บทท่ี 3 หลักการออกแบบสิ่งพิมพ์ สาระสำคญั การออกแบบใหส้ ือ่ ส่งิ พมิ พ์มคี วามสวยงามหรอื มีความเหมาะสมถกู ต้องตามวตั ถปุ ระสงค์ ของการใช้ งานนั้นถือวา่ เปน็ ขัน้ ตอนท่ีสำคัญอีกช้นั หนงึ่ ถึงแมว้ ่าจะไม่ใชข่ ั้นตอนโดยตรงของ กระบวนการพิมพ์กต็ าม แต่ กน็ ับว่ามคี วามสำคญั มาก เพราะสง่ิ พมิ พใ์ นปัจจบุ ันมิได้ม่งุ ให้อ่านได้ สื่อข้อความไดเ้ พียงอยา่ งเดียว แต่ยังมุ่งให้ มคี วามสวยงาม เอื้ออำนวยตอ่ การอ่าน จดจำงา่ ย สะดุดตา และยังมงุ่ ประโยชน์ทางการค้าอีกด้วย การออกแบบ จึงเข้ามามีบทบาทต่อการพิมพ์และผลิตสื่อ สิ่งพิมพ์อย่างมาก อาจกล่าวได้ว่าสื่อสิ่งพิมพ์นั้นเป็นผลผลิตของ ศิลปะและเทคโนโลยี ในขณะ เดียวกัน การวางรูปแบบและการออกแบบที่ดีจะช่วยให้สื่อสิ่งพมิ พด์ มู ีชวี ิตชีวา ยิ่งขึ้นและไม่น่า เบื่อหน่ายอีกต่อไป ดังนั้นในบทนี้จะทราบถึงหลักของการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ตลอดจน ขน้ั ตอนใน การออกแบบสือ่ ส่ิงพมิ พเ์ บ้ืองตน้ เพ่อื ให้สอ่ื สิ่งพิมพ์ออกมามีความสวยงามและเหมาะสมต่อ การใช้ งานได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ สาระการเรียนรู้ 1. หลักการออกแบบส่ิงพมิ พ์ 2. ระบบกริดในการออกแบบทางการพิมพ์ 3. การออกแบบหนังสือพิมพ์ 4. การออกแบบนิตยสาร ผลการเรยี นท่คี าดหวงั 1. หลักการออกแบบส่ิงพมิ พ์ 2. ระบบกรดิ ในการออกแบบทางการพมิ พ์ 3. การออกแบบหนงั สือพมิ พ์ 4. การออกแบบนิตยสาร หลักการออกแบบส่งิ พพิ ์ ส่งิ พิมพท์ ่พี บเหน็ โดยทว่ั ไปประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญหลายอยา่ ง ได้แก่ ตัวอักษร หรือ
ขอ้ ความ ภาพประกอบ เนื้อท่ีว่างและสว่ นประกอบอ่ืน การออกแบบสง่ิ พิมพ์ตอ้ งคำนึงถงึ การจดั วางองค์ประกอบตา่ ง ๆ ดงั กล่าวเขา้ ด้วยกนั โดยใช้หลกั การ ดังน้ี 1. ทศิ ทางการและการเคลอื่ นไหว (Direction & Movement) เม่อื ผรู้ บั สารมองดสู ื่อ สงิ่ พิมพ์ การรับรเู้ กิดข้ึนเป็นลำดับตามการมองเห็น กล่าวคือเกดิ ขนึ้ ตามการกวาดสายตาจากองค์ประกอบหน่ึง ไปยังอีกองค์ประกอบหนง่ึ จงึ มคี วามจำเปน็ อย่างย่ิง ที่จะต้องมีการดำเนนิ การวางแผน กำหนดและชักจูงสายตา ของผู้รับสารให้เคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ถูกต้อง ตามลำดับขององค์ประกอบที่ต้องการให้รับรู้ก่อนหลัง โดยทั่วไปหากไม่มีการสร้างจุดเด่นขึ้นมา สายตาของผู้รับสารจะมองดูหน้ากระดาษที่เป็นส่ือพิมพ์ในทิศทาง ของตัวอักษรซี (Z) ในภาษาอังกฤษ คือจะเรมิ่ มองท่มี ุมบนดา้ นขวา แลว้ ไล่ลงมายงั มุมล่างดา้ นซ้าย ไปจบท่ีมุม ลา่ งด้านขวาตามลำดับการจดั องคป์ ระกอบทีส่ อดคลอ้ งกบั ธรรมชาตขิ องการมองน้ี เปน็ สว่ นชว่ ยใหเ้ กิดการรับรู้ ตามลำดบั ที่ต้องการ 2. เอกภาพและความกลมกลืน (Unity & Harmony) เอกภาพคือความเป็นอันหนึ่ง เหมือนกรอบสีขาว ล้อมรอบองคป์ ระกอบทั้งหมด ไว้ภายในช่วยให้องคป์ ระกอบทั้งหมดดูเหมอื นวา่ อันเดียวกัน ซึ่งในการจัดทำ เลย์เอาต์ หมายถึง การนำเอาองค์ประกอบที่แตกต่างกันมาวางไว้ใน พื้นที่หน้ากระดาษเดียวกันได้อย่าง กลมกลืน ทำหน้าที่สอดคลอ้ งและส่งเสริมกันและกันใน พืน้ ทหี่ นา้ กระดาษเดียวกนั ไดอ้ ย่างกลมกลนื ทำหน้าท่ี สอดคล้องและส่งเสริมกันและกับใน การสื่อสารความคิดรวบยอด และบุคลิกภาพของสื่อสิ่งพิมพน์ ั้น ๆ การ สร้างเอกภาพน้ีสามารถ ทำไดห้ ลายวิธี เชน่ 2.1 การเลือกใช้องค์ประกอบอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเลือกใช้แบบตัวอักษรเดียวกัน การ เลือกใชภ้ าพ ขาว-ดำทัง้ หมด เปน็ ต้น 2.2 การสร้างความต่อเน่อื งกันใหอ้ งคป์ ระกอบ เช่น การจัดใหพ้ าดหัววางทับ แลบันภาพ การ ใช้ ตัวอกั ษรที่เป็นข้อความลอ้ ตามทรวดทรงของภาพ เป็นต้น 2.3 การเว้นพื้นที่ว่างรอบองค์ประกอบทั้งหมด ซึ่งจะทำใหพ้ ื้นที่ว่างน้ันทำหน้าท่ี อนกรอบสี ขาว ลอ้ มรอบองค์ประกอบทั้งหมด ไว้ภายในช่วยให้องค์ประกอบทงั้ หมดดเู หมือนว อยูก่ ันอย่างเปน็ กล่มุ เป็นกอ้ น
3. ความสมดุล (Balance) หลักการเรื่องความสมดุลนิเป็นการตอบสนองธรรมชาติของผู้ รับสารใน เรื่องของแรงโน้มถ่วง โดยการจัดวางองค์ประกอบท้ังหมดในพ้นื ที่หน้ากระดาษ จะต้อง ไม่ขัดกับความรู้สึกน้ี คือ จะต้องไม่ดูเอนเอียงหรือหนักไปด้านใดด้านหนึ่ง โดยไม่มีองค์ประกอบมา ถ่วงในอีกด้าน การจัด องคป์ ระกอบใหเ้ กดิ ความสมดุลแบง่ ไดเ้ ป็น 3 ลกั ษณะคอื 3.1 สมดลุ แบบสมมาตร (Symmetrical Balance) เป็น การจัดวางองค์ประกอบโดย ให้องค์ประกอบในด้านซ้ายและด้านขวาของพื้นที่หน้ากระดาษมีลักษณะ เหมอื นกันท้งั สองขา้ ง ซง่ึ องค์ประกอบทีเ่ หมือนกันในแต่ละด้านน้ีจะถว่ งนำ้ หนักกันและกันให้เกิดความรู้สึก สมดุล 3.2 สมดุลแบบอสมมาตร (AsymmetricalBalance) เป็นการจัดวางองค์ประกอบโดย ให้องค์ประกอบในด้านซ้ายและด้านขวาของพื้นที่ หน้ากระดาษมีลักษณะไม่เหมือนกันทั้งสองข้างแม้ องค์ประกอบจะไมเ่ หมือนกันในแต่ละด้าน แตก่ ็จะถว่ งน้ำหนกั กันและกันให้เกดิ ความสมดุล 3.3 สมดลุ แบบรศั มี (Radial Balance) เป็นการจดั วางองคป์ ระกอบ โดยใหอ้ งค์ประกอบแผ่ไป ทุกทศิ ทุกทางจากจุดศูนยก์ ลาง 4. สัดส่วน (Proportion) การกำหนดสัดส่วนนี้เป็นการกำหนดความสัมพันธ์ในเรื่อง ของขนาด ซึ่งมี ความสำคัญ โดยเฉพาะในหน้ากระดาษของส่ือึ่งพิมพ์ที่ตอ้ งการใหม้ ีจดุ เด่น เซน หน้าปกหนังสือ เป็นต้น เพรา องค์ประกอบท่ีมีสดั ส่วนแตกต่างกันจะดึงดดู สายตาไดด้ กี ว่าการใช้ องคป์ ระกอบท้ังหมดในสดั สว่ นท่ีใกล้เคียง กันในการกำหนดสัดส่วนจงึ ต้องพิจารณาองค์ประกอบ ท้งั หมดในพ้ืนท่หี นา้ กระดาษไปพรอ้ ม ๆ กนั วา่ ควรจะ เพม่ิ หรือลดองคป์ ระกอบใด ไม่ใชค่ อ่ ย ๆ ท้า ไปทลี ะองคป์ ระกอบ 5. ความแตกต่าง (Contrast) เป็นวิธีการที่ง่ายที่สุด โดยการเน้นให้องค์ประกอบใดองค์ประกอบหนง่ึ เด่นขึ้นมาด้วยการเพิ่มขนาดให้ใหญ่กว่าองค์ประกอบอื่นๆ โดยรอบ เช่น พาดหัวขนาดใหญ่ เป็นต้น ซึ่งโดย ธรรมชาตแิ ล้วผูด้ จู ะเลอื กมองดูองค์ประกอบทใ่ี หญ่กว่าก่อน 5.1 ความแตกต่างโดยขนาด เป็นวิธีการที่ง่ายที่สุด โดยการเน้ นให้องค์ประกอบใด องค์ประกอบหน่งึ เดน่ ขึน้ มาด้วย การเพ่มิ ขนาดให้ใหญ่ กวา่ องค์ประกอบอนื่ ๆ โดยรอบ เชน่ พาดหวั ขนาดใหญ่ เป็นต้น ซ่ึงโดย ธรรมชาติแล้วผดู้ จู ะเลอื กมองดอู งคป์ ระกอบที่ใหญ่กว่าก่อน
5.2 ความแตกตา่ งโดยรูปร่าง เป็นวธิ ที เ่ี นน้ ใหอ้ งคป์ ระกอบใดองค์ประกอบหนึ่งเดน่ ข้ึนมาด้วย การใช้ รูปร่างที่แตกตา่ งออกไปจากองคป์ ระกอบอ่นื ในหน้ากระดาษ เช่น การได้คตั ภาพคนตามรปู รา่ งของร่างกายแล้ว นำไปวางในหนา้ กระดาษทมี่ ภี าพแทรกเล็ก ๆ ทอี่ ยู่ในกรอบสเ่ี หลี่ยมเปน็ ต้น 5.3 ความแตกต่างโดยความเข้ม เป็นวิธีการที่เน้นให้องค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งเด่น ขน้ึ มาด้วย การเพิ่มหรือลดความเข้มหรอื น้ำหนกั ขององคป์ ระกอบน้นั ใหเ้ ขม้ หรอื อ่อนกว่าองค์ประกอบอ่ืนท่อี ยู่ร่วมกันใน หนา้ กระดาษ เช่น การใชต้ ัวอักษรท่เี ป็นตวั หนาในย่อหนา้ ทต่ี อ้ งการเน้นเพียงยอ่ หนา้ เดียวในหนา้ กระดาษ เป็น ต้น 5.4 ความแตกตา่ งโดยทศิ ทาง เป็นวธิ ีการทีเ่ นน้ ให้องคป์ ระกอบใดองค์ประกอบหน่งึ เดน่ ขน้ึ มา ดว้ ยการ วางองค์ประกอบที่ต้องการจะเน้นนั้นให้อยู่ในทิศทางที่แตกต่างจากองค์ประกอบอื่นๆ ที่อยู่ร่วมกัน ใน หน้ากระดาษ เชน่ การวางภาพเอยี ง 45 องศา ในหน้ากระดาษที่เต็มไปด้วยตัวอักษรท่ีเรียงเป็นแนวนอน เป็นต้น ระบบกรดิ ในการออกแบบทางการพมิ พ์ ในการออกแบบใด ๆ ก็ตาม การท่ีจะนำองคป์ ระกอบต่าง ๆ เข้าไปสู่การจดั องคป์ ระกอบสิ่งแรกท่ีต้อง คำนึงถึงก็คอื กรอบของงานท่ีถอื เปน็ อาณาบรเิ วณพืน้ ทขี่ องชนิ้ งานนน้ั วา่ นำองค์ประกอบเหลา่ นั้นไปจัดวางได้ อย่างเหมาะสม สวยงาม น่าสนใจและเกิดประโยชน์ใช้สอยได้ดเี พียงใดในการออกแบบ งานพิมพ์ก็มีลักษณะ เดียวกนั กล่าวคอื ได้มีการจดั แบง่ พน้ื ทข่ี องชิ้นงานทีจ่ ะตีพมิ พอ์ อกเป็นส่วนยอ่ ย ๆ ทเ่ี ป็นกรอบของงานทพิมพ์ โดยวางอยู่ในรูปของตารางทีเ่ รียกกันวา่ ระบบกริด ทั้งนี้เพื่อท่ีจะได้นำส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อความที่เปน็ ตวั พมิ พห์ รอื ภาพมาจัดวางตามหลักการออกแบบทางการพมิ พ์ ซงึ่ ระบบกริดน้ไี ดน้ ำพืน้ ทข่ี องกรอบสิ่งพิมพ์ใน หน้านัน้ ๆ มาจดั แบง่ เปน็ ตารางพน้ื ทย่ี อ่ ย ๆ โดยใชเ้ สน้ แนวตง้ั และแนวนอนเพือ่ สรา้ งตาราง แลว้ ใชจ้ นิ ตนาการ ตามหลักการออกแบบมาคำนวณทางสายตาเพือ่ จัดวางข้อความและภาพน้นั เป็นอาร์ตเวิรก์ ระบบกริดที่นำมาใช้ ในการออกแบบประกอบดว้ ยส่วนท่สี ำคญั 8 ส่วน ดังน้ี 1.มมุ ของกรดิ (Gridn Intersection) หมายถึง ตำแหน่งทเ่ี สน้ แนวตงั้ และแนวนอนของตารางตดั กนั มมุ ของกริดนใ้ี ชค้ วบคมุ พ้ืนท่ีพิมพ์อย่ใู นขอบเขตทกี่ ำหนด และให้พนื้ ท่ที ว่ี างไดม้ ุมฉากกบั ตารางอย่างมีความเปน็ ระเบียบต่อเนอ่ื ง กลมกลนื และเอกภาพ 2. เสน้ ตัดเจียน (Trim Mask) หมายถึง แนวเสน้ ท่ีใช้วางเคร่ืองหมายแสดงขนาดของสงิ่ พมิ พท์ ีต่ ้องการ
จริงภายหลังการจดั พมิ พ์ ทำเล่ม และตดั เจียนเสร็จเรียบร้อยแลว้ ซึ่งขนาดดงั กล่าวอาจ เรยี กอกี อยา่ งหน่ึงวา่ ขนาดของกรดิ 3. ชอ่ งวา่ งหรือกตั เตอร์ (Gutter) หมายถงึ พน้ื ที่ว่างระหว่างกรอบพ้ืนท่ีพมิ พข์ องหนา้ ชา้ ยกบั กรอบ พน้ื ที่พิมพ์ของหน้าขวา ซ่งึ เป็นแนวของสว่ นที่เว้นไวด้ า้ นสนั ของสิง่ พมิ พอ์ นั เปน็ ชอ่ งว่างหนา้ คู่ทเี่ รยี กว่า อก กลาง ช่องวา่ งกัตเตอรน์ ี้มีประโยชนต์ ่อการแบง่ พน้ื ที่พิมพ์ของแตล่ ะหนา้ ออกจากกนั และเอ้ือตอ่ การเปิดอา่ น เพราะไดว้ างแนวช่องว่างนไ้ี ว้เพียงพอต่อการทำเลม่ 4. เสน้ ตัดเจียน 5. ตำแหนง่ เลขหนา้ (Follo) หมายถงึ ตำแหนง่ ที่กำหนดไว้เพอื่ วางลำดบั เลขหน้า โดยอาจใช้วาง ตัวพิมพช์ อ่ื หนงั สอื หรอื ชอื่ บทด้วยกไ็ ด้ เพ่อื ให้เกิดความต่อเนอื่ งเป็นระบบและระเบยี บ อันมีประโยชนต์ ่อการรู้ ลำดับการเรียงของงานพิมพ์ 6. อลั เลย์ (Alley) หมายถงึ ชอ่ งว่างของพ้ืนทีพ่ ิมพต์ ามแนวตง้ั หรอื แนวนอนตารางโดยเหน็ เปน็ ช่องว่าง ระหวา่ งบรรทดั หรอื คอลัมน์ 7. หนว่ ยของกริด (Grid Unit) หมายถงึ พ้นื ทพี่ ิมพอ์ ันดูแล้วเป็นชุดหรอื พนื้ ทพ่ี มิ พ์ทเี่ กาะกลมุ่ กนั ภายใน อัลเลยจ์ ัดพมิ พแ์ ละอ่านทด่ี ูแล้วมกี ารแบง่ ออกเปน็ กล่มุ ๆ 8. กัตเตอร์ 9. เสน้ พับ (Fold Line) หมายถึง เส้นแนวกึง่ กลางของหน้ากระดาษระหว่างกตั เตอร์เพอ่ื ทำเล่มหรือเป็น ส่วนท่ใี ช้ในการแบง่ สิง่ พิมพน์ นั้ การใช้ระบบกริดในการออกแบบทางการพิมพ์นั้น เป็นการวางแผนเพื่อกำหนดว่าจะนำเอาข้อความ หรือภาพ ทั้งส่วนท่ีเป็นหวั เรื่อง ย่อหน้า ข้อความ คำบรรยาย ภาพ แผนภูมิ ตารางเลข หน้า ชื่อหนังสือหรอื ชือ่ บทความไว้ในตำแหน่งใดจึงจะถูกตอ้ ง เหมาะสม และสวยงาม เมื่อกำหนดจนเป็นที่พอใจแล้ว ก็นำไปสู่การ ดำเนินงานเพื่อจัดทำเป็นอาร์ตเวิร์ก ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่าระบบกริด เปรียบเสมือนพิมพ์เขียว ที่ใช้ในการ ออกแบบจดั หน้าส่งิ พมิ พ์ การออกแบบหนงั สอื พมิ พ์ เนอ่ื งจากหนงั สอื พมิ พ์ส่วนใหญจ่ ัดทำขึ้นเพ่ือออกเผยแพร่เปน็ ประจำ การออกแบบหนังสอื พิมพจ์ ึงเป็น เรอื่ งทีต่ ้องมีการแขง่ ขันกับเวลามากท่สี ดุ เม่อื เทียบกบั การออกแบบสอ่ื สิง่ พมิ พอ์ น่ื ๆ นอกจากนี้หนังสือพมิ พ์ ทั่วไปซง่ึ ไมใ่ ชห่ นังสอื พมิ พเ์ ฉพาะด้าน เช่น หนังสอื พมิ พก์ ีฬา จะมีเน้อื หาข้อมูลทีเ่ ป็นข่าวสารมากมายหลาย ดา้ น เชน่ การเมือง บันเทิง ศาสนา ฯลฯ ถา้ เพียงแคพ่ ิจารณาตัวแปรสองประการดังกล่าวกจ็ ะเหน็ ไดว้ า่ การ ออกแบบหนังสอื พมิ พ์เปน็ เร่ืองท่ที า้ ทายความสามารถของนกั ออกแบบอย่างมาก หลักการทั่วไปในการ ออกแบบหนงั สอื พมิ พม์ ี 2 เร่ืองสำคัญ คอื สิ่งทต่ี ้องกำหนด และวางแผนกอ่ นการออกแบบหนงั สอื พิมพก์ บั
องคป์ ระกอบและการจดั วางองคป์ ระกอบในการออกแบบหนงั สอื พิมพก์ อ่ นจะทำการออกแบบหนังสือพิมพ์ นน้ั มีเรอื่ งท่จี ะต้องมกี ารกำหนดและวางแผนเฉพาะในส่วนท่ีเกี่ยวขอ้ งในการออกแบบ ดังน้ี 1. การกำหนดขนาดและรูปแบบของหนังสอื พมิ พ์ ในการกำหนดขนาดและรูปแบบของหนงั สือพิมพ์ นัน้ สง่ิ แรกท่จี ะต้องคำนึงถงึ กค็ ือประเภทของหนังสอื พิมพ์นน้ั ซงึ่ โดยทวั่ ไปแล้วขนาดของหนังสือพมิ พ์ที่นยิ ม ใชก้ ันเปน็ มาตรฐานมีดังน้ี 1.1 หนงั สอื พิมพ์แผน่ ใหญ่ (Broad Sheet) หรอื ขนาดเต็มหน้ากระดาษ (Full Size)เปน็ ขนาดท่ี ใช้กนั ทั่วไปในหนังสอื พมิ พ์ประเภทหนังสือพมิ พร์ ายวันทีร่ ายงานข่าวท่วั ไป 1.2หนงั สือพมิ พแ์ ผน่ เลก็ (Half Size หรอื Tabloid) เปน็ หนังสือพิมพ์ทร่ี ายงานข่าวในพาะด้าน เช่น หนังสือพิมพ์กีฬา เป็นต้น ในต่างประเทศนิยมใช้กับหนังสือพิมพ์ประเภทรายงานข่าวเร้าใจ ในประเทศ ไทยนิยมใช้ทำหน้าแทรกในโอกาสต่าง ๆ (Supplement) นอกจากการกำหนดขนาด และรูปแบบตามประเภท ของข่าวทห่ี นงั สือพิมพ์น้นั รายงานแล้วยงั ตอ้ งคำนึงถงึ ความสะดวกสบาย ในการถอื อา่ นและการจดั เกบ็ เมื่ออ่าน เสร็จแล้ว นอกจากน้ียังตอ้ งนึกถงึ ความประหยัดในดา้ นตน้ ทุนการพมิ พแ์ ละการผลติ ด้วย 2. แบบและขนาดตัวอักษร เนอื่ งจากความหลากหลายในประเภทเนื้อหาของขา่ วในหนงั สือพิมพ์ ทำให้ ดเู หมือนกับวา่ จะตอ้ งมกี ารใช้ตัวอักษรหลายๆ แบบเพื่อให้เหมาะสมกับประเภทเนอื้ หาของขา่ วแต่ละเรื่องซึ่งก็ มีส่วนถูกอย่บู า้ ง แต่หากมกี ารเลือกใชแ้ บบของตัวอักษรเปลี่ยนแปลงไปเรอื่ ยๆ ก็อาจจะก่อให้เกิดปัญหาทั้งใน ดา้ นประโยชน์ใช้สอย และดา้ นการสื่อสารกล่าวคืออาจจะเกิดความสบั สนในการอา่ น และความยุ่งยากในการ ติดตามขา่ วเนื่องจากรูปแบบที่หลากหลายย่อมทำให้ดซู บั ซอ้ นได้ง่าย นอกจากนก้ี ารไมม่ ีรูปแบบแน่นอน ยังจะ มีผลทำให้ผอู้ ่านไม่สามารถจับภาพลักษณท์ เ่ี ปน็ เอกลักษณ์ของหนังสอื พิมพไ์ ด้ นอกจากแบบของตัวอักษรแล้ว ขนาดของตัวอกั ษรก็ควรจะมีการกำหนดด้วยทั้งนี้จะต้องคำนึงถึงความยืดหยนุ่ เช่นเดียวกนั โดยขนาดตัวอักษร ที่ใช้เป็นตัวพิมพ์เนื่อเร่ืองนั้นไม่ควรมขี นาดเล็กกวา่ 12 พอยต์ เพราะจะทำให้ยากตอ่ การอ่านเมือ่ มีเน้ือหาของ ข่าวจำนวนมาก สว่ นตวั อกั ษรทใี่ ชเ้ ปน็ ตวั พมิ พ์หัวเร่ือง หวั รอง ฯลฯนัน้ ควรจะมีขนาดใหญ่ ต้งั แต่ 18 พอยตเ์ ป็น ต้นไปเพื่อจะได้สามารถเน้น หรอื เรยี กรอ้ งความสนใจได้ 3. หนา้ แรกของหนังสือพิมพ์ คือส่วนของหนังสือพิมพซ์ ง่ึ อ่านกอ่ นหนา้ อนื่ ๆ และเนื่องจากผ้ทู ่ผี ่านไป มานั้นเลอื กซือ้ หนงั สือพมิ พ์ ส่ิงทน่ี กั ออกแบบควรจะทำใหห้ นา้ แรกมปี ระสทิ ธิภาพสงู สุดกค็ อื การเลอื ก นำเสนอขอ้ มลู หรอื พาดหวั และภาพของขา่ วทนี่ ่าสนใจนนั้ อย่างชดั เจน งา่ ยแกก่ ารอา่ นหรือดรู ู้เร่อื งได้ในเวลา อนั รวดเรว็ ท้ังนนี้ ักออกแบบจะตอ้ งจัดการกบั องคป์ ระกอบซึ่งปรากฏอยใู่ นหนา้ แรกรปู แบบมาตรฐานของหนา้ แรก หนา้ แรกของหนังสอื พิมพค์ วรจะได้รบั การออกแบบให้มีรูปแบบมาตรฐานในการจดั วางองคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ท้งั นเ้ี ปน็ ตัวอกั ษรและภาพ รปู แบบนีจ้ ะต้องไดร้ บั การรักษาไวใ้ ชท้ ุกฉบับต่อเน่ืองกันไปเรอ่ื ย ๆ ไมว่ ่าจะเปน็
ตำแหน่งและขนาดของตัวอกั ษรและภาพ เพอ่ื ให้กลมุ่ เป้าหมายเกดิ ความคุ้นเคยและจดจำได้จนกลายเปน็ เอกลกั ษณ์เฉพาะตวั ของหนงั สือพิมพ์ไปในท่ีสดุ อยา่ งไรก็ตามรปู แบบมาตรฐานนจ้ี ะต้องมคี วามยดื หยุ่นสูง เนื่องจากภาพและตัวอกั ษรของแต่ละฉบับนนั้ จะต้องข้นึ อยู่กับข่าวของแต่ละวนั วา่ มีปริมาณ และคณุ ภาพเป็น อย่างไร เช่น หากวนั ใดมภี าพทสี่ ่อื สารได้ดีกอ็ าจจะลดขนาดตวั อกั ษรทเี่ ป็นหัวข่าว หรอื พาดหัวให้มขี นาดเล็ก ลง เปน็ ตน้ รปู แบบการจดั วางองค์ประกอบในหน้าแรกของหนังสอื พมิ พ์น้ีอาจแยกเปน็ แบบทน่ี ยิ มใช้กันท่ัวไป ได้ 5 แบบดงั นี้ 3.1 LUUUAUNnas (Symmetrical Balance)เปน็ การจัดวางองค์ประกอบทางด้านซา้ ยและขวา ของหน้าให้เหมือนกันหรือสมดุลแบบเท่ากันสองดา้ น โดยวางหัวหนังสอื พมิ พ์ไว้ ตอนบนตรงกลางหน้า รูปแบบการจดั วางแบบสมมาตรนี้ไม่ค่อยเป็นทนี่ ิยมแล้วในปจั จบุ ันเนื่องจากไม่คอ่ ยมีความยืดหยุน่ ในการ นำเสนอและทำใหห้ น้าหนงั สือพมิ พด์ ูน่งิ ไมน่ า่ ตน่ื เตน้ 3.2 แบบอสมมาตร (Asymmetrical Bal-ance) เป็นการจัดวางองค์ประกอบแบบที่ทางด้านซา้ ย และขวาไม่เหมอื นกนั แต่มกี ารวางใหเ้ กิดความรู้สึก โดยรวมแล้วดูสมดุล รูปแบบการจัดวางแบบอสมมาตรน้ี เปน็ ท่ีนิยมใชม้ าก เน่ืองจากมคี วามยดื หยนุ่ ในการนำเสนอภาพและขอ้ ความ อกี ทง้ั ยงั ทำให้หน้าหนังสอื พิมพ์ดู ตืน่ เต้นมชี ีวิตชวี า 3.3 แบบยึดโยง (Brace) เป็นการจัดวางองค์ประกอบโดยจัดใหข้ ่าวแตล่ ะเรื่องเรียงตวั เป็น ลักษณะรปู ตวั แอลใหญ่ (L) ทั้งตวั แอลปกติ และตวั แอลที่กลบั ซา้ ย-ขวา เพอ่ื ใหแ้ ต่ละข่าวสอดยึดโยงกนั และกัน เอาไว้ รปู แบบการจัดวางแบบยดื โยงน้ี ไมค่ ่อยเป็นที่นยิ มมากนกั ในปจั จบุ นั แม้จะมคี วามยดื หยุน่ และดุต่ืนเตน้ ก็ ตาม 3.4 แบบละครสัตว์ (Circus) เปน็ การจดั วางองค์ประกอบแบบสนกุ สนานดี ไมเ่ ป็นทางการมี ความยืดหยุ่นในการจัดวางมาก และดูตืน่ เตน้ แตค่ วามเปน็ ทางการของรปู แบบนที้ ำให้ไมเ่ ปน็ ทีน่ ยิ มรายงานช่าว ทวั่ ไป เพราะมีผลทำใหข้ อ้ มลู ทนี่ ำเสนอดไู มน่ ่าเช่อื ถอื 3.5 แบบแนวนอน (Horizontal) เป็นการจดั วางองคป์ ระกอบโดยจดั ใหข้ า่ วแต่ละเรอื่ งเรียงตัว เป็นแนวนอนไลจ่ ากดา้ นบนของกระดาษลงมาสดู่ ้านลา่ งรูปแบบน้มี ีความยดื หยุ่นในการจัดต่นื เต้นนัก นอกจากการจดั ทง้ั 5 แบบท่นี ยิ มใช้กันทัว่ ไปแลว้ ยังมีการจัด (Vertical) ซึ่งเปน็ การจัดวางองค์ประกอบ โดยจัดใหข้ า่ วแตล่ ะเรือ่ งเรียงตัวกัน เปน็ แนวตั้งไล่จากด้านซา้ ยของกระดาษลงมาสู่ด้านขวา รปู แบบนีไ้ ม่คอ่ ย เป็นทน่ี ิยมมากนักในปัจจบุ ัน 4. หัวหนงั สอื พมิ พ์ นยิ มออกแบบโดยนำเอาตัวอกั ษรที่เป็นชื่อของหนังสือพมิ พน์ ้นั ๆมาจัดเรียงและ ดัดแปลงให้มีลกั ษณะเฉพาะตัว โดยจัดองคป์ ระกอบใหเ้ กดิ เป็นตราสัญลกั ษณป์ ระเภทตัวอกั ษร (Logo) ซ่งึ
จะต้องโดดเดน่ และง่ายแก่การจดจำ หนังสือพมิ พ์บางฉบบั อาจจะมกี ารจัดวางคำขวญั (Slogan) ของ หนงั สือพมิ พน์ ั้น ๆ ประกอบไปกับช่ือด้วย โดยคำขวญั นี้กจ็ ะเปน็ ตัวอักษรขนาดเล็กกว่าชื่อหนงั สอื พิมพ์วางอยู่ ดา้ นบนหรือด้านล่างของแถบชือ่ เรื่อง 5. หวั ขา่ ว หรอื พาดหัว เน่อื งจากหัวข่าว หรือพาดหัวเป็นเหมอื นจดุ ขายท่สี ำคญั ที่สดุ ของหนังสอื พมิ พ์ การเลือกใชต้ ัวอกั ษรท่ีจะมาเป็นหวั ขา่ วจงึ ต้องมีความพเิ ศษแตกต่างไปจากตวั อกั ษรอ่นื ๆ ในหนา้ ท้ังในแงข่ อง ขนาดซึ่งจะต้องมีความใหญเ่ ดน่ กวา่ ตวั อักษรอ่ืน ๆ ทั้งหมด และยังจะตอ้ งเลือกรปู แบบทมี่ ีความโดดเด่นกวา่ ปกติด้วย โดยอาจจะเลือกเอาจากตัวอกั ษรประดษิ ฐ์(Display Type) ซ่งึ มสี ำเร็จรูปอยูม่ ากมายหลายพนั แบบหรือ อาจจะมกี ารออกแบบตวั อกั ษรสำหรับหาขา่ วขนึ้ ใช้เองเปน็ พิเศษสำหรบั หนังสอื พมิ พน์ ้ันๆ โดยเฉพาะก็ได้ ขนาดของหัวขา่ วกค็ วรมขี นาดที่เห็นไดช้ ดั จากระยะไกลและมักนิยมใชต้ ัวเนน้ (Bold) หรือเนน้ พเิ ศษ (Extra bold) ทั้งนต้ี วั อกั ษรทเ่ี ปน็ หัวขา่ วน้อี าจจะมีสีที่แตกต่างไปจากตวั อกั ษรอน่ื ๆ ในหน้า เช่น ตวั พมิ พเ์ นือ้ เรอื่ งปกติ เป็นสดี ำ 6. ภาพประกอบข่าว ภาพประกอบใน หนังสอื พมิ พ์นน้ั ไม่เหมือนกับภาพประกอบในส่ือสิ่งพิมพ์อื่นๆ เช่น หนังสือ หรือนิตยสาร กล่าวคือ ภาพประกอบในสือสิ่งพิมพ์อื่นๆ นั้นนักออกแบบสามารถกำหนด หรือ ออกแบบตามจินตนาการแล้วมอบหมายให้ช่างภาพไปถ่ายภาพมาตามที่กำหนดไว้ได้ แต่ภาพประกอบใน หนังสือพิมพน์ ั้นเป็นภาพประกอบข่าว ซึ่งหมายถึงว่านักออกแบบไม่มีทางทราบล่วงหนา้ ว่า ภาพจะมลี ักษณะ และคุณภาพเปน็ อย่างไร 7. หน้าในหนงั สอื พิมพ์ หน้าในของหนังสือพิมพ์เปน็ หนา้ ที่รวมความหลากหลายของข้าวประเภทต่าง ๆ โดยท่ัว ๆ ไป หนังสอื พิมพน์ ยิ มแบง่ หนา้ ตา่ ง ๆ เป็นเรอ่ื ง ๆ คอื นำข่าวทเ่ี ปน็ เร่ืองเด๋ียวกนั มาไว้ในหนา้ เดยี วกนั เช่น หน้ากีฬา หน้าการศึกษา หน้าสงั คม เป็นตน้ สำหรับหนังสอื พมิ พ์บางฉบับท่ีต้องการจะเนน้ เนือ้ หา เร่ืองใดเรอ่ื งหนงึ่ เปน็ พิเศษกอ็ าจจะแยกเร่อื งนั้น ๆ ออกมาเป็นอกี ส่วนต่างหากกไ็ ด้ การแบง่ หน้าในลักษณะนี้ จะมีผลต่อดีต่อนักออกแบบ คอื จะช่วยใหท้ ำงาน ได้งา่ ยขึน้ กลา่ วคอื สามารถออกแบบใหท้ ัง้ หนา้ หรือทัง้ สว่ นนน้ั กลมกลนื กัน เป็นหน่งึ เดียวได้นอกจากนยี้ งั มี ความสะดวกในการผลติ อกี ด้วย โดยสรุปแล้ว หลักการทั่วไปในการออกแบบหนังสือพิมพ์ก็คือ หนังสือพิมพ์ควรมีโครงสร้างหรือ ระบบกริดที่ยึดหยุ่นต่อปริมาณของเนื้อหาของข่าวแต่ละเรื่อง ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละวันและการเลือก องค์ประกอบและตำแหน่งในการจัดวางองค์ประกอบ ก็ต้องคำนึงถึงความสะดวกของผู้อ่านในการแยกแยะ ค้นหาและติดตามเนื้อหาของข่าวตั้งแต่ต้นจนจบ โดยองค์ประกอบทั้งที่เป็นตัวอักษรและภาพจะต้องเน้นให้ ผู้อ่านเกดิ ความเข้าใจข่าวได้งา่ ยทีส่ ุด
การออกแบบนิตยสาร นิตยสาร เป็นสอ่ื สิ่งพมิ พ์ทสี่ นองความตอ้ งการเฉพาะกลุ่มมากกวา่ เม่ือเทียบกับหนงั สือพมิ พ์โดยมุ่งเน้น ไปที่กลุ่มหนึ่งซึ่งมลี ักษณะรูปแบบชีวิตคล้าย ๆ กัน มีความสนใจในเรื่องตา่ ง ๆคล้าย ๆ กัน โดยความสนใจที่ แตกต่างกันนีจ้ ะแปรผันตามความซับซ้อนของสังคม อาจกล่าวได้ว่าสง่ิ สำคญั ที่มีผลต่อความสำเรจ็ ของนติ ยสาร คือ ความสามารถในการเข้าถึงกลุม่ เป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงและเป็นกลุ่มที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ในการ จดั ทำนติ ยสารนนั้ ด้วยเหตนุ ้ีเองหนา้ ท่ีสำคัญของนกั ออกแบบจึงไม่ใช่แค่การพยายามส่งผา่ นข้อมูลข่าวสารได้ ชัดแจ้งรวดเรว็ อยา่ งที่จำเปน็ ตอ้ งทำในหนงั สือพิมพ์แต่นักออกแบบจะต้องพยายามสรา้ งบคุ ลิกภาพท่ีเหมาะสม กับกลมุ่ เป้าหมายใหเ้ กิดขึ้นกบั นิตยสารที่ตนรบั ผิดชอบ เพ่อื ให้ผ้ทู เ่ี ป็นกลุ่มเปา้ หมายสามารถระบเุ ลือกนิตยสาร ที่ตนรับผิดชอบ เพื่อให้ผู้ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายสามารถระบุเลือกนิตยสารนั้นแยกออกจากนิตยสารอื่นได้ หลักการทั่วไปในการออกแบบนิตยสารมี 2 เรื่องที่สำคัญคือ สิ่งที่ต้อวางแผนก่อนการออกแบบนิตยสารและ องคป์ ระกอบ และการจัดวางองคป์ ระกอบในการออกแบบนติ ยสาร 1. ส่งิ ทีต่ อ้ งวางแผนก่อนการออกแบบนิตยสารและองค์ประกอบ 1.1 ระบุความต้องการในการออกแบบใหช้ ัดเจน หากเป็นนติ ยสารที่มีวางจำหนา่ ยอยู่แล้ว จะต้องพิจารณาวา่ ควรจะทำการปรับปรุงบคุ ลกิ ภาพเดมิ หรือควรจะเปล่ียนบุคลิกภาพใหม่เนอื่ งจาก กลมุ่ เป้าหมายของนติ ยสารยอ่ มจะเปลย่ี นไปตามกาลเวลาทผ่ี ่านไป ดงั นัน้ นิตยสารจ์ ำเปน็ จะตอ้ งเปลย่ี นไปด้วย เพือ่ รกั ษาความสมั พนั ธก์ บั กลมุ่ เป้าหมายเอาไว้ บางครั้งการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่เพ่อื กลุ่มเป้าหมายใหม่ เคยมี ผูก้ ล่าวว่านิตยสารควรจะมกี ารปรับปรงุ หรือเปลี่ยนแปลงทกุ ๆ 5 ปีตาม การเปลยี่ นแปลงของกลมุ่ เป้าหมาย 1.2 กำหนดขนาดและรปู แบบของนิตยสาร แมว้ า่ นติ ยสารจะสามารถผลิตได้ในทกุ ขนาดและ รปู แบบ แต่ในการกำหนดขนาดและรูปแบบนน้ั จะตอ้ งมีการคำนึงถงึ ความประหยัดตน้ ทุนการพิมพแ์ ละการ ผลติ ตน้ ทุนทีส่ ำคัญก็คอื ค่ากระดาษท่ใี ช้ในการพิมพ์ การกำหนดขนาดท่ีทำให้เกิดการตัดกระดาษได้ โดยไม่ เหลือเศษหรอื เหลือเศษน้อยจึงเป็นเรือ่ งทีน่ ิตยสารทกุ ฉบับต้องคำนงึ ถึงดังนนั้ ขนาดของนติ ยสารทมี่ อี ยใู่ นตลาด จงึ มักมีขนาดที่นยิ มใชก้ นั อยใู่ นปจั จบุ ันมี 4 ขนาดดงั น้ี -1.2.1 นติ ยสารท่มี ่งุ การนำเสนอภาพ มกั นยิ มขนาด 10 x 13 น้ิว ซง่ึ เปน็ ขนาดทคี่ ่อนขา้ งใหญ่ -1.2.2 นิตยสารทมี่ ุ่งการนำเสนอภาพและเนอ้ื หาท่ีเปน็ ตวั อักษรมักนยิ มขนาด7x 10 นว้ิ -1.2.3 นิตยสารที่มงุ่ การนำเสนอภาพและเนอื้ หาที่เป็นตัวอกั ษร มกั นิยมขนาด8 x 11 น้ิว ซึ่ง เป็นขนาดทเ่ี ปน็ ที่นยิ มใชม้ ากท่สี ุด -1.2.4 นติ ยสารทีม่ งุ่ การนำเสนอเน้ือหาทเี่ ปน็ ตวั อักษรขนาด 5 x 7 นว้ิ ซง่ึ เปน็ ขนาดทค่ี ่อนข้าง เล็ก เรยี กว่า ขนาดพ็อกเก็ตบ๊กุ
1.3 รูปแบบของปกหน้า ปกหน้าของนิตยสารเปน็ หนา้ ที่สำคญั ทส่ี ดุ ของนิตยสารปกหนา้ เปรยี บเสมือนหนา้ ตาของนติ ยสาร ซึ่งก่อให้เกิดความประทับใจเมอ่ื แรกเหน็ อกี ทั้งยงั เป็นจุดทีแ่ สดงออกซงึ่ บุคลิกภาพของนิตยสารไดช้ ัดเจน ดงั นน้ั กอ่ นจะออกแบบในรายละเอยี ด ตอ้ งมีการตดั สนิ ใจในเรื่องตา่ ง ๆ ที่ เกี่ยวกับรูปแบบของหนา้ ปก ดังน้ี -1.3.1 จะเลอื กรูปแบบปกหน้าในตัว (Self cover) หรือปกหนา้ แยก (Separate Cover) ปกหน้า ในตัวคอื ปกหน้าท่ใี ช้กระดาษเช่นเดียวกบั หน้าในและพิมพไ์ ปพร้อมกนั กับการพิมพ์หน้าใน ส่วนปกหนา้ แยก คือปกหนา้ ทใ่ี ชป้ ระดาษท่ีแตกต่างจากหนา้ ใน มักจะเปน็ กระดาษท่ีหนากวา่ และพมิ พแ์ ยกเฉพาะสว่ นทีเ่ ปน็ ปก (ปกหนา้ นอกด้านใน และปกหลงั นอกดา้ นใน) ปกหน้าในตวั จะประหยดั ต้นทนุ ในการผลิตมากกว่าปกหนา้ แยก แตก่ ็เหมาะจะใช้ในกรณกี ระดาษท่ใี ชใ้ นการพมิ พ์เป็นกระดาษทีค่ ่อนขา้ งหนาและคุณภาพดเี ท่านน้ั -1.3.2 จะให้มพี ้นื ท่ใี นการโฆษณาในปกหนา้ หรอื ไม่ เน่ืองจากปกหนา้ เป็นสว่ นที่เดน่ ท่ีสุดของ นิตยสาร การแบ่งพื้นที่บางส่วนเพื่อขายเป็นพื้นที่โฆษณาจะนำรายได้ที่แน่นอนมาให้นิตยสาร แต่ใน ขณะเดียวกันก็จะทำให้เสียพื้นที่ที่จะใช้ในการสร้างความประทับใจและชักจูงใจผู้อ่าน เมื่อเทียบผลได้และ ผลเสยี แลว้ จะพบว่า นติ ยสารสว่ นใหญ่เลือกไมใ่ หพ้ น้ื ที่โฆษณาในปกหนา้ เพราะพืน้ ทโี่ ฆษณาในปกหน้าด้าน ใน ปกหลังดา้ นในและด้านนอกกม็ อี ย่เู พียงพอแล้ว -1.3.3 จะกำหนดสัดส่วนระหว่างภาพและตัวอักษรอย่างไร ดังได้กล่าวมาแล้วว่าปกหน้ามี หน้าท่ีสำคัญหลายประการทั้งเรยี กร้องความสนใจ และสร้างความประทบั ใจ กอ่ นทำการออกแบบจะตอ้ งมกี าร กำหนดเสียกอ่ นวา่ จะให้มีสัดสว่ นระหว่างภาพ และตัวอกั ษรอย่างไรเรมิ่ ตงั้ แต่ชอื่ นติ ยสาร ส่วนใหญ่ต้องมีขนาดใหญ่เพื่อให้เห็นได้ชัด และมักวางอยู่ส่วนบนของหน้าเพื่อไม่ให้ถูกบดบังจาก นิตยสารอื่นเมื่อวางอยู่บนแผงขายหนังสือ นอกจากแถบชื่อแล้ว นิตยสารส่วนใหญ่มักจะใช้ภาพเป็น องค์ประกอบหลกั ซ่ึงจะต้องกำหนดว่าจะเป็นการใช้ภาพเตม็ หน้าหรอื อยใู่ นกรอบใต้แถบ 1.4 แบบและขนาดตวั อักษร ตัวอักษรในนิตยสารนนั้ แม้วา่ จะสามารถมไี ดม้ ากแบบแตก่ ค็ วรมี การกำหนดแบบหลัก ๆ สำหรบั หน้าตา่ ง ๆ เอาไว้เพื่อให้เกิดความสม่ำเสมอ นอกจากแบบแลว้ ก็ควรมีการ กำหนดขนาดเอาไว้ดว้ ยว่าตวั อักษรในส่วนใดควรจะมขี นาดเท่าใด 1.5รปู แบบและขนาดภาพประกอบ เช่นเดยี วกับตัวอักษร ภาพประกอบในนติ ยสารกค็ วรมีการ กำหนดรูปแบบ และขนาดในการนำไปใช้ ทง้ั นเี้ พือ่ ใหเ้ กิดเป็นภาพลกั ษณท์ เ่ี ปน็ เอกลักษณอ์ ันบ่งบอกถึง ลักษณะเฉพาะตัวของนติ ยสาร เช่น ใช้ภาพทีม่ พี ื้นหลังเสมอไมม่ กี ารได้คตั หรอื ตดั เอาพ้นื หลงั ออกเพ่อื แสดงว่า ภาพนน้ั ไมไ่ ดม้ ีการตกแตง่ เพอ่ื เพิม่ ความนา่ เชอื่ ถอื เป็นต้น
2. องค์ประกอบและการจดั วางองค์ประกอบในการออกแบบนิตยสาร ทจ่ี รงิ แล้วการออกแบบนติ ยสาร กม็ ีหลกั การเหมือนกับการออกแบบสอื่ สง่ิ พิมพอ์ นื่ อยา่ งไรกต็ ามนิตยสารมีส่วนประกอบท่ีแตกตา่ งกับจากสือ่ สงิ่ พิมพ์อืน่ ซง่ึ ทำให้มีรายละเอยี ดเพมิ่ เตมิ ในการออกแบบส่วนประกอบทส่ี ำคญั แต่ละส่วนดังน้ี 2.1 ปกหน้านติ ยสารปกหนา้ คอื สว่ นของนติ ยสารซึ่งผูด้ เู ห็นเปน็ สิ่งแรก และนกั ออกแบบ จะตอ้ งตระหนกั ว่า ความหวงั ทัง้ มวลของผูท้ เี่ ก่ยี วขอ้ งกับการจดั ทำนติ ยสาร ข้นึ อยูก่ บั หนา้ นโี้ ดยปกหน้าน้ี จะต้องทำหนา้ ทร่ี ะบเุ อกลกั ษณ์ของนิตยสารให้โดดเด่นจากนิตยสารอ่ืน ปกหน้าจะตอ้ งสามารถดงึ ดดู ความ สนใจจากผูท้ พี่ บเหน็ ไดใ้ นทันที นอกจากนย้ี ังตอ้ งทำหนา้ ทกี่ ระตนุ้ หรอื เร้าอารมณ์ท่เี หมาะสมกับนติ ยสารนน้ั ใหผ้ อู้ า่ นร้สู กึ ได้ แม้ว่าจะไม่มวี ิธที ่ีรบั ประกนั ความสำเร็จในการออกแบบปกหนา้ แตใ่ นความพยายามเพ่ือให้ ปกหนา้ สามารถทำหน้าที่ขา้ งต้นไดน้ ้ันนักออกแบบจะตอ้ งจดั การกบั องคป์ ระกอบ ซึ่งรวมกันเปน็ ปกหน้า 4 องค์ประกอบ ได้แก่ รปู แบบมาตรฐานของปกหน้า ปกหนา้ ของนติ ยสารควรจะได้รับการออกแบบให้มีรูปแบบมาตรฐาน เช่นเดียวกับการออกแบบหน้าแรกของหนังสือพมิ พ์ ในการจดั วางองคป์ ระกอบต่างๆทง้ั ที่เป็นตวั อกั ษรและ ภาพ ไม่วา่ จะเป็นตำแหนง่ และขนาดของตวั อักษร ลกั ษณะการวางภาพ แบบตัดตกหรอื มกี รอบ ฯลฯ นัก ออกแบบจะตอ้ งกำหนดรายละเอยี ดของส่งิ เหลา่ น้ีและน้ำมาใชใ้ นฉบบั ตอ่ ๆ ไป หัวนิตยสารและรายละเอียดของฉบับ (ฉบับ ปีที่ ฯลฯ) ในบรรดา องค์ประกอบต่างๆ ปรากฏบนปก หนา้ ของนติ ยสารสำคัญทส่ี ุด คอื ชื่อหรอื ที่เรยี กว่าหัวหนังสือหรอื หวั นิตยสาร ซงึ่ โดยลกั ษณะส่วนใหญ่จะเป็น ตราสัญลักษณ์ตัวอักษร ที่สามารถอ่านออกได้โดย ประกอบไป ด้วยตัวอักษรทั้งหมดในชื่อของนิตยสารน้ัน ตราสญั ลกั ษณน์ ้ีไมไ่ ด้ถกู นำมาใชง้ านเฉพาะ ท่เี ปน็ แถบชื่อบนปกเทา่ นน้ั แตจ่ ะไปปรากฏบนสือ่ ต่าง ๆ ทุกส่ือที่ เกี่ยวข้องกับนิตยสารน้ัน ตง้ั แต่ หัวจดหมาย ซอง นามบัตร รวมไปถงึ สื่อโฆษณาท้งั หมด ข้อความบนปก (Cover Lines) วัตถปุ ระสงค์ของการใชต้ วั โปรยเป็น ขอ้ ความบนปกกเ็ พ่ือแนะนำเรื่อง ทนี่ า่ สนใจในฉบบั นิตยสารบางฉบบั อาจจะมขี ้อความบนปก ขอ้ ความเดยี วเพือ่ แนะนำเรอ่ื งเดน่ สดุ ในฉบับ ใน กรณนี น้ี กั ออกแบบจะเลอื กภาพประกอบปก ท่เี ป็นเรือ่ งเดียวกนั กบั ขอ้ ความนัน้ แต่หากมขี ้อความบนปกหลาย ข้อความเพือ่ แนะนำเรื่อง หลายเรื่องในฉบับ นักออกแบบก็สามารถเลือกภาพประกอบที่เกี่ยวขอ้ งกับเรื่องใดก็ ได้ ทั้งน้ี ไม่จำเป็นต้องเป็นภาพเกี่ยวกับเรื่องเด่นก็ได้ ส่วนขนาดของข้อความบนปกนั้นไม่ควรมีขนาดใหญ่ เกินไป เพราะจะแยง่ ความความเด่นกบั ภาพประกอบ ภาพประกอบการ จัดวางภาพบนปกนิตยสารส่วนใหญ่แล้วมีลักษณะคือ แบบแรกเป็นแบบเต็ม หนา้ กระดาษโดยตัดตกแต่งทัง้ 4 ดา้ น มแี ถบชือ่ และตัวอักษรอ่นื ๆ ซ้อนอยู่ ในภาพนั้น แบบที่สองเป็นแบบอยู่ ในกรอบใต้ชือ่ โดยมีพื้นที่ว่างล้อมรอบทัง้ สองลักษณะมีขอ้ ดีข้อเสีย แตกต่างกัน โดยแบบใช้ภาพตัดตกนั้นจะ
ทำให้ภาพดใู หญส่ ะดดุ ตาและดูเหมอื นว่าไมไ่ ดม้ ีแคน่ ้ัน แต่มีสว่ นของภาพตอ่ ออกไปอีก แต่ในแบบซึ่งซ้อนอยู่ ในภาพทำใหอ้ ่านออกไดย้ าก บางกรณี ก็สามารถแก้ไขได้ดว้ ยการเปล่ยี นสขี องตัวอกั ษรให้ตัดกับสขี องภาพ แต่ หากเป็นภาพท่มี ีสี บ หลากหลายสีกย็ ่งิ ยากทจี่ ะแกไ้ ข 2.2 หน้าสารบัญ หากนักออกแบบสามารถออกแบบปกหน้าให้ดึงดูดใจพอที่จะทำให้ ผู้พบ เห็น หยบิ นติ ยสารขน้ึ มาดูแล้วส่ิงท่ีจะเกิดตอ่ ไปกค็ ือผู้ดูจะพลกิ ดูนติ ยสารผ่าน ๆ อย่างรวดเร็ว หากมีหน้าใดท่ีมี ความนา่ สนใจเปน็ พิเศษก็จะหยดุ ดู จากนัน้ บางคนอาจจะพลิกหาเรอ่ื งจากปกแล้ว มาถึงหนา้ สารบญั เพ่ือตรวจดู ว่ามีเรื่องที่น่าสนใจพอที่จะซื้อหาไปอ่านหรือไม่ หน้าสารบัญจึง เหมือนกับโอกาสสำคัญที่เสนอสิ่งที่คิดว่า ผอู้ ่านจะสนใจ ดังนนั้ ในการออกแบบหน้าสารบญั นกั ออกแบบจะต้องพยายามทำให้ง่ายแก่การอ่าน และซึมซับ ขอ้ มูลได้อย่างรวดเร็ว ในการออกแบบ หน้าสารบัญมีองคป์ ระกอบที่จะต้องนำมาจดั วาง ท่สี ำคญั คอื สว่ นสารบัญ ซ่ึงระบชุ ื่อ ชือ่ คอลัมน์ ช่อื ผเู้ ขยี น และเลขหนา้ ตราสญั ลกั ษณ์ ของหวั หนงั สอื และคำขวญั ของ นติ ยสาร หากมี ขอ้ ความที่ระบุเล่มที่ ฉบับท่ี เดอื นและปี รายช่อื ตำแหน่ง และชื่อบุคคลในกองบรรณาธิการ ขอ้ มลู เก่ียวกับนติ ยสาร ท่ีอยู่ สถานที่พิมพ์ สถานที่ จะเหน็ ไดว้ า่ ในหน้าน้มี ีองค์ประกอบท่ีต้องจัดวางไมน่ ้อย และเปน็ องค์ประกอบที่มีความจำเป็นท้ังใน เชิงการใช้ประโยชน์นิตยสาร และเชิงการระบุตามกฎหมาย ดังนั้นสิ่งแรกที่นักออกแบบตระหนักก็คือจะทำ อ ย่า งไ รไ ม ่ให้หน ้า สา รบัญ น ีดูม ีเ น ื้อ หา เยอ ะ ม า ก จน ผู้อ ่า น รู้สึก ว่ า ไ ม ่อ ยา ก จะ ห ย ุ ด ดู 2.3 หนา้ บรรณาธิการ ในการออกแบบหน้าบรรณาธิการ นกั ออกแบบควรจะพิจารณาถึงความ พิเศษประการหนึ่งที่ทำให้หน้าน้ีแตกต่างจากหน้าอื่นๆ ในนิตยสารนั่นก็คือในขณะที่หน้าอ่ืนๆ ของนิตยสาร เป็นการนำเรื่องราวต่างๆ จากภายนอกนิตยสารมาบอกเล่า แต่หน้าบรรณาธิการเป็นการบอกเล่าถึงเรื่องราว ความคิดความเห็นและความเชื่อของผู้เล่าเรื่องราวเหล่านั้นซึ่งมีปรากฏอยู่ในนิตยสารให้ผู้อ่านได้รับทราบ องค์ประกอบทป่ี รากฏอยใู่ นหนา้ บรรณาธกิ ารนี้ ได้แก่ ข้อความ ที่เขยี นโดยบรรณาธิการ พาดหวั เพอ่ื ดงึ ดูดความสนใจสขู่ ้อความซง่ึ อาจจะมหี รอื ไมม่ ีกไ็ ด้ ชอื่ หรอื ลายมอื ชอื่ ของบรรณาธกิ าร ภาพถ่ายของบรรณาธกิ ารซง่ึ อาจจะมหี รอื ไม่มกี ไ็ ด้ การแสดงภาพถ่ายอาจจะให้ประโยชน์ในการเพิม่ ความเป็น
ส่วนตัวระหวา่ งผูอ้ ่านกบั นิตยสาร และยงั เปน็ โอกาสอันดที ่จี ะสร้างความนา่ เช่ือถอื หากบรรณาธกิ ารเปน็ ผู้มี ชื่อเสยี งเป็นทีร่ ู้จักของผอู้ ่าน 2.4 หน้าเปิดเรื่อง หน้าเปิดเรื่องหรือหน้าแรกของเรื่อง นับเป็นหน้าที่สำคัญอีกหน้าหนึ่งนกั ออกแบบจะต้องพยายามสร้างความรู้สึกตื่นตาตื่นใจให้เกิดขึ้นกับผู้อ่าน ส่วนใหญ่นิตยศาสารมีเรื่องประจำ (คอลมั น์ประจำ) ซงึ่ ในกรณนี ี้การออกแบบ รูปแบบ มาตรฐานไวใ้ ชไ้ ด้ในทกุ ๆ ฉบบั ก็มขี ้อดใี นแงท่ ีช่ ว่ ยในการ จดจำและเป็นการชว่ ยส่ือสารให้ผู้อา่ นเขา้ ใจได้รวดเร็ว ว่าหน้าน้ีคือจดุ เรมิ่ ต้นของเรอ่ื งใหม่ แม้ว่าบางครงั้ อาจจะ ดนู ่าเบอื่ เมือ่ ใช้ไปนาน ๆ แต่หากสามารถออกแบบใหม้ ีความยืดหยุน่ คอื สามารถเปล่ียนแปลงไดใ้ นรายละเอยี ด ก็จะเป็นประโยชนอ์ ย่างมากในกาออกแบบหน้าเปิดเรื่องนั้นนักออกแบบจะตอ้ งวางแผนให้ผู้อา่ นได้รบั ข้อมลู ตามลำดับที่ถูกต้องไล่ตั้งแต่ชื่อเรื่อง ชื่อผู้เขียน คำนำและเนื้อเรื่อง ทั้งนี้จะต้องไม่ออกแบบให้องค์ประกอบ ทั้งหมดเด่นแข่งกันจนผู้อ่านไม่ทราบว่าดูองค์ประกอบใดก่อน ดังนั้นขนาด และตำแหน่งขององค์ประกอบ เหล่านี้จึงเปน็ เรื่องสำคัญการใช้ภาพประกอบในหน้าเปิดเร่ืองเปน็ สิง่ ท่ีต้องระวัง ปกติแล้วจะไม่นิยมใช้ภาพท่ี ใหญ่หรือเด่นมาก เนอื่ งจากผอู้ า่ นอาจจะนกึ ว่าเปน็ หนา้ โฆษณาได้ 2.5 หน้าเน้ือเรือ่ ง ในความเป็นจริงแล้ว หนา้ เนื้อเร่อื งเป็นหนา้ ทสี่ นองเจตนาหรอื วตั ถุประสงค์ ของผู้จัดทำนิตยสารมากที่สุดกว่าหน้าอื่น ๆ หน้าเนื้อเรื่องนี้เป็นหนา้ ทีจ่ ะใช้ถ่ายทอดข้อมูลอันเปน็ หัวใจของ นิตยสารเพื่อสื่อสารกบั ผูอ้ ่าน จนถึงขั้นอาจจะเปรียบเทียบได้ว่า หน้าเนื้อเรื่องคอื ของขวัญที่แท้จริง ในขณะที่ หน้าอื่นๆ นั้นเป็นเหมือนกระดาษห่อของขวัญเทา่ นั้นองค์ประกอบในหน้าเน้ือเรื่องนีไ้ ม่มมี ากมายหลายอย่าง เหมือนหน้าอืน่ โดยแยกเป็นเพยี งสองอย่าง ได้แก่เน้ือเรื่องซึ่งเปน็ เนื้อหาท่ีต้องการนำเสนอภาพประกอบเรือ่ ง เปน็ ส่วนท่ีใหร้ ายละเอยี ดทอ่ี าจยากตอ่ การบรรยายหรือเพ่อื ช่วยใหผ้ ู้อ่านสามารถจนิ ตนาการได้ชดั เจนขน้ึ ในการออกแบบนติ ยสารนั้น สว่ นหน้าปกเป็นส่วนทไี่ ด้รับการเอาใจใส่ในด้านการออกแบบมากที่สุด ตามมาด้วยหน้าเปิดเรื่องต่าง ๆ ในขณะที่หน้าเนื้อเรื่องไม่ได้มีการพิถีพิถันอะไรมากนัก ทั้งนี้อาจจะเป็น เพราะว่าหนา้ เนอื้ เร่ืองน้ีมอี งค์ประกอบทสี่ ำคญั คอื เนือ้ เรือ่ ง ซง่ึ เปน็ สว่ นทม่ี ีเนื้อหามากและต้องการการติดตาม ที่งา่ ย ดงั นัน้ ในการออกแบบจงึ มกั จะมงุ่ เนน้ ไปที่ความเรียบงา่ ย เพือ่ ใหเ้ กิดความสะดวกในการอา่ นและติดตาม เนื้อหา อย่างไรกต็ ามความคดิ น้ีอาจระถอื วา่ ถูกต้องเพียงครงึ่ เดยี ว เพราะนอกจากจะตอ้ งสนองประโยชน์ใช้สอย ในแง่การอา่ นแลว้ ก็จะต้องสนองความต้องการในเชิงจติ วิทยาด้วย กล่าวคือจะตอ้ งดูแลว้ ไมน่ า่ เบื่อ น่าติดตาเน้ือ เรื่องไปจนจบ ในขณะเดียวกันก็ควรจะช่วยเสริมสร้างให้เห็นถึงความรู้สึกนึกคิดของผู้เขียนที่ต้องการจะ ถ่ายทอด โดยขยายบุคลิกภาพเของเนื้อหาให้รับรู้ได้ชัดเจนขึ้นกว่าการอ่านแค่ตัวหนังสือเฉย ๆ
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: