Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สื่อการเรียนการเรียนสอนวิชาเครื่องรับ

สื่อการเรียนการเรียนสอนวิชาเครื่องรับ

Published by bb34567892345679, 2019-07-18 04:10:34

Description: สื่อการเรียนการเรียนสอนวิชาเครื่องรับ

Search

Read the Text Version

ส่อื การเรียนการเรียนสอนวชิ าเคร่ืองรับ-สง่ วทิ ยสุ อ่ื สาร เรื่อง บลอ็ กไดอะแกรมเร่ืองรับ-สง่ วทิ ยสุ อ่ื สาร จดั ทาโดย นางสาว สนุ นั ทา แจ้งกระจา่ ง ชนั้ .ปวช2 แผนกอิเลก็ ทรอนิกส์ เสนอ คณุ ครู นริศรา ทองยศ วิทยาลยั เทคโนโลยีและการจดั การหนองสองห้อง

วทิ ยุส่ือสาร หรือเรียกอีกช่ือวา่ วทิ ยคุ มนาคม เป็นอุปกรณ์ท่ีแปลงกระแสไฟฟ้ าเคลื่น แมเ่ หล็กไฟฟ้ า ประกอบเป็น ภาครับ และ ภาคส่ง แผก่ ระจายคล่ืนวทิ ยอุ อกทางสายอากาศ เป็นเครื่องมือใน การส่ือสารชนิดก่ึงสองทาง ถูกนามาใชง้ านในหลายประเภท เช่น วทิ ยรุ าชการ วทิ ยสุ มคั รเล่น และวทิ ยภุ าค ประชาชน เป็นตน้ ทางานโดยแปลงกระแสไฟฟ้ าเป็นคล่ืนแม่เหล็กแบง่ เป็นภาครับ และภาคส่งแผก่ ระจายคล่ืนวทิ ยอุ อก ทางสายอากาศ คล่ืนวทิ ยุ คือ คล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้ า ถูกคิดคน้ โดยเจมส์แมกซ์เวลล์ (James c. Maxwell) เมื่อ สามร้อยกวา่ ปี มาแลว้ (ปี ค.ศ.1864) ตอ่ มา ไฮริชเฮิรตซ์ (Heinrich Hertz) เป็นผทู้ ดลองพสิ ูจนว์ า่ คลื่น แม่เหลก็ ไฟฟ้ าน้ีเป็น \\ ส่วนประกอบของวทิ ยสุ ่ือสารแบง่ ออกไดเ้ ป็ น 3 ส่วนหลกั ๆ คือ ตวั เครื่อง ตวั เครื่องของวทิ ยสุ ่ือสารจะมีส่วนที่ประกอบไปดว้ ยแผงวงจรและอุปกรณ์ตา่ งๆที่เคร่ืองวทิ ยสุ ื่อสาร แต่ละรุ่นถูกออกแบบมา แหล่งพลงั งาน แหล่งพลงั งานคือตวั จา่ ยกระแสไฟฟ้ า ซ่ึงเป็นส่วนท่ีจะป้ อนพลงั งานใหก้ บั ตวั เคร่ืองใหเ้ คร่ืองวทิ ยุ สื่อสารสามารถทางานได้ ซ่ึงจะมีท้งั แบบแหล่งพลงั งานแบบแบตเตอรี่แพค(battery pack) และ แบบไฟฟ้ ากระแสตรง(DC volts) สายอากาศ เป็นส่วนที่ทาหนา้ ที่รับสญั ญาณวทิ ยุ ที่อยใู่ นรูปแบบคล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟ้ าเขา้ มาในตวั เคร่ืองเพอื่ ผา่ น การแปลงเป็นกระแสไฟฟ้ า และในทางกลบั กนั สายอากาศจะทาหนา้ ที่แพร่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ าท่ีผา่ นการ แปลงจากกระแสไฟฟ้ ามาเป็นคล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟ้ า ส่งออกไปยงั เคร่ืองรับสญั ญาณวทิ ยุปลายทาง

คล่ืนวทิ ยุ คือ คลื่นแมเ่ หล็กไฟฟ้ า คน้ พบโดยเจมส์แมกซ์เวลล์ (James c. Maxwell) เมื่อราวปี ค.ศ.1864 ตอ่ มา ไฮริชเฮิรตซ์ (Heinrich Hertz) ทดลองพิสูจน์วา่ คลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้ าเป็น พลงั งานที่ใชไ้ ดจ้ ริง ในปี ค.ศ.1887 คล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้ ามีความเร็ว 300,000,000 เมตร/วนิ าที หรือเทา่ กบั ความเร็วแสง คลื่นวทิ ยเุ กิดจากการเคลื่อนที่ของกระแสไฟฟ้ าที่อยใู่ นสายอากาศ แลว้ แผก่ ระจายไปในอากาศ (ลกั ษณะเดียวกบั คล่ืนในน้า) เป็นลูกคลื่น มียอดคล่ืนและทอ้ งคล่ืน การเคล่ือนตวั หน่ึงรอบคลื่น หมายถึง จากผวิ น้า-ข้ึนไปสู่ยอดคล่ืน-ตกลงท่ีทอ้ งคลื่น-และกลบั ข้ึนมาเสมอผวิ น้า ความถ่ีของคลื่นวทิ ยมุ ีหน่วยตอ่ วนิ าที (CPS : Cycle Per Second) เพ่อื ใหเ้ กียรติแด่ผคู้ น้ พบจึงเรียก \"หน่วยต่อวนิ าที\" วา่ \"เฮิรตซ์\" (Hz) การใชแ้ ละบารุงรักษาเคร่ืองวทิ ยสุ ่ือสาร การใชเ้ คร่ืองวทิ ยคุ มนาคมชนิดมือถือไมค่ วรอยใู่ ตส้ าย ไฟฟ้ าแรงสูง ตน้ ไมใ้ หญ่ สะพานเหลก็ หรือส่ิงกาบงั อยา่ งอื่นท่ีมีผลต่ออุปสรรคในการใชค้ วามถี่วทิ ยุ ก่อน ใชเ้ คร่ืองวทิ ยคุ มนาคมควรตรวจดูวา่ สายอากาศ หรือสายนาสญั ญาณต่อเขา้ กบั ข้วั สายอากาศเรียบร้อยหรือไม่ และขณะส่งออกอากาศไมค่ วรเพิม่ หรือลดกาลงั ส่ง (HI–LOW) ในการส่งขอ้ ความ หรือพดู แต่ละคร้ัง อยา่ กดสวทิ ซ์ (PTT) ไมค่ วรส่งนานเกินไป (เกินกวา่ 30 วนิ าที)

เคร่ืองรับส่งวทิ ยุส่ือสาร ในวงจร Mixer จะทาการผสมสญั ญาณRF กบั สญั ญาณจาก Local Oscillator ซ่ึง ความถี่ท้งั สองน้ีจะห่างกนั อยู่ เท่ากบั 455 KHz พอดี (ห่างกนั เท่ากบั ความถ่ี IF) สมมุติวา่ เราตอ้ งการ รับสญั ญาณวทิ ยุ AMท่ีความถ่ี 1000 KHz วงจรขยาย RF กต็ อ้ งจูนและขยายความถี่ 1000 KHz เป็นหลกั และยอมใหค้ วามถี่ใกลเ้ คียงบริเวณ 1000 KHz เขา้ มาไดเ้ ล็กนอ้ ย การจูนความถี่ นอกจากจะจูนภาคขยาย RF แลว้ ยงั จะจูนวงจร Local Oscillator ดว้ ย (วทิ ยุ AM แบบใชม้ ือ จนู ) ความถ่ีของ Local Oscillator จะเท่ากบั 1000 KHz +455 KHz = 1455 KHz พอดี เม่ือสัญญาณท้งั RF และจาก Local Oscillator ป้ อนเขา้ มาท่ีวงจร Mixer ซ่ึงเป็นวงจรที่ ทางานแบบ นอนลิเนียร์ สญั ญาณที่ออกมาจะม่ีท้งั สัญญาณผลบวกและผลตา่ ง เมื่อป้ อนใหก้ บั วงจร IF ซ่ึง จนู รับความถ่ี 455 KHz ดงั น้นั สัญญาณผลรวมจะถูกตดั ทิ้งไป คงไวแ้ ตส่ ัญญาณของความถี่ผลต่าง (1455 KHZ - 1000 KHz = 455 KHz)วงจรขยาย IF กค็ ือวงจรขยาย RF ที่จนู ความ ถ่ีเอาไวเ้ ฉพาะ ที่ความถ่ี 455 KHz วงจรขยาย IF อาจจะมีดว้ ยกนั หลายภาค เพื่อใหม้ ีอตั ราการขยาย สญั ญาณที่รับไดส้ ูง ๆ และ การเลือกรับสัญญาณที่ดี เน่ือจาหวงจรน้ีขยายความถ่ีคงท่ีจึงทาใหง้ ่ายตอ่ การ ออกแบบ สญั ญาณท่ีขยายแลว้ จะเขา้ สู่กระบวนการ Detector เพอ่ื แยกสัญญาณเสียงออกมา 1.สายอากาศ (Antenna) จะทาหนา้ ที่รับสัญญาณคล่ืนวทิ ยทุ ่ีส่งจากสถานีตา่ งๆ เขา้ มาท้งั หมดโดยไม่ จากดั วา่ เป็นสถานีใด ถา้ สถานีน้นั ๆ ส่งสัญญาณมาถึง สายอากาศจะส่งสัญญาณต่างๆไปยงั ภาค RFโดย ส่วนใหญ่สายอากาศของเคร่ืองรับวทิ ยุ FM จะเป็นแบบไดโพล (Di-Pole) ซ่ึงเป็นสายอากาศแบบ สองข้วั จะช่วยทาใหก้ ารรับสญั ญาณดียง่ิ ข้ึน 2.ภาคขยาย RF (Radio Frequency Amplifier) จะทางานเหมือนกบั เครื่องรับ วทิ ยุ AM คือจะทาหนา้ ที่รับสัญญาณวทิ ยใุ นยา่ น FM 88 MHz – 108 MHz เขา้ มาและเลือก รับสัญญาณ FM เพยี งสถานีเดียวโดยวงจรจูนด์ RF และขยายสัญญาณ RF น้นั ใหแ้ รงข้ึน เพือ่ ใหม้ ี กาลงั สูง เหมาะที่จะส่งไปบีท (Beat) หรือผสมในภาคมิกเซอร์ (Mixer) โดยขอ้ แตกตา่ งสาคญั ของ

ภาคขยาย RF ของเคร่ืงรับ AM และ FM คือ วทิ ยุFM ใชค้ วามถ่ีสูงกวา่ AM ดงั น้นั การเลือก อุปกรณ์มาใชใ้ นวงจรขยายจะตอ้ งหาอุปกรณ์ที่ใหก้ ารตอบสนองความถ่ีในยา่ น FM ได้ และตอ้ งขยายช่อง ความถี่ที่กวา้ งของ FM ได้ 3.ภาคมิคเซอร์ (Mixer) จะทางานโดยจะรับสัญญาณเขา้ มาสองสัญญาณ ไดแ้ ก่สญั ญาณ RF จาก ภาคขยาย RF และสญั ญาณ OSC. จากภาคโลคอลออสซิลเลเตอร์ เพื่อผสมสญั ญาณ (MIX.) ใหไ้ ด้ สญั ญาณออกเอาทพ์ ุตตามตอ้ งการ สัญญาณที่ออกจากภาคมิกเซอร์มีท้งั หมด 4 ความถี่ คือ a) ความถี่ RF ที่รับเขา้ มาจากวงจรจูน RF (RF) b) ความถี่ OSC. ที่ส่งมาจากภาคโลคอล ออสซิลเลเตอร์ (OSC.) c) ความถ่ีผลต่างระหวา่ ง OSC. กบั RF. จะไดเ้ ป็นคล่ืนขนาดกลางหรือที่เรียกวา่ IF (Intermediate Frequency) ไดค้ วามถ่ี 10.7 MHz d) ความถ่ีผลบวกระหวา่ ง OSC. กบั RF


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook