ัน ยังมีพระพุทธรูปนอนตะแคงซ้ายและพระพุทธรูปปางถวายพระเพลิงอยู่วิหาร หลังโบสถว์ ดั ทุ่งธงไชยอีกดว้ ย
หลวงพ่อใหญว่ ดั ตาล ประวัติหลวงพ่อใหญ่ วดั ตาล มี “หลวงพอ่ ใหญ่วัดตาล” เป็น พระพทุ ธรปู เก่าแกค่ บู่ า้ นคเู่ มืองหลม่ เก่า สร้างดว้ ยปนู ป้ัน ปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกวา้ ง ๒.๙๕ เมตร สูง ๔.๑๙ เมตร ประดิษฐานอยภู่ ายในวหิ าร ประชาชนทว่ั ไปต้ังแต่ อดีตถงึ ปจั จบุ ันศรทั ธาสักการะบชู าเปน็ ที่พึ่งด้านจติ ใจ ตา่ งพากนั มากราบขอพร ขอให้ค้มุ ครองรักษาอา้ นวยพรใหค้ รอบครัวลกู หลานของตนได้อยดู่ มี สี ุข, ขอบน ใหข้ ายที่ดนิ ได้งา่ ย เรว็ ราคาดี, ท้างาน, รบั ราชการ, ท้าการคา้ ใหม้ ีความ เจริญรุง่ เรือง, ขอบนใหล้ กู ของตนสามารถเข้าสอบเรียนต่อ เข้าทา้ งาน รบั ราชการ เล่ือนตา้ แหนง่ หน้าทกี่ ารงานได้ ประสบผลทีด่ ี, ขอบนให้พ้นผดิ ชนะ คดีความในศาล, ขอบนมใิ หถ้ กู ติดเกณฑท์ หาร,สาบานตนให้พน้ ผิดเกยี่ วกบั การ ลักขโมยส่ิงของ, กลา่ วร้ายป้ายสีซง้ึ กันและกัน แล้วมาแสดงความบริสทุ ธ์ิ, สาบานตนเลิก ลด ละ ยาเสพตดิ อ่ืนๆ (หนงั สือประวตั ิวดั ทั่วราชอาณาจกั ร พระ ครูสถติ พัชรธรรม)
ศูนย์วัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนตาบลนาแซง (วดั ทรายงาม) ทอี่ ยู่ วัดทรายงาม บา้ นห้วยมะเขอื ม.๕ ต.นาแซง อา้ เภอหล่มเก่า จังหวดั เพชรบรู ณ์ ๖๗๑๒๐ ผรู้ ับผิดชอบ นายสวุ รรณ ทีน้อย กจิ กรรมที่ดาเนนิ การ ๑.กิจกรรมฟงั เทศน์ ฟงั ธรรม ๒.พิพธิ ภัณฑ์พ้นื บ้าน ๓.ขอ้ มลู ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ๔.การแสดงดนตรพี ้นื บ้าน ๕.การทอผ้า ๖.กจิ กรรมงานประเพณีท้องถ่นิ ในเทศกาลวันสา้ คญั ต่าง ๆ
ชมุ ชนท่องเทยี่ วเชงิ วฒั นธรรมวดั ศรีฐานปิยาราม ชุมชนเก่าแก่กว่า 100 ปี ตั้งอยู่ริมแม่น้า มีการอนุรักษ์พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน เลา่ เรอ่ื งวถิ ีชีวิตประวัตคิ วามเป็นมาของชมุ ชน ผ้าซ่ินมัดหม่ี หัวแดงตีนก่าน และ เส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับภูทับเบิก หมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ชุมชนวัด ศรีฐานปิยาราม ตา้ บลวังบาล อ้าเภอหลม่ เกา่ จงั หวดั เพชรบูรณ์ มีความโดดเด่น ในเร่ืองของการเป็นชุมชนคุณธรรม เมืองท่องเท่ียวเชิงวัฒนธรรม หล่มเก่า หรือ วิถีไทหล่ม ศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราช วัดศรีฐานปิยารามต้าบลวังบาล ซ่ึงเป็น โรงเรียนผู้สูงวัย ที่ทุกสัปดาห์ผู้สูงวัยในละแวกนี้จะมารวมตัวกันท้ากิจกรรม ต่างๆ เช่น กิจกรรมทอผ้าพื้นเมือง ซ่ึงปกติชาวบ้านส่วนใหญ่จะเป็นชาวไร่ ชาวนาและทอผ้าเป็นอาชีพเสริม โดยสืบสานการทอผ้ามาจากบรรพบุรุษ และ ถา่ ยทอดใหล้ ูกหลานได้เรียนรเู้ พอื่ น้าไปประกอบอาชีพ ชมุ ชนท่องเที่ยวเชงิ วัฒนธรรมวัดศรีฐานปิยาราม ตา้ บลวังบาล อา้ เภอหล่มเก่า จงั หวัดเพชรบูรณ์ ติดตอ่ ชุมชน : นางละเอยี ด วงศ์วัชรานุกลู โทรศพั ท์ 081-972-9801
ศนู ยว์ ัฒนธรรมไทยสายใยชมุ ชนวัดโพธทิ์ อง ท่ีอยู่ ๙๐ ม.๕ ต.วงั บาล อ้าเภอหลม่ เกา่ จังหวัดเพชรบรู ณ์ ๖๗๑๒๐ ผ้รู บั ผดิ ชอบ พระอธกิ ารคงฤทธ์ิ ฐิตคโุ ณ กจิ กรรมทดี่ าเนนิ การ ๑. พิพิธภัณฑ์พืน้ บา้ น ศลิ ปวัตถุ หตั ถกรรม ภมู ปิ ญั ญาท้องถ่นิ วิถีชีวติ ๒. กจิ กรรมด้านศลิ ปะ วฒั นธรรม ๓. กิจกรรมดา้ นคุณธรรม จริยธรรม ๔. กจิ กรรมด้านกีฬา นันทนาการ ๕. ศนู ย์ความรู้ เพอื่ การศึกษาเกี่ยวกบั วถิ ชี วี ติ ประเพณี วัฒนธรรมในทอ้ งถ่นิ
จิตรกรรมฝาผนังวดั นาทราย (วัดศรมี งคล) วัดศรีมงคล หรือ วัดนาทราย ต้ังอยู่หมู่ท่ี ๓ บ้านนาทราย ต้าบลวังบาล บน เส้นทางส่ีแยกวังบาล-โจะโหวะ เป็นวัดเก่าแก่ของจังหวัดเพชรบูรณ์ ความ น่าสนใจของวัดนี้อยู่ท่ีภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในอุโบสถ ซึ่งมีภาพเขียน สวยงามตามแบบโบราณ เกย่ี วกับประวัติพระเจ้าสิบชาติ ภาพนรก-สวรรค์ และ ภาพที่สะท้อนให้เห็นชีวิตของสังคมท้องถิ่นในอดีต เช่น การประกอบอาชีพ การคา้ ขายทางเรือ การเดินทาง ใช้ทางหลวงสายหล่มเก่า-วังบาล ระยะทางจาก อ้าเภอหล่มเก่าประมาณ ๓ กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายเข้าหมู่บ้านนาทรายอีก ประมาณ ๑ กโิ ลเมตร
จติ รกรรมฝาผนงั วดั นาทราย (วัดศรมี งคล) ลักษณะเดน่ จติ รกรรมฝาผนงั สวยงามตามแบบโบราณแสดงเร่ืองราวพระเจา้ สิบชาติและชีวิต สังคม วัดเก่าแก่มโี บสถ์รูปทรงโบราณ ประวัติ สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น มี จิตรกรรมฝาผนังพระเจ้า 10 ชาติ ที่สวยงามมาก โดยหลวงพ่อโง้งเจ้าอาวาส องค์แรกและชาวบ้านตั้งช่ือว่า \"วัดทรายงาม\" แต่ต่อมาเปล่ียนช่ือเป็น \"วัดนา ทราย และ วดั ศรมี งคล\" ในเวลาตอ่ มา เวลาทาการ วนั อาทิตย:์ 06:00 - 17:00 วนั จนั ทร:์ 06:00 - 17:00 วันอังคาร: 06:00 - 17:00 วนั พุธ: 06:00 - 17:00 วันพฤหัสบดี: 06:00 - 17:00 วันศกุ ร:์ 06:00 - 17:00 วนั เสาร:์ 06:00 - 17:00 หมายเหตุเวลาท้าการ : วนั จนั ทร-์ วนั อาทติ ย์
ซ่ินหวั แดงตนี ก่าน “ภูมปิ ญั ญาบนผ้าผนื งาม ของชาวไทหล่ม” ผา้ หนึ่งในผลงานศิลปะทถี่ า่ ยทอดเร่ืองราว วัฒนธรรม รวมถึงอัตลกั ษณ์ ของชนพื้นเมอื งของแต่ละพื้นที่ ซึง่ จงั หวัดเพชรบูรณ์กไ็ ดม้ กี ารน้าเอาผา้ มา ถ่ายทอดและแสดงออกถงึ อตั ลักษณข์ องพื้นถน่ิ ทโ่ี ดดเดน่ เชน่ กนั หลายๆ ท่านท่ี เปน็ ชาวจังหวัดเพชรบูรณอ์ าจเคยได้ยนิ ผา้ ถงุ หรอื ผ้าซน่ิ ของชาวไทหล่มมาบา้ ง แตบ่ างทา่ น อาจไมค่ ้นุ หนู กั เรามารู้จักวัฒนธรรมทโ่ี ดดเด่นของชาวไทหลม่ ผ่าน ผา้ “ซน่ิ หวั แดงตนี ก่าน” ไปพร้อมๆ กัน
“ซ่ินหวั แดงตีนก่าน” หรอื ซน่ิ หมคี่ นั่ นอ้ ย ซิ่นหัวแดง ซนิ่ ตนี กา่ น อตั ลักษณ์ แหง่ ผ้าทอของชาวไทหล่ม โดยใน 1 ผนื ประกอบด้วย 3 ส่วนหลกั ไดแ้ ก่ หวั ซ่ินทม่ี ีสีแดง ตัวซ่ินที่มีสที ึมประกอบด้วยลวดลายสวยงามหลากหลาย และตีน ซ่นิ ท่เี ปน็ ลายก่านลวดลายขวางกับตัวซ่ิน อนั เปน็ ท่ีมาของ “ซน่ิ หวั แดงตนี กา่ น” - หวั ซ่ิน...เป็นสว่ นบนสดุ เดมิ ใชเ้ หน็บพกไว้มองไมเ่ ห็นจากภายนอก แตป่ จั จบุ นั นยิ มเผยหัวซิน่ ให้เห็นเพ่อื แสดงความสวยงาม หัวซิน่ ท่เี ปน็ ทนี่ ยิ มคอื “หัวซิ่นมัด ย้อมสีแดง” ถอื เปน็ อัตลักษณห์ วั ซ่ินของชาวไทหลม่ เป็นการน้าผา้ ขาวมา้ มัด ยอ้ มด้วยลวดลาย “ดอกยมุ้ ” รปู สีเ่ หลี่ยมข้าวหลามตดั เล็กๆ คน่ั เป็นหอ้ งๆ แต่ ละหอ้ งจะมีดอกย้มุ 5,7,9 ดอก แตเ่ ดิมสมี ดั ย้อมเป็นสีแดงจากธรรมชาติจากสี ของครั่งและฝาง นอกจากน้กี ็ยงั มี หวั ซ่นิ ค่นั ขดิ ลาย หรอื หวั ซ่ินขดิ คน่ั ทใ่ี ช้ เทคนคิ การขดิ เสน้ ด้ายทอเป็นหัวซิ่นอยา่ งงดงาม - ตวั ซนิ่ ...เปน็ ส่วนสา้ คญั ที่ใหญท่ ี่สดุ ละเปน็ สว่ นแสดงลวดลายความงดงามของ ผืนผา้ มสี ีพนื้ คุมโทนเป็นสีโทนมืดทมึ เชน่ ด้า น้าเงินเขม้ ม่วงเข้ม นา้ ตาลเขม้ เป็นตน้ ส่วนลวดลายประดับเปน็ ลวดลายท่เี กิดจากมัดหม่ี สว่ นใหญ่นิยมลาย ขนาดเล็ก ผสมผสานรวมกนั อยา่ งกลมกลนื สวยงาม โดยการวางห้องของหม่ีค่ัน เปน็ หมีห่ ลกั หมีร่ อง หมี่ประกอบ สลบั กันไป ประกอบด้วย ลายนา ลาย ปราสาท ลายราชวัตร ลายตน้ ผ้ึง ลายหมากจบั ลายกระเบื้องคว่า้ หงาย ฯลฯ
- ตีนซิ่น...เป็นส่วนลา่ งสดุ ของซนิ่ ซง่ึ ชาวไทหล่มนยิ มใสต่ ีนซิน่ แคบๆ ทอเปน็ ลายตามแนวนอนหรือลายขวางขนาดเล็ก ใช้สีพื้นเป็นสีเข้มคุมโทนเพ่ือให้ กลมกลืนกับตัวซิ่น แล้วใช้สีอื่นๆ เช่น แดง ขาว เขียว วางคั่นสลับลายขวาง เพ่ือให้ตีนซ่ินดูโดเด่นสวยงาม เรียกว่า “ลายก่าน” ซึ่งค้าว่า ก่าน ในภาษา ท้องถิน่ หมายถึง ขวาง จากภูมิปัญญาอันโดดเด่นของชาวไทหล่ม ในพื้นท่ีอ้าเภอหล่มสัก และอ้าเภอ หล่มเก่า ถูกยกระดับความสวยงามบนผืนผ้าให้เป็นหนึ่งในผ้างามคู่เมืองมะขาม หวาน จังหวัดเพชรบูรณ์ และในปัจจุบันได้มีการน้าเอาซ่ินหัวแดงตีนก่านมา ประยุกต์ใช้ในแต่งกายให้มีความทันสมัย เข้ากับสมัยนิยมมากย่ิงข้ึน เพ่ือเป็น การสืบสานและอนุรักษ์ความเป็นท้องถ่ินของจังหวัดเพชรบูรณ์ กศน.อ้าเภอ หล่มเก่า จึงขอเชิญชวนให้เยาวชนและคนรุ่นใหม่หันมาใส่ผ้าซ่ินหัวแดงตีนก่าน ของเราไปด้วยกันค่ะ
อ้างองิ 1.https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B 9%80%E0%B8%A0%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0 %B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%88 %E0%B8%B2 2. สา้ นักงานพัฒนาชมุ ชนอ้าเภอหล่มเกา่ จงั หวดั เพชรบูรณ์ 3.https://www.google.com/search?q=%E0%B9%81%E0%B8%9C %E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8 %AD%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%AD%E0% B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%80%E 0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%B2&sxsrf=ALeKk028AhL8ITwiN 63D76pNjBmwQKOdpQ:1590555417070&tbm=isch&source=iu& ictx=1&fir=YGQa6uJaWs_DGM%253A%252CK8bxFR13YVCn9M% 252C_&vet=1&usg=AI4_- kSzQDKF2JmT6bSNoRzwZGIedRcQbQ&sa=X&ved=2ahUKEwjA24T VoNPpAhX1IbcAHfq1BUMQ9QEwAXoECAoQHw#imgrc=Q7fsXt3uOj RJMM 4. “วิศลั ย์ โฆษติ านนท์” ประธานสภาวฒั นธรรมจงั หวดั เพชรบรู ณ์ 5. http://fooknong.blogspot.com/2013/02/blog-post_13.html 6. https://trang.mots.go.th/ewt_news.php?nid=166&filename=vdo 7. https://www.sanook.com/travel/1396353/ 8. https://www.bangkokbiznews.com/pr/detail/48310
อา้ งอิง 9.https://www.facebook.com/pg/%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0 %B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%A5% E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%8 8%E0%B8%B2-545195718834058/posts/
Search
Read the Text Version
- 1 - 27
Pages: