Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Story board

Story board

Published by kusaifee rongsoh, 2021-12-18 05:29:29

Description: Story board

Search

Read the Text Version

การสรา้ ง Story Board วิชา โปรแกรมมลั ติมิเดีย จดั ทาโดย นายกซู ยั ฟี รงโซะ ชคธ 2/1 รหสั 009

2 คำนำ เอกสารฉบับน้ี จัดทำข้ึนเพื่อใช้เป็นข้อมูลเบ้ืองต้นในการเขียนสตอรี่บอร์ด (Storyboard) วัตถุประสงค์เพื่อนำไปสร้างเป็นภาพเคลื่อนไหว เช่น ภาพยนตร์ การ์ตูน โฆษณา สารคดี เป็นต้นโดยคำนึงถึงมุมกล้อง หลายคนอาจจะกลัวว่าตัวเองวาดรูปไม่เก่ง แล้วจะวาค Storyboard ไม่ได้นั้นไม่เป็นความจริงเลย เพราะการวาด Story/board เป็น เพียงรูปที่วาดง่าย ๆ ก็ได้ จุดมุ่งหมายเพื่อถ่ายทอดไอเดีย (idea) หรือความคิดว่าภาพควร ออกมาอย่างไรบนจอภาพยนตร์ ผเู้ ขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผูท้ ศ่ี ึกษาเอกสารฉบับนีแ้ ล้ว สามารถเขียน storyboard ได้รวมทั้งเขียนเร่ือง บทบรรยาย กำกับบท กำกับภาพ ถ่ายภาพ และต่อไปที่จะศึกษาการ ตัดต่อภาพยนตรด์ ว้ ยตัวเองได้อย่างง่ายดาย จะสามารถทำภาพยนตรอ์ อกมาได้ดว้ ยตัวเอง จดั ทำโดย นายกูซยั ฟี รงโซะ

3 ความหมายของสตอรบ่ี อร์ด(Story Board) สตอร่ีบอร์ด คือ การเขียนภาพนิ่งและข้อความเพ่ือกำหนดแนวทางในการถ่ายทำ หรอื ผลิตภาพเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ เช่น ภาพยนตร์ โฆษณา การ์ตูน สารคดี เป็นต้น เพื่อกำหนดการเล่าเรื่อง ลำดับเร่ือง จัดมุมกล้อง กำหนดเวลา ซ่ึงภาพที่วาดไม่จำเป็ น จะต้องละเอียดมาก แคบ่ อกองค์ประกอบสำคัญๆ ได้ มีการระบุถึงตำแหน่งของตัวละครที่ มีความสัมพันธ์กับฉากและตัวละครอ่ืนๆ กรอบแสดงภาพและมุมกล้อง แสงเงา เป็นการ สเกตซ์ภาพของเฟรม (Shot) ต่างๆ จากบท เปรียบเสมือนการวาดการ์ตูนในกรอบ สี่เหลย่ี มแตล่ ะชอ่ ง ส่วนประกอบของสตอร่ีบอร์ด(Story Board) สตอรี่บอร์ด จะประกอบไปด้วยชุดของภาพ Sketches ของ shot ต่างๆ พร้อมคำ บรรยายหรือบทสนทนาในเรื่อง ซ่ึงอาจจะทำการเขียนเรื่องย่อและบทก่อน หรือ Sketches ภาพก่อนก็ได้ แล้วจึงค่อยใส่คำบรรยายลงไป อาจมีบทสนทนาหรือไม่มีบท สนทนาก็ได้ และสำหรับการกำหนดเสียงในแต่ละภาพต้องพิจารณาว่าภาพและเสียงไป ดว้ ยกันไดห้ รอื ไม่ ไม่ว่าจะเป็นเสยี งดนตรี เสยี งธรรมชาติหรอื เสยี งอ่ืนๆ แนวทางในการเขยี นสตอรี่บอรด์ ควรศึกษาการหลักการเขียนเนื้อเร่ือง บทบรรยาย การกำหนดมุมกล้อง ศิลปะใน การเล่าเร่ือง ซ่ึงไม่ว่าจะเป็นนิทาน นิยาย ละครหรือภาพยนตร์ ล้วนแล้วแต่มีลักษณะการ เล่าเรื่องคล้ายๆ กัน น่ันคือการเล่าเร่ืองราวของธรรมชาติ มนุษย์หรือสัตว์ ที่เกิดขึ้นใน ชว่ งเวลาใดเวลาหนึ่ง ณ สถานท่ใี ดสถานท่ีหน่ึงเสมอ ดังนั้น องค์ประกอบที่สำคัญท่ีจะขาด ไปเสียไม่ได้ก็คือ ตัวละคร สถานที่และเวลา ส่ิงสำคัญในการเขียนบทก็คือ การเร่ิมค้นหา วัตถุดิบหรือแรงบันดาลใจ ให้ได้ว่า เราอยากจะพูด จะนำเสนออะไร ตัวเราเองมี แนวความคิดเก่ียวกับเรื่องนั้นๆ อย่างไร ซ่ึงแรงบันดาลใจเหล่านั้นจะถูกนำใช้ในการ กำหนด สถานการณ์ ตัวละคร สถานท่ีและเวลา ของเรอื่ งราว เทคนิคในการเขยี นบทหรือเนือ้ เร่อื ง ต้องมีการบรรยายสภาพและบรรยากาศของสถานท่ี หรือการพรรณนาภาพอย่าง ใดอย่างหนึ่ง เพอ่ื นำความคิดของผู้อ่านให้ซาบซ้งึ ในทอ้ งเร่ือง ให้เหน็ ภาพฉากทเี่ ราวาดด้วย ตวั อกั ษรนัน้ ให้ชัดเจน การวางโครงเร่ืองมีการดำเนินเรื่องต้ังแต่เร่ิมนำเร่ืองจนถึงปลายยอดเรื่อง หรือท่ีเรียกว่า ไคลแมกซ์ (Climax) และจบเร่ืองลงโดยใหผ้ ู้อ่านเขา้ ใจและมีความรสู้ ึกตามเนื้อเร่ือง การจัดตัวละครและให้บทบาทแก่ตัวละครที่สำคัญในเร่ือง เพ่ือแสดงลักษณะนิสัยอย่าง หนง่ึ อยา่ งใด ทก่ี ่อให้เกิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้น การบรรยายเรื่อง แบบการมีตวั ตนที่เข้าไปอยู่ในตัวเร่ือง และการเป็นบุรุษที่สาม ได้แก่ ตัว ละครแสดงบทบาทของตนเอง เปน็ วิธีทีด่ ที ี่สดุ

4 การเปิดเร่ือง อาจใช้วิธีการให้ตัวละครสนทนากัน การบรรยายตัวละคร การวางฉากและ การบรรยายตวั ละครประกอบ การบรรยายพฤติกรรมของตวั ละครแตล่ ะตัวละคร กไ็ ด้ การจัดทำสตอรบ่ี อร์ด การทำสตอรี่บอร์ดเป็นการสร้างตารางขึ้นมาเพื่อร่างภาพลงไปตามลำดับข้ันตอน ของเรื่องตัง้ แต่ต้นจนจบ เพื่อให้มองเห็นภาพรวมของงานท่ีจะลงมือทำ และหากมีสง่ิ ท่ตี ้อง แก้ไขเกิดข้ึน ก็จะสามารถแก้ไขเปลย่ี นแปลงปรับปรงุ ได้ หรือทำสตอร่บี อร์ดใหม่ได้ การทำ สตอรีบ่ อรด์ นั้นโดยหลักแล้ว จะเป็นตน้ แบบของการนำไปสร้างเป็นภาพจริง เหตุการณ์จริง และจะเป็นตัวกำหนดการทางานในข้ันตอนอื่นๆ ไปในตัวด้วย เช่น การเสียงพากย์ การใส่ เสียงดนตรี เสียงประกอบอื่นๆ หรือเทคนิคพิเศษต่างๆ การทำสตอรี่บอร์ดจึงเป็นการร่าง ภาพ พรอ้ มกับการระบรุ ายละเอยี ดตา่ งๆ ทีจ่ ำเปน็ ท่จี ะต้องทำลงไป หลักการเขยี นสตอร่บี อร์ด รูปแบบของสตอร่บี อร์ด จะประกอบไปด้วย 2 ส่วนคือ ส่วนภาพกับส่วนเสียง โดย ปกติการเขียนสตอรี่บอร์ด ก็จะวาดภาพในกรอบส่ีเหล่ียม ต่อด้วยการเขียนบทบรรยาย ภาพหรือบทการสนทนา และส่วนสุดท้ายคือการใส่เสียงซึ่งอาจจะประกอบด้วยเสียง สนทนา เสียงบรรเลง และเสียงประกอบต่างๆ ส่ิงสำคัญท่ีอยู่ภายในสตอร่ีบอร์ด ประกอบดว้ ย ตัวละครหรือฉาก ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่หรือตัวการ์ตูน และท่ีสำคัญ คือ พวกเขากำลงั เคล่ือนไหวอย่างไร มมุ กลอ้ ง ทั้งในเร่อื งของขนาดภาพ มมุ ภาพและการเคลอื่ นกลอ้ ง เสยี งการพูดกันระหวา่ งตัวละคร มเี สียงประกอบหรอื เสยี งดนตรอี ยา่ งไร วิธกี ารเขยี นสตอร่บี อรด์ สตอร่ีบอร์ด (Story Board) คือการเขียนกรอบแสดงเร่ืองราวท่ีสมบูรณ์ของ ภาพยนตรห์ รอื หนังแตล่ ะเรื่อง โดยมกี ารแสดงรายละเอียดทจี่ ะปรากฏในแตล่ ะฉากหรือแต่ ละหน้าจอ เช่น ข้อความ ภาพ ภาพเคล่ือนไหว เสียงดนตรี เสียงพูดและแต่ละอย่างน้ันมี ลำดับของการปรากฏว่าอะไรจะปรากฏขึ้นก่อน-หลัง อะไรจะปรากฏพร้อมกัน เป็นการ ออกแบบอย่างละเอยี ดในแต่ละหน้าจอกอ่ นทีจ่ ะลงมือสร้างเอนเิ มชนั หรอื หนงั ขึ้นมาจรงิ ๆ ขอ้ ดีของการทำ Story Board ชว่ ยให้เน้ือเร่ืองล่นื ไหล เพราะไดอ้ ่านทวนตงั้ แตต่ น้ จนจบกอ่ นจะลงมอื วาดจริง ชว่ ยให้เนื้อเรอ่ื งไมอ่ อกทะเล เพราะมแี ผนการวาดกำกบั ไวห้ มดแล้ว ช่วยกะปรมิ าณบทพูดใหพ้ อดแี ละเหมาะสมกับหน้ากระดาษและบอลลูนนนั้ ๆ ช่วยใหส้ ามารถวาดจบได้ในจำนวนหน้าท่ีกำหนด (สำคญั สุด!)

5 ขนั้ ตอนการทำ Story Board วางโครงเรือ่ งหลกั ไม่ว่าจะเป็น Theme, ตัวละครหลัก, ฉาก ฯลฯ 1.1 แนวเร่ือง 1.2 ฉาก 1.3 เนื้อเร่ืองย่อ 1.4 Theme/แก่น (ขอ้ คิด/ส่งิ ทต่ี อ้ งการจะสอื่ ) 1.5 ตัวละคร ส่ิงสำคัญคือกำหนดรูปลักษณ์ของตัวละครแต่ละตัวให้โดดเด่นไม่คล้ายกัน จนเกินไป ควรออกแบบรูปลักษณ์ของตัวละครให้โดดเด่นแตกต่างกัน และมองแล้ว สามารถส่ือถึงลกั ษณะนสิ ัยของตวั ละครไดท้ ันที ลำดบั เหตกุ ารณค์ รา่ ว ๆ จุดสำคัญคือ ทุกเหตุการณ์จะเป็นเหตุเป็นผลซ่ึงกันและกัน เหตุการณ์ก่อนหน้าจะ ทำใหเ้ หตุการณ์ต่อมามีน้ำหนกั มากขึ้น และต้องหา จุด Climax ของเรื่องให้ได้ จุดนี้จะเป็น จุดท่ีน่าต่ืนเต้นที่สุดก่อนที่จะเฉลยปมทุกอย่างในเร่ือง การสร้างปมให้ผู้อ่านสงสัยก็เป็น จุดสำคัญในการสร้างเร่ือง ปมจะทำให้ผู้อ่านเกิดคำถามในใจและคาดเดาเนื้อเรื่องรวมถึง ตอนจบไปต่าง ๆ นานา กำหนดหนา้ แตง่ บท เป็นข้ันตอนสุดท้ายก่อนลงมือวาดสตอรี่บอร์ด ควรเขียนบทพูดและบทความคิดท่ี จะใช้เขียนลงในหนังออกมาโดยละเอียดเพอื่ ท่ีจะได้กำหนดขนาดของบอลลูนและจดั วางลง บนหน้ากระดาษไดอ้ ย่าเหมาะสม

6 ลงมือเขยี น Story Board !!!!

7

8 การเขยี นบทภาพยนตร์ ประวตั ิหนงั ส้ัน หนังสั้นโดยเปรียบเทียบกับเร่ืองสั้นในความหมายของหนังส้ันท่ียึ ดถือตามธรรม เนียมปฏิบัติคือ หนังท่ีมคี วามยาวไม่เกิน 30 นาที มีรูปเเบบหรือสไตล์หลากหลาย ท้ังที่ใช้ การเเสดงสด(Live action film)หรือ แอมนิเมชั่น(animited film) ก็ได้การกำหนดความ ยาวของหนังสั้นด้วยเวลาที่เเน่นอน เพราะเนื่องจากหนังท่ีมีความยาวเกิน 30 นาที จะมี รปู เเบบของการเข้าถึงตัวละครเเละโครงเร่ืองต่างจากหนงั สนั้ ที่มคี วามยาวไมเ่ กิน 30 นาที หนังที่มีความยาวต้ังเเต่ 30-60 นาที จะมีโครงเร่ืองที่ซับซอ้ นมากกว่าการกำหนดอารมณ์ ของคนดูว่าตอนไหนควรเร่งรีบ ตอนไหนควรทิ้งหรือถ่วงเวลาเพื่อให้คนดูสนุกสนาน ส่วน หนังสั้นมีเวลาจำกัดไม่สามารถถ่ายทอดอารมณ์หรือเล่นอารมณ์กับคนดูได้มากนักจึงต้อง เข้าถึงตัวละครอย่างรวดเร็ว เเละทำโครงเรื่องให้ง่ายไม่ซับซ้อนเพ่ือให้คนดูเข้าใจเรื่องได้ใน เวลาที่จำกัด พฒั นาการของภาพยนตร์สน้ั ปจั จบุ นั หนังสั้นมบี ทบาทสำคัญในการพัฒนาใหก้ ลายเปน็ หนังบันเทงิ เรอ่ื งยาว หนัง เรื่องเเรกเท่าที่มีการค้นพบ เป็นหนังสั้นของ Edison มีความยาวประมาณ 50 ฟุต เป็น เเอ็คชั่นของการจามเรื่อง Fred Ott’s Sneeze (1894) ถ่ายด้วยกล้อง Kinetograph การสร้างหนงั ในชว่ งเเรก เป็นหนงั สัน้ ทกุ เร่ือง เนื้อเร่ืองสว่ นใหญ่เปน็ เหตุการณจ์ ริงทเ่ี กิดขึ้น ในชวี ิตประจำวัน ภาพยนตร์ในสมัยนั้นได้รับความสนใจมาก เเละเป็นธุรกิจที่ทำรายได้ดีทำให้บริษัทของ Edison เเละบริษทั อนื่ ๆรวมทั้งบริษัท Mutoscope เเละ Biograph เริ่มตน้ ท่ีจะรวมตัวกัน ผูกขาดกิจการค้า โรงหนัง Pittsburgh ในปี 1905 ซึ่งโรงหนังน้ีทำให้มีคนดูหนังมากข้ึน ธุรกิจหนังสั้นในยุคน้ันจึงเฟ่ืองฟูข้ึน ในปี 1908 อิตาลีสร้างหนังประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่มี ความยาว 5 ม้วน D.W. Griffith ได้รับอิทธิพล การสร้างหนังที่มีความยาวขึ้น ซึ่งเเต่เดิม การสร้างภาพยนตร์เรื่องยาว เขามีความพยายามสร้างอยู่เเล้วโดยสร้างให้ยาวมากขึ้น เรื่อยๆจาก 1 ม้วนเป็น 2 ม้วน เช่นเร่ือง Enoch Arden (1991) เเม้จะไม่ค่อยได้รับ ความนิยมมากนัก เเละถูกคัดค้านไม่เห็นด้วยจากผู้อำนวยการสร้าง เเต่ในท่ีสุดเม่ือเขาชม ภาพยนตร์ที่มีความยาวของอิตาลี จึงเป็นเเรงให้เขามีเเรงบันดาลใจในการสร้างหนังยาวถึง 4 ม้วน ในเร่ือง Judith of Bethulia (1914) ซึ่งเป็นหนังที่มีความยาวมากคร้ังเเรกของ ประวัติศาสตร์การสร้างหนังของ Hollywood เป็นเร่ืองสำคัญเรื่องสุดท้ายก่อนท่ีจะเริ่ม สร้างหนังบันเทิงเร่ืองยาว คือ The Birth of a Natoin (1915) อันเป็นจุดเริ่มต้นบรรทัด ฐานการสร้างหนังบันเทิงท่ีมีความยาวในปัจจุบัน เเม้ว่าหนังบันเทิงที่มคี วามยาวมากขึ้นจะ ได้รับความนิยม เเต่หนังส้ันก็ยังคงผลิตออกมาอย่างต่อเน่ือง มีผู้กำกับหนุ่ม Mack Scnnett ท่ีไม่สามารถผลิตหนังตลกให้กับบริษัทของ Edison หรือ Biograph ได้อีกต่อไป จงึ ออกมาสรา้ งบริษทั สร้างภาพยนตร์อิสระของตนเอง ช่อื บริษัท Keystone Picture ผลิต

9 หนังสั้นตลก ต่อมาในปี 1913 นักเเสดงชาวอังกฤษ Charlie Chapplin ได้ร่วมกับบริษัท ของ Sennett สร้างหนังสั้นตลกยง่ิ ใหญ่ออกมาอกี หลายเรื่อง เช่น The Tramp (1915) , One A.M. (1916), Easy Street (1917), เเละ A dog’s Life (1918) หนังสั้นตลก ของเขามีเอกลกั ษณ์เฉพาะตัวในการวพิ ากษ์สังคมโดยผ่านตัวละครโงเ่ ขลา จนในท่ีสุดกลาย มาเป็นเเบบอย่างให้กับนักเเสดงตลกที่มีช่ือเสียงอื่นๆ ตามมา เช่น Buster Keaton เเละ Laurel and Hardy ความหมายของหนงั สน้ั หนังส้ัน คือ หนังยาวที่ส้ัน ก็คือการเล่าเร่ืองด้วยภาพและเสียงท่ีมีประเด็นเดียว ส้ั น ๆ แ ต่ ไ ด้ ใ จ ค ว า ม ศิลปะการเล่าเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นนิทาน นิยาย ละคร หรือภาพยนตร์ ล้วนแล้วแต่มีรากฐาน แบบเดียวกัน นั่นคือ การเล่าเร่ืองราวท่ีเกิดขึ้นของมนุษย์หรือสตั ว์ หรือแม้แตอ่ ะไรก็ตามท่ี เกิดข้ึนช่วงเวลาหน่ึงเวลาใด ณ สถานที่ใดที่หนึ่งเสมอ ฉะนั้น องค์ประกอบที่สำคัญที่ขาด ไม่ได้คอื ตวั ละคร สถานท่ี และเวลา สง่ิ ท่สี ำคัญในการเขียนบทหนงั สน้ั กค็ ือ การเร่ิมคน้ หาวตั ถุดิบหรือแรงบันดาลใจให้ได้ ว่าเรา อยากจะพูด จะนำเสนอเรื่องเก่ียวกับอะไร ตัวเราเองมีแนวความคิดเก่ียวกับเร่ืองนั้น ๆ อย่างไร ซึ่งแรงบันดาลใจในการเขียนบทท่ีเราสามารถนำมาใช้ได้ก็คือ ตัวละคร แนวความคิด และเหตุการณ์ และควรจะมองหาวัตถุดิบในการสร้างเร่ืองให้แคบอยู่ในสิ่งท่ี เรารู้สึก รู้จริง เพราะคนทำหนังส้ันส่วนใหญ่ มักจะทำเร่ืองท่ีไกลตัวหรือไม่ก็ไกลเกินไปจน ทำให้เราไม่สามารถจำกัดขอบเขตได้ เมื่อเราได้เรื่องที่จะเขียนแล้วเราก็ต้องนำเร่ืองราวที่ ได้มาเขียน Plot (โครงเรื่อง) ว่าใคร ทำอะไร กับใคร อย่างไร ที่ไหน เมื่อไร เพราะอะไร และได้ผลลัพธ์อย่างไร ซึ่งส่ิงท่ีสำคัญที่สุดก็คือ ข้อมูล หรือวัตถุดิบที่เรามีอยู่ ซ่ึงก็ขนึ้ อยู่กับ ประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคนว่ามีแนวคิดมุมมองต่อชีวิตคนอย่างไร เพราะความเขา้ ใจใน ม นุ ษ ย์ ย่ิ ง เร า เข้ า ใจ ม า ก เท่ า ไ ร เร า ก็ ยิ่ ง ท ำ ห นั ง ไ ด้ ลึ ก ม า ก ข้ึ น เท่ า น้ั น และเมื่อเราได้เรื่อง ได้โครงเร่ืองมาเรยี บร้อยแล้ว เราก็นำมาเป็นรายละเอียดของฉาก ว่ามี ก่ีฉากในแต่ละฉากมีรายละเอียดอะไรบ้าง เช่นมีใคร ทำอะไร ท่ีไหน เมื่อไร ไปเร่ือย ๆ จน จบเร่ือง ซ่ึงความจริงแล้วข้ันตอนการเขียนบทไม่ได้มีอะไรยุ่งยากมากมาย เพราะมีการ กำหนดเป็นแบบแผนไว้อยู่แล้ว แต่ส่ิงที่ยาก มาก ๆ ก็คือกระบวนการคิด ว่าคิดอย่างไรให้ ลึกซ้ึง คิดอย่างไรให้สมเหตุสมผล ซ่ึงวิธีคิดเหล่านี้ไม่มีใครสอนกันได้ทุกคน ต้องค้นหาวิธี ลองผิดลองถูก จนกระทั่ง ค้นพบวิธีคิดของตัวเอง การเตรียมการและการเขียนบท ภาพยนตร์ การเขียนบทภาพยนตร์เร่ิมต้นท่ีไหน เป็นคำถามท่ีมักจะได้ยินเสมอสำหรับผู้ท่ี เรมิ่ หัดเขยี นบทภาพยนตร์ใหม่ ๆ เช่น ควรเริ่มช็อตแรก เห็นยานอวกาศลำใหญ่แล่นเขา้ มา ขอบเฟรมบนแล้วเลยไปสู่แกแล็กซ่ีเบื้องหน้าเพื่อให้เห็นความยิ่งใหญ่ของจักรวาล หรือ เร่มิ ต้นด้วยรถท่ขี ับไลล่ ่ากันกลางเมืองเพ่ือสร้างความต่ืนเต้นดี หรอื เริ่มต้นด้วยความเงียบมี เสียงหัวใจเต้นตึกตัก ๆ ดี หรือเร่ิมต้นด้วยความฝันหรือเร่ิมต้นท่ีตัวละครหรือเหตุการณ์ดี

10 เหลา่ นเ้ี ปน็ ต้น บางคนบอกวา่ มีโครงเรือ่ งดี ๆ แต่ไม่ทราบว่าจะเร่ิมอยา่ งไรการเร่ิมตน้ เขียน บทภาพยนตร์ เราต้องมีเป้าหมายหลักหรือเนื้อหาเป็นจุดเร่ิมต้นการเขียน เราเรียกว่า ประเด็น (Subject) ของเรื่อง ท่ีต้องชัดเจนแน่นอน มีตัวละคร และแอ็คช่ัน ดังนั้น นักเขียนควรเริ่มต้นจากจุดน้ีพร้อมด้วยโครงสร้าง (Structure) ของบทภาพยนตร์ประเด็น อาจเป็นสิง่ ที่งา่ ย ๆ เช่น มนุษย์ต่างดาวเข้ามาเยือนโลกแล้วพลัดพลาดจากยานอวกาศของ ตน ไม่สามารถกลับดวงดาวของตัวเองได้ จนกระทั่งมีเด็ก ๆ ไปพบเข้าจึงกลายเป็นเพ่ือน รักกัน และช่วยพาหลบหนีจากอันตรายกลับไปยังยานของตนได้ นี่คือเรื่อง E.T. – The Extra-Terrestrial (1982) หรือประเด็นเป็นเรื่องของนักมวยแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทท่ี สูญเสียตำแหน่งและต้องการเอากลับคืนมา คือเรื่อง Rocky III หรือนักโบราณคดีค้นพบ โบราณวตั ถสุ ำคญั ทีห่ ายไปหลายศตวรรษ คอื เร่ือง Raider of the Lost Ark (1981) เป็น ต้นการคิดประเด็นของเร่ืองในบทภาพยนตร์ของเราว่าคืออะไร ให้กรองแนวความคิดจน เหลือจุดที่สำคัญมุ่งไปที่ตัวละคร และแอ็คชั่น แล้วเขียนให้ได้สัก 2-3 ประโยค ไม่ควร มากกว่าน้ี และท่ีสำคัญไม่ควรกังวลในจุดนี้ว่าจะต้องทำให้บทภาพยนตร์ของเราถูกต้องใน แง่ของเร่ืองราว แต่ควรให้มันพัฒนาไปตามแนวทางของข้ันตอนการเขียนจะดกี ว่าสง่ิ แรกท่ี เราควรฝึกเขียนคือต้องบอกให้ได้ว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร เช่น เรื่องเกี่ยวกับความดี และความชั่วร้าย หรือเก่ียวกับความรักของหนุ่มชาวกรุงกับหญิงบ้านนอก ความพยาบาท ของปีศาจสาวทถ่ี ูกฆาตกรรม ซึ่งท้งั หมดนเี้ ปน็ เพียงแค่ความคิดที่ยงั ขาดแงม่ ุมของการเขยี น ว่าจะเกดิ อะไรขึน้ ตอ่ ไป จึงต้องชัดเจนมากกวา่ นี้ โดยเริ่มทีต่ ัวละครหลักและแอค็ ชั่น ดังน้ัน ประเด็นของเร่ืองจึงเป็นสิ่งสำคัญของจุดเริ่มต้นการเขียนบทภาพยนตร์อย่างไรก็ตาม การ เขียนบทภาพยนตรส์ ำหรับนักเขียนหน้าใหม่ ควรคน้ หาสิ่งที่น่าสนใจจากสง่ิ ทอ่ี ยู่รอบ ๆ ตัว ของนกั เขียนเอง เขยี งเรื่องที่เก่ียวกับสิ่งท่ตี นเองรู้ ทำให้ไดร้ ายละเอียดในเชิงลกึ ของเนื้อหา เกิดความจริง สร้างความต่ืนตะลึงได้ เช่นเรื่องในครอบครัว เรื่องของเพื่อนบ้าน เร่ืองในที่ ทำงาน ของตนเอง เร่ืองในหนงั สอื พมิ พร์ ายวัน เป็นตน้ ข้ันตอนสำหรับการเขยี นบทภาพยนตร์ การค้นคว้าหาข้อมูล (research) เป็นข้ันตอนการเขียนบทภาพยนตร์อันดับแรก ท่ีต้องทำถือเป็นสิ่งสำคัญหลังจากเราพบประเด็นของเรื่องแล้ว จึงลงมือค้นคว้าหาข้อมูล เพื่อเสริมรายละเอียดเร่ืองราวที่ถูกต้อง จริง ชัดเจน และมีมิติมากขึ้น คุณภาพของ ภาพยนตรจ์ ะดีหรือไมจ่ งึ อยูท่ ่กี ารค้นควา้ หาข้อมูล ไมว่ า่ ภาพยนตรน์ ้ันจะมเี น้ือหาใดก็ตาม การกำหนดประโยคหลักสำคัญ (premise) หมายถึงความคิดหรือแนวความคิดท่ี ง่าย ๆ ธรรมดา ส่วนใหญ่มักใช้ตั้งคำถามว่า “เกิดอะไรขึ้นถ้า…” (what if) ตัวอย่างของ premise ตามรูปแบบหนังฮอลลีวู้ด เช่น เกิดอะไรข้ึนถ้าเร่ืองโรเมโอ & จูเลียตเกิดข้ึนใน นิวยอร์ค คือ เรื่อง West Side Story, เกิดอะไรข้ึนถ้ามนุษย์ดาวอังคารบุกโลก คือเร่ือง The Invasion of Mars, เกิดอะไรขึ้นถ้าก็อตซิล่าบุกนิวยอร์ค คือเรื่อง Godzilla, เกิด

11 อะไรข้ึนถ้ามนุษย์ต่างดาวบุกโลก คือเร่ือง The Independence Day, เกิดอะไรข้ึนถ้า เร่อื งโรเมโอ & จเู ลียตเกิดขึ้นบนเรือไททานิค คือเรอ่ื ง Titanic เปน็ ตน้ การเขียนเรื่องย่อ (synopsis) คือเรื่องย่อขนาดสั้น ที่สามารถจบลงได้ 3-4 บรรทัด หรือหน่ึงย่อหน้า หรืออาจเขียนเป็น story outline เป็นร่างหลังจากท่ีเราค้นคว้า หาขอ้ มูลแลว้ กอ่ นเขียนเปน็ โครงเรอ่ื งขยาย (treatment) การเขียนโครงเร่ืองขยาย (treatment) เป็นการเขียนคำอธิบายของโครงเรื่อง (plot) ในรูปแบบของเรื่องสั้น โครงเรื่องขยายอาจใช้สำหรับเป็นแนวทางในการเขียนบท ภาพยนตร์ท่ีสมบูรณ์ บางคร้ังอาจใช้สำหรับย่ืนของบประมาณได้ด้วย และการเขียนโครง เร่ืองขยายทดี่ ตี ้องมีประโยคหลักสำคัญ (premise) ทง่ี า่ ย ๆ น่าสนใจ บทภาพยนตร์ (screenplay) สำหรับภาพยนตร์บันเทิง หมายถึง บท (script) ซี เควนส์หลัก (master scene/sequence)หรือ ซีนาริโอ (scenario) คือ บทภาพยนตร์ท่ีมี โครงเรื่อง บทพูด แต่มีความสมบูรณ์น้อยกว่าบทถ่ายทำ (shooting script) เป็นการเล่า เร่ืองท่ีได้พัฒนามาแล้วอย่างมีข้ันตอน ประกอบ ด้วยตัวละครหลักบทพูด ฉาก แอ็คชั่น ซี เควนส์ มีรูปแบบการเขียนท่ีถูกต้อง เช่น บทสนทนาอยู่ก่ึงกลางหน้ากระดาษฉาก เวลา สถานท่ี อยู่ชิดขอบหน้าซ้ายกระดาษ ไม่มีตัวเลขกำกับช็อต และโดยหลักท่ัวไปบท ภาพยนตรห์ นึง่ หนา้ มคี วามยาวหนึ่งนาที บทถ่ายทำ (shooting script) คือบทภาพยนตร์ท่ีเป็นข้ันตอนสุดท้ายของการ เขียน บทถ่ายทำจะบอกรายละเอียดเพิ่มเติมจากบทภาพยนตร์ (screenplay) ได้แก่ ตำแหน่งกล้อง การเชื่อมช็อต เช่น คัท (cut) การเลือนภาพ (fade) การละลายภาพ หรือ การจางซ้อนภาพ (dissolve) การกวาดภาพ (wipe) ตลอดจนการใช้ภาพพิเศษ (effect) อน่ื ๆ เป็นตน้ นอกจากนี้ยงั มีเลขลำดับช็อตกำกับเรยี งตามลำดบั ตั้งแต่ช็อตแรกจนกระท่ังจบเร่อื ง บทภาพ (storyboard) คือ บทภาพยนตร์ประเภทหนึ่งที่อธิบายด้วยภาพ คล้ายหนังสือ การ์ตูน ให้เห็นความต่อเน่ืองของช็อตตลอดทั้งซีเควนส์หรือท้ังเร่ืองมีคำอธิบาย ภาพประกอบ เสียงตา่ ง ๆ เชน่ เสียงดนตรี เสียงประกอบฉาก และเสยี งพูด เป็นต้น ใช้เป็น แนวทางสำหรับการถ่ายทำ หรือใช้เป็นวิธีการคาดคะเนภาพล่วงหน้า (pre-visualizing) กอ่ นการถา่ ยทำว่า เม่อื ถ่ายทำสำเร็จแล้ว หนงั จะมีรูปร่างหนา้ ตาเป็นอยา่ งไร ซึ่งบริษัทของ Walt Disney นำมาใชก้ ับการผลิตภาพยนตรก์ าร์ตูนของบรษิ ัทเป็นครงั้ แรก โดยเขียนภาพ เหตุการณ์ของแอ็คช่ันเรียงติดต่อกันบนบอร์ด เพื่อให้คนดูเข้าใจและมองเห็นเรื่องราว ล่วงหนา้ ไดก้ ่อนลงมือเขียนภาพ สว่ นใหญ่บทภาพจะมีเลขท่ีลำดับช็อตกำกับไว้ คำบรรยาย เหตุการณ์ มุมกล้อง และอาจมีเสียงประกอบด้วย การเขียนบทภาพยนตร์จากเรือ่ งสั้นการ เขียนบทอาจเป็นเรื่องที่นำมาจากเรื่องจริง เรื่องดัดแปลง ข่าว เรื่องที่อยู่รอบๆ ตัว นว นิยาย เรื่องสั้น หรือได้แรงบันดาลใจจากความประทับใจในเร่ืองราวหรือบางส่ิงที่คนเขียน บทไดส้ ัมผัส เช่น ดนตรี บทเพลง บทกวี ภาพเขียน และอืน่ ๆ

12 ปจั จยั สำคญั ของภาพยนตรส์ นั้ ความยาว (Lenght) ภาพยนตร์สั้นมักมคี วามยาวตั้งแต่ 1 – 30 นาที ข้นึ อยกู่ ับความพอดีและลงตวั ความพอดี หรือความลงตัว อยู่ท่ีหนังสามารถตอบสนองเร่ืองราวได้อย่างน่าพอใจหรือยัง ความยาวจึง ข้ึนอยู่กับผู้กำกับที่จะตัดสินใจว่า การเล่าเร่ืองเกินพอดี หรือขาดความพอดีหรือไม่ ซึ่งการ ขาดความพอดี หรือการเกินความพอดี จะส่งผลให้หนังอืดอาดยืดยาด หรือหนังเร็วจนเรื่อง ขาดหายไปทำใหด้ ูไม่รู้เรื่องสำหรับหนังของมอื ใหม่มักมีข้อบกพร่อง คือ กังวลวา่ คนดูจะไม่ รู้เร่ือง จึงมักพูดมาก จนน่าเบ่ือ หรือความอ่อนประสบการณ์ทำให้ไม่สามารถแตกช็อตให้ คนดเู ขา้ ใจเรอ่ื งไดจ้ ึงกลายเปน็ หนงั ท่ีห้วนและดูไม่รเู้ รอื่ ง แก่นเร่อื ง (Theme) แก่นเรอื่ ง คอื สาระหรือจดุ เป้าหมายท่ีเรากำลังพยายามเขา้ ถึงแกน่ เรื่อง คอื ความคิดลึกซ้ึง ท่ีเป็นนามธรรม หรือ ความคิดท่ียึดโครงสร้างของเร่ือง และนำเสนอผ่านตัวละคร เป็น แอ๊กช่ันของการแสดงท้ังหมด แก่นเร่ืองเป็นศูนย์กลางความคดิ หลักท่ีเกี่ยวกับเรอ่ื งทั้งหมด ที่ผู้กำกับต้องการสื่อสารกับคนดู สำคัญมากหนังสั้นควรมีความคิดหลักประการเดียว มิฉะนั้นจะทำให้เร่ืองซับซ้อนต้องใช้วิธีเล่าเรื่องแบบหนังท่ีมีความยาวทั่วไป ความคิดหลัก ไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับคนดูเสมอไป แต่ให้คนดูมีโอกาสไตร่ตรองสำรวจความคิดของ ตนเองเป็นการจดุ จินตนาการและทำใหเ้ กดิ ความคดิ ทางสติปญั ญาขน้ึ ความขดั แย้ง (Conflict) เป็นการกำหนดความต้องการอย่างใดอย่างหนึง่ ใหก้ ับตวั ละครหรอื เปน็ เปา้ หมายทต่ี วั ละคร ตอ้ งการจะไปใหถ้ งึ แลว้ เรา (ผเู้ ขียนบท) จะสร้างอปุ สรรคใหต้ ัวละครแกป้ ญั หา หรอื สรา้ ง วธิ กี ารต่าง ๆ นานาให้ตัวละครไปส่เู ปา้ หมายอย่างยากเยน็ การสร้างความขัดแยง้ ผู้เขยี นบทต้องเรมิ่ วาง ประเด็นของเรือ่ งไวล้ ว่ งหน้าก่อนทีจ่ ะลงมือเขยี นบทเปน็ ประโยคสำคญั ความขัดแย้งมี หลายประเภท คอื – ความขดั แย้งภายในจิตใจของตนเอง – ความขดั แยง้ ระหวา่ งบุคคล – ความขัดแยง้ ระหวา่ งคนกบั สงั คม – ความขดั แย้งระหว่างคนกบั ธรรมชาติ เหตุการณเ์ ดียว (One Primary Event) เหตุการณห์ ลักในหนังสน้ั ควรมีเพยี งเหตุการณ์เดยี ว ท่เี กดิ ขึน้ ในช่วงเวลาใดเวลาหน่งึ อาจจะกินระยะเวลาในหนังหลายวนั หรือหลายอาทติ ยก์ ็ได้ ทีเ่ ปน็ เชน่ น้ที ำใหเ้ นื้อเรือ่ งดงู ่าย ไมซ่ ับซอ้ น มคี วามยาวไม่มากนักใช้เหตุการณห์ ลักทเ่ี กิดข้ึนเพียงเหตุการณ์เดียวในการเล่าเรือ่ งเพ่อื ให้ เหมาะสมกับเวลา

13 ตวั ละครเดียว (One Major Character) ตัวละครในภาพยนตร์ คือ การแสดงของคนท่ีมบี ุคลิกลักษณะตามทีเ่ ราเลอื กไว้ เพ่อื วัตถปุ ระสงคส์ ำหรับการแสดงตวั ละคร คอื มมุ มอง หรือวธิ ีมองโลก (ซง่ึ สามารถ หมายถงึ วสิ ัยทศั น์) หรอื วธิ ที ต่ี ัวละครมองโลกในแงม่ มุ ต่างๆ หนังสนั้ จะใช้ตัวละครหลกั เพยี งตวั เดียว และ ผูเ้ ขยี นจำเปน็ ตอ้ งสร้างให้ตวั ละครใหม้ คี วามนา่ สนใจ และใช้ตวั ละครหลักไปสัมพนั ธ์กบั ตวั ละครอนื่ หรอื ปัญหาอน่ื แลว้ เปิดเผยใหค้ นดเู ห็นบางสิ่งบางอย่างท่นี ่าตกใจ ความต้องการ (Need & Want) ความต้องการของตัวละคร คือ ส่ิงท่ีตัวละครอยากได้ อยากมี อยากเป็น ต้องการให้ได้มา ต้องการบรรลุในส่ิงใดสิ่งหนึ่งในระหว่างเน้ือหาของเรื่องราวผู้เขียนต้องกำหนดความ ต้องการของตัวละครก่อนเขียนบท โดยกำหนดว่าอะไร ? คือความต้องการของตัวละคร ความต้องการนี้จะเป็นตัวผลักดันตัวละคร ให้เกิดการกระทำจากนั้นผู้เขียนต้องสร้าง อุปสรรคขัดขวางความต้องการน้ันสำคัญมาก ความต้องการจะช่วยให้โครงเร่ืองพัฒนาไป อย่างมีทศิ ทางในหนังสั้นความต้องการของตัวละครหลกั มกั มีหลายระดบั โครงสรา้ งของบท (Structure) โครงสร้าง คอื ความสมั พันธร์ ะหว่างสว่ นยอ่ ยกับทั้งหมด สว่ นย่อยคือ แอก๊ ชน่ั , ตัวละคร , ฉาก , ตอน , องก์ (1,2,3) , เหตกุ ารณ์ , สถานการณ์ , ดนตรี สถานท่ี ฯลฯ ส่วนย่อย ทงั้ หมดล้วนสรา้ งขน้ึ เพื่อหลอมรวมเป็นเรอื่ งแลว้ โครงสร้างจะเป็นตัวยดึ ทุกสิ่งทุกอย่างเข้า ด้วยกันเป็นภาพรวมทั้งหมด ปูมหลัง (Backstory) ปมู หลังของเร่ือง คือ เหตกุ ารณ์ทเี่ กิดขนึ้ กอ่ นหน้าเรือ่ งในภาพยนตรจ์ ะเกดิ เหตุการณใ์ น อดีตจะส่งผลตรงกับอารมณ์ของตวั ละครหลกั ปมู หลังของเรอ่ื งมีความสมั พันธ์กับความ ตอ้ งการของตัวละคร คนเขียนบทต้องกำหนดล่วงหน้าก่อนลงมอื เขียนบท แต่ปมู หลังไม่ จำเปน็ ต้องปรากฏอยใู่ นบท

14 Storyboard 1. องคป์ ระกอบของบทแอนิเมชนั่ เรอื่ ง................................................... แนวคิด............................................ แก่นเรือ่ ง.............................................. โครงเร่ือง................................................. ตวั ละคร............................................... บทสนทนา........................................ 2. ชื่อเรอ่ื ง แนวคดิ แก่นเร่อื ง ช่ือเรอ่ื ง……………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... แนวคิด .................................................................................................................................. . ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... แกน่ เรอ่ื ง ................................................................................................................................ ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... 3. เรื่องยอ่ .................................................................................................................................. . ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... 4. บทสนทนา ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………...

15 ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... 5. storyboard Storyboard “.....................................................................................................................................” ฉาก/ เสยี ง/คำบรรยาย เวลา เล ภาพ (s) เยอร์ 1 2 3 4

16 ฉาก/ เสยี ง/คำบรรยาย เวลา เล ภาพ (s) เยอร์ 5 6 7 8 9

17 ฉาก/ เสยี ง/คำบรรยาย เวลา เล ภาพ (s) เยอร์ 10 11 12 13 14

18 ฉาก/ เสยี ง/คำบรรยาย เวลา เล ภาพ (s) เยอร์ 15 16 17 18 19

19 ฉาก/ เสยี ง/คำบรรยาย เวลา เล ภาพ (s) เยอร์ 20 22 23 24 25


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook