เรื่องราวการแข่งขันทาทานระหว่าง ชาวเมอื ง กับ พระราชา จนเปน็ ท่มี าของ... ทานทไ่ี ม่มใี ครทาไดเ้ หมือน ชดุ นิทานอ่านสบาย ลำดับที่ 2 หนงั สือ และบทความธรรมะ แจกฟรี ในรูปแบบ E-book
อสทิสทาน ทานที่ไม่มใี ครทาได้เหมือน ในสมยั พุทธกาล ครงั้ เมอ่ื องคส์ มเดจ็ พระสมั มาสัมพทุ ธ เจ้าเสดจ็ ประทับอยูท่ ี่ เชตวนั มหาวหิ าร1 ณ เมอื งสาวัตถี2 พรอ้ ม ด้วยพระภกิ ษสุ งฆ์จานวน 500 รูป พระเจา้ ปเสนทโิ กศล ซงึ่ เป็นเจา้ ผู้ครองนครสาวัตถี ได้ทลู อาราธนาพระศาสดาพร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ทงั้ 500 รปู เพื่อรบั บิณฑบาต ณ พระราชวังในวันรงุ่ ข้นึ เม่ือพระพทุ ธเจา้ ทรงรบั นิมนต์แล้ว พระเจ้าปเสนทิโกศลก็ทาการป่าวประกาศ เชิญชวน บรรดาชาวเมอื งท้งั หลาย ให้มาดทู านที่พระองค์จะกระทาในวัน พร่งุ น้ี 1 เชตวันมหาวิหาร เป็นวัดซง่ึ สร้างโดยท่าน อนาถบิณฑิกเศรษฐี มหา เศรษฐแี ห่งเมอื งสาวตั ถี ตง้ั อยู่นอกเมอื งสาวัตถี พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทบั จาพรรษาทว่ี ัดแห่งนีร้ วม 19 พรรษา ซง่ึ นบั ว่านานที่สุด 2 เมอื งสาวตั ถีในสมัยพระพุทธกาล เป็นเมอื งหลวงของแคว้นโกศล เจา้ ผู้ครองนครคือ พระเจ้าปเสนทิโกศล พระพุทธเจ้าไดเ้ สด็จมาประทับท่เี มืองน้ี ทัง้ หมด 25 พรรษา โดยอยู่ที่เชตวันมหาวิหาร 19 พรรษา และอยู่ที่ บุพพาราม 6 พรรษา ทีม่ า : เวบ็ go to know
รงุ่ ขึ้น พระเจา้ ปเสนทิโกศลกไ็ ดท้ รงจัดการตกั บาตร ถวายทานแด่องคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจ้า และพระสงฆ์ สาวกอย่างยิ่งใหญ่ บรรดาชาวเมืองทง้ั หลายทไ่ี ด้มาชมการ บาเพญ็ ทานของพระองค์ในคร้ังน้ี ต่างก็พากันชน่ื ชมยินดไี ปกับ อานิสงสผ์ ลบุญท่ีพระองคไ์ ด้ทรงกระทา และอยากที่จะถวาย ทานอย่างย่ิงใหญ่เหมือนพระราชาบ้าง จงึ ไดจ้ ัดประชุมวางแผน งานกนั ขน้ึ เมอ่ื ไดข้ อ้ สรุปแลว้ กเ็ ดินทางไปอาราธนาองคส์ มเด็จพระ สัมมาพุทธเจ้า พร้อมทง้ั พระภิกษุสงฆ์เพ่ือรบั บิณฑบาตใน วนั รงุ่ ขึ้น จากน้นั กเ็ ขา้ ไปทูลเชญิ พระเจ้าปเสนทิโกศลเพื่อใหม้ า ทอดพระเนตรการทาบญุ ของเหลา่ ชาวเมืองบ้าง เมือ่ พระราชาเสด็จมาถึงบรเิ วณทท่ี าการจดั งานใน วันรุง่ ขึน้ กไ็ ดท้ อดพระเนตรบรรดาชาวเมอื งซงึ่ รว่ มใจกนั ออกมา ตักบาตรถวายทานกันเปน็ จานวนมากมายเหลอื จะนับ ทุกคน ล้วนแต่มีใบหน้ายม้ิ แย้มเบิกบานแตง่ กายสดสวย ตา่ งคนต่างก็ สรรหาอาหารที่บรรจงทาข้ึนอยา่ งประณีตสวยงามหลากหลาย ชนิดส่งกล่นิ หอมหวน ดูแลว้ ชา่ งนา่ เจริญตาเจริญใจเปน็ อย่างย่งิ
พระเจ้าปเสนทิโกศลรู้สกึ ปลาบปลื้มปตี ิเปน็ อย่างมาก และทรงดาริว่า ทานทพ่ี วกชาวบา้ นกระทากันในวนั น้ี ช่างยงิ่ ใหญ่กว่า ทานที่เราทาไปเมอ่ื วานน้เี สยี อีก ไม่ได้การ เราจะต้องทาทานให้ ยงิ่ ใหญ่กวา่ บรรดาชาวเมืองใหจ้ งได้ คดิ ได้ดังน้ัน พระราชาก็ทลู อาราธนาองค์สมเด็จพระ สัมมาสัมพุทธเจา้ พร้อมด้วยพระภิกษสุ งฆเ์ พือ่ รับนมิ นต์ของ พระองคใ์ นเช้าวันถัดมา พร้อมปา่ วประกาศกับชาวเมืองอีกวา่ ให้มาดทู านที่พระองคจ์ ะทาบ้างในวันพรุง่ น้ี พระเจ้าปเสนทโิ กศลกจ็ ัดถวายทานครงั้ นี้อยา่ งยง่ิ ใหญ่ กว่าคร้งั แรก ทงั้ ยงั ทาใหย้ งิ่ ใหญม่ ากกว่างานทีป่ ระชาชนพร้อมกัน จัดเม่ือวานน้เี สยี อีก บรรดาชาวเมอื งก็มาโมทนากนั ถ้วนหน้า พร้อมดว้ ย ความคิดทีจ่ ะทาการถวายทานท่ยี ิ่งใหญ่กว่าของพระราชาให้จง ได้
ทั้งสองฝา่ ยแขง่ กันอยอู่ ย่างนี้ ตา่ งกไ็ มม่ ใี ครยอมใคร จนกระทั่งถึงคร้งั ที่ 6 บรรดาชาวเมอื งได้รว่ มแรงร่วมใจกันสดุ ชีวิต จัดงานขึน้ อย่างยงิ่ ใหญม่ โหฬาร จนแทบจะกล่าวไดว้ า่ ขา้ วของทั้งหลายใน แผ่นดนิ ถูกนามาจัดรวมไว้อยใู่ นทานคร้งั น้ี และไม่มผี ใู้ ดกล้าทจ่ี ะ กล่าววา่ ทานครงั้ น้ียังมขี าดตกบกพร่องในสงิ่ ใดอีก พอเหน็ อย่างนั้นแล้วพระเจ้าปเสนทิโกศลก็ถึงกบั กลมุ้ พระทัย เพราะสู้ชาวเมืองไม่ได้ ไมร่ ู้จะหาทางไหนทาทานให้ ดีกว่านไี้ ด้แล้ว จึงบรรทมเป็นทุกข์อยู่ พลางทรงดารวิ ่า ทาอย่างไรหนอจึงจะถวายทานใหช้ นะชาวเมืองได้.... เราเป็นถึงพระราชา ถ้าเอาชนะทานของชาวเมอื งไมไ่ ด้กข็ อตาย ซะดกี วา่
ครานั้น พระนางมัลลกิ า อัครมเหสี3 ของพระเจ้าป เสนทโิ กศลเสด็จเขา้ ไปเฝ้า ทรงทอดพระเนตรพระสวามีกาลงั บรรทมเป็นทุกข์อย่จู งึ ตรัสถามถงึ สาเหตุ พระนางทราบถึงความโทมนัสของพระสวามีแลว้ จงึ ทลู ขออาสาเป็นผจู้ ัดงานถวายทานในครงั้ น้ีเอง และจะทรงจัดงาน ถวายทานท่ีทาใหพ้ ระราชาทรงมชี ัยเหนือบรรดาชาวเมอื งใหไ้ ด้ โดยพระนางมลั ลกิ าขอใหพ้ ระราชารบั สั่งให้คนจดั การ ดังตอ่ ไปน้ี คือ ให้ทามณฑป4 สาหรบั ภิกษุ 500 รปู ภายในวง เวียนมณฑปนัน้ ทาดว้ ยไม้สาละและไม้ขานาง ส่วนพระภิกษทุ ่ี เกนิ จานวน 500 รปู ให้นั่งนอกวงเวียน 3 เมืองพาราณสี พระราชาทกุ พระองค์มีนามว่า ปเสนทิโกศล เหมือนกัน หมด และพระราชนิ ีกม็ พี ระนามวา่ มัลลกิ าเหมือนกันหมด ฉะนน้ั ถา้ หากวา่ ไปอ่าน พบหรือฟังพบว่า เมืองพาราณสี มี พระเจ้าปเสนทโิ กศล หรอื วา่ พระนางมัลลิกา ท่ี ประพฤตติ ัวไม่ดี ให้ทราบวา่ เปน็ องค์ไหนกันแน่ ไมใ่ ชอ่ งคน์ ้ี พระนามทา่ นจริงๆ ที่ ยงั ไม่ได้เป็นพระราชินีคอื ศรีระจิตร : ทีม่ า พระสูตรก่อนนิทรา 1 หลวงพอ่ ฤาษีลงิ ดา วัดทา่ ซุง 4 มณฑป แปลวา่ เรือนยอดขนาดใหญม่ รี ูปสเี่ หลย่ี งจตั ตรุ ัส หรือเปน็ ยอด ตดั มมุ ทีม่ า : พจนานกุ รมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
ขอให้ทาเศวตฉัตร5 500 คนั จดั หาชา้ ง 500 เชอื ก สาหรบั ถือเศวตฉัตรกั้นอยู่ทางด้านหลังของภิกษุ 500 รปู เหล่าน้ัน ขอใหส้ รา้ งเรือทองคาสัก 8 ลา หรอื 10 ลาไวก้ ลาง มณฑป และระหวา่ งภิกษุทุกๆ 2 รปู จะมเี จา้ หญงิ ประจาอยู่ 2 องค์ องคห์ นึง่ จะทาหน้าที่บดของหอม และอกี องค์หน่ึงจะทา หน้าทโ่ี บกพัดถวาย เทา่ กับว่าแคท่ ี่ตรงนจ้ี ะมีเจ้าหญงิ ทัง้ หมดถงึ 500 องค์แลว้ ส่วนเจ้าหญงิ องค์อนื่ ๆ ทเ่ี หลือนน้ั บางพวกจะนาของ หอมท่บี ดแลว้ ไปใส่ในเรือทองคาเพ่อื ให้ไออบของหอมสง่ กลน่ิ ฟุ้ง กระจาย และบางพวกจะถือกาดอกบวั เขยี วไปเคล้าของหอมท่ใี ส่ ไวใ้ นเรือทองคา แล้วนาไปถวายพระภิกษุ ให้ภิกษรุ บั เอากลิ่นหอม ตรงน้แี หละทชี่ าวเมอื งจะแพ้ เพราะชาวบา้ นธรรมดาไม่ มเี จา้ หญงิ ไม่มีเศวตฉัตร ช้างจานวนมากขนาดน้ันก็ไม่มี ของ เหล่านม้ี แี ตพ่ ระราชาเทา่ นน้ั ทีจ่ ะมไี ด้ 5 เศวตฉัตร หมายถงึ ฉัตรขาว ใชเ้ ปน็ เครื่องหมายแหง่ ความเปน็ พระเจา้ แผน่ ดินเป็นตน้ ที่มา : พจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน
พระเจา้ ปเสนทิโกศลไดฟ้ งั แล้วกพ็ ึงพอใจเป็นอยา่ งมาก รับส่งั ให้ราชบุรษุ ทาตามที่พระนางมลั ลกิ าทรงแนะนาทันที แต่ปัญหามาติดอยู่ทเี่ รื่องช้าง คือ ช้างไม่พอ ความจรงิ แล้วพระราชามชี า้ งเปน็ พัน แต่ช้างท่ีเชอ่ื ง พอท่ีจะนามาถือเศวตฉัตรได้มเี พียง 499 เชือกเท่านั้น ขาดไป เชือกหนึ่ง นอกจาก 499 เชือกน้แี ล้วทีเ่ หลือเป็นช้างดุร้ายทั้งส้ิน ถ้า นามาใช้ล่ะก็คงจะเขา้ ไปทาร้ายพระภิกษุเป็นแน่ พระนางมลั ลกิ าก็ทลู ว่า ให้นาลกู ชา้ งในหมทู่ ่ีดรุ า้ ยนี่ แหละเชอื กหน่ึงนามาเพิ่มใหค้ รบ ใหม้ ายนื ถอื ฉัตร พระเจ้าปเสนทิโกศลก็ถามว่า แล้วจะใหเ้ อามายนื ไว้ ตรงไหน ในเมอื่ มันเป็นช้างดุรา้ ย
พระนางกท็ ูลว่า ขอให้เอาลูกชา้ งเชือกท่ีดรุ ้ายน้ันไปถือ เศวตฉัตรกั้นให้ทา่ นองคุลมิ าล6 เถิด พระราชาก็รับส่งั ใหร้ าชบุรุษทาเชน่ นนั้ เม่ือลกู ช้างท่ีดุรา้ ยเขา้ ใกล้พระองคุลิมาล มนั กลบั สอด หางเข้าไปในระหว่างขาของมัน ปรบหูท้ังสอง ยนื หลับตานิ่ง ถือเศวตฉัตรกั้นใหท้ ่านองคลุ ิมาลโดยไมแ่ สดงอาการดุร้ายแต่ อย่างใดเลย เมอ่ื มหาชนเห็นดังน้นั ต่างก็ชมวา่ พระคณุ เจา้ องคลุ ิมาล มอี านภุ าพถงึ ปานนี้ สามารถปราบพยศของช้างดไุ ด้ 6 ท่านองคลุ ิมาล เป็นบุคคลสาคญั ในยุคตน้ แหง่ พทุ ธศาสนา เน่ืองจาก สมยั เดมิ ท่านโดนผู้เปน็ อาจารยห์ ลอกวา่ ถ้าจะสาเร็จวิชาต้องฆ่าคนให้ได้หนึ่งพนั คน เสียก่อน ทา่ นองคุลิมาลจึงออกเดินทางฆ่าคน แล้วตดั นว้ิ หวั แมม่ อื มาคล้องท่ีคอ เพ่ือให้จาไดว้ ่าฆ่าไปก่คี นแลว้ จนครบ 999 คน กม็ าพบพระพทุ ธเจา้ และไดเ้ ล่อื มใส ในพระพทุ ธศาสนา ออกบวชเป็นพทุ ธสาวก ที่มา: วิกพิ เี ดยี
พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงถวายทานแดพ่ ระภกิ ษุสงฆ์ ซง่ึ มี พระพทุ ธเจา้ ทรงเป็นประมขุ ดว้ ยอาหารอันประณีต แลว้ ทูลว่า \"ส่ิงทง้ั ปวงในโรงทานนี้ ท้งั ท่ีเปน็ กัปปิยภณั ฑ์ (ส่ิงที่ สมควรแกส่ มณะ) และอกัปปยิ ะภณั ฑ์ (สิ่งทีไ่ มส่ มควรแกส่ มณะ) หมอ่ มฉันขอถวายพระองคท์ ั้งสนิ้ \" บรรดาชาวเมอื งทง้ั หลายที่พากันมารว่ มงาน เมื่อได้เห็น การจัดงานบาเพ็ญทานอนั แปลกประหลาดพสิ ดาร และยิ่งใหญ่ วิจิตรอลังการขนาดน้ีของพระราชาแล้ว ตา่ งก็พากนั ตกตะลงึ พรึงเพรดิ ตืน่ ตาต่ืนใจ และยินยอม พรอ้ มใจกนั รบั ความพ่ายแพ้แตโ่ ดยดี เพราะไมว่ ่าอยา่ งไร พวกตนก็คงไมส่ ามารถหาทางทา ทานท่ียิ่งใหญ่ไปมากกว่านไ้ี ด้แนๆ่
การทาอสทสิ ทานในคร้ังน้ี พระเจา้ ปเสนทิโกศลทรง สละทรพั ย์ถึง 14 โกฏิ7 หมดไปภายในวันเดยี ว สาหรบั ของ 4 อยา่ งคือ เศวตฉตั ร 1 บลั ลงั กส์ าหรับนง่ั 1 เชงิ บาตร 1 ต่ังสาหรับเช็ดเท้า 1 ทพ่ี ระเจ้าปเสนทโิ กศลถวายแด่ พระพุทธเจา้ นน้ั นบั เป็นของสูงคา่ จนไมอ่ าจประเมินได้ โดยทานดงั ท่กี ล่าวมาน้ี จะไม่มใี ครสามารถทาไดอ้ กี อสทิสทานน้ีจะมีแก่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เพียงองคล์ ะครง้ั เท่านัน้ สตรจี ะเป็นผูจ้ ัดแจงทานนี้ เพื่อ พระศาสดา และภิกษุสงฆ์ เพราะฉะนน้ั ทา่ นจงึ เรียกทานอย่างนี้วา่ อสทสิ ทาน คือ ทานท่ไี มม่ ใี ครทาได้เหมือน 7 โกฏิ ชอื่ มาตรานับ เท่ากับ ๑๐ ล้าน : พจนานุกรมฉบับ ราชบณั ฑิตยสถาน
เมื่อพระเจา้ ปเสนทิโกศลทรงบาเพญ็ อสทสิ ทานอยู่น้ี มอี ามาตยค์ นหนงึ่ ชอ่ื กาฬ รู้สึกเสียดายพระราชทรัพยเ์ หลือแสน อามาตย์คนนี้คิดว่า การทพ่ี ระราชาให้ทานหนกั อยา่ งนี้ เปน็ ความเส่ือม ทรัพย์ 14 โกฏิ หมดสน้ิ ไปในวนั เดียวเทา่ นน้ั ผลาญทรพั ยส์ นิ ของราษฎรของประชาชน ทรัพย์สินต่างๆ มนั อาจจะเปน็ ภาษีอากรของประชาชนกไ็ ด้ ผลาญเสียหมด บรรดาพระเหล่านก้ี ินแล้วก็จะกลับไปนอนหลบั ไม่ไดเ้ คย กอ่ ประโยชน์อะไรให้ประเทศชาติ ไมน่ ่าจะเลีย้ ง ราชตระกูลฉบิ หายเสียแลว้ … สว่ นอามาตย์อีกคนหน่ึงช่ือ ชุณหะ กลับคิดวา่ ทานของพระราชานี้ช่างยง่ิ ใหญ่ นา่ เล่ือมใสจริง ทาน อย่างนี้ผู้ทไี่ ม่เปน็ ราชาไม่อาจทาได้ พระราชายอ่ มต้องทรงแบ่ง สว่ นบญุ ใหแ้ กส่ ตั ว์ทง้ั หลาย เราขออนโุ มทนาบุญนั้น…
เมอ่ื องคส์ มเด็จพระสัมมาสัมพทุ ธเจา้ เสวยเสร็จ พระราชากท็ รงกราบ เพอื่ ให้พระพทุ ธองค์ทรงโมทนา การโมทนาของพระพทุ ธเจา้ นน้ั ไมใ่ ช่การวา่ ยถา สัพพี แต่ท่านจะใช้การเทศน์ องคส์ มเด็จพระสัมมาสมั พทุ ธเจ้าก็ทรงดาริวา่ ทานของพระราชาครงั้ น้เี ป็นประดุจห้วงน้าใหญ่ มหาชน มจี ติ เลอื่ มใสหรือไม่หนอ ทรงทราบวาระจิต คือ ความคิดของอามาตย์ท้ังสอง แลว้ ทรงทราบว่า ถ้าจะทรงทาการโมทนาใหส้ มควรแกท่ านของ พระราชาในครง้ั น้ี ศีรษะของกาฬอามาตยจ์ ะต้องแตกเปน็ 7 เสี่ยงเพราะ กาลังบญุ ใหญ่ของ พระเจ้าปเสนทิโกศล และ พระนางมัลลกิ าเทวี สว่ นชุณหอามาตย์จักต้งั อย่ใู นโสดาปัตตผิ ล
พระพุทธเจ้าทรงอนเุ คราะห์กาฬอามาตย์ เห็นวา่ ไมค่ วร ตอ้ งตายเสยี ในเวลาน้ี จงึ ตรัสพระคาถาเพยี ง 4 บาท8 เท่าน้นั โมทนาทานของพระราชาแล้วจึงลุกจากอาสนะเสด็จ ไปสเู่ ชตวนั มหาวิหาร ส่วนพระราชาปเสนทโิ กศลก็ทรงน้อยพระทัยวา่ เราไดถ้ วายทานอันมโหฬารปานน้นั แตพ่ ระศาสดาทรง โมทนาเพยี ง 4 บาท พระคาถาเทา่ นั้น น่าจะมีอะไรทไ่ี ม่สมควร ในทานอยูบ่ ้าง พระศาสดาคงจะทรงขุน่ เคืองพระทยั เป็นแน่แท้ 8 บาท เป็นฉันทลกั ษณใ์ นงานรอ้ ยกรอง หมายถึง ส่วนหนึง่ ของบท ร้อยกรอง มขี นาดลดหลั่นกัน ดังน้ี คือ บท --> บาท --> วรรค --> คา เฉพาะในคาประพันธป์ ระเภทกลอน มักเรยี กว่า คากลอน แทนคาว่า บาท คาประพนั ธส์ ่วนใหญ่ กาหนด 1 บท เป็น 2 บาท และ 1 บาท เปน็ 2 วรรค แตย่ งั มคี าประพนั ธ์อกี ไม่นอ้ ย ทกี่ าหนดบาทแตกต่างไปจากนี้ โดยแต่ละ บาทจะมีชอ่ื เรียกกากบั วา่ บาทเอก บาทโท บาทตรี บาทจัตวา บางครง้ั อาจใช้ จานวนนับแทน เช่น บาทที่หน่ึง บาททีส่ อง เปน็ ต้น ที่มา : วกิ ิพีเดีย
จึงรีบเสด็จไปสูเ่ ชตวันมหาวิหาร ทลู ถามองคส์ มเด็จพระสมั มาสมั พทุ ธเจ้าในเร่อื งนนั้ พระพทุ ธเจ้าตรัสว่า พระราชาไดท้ รงกระทาชอบทกุ อย่าง ทานนัน้ ได้นามว่า \"อสทิสทาน\" ซงึ่ จะไมม่ ีใครสามารถทาไดอ้ กี และทานน้ีจะมีแก่ พระพุทธเจ้าทกุ พระองค์ เพยี งองคล์ ะครงั้ เท่านน้ั แต่ทที่ รงโมทนาน้อย ก็เพราะหวงั อนเุ คราะหก์ าฬ อามาตย์ แล้วทา่ นจึงตรัสเล่าความคิดของอามาตย์ทัง้ สองให้ พระราชาทรงทราบ เม่อื พระพทุ ธเจ้าตรสั แบบน้ัน พระราชาจึงไดเ้ รยี ก กาฬอามาตย์ เขา้ มาถามว่า ขณะท่ีเราทาทานเธอคิดอยา่ งนใ้ี ช่ไหม
กาฬอามาตย์ก็กราบทลู วา่ จรงิ แลว้ พระเจ้าขา้ พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงกร้ิวเปน็ อย่างมาก จงึ ได้ตรัส วา่ ทรัพยส์ ินท่ีเราใช้ทาทานนี้ เป็นทรพั ยส์ ินส่วนตัว ไม่ไดเ้ อา เงินภาษีอากรมาใช้ เป็นทรัพย์ท่บี ิดามารดาให้ เป็นทรัพย์ที่เราทา ได้กอ่ นเปน็ พระราชา มนั ไม่ได้เบียดเบียนอะไรกับเธอเลย และกส็ ่งิ ใดท่ีเราให้แก่เธอแล้ว สงิ่ น้ันก็เปน็ อันว่าเราให้ เลยไม่ต้องการเอาคืนมา แต่ว่าต้งั แต่บัดน้เี ป็นต้นไป เม่อื กาลังใจ ของเราไมเ่ สมอกัน เราชอบใหท้ าน เธอชอบดา่ ทาน เธอก็จงออกไปจากแว่นแคว้นของเรา ทรัพย์สมบัตทิ ี่เรา เคยใหไ้ วเ้ อาไปให้หมด เราไม่รบิ แตเ่ ธออยทู่ ่นี ่ไี มไ่ ด้ กาฬอามาตย์จงึ ถกู เนรเทศไปในบดั นนั้
จากน้นั พระราชาก็รับสงั่ เรยี ก ชณุ หอามาตย์ มาเขา้ เฝา้ ตรสั ถามว่า เวลาท่ีเราใหท้ าน เธอคิดอย่างน้ใี ช่ไหม ชณุ หอามาตย์ เขากบ็ อกว่า ใช่แล้วพระเจ้าข้า เมื่อชณุ หอามาตยท์ ลู รับว่า จรงิ พระเจา้ ปเสนทิโกศล ทรงชอบใจ และนกึ เลอื่ มใสในจิตใจของชณุ หอามาตยเ์ ป็นอย่าง มาก จึงทรงมอบราชสมบัติใหเ้ ขาครองเป็นเวลา 7 วนั อานาจแห่งความเปน็ พระราชา และอานาจการจับจา่ ย ใช่สอยทรัพยส์ นิ ของพระราชาเปน็ ของชุณหอามาตยเ์ ต็มขนั้ และยงั ใหช้ ุณหอามาตย์ถวายทานได้ตามประสงค์ โดย ทานองเดียวกับท่ีพระเจ้าปเสนทโิ กศลเคยทรงถวายมาแล้ว
พระเจา้ ปเสนทิโกศลเสดจ็ ไปเฝ้าองค์สมเด็จพระ สมั มาสมั พทุ ธเจ้าอกี แล้วทูลวา่ ขา้ แตพ่ ระองค์ผู้เจรญิ ขอพระองค์ทรงทอดพระเนตรการ กระทาของคนพาลเถิด เขาเหยยี ดหยามทานท่ขี า้ พระองค์ถวาย แล้วถงึ ขนาดนี้ (ทรงหมายถึงกาฬอามาตย์) องคส์ มเดจ็ พระสัมมาสัมพทุ ธเจ้าตรสั คาถาเป็นพุทธ ภาษติ ว่า “ขึ้นช่อื ว่าคนพาล ไมเ่ คยยนิ ดีในทาน หรือความดีของ ผอู้ ืน่ เป็นผมู้ ที คุ ติเป็นทีไ่ ปในเบ้ืองหน้า ส่วนนักปราชญอ์ นุโมทนาทานอยู่แมเ้ ป็นของผู้อื่น จึงเป็น ผมู้ สี วรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า9” 9 ในขอ้ มูลอ่นื กลา่ วถงึ พุทธภาษิตนี้ว่า “พวกคนตระหน่ีจะไปสูเ่ ทวโลก ไม่ไดเ้ ลย พวกคนพาลย่อมไม่สรรเสรญิ ทาน คอื ความดีของบคุ คลอนื่ สว่ นนักปราชญอ์ นุโมทนา คอื ยนิ ดีในทานทีบ่ คุ คลอน่ื ให้ เพราะฉะนั้น นั่นเองนักปราชญน์ ั้นจงึ เป็นผมู้ สี ุขในโลกหน้า” ก็มคี วามหมายในทางเดยี วกัน จากผจู้ ัดทา
เมอ่ื พระพุทธเจ้าทรงเทศนจ์ บ ชณุ หอามาตย์กไ็ ด้ตงั้ อยู่ในพระโสดาปัตตผิ ลทนั ใด สาธ.ุ ..
คาชแี้ จงจากผจู้ ดั ทา เน่อื งจากคร้ังทแ่ี ล้วไดท้ าเรื่อง พระโลสกตสิ สเถระ พระอรหันตผ์ ไู้ ม่มบี ุญในเรื่องลาภ แล้วมกี ารเอ่ยถงึ อสทิ สทานด้วย ก็เลยคิดวา่ อยากทาเรื่อง อสทสิ ทาน เผื่อวา่ จะมี ผสู้ นใจอ่านบ้างว่าคืออะไร ผจู้ ดั ทาเองก็แค่ว่า อสทสิ ทาน เป็นทานท่ยี ่งิ ใหญ่ท่สี ดุ เทา่ น้นั เองคะ่ ดังนั้นการได้จัดทาเรื่องน้ี ไม่สิ การไดจ้ ัดทาเรือ่ ง แตล่ ะเรือ่ งกเ็ หมือนกับเปน็ การเพม่ิ เตมิ ความรู้ในสมองอันนุ่มนมิ่ ของขา้ พเจา้ ไปด้วย ช่วงนสี้ ายตาไมค่ ่อยดีท้งั ที่ยังไมแ่ ก่ ต่ืนมาได้พักก็ไมไ่ หว แลว้ เลยตอ้ งเร่งทาเขา้ ตง้ั ใจว่าจะหาอ่านไว้เยอะๆ เผือ่ ว่าตาเกิด ใชก้ ารไม่ได้ ยงั มปี ากไวเ้ ล่าเรื่องราวให้คนอน่ื ฟังตามทีไ่ ด้รู้มากย็ ัง ดี แหะๆ ตอนทาเรือ่ งนี้สนกุ ดีค่ะ ลนุ้ จนเหง่ือออกมอื และรสู้ ึกท่ึง ในความสามารถดา้ นสติปัญญาของพระนางมัลลิกาจรงิ ๆ ทงั้ ยัง ดีใจท่ีผูท้ ีจ่ ัดอสทสิ ทานเป็นผู้หญิงอีกด้วย อย่างท่ไี ด้บอกใหท้ ราบไปแล้ววา่ ขา้ พเจา้ ก็ไม่ได้มีความรู้ ในเร่อื งน้ีก่อน ดงั นั้นสง่ิ ทขี่ ้าพเจ้าทาก็เพยี งแคร่ วบรวมบทความ
เกยี่ วกับอสทิสทานจากแหล่งตา่ งๆ มาจัดทาในรูปแบบ E-book เทา่ นน้ั นะคะ แต่หากมีข้อผิดพลาด ไมเ่ หมาะสมประการใด ข้าพเจ้า ขอรับผิดในความไมม่ ีความรู้ความสามารถพอ แต่เพียงผ้เู ดียวคะ่ ข้าพเจ้าได้นาบทความหลกั มาจากเวบ็ ตา่ งๆ ดงั นี้ ค่ะ “อสทิสทาน” (ทานที่ไม่มใี ครทาได้เหมอื น) : ศาลาธรรม variety.teenee.com/saladharm/48678.html อสทสิ ทาน เขียนโดย สืบธรรมไทย : Dhammathai.org มงคลท่ี ๑๕ บาเพ็ญทาน – อสทสิ ทาน : www.dmc.tv วารสารอย่ใู นบญุ - มหาอุบาสิกา ยอดหญงิ อาชาไนย www.kalyanamitra.org พระสตู รก่อนนิทรา-พระนางมลั ลิกา-พระนางมลั ลิกา ถวายอทิสทาน https://sites.google.com/site/ sphrathewtheph/-23 11 ธันวาคม 2555 วสิ าขปุนมีวัน ชินปัญจญาณรกั ษ์ [email protected] โทร 087-553-8977
หนงั สอื และบทความธรรมะในรปู แบบ E-book แจกฟรี ทท่ี าไวแ้ ลว้ ทงั้ หมดคะ่ ขอเชญิ โหลดไปอา่ นไดต้ ามชอบใจ เลยนะคะท่ี http://www.ebooks.in.th/dhamma_courtyard ชุด ธรรมะ ไม่ ธรรมดา ลาดบั ที่ 1 เหตุสมควรโกรธ... ไม่มีในโลก โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ชดุ นิทานอา่ นสบาย ลาดบั ท่ี 1 พระโลสกติสสเถระ พระอรหนั ตผ์ ้ไู มม่ ีบุญในเรอ่ื งลาภ ลาดบั ที่ 2 อสทสิ ทาน ทานทไี่ ม่มีใครทาได้เหมือน
ขอเชิญผู้มจี ติ ศรทั ธาร่วมสรา้ ง ศาลาเพ่ือประดิษฐาน พระพทุ ธเจา้ ท้ัง 5 พระองค์ และ ฐานรองพระปางเปิดโลก ที่ สานกั สงฆ์วัดป่าเทพนริ มติ ต. โป่งนก อ.เทพสถติ ย์ จ.ชัยภมู ิ คะ่ ภาพท1ี่ : พระพุทธเจา้ ท้งั 5 พระองคค์ ะ่
เนอื่ งจากคณุ แม่ของดิฉนั (ผู้จัดทา) เห็นว่าศาลาที่ ประดิษฐานพระพุทธเจา้ ท้งั 5 พระองค์ และ พระปางเปดิ โลก หลังเก่านัน้ ชารุดทรุดโทรมมาก และดูไม่คอ่ ยเหมาะสม (เนือ่ งจากพระปางเปิดโลกเป็นองค์ยืน เศียรของทา่ นจงึ เกอื บชนกบั เพดานและขื่อ และตวั โครงสรา้ งรวมถงึ เพดานของ ศาลาหลังเก่าก็ผพุ ังมากแล้ว เวลาฝนตกมนี ้าหยด และเวลาซ่อม กต็ ้องให้ช่างปนี ข้ามเศียรของพระ ซง่ึ ก็ไม่มีชาวบา้ นคนใดอยาก ทาเลยต้องทง้ิ ไวอ้ ย่างน้ัน จึงได้ทาการสร้างศาลาหลงั ใหม่ถวาย และ สร้างฐานรอง พระปางเปิดโลกไวก้ ลางแจ้งตา่ งหาก เนื่องจากถา้ นาทา่ นไว้ รวมกนั พระกรของพระปางเปิดโลกนน้ั จะอยู่ในลกั ษณะกดพระ เศียรของพระพุทธเจา้ ทัง้ 5 พระองค์ ซ่ึงคุณแมเ่ ห็นวา่ ไมเ่ หมาะสม คุณแมข่ องดิฉันเป็นผอู้ อกเงินทงั้ หมดด้วยตนเอง ซงึ่ ชา่ ง ตีราคาไว้ราวๆ 4 แสน (คา่ แรงชา่ ง 1แสน2หม่ืนบาท สว่ นอุปกรณ์ การก่อสรา้ งคณุ แมห่ าซ้อื มาเองคะ่ ) ศาลาคาดว่าน่าจะเสรจ็ ราวปลายเดือนมกราคม 2556 เรมิ่ สรา้ งมาต้ังแต่หลงั ออกพรรษาคะ่
แต่ตอนนี้คณุ แม่เรมิ่ กังวลว่าเงินท่ีทา่ นเตรียมไวค้ งไม่พอ เสียแลว้ (เงินสว่ นนเี้ ปน็ เงนิ ก้อนสุดทา้ ยของคณุ แม่คะ่ ตอนแรกวา่ จะเอาไว้ใชด้ ารงชีวิตท่ีตา่ งจังหวัด แต่พอคณุ แมเ่ หน็ ศาลาก็เลย ตดั สนิ ใจขอทุ่มเงนิ จานวนสุดท้ายนี้สรา้ งศาลาค่ะ) ภาพที่ 2 พระปางเปดิ โลกค่ะ
จงึ อยากขอเชิญชวนผู้มจี ิตศรัทธาร่วมสร้างศาลา เพ่อื ประดษิ ฐาน พระพทุ ธเจา้ ทง้ั 5 พระองค์ และสร้าง ฐานรองพระปางเปิดโลก ท่ี สานักสงฆว์ ัดปา่ เทพนริ มติ ต. โปง่ นก อ.เทพสถติ ย์ จ.ชัยภมู ิค่ะ ชอื่ บญั ชี นางนงคราญ สายสุนทร ธนาคารออมสนิ สาขาหนองบวั แดง จ.ชยั ภมู ิ ประเภทออมทรพั ย์ หมายเลขบญั ชี 020-081-202-762 ตงั้ แตว่ นั น้ี - 15 มกราคม 2556 ค่ะ เบอรโ์ ทรศพั ท์ 087-553-8977 สาหรับสอบถาม หรือต้องการเพอื่ ยืนยันตวั ตนคะ่ หรือเมลม์ าท่ี [email protected] กไ็ ด้คะ่ รายละเอยี ดเพมิ่ เติมรูปภาพ ความคบื หน้า สามารถติดตามได้ท่ี http://www.facebook.com/media/set/?set=a.42229204783 8975.94435.421557314579115&type=3
ภาพท่ี 3-4 การกอ่ สร้างท่ี กาลงั ทาอยคู่ ่ะ
ภาพท่ี 5-6 องคพ์ ทุ ธยมก ซง่ึ ประดษิ ฐาน อยบู่ นช้ัน 2 ของศาลาอกี หลงั หนึ่ง ซ่ึง ไม่ทราบ เหมือนกันค่ะ วา่ ทาไมถึงถูก ทิง้ รา้ งไว้ไม่ สร้างให้เสรจ็
ภาพประกอบ Design art flower artistic flower illustration : Wallcoo.com
Search
Read the Text Version
- 1 - 29
Pages: