Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ สมบรูณ์

แผนการจัดการเรียนรู้ สมบรูณ์

Published by พรลภัส บุญสิทธิ์, 2021-07-18 04:54:57

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ สมบรูณ์

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ วิชา คณติ ศาสตร์ รหสั ค12101 บรู ณาการกบั หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง หนว่ ยการเรียนรูเ้ รอื่ ง วถิ ชี วี ติ อย่างพอเพียง ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 โดย นางพรลภัส บุญสิทธ์ิ โรงเรียนวัดไผล่ อ้ ม(อินทกอ์ ุทัย) สานกั งานเตตพ้นื ที่การศกึ ษาประถมศึกษาจันทบุรี เตต 1









แผนการจัดการเรียนรู้ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 2 เวลา 2 ชวั่ โมง รหัสวิชา ค 12101 รายวิชา คณติ ศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิชา คณติ ศาสตร์ หนว่ ยการเรียนรู้ วถิ ีชวี ติ อยอู่ ย่างพอเพยี ง เร่อื ง โจทย์นาขา้ วพาเพลิน 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ ค 1.1 เข้าใจความหลาหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวนผลทีเ่ กดิ ขน้ึ จากการดาเนนิ การ สมบัตขิ องการดาเนนิ การ และนาไปใช้ 2. ตวั ชีว้ ัดชัน้ ปี ค 1.1 ป.2/4 หาคา่ ของตัวไม่ทราบคา่ ในประโยคสัญลกั ษณ์ แสดงการบวกและประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดง การลบของจานวนนบั ไม่เกิน 1,000 และ 0 3. สาระสาคญั - การแก้โจทยป์ ญั หาและการสร้างโจทย์ปญั หาพรอ้ มทัง้ หาคาตอบ โดยจากสถานการณจ์ ริงได้ อยา่ งถูกต้อง 4. จุดประสงค์ 1. นกั เรียนมคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั การทานาขา้ ว 2. นกั เรียนสามารถสร้างโจทย์ปญั หาและแก้โจทย์ปัญหาจากสถานการณจ์ รงิ ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง 3. นักเรียนสามารถประยกุ ต์ใช้การสรา้ งโจทยป์ ญั หาจากสถานการณจ์ รงิ ในชีวิตประจาวันได้ 5. สมรรถนะสาคญั  1. ความสามารถในการสือ่ สาร  2. ความสามารถในการคดิ  3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา  4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ  5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์  1. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  2. ซ่ือสตั ย์สจุ ริต  3. มวี นิ ัย  4. ใฝ่เรยี นรู้  5. อยู่อย่างพอเพียง  6. มุ่งมั่นในการทางาน  7. รักความเป็นไทย  8. มจี ติ สาธารณะ

7. ค่านยิ ม 12 ประการ  1. ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์  2. ซ่อื สตั ย์ เสยี สละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิง่ ทด่ี งี ามเพอ่ื สว่ นรวม  3. กตัญญตู อ่ พอ่ แม่ ผ้ปู กครอง ครูบาอาจารย์  4. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทง้ั ทางตรง และทางอ้อม  5. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอนั งดงาม  6. มศี ลี ธรรม รกั ษาความสัตย์ หวงั ดตี ่อผูอ้ ืน่ เผอ่ื แผ่และแบ่งปนั  7. เข้าใจเรียนรู้การเปน็ ประชาธิปไตย อนั มีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุขท่ีถกู ตอ้ ง  8. มรี ะเบยี บวนิ ัย เคารพกฎหมาย ผนู้ ้อยรู้จักการเคารพผใู้ หญ่  9. มีสตริ ตู้ ัว ร้คู ดิ รทู้ า ร้ปู ฏบิ ัตติ ามพระราชดารสั ของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัว  10. ร้จู กั ดารงตนอยโู่ ดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง  11. มคี วามเข้มแข็งท้ังรา่ งกาย และจติ ใจ ไม่ยอมแพต้ อ่ อานาจฝ่ายตา่ หรอื กิเลส มีความละอายเกรง กลวั ต่อบาปตามหลักของศาสนา  12. คานึงถึงผลประโยชนข์ องส่วนรวม และของชาตมิ ากกวา่ ผลประโยชน์ของตนเอง 8. การบูรณาการตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ความพอดีประมาณ - นักเรยี นสามารถเลอื กสถานการณท์ จ่ี ะนามาสรา้ งโจทยป์ ัญหา - นักเรียนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกีย่ วกบั เรอื่ ง การทานาข้าว ความมเี หตุผล - นกั เรยี นสามารถใชค้ วามรู้ จากการดูวดี โิ อ การทานาข้าว และเรยี นรู้ถึงแหลง่ ทม่ี าของนาขา้ ว - นกั เรียนมีความรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกบั แนวทางหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ความมภี มู ิคมุ้ กนั - นักเรยี นสามารถนาความรู้ท่ีได้นน้ั ไปประยุกต์ใช้ในชวี ิตประจาวนั ได้ - นกั เรยี นมที ักษะในการใช้ชวี ติ อย่างพอเพยี งได้ รู้จักคุณคา่ ของขา้ วมากขนึ้ เงื่อนไขความรู้ - นักเรียนมคี วามรู้ ความเข้าใจ เกีย่ วกับเร่อื ง การสร้างโจทย์ปัญหาและการแก้โจทย์ปัญหาจาก สถานทจ่ี ริง เงอื่ นไขคุณธรรม - นักเรยี นตระหนักถึงคณุ ค่าและความสาคัญทีม่ าของ การทานาขา้ ว - นักเรยี นรูจ้ กั การปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง และนาไปใช้ในชีวติ อยา่ งคมุ้ คา่ ทส่ี ุด

9. ชิ้นงาน/ ภาระงาน ผลงานชิ้นที่ 1 เรอื่ ง พาทวั รน์ าขา้ ว - ผลงานชน้ิ ท่ี 2 เรอื่ ง การแกโ้ จทย์ปัญหาของพาทวั รน์ าขา้ ว 10. กระบวนการจดั การเรียนรู้ ชั่วโมงท่ี 1 ขน้ั ที่ 1 ข้ันนาเข้าสบู่ ทเรียน 1. ครตู ัง้ คาถามกบั นกั เรียนวา่ การทานาขา้ ว ในความคิดของนกั เรียนเป็นอย่างไร 2. ครูเปิด วดี โิ อเกย่ี วกับ นาขา้ ว ให้กบั นักเรยี นดู ขั้นที่ 2 ขั้นสอน 1. ครูพานกั เรยี นท่องเท่ยี วทัวร์แปลงนาขา้ วสาธติ ของโรงเรยี น เพือ่ ใหน้ กั เรยี นได้เรยี นรู้จาก สถานทีจ่ รงิ 2. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภิปรายเก่ยี วกับแปลงนาขา้ วสาธติ ของโรงเรียน 3. ครูใหน้ กั เรียนร่วมกันสร้างโจทย์ปญั หาเก่ียวกบั นาขา้ ว โดยครูนาวิชาคณติ ศาสตรม์ าบรูณา การเรยี นรกู้ ับฐานการเรยี นร้แู ปลงนาสาธิตของโรงเรียน 4. ครูทบทวนเร่ือง หนว่ ยการวดั นา้ หนกั หน่วยการวดั น้าหนกั ในระบบเมตรกิ 1 กรัม เท่ากบั 1,000 หรือ 103 มิลลกิ รัม 1 กโิ ลกรมั เท่ากบั 1,000 หรอื 103 กรมั 1 เมตรกิ ตัน(ตนั ) เทา่ กบั 1,000 หรือ 103 กโิ ลกรัม หนว่ ยการตวงระบบประเพณีไทยเทียบกบั ระบบเมตริก ข้าวสาร 1 ถัง มนี ้าหนัก 15 กิโลกรมั ข้าวสาร 1 กระสอบ มนี ้าหนัก 100 กโิ ลกรมั 5. ครูให้นักเรยี นแบ่งกลุม่ กลุม่ ละ 3-5 คน ครูแจกใบงานเกยี่ วกบั เรอ่ื ง พาทวั รน์ าข้าว 6. จากน้นั ครูให้นักเรียนส่งตัวแทนนาเสนอหนา้ ชนั้ เรยี น นกั เรียนกล่มุ อืน่ ชว่ ยกนั ให้คะแนนการ สรา้ งโจทย์ปญั หาเกีย่ วกบั นาขา้ ว ข้นั ที่ 3 ขั้นสรปุ 1. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรปุ เกยี่ วกบั การทานาข้าวและสร้างโจทยป์ ญั หาจากสถานทจี่ รงิ ขัน้ ที่ 4 การนาไปใช้ 1. นักเรยี นสามารถนาความรู้ท่ีไดร้ บั ไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวันได้

ชวั่ โมงที่ 2 ขั้นท่ี 1 ขน้ั นาเขา้ สูบ่ ทเรยี น 1. ครทู บทวนและซกั ถามจากชว่ั โมงท่ีแล้ว เรอื่ งการสรา้ งโจทย์ปัญหาเกยี่ วจากสถานท่จี ริง 2. ครทู บทวนหน่วยการวดั หน่วยการวดั น้าหนักในระบบเมตรกิ 1 กรัม เทา่ กบั 1,000 หรอื 103 มลิ ลิกรมั 1 กโิ ลกรมั เทา่ กับ 1,000 หรือ 103 กรมั 1 เมตริกตนั (ตัน) เทา่ กับ 1,000 หรือ 103 กิโลกรัม หน่วยการตวงระบบประเพณไี ทยเทยี บกบั ระบบเมตริก ขา้ วสาร 1 ถัง มนี า้ หนกั 15 กิโลกรัม ข้าวสาร 1 กระสอบ มนี า้ หนัก 100 กโิ ลกรัม ข้ันที่ 2 ขั้นสอน 1. ครูตง้ั คาถามกับนักเรียนว่า เมือ่ สรา้ งโจทยป์ ญั หาแลว้ นัน้ นักเรยี นสามารถเขยี นการแกโ้ จทย์ ปัญหาหาคาตอบไดห้ รอื ไม่ 2. ครแู จกใบงานชนิ้ ท่ี 2 เรอื่ งการแกโ้ จทย์ปญั หาของพาทวั ร์นาข้าว ซง่ึ เปน็ เร่ืองตอ่ จากท่ี นกั เรยี นสร้างโจทย์ปญั หาเกีย่ วกบั แปลงนาขา้ วสาธิตของโรงเรียน 3. ครใู ห้นักเรยี น นาโจทย์ปญั หาท่นี ักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ สร้างจากชั่วโมงทแ่ี ลว้ มาวิเคราะห์โจทย์ ปญั หา และวธิ กี ารหาคาตอบให้นกั เรียนเขียนในรูปแบบ Bar Model ครคู อยชี้แนะให้ คาปรึกษา ขน้ั ที่ 3 ขน้ั สรุป 1. ครูและนักเรียนรว่ มกันสรปุ การสร้างโจทยป์ ญั หาจากสถานที่จรงิ และการวิเคราะหโ์ จทย์ ปัญหาจากโจทยท์ น่ี กั เรียนสร้างขนึ้ มานัน้ ขน้ั ท่ี 4 การนาไปใช้ 1. นักเรยี นสามารถนาความรทู้ ่ไี ดน้ นั้ ไปประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ของนกั เรียนได้ 11. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี น วิชาคณติ ศาสตร์ 2. วดี ิโอ You Tube เรื่อง การทานา 3. ใบงาน เร่ือง พาทัวร์นาขา้ ว 4. ใบงาน เร่ือง การแกโ้ จทย์ปัญหาของพาทวั รน์ าขา้ ว 5. ฐานการเรียนรู้ แปลงนาสาธติ ของโรงเรียน

12. การวดั และการประเมินผลการเรยี นรู้ นา้ หนกั จุดประสงค์/ ผลการ วธิ ีการวดั ที่หลากหลาย เคร่ืองมือการวดั พฤติกรรมการเรยี นรู้ เรียนรู้ KPA 1. นกั เรียนมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ  1. สังเกตจากการถามและแสดง - ใบงานความรู้ เรอื่ ง เก่ยี วกับการทานาข้าว ความคดิ เหน็ ของนกั เรยี น พาทวั รน์ าข้าว 2.นักเรียนสามารถสรา้ งโจทย์ 1. สงั เกตจากพฤติกรรมการ - แบบประเมนิ ปัญหาและแกโ้ จทยป์ ัญหาจาก  รว่ มกิจกรรมในการเรียนการ รายบคุ คล สถานการณจ์ ริงไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง สอน - แบบประเมิน 2.สังเกตจากการตรวจใบงาน คณุ ลกั ษณะอันพงึ 3. นกั เรียนสามารถประยุกตใ์ ช้ 1. สงั เกตจากการแสดง ประสงค์ การสรา้ งโจทยป์ ญั หาจาก พฤตกิ รรมการรบั ผดิ ชอบตอ่ สถานการณ์จริงในชวี ติ ประจาวนั ได้  งานที่ได้รบั มอบหมาย 2. การแสดงความคิดเหน็ ที่มี เจตคติทีด่ ตี อ่ การใฝร่ ู้

แบบประเมินรายบุคคล ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ......... โรงเรียนวดั ไผล่ อ้ ม (อนิ ทกอ์ ุทัย) จานวน ...... คน กลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ คาชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนแล้วใหค้ ะแนน ตรงกับพฤติกรรมของนักเรียน ด้าน การ รวม ทางาน มีระเบยี บ มคี วาม มี มีความเชอ่ื มั่น คะแนน สรปุ ที่ ชือ่ -สกลุ นักเรยี น เปน็ ระบบ วนิ ยั รับผดิ ชอบ วจิ ารณญาณ ในตนเอง รอบคอบ 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 15 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25

รายการประเมนิ ความสามารถของนักเรียน 1. การทางานเปน็ ระบบรอบคอบ มีลาดบั และขัน้ ตอนในการทางาน 2. มีระเบยี บวนิ ยั ทางานสะอาด 3. มคี วามรบั ผดิ ชอบ สง่ งานตามกาหนดเวลา 4. มีวจิ ารณญาณ ตรวจสอบการทางานของตนเองและค้นหากิจกรรมคณติ ศาสตรอ์ ืน่ ๆ 5. มีความเชอ่ื มน่ั ในตนเอง ตอบคาถามและทากิจกรรมคณิตศาสตร์ดว้ ยตนเอง เกณฑ์การใหค้ ะแนน สรุปผลการประเมนิ คะแนน 3 หมายถงึ ดี คะแนน 12 – 15 หมายถงึ ดีเยยี่ ม คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 8 – 11 หมายถงึ ดี คะแนน 4 – 7 หมายถงึ ผ่าน คะแนน 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ คะแนน 0 – 3 หมายถงึ ไม่ผ่าน

แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 8 ประการ คาชีแ้ จง : ใหผ้ ้สู อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด / ลงในช่องท่ีตรงกับระดบั คะแนน คุณลักษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อันพึงประสงค์ 321 0 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 มคี วามรัก และภูมใิ จในความเป็นชาติ กษัตริย์ 1.2 ปฏบิ ัตติ นตามหลกั ของศาสนา 1.3 แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบนั พระมหากษัตริย์ 2.ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 2.1 ปฏิบตั ิตามระเบียบการสอน และไม่ลอกการบ้าน 2.2 ประพฤติ ปฏบิ ตั ิ ตรงต่อความเปน็ จรงิ ตอ่ ตนเอง 2.3 ประพฤติ ปฏบิ ัตติ รงตอ่ ความเป็นจรงิ ตอ่ ผู้อื่น 3. มวี ินยั 3.1 เข้าเรยี นตรงเวลา 3.2 แตง่ กายเรียบร้อยเหมาะสมกบั กาลเทศะ 3.3 ปฏบิ ัติตามกฎระเบียบของห้อง 4. ใฝ่หาความรู้ 4.1 แสวงหาขอ้ มลู จากแหลง่ เรยี นรู้ต่างๆ 4.2 มกี ารจดบนั ทกึ ความรอู้ ยา่ งเปน็ ระบบ 4.3 สรปุ ความรู้ได้อยา่ งมเี หตุผล 5.อยู่อย่างพอเพยี ง 5.1 ใชท้ รัพย์สนิ และส่ิงของของโรงเรยี นอยา่ งประหยัด 5.2 ใช้อปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรู้คณุ คา่ 5.3 ใชจ้ ่ายอย่างประหยดั และมกี ารเก็บออมเงนิ 6. มงุ่ มั่นในการ 6.1 มคี วามตัง้ ใจ และพยายามในการทางานทไี่ ด้รบั มอบหมาย ทางาน 6.2มีความอดทนและไม่ท้อแทต้ ่ออปุ สรรคเพ่อื ใหง้ านสาเร็จ 7.รกั ความเป็นไทย 7.1 มจี ิตสานกึ ในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมและภูมิปญั ญาไทย 7.2 เห็นคุณค่าและปฏบิ ัตติ นตามวฒั นธรรมไทย 8.1 ร้จู กั การให้เพื่อส่วนรวม และเพอ่ื ผู้อน่ื 8.มีจติ สาธารณะ 8.2 แสดงออกถงึ การมีนา้ ใจหรอื การใหค้ วามชว่ ยเหลอื ผู้อืน่ 8.3 เข้าร่วมกิจกรรมบาเพ็ญตนเพ่อื ส่วนรวมเมอ่ื มีโอกาส ลงช่ือ......................................................................ผูป้ ระเมนิ (.....................................................................) ........... /................................/...................... เกณฑก์ ารให้คะแนน สรุปผลการประเมนิ  ผ่าน - พฤตกิ รรมทปี่ ฏิบตั ชิ ดั เจนและสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ระดบั  ดเี ย่ยี ม  ดี  ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ - พฤตกิ รรมทีป่ ฏบิ ตั ิชดั เจนและบอ่ ยครั้ง ให้ 2 คะแนน - พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ัติบางคร้ัง ให้ 1 คะแนน ระดบั  ไม่ผา่ น  ปรบั ปรุง - พฤตกิ รรมท่ีไม่ได้ปฏิบตั ิ ให้ 0 คะแนน ร้อยละ 50 - 66 ระดับคณุ ภาพ ดเี ยีย่ ม (3) รอ้ ยละ 40 - 49 ระดับคณุ ภาพ ดี (2) ร้อยละ 20 - 39 ระดบั คณุ ภาพพอใช้ (1) รอ้ ยละ 0 - 19ระดับคณุ ภาพ ปรับปรุง (0)

ใบงาน เรื่อง พาทวั รน์ าข้าว คาช้แี จง ใหน้ ักเรยี นสร้างโจทยป์ ัญหาจากสถานการณ์จริง .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................. .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................. .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ..............................................................................................................................................

ใบงาน เรื่อง แกโ้ จทยป์ ญั หาพาทวั ร์นาขา้ ว คาชแี้ จง ใหแ้ ก้โจทย์ปญั หาจากโจทย์ ใบงาน พาทัวรน์ าขา้ ว ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................

บนั ทกึ ผลหลงั การสอน สรปุ ผลการเรียนการสอน 1. นักเรียนจานวน............คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้.............คนคดิ เป็นร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงค.์ ..............คน คิดเปน็ ร้อยละ...................... ไดแ้ ก่ ................................................................................................................................................. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ผลการจดั การเรียนการสอน ................................................................................................................................................. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ................................................................................................................................................. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ................................................................................................................................................. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปญั หา/อปุ สรรค /แนวทางแก้ไข ................................................................................................................................................. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................................. .... ข้อเสนอแนะ ................................................................................................................................................. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ................................................................................................................................................. ลงชื่อ........................................................ ผู้บันทึกหลังแผน (.......................................................) ........ /....................../...............

แผนการจัดการเรียนรู้ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 2 เวลา 2 ช่วั โมง รหัสวิชา ค 12101 รายวิชา คณติ ศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ชิ า คณติ ศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ วถิ ีชวี ติ อยู่อย่างพอเพยี ง เรื่อง ขยะอนิ ทรีย์น่ารู้ 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ ค 2.1 เข้าใจพน้ื ฐานเกย่ี วกบั การวดั วัดและคาดคะเนขนาดของส่งิ ท่ตี ้องการวดั และนาไปใช้ 2. ตัวชว้ี ดั ชั้นปี ค 2.1 ป.2/4 วดั และเปรยี บเทียบนา้ หนักเป็น กิโลกรัมและกรมั กิโลกรมั และขีด ค 2.1 ป.2/6 วดั และเปรียบเทยี บปรมิ าตรและความจุเปน็ ลิตร 3. สาระสาคัญ - การวดั นา้ หนัก การคาดคะเนน้าหนักเป็นกิโลกรมั กรัม และขดี ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 4. จดุ ประสงค์ 1. นักเรยี นมีความรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั ส่วนผสมของการทาปุย๋ หมกั 2. นกั เรยี นสามารถวัดและคาดคะเนนา้ หนักจากการช่ัง กโิ ลกรมั เป็นกรัม และกิโลกรัมเปน็ ขีดได้ 3. นักเรยี นตระหนักถึงคณุ คา่ และประโยชน์จากวสั ดธุ รรมชาติไดย้ งิ่ ข้ึน 5. สมรรถนะสาคัญ  1. ความสามารถในการส่ือสาร  2. ความสามารถในการคดิ  3. ความสามารถในการแก้ปญั หา  4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ  5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์  1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์  2. ซื่อสตั ยส์ ุจรติ  3. มวี ินยั  4. ใฝเ่ รยี นรู้  5. อยู่อย่างพอเพียง  6. มุ่งมั่นในการทางาน  7. รักความเป็นไทย  8. มจี ติ สาธารณะ 7. ค่านิยม 12 ประการ  1. ความรกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์  2. ซอ่ื สตั ย์ เสียสละ อดทน มอี ดุ มการณ์ในสิง่ ทด่ี ีงามเพอื่ สว่ นรวม  3. กตัญญตู อ่ พอ่ แม่ ผปู้ กครอง ครูบาอาจารย์  4. ใฝ่หาความรู้ หม่นั ศกึ ษาเลา่ เรียนทง้ั ทางตรง และทางอ้อม

 5. รักษาวฒั นธรรมประเพณีไทยอันงดงาม  6. มศี ีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดตี อ่ ผอู้ ่นื เผ่อื แผแ่ ละแบง่ ปัน  7. เข้าใจเรยี นรู้การเป็นประชาธปิ ไตย อนั มพี ระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ ทถี่ กู ตอ้ ง  8. มรี ะเบยี บวนิ ยั เคารพกฎหมาย ผนู้ อ้ ยรูจ้ กั การเคารพผใู้ หญ่  9. มสี ติรตู้ ัว รู้คดิ ร้ทู า ร้ปู ฏิบัติตามพระราชดารัสของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั  10. รจู้ ักดารงตนอยโู่ ดยใชห้ ลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง  11. มีความเข้มแขง็ ทัง้ ร่างกาย และจิตใจ ไมย่ อมแพต้ อ่ อานาจฝ่ายต่า หรอื กิเลส มีความละอายเกรง กลัวต่อบาปตามหลักของศาสนา  12. คานงึ ถงึ ผลประโยชน์ของส่วนรวม และของชาติมากกวา่ ผลประโยชนข์ องตนเอง 8. การบรู ณาการตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ความพอดปี ระมาณ - นักเรยี นสามารถเลือกวสั ดุจากท้องถ่ิน และเปน็ ขยะอนิ ทรยี ท์ ่ีสามารถยอ่ ยสลายงา่ ย - นกั เรียนมคี วามรู้ความเข้าใจเกยี่ วกบั เรอ่ื ง การทาปุ๋ยหมกั อินทรยี ์ ความมีเหตผุ ล - นกั เรยี นสามารถใช้เหตผุ ลจากการเลอื กใช้ขยะอนิ ทรยี ท์ ี่มสี ามารถย่อยสลายได้ ลดภาวะโลก ร้อน - นกั เรียนมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ความมภี ูมคิ ้มุ กัน - นกั เรียนสามารถนาความรเู้ รอ่ื งการทาปุ๋ยหมกั อินทรยี ์ ไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ได้ - นกั เรียนมีทกั ษะในการใช้ชวี ติ อยา่ งพอเพยี งได้ ประหยัดคา่ ใช้จา่ ยในการทาเกษตรกร เงอ่ื นไขความรู้ - นักเรียนมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ เกยี่ วกับเรอ่ื ง ปุ๋ยหมักอินทรยี ์ - นกั เรียนมคี วามร้เู ก่ียวกบั การใช้ประมาณของปยุ๋ หมกั อยา่ งถูกต้องและปลอดภัย เงอ่ื นไขคณุ ธรรม - นักเรียนตระหนกั ถงึ คุณค่าและความสาคัญของขยะอนิ ทรีย์ - นกั เรียนรจู้ กั การประหยัด การเอือ้ เฟื้อเผือ่ แผ่ แบ่งปนั ความรู้ อดทน และการทางานอยา่ งมี วนิ ยั 9. ช้ินงาน/ ภาระงาน - ผลงานเก่ียวกบั เรอื่ ง การวดั นา้ หนักของสว่ นผสมของปุ๋ยหมักอินทรยี ์

10. กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ชั่วโมงท่ี 1 ขน้ั ท่ี 1 ขน้ั นาเข้าส่บู ทเรียน 1. ครถู ามนักเรยี นว่า ขยะอนิ ทรยี ค์ ืออะไร โดยใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายคาตอบ 2. ครู อธบิ ายเพมิ่ เติมเรื่อง ขยะอินทรีย์ ใหก้ ับนักเรียน เพ่อื เปน็ การให้เกดิ ความเขา้ ใจมาก ย่ิงข้ึน ขั้นที่ 2 ขน้ั สอน 1. ครูถามนักเรยี นว่า โรงเรยี นของเรามอี ะไรบา้ งทเ่ี ปน็ ขยะอนิ ทรยี ์ นักเรียนร่วมกนั อภิปราย คาตอบ 2. ครพู านักเรียนลงมาเรยี นร้ใู นฐานเรียนรู้ ใบเงิน ใบทอง (ปุ๋ยหมกั อนิ ทรีย)์ ซึง่ เป็นฐานการ เรยี นรสู้ ถานท่ีจรงิ เพอื่ ให้นกั เรียนเกดิ ความเข้าใจมากข้นึ 3. ครูแบง่ กลมุ่ นกั เรยี น กลมุ่ ละ 5 คน จากนั้นครใู ห้นกั เรียนรว่ มกันเกบ็ เศษใบไม้ ซ่งึ เป็นวัสดทุ ี่ เป็นทอ้ งถ่ินทีม่ ีอยู่ 4. ครถู ามนกั เรียนว่า รหู้ รือไม่ทาไหมครูให้นกั เรยี นเก็บเศษใบไม้เหลา่ นี้ นกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายถงึ เหตผุ ลวา่ ทาไมเราถงึ เกบ็ เศษใบไม้ และเศษใบไม้มปี ระโยชน์อย่างไร 5. ครูอธบิ ายเพ่ิมเติม เรอ่ื งประโยชน์ของเศษใบไม้ ขั้นที่ 3 ขน้ั สรปุ 2. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรุปขยะอินทรีย์คืออะไรและเศษใบไม้มปี ระโยชน์อยา่ งไร ขน้ั ที่ 4 การนาไปใช้ 2. นักเรียนสามารถนาความรู้เรอ่ื ง ขยะอนิ ทรยี ์ ไปประยุกต์ใช้ในชวี ิตประจาวันได้ ชว่ั โมงที่ 2 ข้ันท่ี 1 ขั้นนาเข้าสู่บทเรียน 3. ครูทบทวนและซักถามจากชว่ั โมงทีแ่ ลว้ ขยะอนิ ทรีย์คอื อะไร และทาไมเราถงึ นาเศษใบไมใ้ น โรงเรยี นมาทาให้เกดิ ประโยชน์ ขั้นท่ี 2 ขน้ั สอน 4. ครูทบทวนการนาขยะอนิ ทรียท์ ม่ี ีคณุ สมบัตกิ ารยอ่ ยสลายและมปี ระโยชน์ตอ่ พชื เกษตรกร 5. ครูถามนักเรียนว่า นกั เรยี นทราบวธิ กี ารทาปยุ๋ หมกั หรือไม่ จากนนั้ ครูแจกใบความรู้เกยี่ วกบั วธิ ีการทาปยุ๋ หมกั อนิ ทรีย์ ซ่งึ แตล่ ะวธิ ที ีแ่ ตกต่างกนั 6. ครูเปดิ ช่องYou Tube วธิ ีการทาปุ๋ยหมักอินทรีย์ ใหน้ ักเรยี นศกึ ษา เพอื่ ให้นกั เรยี นเกิด ความเข้าใจมากขน้ึ

7. ครูถามนกั เรยี นว่า โรงเรยี นของเรามีการทาปยุ๋ หมกั ทัง้ หมดกว่ี ธิ ี อะไรบา้ ง โดยนกั เรียน อภปิ รายการทาป๋ยุ หมกั ของโรงเรยี น ซ่งึ โรงเรยี นทาปยุ๋ หมกั 2 แบบ คือ การทาปยุ๋ หมักจาก เศษใบไม้ ซง่ึ มาจากเขตรบั ผิดชอบของนกั เรยี นมาเทใส่ไว้ในบอ่ ป๋ยุ และการทาปุย๋ หมักจาก เศษอาหารมาจากโรงอาหารของโรงเรยี น 8. ครแู บ่งกล่มุ นักเรียน กลมุ่ ละ 5 คน จากน้ันครูแจก ใบงานเรอื่ ง ปุ๋ยหมักอินทรีย์ 9. ในแตล่ ะวิธีน้นั จะมกี ารนาวิชาคณติ ศาสตรม์ าบรู ณาการในการคดิ คานวณสว่ นผสมของป๋ยุ หมกั อนิ ทรีย์ ขั้นที่ 3 ขนั้ สรปุ 2. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปส่วนผสมของปยุ๋ หมกั อนิ ทรยี ์ รวมถึงวิธีการทาปยุ๋ หมกั แตล่ ะวิธี ขัน้ ที่ 4 การนาไปใช้ 2. นกั เรยี นสามารถนาความร้เู ร่อื ง การทาปยุ๋ หมกั อินทรีย์ไปปรับเปลีย่ นการใช้ปุย๋ อินทรียแ์ ทน ปุ๋ยเคมีได้ 11. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้ 6. หนังสือเรยี น วิชาคณติ ศาสตร์ 7. วีดิโอ You Tube เรอื่ ง วิธีการทาปุย๋ หมักอนิ ทรีย์ 8. ใบความรู้ เรื่อง วธิ ีการทาปยุ๋ หมกั 9. ใบงานเร่ือง ปยุ๋ หมักอนิ ทรีย์ 10. ฐานการเรยี นรู้ บ่อปยุ๋ หมักอินทรียข์ องโรงเรียน

12. การวดั และการประเมินผลการเรียนรู้ นา้ หนกั จดุ ประสงค/์ ผลการ วธิ กี ารวดั ทหี่ ลากหลาย เครอ่ื งมือการวดั พฤตกิ รรมการเรยี นรู้ เรยี นรู้ KPA 1. นักเรยี นมคี วามรู้ ความ 1. สังเกตจากการถามและแสดง - ใบงานความรู้ เรอื่ ง เข้าใจเกี่ยวกบั ส่วนผสมของการ  ความคดิ เหน็ ของนักเรียน ปุ๋ยหมักอินทรีย์ ทาปุย๋ หมัก 2. จากการตรวจใบงาน - แบบประเมนิ 2. นักเรียนสามารถ 1. สงั เกตจากพฤตกิ รรมการ รายบุคคล เปรียบเทยี บนา้ หนักจากการชง่ั ร่วมกิจกรรมในการเรยี นการ - แบบประเมิน กโิ ลกรัมเป็นกรมั และกโิ ลกรัม สอน คณุ ลกั ษณะอันพงึ เป็นขดี ได้  2. สงั เกตการอธบิ ายและการ ประสงค์ นาไปประยุกต์ใชใ้ น ชวี ิตประจาวัน 3. นักเรียนตระหนักถึงคณุ ค่า 1. สังเกตจากการแสดง และประโยชน์จากวัสดุ พฤติกรรมการรบั ผิดชอบตอ่ ธรรมชาติได้ยิ่งขึ้น  งานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย 2. การแสดงความคิดเหน็ ทมี่ ี เจตคตทิ ด่ี ตี อ่ การใฝร่ ู้

แบบประเมินรายบุคคล ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ......... โรงเรียนวดั ไผล่ อ้ ม (อนิ ทกอ์ ุทัย) จานวน ...... คน กลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ คาชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนแล้วใหค้ ะแนน ตรงกับพฤติกรรมของนักเรียน ด้าน การ รวม ทางาน มีระเบยี บ มคี วาม มี มีความเชอ่ื มั่น คะแนน สรปุ ที่ ชือ่ -สกุลนักเรยี น เปน็ ระบบ วนิ ยั รับผดิ ชอบ วจิ ารณญาณ ในตนเอง รอบคอบ 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 15 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25

รายการประเมนิ ความสามารถของนักเรียน 1. การทางานเปน็ ระบบรอบคอบ มีลาดบั และขัน้ ตอนในการทางาน 2. มีระเบยี บวนิ ยั ทางานสะอาด 3. มคี วามรบั ผดิ ชอบ สง่ งานตามกาหนดเวลา 4. มีวจิ ารณญาณ ตรวจสอบการทางานของตนเองและค้นหากิจกรรมคณติ ศาสตรอ์ ืน่ ๆ 5. มีความเชอ่ื มน่ั ในตนเอง ตอบคาถามและทากิจกรรมคณิตศาสตร์ดว้ ยตนเอง เกณฑ์การใหค้ ะแนน สรุปผลการประเมนิ คะแนน 3 หมายถงึ ดี คะแนน 12 – 15 หมายถงึ ดีเยยี่ ม คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 8 – 11 หมายถงึ ดี คะแนน 4 – 7 หมายถงึ ผ่าน คะแนน 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ คะแนน 0 – 3 หมายถงึ ไม่ผ่าน

แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 8 ประการ คาชีแ้ จง : ใหผ้ ้สู อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด / ลงในช่องท่ีตรงกับระดบั คะแนน คุณลักษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อันพึงประสงค์ 321 0 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 มคี วามรัก และภูมใิ จในความเป็นชาติ กษัตริย์ 1.2 ปฏบิ ัตติ นตามหลกั ของศาสนา 1.3 แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบนั พระมหากษัตริย์ 2.ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 2.1 ปฏบิ ตั ติ ามระเบียบการสอน และไม่ลอกการบ้าน 2.2 ประพฤติ ปฏบิ ตั ิ ตรงต่อความเปน็ จรงิ ตอ่ ตนเอง 2.3 ประพฤติ ปฏบิ ัตติ รงตอ่ ความเป็นจรงิ ตอ่ ผู้อื่น 3. มวี ินยั 3.1 เข้าเรยี นตรงเวลา 3.2 แตง่ กายเรียบร้อยเหมาะสมกบั กาลเทศะ 3.3 ปฏิบัตติ ามกฎระเบียบของหอ้ ง 4. ใฝ่หาความรู้ 4.1 แสวงหาขอ้ มลู จากแหลง่ เรียนรู้ต่างๆ 4.2 มกี ารจดบนั ทกึ ความรอู้ ยา่ งเปน็ ระบบ 4.3 สรปุ ความรู้ได้อยา่ งมเี หตผุ ล 5.อยู่อย่างพอเพยี ง 5.1 ใชท้ รัพย์สนิ และส่ิงของของโรงเรียนอยา่ งประหยัด 5.2 ใช้อุปกรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรู้คณุ คา่ 5.3 ใชจ้ ่ายอย่างประหยดั และมกี ารเก็บออมเงนิ 6. มงุ่ มั่นในการ 6.1 มคี วามตัง้ ใจ และพยายามในการทางานทไี่ ด้รบั มอบหมาย ทางาน 6.2มีความอดทนและไม่ท้อแทต้ ่ออปุ สรรคเพ่อื ใหง้ านสาเร็จ 7.รกั ความเป็นไทย 7.1 มจี ิตสานกึ ในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมและภูมิปญั ญาไทย 7.2 เห็นคุณค่าและปฏบิ ัตติ นตามวฒั นธรรมไทย 8.1 ร้จู กั การให้เพื่อส่วนรวม และเพอ่ื ผอู้ น่ื 8.มีจติ สาธารณะ 8.2 แสดงออกถงึ การมีนา้ ใจหรอื การใหค้ วามชว่ ยเหลอื ผู้อืน่ 8.3 เข้าร่วมกิจกรรมบาเพ็ญตนเพ่อื ส่วนรวมเมอ่ื มีโอกาส ลงช่ือ......................................................................ผูป้ ระเมนิ (.....................................................................) ........... /................................/...................... เกณฑก์ ารให้คะแนน สรุปผลการประเมนิ  ผ่าน - พฤตกิ รรมทปี่ ฏิบตั ชิ ดั เจนและสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ระดบั  ดเี ย่ยี ม  ดี  ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ - พฤตกิ รรมทีป่ ฏบิ ตั ิชดั เจนและบอ่ ยคร้ัง ให้ 2 คะแนน - พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ัติบางคร้ัง ให้ 1 คะแนน ระดบั  ไม่ผา่ น  ปรบั ปรุง - พฤตกิ รรมท่ีไม่ได้ปฏิบตั ิ ให้ 0 คะแนน ร้อยละ 50 - 66 ระดับคณุ ภาพ ดเี ยีย่ ม (3) รอ้ ยละ 40 - 49 ระดับคณุ ภาพ ดี (2) ร้อยละ 20 - 39 ระดบั คณุ ภาพพอใช้ (1) รอ้ ยละ 0 - 19ระดับคณุ ภาพ ปรับปรุง (0)

บนั ทกึ ผลหลงั การสอน สรปุ ผลการเรียนการสอน 1. นักเรียนจานวน............คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้.............คนคิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงค์...............คน คิดเปน็ รอ้ ยละ...................... ไดแ้ ก่ ................................................................................................................................................. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ผลการจดั การเรียนการสอน ................................................................................................................................................. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ................................................................................................................................................. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ................................................................................................................................................. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปญั หา/อปุ สรรค /แนวทางแก้ไข ................................................................................................................................................. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ................................................................................................................................................. ข้อเสนอแนะ ................................................................................................................................................. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ................................................................................................................................................. ลงช่อื ........................................................ ผู้บนั ทกึ หลังแผน (.......................................................) ........ /....................../...............

ใบความรู้ เรอ่ื ง การทาปยุ๋ หมักอนิ ทรยี ์ ปุ๋ยหมัก เปน็ สิ่งท่ีมีคณุ ค่ามากในทางการเกษตร แต่ก็ยงั ไมไ่ ดร้ ับความสนใจ หรอื แพรห่ ลายเทา่ ทค่ี วรอาจเป็นเพราะสาเหตหุ ลายประการด้วยกัน เช่น เกษตรกรยังไมต่ ระหนักถึงความสาคญั ทแ่ี ท้จรงิ ของปุ๋ยหมกั วา่ มคี ุณคา่ เพยี งใด ในการชว่ ยปรับปรงุ ดินให้ดีข้ึน หรือชว่ ยรักษาสภาพความอดุ มสมบูรณ์ของดิน ใหด้ ีอย่เู สมอ ไมเ่ สอ่ื มโทรมลงเรอื่ ยๆ อยา่ งเช่นปจั จุบนั นี้ เหตุผลสาคัญอีก ประการหนงึ่ ก็คือ เกษตรกรยังขาดแหล่งข้อมูลทีจ่ ะให้ความรคู้ วามเขา้ ใจในการ ทาปุย๋ หมักอยา่ งถูกวิธเี ปน็ เหตุใหก้ ารทาปยุ๋ หมักกต็ ้องใช้ในปริมาณมากและมกั ไม่เหน็ ผลอย่างชดั เจนในระยะเวลาอนั สน้ั การทาปุย๋ หมกั ไว้ใชเ้ องกต็ อ้ งใชแ้ รงงานค่อนขา้ งมาก ต้องดูแลเอาใจใสอ่ ยเู่ สมอ การผลติ ปุย๋ หมักจงึ จะไดผ้ ลอยา่ งเต็มท่ี การท่เี กษตรกรจะผลิตป๋ยุ หมักข้นึ มาใชก้ ันอย่างจริงจงั จงึ ตอ้ งอาศยั ท้งั ความรู้ ความเขา้ ใจในการทาปยุ๋ หมกั ตอ้ งเข้าใจในคุณประโยชนท์ แี่ ทจ้ รงิ ของป๋ยุ หมักและจะตอ้ งมีความมงุ่ มั่น ความตัง้ ใจจรงิ ท่ีจะปรับปรงุ ท่ดี นิ ของตนใหเ้ ป็นผืนดนิ ท่อี ดุ มสมบรู ณ์ มปี ระสทิ ธภิ าพในการเพาะปลูก การนาขยะอนิ ทรีย์ หรือขยะย่อยสลาย สามารถนากลบั มาใช้ประโยชนใ์ หม่ไดห้ ลายวธิ ี ซง่ึ วธิ ีท่นี ยิ มมาก ที่สดุ กค็ ือ การนากลบั มาทาปุ๋ยหมกั หรอื ปุ๋ยอินทรีย์ เชน่ มลู สัตว์ เศษอาหาร เศษผัก-ผลไม้ และเศษขยะต่าง ๆ ผ่านกรรมวธิ ที ท่ี าให้วสั ดอุ นิ ทรยี ย์ อ่ ยสลายดว้ ยจลุ นิ ทรยี ์ โดยมตี ัวอยา่ งดงั ตอ่ ไปนี้

1 วธิ กี ารทาปุ๋ยหมักจากเศษอาหาร วสั ดุและอุปกรณ์  เศษอาหารแห้ง เช่น เศษข้าว เศษขนมปงั ก้างปลา เปลอื กไข่ เปลอื กผลไม้ 1 สว่ น  มูลสัตว์ เช่น ขว้ี วั ข้ไี ก่ ขมี้ ้า 1 สว่ น  ใบไม้ 1 สว่ น  ถังขนาด 20 ลติ ร  ตาขา่ ยกันแมลง วิธที า 1. นาถงั ขนาด 20 ลติ ร มาเจาะรไู วร้ อบถังแล้วใชต้ าข่ายกนั แมลงพนั ใหร้ อบ เพอ่ื ช่วยระบายอากาศและ ปอ้ งกันแมลงรบกวน 2. ผสมเศษอาหารแหง้ ที่มขี นาดเลก็ และไม่มีนา้ เช่น เศษขา้ ว เศษขนมปัง กา้ งปลา เปลอื กไข่ และเปลอื กผลไม้ เข้ากับมลู สัตว์ เชน่ ขว้ี ัว ขไ้ี ก่ ขีม้ า้ และเศษใบไม้ ในอัตรา 1:1:1 สว่ น 3. คลุกเคลา้ ใหเ้ ข้ากันแลว้ ปิดฝาใหส้ นิท ถา้ หากวันตอ่ ไปมีเศษอาหารเพิ่ม ก็นามาเติมเข้าไปได้ แตอ่ ยา่ ลมื ผสม ในอตั ราส่วนเท่าเดิมดว้ ย 4. พลิกกลบั สว่ นผสมวันละ 1-2 ครัง้ เปน็ ประจาทกุ วนั Tips : ในช่วงแรกไมจ่ าเปน็ ต้องเตมิ นา้ เพราะเศษอาหารมีความช้ืนอย่แู ลว้ แตเ่ มือ่ เหน็ วา่ ส่วนผสมเรม่ิ แห้งลง กส็ ามารถพรมนา้ เข้าไปไดเ้ ลก็ น้อย โดยจะใชเ้ วลาในการหมกั ประมาณ 1 เดือน ก็จะได้ปยุ๋ หมกั สีดาขนาดเล็ก ที่แหง้ สนทิ และไม่มีกลิ่นเหมน็ ไวใ้ ชบ้ ารุงต้นไมแ้ ลว้

2. วิธที าปยุ๋ หมกั จากต้นกล้วย วัสดุและอปุ กรณ์  หน่อกลว้ ย 3 ส่วน  กากน้าตาล 1 ส่วน  นา้ มะพรา้ วออ่ น  น้าสะอาด  บัวรดนา้ วธิ ที านา้ หมกั จุลนิ ทรีย์ 1. ทานา้ หมกั จลุ นิ ทรียช์ ีวภาพก่อน โดยนาหนอ่ กลว้ ย 3 ส่วนมาสบั เปน็ ช้นิ เล็ก ๆ แลว้ ผสมใหเ้ ขา้ กนั กบั กากนา้ ตาล 1ส่วน 2. เทนา้ มะพร้าวออ่ นลงไปใหพ้ อทว่ ม ปิดฝาใหแ้ น่นสนทิ เพ่ือไลอ่ ากาศ 1 วนั แล้วรอประมาณ 10-15 วนั คอ่ ย นามากรองใส่ขวดพร้อมเกบ็ ไว้ในทร่ี ่มเพื่อรอใชง้ าน วธิ ีทาป๋ยุ หมกั 1. นาหน่อกล้วยสบั ละเอียด 3 สว่ น กากนา้ ตาล 1 สว่ น และนา้ มะพรา้ วออ่ นมาผสมกนั 2. นานา้ หมกั จุลนิ ทรีย์ (จากข้นั ตอนข้างต้น) กากนา้ ตาล และนา้ ใส่ลงไปในบวั รดน้า 3. นาไปรดให้ชมุ่ กองสว่ นผสมท่ีเตรยี มไว้ คนให้เขา้ กันจนกว่าจะกาแลว้ กอ้ นไมแ่ ตก 4. นาสว่ นผสมมาใสใ่ นกระสอบปยุ๋ โดยไม่ต้องมัดปาก แลว้ นาไปวางไวใ้ นทีร่ ม่ ประมาณ 5-7 วนั กจ็ ะไดป้ ุย๋ หมกั ที่ หอม มีจลุ ินทรยี แ์ ละอินทรีย์ตา่ ง ๆ พรอ้ มแก่การนาไปใชป้ ระโยชน์ แตท่ างทีด่ ีอย่าลืมผสมปยุ๋ หมกั กล้วย 1 สว่ น เขา้ กบั ปุ๋ยคอก 10 ส่วน เพื่อประสทิ ธิภาพที่ดดี ว้ ยละ่

3. วธิ ที าปุ๋ยหมกั จากพืชสด วัสดแุ ละอุปกรณ์  พืชสด เชน่ พืชตระกูลทว่ั พชื ตระกูลหญา้ และพชื น้า 2 กระสอบ  มูลสตั ว์ เชน่ ขว้ี วั ขห้ี มู ขเ้ี ปด็ ข้ีไก่ 2 กระสอบ  แกลบดาหรือแกลบดิบ 2 กระสอบ  หัวเชื้อจุลินทรยี ์ 1 ขัน  น้าสะอาด 40 ลติ ร วธิ ที า 1. นาพชื สด ซึ่งสว่ นใหญ่นยิ มเป็นพชื ตระกลู ทัว่ เช่น ถั่วเขียว ถ่วั เหลือง ถ่ัวลสิ ง ถว่ั นา ถวั่ พร้า ปอเทือง โสนคางคก โสนอนิ เดีย โสนอัฟริกัน หรือพืชตระกลู หญา้ และพืชนา้ จานวน 2 กระสอบ มูลสัตว์จานวน 2 กระสอบ และแกลบดา 2 กระสอบ มาผสมใหเ้ ขา้ กัน 2. นาหวั เชอื้ จลุ ินทรยี ์ 1 ขัน ผสมเข้ากับนา้ สะอาดประมาณ 40 ลติ ร แล้วรดใหท้ วั่ กองสว่ นผสม 3. คลุกใหเ้ ข้ากนั หมกั ไว้ในทรี่ ่ม รอจนกระทัง่ กลายเป็นปยุ๋ ทเ่ี ย็นแล้วคอ่ ยนามาใช้งาน

4. วิธกี ารทาป๋ยุ หมกั จากฟางข้าว วัสดุและอปุ กรณ์  ฟางข้าวหรือตอซังข้าว 500-1,000 กโิ ลกรัม  นา้ หมักชวี ภาพทีม่ ีจุลนิ ทรยี ม์ ีชีวติ 5-10 ลติ รตอ่ ไร่  รถแทรกเตอร์ วิธีทา 1. เกลย่ี ฟางข้าวใหก้ ระจายท่ัวแปลงนา จากนั้นปล่อยนา้ สะอาดเขา้ มาในนาให้ระดบั น้าสูง 3-5 เซนติเมตร 2. ใชร้ ถแทรกเตอร์กดใหฟ้ างข้าวจมน้า เสรจ็ แลว้ นานา้ หมักชวี ภาพสูตรที่มจี ลุ นิ ทรีย์รดให้ท่ัวแปลงนา Tips : ถา้ ใชฟ้ างขา้ วประมาณ 500-800 กโิ ลกรมั ใหใ้ ช้น้าหมัก 5 ลิตรตอ่ ไร่ แตถ่ า้ ใชฟ้ างขา้ วประมาณ 800-1,000 กโิ ลกรัม ใหใ้ ชน้ า้ หมัก 10 ลิตรตอ่ ไร่ หมกั ท้ิงไวน้ านราว 10 วัน จนกระทงั่ ฟางขา้ วและตอซงั ข้าวออ่ น นุ่มและย่อยสลาย หลงั จากนัน้ ก็พรวนดนิ และเตรยี มดนิ สาหรับปลูกข้าวไดต้ ามปกติเลย

5. วิธกี ารทาปุย๋ หมักจากขว้ี วั วสั ดุและอุปกรณ์  มูลสัตว์ เช่น ขีว้ วั หรอื ขไี้ ก่ 1,000 กิโลกรัม  หินฟอสเฟต 25 กโิ ลกรมั  ปยุ๋ ยูเรยี 2 กโิ ลกรัม วธิ ที า 1. นามูลสตั วม์ าหมักปรับความชื้น 50% 2. นามลู สตั วท์ ไี่ ด้ไปผสมหินฟอสเฟต (K. B. K. 0-3-0) และปยุ๋ ยูเรีย (สตู ร 46-0-0) เข้าด้วยกัน 3. นาสว่ นผสมข้างต้นใส่ลงในถังหมกั พรอ้ มคลุมผ้าปดิ รอประมาณ 1 เดอื น ก็จะไดป้ ุ๋ยทีพ่ รอ้ มแก่การใช้งาน 4. หม่นั พลกิ กลับกองป๋ยุ อยา่ งสมา่ เสมอ โดยจะแบ่งออกเปน็ 4 ครงั้ ไดแ้ ก่ คร้ังแรกเมอ่ื หมกั ได้ 3 วัน ครั้งท่ี สองเมอ่ื หมักได้ 10 วัน คร้งั ทีส่ ามเมื่อหมักได้ 17 วนั และครัง้ ที่ 4 เมอ่ื หมักได้ 24 วนั น่นั เอง

6. วิธีการทาปุ๋ยหมักจากเศษหญา้ วัสดแุ ละอุปกรณ์  เศษหญ้าหรือเศษพชื อนื่ ๆ 1,000 กโิ ลกรัม  มูลสัตว์ 200 กโิ ลกรมั  ปุ๋ยยูเรยี 2 กโิ ลกรมั  สารเรง่ พด.1 1 ซอง  นา้ สะอาด 5 ลิตร วิธที า 1. นาเศษหญา้ หรอื เศษพืชอ่ืน ๆ เชน่ ฟางข้าว ตน้ ข้าวโพด หรอื ตน้ อ้อยมาสบั ใหล้ ะเอียด 2. นาส่วนผสมมากองเปน็ 3 ชน้ั ในพ้ืนท่รี ม่ ไรแ้ สงแดด โดยให้รองพ้ืนด้วยมลู สัตว์ ตามด้วยเศษหญา้ และปยุ๋ ยูเรียทกุ ชนั้ 3. ผสมสารละลาย ประกอบดว้ ยสารเรง่ ซุปเปอร์ พด.1 กับน้าสะอาด 5 ลิตร แลว้ นามาราดบนกองสว่ นผสม แต่ละช้นั 4. หาวสั ดุมาคลุมพร้อมรดนา้ ให้พอชุ่ม คอยดแู ลกลบั กองปุ๋ยทกุ ๆ สัปดาห์ ใชเ้ วลาในการหมกั นานประมาณ 45 วนั กจ็ ะไดเ้ ป็นปยุ๋ หมักชวี ภาพทพ่ี รอ้ มแกก่ ารใช้งาน

7. การทาป๋ยุ หมกั จากขุยมะพร้าว วัสดุและอปุ กรณ์  ขยุ มะพร้าว 1 ส่วน  ข้ไี ก่เนือ้ 1 สว่ น  สารเรง่ พด.1 1 ซอง  น้าสะอาด วธิ ีทา 1. เตรียมขยุ มะพร้าวใหเ้ รยี บร้อย ถ้าหากมคี วามช้ืนไมม่ าก กส็ ามารถพรมนา้ ลงไปไดเ้ ล็กนอ้ ย 2. จดั หาพน้ื ท่สี าหรบั กองปุ๋ย โดยควรเลือกเป็นพืน้ ที่ร่มท่ีมีหลังคาคลมุ และไมม่ นี า้ ท่วมขงั 3. เริม่ ผสมขุยมะพร้าว 1 ส่วน ต่อข้ไี ก่เนือ้ 1 ส่วนไดเ้ ลย อย่างไรกต็ ามสาหรบั คนทใี่ ชข้ ้ีไก่ไขแ่ ทนขีไ้ ก่เน้อื ใหล้ ด ปริมาณลงเหลอื เพียงครงึ่ หน่งึ เท่านัน้ 4. ละลายสารเรง่ พด.1 กบั นา้ สะอาด (โดยสารเร่ง พด.1 1 ซอง จะใช้ไดก้ ับวสั ดทุ าปุย๋ 1 ตนั ) เสรจ็ แล้วนาไปราด ลงบนกองส่วนผสม หมกั ไว้หลายวันจนกระทงั่ ปุย๋ เยน็ ลง กส็ ามารถนามาใชง้ านไดเ้ ลย

8. วิธกี ารทาปยุ๋ หมักจากปลา วสั ดุและอุปกรณ์  ปลาหรอื เศษปลา เช่น หวั ปลา กา้ งปลา หางปลา พุงปลา 40 กโิ ลกรัม  กากนา้ ตาล 20 กโิ ลกรัม  หัวเช้ือปยุ๋ หมักซุปเปอร์ พด.2 1 ถงุ  นา้ สะอาด  ถังขนาด 200 ลิตร วธิ ที า 1. ละลายหัวเชื้อปยุ๋ หมักซุปเปอร์ พด.2 กับน้าอนุ่ 20 ลติ ร 2. นาไปใสถ่ ังขนาด 200 ลติ ร พร้อมทง้ั ใส่เศษปลา 40 กโิ ลกรัม และกากนา้ ตาล 20 กโิ ลกรมั ลงไปด้วย 3. เตมิ น้าสะอาดลงไปประมาณ 80% ของถัง แลว้ หามงุ้ ไนลอนตาถีม่ าปดิ ไว้เพอื่ ระบายอากาศและปอ้ งกัน แมลงไปในตวั 4. ระหว่างหมกั ให้คนทกุ วนั วนั ละ 2-3 คร้ังต่อวนั อกี ท้ังในชว่ งทห่ี มกั น้าจะลดลงเรื่อย ๆ ให้คอยเติมน้า สะอาดลงไปอกี ดว้ ย ร 5. ระยะเวลาในการหมกั นานประมาณ 25-30 วนั หรอื จนกระท่งั ไดป้ ๋ยุ นา้ หมกั จากปลาท่ีเป็นสนี า้ ตาลเข้ม มี ฟองละเอียดมาก และมีกล่ินคล้ายแอลกอฮอล์ จงึ คอ่ ยนามาใช้งาน Tips : ถ้าหากฉดี ตามใบพืช ให้ผสมป๋ยุ น้าจากปลา 1 ลติ ร เข้ากบั นา้ 100-150 ลิตร แล้วรดประมาณสปั ดาหล์ ะครั้ง แตถ่ า้ หากราดลงโคนพชื ให้ผสมปุ๋ยน้าจากปลา 1 ลิตร เข้ากับน้า 50 ลติ ร แลว้ รดประมาณปลี ะ 3-4 ครั้ง

ประโยชน์จากการใช้ปยุ๋ หมกั ปุ๋ยหมกั นอกจากจะช่วยลดปริมาณขยะไดท้ างหนงึ่ แลว้ ยงั มปี ระโยชน์อกี มากมาย ไดแ้ ก่ 1. เพ่มิ ความอดุ มสมบรูณข์ องดินทงั้ ปริมาณอินทรยี วตั ถุ แร่ธาตุอาหาร ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และ โพแทสเซียม 2. ชว่ ยในการย่อยสลายซากพชื ซากสตั วใ์ นดนิ ทาให้ธาตุอาหารถูกพชื นาไปใช้ได้รวดเรว็ 3. ชว่ ยเพมิ่ จุลินทรียท์ ่ีมปี ระโยชนใ์ นดนิ 4. ชว่ ยตา้ นการแพรข่ องจุลนิ ทรยี ์กอ่ โรคพชื ชนดิ ต่าง ๆ ในดิน 5. ทาใหด้ นิ มีความรว่ นซุย จากองคป์ ระกอบของดนิ ทมี่ ีดนิ อนิ ทรียวัตถุ น้าและอากาศในสัดสว่ นท่ีเหมาะสม 6. ช่วยปรบั สภาพ pH ของดนิ ใหเ้ หมาะสมกับการปลูกพืช 7. ชว่ ยเพ่มิ ประสิทธิภาพในการดงั แรธ่ าตุของพชื จากปยุ๋ เคมีหรือปุ๋ยอ่ืน ๆ ท่ีเกษตรกรใส่ 8. ชว่ ยดดู ซมึ ความช้ืนไวใ้ นดนิ ใหน้ านขนึ้ ทาให้ดนิ ชุ่มชื้นตลอดเวลา

ใบงาน เรื่อง ปุย๋ หมักอนิ ทรยี ์ คาช้แี จง ให้นักเรยี นตอบคาถามต่อไปนใ้ี หถ้ ูกต้อง 1. ปยุ๋ ยเู รยี หนกั 2 กิโลกรัม เทา่ กบั ........................กรัม 2. 3. ป๋ยุ ยูเรยี หนัก 20 ขีด เทา่ กับ...................กิโลกรัม 4. 5. มลู สตั ว์หนกั 10 กิโลกรัม เท่ากับ.....................ขีด 6. 7. ฟางข้าวหนัก 50 กิโลกรัม เท่ากับ.......................กรัม 8. 9. หนิ ฟอสเฟสหนัก 2000 กรมั เทา่ กบั ..............กิโลกรัม 10.

เฉลยใบงาน เรอื่ ง ปุ๋ยหมักอนิ ทรีย์ คาชี้แจง ให้นกั เรียนตอบคาถามตอ่ ไปนี้ใหถ้ ูกต้อง 1. ปยุ๋ ยูเรียหนกั 2 กิโลกรมั เท่ากับ...........2000........กรมั 2. ปุ๋ยยูเรียหนกั 20 ขีด เทา่ กับ......2.......กิโลกรมั 3. มูลสัตว์หนัก 10 กโิ ลกรมั เท่ากับ..........10.......ขีด 4. ฟางขา้ วหนัก 50 กโิ ลกรมั เท่ากับ........50000.......กรมั 5. หนิ ฟอสเฟสหนกั 2000 กรัม เทา่ กับ......2........กิโลกรมั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook