Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพอุตสาหกรรม

แผนวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพอุตสาหกรรม

Published by piyathida.j, 2020-06-24 01:46:20

Description: วัตถุประสงค์
1. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ ปริมาณทางฟิสิกส์ เวกเตอร์ แรง สมดุลของวัตถุ การเคลื่อนที่ งาน กำลังพลังงาน คลื่น
2. มีทักษะการคำนวณ การทดลอง สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในวิชาชีพและชีวิตประจำวัน
3. มีเจตคติที่ดีต่อวิชาวิทยาศาสตร์ และกิจนิสัยที่ดีในการทำงาน

Keywords: วิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพอุตสาหกรรม,การเรียนออนไลน์

Search

Read the Text Version

51 สอื่ การเรยี นการสอนและแหลง่ การเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรียนท่ี 4 2. แบบเฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี นที่ 4 3. หนังสอื เรยี น ที่รวบรวมโดย นางศวิ รักษ์ บญุ ประเสริฐ 4. แบบเฉลยใบงานท่ี 4/1 และ 4/2 5. PowerPoint แผ่นที่ 4/1 - 4/29 6. Internet (http://rmutphysics.com.) 7. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมท่ี 4 แหลง่ เรียนรู้ 1. ห้องเรยี นวทิ ยาศาสตร์ 2. หอ้ งสมดุ วิทยาลยั เทคนิคนครสวรรค์ 3. หอ้ งคอมพวิ เตอร์ 4. บคุ คล/ผรู้ ู้ การวัดผลและการประเมนิ ผล 1. เครือ่ งมือวัดผล 1.1 แบบทดสอบก่อนเรียนที่ 4 1.2 แบบฝึกหัดท่ี 4/1 และ 4/2 1.3 แบบสงั เกตพฤติกรรมขณะเรียน 2. วิธวี ัดผล 2.1 ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรียนท่ี 4 2.2 ตรวจแบบฝกึ หัดท่ี 4/1 และ 4/2 2.3 การสงั เกตพฤติกรรมขณะเรียน 3. เกณฑก์ ารประเมนิ ผล ประเมินจากการทากิจกรรมระหว่างเรียน เกณฑผ์ า่ นร้อยละ 60 ขน้ึ ไป เอกสารอ้างอิง กระทรวงศกึ ษาธิการ. หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ช่างอุตสาหกรรม เลม่ 1-2-3. ระดบั ประกาศนียบัตร วิชาชีพ. กรงุ เทพฯ: คุรุสภา, 2535. จกั รินทร์ วรรณโพธ์กลาง.รวมสดุ ยอดเทคนคิ ฟิสิกส์ Entrance. กรงุ เทพฯ: สานักพิมพ์พัฒนา ศกึ ษา, 2544. ชูเกยี รติ จารุธกจิ พานชิ . วิทยาศาสตร์ 2. กรงุ เทพฯ: สานักพิมพ์แมค็ , มปป. นริ นั ดร์ สุวรัตน.์ คู่มอื ฟสิ กิ ส์ ม. 4 -5-6 . กรงุ เทพฯ: สานกั พิมพ์ พ.ศ. พัฒนา, 2544. ราชบณั ฑิตยสถาน. ศัพทว์ ทิ ยาศาสตร์. ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน.กรงุ เทพฯ: ราชบัณฑิตสถาน, 2546. สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. ฟิสกิ ส์ เลม่ 1 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์ครุ ุสภาลาดพร้าว, 2544.

52 บันทึกหลังการสอน 1. ผลการใช้แผนการจดั การเรียนรู้ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ 2. ผลการเรียนของนักเรียน/ผลการสอนของครู/ปัญหาทพี่ บ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ 3. แนวทางการแก้ปญั หา .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................

53 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 9 บทท่ี 4 ชอื่ วิชา วทิ ยาศาสตรเ์ พอ่ื พฒั นาอาชพี ชา่ งอุตสาหกรรม เวลาเรยี นรวม 9 คาบ ชือ่ หน่วย การเคล่อื นท่ีแบบต่าง ๆ สอนครง้ั ที่ 9/17 ช่ือเรอ่ื ง การเคลอ่ื นที่แบบวงกลม จานวน 3 คาบ หัวข้อเรอื่ ง 1. การเคล่ือนทแี่ บบวงกลม 1.1 การเคลอ่ื นทเ่ี ปน็ วงกลมในแนวราบ(Vertical curve motion ) 1.2 การเคล่อื นทเ่ี ป็นวงกลมในแนวดิ่ง (Vertical circular motion ) 1.3 การเคลือ่ นที่แบบกรวยกลม (Conical pendulum ) 1.4 การเคลอ่ื นทข่ี องดาวเทยี ม 1.5 การเคลอื่ นท่ีลกั ษณะเลย้ี วโคง้ สาระสาคัญ/แนวคดิ สาคัญ วัตถุมกี ารเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ เช่น การเคล่อื นที่แบบวงกลม วัตถจุ ะเคล่อื นที่แบบวงกลมไดจ้ ะต้องมี แรงลัพธ์กระทาต่อวัตถุในทิศต้ังฉากกับความเร็วของวัตถุตลอดเวลา การเคล่ือนท่ีเป็นวงกลมมีลักษณะการ เคลื่อนที่อยู่ คือ 1. การเคลื่อนท่ีเปน็ วงกลมในแนวราบ(Vertical curve motion) 2. การเคลอื่ นท่ี เป็นวงกลม ในแนวด่งิ (Vertical circular motion) 3. การเคลื่อนทแ่ี บบกรวยกลม(Conical pendulum) 4. การเคลือ่ นที่ ของดาวเทยี ม 5. การเคลือ่ นท่ลี กั ษณะเล้ยี วโคง้ สมรรถนะ 1. คานวณหาค่าต่าง ๆ ใน การเคลือ่ นท่ีแบบวงกลม ไดอ้ ย่างถกู ต้อง 2. อธิบายลกั ษณะการเคลอื่ นทีแ่ บบวงกลมไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง 3. ใช้ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรไ์ ดอ้ ย่างเหมาะสม จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ จดุ ประสงคท์ ่ัวไป 1. เพื่อให้มีความร้คู วามเข้าใจและอธิบายลกั ษณะการเคลื่อนที่ แบบวงกลม ในลกั ษณะต่าง ๆ ท่ี ใช้ในชวี ติ ประจาวัน 2. เพ่ือให้มีความรู้ความเข้าใจวิธีการวัดหาค่าต่าง ๆ ของการเคลื่อนที่แบบ แบบวงกลม ใน ลกั ษณะต่าง ๆ 3. เพ่ือให้มีทักษะการทดลอง เร่อื ง การเคลอื่ นท่ีแบบวงกลม โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 4. เพอ่ื สรา้ งกิจนสิ ัยใหแ้ สดงพฤติกรรมดา้ นคณุ ธรรมดา้ นคณุ ธรรมและจรยิ ธรรม และคา่ นิยมที่ พึงประสงค์

54 จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ดา้ นความรู้ 1. อธบิ ายลกั ษณะการเคลื่อนที่แบบวงกลมลกั ษณะต่าง ๆ ได้ 2. คานวณหาค่าตา่ ง ๆ ในการเคลือ่ นที่ แบบวงกลม ได้ ด้านทกั ษะ 1. ใชท้ กั ษะการวดั ได้ 2. ใช้ทักษะการสงั เกตสิ่งต่าง ๆ จากการทดลองได้ 3. ใชท้ กั ษะการคานวณหาค่า ในการเคลือ่ นที่แบบต่าง ๆ ได้ 4. ใชท้ ักษะการต้งั สมมติฐานในการทดลองได้ 5. ใช้ทกั ษะการทดลองจากการทดลองได้ 6. ใชท้ กั ษะการลงความเหน็ จากข้อมลู และสรุปผลการทดลองได้ 7. ใชท้ ักษะการจดั ทาและสือ่ ความหมายขอ้ มูล 8. ใช้วิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ทั้ง 5 วธิ ี ได้อย่างถูกตอ้ ง ดา้ นจิตพสิ ยั มคี ณุ ธรรมจริยธรรมและลักษณะอนั พงึ ประสงคใ์ นการเรยี น เนอื้ หาสาระ ในหนังสอื เรยี น วิชา วิทยาศาสตรเ์ พอื่ พัฒนาอาชีพช่างอุตสาหกรรม(Science for Industry) รหสั วิชา 20000-1302 หลกั สูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พทุ ธศักราช 2562ประเภทวชิ า ชา่ งอุตสาหกรรม หมวดวิชา ทักษะชวี ติ กลมุ่ วชิ า วิทยาศาสตร์ รวบรวมโดย นายเกยี รติภูมิ ซยุ โลน้ บทที่ 4 เรื่อง การเคลื่อนท่ี แบบต่าง ๆ กิจกรรมการเรียนการสอน กิจกรรมครู กิจกรรมนักเรียน 1. นาเข้าสูบ่ ทเรียน (10 นาท)ี โดยใช้ชดุ เสรมิ ทกั ษะกระบวนทางวิทยาศาสตร์ นักศึกษา ลองเปล่ียนกนั ปฏบิ ตั ิ Science Show เรือ่ ง รว่ ง หรือไมร่ ว่ ง 2. ข้นั สอน คร้ังท่ี 1 (140 นาที) 2. ข้นั เรยี น 2.1 ผู้สอนให้เน้อื หาตามใบความรพู้ รอ้ มทง้ั อธิบาย 2.1 ฟังและคดิ ตามครูตอบคาถาม ประกอบ PowerPoint/Internet หัวขอ้ เรอ่ื ง การเคลอ่ื นท่ี เท่าท่ีทราบ รว่ มสนทนาอภปิ ราย แบบวงกลม การเคล่ือนท่เี ปน็ วงกลมในแนวราบ( Vertical แสดงความคิดเห็น curve motion ) การเคล่อื นที่เปน็ วงกลมในแนวดิง่ (Vertical circular motion ) การเคลอ่ื นทแ่ี บบกรวยกลม (Conical pendulum) 4. การเคล่ือนท่ขี องดาวเทยี ม 5. การเคลือ่ นที่ลกั ษณะเลีย้ วโคง้ 2.2 ให้นกั เรียนจัดแบ่งกลมุ่ กล่มุ ละ 5-6 คน และให้ 2.2 ปฏิบตั ิการทดลองท่ี4/1 และบันทึก นักเรียนปฏิบตั ติ ามการทดลอง ท่ี 4/1 บนั ทึกผลตามแบบ ลงในแบบบันทึกผลการทดลอง บนั ทกึ ผลการทดลอง 2.3 ผสู้ อนและนกั เรยี นร่วมกนั อธปิ รายสรปุ ผล 2.3 รว่ มกนั อธิปรายและสรุปผล 2.4 ผู้สอนมอบหมายงาน ตามใบมอบหมายงาน การทดลอง ที่ 4/1(งานกลมุ่ ) และ 4/2 (งานเด่ียว) ใหน้ กั เรยี น 2.4 ทาตามใบมอบหมายงานที่ 4/1

55 ทาเปน็ การบ้านและใหน้ ามาสง่ ภายใน 2 อาทิตย์ และ 4/2 โดยนามาสง่ ในเวลาท่ีกาหนด 2.5 ผู้สอน ตรวจแบบฝึกหดั การทดลองและเมนิ ผล ทกุ อยา่ งใหเ้ ป็นปัจจุบนั 3. ข้ันสรุป 3. ขนั้ สรปุ เน้อื หา (10 นาท)ี ร่วมกนั อธปิ รายและสรปุ เรอ่ื ง การ สรุปเน้อื หาทีเ่ รยี น เรอ่ื ง การเคลื่อนท่ี การเคลื่อนท่ี เคลื่อนที่ การเคล่อื นท่ีแบบวงกลม การ แบบวงกลม การเคล่ือนที่ เป็นวงกลมในแนวราบ การ เคลอื่ นท่ีเปน็ วงกลมในแนวราบ การ เคลื่อนทเ่ี ป็นวงกลม ในแนวด่ิง เคลอ่ื นท่ีเป็นวงกลมในแนวดง่ิ รวมเวลา 180 นาที ส่ือการเรียนการสอนและแหล่งการเรยี นรู้ 1. ชดุ เสริมทักษะ กลวิทยาศาสตร์ (Science show) ท่ี 4 อปุ กรณ์ท่ใี ช้คอื 1.1 แก้วพลาสตกิ 2 ใบ 1.2 เชอื ก ยาวพอประมาณ 1.3 ไมอ้ ัด หรอื แผ่นฟิวเจอรบ์ อรด์ ขนาด 20  20 cm 1.4. น้า 4. หนงั สือเรียน ท่ีรวบรวมโดย นายเกยี รติภูมิ ซุยโล้น 5. ใบปฏิบตั กิ ารทดลองที่ 4/1 อปุ กรณท์ ่ีใชค้ ือ 5.1 มอื จับทาดว้ ย PVC 5.2 จกุ ยาง 5.3 เชอื กไนล่อน 5.4 ตะขอลวดคลอ้ งนอต 4 หุน 6. แนวทางการบนั ทกึ ผลการทดลองท่ี 4/1 7. แบบประเมินผลปฏบิ ตั กิ ารทดลองที่ 4/1 8. แบบเฉลยใบงานท่ี 4/1 และ 4/2 9. PowerPoint แผ่นท่ี 4/1 - 4/29 10. Internet (http://rmutphysics.com.) 11. แบบสังเกตพฤติกรรมท่ี 4 แหลง่ เรยี นรู้ 1. ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ 2. หอ้ งสมดุ วิทยาลัยเทคนคิ นครสวรรค์ 3. ห้องคอมพวิ เตอร์ 4. บุคคล/ผูร้ ู้ การวดั ผลและการประเมินผล 1. เครอ่ื งมือวัดผล 1.1 แบบบนั ทกึ ผลปฏิบัติการทดลองท่ี 4/1 1.3 แบบฝกึ หัดที่ 4/1 และ 4/2 1.4 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมขณะเรยี น

56 2. วธิ วี ัดผล 2.1 ตรวจใบบันทึกผลการปฏบิ ัตกิ ารทดลองท่ี 4 2.2 ตรวจแบบฝกึ หัดท่ี 4/1 และ 4/2 2.3 การสังเกตพฤตกิ รรมขณะเรียน 2.4 ตรวจแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนชดุ การสอนที่ 4 3. เกณฑ์การประเมนิ ผล ประเมินจากการทากิจกรรมระหว่างเรยี น เกณฑ์ผ่านรอ้ ยละ 60 ข้นึ ไป เอกสารอา้ งอิง กระทรวงศึกษาธิการ. หนงั สือเรยี นวิทยาศาสตรช์ ่างอตุ สาหกรรม เล่ม 1-2-3. ระดับประกาศนียบัตร วชิ าชีพ. กรุงเทพฯ: คุรสุ ภา, 2535. จกั รินทร์ วรรณโพธก์ ลาง.รวมสดุ ยอดเทคนิค ฟสิ ิกส์ Entrance. กรงุ เทพฯ: สานกั พมิ พ์พัฒนา ศกึ ษา, 2544. ชเู กียรติ จารธุ กจิ พานิช. วิทยาศาสตร์ 2. กรุงเทพฯ: สานักพมิ พแ์ มค็ , มปป. นริ ันดร์ สวุ รตั น.์ ค่มู ือฟิสกิ ส์ ม. 4 -5-6 . กรงุ เทพฯ: สานกั พิมพ์ พ.ศ. พฒั นา, 2544.

57 บนั ทึกหลงั การสอน 1. ผลการใช้แผนการจดั การเรยี นรู้ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ 2. ผลการเรยี นของนักเรียน/ผลการสอนของครู/ปญั หาท่พี บ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ 3. แนวทางการแกป้ ัญหา .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................

58 แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 10 บทท่ี 4 ชื่อวิชา วทิ ยาศาสตรเ์ พ่อื พฒั นาอาชีพชา่ งอุตสาหกรรม เวลาเรยี นรวม 9 คาบ ชื่อหนว่ ย การเคล่อื นทแี่ บบต่าง ๆ สอนคร้งั ท่ี 10/17 ชือ่ เรื่อง การเคล่ือนทแี่ บบฮาร์มอนิกอยา่ งงา่ ย จานวน 3 คาบ หวั ข้อเรื่อง 1.การเคลอื่ นทแ่ี บบฮารม์ อนกิ อย่างงา่ ย 1.1 การเคล่ือนท่ีของสปริง 1.2 การเคล่อื นทขี่ องเสน้ เชอื ก สาระสาคัญ/แนวคิดสาคญั การเคล่ือนที่แบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย(Simple Harmonic Motion : SHM) หมายถึง การทีว่ ตั ถุ มกี าร เคล่ือนท่ีกลับไปกลับมา โดยการเคล่ือนท่ีดังกล่าวมีผลมาจากการกระทาของแรงมีการเคล่ือนที่ ของสปริง กับ ลูกตมุ้ นาฬิกา สมรรถนะ 1. คานวณหาค่าต่าง ๆ ใน การเคลื่อนที่แบบฮารม์ อนกิ อย่างง่าย ได้อย่างถกู ตอ้ ง 2. อธิบายลักษณะการเคลื่อนทีแ่ บบแบบฮารม์ อนิกอย่างง่าย ได้อยา่ งถกู ต้อง 3. ใช้ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม จดุ ประสงค์การเรียนรู้ จดุ ประสงคท์ ั่วไป 1. เพ่ือให้มีความรู้ความเข้าใจและอธิบายลักษณะการเคลื่อนท่ี แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย ใน ลักษณะตา่ ง ๆ ท่ีใช้ในชีวติ ประจาวนั 2. เพ่ือให้มีความรูค้ วามเข้าใจวิธีการวัดหาค่าต่าง ๆ ของการเคลื่อนท่ี แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย ในลกั ษณะต่าง ๆ 3. เพอ่ื ใหม้ ที กั ษะการทดลอง เรือ่ ง การเคล่ือนท่ีแบบฮาร์มอนกิ อย่างง่าย โดยใชก้ ระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์ 4. เพื่อสร้างกิจนิสัยให้แสดงพฤติกรรมด้านคุณธรรมด้านคุณธรรมและจริยธรรม และคา่ นิยมที่ พงึ ประสงค์ จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ดา้ นความรู้ 1. อธบิ ายลกั ษณะการเคล่อื นท่ีแบบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย ลกั ษณะต่าง ๆ ได้ 2. คานวณหาค่าตา่ ง ๆ ในการเคลือ่ นทแ่ี บบฮาร์มอนิกอยา่ งงา่ ย ได้ ด้านทักษะ 1. ใช้ทักษะการวดั ได้ 2. ใช้ทักษะการสงั เกตส่งิ ต่าง ๆ จากการทดลองได้ 3. ใชท้ ักษะการคานวณหาคา่ ในการเคลอื่ นทแี่ บบต่าง ๆ ได้ 4. ใช้ทกั ษะการต้ังสมมติฐานในการทดลองได้ 5. ใชท้ ักษะการทดลองจากการทดลองได้ 6. ใชท้ ักษะการลงความเหน็ จากข้อมลู และสรปุ ผลการทดลองได้ 7. ใชท้ ักษะการจดั ทาและส่ือความหมายขอ้ มูล

59 8. ใชว้ ธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ทัง้ 5 วธิ ี ได้อยา่ งถูกตอ้ ง ด้านจิตพสิ ัย มคี ุณธรรมจรยิ ธรรมและลักษณะอนั พึงประสงคใ์ นการเรยี น เนื้อหาสาระ ในหนงั สือเรยี น วิชา วทิ ยาศาสตรเ์ พ่อื พัฒนาอาชีพชา่ งอตุ สาหกรรม(Science for Industry) รหสั วชิ า 20000-1302 หลักสูตรประกาศนียบัตรวชิ าชพี พุทธศักราช 2562ประเภทวชิ า ช่างอุตสาหกรรม หมวดวิชา ทักษะชีวติ กลุ่มวิชา วทิ ยาศาสตร์ รวบรวมโดย นายเกียรตภิ มู ิ ซยุ โล้น บทที่ 4 เรื่อง การเคล่อื นท่ี แบบต่าง ๆ กจิ กรรมการเรยี นการสอน กจิ กรรมครู กิจกรรมนกั เรยี น 1. นาเข้าสบู่ ทเรียน (10 นาที) 1. นาเขา้ ครนู าปากกาชนดิ กด ทีม่ ีสปริงอยู่ด้านในให้นกั เรยี น ฟังและคดิ ตามครู ตอบคาถามเท่าท่ี สังเกตว่าทาไมปากกาจงึ สามารถเปดิ ปิดได้ และพูดคุย ทราบ ร่วมสนทนาอภปิ รายแสดงความ ถึงอปุ กรณ์ท่ีมีลกั ษณะเดียวกันในชีวติ ประจาวันมี คดิ เห็น อะไรบ้าง 2. ขั้นเรียน 2. ขนั้ สอน คร้งั ที่ 1 (140 นาที) ฟังและคิดตามครูตอบคาถามเท่าที่ทราบ 2.1 ผสู้ อนให้เน้ือหาตามใบความรพู้ รอ้ มทงั้ อธบิ าย ร่วมสนทนาอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ ประกอบ PowerPoint/Internet หวั ข้อเรือ่ ง การ เคลื่อนทีแ่ บบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ย การเคลอื่ นท่ขี องสปริง 2.2 ปฏิบัตกิ ารทดลองที่ 4/2 และบนั ทึกลง การเคลอื่ นทข่ี องเสน้ เชอื ก ในแบบบนั ทกึ ผลการทดลอง 2.2 ใหน้ กั เรียนจัดแบ่งกลุม่ กลุม่ ละ 5-6 คน และให้ นกั เรยี นปฏิบตั ติ ามการทดลอง ที่ 4/2 บันทกึ ผลตาม 2.3 รว่ มกนั อธปิ รายและสรุปผลการทดลอง แบบบันทกึ ผลการทดลอง 2.4 ทาตามใบมอบหมายงานท่ี 4/1 และ 2.3 ผ้สู อนและนกั เรียนร่วมกนั อธิปรายสรุปผล 4/2 นามาสง่ ในเวลาท่กี าหนด การทดลอง 2.4 ผ้สู อนเตือนการทางาน ตามทม่ี อบหมายงาน ตาม 2.5 รับฟังการอภปิ รายสรุปและซักถาม ใบมอบหมายงานที่ 4/1(งานกลุม่ ) และ 4/2 (งานเดี่ยว) 3. ขน้ั สรุป สัปดาห์ท่ผี ่านมา รว่ มกันอธปิ รายและสรุป เร่ืองการ 2.5 ผสู้ อน ตรวจแบบฝกึ หัด การทดลอง เคลอ่ื นทแี่ บบกรวยกลม(Conical 3. ข้ันสรปุ เนือ้ หา (10 นาท)ี pendulum) การเคล่อื นที่ของดาวเทยี ม สรปุ เนื้อหาท่ีเรยี น เร่ือง การเคลอ่ื นทแ่ี บบกรวย การเคล่ือนท่ีลักษณะเลยี้ วโค้งการเคลือ่ นท่ี กลม(Conical pendulum) การเคล่อื นท่ขี องดาวเทยี ม แบบฮารม์ อนกิ อย่างง่าย (Simple การเคล่อื นท่ีลักษณะเลย้ี วโค้ง การเคลอ่ื นทีแ่ บบ Harmonic Motion: SHM) การเคลื่อนท่ี ฮารม์ อนิกอย่างง่าย (Simple Harmonic Motion : ของสปรงิ การเคลอื่ นท่ขี องเสน้ เชือก SHM) การเคล่อื นทขี่ องสปริง การเคลอ่ื นทขี่ องเส้นเชอื ก 4. ทาแบบทดสอบหลังเรยี น 4. ใหท้ าแบบทดสอบหลงั เรียน (20 นาท)ี นักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียนจานวน 20 ให้นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียนจานวน 20 ข้อ ข้อ ใชเ้ วลา 20 นาที 20 นาที เป็นขอ้ สอบปรนยั ชนดิ 4 ตวั เลอื ก รวมเวลา 180 นาที

60 สอ่ื การเรยี นการสอนและแหล่งการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบ หลังเรยี นที่ 4 2. แบบเฉลยแบบทดสอบ หลังเรยี นท่ี 4 3. หนงั สอื เรียน ที่รวบรวมโดย นางศวิ รกั ษ์ บุญประเสรฐิ 4. ใบปฏิบัตกิ ารทดลองท่ี 4/2 อุปกรณท์ ่ีใชค้ ือ 4.1 มอื จบั ทาดว้ ย PVC 4.2 จุกยาง 4.3 เชือกไนล่อน 5. แนวทางการบนั ทกึ ผลการทดลองที่ 4/2 6. แบบประเมินผลปฏิบตั ิการทดลองท่ี 4/2 7. แบบเฉลยงานท่ี 4/1 และ 4/2 8. PowerPoint แผน่ ท่ี 4/1 - 4/29 9. Internet (http://rmutphysics.com.) 10. แบบสังเกตพฤตกิ รรมที่ 4 แหล่งเรียนรู้ 1. ห้องเรียนวทิ ยาศาสตร์ 2. ห้องสมดุ วิทยาลยั เทคนิคนครสวรรค์ 3. หอ้ งคอมพิวเตอร์ 4. บคุ คล/ผู้รู้ การวัดผลและการประเมินผล 1. เคร่อื งมอื วัดผล 1.1 แบบทดสอบ/หลงั เรียนท่ี 4 1.2 แบบบนั ทึกผลปฏิบัติการทดลองท่ี 4/2 1.3 แบบฝึกหัดที่ 4/1 และ 4/2 1.4 แบบสงั เกตพฤติกรรมขณะเรียน 2. วิธีวดั ผล 2.1 ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียนที่ 4 2.2 ตรวจใบบนั ทกึ ผลการปฏบิ ัติการทดลองท่ี 4 2.3 ตรวจแบบฝกึ หัดที่ 4/1 และ 4/2 2.4 การสงั เกตพฤติกรรมขณะเรยี น 3. เกณฑ์การประเมนิ ผล ประเมนิ จากการทากจิ กรรมระหว่างเรยี นและการทดสอบหลัง เรยี น เกณฑ์ผ่านร้อยละ 60 ข้ึนไป

61 เอกสารอ้างอิง กระทรวงศึกษาธิการ. หนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ช่างอุตสาหกรรม เล่ม 1-2-3. ระดบั ประกาศนยี บตั ร วิชาชพี . กรงุ เทพฯ: คุรสุ ภา, 2535. จกั รินทร์ วรรณโพธ์กลาง.รวมสุดยอดเทคนิค ฟิสกิ ส์ Entrance. กรงุ เทพฯ: สานกั พมิ พ์พัฒนา ศึกษา, 2544. ชูเกยี รติ จารธุ กจิ พานชิ . วิทยาศาสตร์ 2. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์แม็ค, มปป. นิรนั ดร์ สวุ รตั น.์ คมู่ อื ฟสิ ิกส์ ม. 4 -5-6 . กรุงเทพฯ: สานักพมิ พ์ พ.ศ. พฒั นา, 2544. ราชบณั ฑิตยสถาน. ศพั ท์วทิ ยาศาสตร์. ฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน.กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตสถาน, 2546.

62 บนั ทึกหลงั การสอน 1. ผลการใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ 2. ผลการเรยี นของนกั เรยี น/ผลการสอนของคร/ู ปญั หาทพ่ี บ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ 3. แนวทางการแกป้ ญั หา .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................

63 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 11 บทท่ี 5 ชือ่ วชิ า วทิ ยาศาสตร์เพ่ือพัฒนาอาชีพชา่ งอุตสาหกรรม เวลาเรียนรวม 6 คาบ ช่ือหน่วย งาน พลังงาน กาลงั สอนครงั้ ท่ี 11/17 ช่อื เรื่อง งานและพลังงาน จานวน 3 คาบ หัวข้อเรื่อง 1. งาน 2. พลงั งาน 2.1 พลงั งานศักย์ 2.1.1 พลังงานศักยโ์ นม้ ถ่วง 2.1.2 พลังงานศกั ยย์ ดื หยุ่น 2.2 พลังงานจลน์ สาระสาคัญ/แนวคิดสาคัญ งาน (Work= W ) ความหมายในทางฟิสิกส์ งานจะเกิดข้ึนก็ต่อเม่ือมีแรงมากระทาต่อวัตถุ แล้วทา ใหว้ ตั ถุมีการกระจดั โดยปริมาณงานทที่ าจะขึน้ กบั แรงและการกระจดั โดยแรงและ การกระจัดต้องไปทางเดียวกนั และแรงตอ้ งสัมผสั กบั วัตถุตลอดเวลาถงึ ถือว่าจะเกิดงาน พลังงาน (Energy = E ) คือ ความสามารถในการทางานได้ พลังงานกล มี 2 ประเภท คือพลังงาน จลน์ และพลงั งานศกั ย์ พลังงานศักย์แยกเปน็ พลงั งานศักย์โนม้ ถว่ งและพลังงานศักย์ยดื หยุ่น สมรรถนะ 1. คานวณหาค่า งาน และพลังงานจลน์ พลังงานศกั ย์ พลงั งานศักย์โนม้ ถว่ ง พลังงานศกั ย์ยืดหยุน่ ได้ อยา่ งถกู ต้อง 2. อธิบายลกั ษณะการเกิด งาน พลังงาน ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง 3. ใช้ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรไ์ ด้อยา่ งเหมาะสม จดุ ประสงค์การเรียนรู้ จดุ ประสงค์ทั่วไป 1. เพ่อื ให้มคี วามรคู้ วามเข้าใจความหมาย ลักษณะการเกิด งาน พลงั งานจลน์ พลังงานศักย์ พลงั งานศักย์โน้มถว่ ง พลังงานศักยย์ ดื หยุน่ ทใ่ี ชใ้ นชวี ติ ประจาวัน 2. เพอื่ ให้มคี วามรู้ความเข้าใจ ในการคานวณหาค่างาน พลังงานจลน์ พลังงานศกั ย์ ในแบบต่าง ๆ 3. เพ่อื สร้างกจิ นิสัยให้แสดงพฤติกรรมดา้ นคุณธรรมจริยธรรมและคา่ นิยม ทีพ่ งึ ประสงค์ จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม ดา้ นด้านความรู้ 1. อธิบายความหมายของงานและคานวณการหาค่างานในแบบต่าง ๆ ได้ 2. อธบิ ายลักษณะการเกดิ พลังงานจลน์ พลังงานศกั ย์ พลังงานศกั ย์โนม้ ถว่ งและ พลงั งานศักย์ยืดหยุ่น 3. คานวณหาคา่ พลงั งานจลน์และพลังงานศักยไ์ ด้ 4. อธบิ ายได้วา่ งาน พลังงาน นาไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั อย่างไร

64 ด้านทักษะ 1. ใช้ทักษะการวดั ได้ 2. ใชท้ ักษะการสังเกตสิ่งต่าง ๆ จากการทดลองได้ 3. ใช้ทักษะการคานวณหาค่าในการเคล่ือนทแ่ี บบตา่ ง ๆ ได้ 4. ใช้ทักษะการตั้งสมมติฐานในการทดลองได้ 5. ใชท้ กั ษะการทดลองจากการทดลองได้ 6. ใชท้ ักษะการลงความเหน็ จากข้อมูล และสรปุ ผลการทดลองได้ 7. ใชท้ กั ษะการจัดทาและสื่อความหมายขอ้ มูล ดา้ นจิตพิสยั มคี ุณธรรมจริยธรรมและลักษณะอนั พงึ ประสงค์ในการเรยี น เนอ้ื หาสาระ ในหนังสอื เรยี น วชิ า วิทยาศาสตร์เพือ่ พฒั นาอาชีพชา่ งอตุ สาหกรรม(Science for Industry) รหสั วิชา 20000-1302 หลกั สูตรประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ พทุ ธศักราช 2562ประเภทวิชา ช่างอตุ สาหกรรม หมวดวิชา ทกั ษะชวี ิต กลุ่มวชิ า วิทยาศาสตร์ รวบรวมโดย นายเกยี รตภิ มู ิ ซุยโลน้ บทที่ 5 เร่ือง งาน พลังงาน กาลัง กจิ กรรมการเรียนการสอน กจิ กรรมครู กิจกรรมนักเรียน 1. แจกแบบทดสอบกอ่ นเรยี น (20 นาท)ี 1. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน นกั เรยี นทุกคนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ใหน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น 20 ขอ้ เปน็ ข้อสอบแบบปรนยั ชนดิ 4 ตัวเลือก จานวน 20 ขอ้ ใช้เวลา 20 นาที 2.นาเข้าสบู่ ทเรยี น (10 นาที) 2.นาเขา้ สบู่ ทเรียน โดยใช้กลทางวิทยาศาสตร์ Science show ตัวแทนนกั เรียนออกมาสาธิตตามครู เรอ่ื ง ยกระดบั ไหนถงึ จะตกไปไดไ้ กลกวา่ กนั แนะนา เพือ่ น ๆ สังเกต ลักษณะการเคลอื่ นที่ และแรงที่ลกู ปิงปอง 3. . การประกอบกิจกรรมการเรียนการสอน (130 นาที) 3. ข้นั เรียน ฟงั และคดิ ตามครู ตอบคาถามเท่าทีท่ ราบ ผ้สู อนให้เน้ือหาตามใบความรพู้ รอ้ มท้งั อธิบาย ประกอบ PowerPoint/Internet หัวขอ้ เร่อื ง งาน ร่วมสนทนาอภปิ รายแสดงความคิดเหน็ พลงั งาน พลงั งานศกั ย์ พลงั งานศักยโ์ น้มถว่ ง พลังงานศักย์ยดื หยนุ่ พลงั งานจลน์ 4. ข้ันสรุปบทเรยี น 4. ขน้ั สรปุ บทเรียน(20 นาที) ตอบข้อคาถามท่ีครูถามตามความเขา้ ใจ ครผู ู้สอนและนกั เรียนร่วมกนั สรุป โดย ผู้สอน ซกั ถาม เนื้อหาทเ่ี รยี นไปในเรอื่ ง งาน พลังงานศกั ย์ พลงั งานจลน์ ท่ีเรียนผ่านไป รวม 180 นาที

65 สอ่ื การเรยี นการสอนและแหลง่ การเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรียน/หลังเรียนที่ 5 2. แบบเฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน/หลังเรยี นที่ 5 3. ชดุ เสริมทักษะ กลวทิ ยาศาสตร์ (Science show) ที่ 5 1. รถราง 2. ไม้กระดาน ชนิดมีมุมหรอื ไมม่ มี ุมกไ็ ด้ 3. ลูกปงิ ปอง 5-8 ลูก 4. หนังสือเรียน ทีร่ วบรวมโดย นางศวิ รกั ษ์ บญุ ประเสริฐ 5. เฉลยใบงานท่ี 5/1- 5/2 8. PowerPoint แผน่ ท่ี 5/1 - 5/30 9. Internet ( http://rmutphysics.com ) 10. แบบสงั เกตพฤติกรรมที่ 5 แหลง่ เรียนรู้ 1. ห้องเรยี นวทิ ยาศาสตร์ 2. ห้องสมดุ วิทยาลัยเทคนคิ นครสวรรค์ 3. ห้องคอมพิวเตอร์ 4. บคุ คล/ผู้รู้ การวดั ผลและการประเมนิ ผล 1. เครอื่ งมอื วดั ผล 1.1 แบบทดสอบกอ่ นเรยี นที่ 5 1.2 แบบฝกึ หัดท่ี 5/1 และ 5/2 1.4 แบบสังเกตพฤติกรรมขณะเรยี น 2. วธิ วี ดั ผล 2.1 ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรียนที่ 5 2.2 ตรวจแบบฝกึ หัด ที่ 5/1 และ 5/2 2.3 การสงั เกตพฤติกรรมขณะเรียน 3. เกณฑก์ ารประเมินผล ประเมินจากการทากจิ กรรมระหวา่ งเรียน เกณฑ์ผ่านร้อยละ 60 ขึ้นไป เอกสารอ้างองิ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตรช์ ่างอุตสาหกรรม เล่ม 1-2-3. ระดบั ประกาศนยี บัตร วชิ าชพี . กรงุ เทพฯ: ครุ สุ ภา, 2535. จักรนิ ทร์ วรรณโพธ์กลาง.รวมสดุ ยอดเทคนิค ฟิสกิ ส์ Entrance. กรงุ เทพฯ: สานักพิมพพ์ ัฒนา ศึกษา, 2544. ชเู กียรติ จารุธกิจพานชิ . วิทยาศาสตร์ 2. กรุงเทพฯ: สานกั พมิ พแ์ ม็ค, มปป. นริ ันดร์ สวุ รตั น์. คมู่ ือฟสิ กิ ส์ ม. 4 -5-6 . กรงุ เทพฯ: สานกั พมิ พ์ พ.ศ. พฒั นา, 2544.

66 ราชบณั ฑิตยสถาน. ศัพทว์ ทิ ยาศาสตร์. ฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน.กรุงเทพฯ: ราชบัณฑติ สถาน, 2546. สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. ฟิสกิ ส์ เลม่ 1 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พค์ ุรสุ ภาลาดพร้าว, 2544. บนั ทึกหลังการสอน 1. ผลการใชแ้ ผนการจัดการเรียนรู้ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ 2. ผลการเรยี นของนกั เรียน/ผลการสอนของครู/ปัญหาทีพ่ บ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ 3. แนวทางการแกป้ ัญหา .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................

67 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 12 บทท่ี 5 ช่อื วิชา วทิ ยาศาสตร์เพอื่ พัฒนาอาชีพชา่ งอตุ สาหกรรม เวลาเรียนรวม 6 คาบ ชอื่ หนว่ ย งาน พลังงาน กาลัง สอนครง้ั ท่ี 12/17 ช่อื เรื่อง กาลงั จานวน 3 คาบ หวั ข้อเรอื่ ง 1. กาลัง 2. การอนุรกั ษ์พลังงาน 3. ประสทิ ธภิ าพของเครอื่ งกล สาระสาคัญ/แนวคดิ สาคัญ กาลงั (Power= P ) คอื งานที่ทาไดใ้ นหนึง่ หน่วยเวลา หรอื อตั ราการทางาน การอนุรักษ์พลังงาน (Low of conservation of energy) พลังงานไมส่ ูญหาย แต่อาจเปล่ียนรูปหน่ึง ไปเป็นอีกรปู หนึ่งได้ ประสิทธิภาพ (Efficiency : Eff ) คือ อัตราส่วนระหว่างการได้เปรียบเชิงกลที่แท้จริง กับการ ได้เปรียบเชิงกลทางทฤษฎี สมรรถนะ 1. คานวณหาค่า กาลัง การอนุรักษ์พลังงาน ประสิทธิภาพของเครื่องกล ในแบบต่าง ๆ ได้อย่าง ถูกตอ้ ง 2. อธิบายลักษณะการเกิด กาลัง การอนรุ กั ษพ์ ลังงาน ประสิทธภิ าพของเครื่องกล ในแบบต่าง ๆ ได้ อยา่ งถกู ต้อง 3. ใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไดอ้ ย่างเหมาะสม จดุ ประสงค์การเรียนรู้ จดุ ประสงคท์ ่ัวไป 1. เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจความหมาย ลักษณะการเกิด กาลัง การเปล่ียนรูปพลังงาน การอนุรักษพ์ ลังงาน ประสิทธภิ าพของเคร่อื งกล ที่ใชใ้ นชีวติ ประจาวัน 2. เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจ ในการคานวณหาค่า กาลัง การอนุรักษ์พลังงาน ประสิทธิภาพ ของเครอื่ งกล ในแบบต่าง ๆ 3. เพื่อให้มีทักษะการทดลอง เร่ือง การหาประสิทธิภาพของพื้นเอียง โดยใช้กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ 4. เพื่อสร้างกจิ นิสยั ให้แสดงพฤติกรรมดา้ นคุณธรรมจรยิ ธรรมและค่านิยมท่พี งึ ประสงค์ จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม ดา้ นดา้ นความรู้ 1. คานวณหาคา่ กาลงั ในแบบต่าง ๆ ได้ 2. อธิบายการเปลย่ี นรูปพลงั งาน การอนุรกั ษพ์ ลงั งานได้ 3. คานวณหาประสิทธิภาพของเครื่องกลได้ 4. อธบิ ายไดว้ า่ กาลัง นาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั อยา่ งไร

68 ดา้ นทกั ษะ 1. ใชท้ กั ษะการวัดได้ 2. ใชท้ ักษะการสงั เกตส่งิ ต่าง ๆ จากการทดลองได้ 3. ใชท้ กั ษะการคานวณหาคา่ ในการเคล่ือนท่แี บบตา่ ง ๆ ได้ 4. ใชท้ ักษะการตั้งสมมติฐานในการทดลองได้ 5. ใชท้ ักษะการทดลองจากการทดลองได้ 6. ใช้ทกั ษะการลงความเห็นจากข้อมูล และสรปุ ผลการทดลองได้ 7. ใชท้ กั ษะการจดั ทาและส่อื ความหมายขอ้ มลู ด้านจิตพสิ ยั มีคุณธรรมจริยธรรมและลักษณะอันพึงประสงค์ในการเรียน เนือ้ หาสาระ ในหนังสือเรียน วชิ า วิทยาศาสตร์เพ่อื พฒั นาอาชีพชา่ งอตุ สาหกรรม(Science for Industry) รหสั วิชา 20000-1302 หลกั สูตรประกาศนียบตั รวิชาชีพ พุทธศกั ราช 2562ประเภทวิชา ช่างอุตสาหกรรม หมวดวิชา ทกั ษะชวี ติ กล่มุ วชิ า วิทยาศาสตร์ รวบรวมโดย นายเกยี รติภูมิ ซยุ โลน้ บทท่ี 5 เรื่อง งาน พลังงาน กาลัง กิจกรรมการเรยี นการสอน กิจกรรมครู กิจกรรมนกั เรียน 1. ขน้ั นาเขา้ ส่บู ทเรียน ( 10 นาท)ี ให้นักเรยี น 2 คน ออกมาหนา้ หอ้ ง ครูสงั่ ให้คนหนง่ึ ถือหนังสือไว้ตรง 1. ข้นั นาเข้าสบู่ ทเรียน เอว แลว้ เดนิ ไปข้างหน้า 3 กา้ ว อีกคนหนงึ่ ให้ยกหนังสือท่ีวางไว้บน ทาตามคาแนะนาของครู แล้วตอบ พ้นื ขน้ึ มาวางไว้บนโต๊ะครู ครถู ามว่าเพื่อนคนใดเกิดงานทางฟิสกิ ส์ คาถาม 2.การประกอบกิจกรรมการเรียนการสอน (130 นาที) 2. ขัน้ เรียน 2.1 ผู้สอนใหเ้ นือ้ หาตามใบความร้พู ร้อมทั้งอธบิ ายประกอบ Power 2.1 ฟังและคดิ ตามครู ตอบคาถามเทา่ ที่ Point/Internet หัวข้อเร่ือง กาลงั การอนรุ ักษ์พลังงาน ทราบ ประสทิ ธภิ าพของเครอื่ งกล ร่วมสนทนาอภิปรายแสดงความคิดเห็น 2.2 ให้นกั เรยี นจดั แบ่งกลมุ่ กล่มุ ละ 5-6 คน และให้นกั เรยี นปฏบิ ัติ 2.2 ปฏบิ ัตติ ามการทดลองที่ 5 บนั ทึก ตามการทดลอง ที่ 5 และใหบ้ ันทึกผลตามแบบบันทกึ ผลการทดลอง ลงในแบบบันทึกผลการทดลอง 2.3 ผสู้ อนและนกั เรยี นรว่ มกันอธิปรายสรปุ ผลการทดลอง 2.3 ร่วมกนั อธปิ รายและสรุปผลการ 2.4 ผ้สู อนมอบหมายงาน ตามใบมอบหมายงานท่ี 5/1 (งานกลุ่ม) ทดลอง และ 5/2 (งานเดย่ี ว) ใหน้ กั เรียนทาเปน็ การบ้านและให้นามาสง่ ใน 2.4 ทาตามใบมอบหมายงานท่ี 5/1และ คร้งั ตอ่ ไป 5/2 นามาส่งในครั้งตอ่ ไป 3. ขน้ั สรปุ ผล (20 นาที) 3. ขัน้ สรปุ ผล ผสู้ อนอภิปรายสรปุ เนือ้ หาตามหวั ข้อเรื่องงาน พลังงาน กาลงั รบั ฟังการอภปิ รายสรปุ และซักถาม 4. ให้ทาแบบทดสอบหลงั เรียน (20 นาท)ี 4. ทาแบบทดสอบหลงั เรียน ให้นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี นจานวน 20 ข้อ 20 นาที เป็น นักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี น ขอ้ สอบปรนยั ชนดิ 4 ตัวเลือก จานวน 20 ข้อ ใช้เวลา 20 นาที รวมเวลา 180 นาที

69 สอื่ การเรยี นการสอนและแหล่งการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบ หลังเรียนท่ี 5 2. แบบเฉลยแบบทดสอบ หลงั เรียนท่ี 5 3. หนงั สือเรยี น ท่ีรวบรวมโดย นางศวิ รกั ษ์ บญุ ประเสริฐ 4. ใบปฏิบัตกิ ารทดลองท่ี 5 1. พนื้ เอยี งปรับมุมได้ 2. ถุงทราย 500 กรัม 3. ตาชั่งสปริง 5. แนวทางการบนั ทกึ ผลการทดลองที่ 5 6. แบบประเมนิ ผลปฏบิ ัตกิ ารทดลองท่ี 5 7. ใบมอบหมายงานท่ี 5/1 และ 5/2 8. แบบเฉลยใบมอบหมายงานที่ 5/1- 5/2 9. PowerPoint แผน่ ท่ี 5/1 - 5/30 10. Internet ( http://rmutphysics.com ) 11 แบบสังเกตพฤติกรรมที่ 5 แหลง่ เรยี นรู้ 1. ห้องเรยี นวทิ ยาศาสตร์ 2. หอ้ งสมุดวทิ ยาลยั เทคนิคนครสวรรค์ 3. หอ้ งคอมพวิ เตอร์ 4. บคุ คล/ผูร้ ู้ การวัดผลและการประเมินผล 1. เครอ่ื งมอื วัดผล 1.1 แบบทดสอบ หลงั เรียนที่ 5 1.2 แบบบันทกึ ผลปฏิบัติการทดลองท่ี 5 1.3 แบบฝึกหัดที่ 5/1 และ 5/2 1.4 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมขณะเรียน 2. วธิ วี ดั ผล 2.1 ตรวจแบบทดสอบ หลังเรยี นท่ี 5 2.2 ตรวจใบบันทึกผลการปฏิบัตกิ ารทดลองที่ 5 2.3 ตรวจแบบฝึกหัด ท่ี 5/1 และ 5/2 2.4 การสังเกตพฤตกิ รรมขณะเรยี น 3. เกณฑ์การประเมนิ ผล ประเมนิ จากการทากิจกรรมระหวา่ งเรียนและการทดสอบหลงั เรียน เกณฑ์ผ่านร้อยละ 60 ข้ึนไป

70 เอกสารอ้างอิง กระทรวงศึกษาธกิ าร. หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ชา่ งอุตสาหกรรม เล่ม 1-2-3. ระดับประกาศนียบตั ร วชิ าชพี . กรุงเทพฯ: ครุ ุสภา, 2535. จักรนิ ทร์ วรรณโพธ์กลาง.รวมสุดยอดเทคนคิ ฟิสกิ ส์ Entrance. กรุงเทพฯ: สานกั พมิ พ์พัฒนา ศึกษา, 2544. ชูเกยี รติ จารุธกิจพานชิ . วิทยาศาสตร์ 2. กรงุ เทพฯ: สานกั พิมพ์แม็ค, มปป. นิรันดร์ สวุ รัตน.์ คู่มือฟสิ กิ ส์ ม. 4 -5-6 . กรงุ เทพฯ: สานักพิมพ์ พ.ศ. พฒั นา, 2544. บันทกึ หลงั การสอน 1. ผลการใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ 2. ผลการเรียนของนกั เรียน/ผลการสอนของคร/ู ปัญหาทพี่ บ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ 3. แนวทางการแกป้ ญั หา .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................

71 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 13 บทท่ี 6 ช่ือวิชา วิทยาศาสตร์เพอื่ พฒั นาอาชพี ช่างอตุ สาหกรรม เวลาเรยี นรวม 6 คาบ ช่ือหน่วย โมเมนต์และสมดุล สอนครั้งที่ 13/17 ช่ือเรื่อง สมดลุ ตอ่ การหมนุ และการเล่ือนตาแหน่ง จานวน 3 คาบ หวั ข้อเรื่อง 1. สภาพสมดุลจลน์ สภาพสมดุลสถิต 2. สมดุลตอ่ การเลอ่ื นตาแหนง่ 3. สมดุลตอ่ การหมุน 4. เสถยี รภาพของสมดุล สาระสาคญั /แนวคิดสาคัญ สภาพสมดลุ หมายถึง การท่ีวัตถอุ ยนู่ ิ่ง หรอื วตั ถุเคลือ่ นที่ด้วยความเรว็ คงท่ี (แรงลพั ธ์ ท่กี ระทามีค่า เท่ากับศูนย์) ตามกฎขอ้ ที่ 1 ของนิวตัน (วัตถุจะรักษาสภาวะเดิมอยู่เสมอถ้าไม่มี แรงมากระทา หรือมีแรงมา กระทาแล้วผลรวมของแรงมีคา่ เป็นศนู ย์) สภาพสมดลุ กลมี 2 ประเภท คอื สมดลุ จลน์และสมดลุ สถติ สมดลุ ต่อ การเลอื่ นตาแหน่ง การหาแบบ สมดุล 2 แรง 3 แรง และหลายแรง สมรรถนะ 1. คานวณหาคา่ สมดุลของแรง ได้อยา่ งถูกตอ้ ง 2. อธบิ ายลักษณะการเกดิ สมดุลของแรงชนดิ ต่าง ๆ ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง 3. ใช้ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรไ์ ด้อยา่ งเหมาะสม จุดประสงค์การเรยี นรู้ จุดประสงค์ท่ัวไป 1. เพอื่ ให้มีความรู้ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ความหมายของ สภาพสมดุล เสถยี รภาพสมดุล และการ นาไปใช้ในชวี ติ ประจาวัน 2. เพื่อใหม้ คี วามรคู้ วามเข้าใจเก่ยี วกบั การหาค่า สมดุลของแรงชนิดตา่ ง ๆ 3. เพือ่ สร้างกจิ นสิ ยั ใหแ้ สดงพฤตกิ รรมด้านคุณธรรมจรยิ ธรรมและคา่ นยิ มท่ีพงึ ประสงค์ จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ด้านความรู้ 1. อธิบายความหมายของ สภาพสมดลุ แบบต่าง ๆ เสถยี รภาพสมดุล ได้ 2. คานวณหาคา่ สภาพสมดุลแบบตา่ ง ๆ ได้ 3. อธิบายการใช้สภาพสมดุล เสถยี รภาพสมดลุ ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ ด้านทกั ษะ 1. ใชท้ ักษะการวัดได้ 2. ใช้ทักษะการสังเกตสง่ิ ต่าง ๆ จากการทดลองได้

72 3. ใช้ทักษะการคานวณหาค่าสภาพสมดุล ได้ 4. ใชท้ กั ษะการตงั้ สมมติฐานในการทดลองได้ 5. ใชท้ ักษะการทดลองจากการทดลองได้ 6. ใช้ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล และสรปุ ผลการทดลองได้ 7. ใช้ทกั ษะการจดั ทาและสื่อความหมายข้อมูล 8. ใชว้ ิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์ท้ัง 5 วธิ ี ได้อยา่ งถูกต้อง ด้านจติ พิสยั มคี ุณธรรมจรยิ ธรรมและลักษณะอันพึงประสงคใ์ นการเรยี น เน้อื หาสาระ ในหนงั สอื เรียน วิชา วิทยาศาสตร์เพอ่ื พฒั นาอาชีพช่างอตุ สาหกรรม(Science for Industry) รหสั วชิ า 20000-1302 หลักสูตรประกาศนียบตั รวชิ าชีพ พุทธศักราช 2562ประเภทวิชา ชา่ งอตุ สาหกรรม หมวดวชิ า ทกั ษะชีวติ กล่มุ วชิ า วทิ ยาศาสตร์ รวบรวมโดย นายเกียรตภิ ูมิ ซยุ โลน้ บทที่ 6 เรือ่ ง โมเมนตแ์ ละ สมดลุ กิจกรรมการเรยี นการสอน กจิ กรรมครู กจิ กรรมนักเรยี น 1. แจกแบบทดสอบกอ่ นเรียน ( 20 นาท)ี 1. ทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น 20 ข้อ นักเรยี นทกุ คนทาแบบทดสอบก่อน เป็นขอ้ สอบแบบปรนยั ชนิด 4 ตัวเลอื ก เรยี น จานวน 20 ขอ้ ใช้เวลา 20 นาที 2. นาเขา้ สบู่ ทเรยี น (10 นาท)ี 2. นาเขา้ สูบ่ ทเรียน ใช้ชดุ เสริมทักษะ กลวทิ ยาศาสตร์ (Science Show) ตัวแทนนกั เรียนออกมาปฏิบัตติ ามท่ี เร่ือง ตงั้ ไดห้ รอื ไม่ได้ และลกุ ไดห้ รือไมไ่ ด้ ครแู นะนาและลองปฏบิ ัติดู 3. ขั้นสอน ครั้งท่ี 1 (140 นาที) 3. ขน้ั เรยี น ผู้สอนให้เนือ้ หาตามใบความรพู้ รอ้ มท้ังอธบิ าย ฟังและคิดตามครู ตอบคาถาม ประกอบ PowerPoint/Internet หวั ข้อเรอื่ ง สภาพสมดลุ เทา่ ที่ทราบ ร่วมสนทนาอภปิ รายแสดง จลน์ สภาพสมดลุ สถติ สมดุลต่อการเลอ่ื นตาแหนง่ สมดุลต่อ ความคิดเห็น การหมุน เสถยี รภาพของสมดุล 4. ข้นั สรปุ (10 นาที) ข้นั สรปุ สรุปเน้อื หาท่ีเรียน เรือ่ งสภาพสมดลุ จลน์ สภาพสมดลุ รว่ มกนั อธิปรายและสรุปเรอ่ื งสภาพ สถติ สมดลุ ต่อการเล่อื นตาแหนง่ สมดลุ ตอ่ การหมนุ สมดุล การเลอ่ื นตาแหน่ง การหมนุ เสถียรภาพ ของสมดุล สอื่ การเรยี นการสอนและแหล่งการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรยี นท่ี 6 2. แบบเฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียนที่ 6 3. ชดุ เสริมทกั ษะ กลวทิ ยาศาสตร์ (Science show) ที่ 6

73 1. นา้ 2. กระป๋องน้าอดั ลมเปล่า 3. หนังสือเรียน ท่รี วบรวมโดย นางศิวรกั ษ์ บุญประเสริฐ 4. แบบเฉลยใบงานที่ 6/1 และ 6/2 5. PowerPoint แผ่นท่ี 6/1 - 6/30 6. Internet (http://rmutphysics.com ) 7. แบบสงั เกตพฤติกรรมที่ 6 4. แหล่งเรียนรู้ 1. ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ 2. หอ้ งสมุดวทิ ยาลัยเทคนิคนครสวรรค์ 3. หอ้ งคอมพิวเตอร์ 4. บุคคล/ผ้รู ู้ 5. การวดั ผลและการประเมนิ ผล 1. เครอ่ื งมือวัดผล 1.1 แบบทดสอบกอ่ นเรยี นท่ี 6 1.2 แบบฝกึ หัดที่ 6/1, 6/2 1.3 แบบสังเกตพฤติกรรมขณะเรียนท่ี 6 2. วิธวี ดั ผล 2.1 ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี นท่ี 6 2.2 ตรวจใบบันทึกผลการปฏบิ ัตกิ ารทดลองท่ี 6 2.3 ตรวจแบบฝกึ หัด ที่ 6/1 และ 6/2 2.4 การสงั เกตพฤตกิ รรมขณะเรยี นที่ 6 3. เกณฑ์การประเมินผล ประเมนิ จากการทากิจกรรมระหวา่ งเรียน เกณฑผ์ า่ นรอ้ ยละ 60 ขึน้ ไป เอกสารอ้างองิ กระทรวงศึกษาธิการ. หนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ชา่ งอุตสาหกรรม เลม่ 1-2-3. ระดับประกาศนียบตั ร วิชาชีพ. กรงุ เทพฯ: ครุ ุสภา, 2535. จักรนิ ทร์ วรรณโพธก์ ลาง.รวมสุดยอดเทคนิค ฟสิ ิกส์ Entrance. กรงุ เทพฯ: สานกั พิมพ์พัฒนา ศึกษา, 2544. ชูเกยี รติ จารธุ กจิ พานิช. วิทยาศาสตร์ 2. กรงุ เทพฯ: สานักพิมพ์แมค็ , มปป. นริ นั ดร์ สุวรตั น.์ คู่มือฟิสิกส์ ม. 4 -5-6 . กรงุ เทพฯ: สานกั พิมพ์ พ.ศ. พฒั นา, 2544. ราชบัณฑติ ยสถาน. ศพั ท์วทิ ยาศาสตร์. ฉบับราชบัณฑิตยสถาน.กรงุ เทพฯ: ราชบัณฑิตสถาน, 2546. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. ฟิสิกส์ เลม่ 1 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์คุรุสภาลาดพรา้ ว, 2544.

74 บันทึกหลังการสอน 1. ผลการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ 2. ผลการเรียนของนักเรียน/ผลการสอนของครู/ปัญหาทพี่ บ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ 3. แนวทางการแก้ปญั หา .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................

75 แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 14 บทท่ี 6 ชอ่ื วิชา วทิ ยาศาสตรเ์ พ่อื พฒั นาอาชพี ชา่ งอุตสาหกรรม เวลาเรียนรวม 6 คาบ ช่ือหนว่ ย โมเมนตแ์ ละสมดุล สอนครงั้ ท่ี 14/17 ชือ่ เรอ่ื ง โมเมนต์ จานวน 3 คาบ หัวข้อเร่ือง 1. โมเมนต์ 2. จุดศูนยก์ ลางมวล 3. จดุ ศูนย์ถว่ ง 4. โมเมนตแ์ ละสมดลุ ท่ีนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวัน สาระสาคัญ/แนวคิดสาคญั แรงเมื่อมากระทาต่อวตั ถุแล้วพยายามทาให้วัตถเุ กิดการหมุน ผลของแรงทเ่ี กิดวา่ โมเมนต์(Moment) สาหรับแรงที่กระทาต่อวัตถุแล้วทาให้วัตถุเกิดการหมุนผลของแรงดังกล่าว เรียกว่า ทอร์ก จุดศูนย์กลางมวล (Center of Mass : C.M.) คอื ตาแหนง่ ที่เสมือนเป็นทร่ี วมของมวล ทั้งกอ้ น ซง่ึ จุดนอี้ าจอย่ใู น หรอื นอกวตั ถุก็ ได้ การหาจุดศูนย์กลางของมวล จุดศูนย์ถ่วง (Center of Gravity: C.G.) คือ ตาแหน่งที่เสมือนเป็นท่ีรวมของ นา้ หนักของวัตถุทั้งก้อนซึ่งจุดนี้ อาจอยใู่ นหรอื นอกวัตถุก็ได้ ตัวอย่างการนาหลักสมดุลไปใช้ในชีวิตประจาวัน หลกั สมดุล ของแรง และโมเมนต์นั้นมอี ยู่มากมายในชีวิตประจาวนั เช่น ใช้กับเครอ่ื งผ่อนแรงชนิดต่าง ๆ ไดแ้ ก่ ไขควง คีมตัดลวด กว้าน ระบบรอก คานงัด ล้อและเพลา เป็นต้นเครอ่ื งกลอย่างงา่ ยเหล่านี้สามารถผ่อน แรงได้หรือขยายแรงท่ีกระทาได้อย่างไร สามารถเข้าใจได้จากการหาขนาดของแรงที่กระทา ณ จดุ ต่าง ๆ ตาม หลกั การของสมดุลในทุกกรณี สมรรถนะ 1. คานวณหาค่า กาลัง การอนรุ กั ษ์พลังงาน ประสิทธภิ าพของเครอื่ งกล ในแบบต่าง ๆ ได้อย่าง ถูกตอ้ ง 2. อธบิ ายลกั ษณะการเกดิ กาลัง การอนรุ กั ษ์พลงั งาน ประสิทธิภาพของเครื่องกล ในแบบตา่ ง ๆ ได้ อยา่ งถกู ตอ้ ง 3. ใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไดอ้ ย่างเหมาะสม จุดประสงค์การเรียนรู้ จดุ ประสงคท์ ่ัวไป 1. เพือ่ ให้มคี วามรู้ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั ความหมายของ โมเมนต์ จดุ ศูนย์กลางมวล จดุ ศนู ย์ถ่วง และการนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวัน 2. เพ่ือใหม้ ีความรู้ความเข้าใจเกยี่ วกับการหาคา่ โมเมนต์ การหาศูนยก์ ลางมวล จุดศูนยถ์ ว่ ง 3. เพอ่ื ให้มที ักษะการทดลอง เรื่อง สมดุล โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 4. เพ่ือสร้างกจิ นิสยั ใหแ้ สดงพฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรมจรยิ ธรรมและคา่ นิยมทพ่ี งึ ประสงค์

76 จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ด้านความรู้ 1. อธิบายความหมายของ สภาพสมดุลแบบตา่ ง ๆ เสถยี รภาพสมดุล โมเมนต์ จุดศนู ยก์ ลางมวล จุดศูนย์ถว่ ง ได้ 2. คานวณหาคา่ สภาพสมดุลแบบตา่ ง ๆ โมเมนต์ จุดศูนย์กลางมวล จุดศนู ยถ์ ว่ ง ได้ 3. อธบิ ายการใช้สภาพสมดุล เสถียรภาพสมดลุ โมเมนต์ จดุ ศูนยก์ ลางมวล จุดศนู ย์ถว่ ง ไปใชใ้ น ชีวติ ประจาวนั ได้ ด้านทกั ษะ 1. ใชท้ กั ษะการวดั ได้ 2. ใช้ทกั ษะการสงั เกตสงิ่ ต่าง ๆ จากการทดลองได้ 3. ใช้ทกั ษะการคานวณหาคา่ สภาพสมดลุ โมเมนต์ จุดศนู ย์กลางมวล จุดศนู ย์ถ่วง ได้ 4. ใช้ทักษะการต้งั สมมติฐานในการทดลองได้ 5. ใชท้ กั ษะการทดลองจากการทดลองได้ 6. ใช้ทกั ษะการลงความเห็นจากข้อมูล และสรปุ ผลการทดลองได้ 7. ใชท้ ักษะการจดั ทาและสอื่ ความหมายข้อมูล 8. ใช้วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ทง้ั 5 วธิ ี ได้อยา่ งถกู ต้อง ดา้ นจิตพิสัย มีคุณธรรมจรยิ ธรรมและลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ในการเรียน เนอ้ื หาสาระ ในหนังสอื เรียน วชิ า วทิ ยาศาสตร์เพอ่ื พัฒนาอาชีพช่างอตุ สาหกรรม(Science for Industry) รหสั วชิ า 20000-1302 หลกั สูตรประกาศนียบัตรวชิ าชพี พทุ ธศกั ราช 2562ประเภทวิชา ชา่ งอุตสาหกรรม หมวดวิชา ทักษะชวี ติ กลุ่มวชิ า วิทยาศาสตร์ รวบรวมโดย นายเกยี รติภมู ิ ซุยโลน้ บทท่ี 6 เร่อื ง โมเมนตแ์ ละ สมดลุ กจิ กรรมการเรยี นการสอน กิจกรรมครู กจิ กรรมนกั เรยี น 1. นาเขา้ สบู่ ทเรียน (10 นาท)ี ครูยกตัวอย่างรปู ภาพตกึ ศนู ยว์ ทิ ยาศาสตร์เพ่ือการศกึ ษา 1.นาเข้าสบู่ ทเรียน กรุงเทพทมี่ ีลกั ษณะเปน็ รูปลกู เต๋าทาไมจงึ สามารถสรา้ งและ สงั เกตรปู ภาพและร่วมกนั ตอบ ตั้งอยู่ไดโ้ ดยไม่พงั ลงมา คาถาม 2. การประกอบกจิ กรรมการเรยี นการสอน ครั้งท่ี 2 (140 2. ข้ันเรยี น นาท)ี 2.1 ฟังและคิดตามครู ตอบคาถาม 2.1 ผู้สอนให้เนื้อหาตามใบความรูพ้ รอ้ มทั้งอธบิ ายประกอบ เทา่ ที่ทราบร่วมสนทนาอภิปรายแสดง PowerPoint/Internet หวั ข้อเรอ่ื ง โมเมนต์ จดุ ศูนยก์ ลางมวล ความคดิ เห็น จุดศูนย์ถ่วง โมเมนต์และสมดุลทีน่ าไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั 2.2 ปฏิบตั ิตามการทดลองที่ 6 2.2 ให้นกั เรียนจดั แบ่งกลมุ่ กลุม่ ละ 5-6 คน และใหน้ กั เรยี น และบนั ทึกลงในแบบบนั ทกึ ผล การ ปฏิบัติตามการทดลอง ท่ี 6 และใหบ้ นั ทกึ ผลตามแบบบนั ทึกผล ทดลอง

77 การทดลอง 2.3 ร่วมกันอธิปรายและสรุปผล 2.3 ผ้สู อนและนกั เรียนรว่ มกันอธิปรายสรุปผลการทดลอง การทดลอง 2.4 ผูส้ อนมอบหมายงาน ตามใบมอบหมายงานท่ี 6/1 2.4 ทาตามใบมอบหมายงานท่ี 6/1 (งานกลุ่ม) และ 6/2 (งานเดย่ี ว) ให้นกั เรียนทาเป็นการบ้านและ และ 6/2 นามาส่งในครั้งตอ่ ไป ใหน้ ามาส่งในครง้ั ตอ่ ไป 3. ข้ันสรุปผล (10 นาท)ี 3. ข้ันสรปุ ผู้สอนอภปิ รายสรปุ ใหไ้ ดเ้ น้อื หาตามหวั ขอ้ เร่ืองโมเมนต์ และ รบั ฟงั การอภปิ รายสรุปและซกั ถาม สมดลุ 4. ใหท้ าแบบทดสอบหลังเรียน (20 นาที) 4. ทาแบบทดสอบหลงั เรียน ใหน้ ักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียนจานวน 20 ข้อ 20 นาที นักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี น เปน็ ข้อสอบปรนยั ชนดิ 4 ตวั เลอื ก จานวน 20 ขอ้ ใช้เวลา 20 นาที ผูส้ อน ตรวจแบบฝึกหัด การทดลองและประเมนิ ผลทุกอยา่ งให้ เป็นปัจจบุ ัน รวมเวลา 180 นาที สอื่ การเรยี นการสอนและแหล่งการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบ หลังเรยี นที่ 6 2. แบบเฉลยแบบทดสอบ หลงั เรยี นท่ี 6 3 หนังสอื เรยี น ทร่ี วบรวมโดย นางศวิ รักษ์ บุญประเสรฐิ 4. ใบปฏิบัตกิ ารทดลองท่ี 6 1. เชอื กป่าน ยาว 150 เซนตเิ มตร 1 เสน้ และยาว 100 เซนตเิ มตรอีก 1 เส้น 2. ไมเ้ มตร 3. ปากกาเขียนแผ่นใสชนดิ ลบได้หรือ เทปกาว 4. กระดาษ 5. แนวทางการบนั ทึกผลการทดลองที่ 6 6. แบบประเมินผลปฏิบัติการทดลองท่ี 6 7. เฉลยใบงานท่ี 6/1 และ 6/2 9. PowerPoint แผน่ ที่ 6/1 - 6/30 10. Internet (http://rmutphysics.com ) 11. แบบสังเกตพฤตกิ รรมท่ี 6 แหลง่ เรยี นรู้ 1. หอ้ งเรยี นวิทยาศาสตร์ 2. หอ้ งสมุดวทิ ยาลยั เทคนคิ นครสวรรค์ 3. ห้องคอมพิวเตอร์ การวัดผลและการประเมนิ ผล 1. เครื่องมือวดั ผล 1.1 แบบทดสอบ หลงั เรียนท่ี 6 1.2 แบบบนั ทึกผลปฏบิ ัตกิ ารทดลองที่ 6

78 1.3 แบบฝกึ หัดท่ี 6/1, 6/2 1.4 แบบสังเกตพฤติกรรมขณะเรียนท่ี 6 2. วธิ วี ดั ผล 2.1 ตรวจแบบทดสอบ หลงั เรียนที่ 6 2.2 ตรวจใบบันทึกผลการปฏบิ ัตกิ ารทดลองท่ี 6 2.3 ตรวจแบบฝึกหัด ที่ 6/1 และ 6/2 2.4 การสังเกตพฤติกรรมขณะเรียนท่ี 6 3. เกณฑก์ ารประเมินผล ประเมินจากการทากิจกรรมระหว่างเรียนและการทดสอบหลงั เรยี น เกณฑ์ผา่ นร้อยละ 60 ข้ึนไป เอกสารอา้ งอิง กระทรวงศกึ ษาธิการ. หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ชา่ งอตุ สาหกรรม เล่ม 1-2-3. ระดับประกาศนียบตั ร วิชาชีพ. กรงุ เทพฯ: คุรสุ ภา, 2535. จักรนิ ทร์ วรรณโพธก์ ลาง.รวมสุดยอดเทคนคิ ฟิสิกส์ Entrance. กรุงเทพฯ: สานกั พมิ พ์พัฒนา ศึกษา, 2544. บนั ทกึ หลงั การสอน 1. ผลการใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ 2. ผลการเรยี นของนักเรยี น/ผลการสอนของครู/ปัญหาทพ่ี บ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ 3. แนวทางการแก้ปัญหา .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................

79 แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 15 บทท่ี 7 ช่ือวชิ า วทิ ยาศาสตรเ์ พอ่ื พัฒนาอาชพี ชา่ งอตุ สาหกรรม เวลาเรียนรวม 6 คาบ ชอ่ื หน่วย คลน่ื และสมบตั ิของคล่ืน สอนครงั้ ท่ี 15/17 จานวน 3 คาบ ชื่อเรือ่ ง คลนื่ หัวข้อเรื่อง 1. ความหมายของคลนื่ 2. การจาแนกประเภทของคล่นื ใช้ตวั กลางในการแผ่ และการส่ันของตัวกลาง 3. สว่ นประกอบของคลน่ื 4. เฟสตรงกัน เฟสตรงกันขา้ ม 5. ความเข้มของเสียง สาระสาคัญ/แนวคิดสาคัญ คลนื่ หมายถงึ ลกั ษณะของการถูกรบกวน ทม่ี ีการแผก่ ระจาย เคลอื่ นทอี่ อกไป ในลกั ษณะของการกวัด แกว่ง หรอื กระเพอื่ ม และมักจะมีการสง่ ถา่ ยพลังงานไปดว้ ย คลนื่ สามารถจาแนก ไดห้ ลายวิธี เชน่ จาแนก ตามความจาเป็นของการใชต้ ัวกลางในการแผ่ จาแนกได้ 2 ชนิด คือ คล่นื กลคือ คลื่นท่ีต้องอาศัยตัวกลาง ในการเคลือ่ นที่และคลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟ้าไม่ต้องอาศัยตวั กลาง ในการเคลือ่ นท่ี ถ้าจาแนกตามลักษณะการ สั่นของแหล่งกาเนิด หรือลักษณะการแผ่ แบ่งได้ 2 ชนิด คลื่นตามขวางและคลื่นตามยาว ส่วนประกอบ ของคล่ืน มี สันคลื่น ท้องคลื่น ความยาวคล่ืน ความถี่คลื่น คาบของคล่ืน คลื่นสามารถวัดความดังโดยใช้ ระดบั ความเขม้ ของเสยี งมีหน่วยเป็น เดซเิ บล สมรรถนะ 1. คานวณหาคา่ กาลงั การอนุรักษพ์ ลังงาน ประสทิ ธภิ าพของเครอื่ งกล ในแบบต่าง ๆ ได้อยา่ ง ถกู ต้อง 2. อธิบายลกั ษณะการเกดิ คลน่ื ส่วนประกอบของคลนื่ ประเภทของคลื่น ความเข้มของเสียง ไดอ้ ย่าง ถูกตอ้ ง 3. ใช้ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรไ์ ด้อย่างเหมาะสม จดุ ประสงค์การเรียนรู้ จดุ ประสงคท์ ่ัวไป 1. เพื่อใหม้ ีความรู้ความเข้าใจเกย่ี วกับ ความหมาย การจาแนก สว่ นประกอบ เฟสตรงกนั เฟส ตรงกันข้าม ท่เี กยี่ วข้องกับชีวติ ประจาวนั 2. เพ่อื ให้มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับ ความเข้มของเสียง ระดับความเขม้ ของเสยี ง การหาค่า และความสัมพันธ์ตา่ ง ๆ ของคลื่น 3. เพ่อื สรา้ งกิจนิสัยใหแ้ สดงพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรมจรยิ ธรรมและค่านิยม ที่พงึ ประสงค์

80 จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ด้านความรู้ 1. อธิบาย ความหมายของ คลนื่ ได้ 2. อธบิ าย การจาแนกประเภทของคลื่น ใช้ตวั กลางในการแผ่ และการส่ันของตัวกลางได้ 3. อธบิ ายสว่ นประกอบของคล่ืนได้ 4. อธบิ าย เฟสตรงกนั และเฟสตรงกนั ขา้ ม ได้ 5. อธบิ าย ความเขม้ ของเสียง ระดับความเข้มของเสียงได้ 6. สามารถเลอื กสถานที่ ท่ีมีความเขม้ ของเสยี ง เหมาะสมในการดาเนนิ ชีวิตได้ 7. อธิบายคลน่ื ชนดิ ต่าง ๆ ในในชวี ิตประจาวันได้ ดา้ นทักษะ 1. ใช้ทกั ษะการวดั คา่ ตา่ ง ๆ ได้ 2. ใชท้ ักษะการสังเกตสิง่ ต่าง ๆ จากการทดลองได้ 3. ใช้ทักษะการคานวณหาค่าตา่ ง ๆ ของคลน่ื ได้ 4. ใช้ทักษะการตงั้ สมมติฐานในการทดลองได้ 5. ใชท้ ักษะการทดลองจากการทดลองได้ 6. ใชท้ ักษะการลงความเห็นจากขอ้ มลู และสรุปผลการทดลองได้ 7. ใชท้ กั ษะการจดั ทาและส่อื ความหมายขอ้ มลู 8. ใช้วธิ ีการทางวิทยาศาสตร์ทง้ั 5 วิธี ได้อยา่ งถูกต้อง ด้านจติ พิสัย มคี ุณธรรมจรยิ ธรรมและลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ในการเรียน เน้ือหาสาระ ในหนงั สือเรียน วชิ า วิทยาศาสตรเ์ พอ่ื พฒั นาอาชีพชา่ งอุตสาหกรรม(Science for Industry) รหัสวชิ า 20000-1302 หลกั สูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ พุทธศักราช 2562ประเภทวิชา ชา่ งอตุ สาหกรรม หมวดวิชา ทักษะชีวิต กลุ่มวิชา วิทยาศาสตร์ รวบรวมโดย นายเกียรติภูมิ ซุยโล้นบทท่ี 7 เร่ือง คลื่นและ สมบัตขิ องคล่นื

81 กจิ กรรมการเรยี นการสอน กิจกรรมนักเรยี น 1. ทาแบบทดสอบก่อนเรยี น กจิ กรรมครู นกั เรยี นทุกคนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น 1. แจกแบบทดสอบกอ่ นเรยี น ( 20 นาท)ี จานวน 20 ข้อ ใช้เวลา 20 นาที ใหน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น 20 ขอ้ 2. นาเขา้ ส่บู ทเรียน (10 นาท)ี นักเรยี นสังเกตการณเ์ คลื่อนท่ีของสปรงิ เปน็ ข้อสอบแบบปรนัย ชนดิ 4 ตวั เลือก 2. นาเขา้ ส่บู ทเรยี น (10 นาที) 3. ขน้ั เรยี น กลทางวิทยาศาสตร์ Science show เร่ือง ขดลวดสปรงิ 3.1 ฟงั และคดิ ตามครูตอบคาถาม ลงมาจากบนั ไดได้ลกั ษณะใด เท่าท่ีทราบ รว่ มสนทนาอภปิ รายแสดง 3. ขั้นสอน (130 นาที) ความคิดเห็น 3.1 ผสู้ อนให้เน้ือหาตามใบความรู้พรอ้ มทง้ั อธบิ าย ประกอบแผน่ ใส PowerPoint , Internet หวั ข้อ 3.2 ทาตามใบมอบหมายงานท่ี 7/1 ความหมายของคลืน่ การจาแนกประเภทของคล่ืน ใช้ และ 7/2 นามาส่งในครั้งตอ่ ไป ตวั กลางในการแผ่ และการสั่นของตัวกลาง สว่ นประกอบ ของคล่ืน เฟสตรงกนั เฟสตรงกันข้าม ความเข้มของเสยี ง 3.3 รับฟงั การอภิปรายสรปุ และซักถาม 3.2. ผสู้ อนมอบหมายงาน ตามใบมอบหมายงานที่ 7/1(งานกล่มุ ) และ 7/2 (งานเดยี่ ว) ให้นักเรียนทาเป็น การบา้ นและให้นามาส่งในคร้ังตอ่ ไป 3.3 ผสู้ อนอภิปรายสรุปใหไ้ ด้เนอื้ หาตามหวั ข้อ เรอ่ื ง คล่นื และสมบัติของคล่นื 3.4 ผู้สอน ตรวจแบบฝึกหดั การทดลองและประเมินผล ทุกอย่างใหเ้ ปน็ ปัจจุบนั รวมเวลา 180 นาที สอ่ื การเรียนการสอนและแหลง่ การเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ที่ 7 2. แบบเฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน ท่ี 7 3. ชดุ เสริมทักษะ กลวทิ ยาศาสตร์ (Science show) ท่ี 7 1. แกว้ นา้ มีก้านขนาดเดียวกัน 2 ใบ 2. นา้ เปล่า 4. หนงั สอื เรยี น ท่รี วบรวมโดย นางศวิ รักษ์ บญุ ประเสรฐิ 5. เฉลยใบงานท่ี 7/1 และ 7/2 6. PowerPoint แผน่ ท่ี 7/1 - 7/39 7. Internet (http://www.rmutphysics.com/PHYSICS.) 8. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมที่ 7 แหล่งเรียนรู้ 1. หอ้ งเรยี นวิทยาศาสตร์ 2. หอ้ งสมุดวิทยาลยั เทคนคิ นครสวรรค์ 3. ห้องคอมพิวเตอร์

82 4. บุคคล/ผ้รู ู้ 5. การวัดผลและการประเมินผล 1. เครื่องมอื วดั ผล 1.1 แบบทดสอบกอ่ นเรยี นที่ 7 1.2 แบบฝึกหัดที่ 7/1 และ 7/2 1.3 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมขณะเรียนท่ี 7 2. วธิ วี ัดผล 2.1 ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียนท่ี 7 2.2 ตรวจแบบฝึกหัด ท่ี 7/1 และ 7/2 2.3 การสังเกตพฤติกรรมขณะเรียนท่ี 7 3. เกณฑก์ ารประเมนิ ผล ประเมินจากการทากิจกรรมระหวา่ ง เกณฑผ์ ่านร้อยละ 60 ขน้ึ ไป เอกสารอา้ งองิ กระทรวงศกึ ษาธิการ. หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ช่างอตุ สาหกรรม เล่ม 1-2-3. ระดับประกาศนียบตั ร วิชาชีพ. กรุงเทพฯ: คุรุสภา, 2535. จักรนิ ทร์ วรรณโพธก์ ลาง.รวมสดุ ยอดเทคนิค ฟสิ ิกส์ Entrance. กรุงเทพฯ: สานักพมิ พ์พัฒนา ศึกษา, 2544. ชูเกียรติ จารุธกจิ พานิช. วทิ ยาศาสตร์ 2. กรงุ เทพฯ: สานักพิมพแ์ ม็ค, มปป. นริ ันดร์ สวุ รัตน์. คู่มอื ฟิสิกส์ ม. 4 -5-6 . กรงุ เทพฯ: สานักพิมพ์ พ.ศ. พฒั นา, 2544. ราชบณั ฑติ ยสถาน. ศัพท์วิทยาศาสตร์. ฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน.กรุงเทพฯ: ราชบัณฑติ สถาน, 2546. สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. ฟิสกิ ส์ เล่ม 2 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพค์ ุรุสภาลาดพรา้ ว, 2544. บันทึกหลงั การสอน 1. ผลการใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ 2. ผลการเรียนของนักเรียน/ผลการสอนของครู/ปัญหาท่ีพบ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ 3. แนวทางการแกป้ ัญหา .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................

83 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 16 บทท่ี 7 ชอ่ื วิชา วิทยาศาสตรเ์ พอ่ื พัฒนาอาชพี ชา่ งอุตสาหกรรม เวลาเรยี นรวม 6 คาบ ชื่อหน่วย คลนื่ และสมบตั ิของคล่นื สอนคร้งั ท่ี 16/17 ชื่อเรอ่ื ง สมบัติของคล่ืน จานวน 3 คาบ หัวขอ้ เรื่อง คุณสมบัติของคลน่ื - การสะท้อน - การหกั เห - การแทรกสอด - การเลย้ี วเบน สาระสาคญั /แนวคิดสาคญั คุณสมบัติของคล่ืน คล่ืนทุกชนิดจะมีคุณสมบัติท่ีสาคัญ 4 ประการคือ 1. การสะท้อน เม่ือคลื่น เคลื่อนท่ีออกจากแหล่งกาเนิดคล่ืน ไปกระทบส่ิงกีดขวางหรือกระทบกับผิวรอยต่อตัวกลางอื่น จะเกิดการ สะท้อนได้ หลาย ๆ สิง่ รอบตวั เราทเ่ี หน็ การสะท้อนอย่างชดั เจน เช่น กระจก หนา้ ตา่ ง แว่นตารถทขี่ ดั จนมันวับ รองเท้าบูทขัดมัน น้าในสระ จะเกิดการสะท้อน แต่การสะท้อนแสงจะดที ี่สุด จะเกิดกับกระจกเงา เพราะมีผิว เรยี บและมันเงา 2. การหัก เมื่อคลนื่ เคลือ่ นทีจ่ ากตัวกลางหนึ่งไปยังอกี ตวั กลางหน่งึ โดยมีมมุ ตกกระทบทากับ เส้นแบ่งหรือผิวรอยต่อตัวกลางเป็นมุมแหลม จะทาให้ทศิ ทางการเคลื่อนที่ของคล่ืนต้องเปลย่ี นแปลงไป ซึ่งจะ เกดิ ข้ึนบริเวณรอยต่อ ระหวา่ งผิวตัวกลางท้งั สอง และจะมีผลทาให้อัตราเรว็ และความยาวคลื่น เปลี่ยนไปโดยที่ ความถ่ีของคล่ืนจะมีค่าคงเดิมแต่ถ้าคลื่นตกกระทบทามุมกับเส้นแบ่งหรือผิวรอยต่อตัวกลางเป็นมุมฉาก ทิศ ทางการเคล่ือนท่ขี องคล่ืนจะคงเดิม ไม่เปลย่ี นแปลง 3. การเล้ียวเบน การเล้ียวเบนของคลื่นเป็น ปรากฏการณ์ ทคี่ ลนื่ สามารถแผ่จากขอบของสงิ่ กีดขวางไปทางด้านหลังของสิ่งกดี ขวางได้ ถา้ ทาให้ส่ิงกดี ขวางเป็นชอ่ งเลก็ ๆ 4. การแทรกสอด เม่ือคลื่นต่อเนื่องจากแหล่งกาเนิดคลื่นสองแหล่งเดินทางมาพบกัน จะเกิดการซ้อนทับ ของคลื่นเรยี กปรากฏการณ์นีว้ า่ การแทรกสอดของคลนื่ เพื่อให้การพจิ ารณาง่ายข้ึน สมรรถนะ 1. คานวณหาคา่ ตา่ ง ๆ ในเร่ืองของคลน่ื ได้อย่างถูกต้อง 2. อธบิ ายลักษณะการเกิด คลนื่ ได้อยา่ งถูกตอ้ ง 3. ใช้ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรไ์ ด้อย่างเหมาะสม จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ จดุ ประสงคท์ ่ัวไป 1. เพือ่ ใหม้ คี วามรู้ความเข้าใจเกี่ยวกบั ความหมาย ของสมบตั ขิ องคล่นื ท่เี ก่ยี วขอ้ งกับ ชวี ิตประจาวนั 2. เพื่อให้มที กั ษะการทดลอง เรอ่ื ง คลืน่ ตามขวาง คลืน่ ตามยาว โดยใชก้ ระบวนการ

84 ทางวิทยาศาสตร์ 3. เพอ่ื สร้างกิจนิสยั ใหแ้ สดงพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรมจรยิ ธรรมและคา่ นิยม ทพี่ ึงประสงค์ จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ดา้ นความรู้ 1. อธบิ ายคุณสมบัตขิ องคล่ืน การสะทอ้ น การหักเห การแทรกสอด การเล้ยี วเบนได้ 2. การคานวณหาคา่ ปริมาณตา่ ง ๆ ของคลืน่ ได้ 3. อธบิ ายความสัมพันธข์ องค่าต่าง ๆ ของคลน่ื ได้ 4. อธบิ ายคล่นื ชนิดต่าง ๆ ในในชวี ิตประจาวันได้ ดา้ นทักษะ 1. ใช้ทักษะการวดั คา่ ตา่ ง ๆ ได้ 2. ใช้ทักษะการสังเกตสง่ิ ต่าง ๆ จากการทดลองได้ 3. ใช้ทกั ษะการคานวณหาค่าตา่ ง ๆ ของคลื่น ได้ 4. ใช้ทักษะการตง้ั สมมติฐานในการทดลองได้ 5. ใชท้ ักษะการทดลองจากการทดลองได้ 6. ใชท้ ักษะการลงความเห็นจากขอ้ มลู และสรุปผลการทดลองได้ 7. ใชท้ ักษะการจดั ทาและสื่อความหมายข้อมลู 8. ใชว้ ิธีการทางวิทยาศาสตร์ทง้ั 5 วิธี ไดอ้ ย่างถูกต้อง ดา้ นจติ พสิ ยั มีคุณธรรมจรยิ ธรรมและลกั ษณะอันพึงประสงค์ในการเรยี น เนอื้ หาสาระ ในหนังสือเรียน วิชา วิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชพี ช่างอุตสาหกรรม(Science for Industry)รหัสวิชา 20000-1302 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2562ประเภทวิชา ช่างอุตสาหกรรมหมวดวิชา ทกั ษะชีวติ กลมุ่ วชิ า วทิ ยาศาสตร์ รวบรวมโดย นายเกียรติภูมิ ซุยโลน้ บทท่ี 7 เรอื่ ง คลืน่ และสมบัติของคลนื่

85 กิจกรรมการเรยี นการสอน กิจกรรมครู กจิ กรรมนกั เรยี น 1. นาเขา้ สู่บทเรียน (10 นาท)ี 1. นาเขา้ สบู่ ทเรียน (10 นาท)ี ให้นกั เรยี นมองออกไปนอกหน้าตา่ ง แลว้ ถามนกั เรียน นกั เรยี นทาคาแนะนาของครูแล้วตอบ วา่ รสู้ กึ อยา่ งไรกับสายตา ใหน้ กั เรียนเงยี บทง้ั หอ้ งแลว้ ถาม คาถาม นักเรยี นวา่ นกั เรยี นไดย้ นิ อะไรทีอ่ ยูน่ อกห้องบา้ ง ครไู ปยนื พดู บรเิ วณหนา้ ลาโพงแล้วพดู ผ่านไมโครโฟน ใหน้ กั เรียนมอง ปากกาในแกว้ น้า แล้วใหน้ ักเรียนตอบคาถามวา่ เห็นอะไรบา้ ง 2. ข้นั สอน (130 นาท)ี 2. ขนั้ เรยี น 2.1 ผู้สอนให้เน้อื หาตามใบความร้พู ร้อมทั้งอธิบาย 2.1 ฟังและคิดตามครตู อบคาถาม ประกอบแผน่ ใส PowerPoint , Internet หัวขอ้ เรือ่ ง เท่าท่ีทราบ ร่วมสนทนาอภิปรายแสดง สมบัตขิ องคลน่ื ความคิดเห็น 2.2 ให้นักเรยี นจัดแบ่งกลมุ่ กลุม่ ละ 5-6 คน และ 2.2 ปฏบิ ตั ติ ามการทดลองท่ี 7/1 ใหน้ ักเรยี นปฏิบตั ิตามการทดลอง ท่ี 7 และให้บันทึกผลตาม บนั ทึกลงในแบบบันทกึ ผลการทดลอง แบบบันทกึ ผลการทดลอง 2.3 ผู้สอนและนกั เรียนร่วมกนั อธปิ รายสรุปผล 2.3 ร่วมกนั สรปุ ผลการทดลอง การทดลอง 2.4. ผู้สอนมอบหมายงาน ตามใบมอบหมายงานที่ 2.4 ทาตามใบมอบหมายงานท่ี 7/1 7/1(งานกล่มุ ) และ 7/2 (งานเดยี่ ว) ให้นกั เรียนทาเปน็ การบา้ นและใหน้ ามาส่งในคร้งั ต่อไป 2.5 ทาตามใบมอบหมายงานท่ี 7/1และ 2.5 ผู้สอนอภปิ รายสรุปใหไ้ ด้เน้อื หาตามหัวข้อ 7/2 นามาส่งในครงั้ ต่อไป เรอื่ ง คล่นื และสมบัติของคลืน่ 2.6 ผสู้ อน ตรวจแบบฝึกหดั การทดลองและประเมินผล 2.6 รบั ฟังการอภปิ รายสรุปและซักถาม ทกุ อยา่ งใหเ้ ป็นปจั จบุ นั 3. ใหท้ าแบบทดสอบหลงั เรยี น (20 นาที) 3. ทาแบบทดสอบหลังเรียน ใหน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี นจานวน 20 ขอ้ นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียนจานวน 20 ขอ้ ใช้เวลา 20 นาที 20 นาที เป็นขอ้ สอบปรนัย ชนดิ 4 ตัวเลอื ก รวมเวลา 180 นาที ส่ือการเรียนการสอนและแหลง่ การเรียนรู้ 1. แบบทดสอบ หลงั เรียน ท่ี 7 2. แบบเฉลยแบบทดสอบ หลังเรียน ท่ี 7 3. หนังสือเรียน ท่รี วบรวมโดย นางศิวรักษ์ บญุ ประเสรฐิ 4. ใบปฏิบัตกิ ารทดลองที่ 7

86 1. ลวดสปริง 1 ขด 2. เชอื กเส้นเล็ก ๆ ยาวประมาณ 5 เมตร 1 เสน้ 5. แนวทางการบนั ทึกผลการทดลองท่ี 7 6. แบบประเมนิ ผลปฏบิ ัติการทดลองที่ 7 7. เฉลยใบงานท่ี 7/1 และ 7/2 8. PowerPoint แผ่นที่ 7/1 - 7/39 9. Internet (http://www.rmutphysics.com/PHYSICS.) 10. แบบสังเกตพฤติกรรมที่ 7 แหลง่ เรยี นรู้ 1. ห้องเรยี นวทิ ยาศาสตร์ 2. ห้องสมุดวทิ ยาลัยเทคนิคนครสวรรค์ 3. ห้องคอมพิวเตอร์ 4. บุคคล/ผ้รู ู้ การวดั ผลและการประเมนิ ผล 1. เครอ่ื งมือวัดผล 1.1 แบบทดสอบ หลงั เรยี นท่ี 7 1.2 แบบบนั ทึกผลปฏิบัติการทดลองท่ี 7 1.3 แบบฝึกหัดท่ี 7/1 และ 7/2 1.4 แบบสงั เกตพฤติกรรมขณะเรยี นท่ี 7 2. วิธีวัดผล 2.1 ตรวจแบบทดสอบ หลงั เรียนที่ 7 2.2 ตรวจใบบนั ทกึ ผลการปฏบิ ัตกิ ารทดลองท่ี 7 2.3 ตรวจแบบฝึกหัด ที่ 7/1 และ 7/2 2.4 การสังเกตพฤติกรรมขณะเรียนที่ 7 3. เกณฑก์ ารประเมนิ ผล ประเมนิ จากการทากิจกรรมระหว่างเรียนและการทดสอบหลัง เรียน เกณฑ์ผ่านร้อยละ 60 ข้ึนไป เอกสารอ้างองิ กระทรวงศกึ ษาธิการ. หนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตรช์ ่างอุตสาหกรรม เล่ม 1-2-3. ระดบั ประกาศนียบตั ร

87 บนั ทึกหลงั การสอน 1. ผลการใช้แผนการจดั การเรยี นรู้ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ 2. ผลการเรียนของนักเรียน/ผลการสอนของครู/ปญั หาทพ่ี บ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ 3. แนวทางการแกป้ ญั หา .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................

88 แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 17 บทท่ี 7 ชื่อวชิ า วทิ ยาศาสตรเ์ พ่ือพฒั นาอาชีพช่างอุตสาหกรรม เวลาเรียนรวม 6 คาบ ชือ่ หนว่ ย คลนื่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ สอนครัง้ ที่ 17/17 ช่ือเร่ือง คลื่นแมเ่ หล็กไฟฟา้ จานวน 3 คาบ หวั ข้อเร่ือง แม่เหล็ก สนามแม่เหล็ก คล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า สเปกตรัมของคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า คล่ืนวิทยุ โทรทัศน์ คล่ืนไมโครเวฟ รังสอี ินฟราเรด แสง เลเซอร์ รงั สีอัลตราไวโอเลต รงั สีเอกซ์ รังสีแกมมา การ ทดลอง เรอ่ื ง สเปกตรัมของคล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า สาระสาคัญ/แนวคดิ สาคญั คล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า คือ คล่ืนเกิดจากการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า โดยการทาให้สนามไฟฟ้าหรือ สนามแม่เหล็กมีการเปลี่ยนแปลง เม่ือสนามไฟฟ้ามกี ารเปลย่ี นแปลงจะเหน่ียวนาให้เกิดสนามแม่เหลก็ หรือถ้า สนามแม่เหล็กมีการเปล่ียนแปลงก็จะเหน่ียวนาให้เกิดสนามไฟฟ้า และเป็นคลื่นที่ไม่อาศัยตัวกลางในการ เคลอ่ื นท่ี มคี วามเรว็ เท่ากับแสง คือ 3108 m/s สเปกตรัม ของคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้า คือ คลนื่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ ท่ีมี ความถ่ตี ่อเนื่องกัน ต้ังแต่ ความถต่ี ่าสดุ ไปถึงสูงสุด ซึ่งจะทาใหม้ ีผลต่อประสาทสัมผัสของคนแตกต่างกันออกไป สเปกตรัมของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มีช่ือแตกต่างกันออกไปตามแหลง่ กาเนิด และวิธกี ารตรวจวัดคลื่นในความถ่ี บางช่วงจะมีช่ือเรียกไม่เหมือนกัน ทั้งท่ีมีความถี่เดียวกัน ท้ังน้ีเนื่องจากแหล่งกาเนิด ต่างกันนั่นเอง คลื่น แม่เหล็กไฟฟ้า เช่น คล่ืนวิทยุ คล่ืนไมโครเวฟ คลื่นอินฟราเรด แสง รังสีอุตราไวโอเลต รังสีเอกซ์ รังสีแกมมา ซึง่ คล่นื แมเ่ หล็กไฟฟ้าแต่ละชนดิ มที งั้ ประโยชน์และโทษ สมรรถนะ 1. อธิบายลักษณะการเกิด คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แม่เหล็ก สนามแม่เหล็ก ช่วงสเปกตรัมของคล่ืน แม่เหล็กไฟฟา้ ประโยชน์และโทษของคล่นื แม่เหลก็ ไฟฟ้า ได้อย่างถูกตอ้ ง 2. ใช้ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรไ์ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ จุดประสงค์ท่ัวไป 1. เพ่ือให้มีความรู้ความเข้าใจ พ้ืนฐานของคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า การเกิดแม่เหล็กไฟฟ้า สนามแมเ่ หลก็ สเปกตรัมของคลนื่ แม่เหลก็ ไฟฟา้ และประโยชน์ของคล่นื แม่เหล็กไฟฟา้ 2. เพอ่ื ให้มที กั ษะการทดลอง เร่อื ง การผสมแสงสี โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 3. เพอื่ สรา้ งกิจนสิ ัยให้แสดงพฤติกรรมด้านคุณธรรมจรยิ ธรรมและคา่ นยิ มที่พงึ ประสงค์ จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม ด้านความรู้ 1. มีความรู้และเข้าใจพ้ืนฐานของคลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า ได้ 2. บอกลักษณะการเกิด แม่เหล็ก สนามแม่เหล็กและคล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ แบบต่าง ๆ ได้ 3. อธิบายชว่ งสเปกตรัมของคลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า ได้ 4. อธิบายถึงประโยชน์และโทษของคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้า ได้ ดา้ นทกั ษะ 1. ใช้ทกั ษะการสังเกตส่ิงต่าง ๆ จากการทดลองได้

89 2. ใช้ทักษะการตัง้ สมมติฐานในการทดลองได้ 3. ใช้ทักษะการทดลองจากการทดลองได้ 4. ใช้ทักษะการลงความเหน็ จากข้อมูล และสรุปผลการทดลองได้ 5. ใช้ทักษะการจดั ทาและสอื่ ความหมายข้อมูลได้ 6. ใชว้ ธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตรท์ งั้ 5 วธิ ี ได้อย่างถูกต้อง ด้านจติ พิสยั มีคุณธรรมจรยิ ธรรมและลักษณะอนั พงึ ประสงค์ในการเรียน เน้ือหาสาระ ในหนงั สือเรยี น วิชา วทิ ยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชพี ช่างอุตสาหกรรม(Science for Industry)รหัสวิชา 20000-1302 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2562ประเภทวิชา ช่างอุตสาหกรรมหมวดวิชา ทักษะชีวิต กลมุ่ วิชา วทิ ยาศาสตร์ รวบรวมโดย นายเกียรตภิ มู ิ ซยุ โลน้ บทท่ี 8 เร่ือง คล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟา้ กิจกรรมการเรยี นการสอน กจิ กรรมครู กิจกรรมนกั เรียน 1. แจกแบบทดสอบกอ่ นเรียน (20 นาท)ี 1. ทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น ให้นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น 20 ข้อ นกั เรยี นทุกคนทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เป็นข้อสอบแบบปรนยั ชนดิ 4 ตวั เลือก จานวน 20 ขอ้ ใช้เวลา 20 นาที 2. นาเข้าสู่บทเรียน (10 นาท)ี 2. นาเข้าสูบ่ ทเรียน (10 นาท)ี ครูใชช้ ุดการนาเขา้ สบู่ ทเรียน “ภาพเคลอื่ นท่ีได้อย่างไร” ใหน้ กั เรียนชว่ ยกันสงั เกต และชว่ ยกนั ตอบ ให้นักเรียนสงั เกตวา่ ทาไมรปู ภาพถึงเคลื่อนทไ่ี ด้ วา่ เคลือ่ นทีไ่ ดอ้ ยา่ งไร มีอะไรอยู่ขา้ งในหรือไม่ 3. ขัน้ สอน (110 นาที) 3.1 ผู้สอนให้เนอื้ หาตามใบความร้พู ร้อมทัง้ อธบิ าย 3. ขั้นเรยี น ประกอบ PowerPoint, Internet หวั ขอ้ เรอ่ื ง คล่นื 3.1 ฟงั และคดิ ตามครูตอบคาถามเท่าท่ีทราบ แมเ่ หล็กไฟฟา้ รว่ มสนทนาอภปิ รายแสดงความคิดเห็น 3.2 ให้นกั เรียนจัดแบง่ กลุ่มกลมุ่ ละ 6 คน ใหป้ ฏิบัติ การทดลองท่ี 8 และใหบ้ ันทกึ ผลการทดลอง 3.2 นักเรยี นทาการทดลอง ที่ 8 และบนั ทกึ 3.3 ผสู้ อนและนกั เรยี นรว่ มกนั อธิปรายสรุปผล ผลการทดลอง 3.4 ผ้สู อนมอบหมายงาน ตามใบมอบหมายงานท่ี 8 3.3 รวมกันอธิปรายผลการทดลอง ให้นักเรยี นทาเป็นการบ้านและใหน้ ามาส่งในคาบหน้า 4. ขน้ั สรปุ (20 นาท)ี 3.4 นักเรียนทาตามใบงาน และสง่ ตาม ผสู้ อนอภิปรายสรปุ ใหไ้ ดเ้ น้ือหาตามหวั ขอ้ กาหนด เรอื่ ง คล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า 5. ทดสอบหลังเรียน (20 นาท)ี 4. ฟังคาอธปิ รายสรปุ ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น 20 ขอ้ เป็นขอ้ สอบแบบปรนยั ชนิด 4 ตวั เลือก 5. ทาแบบทดสอบหลงั เรยี น 6. ผู้สอน ตรวจแบบฝึกหดั การทดลอง และ นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี น จานวน ประเมินผล ทกุ อยา่ งให้เปน็ ปัจจุบัน 20 ขอ้ ใช้เวลา 20 นาที รวมเวลา 180 นาที

90 ส่ือการเรยี นการสอนและแหล่งการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรยี น/หลังเรยี นที่ 8 2. แบบเฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น/หลังเรยี นที่ 8 3. ชดุ เสริมทักษะ กลวิทยาศาสตร์ (Science show) ที่ 8 3.1 แมเ่ หลก็ 1 ชุด 3.2 รูปภาพตามใจชอบ 2 ใบ 3.3 แผน่ ฟวิ เจอรบ์ อร์ด 1 แผน่ ขนาดประมาณ 30 30 cm 4. หนงั สือเรียน ท่รี วบรวมโดย นางศิวรกั ษ์ บุญประเสรฐิ 5. ใบปฏิบัตกิ ารทดลองที่ 8 ชุดการผสมแสงสี 1 ชุด 6. แนวทางการบันทกึ ผลการทดลองที่ 8 7. แบบประเมินผลปฏิบตั ิการทดลองที่ 8 8. เฉลยใบงานที่ 8 10. PowerPoint แผน่ ที่ 8/1 - 8/27 11. Internet (http://rmutphysics.com ) 12. แบบสังเกตพฤติกรรมท่ี 8 แหลง่ เรียนรู้ 1. หอ้ งเรยี นวิทยาศาสตร์ 2. หอ้ งสมดุ วิทยาลยั เทคนคิ นครสวรรค์ 3. หอ้ งคอมพิวเตอร์ 4. บุคคล/ผู้รู้ 5. การวัดผลและการประเมนิ ผล 1. เคร่อื งมอื วัดผล 1.1 แบบทดสอบกอ่ นเรียน/หลงั เรียนท่ี 8 1.2 แบบบันทกึ ผลปฏิบัตกิ ารทดลองท่ี 8 1.3 แบบฝกึ หดั ท่ี 8 1.4 แบบสงั เกตพฤติกรรมขณะเรียนท่ี 8 2. วิธีวัดผล 2.1 ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น/หลังเรยี นท่ี 8 2.2 ตรวจใบบันทึกผลการปฏบิ ัตกิ ารทดลองท่ี 8 2.3 ตรวจแบบฝึกหัด ที่ 8 2.4 การสังเกตพฤตกิ รรมขณะเรียนที่ 8 3. เกณฑ์การประเมนิ ผล ประเมนิ จากการทากิจกรรมระหวา่ งเรยี นและ การทดสอบหลังเรยี น เกณฑ์ผ่านรอ้ ยละ 60 ขนึ้ ไป

91 เอกสารอ้างอิง กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. หนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ช่างอุตสาหกรรม เล่ม 1-2-3. ระดับประกาศนยี บตั ร วิชาชีพ. กรุงเทพฯ: คุรุสภา, 2535. จกั รนิ ทร์ วรรณโพธ์กลาง.รวมสดุ ยอดเทคนิค ฟิสิกส์ Entrance. กรงุ เทพฯ: สานักพมิ พ์พัฒนา ศกึ ษา, 2544. ชูเกียรติ จารุธกิจพานชิ . วิทยาศาสตร์ 2. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์แม็ค, มปป.

92 บนั ทึกหลังการสอน 1. ผลการใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ 2. ผลการเรยี นของนักเรียน/ผลการสอนของคร/ู ปัญหาท่พี บ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ 3. แนวทางการแก้ปัญหา .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook