ชนิดของคาํ ในภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๑ กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
คาํ นาํ (Preface) หนังสืออิเล็กทรอนิกสเ์ ล่มน้ ีเป็ นส่วนหนึ่งของ รายวิชาเทคนิคการใชส้ ่ือการเรียนการสอนภาษาไทย รหัสวิชา (๑๕๔๑๐๐๔) เป็ นการนาํ สาระความรูเ้ รื่อง หลกั ภาษาและการใชภ้ าษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ ๑ โดยเน้ ือหาประกอบไปดว้ ย ชนิดของคาํ ในภาษาไทย ไดแ้ ก่ คาํ นาม คําสรรพนาม คาํ กริยา คาํ วิเศษณ์ คาํ บุพบท คาํ สนั ธาน และคาํ อุทาน ผูจ้ ดั ทาํ หวงั เป็ นอยา่ งย่งิ ว่าหนงั สืออิเล็กทรอนิกส์ เลม่ น้ ีจะเป็ นประโยชนต์ อ่ ผูท้ ี่ตอ้ งการศึกษาหลกั ภาษา และการใชภ้ าษาไทยไดอ้ ยา่ งชดั เจนและครบถว้ น ศศิวิมล อรชร ผจู้ ดั ทาํ
สารบญั (Contents) เรอ่ื ง หนา้ แบบทดสอบก่อนเรียน ๑ ความหมายของคาํ ๒ คาํ นาม ๓ คาํ สรรพนาม ๔ คาํ กรยิ า ๖ คาํ วิเศษณ์ ๗ คาํ บุพบท ๘ คาํ สนั ธาน ๙ คาํ อุทาน ๑๐ แบบฝึ กหดั ทา้ ยบท ๑๑ แบบทดสอบหลงั เรียน ๑๓ สรุปความรู้ ๑๔
คาํ ช้ ีแจง (Explain) หนงั สอื อิเลก็ ทรอนิกสร์ ายวิชาภาษาไทยพ้ ืนฐาน : หลักภาษาและการใชภ้ าษาไทย เร่ือง ชนิดของคาํ ในภาษาไทย ช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี ๑ จัดทาํ ข้ ึนตาม หลกั การ จุดหมาย มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ช้ ีวัด และ สาระการเรียนรูแ้ กนกลางของหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพ้ ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ซึ่งมุ่งเนน้ ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในเร่ืองหลักภาษาไทย ด้วย การนําเสนอเน้ ือหาท่ีถูกตอ้ ง ยกตัวอย่างประกอบ ชัดเจน มีกิจกรรมเสนอแนะที่ช่วยพัฒนาความรู้ และฝึ กฝนทักษะอย่างหลากหลาย น่าสนใจ เพื่อให้ ผเู้ รยี นสามารถใชภ้ าษาไทยสอ่ื สารในชีวิตประจาํ วนั ได้ อยา่ งถูกตอ้ ง คล่องแคลว่ สอดคลอ้ งกบั การเรียนรูข้ อง สมอง (Brain Based Learning)
แบบทดสอบก่อนเรยี น (Pretest) ๑
ความหมายของคาํ คาํ (Words) คือ เสียงที่เปล่งออกมาแลว้ มีความหมาย สามารถปรากฏไดโ้ ดยลาํ พงั และจะมีกี่พยางคก์ ็ได้ แมค้ าํ จะมีจาํ นวนพยางคม์ ากแต่ก็สามารถจาํ แนกเป็ นชนิดได้ คาํ ชนิดเดียวกันมักทาํ หนา้ ที่อย่างเดียวกัน มีตาํ แหน่งและอยู่ ในบรบิ ทเหมือน ๆ กนั ชนิดของคาํ ในภาษาไทย ๑ คาํ นาม ๒ คาํ สรรพนาม ๓ คาํ กริยา ๔ คาํ วิเศษณ์ ๕ คาํ บุพบท ๖ คาํ สนั ธาน ๗ คาํ อทุ าน ๒
คาํ นาม คาํ นาม (Nouns) คือ คาํ ที่มีความหมายถึงบุคคล สตั ว์ พืช วัตถุ ความคิด ความเช่ือ ค่านิยม ท้งั ท่ีสามารถ มองเห็นและมองไม่เห็น คาํ นามมี ๔ ชนิด คาํ นามสามญั ใชเ้ รยี กสงิ่ ตา่ ง ๆ ทวั ่ ไป เช่น บา้ น นก ตน้ ไม้ ประเชชนาธบาปิ นไนตกยตน ไม ประชาธปิ ไตย คาํ นามวิสามญั เป็ นช่ือทต่ี ้งั ข้ ึนเฉพาะ ใชเ้ ป็ นชื่อคน ชื่อสถานที่ เช่น จงั หวดั ชลบุรี คาํ นามสามญั ใชบ้ อกลกั ษณะของคาํ นาม เช่น เลม่ วง แผ่น ตน้ กอง คณะ คาํ นามวิสามญั เกิดจากการแปลงคาํ กรยิ าเป็ น คาํ นาม โดยการเตมิ การ- / ความ- ๓
คาํ สรรพนาม คาํ สรรพนาม (Pronoun) คือ คาํ ที่ใชแ้ ทนคาํ นาม เพ่อื หลกี เลย่ี งการใชค้ าํ นามน้ันซ้าํ อีก คาํ สรรพนามมี ๕ ชนิด คาํ บุรุษสรรพนาม เป็ นคาํ ที่ใชแ้ ทนบุคคล สตั ว์ พชื วตั ถุ ความคิด แบง่ เป็ น คาํ สรรพนามบุรุษท่ี ๑ ใชแ้ ทนผู้ พดู หรือผเู้ ขียนเชเน ชบ่นา นดนฉิ กนั ตนผไมม ปขรา้ ะพชาเธจปิ า้ ไตคยาํ นามบุรุษท่ี ๒ ใชแ้ ทนผฟู้ ังและผอู้ ่าน เช่น คณุ เธอ ทา่ น คาํ สรรพนาม บุรุษที่ ๓ ใชแ้ ทนผพู้ ดู ทก่ี ลา่ วถึง เช่น เขา มนั คาํ สรรพนามถาม ใชแ้ ทนคาํ นามทีแ่ สดงคาํ ถาม ไดแ้ ก่ ใคร อะไร ทีไ่ หน ๔
คาํ สรรพนาม คาํ สรรพนามช้ ีเฉพาะ ใชแ้ ทนคาํ นามทีบ่ อกระยะ ใกล้ ไกล เช่น น่ี น้ ี นนั ่ น้นั โน่น โนน้ นู่น นูน้ คาํ สรรพนามไม่ช้ ีเฉพาะ ใชแ้ ทนคาํ นามทไี่ ม่ระบุ แน่นอนว่าหมายถึงใคร อะไร ทไ่ี หน ไดแ้ ก่ใคร อะไร คไหาํ สนรรพนามเแชยนกบฝา่นายนก ตน ใไชมแ้ปทระนชาคธาํิปนไตายมหรอื คาํ บุรุษ สรรพนาม เพอ่ื แสดงว่ามีหลายฝ่ าย และแตล่ ะฝ่ ายทาํ กิรยิ าเดยี วกนั หรอื ตา่ งกนั ๕
คาํ กรยิ า คาํ กรยิ า (Verbs) คือ คาํ ทีแ่ สดงการกระทาํ แสดงอาการ หรอื แสดงสภาพของคาํ นามหรอื คาํ สรรพนาม ซึ่งเป็ นประธานในประโยค คาํ กรยิ ามี ๔ ชนิด คาํ กรยิ าสกรรม คาํ กรยิ าที่มีกรรมตามหลงั เช่น กิน เห็น ตอ้ งกเาชนร บา น นก ตน ไม ประชาธปิ ไตย คาํ กรยิ าอกรรม คาํ กริยาท่ีไม่ตอ้ งมีกรรมตามหลงั เช่น ดใี จ วิ่ง สนุก คาํ กรยิ าคณุ ศพั ท์ คาํ กรยิ าทีแ่ สดงคณุ สมบตั หิ รอื แสดง สภาพของประธานในประโยค ไม่ตอ้ งมีกรรมตามหลงั คาํ กรยิ าตอ้ งเตมิ เตม็ คาํ กรยิ าท่ตี อ้ งมีคาํ นามมาเตมิ เตม็ จงึ จะไดใ้ จความสมบูรณ์ เช่น เป็ น เหมือน คลา้ ย เทา่ ๖
คาํ วิเศษณ์ คาํ วิเศษณ์ (Adverb) คือ คาํ ซึ่งทาํ หนา้ ท่ีขยายกริยา ในประโยค คาํ วิเศษณม์ ี ๔ ชนิด คาํ นามวิเศษณส์ ามญั ใชข้ ยายคาํ กรยิ าทวั ่ ไป เช่น เอง แลว้ หน่อย อยา่ งรวดเรว็ เชน บาน นก ตน ไม ประชาธิปไตย คาํ วิเศษณข์ ยายเฉพาะ แสดงลกั ษณะเฉพาะอยา่ งใด อยา่ งหนึ่งของคาํ กริยา เช่น รอ้ นจี๋ คาํ วิเศษณแ์ สดงคาํ ถาม อาจจะอยูต่ น้ ประโยคหรอื ทา้ ย ประโยคก็ได้ เช่น ทาํ ไม อยา่ งไร คาํ วิเศษณบ์ อกเวลา อาจจะอยตู่ น้ ประโยคหรอื ทา้ ย ประโยคก็ได้ โดยไม่ทาํ ใหค้ วามหมายของประโยค เปล่ยี นแปลงไป เช่น เชา้ คาํ่ กลางคืน ๗
คาํ บุพบท คาํ บุพบท (Preposition) คือ คาํ ทีป่ รากฏหนา้ คาํ นาม หรอื คาํ สรรพนาม เพ่ือบอกความสมั พนั ธร์ ะหว่างคาํ น้นั กบั คาํ อื่นในประโยคเดยี วกนั คาํ บุพบทมี ๖ ชนิด บอกตาํ แหน่ง เช่น ใกล้ ไกล ตรง ขา้ ง เหนือ ณ บอกความเป็ นเเชจนา้ ขบาอนงนกไดตน แ้ ไกม่ ปขรอะชงาธแปิ หไตง่ ยใน บอกผรู้ บั ผล ไดแ้ ก่ แก่ แด่ บอกความมุ่งหมาย ไดแ้ ก่ เพือ่ สาํ หรบั บอกความเกี่ยวขอ้ ง เช่น ตอ่ จาก ดว้ ย บอกเวลา เช่น จน ต้งั แต่ ใน ๘
คาํ สนั ธาน คาํ สันธาน (Conjunction) คือ คาํ ที่ใชเ้ ชื่อมคาํ กลมุ่ คาํ หรอื ประโยคเขา้ ดว้ ยกนั คาํ สนั ธานมี ๔ คาํ และ แสดงความหมายคลอ้ ยตามกนั กบั เชน บแานสนดกงคตน วไามม ปหระมชาายธิปคไลตยอ้ ยตามกนั หรือ แสดงความหมายใหเ้ ลือกอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง แต่ แสดงความหมายแตกตา่ งกนั ๙
คาํ อทุ าน คาํ อุทาน (E.jaculate) คือ คาํ ที่เปลง่ ออกมาเพื่อแสดง อารมณอ์ ยา่ งใดอยา่ งหนึ่งตอ่ สถานการณข์ ณะน้ัน ตวั อยา่ ง โอโ้ ฮ! หอ้ งสมุดท่ีนี่ใหญโ่ ตมากทีเดียว คาํ ว่า โฮโ้ ฮ! แสดงอารมณแ์ ปลกใจหรือตนื่ เตน้ ทีพ่ บกบั สถานท่ที ไี่ ม่คนุ้ เเชคนยบา น นก ตน ไม ประชาธปิ ไตย โธเ่ อย๊ ! น่าจะบอกกลา่ วกนั เสียก่อน คาํ ว่า โธเ่ อย๊ ! แสดงอารมณเ์ สียดายทไี่ ม่ไดก้ ระทาํ อยา่ ง ใดอยา่ งหน่ึง คาํ อุทานมักปรากฏหนา้ ประโยค ในการเขียนมี เคร่ืองหมายอศั เจรีย์ (!) กาํ กับหลงั คาํ อุทานน้ัน เช่น เฮย้ ! แน่! นี่แน่ะ! ดูดู๋! เหม่! เอะ๊ ! โอ! แหม! พุทโธ! อนิจจา! อุย้ ! โอย๊ ! ๑๐
แบบฝึ กหดั ทา้ ยบท (Exercise) ๑. ขอ้ ใดคือคาํ นามทุกคาํ ก. คน แมว เดิน ข. ณเดชน์ ทะเล กิน ค. โรงเรยี น แม่น้าํ ความรกั ง. รถยนต์ พงั งา สวย ๒. ชา้ งชอบกินกลว้ ย คาํ ทีข่ ีดเสน้ ใตเ้ ป็ นคาํ นามชนิดใด ก. คาํ นามสามญั ข. คาํ นามวิสามญั ค. คาํ ลกั ษณนาม ง. คาํ อาการนาม ๓. ขอ้ ใดใชล้ กั ษณนามไม่ถูกตอ้ ง ก. รม่ ๑ คนั ข. เทยี ม ๑ เลม่ ค. สุนขั ๑ ตวั ง. ดินสอ ๑ อนั ๔. ขอ้ ใดไม่ใชเ่คชนาํ สบรา นรพนกนตานมไใมช ปแ้ รทะชนาธผิปพู้ ไตดู ย ก. ผม ข. ทา่ น ค. ดฉิ นั ง. ขา้ พเจา้ ๕. ขอ้ ใดปรากฏคาํ กรยิ า ก. สอยผา้ ข. เส้ อื สีชมพู ค. ตกุ๊ ตาชาววงั ง. มะม่วงเขียวเสวย ๖. ขอ้ ใดเป็ นอกรรมกรยิ าท้งั หมด ก. วิ่ง กิน ข. ดใี จ สนุก ค. อ่าน นอน ง. หวั เราะ ซ้ ือ ๗. ขอ้ ใดไม่ใช่คาํ วิเศษณส์ ามญั ก. จงั ข. ทีส่ ุด ๑๑๑ ค. โดยดี ง. เมื่อไร
๘. คาํ วิเศษณข์ อ้ ใดตา่ งจากพวกข. หน่อย ก. แลว้ ค. อยา่ งรวดเร็ว ง. เพราะเหตใุ ด ๙. ขอ้ ใดคือคาํ บุพบทบอกตาํ แหน่งทุกคาํ ก. ใกล้ ใต้ ข. ขา้ ง แด่ ค. บน ของ ง. เพ่ือ กบั ๑๐. ขอ้ ใดไม่ใช่หนา้ ทีข่ องคาํ สนั ธาน ก. นาํ หนา้ บท ข. เช่ือมคาํ กบั คาํ ค. เช่ือมกลมุ่ คาํ กบั กลมุ่ คาํ ง. เช่ือมคาํ กบั ประโยค ๑๑. เธอชอบสขี าวหรือสดี าํ ขอ้ ใดคือคาํ สนั ธานในประโยค ก. เธอ ข. ชอบ ค. หรือ ท่ีเชใน นบขานอ้ ในดกไตมน ่ใไมช ่คปราํงะส.ชนัวาธิชธิปาาไนภตยาษาไทย ๑๒. คาํ ว่า ก. ขอกาแฟ ๒ ที่นะคะ ข. ฉนั ดีใจที่เธอมาได้ ค. เราอิจฉาเขาทม่ี ีแฟนสวย ง. เจา้ นายทาํ โทษเขา ๑๓. ขอ้ ใดเป็ นคาํ อุทานบอกอาการสงสาร ก. ไชโย! เฮ!้ ข. โอโ้ ฮ! โอ! แหม! ค. ช่วยดว้ ย! วา้ ย! ฮา้ ! ง. อนิจจา! พทุ โธ!่ โถ! ๑๔. (!) เรยี กว่าเครอ่ื งหมายอะไร ก. ปรศั นี ข. อศั เจรยี ์ ค. อศั จรรย์ ง. วิสรรชนีย์ ๑๕. ขอ้ ใดไม่ใช่คาํ อุทาน ก. ดดู !ู๋ ข. หา! ๑ ค. อะไร! ง. แหม! ๑๒
แบบทดสอบหลงั เรยี น (Posttest) ๑๓
สรุปความรู้ (Knowledge Summary) คาํ เป็ นหน่วยพ้ ืนฐานท่ีสาํ คัญในการเรียนรูเ้ ร่ือง ประโยค ความสมั พนั ธข์ องคาํ และหนา้ ท่ีของคาํ แสดง ดว้ ยตาํ แหน่งที่ปรากฏในประโยค ดงั น้ ี • คาํ นามและคาํ สรรพนาม ทาํ หนา้ ที่เป็ นประธาน หรอื กรรมของประโยค • คาํ กรยิ า ทาํ หนา้ ทเ่ี ป็ นคาํ กริยาของประโยค • คาํ วิเศษณ์ ทาํ หนา้ ท่ขี ยายกรยิ าในประโยค • คาํ บุพบท ทาํ หนา้ ที่บอกความสัมพันธข์ องคาํ ใน ประโยค • คาํ สนั ธาน ทาํ หนา้ ที่เชื่อมคาํ กล่มุ คาํ ประโยคยอ่ ย หรอื อนุประโยคเขา้ ดว้ ยกนั • คาํ อทุ าน ทาํ หนา้ ท่ีแสดงอารมณค์ วามรูส้ ึก ๑๔
บรรณานุกรม (Bibliography) กรมวชิ าการ, กระทรวงศึกษาธิการ. (๒๕๔๕). ค่มู ือการจดั การเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย. กรุงเทพฯ : โรงพิมพอ์ งคก์ าร รบั สง่ สินคา้ และพสั ดุภณั ฑ.์ กระทรวงศึกษาธิการ. (๒๕๕๒). หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : โรงพิมพช์ ุมนุม สหการณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย. กาํ ชยั ทองหลอ่ . (๒๕๔๐). หลกั ภาษาไทย. พมิ พค์ ร้งั ที่ ๑๐. กรุงเทพฯ : รวมสาสน์ . นววรรณ พนั ธุเมธา. (๒๕๓๑). ความรูเ้ ก่ียวกบั ภาษาไทย. พิมพค์ ร้งั ท่ี ๗. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พค์ ุรุสภาลาดพรา้ ว. มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. (๒๕๒๖). ภาษาไทย ๑. กรุงเทพฯ : โรงพิมพม์ หาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. ๑๕
กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย การเรียนรูช้ นิดของคาํ ในภาษาไทยจะทาํ ให้ สามารถนาํ คาํ ต่าง ๆ ในภาษาไทยไปใชส้ ื่อสาร ไดอ้ ย่างถูกตอ้ งตามหลักการใช้ อีกท้ังยงั ทาํ ให้ เกิดประโยชนต์ อ่ การเรียนรูใ้ นเรื่องอื่น ๆ ตอ่ ไป จดั ทาํ โดย นางสาวศศิวิมล อรชร รหสั ๐๓๓ นกั ศึกษาช้นั ปี ท่ี ๔ สาขาวิชาภาษาไทย วิทยาลยั การฝึ กหดั ครู มหาวิทยาลยั ราชภฏั พระนคร
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: