Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการดำเนินงานโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.

คู่มือการดำเนินงานโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.

Description: คู่มือการดำเนินงานโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.

Keywords: โรงเรียนคุณธรรม

Search

Read the Text Version

ค่มู ือการดาเนนิ งานโรงเรยี นคุณธรรม สพฐ. “ชว่ ยกนั สรา้ งคนดใี หบ้ ้านเมอื ง” เอกสารวชิ าการท่ี 27 / 2564 กลุ่มนเิ ทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการจดั การศกึ ษา สานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาอดุ รธานี เขต 4



คำนำ คมู่ อื โรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. ฉบบั นี้ จัดทำขน้ึ เพอ่ื ใชเ้ ป็ นแนวทางในการขบั เคลอื่ น โรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. ของสำนักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาอดุ รธานี เขต 4 โครงการโรงเรยี น คณุ ธรรม สพฐ. เป็ นการดำเนนิ งานเพอื่ สบื สานพระราชปณธิ านเดนิ ตามรอยเบอื้ งพระยคุ ลบาทของพระ บาทสมเด็จพระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ตามพระราชประสงคข์ อง สมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั มหาวชริ าลงกรณบดนิ ทรเทพยวรางกรู รัชกาลท่ี 10 สำนักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาอดุ รธานี เขต 4 ไดด้ ำเนนิ โครงการโรงเรยี น คณุ ธรรม สพฐ. “ชว่ ยกนั สรา้ งคนดใี หบ้ า้ นเมอื งขน้ึ ” เพอ่ื ใหด้ ำเนนิ งานของโรงเรยี น ทเ่ี ขา้ รว่ มโครงการ โรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. เป็ นไปในแนวทางเดยี วกนั บคุ ลากรในเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา ผบู ้ รหิ ารสถานศกึ ษา ครู ชมุ ชน และผปู ้ กครอง มเี ป้าหมายมผี ลลพั ธแ์ ละผลผลติ ทเี่ กดิ ขน้ึ กบั นักเรยี นอยา่ งชดั เจน สำนักงาน เขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาอดุ รธานี เขต 4 จงึ ไดจ้ ัดทำคมู่ อื การดำเนนิ งานโรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. ซง่ึ ใชเ้ ป็ นแนวทางการดำเนนิ งานกจิ กรรมพัฒนาโรงเรยี นคณุ ธรรม และ มาตรฐานโรงเรยี นคณุ ธรรม ทงั้ 4 ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นโรงเรยี น ดา้ นผบู ้ รหิ าร ดา้ นครู และดา้ นนักเรยี น สำนักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถม ศกึ ษาอดุ รธานี เขต 4 หวงั เป็ นอยา่ งยง่ิ วา่ คมู่ อื การดำเนนิ งานโรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. “ชว่ ยกนั สรา้ งคนดี ใหบ้ า้ นเมอื ง” ฉบบั นจ้ี ะเป็ นประโยชนแ์ กผ่ เู ้ กย่ี วขอ้ งทกุ ฝ่ าย นำไปใชเ้ ป็ นแนวทางในการพัฒนาโรงเรยี น คณุ ธรรมทงั้ น้ี เพอ่ื เป็ นการชว่ ยสรา้ งคนดใี หบ้ า้ นเมอื งสบื ไป กลมุ่ นเิ ทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการจัดการศกึ ษา สำนักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาอดุ รธานี เขต 4

สารบญั หนา้ 1 เรอ่ื ง 5 พระบรมราโชวาท 6 ความเป็ นมาของโครงการโรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. 6 ความหมายของโรงเรยี นคณุ ธรรม 8 วตั ถปุ ระสงคแ์ ละตวั ชว้ี ดั ความสำเร็จ 18 หลกั การและแนวปฏบิ ตั ิ 27 กระบวนการบรหิ ารงานโรงเรยี นคณุ ธรรม 28 กรอบแนวคดิ โครงการโรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. 29 หลกั การสำคญั ของการพัฒนาโรงเรยี นคณุ ธรรม 31 กจิ กรรมการดำเนนิ งาน 33 กจิ กรรมโครงงานพัฒนาจรยิ คณุ 34 กจิ กรรมคา่ ยยวุ ชนคนคณุ ธรรม 36 กจิ กรรมคนื คณุ ธรรมสหู่ อ้ งเรยี น 37 กจิ กรรมครอบครัวคณุ ธรรม 38 กจิ กรรมการสรา้ งเครอื ขา่ ยและการมสี ว่ นรว่ มโรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. 40 กจิ กรรมโรงเรยี นดมี ที ย่ี นื 41 นวตั กรรมสรา้ งสรรคค์ นดี 44 10,000 ครุ ชุ น คนคณุ ธรรม 48 ภาคผนวก สาระความรเู ้ กยี่ วกบั คณุ ธรรมจรยิ ธรรม 49 เอกสารคมู่ อื ประกอบการขบั เคลอื่ นโรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. คณะผจู ้ ัดทำ

1 พระบรมราโชวาท (พระราชทานเพอื่ เชญิ ลงพมิ พใ์ นหนงั สอื วนั เด็กประจำปี 2530) “เด็กๆนอกจากจะตอ้ งเรยี นความรแู้ ลว้ ยงั ตอ้ งหดั ทำการงานและทำความดดี ว้ ย เพราะการทำงานจะชว่ ยใหม้ คี วามสามารถ มคี วามขยนั อดทน พงึ่ ตนเองได้ และการทำดนี น้ั จะชว่ ยใหม้ คี วามสขุ ความเจรญิ ทง้ั ป้ องกนั ตนไวไ้ มใ่ หต้ กต่ำ ” (จากหนงั สอื “คำพอ่ สอน” เลม่ 1 หนา้ 16)

2 โครงการกองทนุ การศกึ ษา (กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2555 จดั ตงั้ ขน้ึ ตามพระราชดำรขิ อง พระบาทสมเด็จพระมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร โดยมพี ระราชประสงคว์ า่ “เพอ่ื ใหโ้ รงเรยี นสรา้ งคนดใี หแ้ กบ่ า้ นเมอื ง”

3 หลกั การตามพระราชกระแส 1.นกั เรยี น 1.1 “ครตู อ้ งสอนใหเ้ ด็กนกั เรยี นมนี ้ำใจ เชน่ คนเรยี นเกง่ ชว่ ยตวิ เพอื่ นทเ่ี รยี นลา้ หลงั มใิ ชส่ อนใหเ้ ด็กคดิ แตจ่ ะแขง่ ขนั (compete) กบั เพอ่ื น เพอื่ ใหต้ นเองไดล้ ำดบั ดๆี เชน่ สอบไดท้ หี่ นง่ึ ของชน้ั แต่ ตอ้ งใหเ้ ด็กแขง่ กบั ตนเอง” (พระบรมราโชวาท 11 มถิ นุ ายน 2555) 1.2 “เราตอ้ งฝึ กหดั ใหน้ กั เรยี นรจู้ กั ทำงานรว่ มกนั เป็ นกลมุ่ เป็ น หมคู่ ณะมากขนึ้ จะไดม้ คี วามสามคั คี รจู้ กั ดแู ลชว่ ยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั เออ้ื เฟื้ อเผอ่ื แผค่ วามรแู้ ละประสบการณแ์ กก่ นั ” (พระบรมราโชวาท 5 กรกฎาคม 2555) 1.3 “ทำเป็ นตวั อยา่ ง ใหน้ กั เรยี นเป็ นคนดี ใหน้ กั เรยี นรกั ครู ครรู กั นกั เรยี น” (พระบรมราโชวาท 9 กรกฎาคม 2555)

4

5 1. ความเป็ นมาของโครงการโรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. โครงการโรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. เป็ นการดำเนนิ งานเพอ่ื สบื สานพระราชปณธิ านเดนิ ตามรอย เบอ้ื งพระยคุ ลบาทของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ซง่ึ ทรงมพี ระราชกระแสรับสงั่ “ชว่ ยสรา้ งคนดใี หบ้ า้ นเมอื ง” และจากพระราชกระแสรับสงั่ ของสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั มหาวชิ ราลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู รัชกาลท่ี 10 ทรงพระราชทาน พระบรมราโชบายดา้ นการศกึ ษาเพอ่ื สานตอ่ พระราชปณธิ านของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั รัชกาลที่ 9 วา่ การศกึ ษาตอ้ งมงุ่ สรา้ งพนื้ ฐานใหแ้ กผ่ ู ้ เรยี น 4 ดา้ น ดงั น้ี 1. มที ศั นคตทิ ถ่ี กู ตอ้ งตอ่ บา้ นเมอื ง 2. มพี นื้ ฐานชวี ติ ทม่ี น่ั คง มคี ณุ ธรรม 3. มงี านทำ มอี าชพี 4. เป็ นพลเมอื งดี แนวปฏบิ ตั ใิ นเรอื่ ง “การมพี น้ื ฐานชวี ติ ทม่ี น่ั คง-มคี ณุ ธรรม ไดแ้ ก่ 1. รจู ้ ักแยกแยะ ผดิ -ชอบ ชว่ั ดี 2. ปฏบิ ตั แิ ตส่ งิ่ ทดี่ งี าม 3. ปฏเิ สธสง่ิ ทผ่ี ดิ สงิ่ ทช่ี วั่ 4. ชว่ ยกนั สรา้ งคนดใี หบ้ า้ นเมอื ง

6 2. ความหมายของโรงเรยี นคณุ ธรรม “โรงเรยี นคณุ ธรรม” หมายถงึ สถานศกึ ษาทผี่ บู้ รหิ าร ครู นกั เรยี น ผปู้ กครอง ชุมชนและผมู้ สี ว่ นเกย่ี วขอ้ ง มสี ว่ นรว่ มในกระบวนการขบั เคลอื่ นกจิ กรรมสง่ เสรมิ ความดใี นรปู แบบตา่ งๆ ทงั้ ภายในและภายนอกสถานศกึ ษา ซง่ึ นำไปสกู่ ารพฒั นาและปรบั เปลยี่ นเป็ น พฤตกิ รรมทพ่ี งึ ประสงคไ์ ดอ้ ยา่ งยง่ั ยนื และนำไปขยายเครอื ขา่ ยได้ 3. วตั ถปุ ระสงคแ์ ละตวั ชว้ี ดั ความสำเร็จ การพัฒนาคณุ ธรรมใหก้ บั เยาวชนของชาตจิ ำเป็ นตอ้ งดำเนนิ การจัดทำ “โครงการโรงเรยี น คณุ ธรรม สพฐ.” เพอื่ พัฒนาโรงเรยี นในระดบั การศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานใหน้ ักเรยี น ครู ผบู ้ รหิ ารและบคุ ลากร ทางการศกึ ษาตระหนักรู ้ เขา้ ใจและมกี ระบวนการคดิ อยา่ งมเี หตผุ ลซมึ ซบั คณุ คา่ แหง่ คณุ ธรรมความดี อยา่ งเป็ นธรรมชาตแิ ละสรา้ งความรสู ้ กึ ผดิ ชอบชว่ั ดี รวมทงั้ สรา้ งเครอื ขา่ ยชมุ ชนองคก์ รแหง่ คณุ ธรรมโดย ประสานความรว่ มมอื จากหน่วยงาน และองคก์ รทที่ ำงานดา้ นคณุ ธรรมอยา่ งเป็ นรปู ธรรมทช่ี ดั เจนรปู แบบ ของโรงเรยี นคณุ ธรรมนัน้ เป็ นเรอ่ื งทไ่ี มซ่ บั ซอ้ นและทำไดง้ า่ ยเป็ นการลงทนุ ตํา่ แตไ่ ดก้ ำไรมาก และ สามารถเปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรมของนักเรยี นไดจ้ รงิ โดยหลกั การของโรงเรยี นคณุ ธรรมสามารถนำไปใชไ้ ด ้ กบั โรงเรยี นในทกุ ศาสนา ไมผ่ กู ขาดกบั ศาสนาใดศาสนาหนงึ่ เปรยี บเสมอื นเป็ นคณุ ธรรมสากล ทจ่ี ะชว่ ย ใหพ้ ฤตกิ รรมทไี่ มพ่ งึ ประสงค์ ในโรงเรยี น “ลดลง” และสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ พฤตกิ รรมทพ่ี งึ ประสงค์ “เพมิ่ ขน้ึ ” ซงึ่ นับเป็ นการพัฒนาเยาวชน ผปู ้ กครอง และชมุ ชน ไดอ้ ยา่ งดยี งิ่

7 วตั ถปุ ระสงค์ 1) เพอ่ื ใหผ้ บู ้ รหิ าร ครู และนักเรยี น ตระหนักรู ้ เขา้ ใจ และมกี ระบวนการคดิ อยา่ งมเี หตผุ ล ซมึ ซบั คณุ คา่ แหง่ คณุ ธรรมความดอี ยา่ งเป็ น ธรรมชาตสิ รา้ งความรสู กึ ผดิ ชอบชว่ั ดี และภมู ใิ จในการทำความดี 2) เพอื่ ใหผ้ บู ้ รหิ าร ครู และนักเรยี นสรา้ งเครอื ขา่ ยชมุ ชนองคก์ รแหง่ คณุ ธรรม โดยขอความรว่ มมอื จาก หน่วยงาน และองคก์ รทที่ ำงานดา้ นคณุ ธรรมอยา่ งเป็ นรปู ธรรม ชดั เจนและมคี วามตอ่ เนอ่ื ง ตวั ชว้ี ดั ความสำเร็จของโครงการโรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. 1) จำนวนนักเรยี นทไ่ี ดร้ ับการพัฒนาใหม้ พี ฤตกิ รรมทพี่ งึ ประสงคใ์ นโรงเรยี นเพมิ่ ขน้ึ 2) จำนวนผบู ้ รหิ าร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษาทไ่ี ดร้ ับการพัฒนาใหม้ พี ฤตกิ รรมทพี่ งึ ประสงคใ์ น โรงเรยี นเพมิ่ ขนึ้ 3) จำนวนผบู ้ รหิ าร ครู และนักเรยี น ทไี่ ดร้ ับการปลกู ฝังคณุ ธรรม 5 ประการ คอื ความพอเพยี ง ความกตญั ญู ความซอื่ สตั ยส์ จุ รติ ความรบั ผดิ ชอบ อดุ มการณค์ ณุ ธรรม

8 4. หลกั การและแนวปฏบิ ตั ิ หลกั การ เมอื่ ผบู ้ รหิ ารสถานศกึ ษาและคณะครสู นใจ และตดั สนิ ใจจะพัฒนาโรงเรยี นใหเ้ ป็ น โรงเรยี นคณุ ธรรม จะตอ้ งคำนงึ ถงึ หลกั การ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ความสมคั รใจและเต็มใจ จะพัฒนาเป็ นโรงเรยี นคณุ ธรรม ทกุ คนควรตระหนักและ มนั่ ใจใน คณุ คา่ และความสำคญั ของการมคี ณุ ธรรม ซงึ่ จะชว่ ยใหท้ กุ คนในโรงเรยี นอยรู่ ว่ มกนั ไดอ้ ยา่ งมี ความสขุ โดยอาศยั ความคดิ รเิ รม่ิ ของคณะครแู ละการมภี าวะผนู ้ ำของผบู ้ รหิ ารเป็ นหลกั สำคญั 2. ใชก้ ระบวนการมสี ว่ นรว่ ม ทกุ คนในโรงเรยี นรว่ มกนั ทำ เป็ นการปฏบิ ตั ดิ ว้ ยตนเอง โดยรว่ ม กนั คดิ (วางแผน) รว่ มกนั ทำ และรว่ มกนั ประเมนิ ผล เพอ่ื ปรับปรงุ ตนเองและโรงเรยี นของเราเอง ใหม้ ี พฤตกิ รรมทพ่ี งึ ประสงคเ์ พมิ่ ขน้ึ และรว่ มกนั ลดพฤตกิ รรมทไี่ มพ่ งึ ประสงคใ์ หน้ อ้ ยลงหรอื หมดไป 3. มกี ารตดิ ตามและประเมนิ ผลอยา่ งสม่ำเสมอ นำผลการประเมนิ มาปรับปรงุ แผนการปฏบิ ตั ิ งานคณุ ธรรมอยา่ งตอ่ เนอื่ ง โดยอาจกำหนดแผนการปฏบิ ตั โิ รงเรยี นคณุ ธรรมไวอ้ ยา่ งนอ้ ย คราวละ 1 ปี 4. โครงงานคณุ ธรรม จะเป็ นไปตามบรบิ ทของโรงเรยี น ไมเ่ นน้ การเพมิ่ งบประมาณจากงบปกติ แนวปฏบิ ตั ใิ นการขบั เคลอ่ื นสโู่ รงเรยี นคณุ ธรรมจรยิ ธรรม แบง่ ออกเป็ น 5 ขนั้ ตอน ไดแ้ ก่ 1) การชแ้ี จงทำความเขา้ ใจรว่ มกนั 2) การกำหนดคณุ ธรรมเป้าหมายและคณุ ธรรมอตั ลกั ษณข์ องโรงเรยี น 3) การจัดทำโครงงานคณุ ธรรม 4) การลงมอื รว่ มกนั ปฏบิ ตั ิ 5) การนเิ ทศตดิ ตามประเมนิ ผลและเสรมิ แรงกนั โดยมรี ายละเอยี ด ดงั นี้

9 1. ขน้ั ตอนการชแี้ จงทำความเขา้ ใจรว่ มกนั 1.1 จัดประชมุ ชแ้ี จงผมู ้ สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งในโรงเรยี น สรา้ งความรคู ้ วามเขา้ ใจ รับฟังความคดิ เห็น เพอ่ื ความมนั่ ใจในการสมคั รใจทำงาน และตดั สนิ ใจรว่ มกนั ไดแ้ ก่ ผบู ้ รหิ ารโรงเรยี น ครู นักเรยี น ผปู ้ กครอง บคุ ลากรทางการศกึ ษา พนักงานเจา้ หนา้ ที่ คณะกรรมการสถานศกึ ษา ตลอดจนชมุ ชนท่ี เกยี่ วขอ้ ง เชน่ ผคู ้ า้ ขายในโรงเรยี น เป็ นตน้ หากโรงเรยี นสามารถสรา้ งความเขา้ ใจไดร้ ะดบั หนง่ึ แลว้ ควรชแ้ี จงทำความเขา้ ใจกบั ผเู ้ กยี่ วขอ้ ง ในลำดบั กวา้ งออกไป เชน่ ผบู ้ รหิ ารเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษา องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ เป็ นตน้ 1.2 แตง่ ตงั้ และมอบหมายงานใหค้ ณะทำงานรับผดิ ชอบ ในการวางแผน การลงมอื ปฏบิ ตั ิ การประเมนิ ผล และ การปรับปรงุ แผนจนบรรลเุ ป้าหมายทก่ี ำหนดไว ้ โดยมวี าระการทำงาน 1 ปี 1.3 สรปุ ขอ้ มลู พนื้ ฐานของโรงเรยี น โดยวเิ คราะหข์ อ้ มลู ปัจจัยภายในของโรงเรยี น ไดแ้ ก่ จดุ แข็ง (ปัจจัยสง่ เสรมิ การปฏบิ ตั งิ านของโรงเรยี นใหม้ คี ณุ ภาพ) และจดุ ออ่ นหรอื ขอ้ ดอ้ ยของโรงเรยี น รวมทงั้ วเิ คราะหข์ อ้ มลู สภาพแวดลอ้ มภายนอก ไดแ้ ก่ โอกาส (สภาพภายนอกทเ่ี ออ้ื ใหโ้ รงเรยี นมผี ลงาน เชน่ ประชาชนตอ้ งการใหล้ กู หลานมอี าชพี โรงเรยี นจงึ ควรใหค้ วามรดู ้ า้ นทกั ษะอาชพี เป็ นตน้ ) และสภาพ ภายนอกทเี่ ป็ นอปุ สรรคตอ่ การทำงานของโรงเรยี น เชน่ เศรษฐกจิ ไมด่ ี ชมุ ชนยากจนมาก เป็ นตน้ รวมทงั้ พจิ ารณาทบทวน วสิ ยั ทศั น์ ปรัชญาตา่ งๆของโรงเรยี นดว้ ย เพอ่ื ใหโ้ รงเรยี นรจู ้ ักตนเอง และเลอื กใช ้ ประโยชนไ์ ดถ้ กู ตอ้ งตามความเป็ นจรงิ ของโรงเรยี น 1.4 จัดเตรยี มผเู ้ ขา้ ประชมุ ระดมสมอง โดยจัดกลมุ่ ผเู ้ ขา้ ประชมุ ทมี่ ภี าระหนา้ ทค่ี วามรับผดิ ชอบ ใน กลมุ่ เดยี วกนั หรอื ใกลเ้ คยี งกนั เชน่ 1) กลมุ่ ครู บคุ ลากรทางการศกึ ษา ผบู ้ รหิ าร ผปู ้ กครองและ คณะ กรรมการสถานศกึ ษา 2) กลมุ่ นักเรยี นแกนนำระดบั มธั ยมศกึ ษา 3) กลมุ่ นักเรยี นระดบั ประถมศกึ ษา เป็ นตน้ การพจิ ารณาจัดประชมุ แตล่ ะกลมุ่ ทมี่ พี น้ื ฐานหนา้ ทค่ี วามรับผดิ ชอบใกลเ้ คยี งกนั เพอ่ื ประโยชน์ ในการมคี วามรู ้ ความเขา้ ใจใกลเ้ คยี งกนั ทงั้ เรอื่ งเกย่ี วกบั ปัญหา ความตอ้ งการพัฒนา และพฤตกิ รรมตา่ งๆ ทเี่ กดิ ขน้ึ ในโรงเรยี น นอกจากนี้ ขนาดของกลมุ่ ควรมปี รมิ าณทช่ี ว่ ยใหท้ กุ คนในกลมุ่ มโี อกาสแสดง ความคดิ เห็นได ้ ขนึ้ อยกู่ บั กจิ กรรมทจี่ ัดเตรยี มไวใ้ นแผนงาน 1.5 จัดเตรยี มสถานที่ อปุ กรณ์ ตามทก่ี ำหนดไวใ้ นแผนงานตามความจำเป็ น สำหรับการจัดหา วทิ ยากร ขอใหพ้ จิ ารณาตามความเหมาะสมตามบรบิ ทของโรงเรยี น

10 2. ขน้ั ตอนการกำหนดคณุ ธรรมเป้ าหมายและคณุ ธรรมอตั ลกั ษณข์ องโรงเรยี น จัดประชมุ ระดมสมอง จะเลอื กใชก้ จิ กรรมประชมุ สมั มนาเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร หรอื ประชมุ อภปิ ราย หารอื ฯลฯ กไ็ ด ้ และ ดำเนนิ การตามลำดบั ขนั้ ตอน ดงั น้ี 2.1 วเิ คราะหป์ ญั หา หรอื พฤตกิ รรมทไ่ี มพ่ งึ ประสงคใ์ นโรงเรยี น พฤตกิ รรมทไ่ี มต่ อ้ งการให ้ เกดิ ขน้ึ ในโรงเรยี นอกี เชน่ มาโรงเรยี นสาย ลอกการบา้ นเพอื่ น เป็ นตน้ หรอื ชว่ ยกนั วเิ คราะหห์ า พฤตกิ รรมทพี่ งึ ประสงคใ์ นโรงเรยี น พฤตกิ รรมทตี่ อ้ งการเห็นไดใ้ นโรงเรยี น เชน่ ชว่ ยตวิ เพอื่ น เดนิ แถวให ้ เป็ นระเบยี บ ทงิ้ ขยะใหเ้ ป็ นท่ี เป็ นตน้ โดยตงั้ คำถามใหท้ กุ คนคดิ ดงั นี้ คำถาม: ในโรงเรยี นนมี้ ปี ัญหาอะไรบา้ งทอ่ี ยากแก ้ หรอื สง่ิ ดๆี ทท่ี กุ คนอยากเห็น อยากทำมอี ะไรบา้ ง 2.2 รวบรวมและจัดกลมุ่ ความคดิ เห็นใหเ้ ป็ นเรอ่ื งๆ แลว้ สรปุ ความเขา้ ใจของทปี่ ระชมุ ใหต้ รงกนั 2.3 คน้ หาคณุ ธรรมเป้าหมาย โดยใชข้ อ้ มลู ความคดิ เห็นของทปี่ ระชมุ (ตามขอ้ 2.1และ ขอ้ 2.2) ขอใหท้ ปี่ ระชมุ รว่ มกนั คน้ หาคณุ ธรรมทจ่ี ะใชแ้ กป้ ัญหาทอี่ ยากแก ้ หรอื คณุ ธรรมทจี่ ะใชเ้ ป็ นหลกั ในการ ประพฤตปิ ฏบิ ตั สิ ง่ิ ทอี่ ยากเห็น อยากทำ เชน่ ความซอ่ื สตั ย์ ความรับผดิ ชอบ ความมนี ้ำใจ ความชว่ ยเหลอื เกอื้ กลู กนั เป็ นตน้ 2.4 จัดกลมุ่ “คณุ ธรรมเป้าหมาย” ใหเ้ ป็ นเรอื่ งๆ โดยรวบรวมรายการคณุ ธรรมเป้าหมายทไ่ี ด ้ จาก การระดมสมอง แลว้ นำมาจัดกลมุ่ เลอื กกลมุ่ ทมี่ คี วามหมายใกลเ้ คยี งกนั ไวด้ ว้ ยกนั กรณีมคี ำศพั ท์ แตก ตา่ งกนั หลากหลาย ควรหารอื ในทปี่ ระชมุ และใหเ้ ลอื กใชค้ ำศพั ทท์ มี่ คี วามเขา้ ใจตรงกนั ไมต่ อ้ งตคี วาม 2.5 จัดลำดบั ความสำคญั ของคณุ ธรรมเป้าหมาย โดยใหท้ ปี่ ระชมุ รว่ มกนั จัดลำดบั ความสำคญั ของคณุ ธรรมเป้าหมายทต่ี อ้ งการทำกอ่ นหลงั (กรณีทปี่ ระชมุ เสนอความเห็นเรอื่ งคณุ ธรรมจำนวนหลาย เรอ่ื งมาก) ควรคดั เลอื กมาเพยี ง 3 เรอ่ื งกอ่ น เพอื่ ใชเ้ ป็ นคณุ ธรรมเป้าหมายของโรงเรยี น 2.6 กำหนดคณุ ธรรมเป้าหมายใหเ้ ป็ นทท่ี ราบทว่ั กนั กลา่ วคอื คณุ ธรรมเป้าหมาย หมายถงึ คณุ ธรรมทท่ี กุ คนในโรงเรยี นไดร้ ว่ มกนั กำหนดขน้ึ โดยการคดิ วเิ คราะหพ์ ฤตกิ รรมทพี่ งึ ประสงคท์ โี่ รงเรยี น ตอ้ งการใหเ้ กดิ ขน้ึ เป็ นคณุ ธรรมทม่ี คี ณุ ลกั ษณะทสี่ ง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ พฤตกิ รรมทด่ี ขี องโรงเรยี น และสามารถ ใชเ้ ป็ นหลกั ในแกป้ ัญหาสว่ นใหญข่ องโรงเรยี นได ้ ในระยะเรม่ิ ตน้ ไมค่ วรกำหนดคณุ ธรรมเป้าหมายจำนวน มากหลายขอ้ ควรกำหนดประมาณ 3 ขอ้ เพอ่ื งา่ ยสะดวกตอ่ การพัฒนา

11 2.7 กำหนดพฤตกิ รรมบง่ ช/ี้ ขอ้ ปฏบิ ตั ทิ เี่ กย่ี วขอ้ งกบั คณุ ธรรมเป้าหมาย โดยนำคณุ ธรรมเป้าหมาย แตล่ ะขอ้ มากำหนดรายละเอยี ดพฤตกิ รรมบง่ ช/้ี ขอ้ ปฏบิ ตั ิ ควรแบง่ กลมุ่ ผเู ้ ขา้ ประชมุ ตามภาระหนา้ ทคี่ วาม รับผดิ ชอบในกลมุ่ เดยี วกนั หรอื ใกลเ้ คยี งกนั เพอื่ ประโยชนใ์ นการคดิ วเิ คราะหแ์ ละเสนอแนะ พฤตกิ รรมบง่ ช/ี้ ขอ้ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ขิ องกลมุ่ เดยี วกนั ได ้ 2.8 กำหนดคณุ ธรรมอตั ลกั ษณใ์ หเ้ ป็ นทที่ ราบทวั่ กนั กลา่ วคอื เมอื่ นำคณุ ธรรมเป้าหมาย แตล่ ะขอ้ มากำหนดพฤตกิ รรมบง่ ช/้ี ขอ้ ปฏบิ ตั เิ พม่ิ เตมิ ใหค้ รบแลว้ จะเรยี กรวมวา่ “คณุ ธรรมอตั ลกั ษณ”์ ซง่ึ หมายถงึ คณุ ธรรมเป้าหมายทมี่ กี ารกำหนดพฤตกิ รรมบง่ ช/้ี ขอ้ ปฏบิ ตั ไิ วด้ ว้ ย ซงึ่ จะจำแนกตามกลมุ่ เป้าหมาย เชน่ ขอ้ ปฏบิ ตั ขิ องครู ผบู ้ รหิ าร และนักเรยี น เป็ นตน้ คณุ ธรรมอตั ลกั ษณจ์ ะใชเ้ ป็ นเครอื่ งมอื ในการประเมนิ ผลการเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมของกลมุ่ เป้าหมายแตล่ ะกลมุ่ พฤตกิ รรมบง่ ชแี้ ตล่ ะขอ้ จะใชเ้ ป็ นตวั ชว้ี ดั ทแี่ สดงความสำเร็จของการเปลยี่ นแปลง พฤตกิ รรมในโรงเรยี น หรอื พฤตกิ รรมทพี่ งึ ประสงคท์ โ่ี รงเรยี นตอ้ งการใหเ้ กดิ ขน้ึ มากนอ้ ยระดบั ไหน อยา่ งไร โรงเรยี นสามารถกำหนดเป้าหมายเชงิ ปรมิ าณ โดยมงุ่ ใหม้ กี ารเปลย่ี นแปลงเกดิ ขนึ้ ในกลมุ่ เป้าหมายใด จำนวนเทา่ ไร และเป้าหมายเชงิ คณุ ภาพ โดยมงุ่ ใหก้ ลมุ่ เป้าหมายมพี ฤตกิ รรมทพี่ งึ ประสงค์ ไปในทศิ ทางทดี่ ขี นึ้ เป็ นตน้ 2.9 กำหนดนโยบายและ/หรอื ขอ้ ตกลงรว่ มกนั โดยนำเสนอผลการประชมุ ระดมสมองในสว่ นของ คณุ ธรรมเป้ าหมาย และ คณุ ธรรมอตั ลกั ษณ์ ทม่ี กี ารจำแนกพฤตกิ รรมบง่ ชข้ี องแตล่ ะกลมุ่ เป้าหมาย แลว้ เพอื่ ใหท้ กุ คนทเ่ี ขา้ ประชมุ มคี วามเขา้ ใจตรงกนั และรว่ มกนั กำหนดเป็ นนโยบาย/ขอ้ ตกลงวา่ จะนำมา ปฏบิ ตั ดิ ว้ ยกนั โดยอาจนำเสนอในรปู ของตารางคณุ ธรรมอตั ลกั ษณ์ ดงั ตวั อยา่ งน้ี คณุ ธรรมเป้ าหมาย พฤตกิ รรมบง่ ชเ้ี ชงิ บวก/ขอ้ ปฏบิ ตั (ิ จำแนกตามกลมุ่ ) ความซอ่ื สตั ย์ ความรบั ผดิ ชอบ ผบู ้ รหิ าร ครู นักเรยี น - จัดซอื้ จัดจา้ งโปรง่ ใส - เขา้ สอนตรงเวลา - ไมล่ อกการบา้ น - พจิ ารณาความดี - ไมเ่ อาเวลาราชการ - ไมโ่ กหก ไมพ่ ดู เท็จ ความชอบ อยา่ งถกู ไป ทำประโยชน์ สว่ นตวั ตอ้ งเป็ นธรรม - มคี วามประพฤตดิ เี ป็ น - สอนใหน้ ักเรยี นรจู ้ ัก - ชว่ ยผปู ้ กครองทำงาน แบบ อยา่ งทด่ี แี กผ่ ใู ้ ต ้ คดิ วเิ คราะห์ รจู ้ ักการ บา้ นทกุ วนั - แตง่ กายถกู ระเบยี บ บงั คบั บญั ชา แกป้ ัญหาดว้ ยตนเอง ของโรงเรยี น

12 ความพอเพยี ง -มแี ผนงานแผนเงนิ - ใชจ้ า่ ยสมฐานะ -ใชจ้ า่ ยอยา่ งประหยดั ทสี่ อดคลอ้ งกนั - ใชส้ อื่ การสอนรว่ มกนั - อดทน เสยี สละเพอ่ื - ใชจ้ า่ ยตามแผนงาน อยา่ งคมุ ้ คา่ สว่ นรวม 3. ขนั้ ตอนการจดั ทำโครงงานคณุ ธรรม โครงงานคณุ ธรรม คอื โครงงานความดเี ชงิ รกุ ทเ่ี ด็กคดิ เด็กเลอื ก เด็กทำ ในรปู แบบของโครงงาน กลมุ่ ดว้ ยการลงมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ ทำใหเ้ กดิ การเรยี นรถู ้ งึ การทำความดี เพอ่ื แกไ้ ขปัญหาความเสอ่ื ม ทาง ศลี ธรรม และสง่ เสรมิ การบม่ เพาะความดผี า่ นกจิ กรรมรปู แบบตา่ งๆ อยา่ งเป็ นรปู ธรรมและเป็ น ระบบ ขยายการมสี ว่ นรว่ มไปยงั บคุ คลตา่ งๆ ในโรงเรยี นและชมุ ชน “รว่ มกนั ทำดี อยา่ งมปี ัญญา” การจดั ทำโครงงานคณุ ธรรม (Moral Project) จะแบง่ กลมุ่ ตามความสนใจโครงงานเรอื่ งหนงึ่ เรอ่ื งใด หรอื อาจแบง่ ตามระดบั ชนั้ เรยี น แบง่ ตามชมรมความสนใจ แลว้ จัดเป็ นประชมุ สมั มนา เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร หรอื ประชมุ อภปิ รายหารอื หรอื ประชมุ ระดมสมอง โดยมขี นั้ ตอนตามลำดบั ดงั น้ี 3.1 วเิ คราะหป์ ญั หา หรอื พฤตกิ รรมทไ่ี มพ่ งึ ประสงค์ ซง่ึ กลมุ่ ตอ้ งการใหโ้ รงเรยี นมกี ารแกไ้ ข โดยตงั้ คำถามใหท้ กุ คนคดิ วเิ คราะห์ เชน่ พฤตกิ รรมของเพอื่ นๆ ทอ่ี ยากปรับปรงุ หรอื คณุ ธรรมพน้ื ฐาน ของโรงเรยี นมขี อ้ ใดยงั ไมไ่ ดท้ ำบา้ ง เป็ นตน้ คำถาม: ในโรงเรยี นนมี้ ปี ัญหาอะไรบา้ งทอ่ี ยากแก ้ (หรอื สงิ่ ดๆี ทอ่ี ยากทำมอี ะไรบา้ ง)

13 3.2 ควรจดั ลำดบั ปญั หาทสี่ ำคญั ดว่ นทส่ี ดุ ทที่ กุ คนเห็นพอ้ งตอ้ งกนั วา่ ควรรบี แกไ้ ข เลอื กมา 1 ปัญหาตามความเห็นของทปี่ ระชมุ คำถาม: ปัญหาขอ้ ใดทอ่ี ยากแกไ้ ขมากทสี่ ดุ 3.3 หาสาเหตขุ องปญั หา โดยนำปัญหาทคี่ ดั เลอื กแลว้ มาระดมสมองหาสาเหตขุ องปัญหานัน้ ๆ ซงึ่ อาจเกดิ จากสาเหตปุ ัจจัยภายในและ/หรอื ปัจจัยภายนอกอยา่ งไรบา้ ง อาจใชก้ ารอภปิ ราย หาเหตผุ ล นำขอ้ มลู สถติ ิ ขอ้ เดน่ ขอ้ ดอ้ ย ความเป็ นไปได ้ ความเรง่ ดว่ นมาพจิ ารณาประกอบ เพอื่ หาขอ้ ยตุ ใิ นการ ตดั สนิ ใจเลอื กเป็ นประเด็นปัญหาทอ่ี ยากแกไ้ ขมากทสี่ ดุ คำถาม: ปัญหาเรอ่ื งนม้ี สี าเหตมุ าจากอะไรบา้ ง มขี อ้ มลู ประกอบการพจิ ารณาอะไรบา้ ง 3.4 กำหนดเป้ าหมายของการแกป้ ญั หานน้ั ๆ โดยนำปัญหาทคี่ ดั เลอื กมากำหนดเป้ าหมาย ทง้ั เป้ าหมายเชงิ ปรมิ าณ หมายถงึ กลมุ่ บคุ คลทตี่ อ้ งการใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลง นักเรยี นชนั้ ไหน จำนวน เทา่ ไร ฯลฯ เป็ นตน้ และกำหนดเป้ าหมายเชงิ คณุ ภาพ หมายถงึ พฤตกิ รรมอะไรทตี่ อ้ งการให ้ เกดิ ขนึ้ หรอื เกดิ การเปลยี่ นแปลงสภาพแวดลอ้ มอยา่ งไร คำถาม: ตอ้ งการเปลย่ี นแปลงใคร/กลมุ่ ไหน จำนวนเทา่ ไร เปลยี่ นแปลงเป็ นอยา่ งไร 3.5 กำหนดชอ่ื โครงงาน ทชี่ ดั เจนเขา้ ใจงา่ ย และ ควรสะทอ้ นกจิ กรรมและกลมุ่ เป้าหมายท่ี เกย่ี วขอ้ ง เชน่ “โครงงานลด ละ เลกิ บหุ ร-่ี เมรัยฯ” “โครงงานรักษ์สตั ว์ รักษ์สงั คม” เป็ นตน้ 3.6 กำหนดวธิ แี กไ้ ขปญั หา หรอื วธิ ดี ำเนนิ งานเพอื่ ไปสเู่ ป้าหมายนัน้ จะมแี ผนอยา่ งไร คำถาม: วธิ กี ารแกไ้ ขแตล่ ะสาเหตุ ทำอยา่ งไรบา้ ง

14 3.7 หลกั ธรรม/พระราชดำรสั /พระราชดำร/ิ คำสอน ใชห้ ลกั ธรรมอะไรเป็ นหลกั คดิ ในการ ดำเนนิ โครงงาน นอ้ มนำพระราชดำรัส/พระราชดำร/ิ คำสอน อะไรมาเป็ นหลกั ในการดำเนนิ โครงงาน โครงงานแตล่ ะ โครงงานสามารถมคี ณุ ธรรมหลายขอ้ เป็ นหลกั คดิ ในการปฏบิ ตั โิ ครงงานได ้ คำถาม: การดำเนนิ งานแกป้ ัญหา จะใชค้ ณุ ธรรม/ พระราชดำรัส/พระราชดำร/ิ คำสอน อะไรบา้ งเป็ น หลกั คดิ 3.8 การเชอ่ื มโยงไปสคู่ ณุ ธรรมอตั ลกั ษณข์ องโรงเรยี น โดยทปี่ ระชมุ พจิ ารณาการเชอ่ื มโยง ไปสคู่ ณุ ธรรมอตั ลกั ษณข์ องโรงเรยี น ไดอ้ ยา่ งไร โครงงานแตล่ ะโครงงานสามารถเชอื่ มโยงไปสคู่ ณุ ธรรม อตั ลกั ษณห์ ลายขอ้ ได ้ โดยพจิ ารณาถงึ กระบวนการในการปฏบิ ตั โิ ครงงานและคณุ ธรรมทที่ ำใหเ้ กดิ การ เปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมขน้ึ คำถาม: โครงงานนน้ี ำไปสคู่ ณุ ธรรมอตั ลกั ษณ์ ของโรงเรยี นไดอ้ ยา่ งไร 3.9 กำหนดวธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล โดยกำหนดตวั ชว้ี ดั เพอื่ วดั หรอื ประเมนิ ผลวา่ มกี าร เปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมอะไร ไปมากนอ้ ยเพยี งไรในแตล่ ะกลมุ่ เป้าหมาย 3.10 จดั ทำรา่ งเอกสารโครงงานคณุ ธรรม โดยรวบรวมขอ้ มลู ทงั้ หมด แลว้ จัดทำเป็ นเอกสาร รา่ งโครงการ เพอื่ นำไปทดลองปฏบิ ตั สิ กั ระยะหนงึ่ แลว้ ปรับปรงุ ใหส้ อดคลอ้ งกบั สถานการณแ์ ละบรบิ ท ของโรงเรยี น กอ่ นนำไปใชจ้ รงิ ทงั้ น้ี เนอ่ื งจากโครงงานคณุ ธรรม เป็ นเครอ่ื งมอื ทใี่ ชพ้ ัฒนาทกั ษะการคดิ และการปฏบิ ตั งิ าน กลมุ่ ของนักเรยี น จงึ ควรจัดทำโครงงานฉบบั รา่ งแลว้ นำไปทดลองใชก้ อ่ นสกั ระยะ เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นไดเ้ รยี นรู ้ แลว้ ปรับปรงุ แผนเป็ นระยะๆ จนกลมุ่ คดิ วา่ สามารถนำไปปฏบิ ตั ใิ หไ้ ดผ้ ลตรงตาม ความตอ้ งการไดแ้ ลว้

15 3.11 จดั ทำเป็ นโครงงานคณุ ธรรม โดยนำขอ้ มลู และเอกสารทเี่ กยี่ วขอ้ งทไ่ี ดจ้ ากการทดลอง ทกุ ขนั้ ตอน มาเรยี บเรยี งใหอ้ า่ น เขา้ ใจงา่ ย อาจใชร้ ปู แบบการเขยี นโครงงานคณุ ธรรม หรอื รปู แบบตาม ความเหมาะสมของโรงเรยี น กรณี มขี อ้ คดิ เห็น ขอ้ ทกั ทว้ ง ผบู ้ รหิ ารและคณะทำงานควรรว่ มกนั ชแ้ี จง และ/หรอื พจิ ารณาปรับปรงุ แกไ้ ขแผน โครงงานใหแ้ ลว้ เสร็จ และเผยแพรใ่ ชเ้ ป็ นโครงงานจรงิ ตอ่ ไป โครงงานคณุ ธรรม ประกอบดว้ ย 1.ชอื่ โครงงาน 2.ความสำคญั ของปัญหา 3.วตั ถปุ ระสงค์ 4.กลมุ่ เป้าหมาย 5.แผนการดำเนนิ โครงงาน 6.งบประมาณ 7.หลกั ธรรมทน่ี ำมาใช ้ 8.ความเชอื่ มโยงสคู่ ณุ ธรรมอตั ลกั ษณ์ 9. วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล 10.ผรู ้ ับผดิ ชอบโครงงาน

16 4. ขน้ั ตอนการลงมอื รว่ มกนั ปฏบิ ตั ิ 4.1 แตง่ ตง้ั ผรู้ บั ผดิ ชอบโครงงาน โดยอาจมนี ักเรยี นรวมกลมุ่ กนั เองเพอื่ ทำความดตี าม ความ สนใจ หรอื ครคู ดั เลอื กเยาวชนแกนนำของโรงเรยี นสกั 8-10 คน เป็ นผรู ้ ับผดิ ชอบโครงงาน มคี รทู ี่ ปรกึ ษา 1- 3 คน พจิ ารณาตามขอบเขตและขนาดของงาน สมาชกิ กลมุ่ ไมค่ วรจำกดั จำนวน ควรเป็ นไป ตามความ สนใจและภาระงานทใ่ี หร้ ับผดิ ชอบ 4.2 กำหนดเป้ าหมายการปฏบิ ตั งิ าน ทงั้ ในระยะสนั้ ในแตล่ ะเดอื น และเป้าหมายระยะยาวใน แตล่ ะภาคการศกึ ษา 4.3 กำหนดปฏทิ นิ การปฏบิ ตั งิ าน 4.4 ลงมอื ปฏบิ ตั ดิ ว้ ยกนั ตามแผนปฏบิ ตั งิ าน ในทกุ กจิ กรรมนักเรยี นจะไดเ้ รยี นรจู ้ ากการ ลงมอื ทำ โดยการสงั เกต คดิ พจิ ารณาปรับปรงุ กจิ กรรมใหน้ ำไปสคู่ วามสำเร็จ ประการสำคญั ไดเ้ รยี นรจู ้ าก การรว่ มกนั ทำงานเป็ นทมี ทำงานทด่ี ดี ว้ ยกนั หลกั สำคญั ประการหนง่ึ ทช่ี ว่ ยในการรวมกลมุ่ ของนักเรยี นใหท้ ำกจิ กรรมรว่ มกนั ไดอ้ ยา่ งมคี วาม สขุ คอื ความเป็ นกลั ยาณมติ ร ทกุ คนในกลมุ่ จะทำงานอยา่ งสนุกสนานรว่ มกบั เพอื่ นๆ ทมี่ คี วามเป็ น กลั ยาณมติ รซงึ่ กนั และกนั คณุ สมบตั ขิ องกลั ยาณมติ ร ไดแ้ ก่ 1) มคี วามน่ารัก ใหค้ วามรสู ้ กึ อยากรว่ มงานดว้ ย อยากเขา้ ไปขอคำปรกึ ษาหารอื 2) มคี วามน่าเคารพ ทำใหร้ สู ้ กึ อบอนุ่ ใจ เป็ นทพ่ี ง่ึ ได ้ 3) อยากนำมาเป็ นตวั อยา่ งในการเป็ นผมู ้ คี วามรู ้ ความสามารถ ปรับปรงุ ตนเองอยเู่ สมอ 4) บอกสอนเป็ น คอื รจู ้ ักพดู ใหเ้ ขา้ ใจ คอยใหค้ ำแนะนำ ตกั เตอื น เป็ นทปี่ รกึ ษาทดี่ ไี ด ้ 5) พรอ้ มรับฟังคำปรกึ ษา ขอ้ ซกั ถาม ขอ้ วพิ ากษ์ วจิ ารณโ์ ดยไมใ่ ชอ้ ารมณ์ 6) สามารถอธบิ ายเรอื่ งยงุ่ ยากซบั ซอ้ นใหเ้ ขา้ ใจงา่ ย และแนะนำใหเ้ รยี นรเู ้ รอ่ื งทลี่ กึ ซง้ึ ยง่ิ ขนึ้ 7) ไมน่ ำผดิ ทาง ผดิ ทำนองคลองธรรม หรอื ชกั จงู ไปในทางเสอื่ มเสยี ไมเ่ หมาะสม

17 4.5 เมอ่ื จบแตล่ ะกจิ กรรมยอ่ ย ใหท้ ำ AAR (After Action Review) เป็ นการพดู คยุ กนั เพอ่ื ปรับปรงุ การทำงานใหด้ ขี นึ้ และควรใหน้ ักเรยี นบนั ทกึ สงิ่ ทไี่ ดเ้ รยี นรจู ้ ากการทำกจิ กรรมและการนำไป ประยกุ ตใ์ ชใ้ นสมดุ เป็ นรายบคุ คล 4.6 เผยแพรเ่ อกสารโครงงานคณุ ธรรม โดยรวบรวมขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการทำกจิ กรรมและการ ประชมุ ทกุ ขนั้ ตอน มาเรยี บเรยี งใหก้ ระชบั อา่ นเขา้ ใจงา่ ย อาจใชร้ ปู แบบการเขยี นโครงงานคณุ ธรรม หรอื รปู แบบตามความเหมาะสมของโรงเรยี น ทงั้ นี้ ใหค้ ำนงึ ถงึ ความสะดวกและทวั่ ถงึ ในการนำไปเผยแพรใ่ ห ้ ทกุ คนทราบ นำไปใช ้และใชใ้ นการประเมนิ ผลได ้ 5. ขน้ั ตอนการนเิ ทศตดิ ตามประเมนิ ผลและเสรมิ แรงกนั ในการทำโครงงานตา่ งๆ ควรมคี ณะ ทำงานทำหนา้ ทนี่ เิ ทศ ตดิ ตามใหค้ ำปรกึ ษาหารอื รวมทงั้ เป็ นพเ่ี ลยี้ งสอนงาน และใหค้ วามชว่ ยเหลอื แนะนำสง่ิ ทจี่ ำเป็ นอยา่ งมกี ลั ยาณมติ ร เพอ่ื ใหง้ านบรรลผุ ล ตามขนั้ ตอน เป้าหมายและกำหนดเวลาทค่ี าด หวงั ไว ้ ควรมกี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ทงั้ กอ่ นและหลงั การทำงาน เพอ่ื ประโยชนใ์ นการวเิ คราะหเ์ ปรยี บเทยี บ การเปลย่ี นแปลงทคี่ าดวา่ จะเกดิ ขนึ้ โดยพจิ ารณาตาม ตวั ชว้ี ดั ทไ่ี ดก้ ำหนดไวใ้ นโครงงาน เชน่ รอ้ ยละของ จำนวนนักเรยี นทม่ี จี ติ อาสาเพมิ่ ขนึ้ เป็ นตน้ ควรสรา้ งการมสี ว่ นรว่ มในการประเมนิ ผล เชน่ คณะกรรมการ สถานศกึ ษา ผปู ้ กครอง ชมุ ชน เพอ่ื ใหม้ มี มุ มองดา้ น การประเมนิ ผลสำเร็จของงาน ทงั้ จากภายในและ ภายนอกโรงเรยี น นอกจากน้ี โรงเรยี นควรกำหนดใหม้ กี ารเยยี่ มเยยี น เยย่ี มชมโครงงานซงึ่ กนั และกนั โดยอาจจัด ในรปู แบบของตลาดนัดโครงงานคณุ ธรรม มเี วทขี องการแลกเปลยี่ นเรยี นรู ้ เพอื่ สรา้ งการมสี ว่ นรว่ ม และ ชว่ ยผนกึ กำลงั กนั ใหเ้ ขม้ แข็งในการรว่ มกนั ทำความดี โครงงานอน่ื ๆของโรงเรยี น ทงั้ ดา้ นวชิ าการ ดา้ น วนิ ัยนักเรยี น รวมทงั้ กจิ กรรมตา่ งๆของคณะครู ทงั้ ทม่ี สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งกบั โครงงานคณุ ธรรมหรอื ไมเ่ กยี่ วขอ้ ง กต็ าม ควรนับรวมวา่ เป็ นกจิ กรรมทช่ี ว่ ยเสรมิ หนุน ใหเ้ กดิ การพัฒนาคณุ ธรรมจรยิ ธรรมขนึ้ ในโรงเรยี น คณุ ความดจี ะเกดิ ขนึ้ จากการปฏบิ ตั ดิ ว้ ยตนเอง การใหก้ ำลงั ใจซง่ึ กนั และกนั การเสรมิ แรงกนั ดว้ ย กจิ กรรม ตา่ งๆ เป็ นการขยายงานไปใหท้ วั่ โรงเรยี น จงึ เป็ นหลกั ประกนั ของการประพฤตคิ ณุ ธรรมความดี จะคงอยู่ และยงั่ ยนื ตลอดไปในโรงเรยี น และมโี อกาสทจ่ี ะขยายผลสชู่ มุ ชนเครอื ขา่ ยใกลเ้ คยี งไดต้ อ่ ไป

18 กระบวนการบรหิ ารงานโรงเรยี นคณุ ธรรม เมอื่ ผบู ้ รหิ ารและคณะครตู ดั สนิ ใจจะพัฒนาโรงเรยี นใหเ้ ป็ นโรงเรยี นคณุ ธรรมแลว้ ยอ่ มตอ้ งการ ทราบผลวา่ การพัฒนาโรงเรยี นคณุ ธรรมมคี วามกา้ วหนา้ ไปอยา่ งไรบา้ ง และพฤตกิ รรมของครู นักเรยี น ผู ้ บรหิ าร และ ผเู ้ กย่ี วขอ้ ง เชน่ ผปู ้ กครอง คณะกรรมการสถานศกึ ษา มกี ารเปลยี่ นแปลงไปอยา่ งไร พฤตกิ รรมทพี่ งึ ประสงคใ์ นโรงเรยี นเรอ่ื งใดเพม่ิ ขน้ึ มากหรอื นอ้ ย พฤตกิ รรมไมพ่ งึ ประสงคล์ ดลงมากหรอื นอ้ ย เป็ นตน้ ดงั นัน้ คณะผบู ้ รหิ ารจงึ จำเป็ นตอ้ งกำหนดกระบวนการบรหิ ารงาน เพอื่ ใชใ้ นการขบั เคลอ่ื น งานพัฒนาคณุ ธรรมของโรงเรยี น ประกอบดว้ ย 1) การวางแผนงานคณุ ธรรม 2) สรา้ งกลไกการลงมอื ปฏบิ ตั งิ าน 3) กำหนดการตดิ ตามนเิ ทศงาน และ 4) ใหม้ กี ารประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน

19 ครบรอบบรหิ ารงาน ประมาณ 1 ปีแลว้ นำผลจากการประเมนิ ผลงานมาปรับปรงุ แผนงานคณุ ธรรม ฉบบั ตอ่ ๆ ไป การลงมอื ปฏบิ ตั อิ ยา่ งตอ่ เนอื่ งจะพัฒนาใหโ้ รงเรยี นเป็ นโรงเรยี นคณุ ธรรมอยา่ งตอ่ เนอ่ื งและ ยง่ั ยนื 1. การวางแผนงานคณุ ธรรม แผนงานคณุ ธรรม หมายถงึ การกำหนดแนวทางการพัฒนา โรงเรยี นสโู่ รงเรยี นคณุ ธรรมอยา่ งเป็ นระบบ เพอื่ ใหก้ ารดำเนนิ งานมปี ระสทิ ธภิ าพและบรรลเุ ป้าหมายตาม ทค่ี าดหวงั ไว ้ ประกอบดว้ ย การกำหนด วสิ ยั ทศั น์ เป้าประสงค์ วตั ถปุ ระสงค์ ยทุ ธศาสตร์ แผนปฏบิ ตั ิ และ ตวั ชวี้ ดั เพอ่ื การประเมนิ ผล ดงั ตวั อยา่ ง ดงั นี้ ผงั แสดง แผนงานคณุ ธรรมจรยิ ธรรม วสิ ยั ทศั น์ ชว่ ยกนั สรา้ งคนดใี หส้ งั คม เป้ าประสงค์ วตั ถปุ ระสงค์ 1. มกี ระบวนการพัฒนาโรงเรยี นสโู่ รงเรยี นคณุ ธรรม 2. มกี ลไกและเครอื่ งมอื ทท่ี กุ คนมสี ว่ นรว่ มในการลงมอื ปฏบิ ตั เิ พอื่ ยทุ ธศาสตรด์ ำเนนิ งาน พัฒนาโรงเรยี นคณุ ธรรม 3. พฤตกิ รรมทพี่ งึ ประสงคใ์ นโรงเรยี นเพม่ิ ขนึ้ 4. พฤตกิ รรมทไี่ มพ่ งึ ประสงคใ์ นโรงเรยี นลดนอ้ ยลง 1. เพอื่ พัฒนาความรว่ มมอื จากทกุ ภาคสว่ นในการพัฒนาโรงเรยี น คณุ ธรรม 2. เพอื่ พัฒนาเครอื่ งมอื ทชี่ ว่ ยฝึกกระบวนการคดิ และลงมอื ปฏบิ ตั ิ ดว้ ยตนเอง 3. เพอื่ พัฒนาแนวปฏบิ ตั ใิ นการปรับเปลย่ี นพฤตกิ รรมทพี่ งึ ประสงค์ ในโรงเรยี นเพมิ่ ขนึ้ และลดพฤตกิ รรมทไ่ี มพ่ งึ ประสงคใ์ น โรงเรยี นใหน้ อ้ ยลง 1. ผนกึ กำลงั ของผบู ้ รหิ าร ครู และนักเรยี นลงมอื ปฏบิ ตั คิ ณุ ธรรม ทวั่ ทงั้ โรงเรยี น 2. บรู ณาการแผนงาน/โครงการ ทงั้ ดา้ นวชิ าการตามกลมุ่ สาระ งานวนิ ัยนักเรยี น กจิ กรรมพัฒนานักเรยี น และกจิ กรรมเสรมิ

แผนปฏบิ ตั ิ 20 คณุ ธรรมเป้าหมาย หลกั สตู ร เขา้ ไวใ้ นการพัฒนาโรงเรยี น คณุ ธรรม แผนพัฒนาโรงรยี นคณุ ธรรมจรยิ ธรรม 1.ความซอื่ สตั ย์ 2. ความรับผดิ ชอบ 3. ความพอเพยี ง คณุ ธรรมอตั ลกั ษณ์ 1.ความซอ่ื สตั ย์ ผบู้ รหิ าร ครู นกั เรยี น - ไมแ่ สวงหาผล - ไมเ่ บยี ดเบยี นเวลา - ใชว้ าจาสภุ าพ -ไมพ่ ดู คำหยาบ ประโยชน์ ราชการ - ไมล่ อกการบา้ น - ไมโ่ กหกและมี - ไมส่ รา้ งความ - หา่ งไกลยาเสพตดิ สจั จะ แตกแยกในหมู่ - ไมเ่ บยี ดเบยี น คณะ เวลาราชการ 2. ความรับผดิ ชอบ ผบู้ รหิ าร ครู นกั เรยี น -ตรงตอ่ เวลา - ตรงตอ่ เวลา - แตง่ กายถกู ระเบยี บ - รับผดิ ชอบตอ่ - แตง่ กายถกู ระเบยี บ ของโรงเรยี น หนา้ ท่ี ของโรงเรยี น - ยม้ิ ไหว ้ ทกั ทาย - อดทน แกไ้ ข - สอนใหน้ ักเรยี น - มสี มั มาคารวะ ปัญหาใหล้ ลุ ว่ ง รจู ้ ักคดิ วเิ คราะห ออ่ นนอ้ ม ถอ่ มตน ดว้ ยดี - ตดั สนิ ใจโดยใช ้ ขอ้ มลู เป็ นหลกั 3. ความพอเพยี ง ผบู้ รหิ าร ครู นกั เรยี น - ใชท้ รัพยากรให ้ - ประหยดั ทรัพยากร - มนี ้ำใจ เสยี สละ ชว่ ยเหลอื ผอู ้ น่ื โดย คมุ ้ คา่ ของ โรงเรยี น - แผนงานของ - เสยี สละ แบง่ ปันตอ่ ไมห่ วงั ผลตอบแทน - ประหยดั ไมใ่ ชจ้ า่ ย โรงเรยี น นักเรยี น และเพอ่ื น เกนิ ตวั สอดคลอ้ งกบั แผน รว่ มงาน - ประหยดั ทรัพยากร - ไมใ่ ชจ้ า่ ยเกนิ งบประมาณ ของโรงเรยี น - อบรมใหค้ วามรู ้ ฐานะ - สอนงานเพอื่ นรว่ ม สอน งานแกผ่ ใู ้ ต ้ งาน บงั คบั บญั ชา โครงการ/โครงงาน/ กจิ กรรม โรงเรยี นมโี ครงการ/โครงงาน/กจิ กรรมพัฒนาคณุ ธรรม รวมทงั้ สน้ิ . …โครงงาน ไดแ้ ก่ 1. โครงการ.... 2. โครงงาน.... ฯลฯ ตวั ชว้ี ดั ในการ พัฒนาโรงเรยี นสู่ โรงเรยี นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม 1. มกี ระบวนการขบั เคลอ่ื นคณุ ธรรมจรยิ ธรรมทงั้ โรงเรยี น 2. (รอ้ ยละ)จำนวนนักเรยี นทมี่ พี ฤตกิ รรมพงึ ประสงคเ์ พม่ิ ขน้ึ 3. (รอ้ ยละ)จำนวนครทู มี่ พี ฤตกิ รรมพงึ ประสงคเ์ พมิ่ ขนึ้ 4. (รอ้ ยละ)จำนวนนักเรยี นทมี่ พี ฤตกิ รรมไมพ่ งึ ประสงคล์ ดนอ้ ยลง 5. มกี ระบวนการมสี ว่ นรว่ มจากผปู ้ กครอง กรรมการสถานศกึ ษา และชมุ ชน 6. มอี งคค์ วามร/ู ้ นวตั กรรมการสรา้ งเสรมิ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม และมี การบรู ณาการกบั การจัดการเรยี นรใู ้ นชนั้ เรยี น 7. มกี ารขยายเครอื ขา่ ยโรงเรยี นคณุ ธรรมจรยิ ธรรม

21 คณะทำงาน รับผดิ ชอบ 8. มภี าคคี วามรว่ มมอื ในการพัฒนาคณุ ธรรมจรยิ ธรรม 1.นาย/นาง/นางสาว...................................................... ผอู ้ ำนวยการโรงเรยี น 2. 3. 1.1 วสิ ยั ทศั น์ หมายถงึ สงิ่ ทโ่ี รงเรยี นมงุ่ หวงั ใหเ้ กดิ ขนึ้ ในอนาคต ซง่ึ ระดบั ผบู ้ รหิ ารตอ้ งกำหนด ขน้ึ และทกุ คนในโรงเรยี นมสี ว่ นรว่ ม เชน่ โรงเรยี นมงุ่ จะชว่ ยสรา้ งคนดใี หส้ งั คม 1.2 เป้ าประสงค์ (Ultimate Goal) หมายถงึ เป้าหมายทโ่ี รงเรยี นมงุ่ มน่ั จะไปใหถ้ งึ ในอนาคต และตอ้ งมคี วามสอดคลอ้ งกบั การกำหนดวตั ถปุ ระสงค์ เชน่ มงุ่ ใหม้ กี ระบวนการพัฒนาโรงเรยี นสโู่ รงเรยี น คณุ ธรรม 1.3 วตั ถปุ ระสงค์ เป็ นขอ้ ความทแี่ สดงถงึ แนวทางปฏบิ ตั ติ า่ งๆเพอ่ื ชว่ ยใหบ้ รรลตุ ามเป้าประสงค์ ทก่ี ำหนดไว ้ ขอ้ ความทใี่ ชเ้ ขยี นวตั ถปุ ระสงคจ์ ะตอ้ งชดั เจน สามารถวดั และประเมนิ ผลได ้ เชน่ เพอื่ พัฒนา ความรว่ มมอื จากทกุ ภาคสว่ นในการพัฒนาโรงเรยี นคณุ ธรรม (ซงึ่ จะสง่ ผลใหเ้ กดิ กระบวนการพัฒนา โรงเรยี น ตามเป้าประสงคท์ วี่ างไว)้

22 1.4 ยทุ ธศาสตรด์ ำเนนิ งาน หมายถงึ วธิ กี ารในระดบั รายละเอยี ดทจ่ี ะนำมาใชใ้ นการ ดำเนนิ งาน เชน่ โรงเรยี นจะผนกึ กำลงั จากทกุ ภาคสว่ นมารว่ มกนั ทำงาน และจะบรู ณาการแผนงาน/ โครงการ ตา่ งๆ ทโี่ รงเรยี นทำอยแู่ ลว้ มาไวด้ ว้ ย เป็ นตน้ อนงึ่ โรงเรยี นควรพจิ ารณาแนวทางการบรู ณาการงาน โครงการ โครงงาน กจิ กรรมตา่ งๆ ที่ โรงเรยี นไดจ้ ัดทำขน้ึ ภายใตแ้ ผนงานตา่ งๆ ทงั้ ดา้ นวชิ าการ ดา้ นวนิ ัย ดา้ นกจิ กรรมพัฒนาผเู ้ รยี น ดา้ น กจิ กรรมเสรมิ หลกั สตู ร เป็ นตน้ มาดำเนนิ การภายใตเ้ ป้าหมายเดยี วกนั ของโรงเรยี น เพอ่ื ประโยชนใ์ นการ ใชท้ รัพยากรรว่ มกนั ทงั้ งบประมาณ บคุ ลากร ครภุ ณั ฑ์ และอปุ กรณอ์ ำนวยความสะดวกตา่ งๆ ประการ สำคญั ผลงานตา่ งๆ ทเ่ี กดิ ขนึ้ จากการบรู ณาการงานตา่ งๆ เขา้ ไวด้ ว้ ยกนั จะเป็ นการสรา้ งการมสี ว่ นรว่ ม สรา้ งทมี งานทด่ี ี ซง่ึ จะสง่ ผลทดี่ ใี นการพัฒนาโรงเรยี นในระยะยาว 1.5 แผนปฏบิ ตั ิ หมายถงึ แผนงานทจ่ี ะใชใ้ นการปฏบิ ตั งิ านคณุ ธรรม ประกอบดว้ ย คณุ ธรรม เป้าหมาย คณุ ธรรมอตั ลกั ษณ์ โครงการ/โครงงาน/กจิ กรรม และตวั ชว้ี ดั ในการพัฒนาโรงเรยี นสโู่ รงเรยี น คณุ ธรรม 2. สรา้ งกลไกการลงมอื ปฏบิ ตั งิ าน โรงเรยี นพัฒนากลไกในการปฏบิ ตั งิ าน โดยเนน้ การสรา้ งความมสี ว่ นรว่ ม มคี ณะทำงาน รับผดิ ชอบ มนี ักเรยี นแกนนำ มกี ระบวนการทำงานอยา่ งเป็ นระบบ และมกี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เพอื่ ใชใ้ น การ ประเมนิ ผล เป็ นตน้ 3. กำหนดการตดิ ตามนเิ ทศงาน ในชว่ งของการปฏบิ ตั งิ าน ควรมกี ารนเิ ทศงานเป็ นระยะๆ มผี รู ้ ับมอบหมายใหเ้ ป็ นผนู ้ เิ ทศตดิ ตาม งาน สอนงาน ใหค้ ำปรกึ ษาหารอื อยา่ งเป็ นกลั ยาณมติ ร เพอื่ ใหง้ านเป็ นไปในแนวทางทก่ี ำหนดไว ้ แกไ้ ขปัญหาทเี่ กดิ ขน้ึ ไดท้ นั ที และ ปรับปรงุ งานใหด้ ขี นึ้ ไดต้ ลอดเวลา การนเิ ทศตดิ ตามงานจะเป็ นการกระตนุ ้ สง่ เสรมิ เสรมิ แรง ใหก้ ำลงั ใจแกผ่ ปู ้ ฏบิ ตั งิ านใหด้ ำเนนิ การอยา่ งราบรนื่ จนบรรลเุ ป้าหมายทกี่ ำหนดไว ้ โดยคำนงึ ถงึ การตดิ ตามใหค้ ำแนะนำปรกึ ษาอยา่ ง กลั ยาณมติ ร การนเิ ทศตดิ ตามงานอยา่ งตอ่ เนอ่ื งจะเป็ นหลกั ประกนั ทด่ี ตี อ่ ความสำเร็จของการ พัฒนาโรงเรยี นคณุ ธรรม

23 4. การประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน การประเมนิ ผลจะชว่ ยใหท้ ราบถงึ การเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรม ทเี่ กดิ ขนึ้ การประเมนิ ผลควรทำ 2 ระดบั ไดแ้ ก่ การประเมนิ ผลในระดบั โครงงานคณุ ธรรม และ การ ประเมนิ ผลภาพรวมของโรงเรยี น ระดบั ความสำเร็จของโครงงานคณุ ธรรมตา่ งๆจะสง่ ผลใหเ้ กดิ ผลสำเร็จ ในภาพรวมของโรงเรยี น ดงั นัน้ การเลอื กใชต้ วั ชวี้ ดั จงึ มคี วามสำคญั และมผี ลตอ่ การแสดงผลความสำเร็จแตกตา่ งกนั ตวั ชว้ี ดั หมายถงึ คณุ ลกั ษณะความประพฤติ พฤตกิ รรมทต่ี อ้ งการวดั หรอื ประเมนิ ควรใชค้ ำทช่ี ดั เจน เขา้ ใจ งา่ ย ไมต่ อ้ งตคี วาม และระบกุ ารประเมนิ เชงิ ปรมิ าณ และ/หรอื เชงิ คณุ ภาพ เชน่ • ตวั ชว้ี ดั เชงิ ปรมิ าณ : จำนวนนักเรยี นทก่ี ลา้ แสดงออกในทางทดี่ เี พม่ิ มากขน้ึ • ตวั ชวี้ ดั เชงิ คณุ ภาพ : นักเรยี นสรา้ งสรรคก์ จิ กรรมหนา้ เสาธงอยา่ งหลากหลาย 4.1 การประเมนิ ผลในระดบั โครงงานคณุ ธรรม ตวั ชว้ี ดั ทใี่ ชใ้ นการประเมนิ ผลโครงงานคณุ ธรรม อาจแบง่ ออกตามชว่ งเวลาของแผน 1. การเรมิ่ โครงงานคณุ ธรรม อาจใชต้ วั ชว้ี ดั เพอื่ ประเมนิ การเตรยี มความพรอ้ ม และ กจิ กรรมทปี่ ฏบิ ตั งิ านขนั้ ตน้ เชน่ • มกี ารประชมุ สรา้ งความเขา้ ใจ • มกี ารแตง่ ตงั้ คณะทำงาน • รอ้ ยละของผสู ้ นใจเขารว่ มประชมุ ฟังคำชแ้ี จงฯลฯ เป็ นตน้ 2. ชว่ งระยะกลางแผนของโครงงานคณุ ธรรม อาจใชต้ วั ชว้ี ดั เพอ่ื ประเมนิ ผลการทำ กจิ กรรมโครงงานในชว่ งครง่ึ แผนไดผ้ ลอยา่ งไร เพอ่ื ใชใ้ นการปรับปรงุ แผนปฏบิ ตั งิ าน เชน่ • รอ้ ยละของ โครงงานทป่ี ฏบิ ตั ไิ ดต้ ามแผนทกี่ ำหนดไว ้ • รอ้ ยละของผสู ้ นใจเขารว่ มทำกจิ กรรม/โครงงาน • จำนวน โครงงานทเ่ี ป็ นไปตามแผน ฯลฯ เป็ นตน้ 3. เมอ่ื สนิ้ สดุ โครงงานคณุ ธรรม ควรใชต้ วั ชวี้ ดั เพอ่ื ประเมนิ ผลสำเร็จของโครงงานคณุ ธรรม เชน่ • รอ้ ยละของกจิ กรรม/โครงงานทบี่ รรลผุ ลสำเร็จตามเป้าหมายทกี่ ำหนด • รอ้ ยละของผสู ้ นใจเขารว่ มทำกจิ กรรม/โครงงานตงั้ แตต่ น้ จนแลว้ เสร็จ • พฤตกิ รรมทพ่ี งึ ประสงค(์ ทกี่ ำหนดไวใ้ นโครงงาน)เพม่ิ ขนึ้ • พฤตกิ รรมทไี่ มพ่ งึ ประสงค(์ ทก่ี ำหนดไวใ้ นโครงงาน)ลดนอ้ ยลง ฯลฯ เป็ นตน้

24 สว่ นตวั ชวี้ ดั ในการประเมนิ ผลระดบั ภาพรวมของโรงเรยี น มงุ่ ประเมนิ การเปลย่ี นแปลง พฤตกิ รรมของนักเรยี น ครู บคุ ลากรและผบู ้ รหิ ารโรงเรยี น ตวั ชวี้ ดั โรงเรยี นคณุ ธรรมของศนู ยโ์ รงเรยี น คณุ ธรรม เชน่ ตวั ชว้ี ดั หลกั ฐาน / รอ่ งรอย / ลกั ษณะทพ่ี บ 1. มกี ระบวนการพัฒนาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ทงั้ โรงเรยี น 1. ครู นักเรยี นและบคุ ลากรทราบแผนการพัฒนาคณุ ธรรม จรยิ ธรรมของโรงเรยี น 2. มกี ลไกคณะทำงานและใช ้ 2. มภี าพความสมั พันธท์ ด่ี รี ะหวา่ งครู นักเรยี นผบู ้ รหิ าร กรรมการ โครงงานคณุ ธรรมเป็ นเครอ่ื งมอื สถานศกึ ษา และผปู ้ กครอง ทที่ กุ คนมสี ว่ นรว่ มในการลงมอื 3. ครแู ละนักเรยี นมคี วามสขุ ยมิ้ แยม้ แจม่ ใส ทกั ทาย โตต้ อบ ปฏบิ ตั เิ พอื่ พัฒนาโรงเรยี น อยา่ งมสี มั มาคารวะ คณุ ธรรม 4. สภาพแวดลอ้ มของโรงเรยี นสะอาด รม่ รนื่ น่าเรยี น 3. พฤตกิ รรมทพี่ งึ ประสงคใ์ น โรงเรยี นเพมิ่ ขน้ึ 5. ครู นักเรยี น ผบู ้ รหิ าร แบง่ งานรับผดิ ชอบพัฒนาโรงเรยี น คณุ ธรรม 6. มโี ครงงานคณุ ธรรม / กจิ กรรมคณุ ธรรมทแี่ ตล่ ะคนมสี ว่ นรว่ ม ลงมอื ปฏบิ ตั ิ 7. ครู นักเรยี น และผบู ้ รหิ าร มวี นิ ัยในการปฏบิ ตั ติ ามหนา้ ที่ รับผดิ ชอบ 8. ครู นักเรยี น และผบู ้ รหิ าร มพี ฤตกิ รรมทพ่ี งึ ประสงคต์ ามท่ี กำหนดไวใ้ นคณุ ธรรมเป้าหมายของโรงเรยี น 4. พฤตกิ รรมทไี่ มพ่ งึ ประสงคใ์ น 9. ครู นักเรยี น และผบู ้ รหิ าร ลดพฤตกิ รรมทไี่ มพ่ งึ ประสงคล์ ง โรงเรยี นลดลง 5. เกดิ กระบวนการมสี ว่ นรว่ มใน 10. บรรยากาศในโรงเรยี นทกุ ภาคสว่ นรว่ มมอื กนั ปฏบิ ตั งิ าน ครู การพัฒนาคณุ ธรรมจรยิ ธรรม นักเรยี นและผบู ้ รหิ าร รว่ มกนั ปฏบิ ตั งิ าน เพอ่ื บรรลพุ ฤตกิ รรมทพี่ งึ ในโรงเรยี นจากทกุ ภาคสว่ นท่ี ประสงคต์ ามทก่ี ำหนดไวใ้ นคณุ ธรรมเป้าหมายของโรงเรยี น เกย่ี วขอ้ ง เชน่ ผบู ้ รหิ ารโรงเรยี น ครู บคุ ลากร นักเรยี น 11. มอี งคค์ วามรู ้ / นวตั กรรมการสรา้ งเสรมิ คณุ ธรรมจรยิ ธรรมท่ี ผปู ้ กครอง ชมุ ชน เป็ นตน้ เผยแพรไ่ ด ้ และ / หรอื มแี ผนการเรยี นรกู ้ ารสรา้ งเสรมิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรมในชนั้ เรยี น 6. มอี งคค์ วามรู ้ / นวตั กรรมการ สรา้ งเสรมิ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม 12. โรงเรยี นมคี วามพรอ้ มในการเป็ นแหลง่ ศกึ ษาดงู านพัฒนา และมกี ารบรู ณาการกบั การ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม จัดการเรยี นรใู ้ นชนั้ เรยี น 7. เป็ นแหลง่ เรยี นรขู ้ องโรงเรยี น คณุ ธรรมจรยิ ธรรม

25 4.2 การประเมนิ ผลภาพรวมของโรงเรยี น โรงเรยี นแตล่ ะแหง่ จะมกี ารจัดทำกจิ กรรม/ โครงงานคณุ ธรรมหลายเรอื่ งมากมาย บางโรงเรยี นมกี จิ กรรม/โครงงานแบง่ ตามจำนวนหอ้ งเรยี น ชนั้ เรยี น ชมรม กลมุ่ สนใจ เป็ นตน้ เมอ่ื ประเมนิ ผลระดบั โครงงานคณุ ธรรมแลว้ ใหน้ ำผลมาใชป้ ระเมนิ ผลภาพรวม ของโรงเรยี น โดยนำคณุ ธรรมเป้าหมายของโรงเรยี นทไ่ี ดก้ ำหนดไว ้ มาใชเ้ ป็ นเป้าหมายในการประเมนิ ผล แลว้ นำคณุ ธรรมอตั ลกั ษณท์ รี่ ะบพุ ฤตกิ รรมบง่ ชม้ี าเป็ นหลกั ในการพจิ ารณาประกอบ แลว้ จงึ กำหนดตวั ชว้ี ดั ภาพรวม เชน่ คณุ ธรรมเป้าหมาย: ความรับผดิ ชอบ คณุ ธรรมอตั ลกั ษณข์ องผบู ้ รหิ าร: ตรงตอ่ เวลา ตดั สนิ ใจโดยใชข้ อ้ มลู เป็ นหลกั ตวั ชวี้ ดั : พฤตกิ รรมทพ่ี งึ ประสงคข์ องผบู ้ รหิ ารเพม่ิ ขน้ึ ตวั ชว้ี ดั ภาพรวม จะใชว้ ดั ระดบั ความสำเร็จของการพัฒนาคณุ ธรรมจรยิ ธรรมทงั้ โรงเรยี น โดยพจิ ารณาจากเป้าประสงคแ์ ละวตั ถปุ ระสงคข์ องโรงเรยี น ตวั ชว้ี ดั ภาพรวมทส่ี ำคญั ไดแ้ ก่ 1. มกี ระบวนการขบั เคลอ่ื นการพัฒนาคณุ ธรรมจรยิ ธรรมทงั้ โรงเรยี น 2. มกี ลไกคณะทำงานและใชโ้ ครงงานคณุ ธรรมเป็ นเครอ่ื งมอื ทท่ี กุ คนมสี ว่ นรว่ มในการลงมอื ปฏบิ ตั เิ พอื่ พัฒนาโรงเรยี นคณุ ธรรม 3. พฤตกิ รรมทพี่ งึ ประสงคใ์ นโรงเรยี นเพมิ่ ขนึ้ 4. พฤตกิ รรมทไี่ มพ่ งึ ประสงคใ์ นโรงเรยี นลดนอ้ ยลง 5. เกดิ กระบวนการมสี ว่ นรว่ มในการพัฒนาคณุ ธรรมจรยิ ธรรมในโรงเรยี นจากทกุ ภาคสว่ น ที่ เกยี่ วขอ้ ง เชน่ ผบู ้ รหิ ารโรงเรยี น ครู บคุ ลากร นักเรยี น ผปู ้ กครอง ชมุ ชน 6. มอี งคค์ วามร/ู ้ นวตั กรรมการสรา้ งเสรมิ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม และมกี ารบรู ณาการกบั การจัดการ เรยี นรใู ้ นชนั้ เรยี น 7. เป็ นแหลง่ เรยี นรขู ้ องโรงเรยี นคณุ ธรรมจรยิ ธรรม นอกจากนี้ อาจเพม่ิ เตมิ ตวั ชวี้ ดั ความสำเร็จภาพรวมเพมิ่ อกี ได ้ ตามสถานการณจ์ รงิ และความ ตอ้ งการของโรงเรยี น เชน่ • มกี ารขยายเครอื ขา่ ยโรงเรยี นคณุ ธรรมจรยิ ธรรม • มภี าคคี วามรว่ มมอื ในการพัฒนาคณุ ธรรม จรยิ ธรรมในกลมุ่ โรงเรยี น และ/หรอื ชมุ ชน • เป็ นแหลง่ เรยี นรขู ้ องโรงเรยี นคณุ ธรรมจรยิ ธรรมในภมู ภิ าค • มโี ครงงานคณุ ธรรมกระจายอยใู่ นทกุ กลมุ่ เป้าหมายของโรงเรยี น • ครอู อกแบบและจัดการเรยี นรเู ้ ชงิ บรู ณาการความรคู ้ คู่ วามดี • ครเู ป็ นตน้ แบบทด่ี งี ามของนักเรยี น • นักเรยี นในโรงเรยี นคณุ ธรรมแสดงออกถงึ พฤตกิ รรมพงึ ประสงคท์ ช่ี ดั เจน เป็ นรปู ธรรม สม่ำเสมอ • พฤตกิ รรมทไ่ี มพ่ งึ ประสงคข์ องผบู ้ รหิ าร ครู และนักเรยี นในโรงเรยี นลดลง • พฤตกิ รรมทพี่ งึ ประสงคข์ องผบู ้ รหิ าร ครู และนักเรยี นในโรงเรยี นเพมิ่ ขนึ้

26 4.3 ผลลพั ธ/์ ผลทคี่ าดวา่ จะไดร้ บั การมกี ระบวนการพัฒนาโรงเรยี นคณุ ธรรม มโี ครงงาน คณุ ธรรม มกี จิ กรรมสง่ เสรมิ ความดเี ป็ น เครอ่ื งมอื ใหท้ กุ คนในโรงเรยี นไดร้ ว่ มกนั สรา้ งสรรคค์ ณุ งามความดี เป็ นเป้าหมายทป่ี ระสบความสำเร็จแลว้ โรงเรยี นยงั ไดร้ ับประโยชนอ์ กี มากมาย เชน่ 1. ครจู ะมคี วามตระหนักในบทบาทหนา้ ที่ และเห็นคณุ คา่ ของอาชพี ครู มศี กั ยภาพในการออก แบบ และจัดกจิ กรรมการเรยี นรเู ้ พอื่ พัฒนาคณุ ธรรมจรยิ ธรรมนักเรยี นตลอดจนปฏบิ ตั ติ น เป็ นแบบอยา่ งครู ทด่ี เี ป็ นทยี่ อมรับทวั่ กนั 2. นักเรยี นมที กั ษะกระบวนการคดิ มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรม มที กั ษะในการดำเนนิ ชวี ติ พงึ่ ตนเองได ้ และชว่ ยเหลอื สงั คมได ้ 3. พฤตกิ รรมของผบู ้ รหิ ารโรงเรยี น ครู บคุ ลากร นักเรยี น และ ผปู ้ กครองเปลย่ี นแปลงไปในทาง ทดี่ ขี นึ้ 4. นักเรยี นมผี ลการเรยี นดขี นึ้ และผลการสอบทางการศกึ ษาแหง่ ชาตขิ นั้ พนื้ ฐาน (O-NET) อยู่ ใน ระดบั ทดี่ ขี นึ้ 5. นวตั กรรมการจัดการเรยี นรเู ้ พอื่ พัฒนาคณุ ธรรมจรยิ ธรรมนักเรยี นไดร้ ับความสนใจจาก นัก วชิ าการ ในการนำไปตอ่ ยอดขยายผลเชงิ วชิ าการใหแ้ พรห่ ลายมากยง่ิ ขนึ้ 6. หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสงั คม สงั คมชมุ ชน ประชาชนจะใหค้ วามสนใจ และ มสี ว่ นรว่ มในการพัฒนาคณุ ธรรมจรยิ ธรรมรว่ มกนั เพอ่ื ความสขุ ของประเทศ อนงึ่ เมอ่ื โรงเรยี นไดพ้ ัฒนา เป็ นโรงเรยี นคณุ ธรรมจรยิ ธรรมแลว้ นอกจากจะเป็ นประโยชนต์ อ่ ทกุ ฝ่ ายแลว้ ยงั เป็ นการถวายความ จงรักภกั ดตี อ่ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ฯ อกี ดว้ ย

27 กรอบแนวคดิ โครงการโรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. โครงการโรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. เป็ นการดำเนนิ งานเพอื่ สบื สานพระราชปณธิ านเดนิ ตามรอย เบอ้ื งพระยคุ ลบาทของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชรัชกาลที่ 9 ตามพระราชประสงค์ ของสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั มหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู รัชกาลที่ 10 โดยโรงเรยี นแตล่ ะแหง่ ตอ้ งวเิ คราะหค์ ณุ ธรรมอตั ลกั ษณข์ องตนเอง เพอ่ื ใชเ้ ป็ นแนวทางในการพัฒนาคณุ ธรรมจรยิ ธรรมใน โรงเรยี น รวมไปถงึ การพัฒนาผบู ้ รหิ ารครู และนักเรยี นตามกรอบแนวคดิ โครงการโรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. ดงั น้ี คณุ ธรรม นยิ าม พอเพยี ง ดำรงชวี ติ พอเพยี งตามพระราชดำรัสคำสอน ดว้ ยความมงุ่ มน่ั ตงั้ ใจ กตญั ญู สรา้ งสรรค์ ตงั้ แตร่ ะดบั ปัจเจกบคุ คล ครอบครัว จนถงึ ระดบั ชาตดิ ว้ ยความ รวดเร็ว รอบคอบ ดำรงตนเรยี บงา่ ย ไมห่ ลงลมื ตวั เมอื่ เกดิ ความสาเร็จ ความดงี าม ตอ้ ง ยกยอ่ งเชดิ ชบู พุ การี ครู อาจารย์ และทกุ คนทมี่ สี ว่ นรว่ ม ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ ป้องกนั ไมใ่ หเ้ กดิ การทจุ รติ คอรร์ ัปชนั ในทกุ ระดบั โดยการปลกู ฝังคา่ นยิ ม วา่ การทจุ รติ คอรร์ ัปชนั คอื ความยอ่ ยยบั อบั ปาง และความน่าอบั อาย ความรับผดิ ชอบ โรงเรยี นคณุ ธรรม ผบู ้ รหิ าร ครู อาจารย์ ฯลฯ มภี าระหนา้ ทอี่ นั สำคญั ตอ้ ง ชว่ ยกนั พร่ำสอน เพอ่ื ใหล้ กู หลานเยาวชนกา้ วทนั ตอ่ ยคุ โลกาภวิ ตั น์ ยดึ มนั่ ความซอื่ สตั ย์ สจุ รติ มคี วามรอบรู ้ อดทน เสยี สละ มคี วามเพยี รดว้ ยปัญญา และความรอบคอบ อดุ มการณค์ ณุ ธรรม รว่ มกนั เสรมิ สรา้ งหลกั การบรหิ ารกจิ กรรมบา้ นเมอื งทด่ี ี และปลกู ฝังความคดิ เชงิ อดุ มการณ์ เพอ่ื ใหเ้ กดิ โรงเรยี นคณุ ธรรมอยา่ งกวา้ งขวางและทวั่ ถงึ อนั เป็ นความยงั่ ยนื แหง่ ความรม่ เย็น และมนั่ คงของระบบการศกึ ษาของชาติ บา้ นเมอื งสบื ไปในอนาคต

28 หลกั การสำคญั ของการพฒั นาโรงเรยี นคณุ ธรรม กระบวนการพัฒนาโรงเรยี นคณุ ธรรมของ มยส. ไดก้ าหนดหลกั การสำคญั ไว ้ 4 ประการ เพอ่ื มงุ่ ใหโ้ รงเรยี นประสบผลสาเร็จและเกดิ ความยงั่ ยนื ในการพัฒนาคณุ ธรรมในโรงเรยี น นักเรยี นจะเตบิ โตไป พรอ้ มกบั มอี ปุ นสิ ยั ทด่ี งี ามตดิ ตวั ไปตลอด ดงั พระราชประสงคข์ องพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหา ภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร ทวี่ า่ “ชว่ ยกนั สรา้ งคนดใี หบ้ า้ นเมอื ง” โดยมหี ลกั การดงั น้ี 1. เป็ นกระบวนการทตี่ อ้ งทำทงั้ โรงเรยี น (ผบู ้ รหิ าร ครู นักเรยี น) และผมู ้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี 2. ใหค้ วามสำคญั กบั การเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมของนักเรยี นเป็ นหลกั การดำเนนิ งานตามกระบวนการน้ี จงึ ทำจากลา่ งขน้ึ บน (Bottom Up) เป็ นการพจิ ารณานาความสนใจความตอ้ งการจากระดบั ลา่ งขน้ึ มา เป็ นระดบั นโยบายของโรงเรยี น 3. โรงเรยี นตอ้ งทำอยา่ งมสี ว่ นรว่ ม ใหโ้ อกาสทกุ คนมสี ว่ นรว่ มในการปฏบิ ตั งิ านพัฒนาโรงเรยี นคณุ ธรรม 4. โรงเรยี นตอ้ งทำกจิ กรรมพัฒนาคณุ ธรรมอยา่ งตอ่ เนอื่ ง สม่ำเสมอ พยายามผนวกไวใ้ นการเรยี นรทู ้ กุ ประเภทของโรงเรยี น กระบวนการพฒั นาโรงเรยี นคณุ ธรรม ขนั้ ตอนที่ 1 การสรา้ งการรับรู ้ และการยอมรับ ขนั้ ตอนที่ 2 การสรา้ งครแู กนนำและนักเรยี นแกนนำ ขนั้ ตอนที่ 3 การกำหนดคณุ ธรรมอตั ลกั ษณข์ องโรงเรยี น ขนั้ ตอนที่ 4 การกำหนดวธิ บี รรลคุ ณุ ธรรมอตั ลกั ษณข์ องโรงเรยี น ขนั้ ตอนท่ี 4.1 การจัดทำโครงงานคณุ ธรรม ขนั้ ตอนท่ี 4.2 การเป็ นแบบอยา่ งทด่ี ซี ง่ึ กนั และกนั ขนั้ ตอนที่ 4.3 การจัดสภาพแวดลอ้ มทเี่ ออ้ื ตอ่ การพัฒนาคณุ ธรรม ขนั้ ตอนท่ี 4.4 การบรู ณาการคณุ ธรรมในการจัดการเรยี นรู ้ ขนั้ ตอนที่ 5 ลงมอื ปฏบิ ตั เิ พอื่ บรรลเุ ป้าหมายการเปลยี่ นแปลง (คณุ ธรรมอตั ลกั ษณ)์ ขนั้ ตอนที่ 6 สรา้ งกลไกการขบั เคลอื่ นโรงเรยี นคณุ ธรรม ขนั้ ตอนที่ 6.1 การวางแผน ขนั้ ตอนที่ 6.2 การสรา้ งการมสี ว่ นรว่ ม ขนั้ ตอนที่ 6.3 การสง่ เสรมิ สนับสนุนและเสรมิ แรง ขนั้ ตอนที่ 6.4 การนเิ ทศตดิ ตาม ขนั้ ตอนท่ี 6.5 การแลกเปลยี่ นเรยี นรู ้ ขนั้ ตอนท่ี 6.6 การประเมนิ ผล ขนั้ ตอนที่ 6.7 การถอดบทเรยี น ขนั้ ตอนท่ี 6.8 การประชาสมั พันธ์

29 กจิ กรรมการดำเนนิ งาน ที่ กจิ กรรม คำอธบิ ายกจิ กรรม 1 โครงงานพฒั นาจรยิ คณุ 2 คา่ ยยวุ ชนคนคณุ ธรรม เป็ นกจิ กรรมทใี่ ชโ้ ครงงานคณุ ธรรมตามแนวทางของ มลู นธิ ยิ วุ สถริ คณุ ในการพัฒนาคณุ ธรรม จรยิ ธรรมใหก้ บั ผู ้ 3 คนื คณุ ธรรมสหู่ อ้ งเรยี น บรหิ าร ครู และนักเรยี น 4 ครอบครวั คณุ ธรรม พัฒนาผนู ้ ำเยาวชนเป็ นการฝึกภาวะผนู ้ ำใหแ้ กน่ ักเรยี น แกนนำ เพอื่ ไปเป็ นผนู ้ ำในการขบั เคลอ่ื นการดำเนนิ งาน ตามคณุ ธรรมอตั ลกั ษณข์ องโรงเรยี น - คา่ ยยวุ ชนคนคณุ ธรรม เป็ นกจิ กรรมทน่ี ักเรยี นทกุ คนในโรงเรยี นไดฝ้ ึกปฏบิ ตั จิ รงิ ผา่ นการจัดทำโครงงานพัฒนาจรยิ คณุ และการปฏบิ ตั ิ กจิ กรรมอน่ื ๆ เพอื่ ใหบ้ รรลผุ ลตามเป้าหมาย เป็ นการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนทบี่ รู ณาการ คณุ ธรรมอตั ลกั ษณข์ องสถานศกึ ษา หรอื กรอบแนวคดิ คณุ ธรรม 5 ประการ ตามโครงการโรงเรยี นคณุ ธรรมสพฐ. หรอื แตล่ ะหอ้ งเรยี นสามารถกำหนดคณุ ธรรม อตั ลกั ษณเ์ พม่ิ เตมิ เป็ นของหอ้ งเรยี น เป็ นการดำเนนิ การประสานความรว่ มมอื ระหวา่ ง ผบู ้ รหิ ารสถานศกึ ษา ครู นักเรยี น พอ่ แม่ และผปู ้ กครอง เพอื่ แกป้ ัญหาพฤตกิ รรมทไ่ี มพ่ งึ ประสงคข์ องนักเรยี นให ้ เป็ นพฤตกิ รรมบง่ ชเ้ี ชงิ บวก และปลกู ฝัง สง่ เสรมิ สนับสนุน พฤตกิ รรมทพี่ งึ ประสงคใ์ หแ้ กน่ ักเรยี นไดอ้ ยา่ ง ถาวร)

30 5 การสรา้ งเครอื ขา่ ยและการมี การสรา้ งเครอื ขา่ ย เป็ นการรวมกลมุ่ การทำกจิ กรรม สว่ นรว่ มโรงเรยี นคณุ ธรรม สพ เพอ่ื ใหเ้ กดิ การเชอื่ มโยงสคู่ ณุ ธรรมอตั ลกั ษณข์ อง ฐ. โรงเรยี น โดยสรา้ งเครอื ขา่ ยในแตล่ ะระดบั ทงั้ ภายในและ ภายนอกโรงเรยี น หรอื หน่วยงานภายนอก การมสี ว่ นรว่ ม เป็ นการดำเนนิ งานรว่ มกนั ระหวา่ งผบู ้ รหิ ารสถานศกึ ษา ครู บคุ ลากร นักเรยี น ผปู ้ กครองชมุ ชน ผแู ้ ทนองคก์ ร หรอื หน่วยงานภายนอก เพอ่ื รว่ มคดิ รว่ มวางแผน รว่ ม นเิ ทศ ตดิ ตาม ประเมนิ ผล รว่ มแลกเปลยี่ นเรยี นรู ้ และรว่ ม ชน่ื ชมผลสำเร็จ 6 โรงเรยี นดตี อ้ งมที ยี่ นื เป็ นการตรวจสอบกระบวนการดำเนนิ งานและยกระดบั คณุ ภาพโรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. โดยใชเ้ กณฑก์ ารตรวจ สอบคณุ ภาพแตล่ ะระดบั ไดแ้ ก่ ระดบั 1 ดาว โรงเรยี น ตรวจสอบตนเอง ระดบั 2 ดาว สำนักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาเป็ นผตู ้ รวจ สอบ ระดบั 3 ดาว ทมี เคลอ่ื นทเ่ี ร็ว (RT) เป็ นผตู ้ รวจสอบ ระดบั 4 ดาวทมี ขบั เคลอ่ื นคณุ ธรรมดว่ นพเิ ศษ (EMS) เป็ นผู ้ ตรวจสอบ และระดบั 5 ดาว คณะทำงานสว่ นกลางจากสำนักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐานเป็ นผตู ้ รวจสอบ 7 ผลติ นวตั กรรม สรรคส์ รา้ งคนดี เป็ นการผลติ นวตั กรรมดา้ นการบรหิ ารของผบู ้ รหิ าร สถานศกึ ษาและการจัดการเรยี นการสอนของครู ท่ี คดิ คน้ วธิ ที เ่ี หมาะสมกบั บรบิ ทของปัญหาและความ ตอ้ งการดา้ นการพัฒนาคณุ ธรรมของโรงเรยี น 8 10,000 ครุ ชุ น คนคณุ ธรรม เป็ นกจิ กรรมการพจิ ารณาคดั เลอื กผบู ้ รหิ ารสถานศกึ ษา และครู ใหไ้ ดร้ ับการยกยอ่ งเชดิ ชเู กยี รตใิ นดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม 9 นเิ ทศ กำกบั ตดิ ตาม เป็ นกจิ กรรมการกำกบั ตดิ ตามการดำเนนิ งานโครงการ ของโรงเรยี น

31 ขนั้ ตอนการดำเนนิ งาน กจิ กรรมโครงงานพฒั นาจรยิ คณุ แนวทางการจัดทำโครงงานพัฒนาจรยิ คณุ โดยใช ้“โครงงานคณุ ธรรม” ตามแนวทางมลู นธิ ยิ วุ สถริ คณุ (มยส.) เป็ นเครอ่ื งมอื ในการปลกู ฝังคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ใหเ้ กดิ ขนึ้ ในโรงเรยี น ถอื เป็ นกลไกสงั คม ในการเปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรมทไี่ มพ่ งึ ประสงคใ์ หเ้ ป็ นพฤตกิ รรมเชงิ บวก ตลอดจนเป็ นกจิ กรรมหนง่ึ ท่ี กำหนดใหโ้ รงเรยี นในสงั กดั สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานทเ่ี ขา้ รว่ มโครงการโรงเรยี น คณุ ธรรม สพฐ. ไดใ้ ชเ้ ป็ นแนวทางในการดำเนนิ โครงการตามแผนปฏบิ ตั กิ ารซงึ่ จะนาไปสกู่ ารจัดทำโครง งานคณุ ธรรมในหลายรปู แบบ ไดแ้ ก่ บรู ณาการในกลมุ่ สาระการเรยี นรู ้ กจิ กรรมพัฒนาผเู ้ รยี น โครงการ พเิ ศษอน่ื ๆ เป็ นตน้ โดยเนน้ การมสี ว่ นรว่ มทกุ ภาคสว่ น อนั จะสง่ ผลดใี นการพัฒนาโรงเรยี นคณุ ธรรมใน ระยะยาวตอ่ ไป กรอบการดำเนนิ งานกจิ กรรมโครงงานพฒั นาจรยิ คณุ ที่ กจิ กรรมหลกั /แนวปฏบิ ตั ิ ผรู้ บั ผดิ ชอบ สอ่ื /คมู่ อื /เอกสารทใี่ ช้ 1 การสรา้ งความรู ้ ความเขา้ ใจกบั ผบู ้ รหิ าร ครู สพป.อดุ รธานี เขต 4 - คมู่ อื วทิ ยากรการ พัฒนาโรงเรยี น แกนนำ และผทู ้ เ่ี กย่ี วขอ้ ง โดยการจัดการ คณุ ธรรม ของ มยส. อบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารครแู กนนำการพัฒนา - กระบวนการโรงเรยี น โรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. คณุ ธรรม ทำอยา่ งไร ให ้ ประสบความสำเร็จ ของ คดั เลอื กครแู กนนำ ตามจำนวนทเี่ ขตพนื้ ท่ี ผบู ้ รหิ ารโรงเรยี น มยส. การศกึ ษากำหนดเขา้ รับการอบรม - คมู่ อื ปฏบิ ตั โิ รงเรยี น คณุ ธรรม ของ มยส. 2 ประชมุ ชแี้ จง การสรา้ งความรู ้ ความเขา้ ใจ ผบู ้ รหิ ารโรงเรยี น - โครงงานพัฒนา ใหแ้ กค่ รแู ละบคุ ลากรทกุ คนในโรงเรยี น มี และครแู กนนำ จรยิ คณุ ของ สพฐ. กลไกคณะทำงานและใชโ้ ครงงานคณุ ธรรม เป็ นเครอ่ื งมอื ทท่ี กุ คนมสี ว่ นรว่ มในการลงมอื ปฏบิ ตั เิ พอ่ื พัฒนาโรงเรยี น 3 จัดทำแผนงานคณุ ธรรม จรยิ ธรรม โรงเรยี น แผนปฏบิ ตั กิ าร ทรี่ ะบคุ ณุ ธรรมอตั ลกั ษณ์ , ปฏทิ นิ ปฏบิ ตั งิ าน

32 4 จัดทำแผนการนเิ ทศ กำกบั ตดิ ตามโดย คณะกรรมการนเิ ทศภายในและภายนอก โรงเรยี น จำนวน 3 ครัง้ ครัง้ ท่ี 1 ใหค้ ำปรกึ ษาแนะนำ ครัง้ ท่ี 2 เยยี่ มนเิ ทศความกา้ วหนา้ ครัง้ ท่ี 3 รว่ มกนั ถอดบทเรยี นความสาเร็จ โดยจะตอ้ งตอบหวั ขอ้ ตอ่ ไปนี้ 1) ทำอะไร (ชอื่ โครงงาน) 2) ทำทำไม (วตั ถปุ ระสงค)์ 3) ทำอยา่ งไร (กจิ กรรมในโครงงาน) 4) ทำแลว้ ไดอ้ ะไร (สรปุ ผล) 5 การประเมนิ ผลการดำเนนิ งานจำนวน 2 ครัง้ โรงเรยี นรายงานตอ่ - โครงงานพัฒนา ภาคเรยี นท่ี 1 รายงานความกา้ วหนา้ สพป.อดุ รธานี เขต 4 จรยิ คณุ ของ สพฐ. ภาคเรยี นท่ี 2 รายงานผลการดำเนนิ งาน (ภาคผนวก 5 แบบ ความสำเร็จ ประเมนิ ผลการ 1) รายงานผลโครงงานพัฒนาจรยิ คณุ ดาเนนิ งานโครงงาน 2) รายงานผลการขบั เคลอื่ นโครงการ พัฒนาจรยิ คณุ ) โรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. (ภาคผนวก 6 แบบการ เขยี นรายงานโครงงาน พัฒนาจรยิ คณุ ) (ภาคผนวก 7 แบบการ เขยี นรายงานโครงการ โรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ.)

33 กจิ กรรมคา่ ยยวุ ชนคนคณุ ธรรม การจัดคา่ ยยวุ ชนคนคณุ ธรรม เป็ นการฝึกภาวะผนู ้ ำใหแ้ กน่ ักเรยี นแกนนำ เพอ่ื ไปเป็ นผนู ้ ำในการ ขบั เคลอื่ นการดำเนนิ งานตามคณุ ธรรมอตั ลกั ษณข์ องโรงเรยี นผา่ นการจัดคา่ ยยวุ ชนคนคณุ ธรรม ทเ่ี นน้ ให ้ นักเรยี นทกุ คนในโรงเรยี นไดฝ้ ึกปฏบิ ตั จิ รงิ ผา่ นการจัดทำโครงงานพัฒนาจรยิ คณุ และการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม อนื่ ๆ เพอ่ื ใหบ้ รรลตุ ามเป้าหมายนัน้ กรอบการดำเนนิ งานกจิ กรรมคา่ ยยวุ ชนคนคณุ ธรรม ท่ี กจิ กรรมหลกั /แนวปฏบิ ตั ิ ผรู้ บั ผดิ ชอบ สอื่ /คมู่ อื /เอกสารทใ่ี ช้ 1 พฒั นาผนู้ ำเยาวชนคนคณุ ธรรม - คมู่ อื วทิ ยากรการพัฒนา - สพป.อดุ รธานี เขต 4 แตง่ ตงั้ คณะกรรมการ โรงเรยี นคณุ ธรรม ของ มยส. และครแู กนนำดำเนนิ การจัดคา่ ยพัฒนาผนู ้ ำ - คา่ ยยวุ ชนคนคณุ ธรรม สพ เยาวชนคนคณุ ธรรม ฐ. - โรงเรยี นสง่ นักเรยี นทม่ี คี ณุ สมบตั คิ วามเป็ นผู ้ นำเขา้ รับการพัฒนา - ครแู กนนำดำเนนิ การจัดคา่ ยพัฒนาผนู ้ ำ เยาวชนคนคณุ ธรรม - ครแู กนนำประเมนิ ผลการจัดคา่ ยพัฒนาผนู ้ ำ เยาวชนคนคณุ ธรรม - รายงานผลการจัดคา่ ยพัฒนาผนู ้ ำเยาวชนคน คณุ ธรรม ไปยงั สพป.อดุ รธานี เขต 4 ตามรปู แบบทกี่ ำหนด 2 คา่ ยยวุ ชนคนคณุ ธรรม ครแู กนนำ - คมู่ อื วทิ ยากรการพัฒนา โรงเรยี นคณุ ธรรม ของ มยส. - โรงเรยี นแตง่ ตงั้ คณะกรรมการดำเนนิ การจัด และผนู ้ ำ - คา่ ยยวุ ชนคนคณุ ธรรม สพ ฐ. คา่ ยยวุ ชนคนคณุ ธรรม (ประกอบดว้ ยครแู กนนำ เยาวชน และผนู ้ ำเยาวชน) - ครแู กนนำ และผนู ้ ำเยาวชน วางแผนและออก แบบการจัดคา่ ยยวุ ชนคนคณุ ธรรม - ครแู กนนำ และผนู ้ ำเยาวชน ดำเนนิ การจัด คา่ ยยวุ ชนคนคณุ ธรรม - ครแู กนนำ และผนู ้ ำเยาวชน สรปุ และ รายงานผลการจัดคา่ ยฯ ไปยงั สพป.อดุ รธานี

เขต 4 ตามแบบรายงานทกี่ ำหนด โรงเรยี น 34 3 โรงเรยี นจัดทำแผนงาน / โครงการขบั เคลอื่ น ทำรว่ มกบั แผนงานจาก โรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. สกู่ ารปฏบิ ตั ิ กจิ กรรม โครงงานพัฒนาจรยิ คณุ กจิ กรรมคนื คณุ ธรรมสหู่ อ้ งเรยี น เป็ นกจิ กรรมการเรยี นการสอนทบ่ี รู ณาการคณุ ธรรมอตั ลกั ษณข์ องสถานศกึ ษา หรอื กรอบแนวคดิ คณุ ธรรม 5 ประการ ตามโครงการโรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. หรอื แตล่ ะหอ้ งเรยี นสามารถกำหนดคณุ ธรรม อตั ลกั ษณเ์ พม่ิ เตมิ เป็ นของหอ้ งเรยี นทสี่ อดคลอ้ งกบั สภาพปัญหา สาเหตุ แนวทางแกไ้ ข และจัดกจิ กรรม โครงงานคณุ ธรรมระดบั หอ้ งเรยี นหรอื กจิ กรรมอน่ื ทส่ี อดคลอ้ งกบั คณุ ธรรมอตั ลกั ษณ์ ทงั้ นี้ เพอื่ ปลกู ฝังให ้ นักเรยี นปฏบิ ตั ติ นเป็ นคนดขี องหอ้ งเรยี นตอ่ ไป กรอบการดำเนนิ งานกจิ กรรมคนื คณุ ธรรมสหู่ อ้ งเรยี น ท่ี กจิ กรรมหลกั /แนวปฏบิ ตั ิ ผรู้ บั ผดิ ชอบ สอื่ /คมู่ อื /เอกสารทใ่ี ช้ - คนื คณุ ธรรมสหู่ อ้ ง 1 ขนั้ ท่ี 1 สรา้ งความตระหนกั ครแู ละนักเรยี น เรยี น สพฐ. - โครงงานพัฒนา ครชู แ้ี จงทำความเขา้ ใจ จัดกจิ กรรม จรยิ คณุ ของ สพฐ. สรา้ งความตระหนักเกยี่ วกบั คณุ ธรรม คนื คณุ ธรรมสหู่ อ้ ง เรยี น สพฐ. อตั ลกั ษณข์ องโรงเรยี น (ภาคผนวก แบบ ประเมนิ พฤตกิ รรม) 2 ขนั้ ที่ 2 ชกั นำคณุ ธรรมสหู่ อ้ งเรยี น - ครแู ละนักเรยี นระดมความคดิ เพอื่ กำหนดเป็ นคณุ ธรรมอตั ลกั ษณข์ องหอ้ ง เรยี น - ครจู ัดทำแผนการจัดการเรยี นรู ้ โดยใช ้ โครงงานคณุ ธรรมเป็ นฐาน - นักเรยี นจัดทำโครงงานคณุ ธรรม พรอ้ มทงั้ นำเสนอ 3 ขน้ั ท่ี 3 เพยี รตดิ ตามความดี ครู - ครสู งั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรม การปฏบิ ตั ติ นของนักเรยี นตามคณุ ธรรม อตั ลกั ษณเ์ ป็ นรายบคุ คล หากมนี ักเรยี น

ทม่ี พี ฤตกิ รรมทไ่ี มพ่ งึ ประสงค์ ใหค้ รรู ว่ ม 35 กบั ครอบครัว ดำเนนิ การปรับเปลยี่ น - คนื คณุ ธรรมสหู่ อ้ ง เรยี น สพฐ. พฤตกิ รรมของนักเรยี น - โครงงานพฒั นา - ครสู รปุ ผลการดำเนนิ งานใหผ้ บู ้ รหิ าร จรยิ คณุ ของ สพฐ. (ภาคผนวก 4 การ โรงเรยี นทราบ ถอดบทเรยี น ความสำเร็จโครงงาน 4 ขน้ั ท่ี 4 จดั เวทแี ลกเปลย่ี นและเชดิ ชู ผบู้ รหิ าร ครู พฒั นาจรยิ คณุ ) นกั เรยี นดมี คี ณุ ธรรม และนกั เรยี น - ครแู ละนักเรยี นจัดกจิ กรรมแลกเปลยี่ น เรยี นรโู ้ ครงงานคณุ ธรรมในหอ้ งเรยี น ระหวา่ งหอ้ งเรยี น และสรปุ ถอดบทเรยี น - คดั เลอื กหอ้ งเรยี นคณุ ธรรมตน้ แบบ - ยกยอ่ งเชดิ ชเู กยี รตหิ อ้ งเรยี นคณุ ธรรม ตน้ แบบ - ประชาสมั พันธเ์ ผยแพรห่ อ้ งเรยี น คณุ ธรรมตน้ แบบ

36 กจิ กรรมครอบครวั คณุ ธรรม เป็ นการดำเนนิ การประสานความรว่ มมอื ระหวา่ ง ผบู ้ รหิ ารสถานศกึ ษา ครู นักเรยี น พอ่ แม่ และผู ้ ปกครองเพอ่ื แกป้ ัญหาพฤตกิ รรมทไ่ี มพ่ งึ ประสงคข์ องนักเรยี นใหเ้ ป็ นพฤตกิ รรมบง่ ชเี้ ชงิ บวก และปลกู ฝัง สง่ เสรมิ สนับสนุนพฤตกิ รรมทพี่ งึ ประสงคใ์ หแ้ กน่ ักเรยี นไดอ้ ยา่ งถาวร กรอบการดำเนนิ งานกจิ กรรมครอบครวั คณุ ธรรม ท่ี กจิ กรรมหลกั /แนวปฏบิ ตั ิ ผรู้ บั ผดิ ชอบ สอื่ /คมู่ อื /เอกสารทใ่ี ช้ 1 ขน้ั ตอนที่ 1 สรา้ งความตระหนักและการ ครแู ละผปู ้ กครอง กจิ กรรมครอบครัว คณุ ธรรม สพฐ. ยอมรับจากทกุ คนในครอบครัว โดย - ครู นักเรยี น ผปู ้ กครอง รว่ มกนั ระดม ความคดิ ในการแกป้ ัญหา พัฒนา และ สง่ เสรมิ - รว่ มกนั วางแผนและหาแนวทางการ ปฏบิ ตั ใิ หเ้ กดิ ผลสาเร็จ - ทำบนั ทกึ ขอ้ ตกลงรว่ มกนั 2 ขน้ั ตอนที่ 2 ระดมความคดิ เพอื่ จัดทา แบบบนั ทกึ พฤตกิ รรม 3 ขนั้ ตอนท่ี 3 รว่ มกนั กำหนด คณุ ธรรม เป้าหมาย เพอ่ื เป็ นคณุ ธรรม อตั ลกั ษณข์ องครอบครัว 4 ขนั้ ตอนท่ี 4 คณุ ธรรมอตั ลกั ษณส์ กู่ าร ปฏบิ ตั ิ 5 ขนั้ ตอนที่ 5 ลงมอื ปฏบิ ตั ทิ งั้ ครอบครัว 6 ขนั้ ตอนท่ี 6 ประเมนิ ผล 7 จัดทำรายงานผลการดำเนนิ งาน กจิ กรรม โรงเรยี น ครอบครัวคณุ ธรรม รายงานตอ่ สพป.อดุ รธานี เขต 4

37 กจิ กรรมการสรา้ งเครอื ขา่ ยและการมสี ว่ นรว่ มโรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. การสรา้ งเครอื ขา่ ย เป็ นการรวมกลมุ่ การทำกจิ กรรมเพอื่ ใหเ้ กดิ การเชอ่ื มโยงสคู่ ณุ ธรรม อตั ลกั ษณข์ องโรงเรยี น โดยสรา้ งเครอื ขา่ ยในแตล่ ะระดบั ทงั้ ภายในและภายนอกโรงเรยี น หรอื หน่วยงาน ภายนอก การมสี ว่ นรว่ มเป็ นการดำเนนิ งานรว่ มกนั ระหวา่ งผบู ้ รหิ ารสถานศกึ ษา ครู บคุ ลากร นักเรยี น ผู ้ ปกครอง ชมุ ชน ผแู ้ ทนองคก์ รหรอื หน่วยงานภายนอก เพอ่ื รว่ มคดิ รว่ มวางแผน รว่ มนเิ ทศ ตดิ ตาม ประเมนิ ผล รว่ มแลกเปลย่ี นเรยี นรู ้ และรว่ มชนื่ ชมผลสำเร็จ ท่ี กจิ กรรมหลกั /แนวปฏบิ ตั ิ ผรู้ บั ผดิ ชอบ สอ่ื /คมู่ อื /เอกสารทใ่ี ช้ โรงเรยี น การสรา้ งเครอื ขา่ ยและ 1 การสรา้ งเครอื ขา่ ยและการมสี ว่ นรว่ มใน การมสี ว่ นรว่ ม โรงเรยี น ภายนอกโรงเรยี น - ระดบั โรงเรยี น - ระหวา่ งโรงเรยี น - ระดบั ชนั้ เรยี น ภายในเขตพน้ื ที่ - ระดบั หอ้ งเรยี น - ระหวา่ งโรงเรยี นตา่ ง เขตพน้ื ที่ 2 การสรา้ งเครอื ขา่ ยและการมสี ว่ นรว่ ม โรงเรยี น/สพท. การสรา้ งเครอื ขา่ ยและ ภายนอกโรงเรยี น การมสี ว่ นรว่ ม - ระหวา่ งโรงเรยี นภายในเขตพนื้ ท่ี โรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. - ระหวา่ งโรงเรยี นตา่ งเขตพนื้ ท่ี (แบบรายงานหนา้ 15) 3 การสรา้ งเครอื ขา่ ยและการมสี ว่ นรว่ ม โรงเรยี น/สพท. หน่วยงานหรอื องคก์ รภายนอก 4 รายงานผลการดำเนนิ งานภาคเรยี นละ 1 โรงเรยี น ครัง้ ไปยงั สพท.

38 กจิ กรรมโรงเรยี นดมี ที ยี่ นื เป็ นการตรวจสอบกระบวนการดำเนนิ งานและยกระดบั คณุ ภาพโรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. โดยใช ้ เกณฑก์ ารตรวจสอบคณุ ภาพแตล่ ะระดบั ไดแ้ ก่ ระดบั 1 ดาว โรงเรยี นตรวจสอบตนเอง ระดบั 2 ดาว ระดบั 3 ดาว สำนักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาเป็ นผตู ้ รวจสอบ ระดบั 4 ดาว ทมี เคลอื่ นทเี่ ร็ว (RT) เป็ นผตู ้ รวจสอบ ระดบั 5 ดาว ทมี ขบั เคลอื่ นคณุ ธรรมดว่ นพเิ ศษ (EMS) เป็ นผตู ้ รวจสอบ คณะทำงานสว่ นกลางจากสำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานเป็ นผตู ้ รวจสอบ กรอบการดำเนนิ งานกจิ กรรมโรงเรยี นดมี ที ย่ี นื ท่ี กจิ กรรมหลกั /แนวปฏบิ ตั ิ ผรู้ บั ผดิ ชอบ สอ่ื /คมู่ อื /เอกสารทใี่ ช้ โรงเรยี น 1 ระดบั 1 ดาว - กจิ กรรมโรงเรยี นดมี ที ย่ี นื 1. โรงเรยี นดาเนนิ งานตามเกณฑก์ าร โรงเรยี น สพฐ. ตรวจสอบระดบั 1 ดาว (เกณฑก์ ารตรวจสอบ ระดบั 2. แตง่ ตงั้ คณะกรรมการตรวจสอบฯ 1 ดาว 3. สรปุ และรายงานผลการตรวจสอบ ระดบั 1 จำนวน 9 รายการ) ดาว ไปยงั เขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษา - รายงานการดำเนนิ งานฯ ตามเกณฑ์ 2 ระดบั 2 ดาว ระดบั 1 ดาว (กจิ กรรม 1. โรงเรยี นสมคั รเขา้ รับการตรวจสอบระดบั 2 โรงเรยี นดมี ที ย่ี นื ดาว สพฐ. หนา้ 22-23) 2. โรงเรยี นสรปุ รายงานการดำเนนิ งาน 12 รายการประกอบการตรวจสอบ ระดบั 2 ดาว -กจิ กรรมโรงเรยี นดมี ที ยี่ นื ส พฐ. (เกณฑก์ ารตรวจสอบ ระดบั 2 ดาว จำนวน 12 รายการ)

39 3. สพท.ดำเนนิ การตรวจสอบและรายงานไป ส สพป.อดุ รธานี พฐ. เขต 4 3 ระดบั 3 ดาว โรงเรยี น - กจิ กรรมโรงเรยี นดมี ที ยี่ นื สพฐ. 1. โรงเรยี นสมคั รเขา้ รับการตรวจสอบระดบั 3 (เกณฑก์ ารตรวจสอบ ระดบั 3 ดาว ดาว จำนวน 16 รายการ) 2. โรงเรยี นสรปุ รายงานการดำเนนิ งาน 16 กจิ กรรมโรงเรยี นดมี ที ยี่ นื ส พฐ. รายการประกอบการตรวจสอบ ระดบั 3 ดาว (เกณฑก์ ารตรวจสอบ ระดบั 4 ดาว 3. สพท. รวบรวมเอกสารและใบสมคั รไปยงั ทมี สพป.อดุ รธานี จำนวน 15 รายการ) - มาตรฐานและตวั ชวี้ ดั สพ เคลอ่ื นทเี่ ร็ว (RT) ของเขตตรวจราชการ เขต 4 ฐ. 4. ทมี เคลอ่ื นทเ่ี ร็ว (RT) ของเขตตรวจราชการ RT ดำเนนิ การตรวจสอบและรายงานไป สพฐ. เขตตรวจ ราชการ 4 ระดบั 4 ดาว โรงเรยี น 1. โรงเรยี นสมคั รเขา้ รับการตรวจสอบระดบั 4 RT ดาว EMS 2. โรงเรยี นสรปุ รายงานการดำเนนิ งาน 15 รายการ ประกอบการตรวจสอบ ระดบั 4 ดาว 3. RT รวบรวมเอกสารและใบสมคั รไปยงั ทมี ขบั เคลอื่ นคณุ ธรรมดว่ นพเิ ศษ (EMS) 4. ทมี ขบั เคลอ่ื นคณุ ธรรมดว่ นพเิ ศษ (EMS) ดำเนนิ การตรวจสอบและรายงานไป สพฐ. 5 ระดบั 5 ดาว โรงเรยี น - กจิ กรรมโรงเรยี นดมี ที ย่ี นื 1. โรงเรยี นสมคั รเขา้ รับการตรวจสอบระดบั 5 สพฐ. ดาว (เกณฑก์ ารตรวจสอบ 2. โรงเรยี นสรปุ รายงานการดำเนนิ งาน 14 ระดบั 5 ดาว รายการประกอบการตรวจสอบ ระดบั 5 ดาว จำนวน 14 รายการ) 3. EMS รวบรวมเอกสารและใบสมคั รไปยงั EMS - มาตรฐานและตวั ชวี้ ดั สพ คณะกรรมการสว่ นกลาง ฐ. 4. คณะกรรมการสว่ นกลางดำเนนิ การตรวจสอบ คณะกรรมการ และสรปุ ผลการตรวจสอบ สว่ นกลาง สพฐ. 5. สพฐ. ประกาศผลการตรวจสอบโรงเรยี น คณุ ธรรม สพฐ. ระดบั 5 ดาว 6. ยกยอ่ งเชดิ ชเู กยี รตโิ รงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. ระดบั 5 ดาว

40 นวตั กรรม สรา้ งสรรคค์ นดี เป็ นการผลติ นวตั กรรมดา้ นการบรหิ ารของผบู ้ รหิ ารสถานศกึ ษาและการจัดการเรยี นการสอนของ ครู ทค่ี ดิ คน้ วธิ ที เ่ี หมาะสมกบั บรบิ ทของปัญหาและความตอ้ งการดา้ นการพัฒนาคณุ ธรรมของโรงเรยี น ที่ กจิ กรรมหลกั /แนวปฏบิ ตั ิ ผรู้ บั ผดิ ชอบ สอื่ /คมู่ อื /เอกสารทใี่ ช้ 1 ประเภทนวตั กรรมนวตั กรรมสรา้ งสรรคค์ นดี สพฐ. การผลติ นวตั กรรมสรา้ งสรรคค์ นดี ของผบู ้ รหิ ารสถานศกึ ษา นวตั กรรม ของ สพฐ. สรา้ งสรรคค์ นดขี องครู 2 การนำเสนอนวตั กรรม โรงเรยี น - รปู แบบนำเสนองานการจัดทำผลงาน นวตั กรรมสรา้ งสรรคค์ นดี (รวมภาคผนวกไมเ่ กนิ 30 หนา้ ) - รายงานผลการใชน้ วตั กรรม บทที่ 1 ความเป็ นมา บทท่ี 2 เอกสาร แนวคดิ ทฤษฎที เ่ี กยี่ วขอ้ ง บทท่ี 3 การผลติ และการใชน้ วตั กรรม บทที่ 4 ผลการใชน้ วตั กรรม บทท่ี 5 ปัจจัยความสำเร็จ ขอ้ เสนอแนะ และการเผยแพร่ 3 ผบู ้ รหิ ารสถานศกึ ษา และครู สง่ นวตั กรรม โรงเรยี น/ สพท. สรา้ งสรรคค์ นดี เขา้ รว่ มการคดั เลอื กไปยงั สพท.

41 10,000 ครุ ชุ น คนคณุ ธรรม เป็ นกจิ กรรมการพจิ ารณาคดั เลอื กผบู ้ รหิ ารสถานศกึ ษาและครู ใหไ้ ดร้ ับการยกยอ่ งเชดิ ชเู กยี รตใิ น ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ท ่ี กจิ กรรม/แนวปฏบิ ตั ิ ผรู้ บั ผดิ ชอบ สอื่ /คมู่ อื /เอกสารทใ่ี ช้ 1 สพท. เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา พจิ ารณาคดั เลอื ก 10,000 ครุ ชุ น คน ยกยอ่ งเชดิ ชเู กยี รติ ผบู ้ รหิ ารสถานศกึ ษา คณุ ธรรม ของ สพฐ. ครู 2 การพจิ ารณาคดั เลอื ก ระดบั เขตตรวจ ทมี ขบั เคลอื่ นเร็ว ราชการ (RT) 3 การพจิ ารณาคดั เลอื ก ระดบั ภาค ทมี ขบั เคลอ่ื น คณุ ธรรม ดวนพเิ ศษ (EMS) 4 . การพจิ ารณาคดั เลอื ก ระดบั ประเทศ สพฐ.

42 สรปุ สาระสำคญั ทใี่ ชใ้ นการพฒั นาโรงเรยี นคณุ ธรรม หวั ใจสำคญั ของการพัฒนาโรงเรยี นคณุ ธรรม คอื “การแปลงคณุ ธรรมใหเ้ ป็ นจรยิ ธรรม หรอื พฤตกิ รรมทพี่ งึ ประสงค”์ ดงั นัน้ แนวปฏบิ ตั ใิ นการพัฒนาโรงเรยี นคณุ ธรรม จงึ ใชต้ าราง คณุ ธรรมอตั ลกั ษณ์ เป็ นเครอ่ื งมอื ในการปฏบิ ตั งิ าน คณุ ธรรมอตั ลกั ษณ์ ประกอบดว้ ย คณุ ธรรม เป้ าหมาย และพฤตกิ รรมบง่ ชเ้ี ชงิ บวก (พฤตกิ รรมทพ่ี งึ ประสงค)์ ซง่ึ เกดิ จากการประชมุ ระดมสมอง ของโรงเรยี นตนเอง คณุ ธรรมเป้ าหมาย พฤตกิ รรมบง่ ชเ้ี ชงิ บวก(จำแนกตามกลมุ่ ) ความซอื่ สตั ย์ ความรบั ผดิ ชอบ ผบู้ รหิ าร ครู นกั เรยี น ความพอเพยี ง - จัดซอื้ จัดจา้ งโปรง่ ใส - เขา้ สอนตรงเวลา - ไมล่ อกการบา้ น - พจิ ารณาความดคี วาม - ไมเ่ อาเวลาราชการ - ไมโ่ กหก ไมพ่ ดู เท็จ ชอบ อยา่ งถกู ตอ้ ง ไปทำประโยชนส์ ว่ น เป็ นธรรม ตวั - มคี วามประพฤตดิ เี ป็ น - สอนใหน้ ักเรยี นรจู ้ ัก - ชว่ ยผปู ้ กครองทำงาน แบบ อยา่ งทดี่ แี กผ่ ใู ้ ต ้ คดิ วเิ คราะห์ รจู ้ ักการ บา้ นทกุ วนั - แตง่ กายถกู ระเบยี บ บงั คบั บญั ชา แกป้ ัญหาดว้ ยตนเอง ของโรงเรยี น -มแี ผนงานแผนเงนิ - ใชจ้ า่ ยสมฐานะ -ใชจ้ า่ ยอยา่ งประหยดั ทสี่ อดคลอ้ งกนั - ใชส้ อ่ื การสอนรว่ มกนั - อดทน เสยี สละเพอ่ื - ใชจ้ า่ ยตามแผนงาน อยา่ งคมุ ้ คา่ สว่ นรวม

43 พฤตกิ รรมทพี่ งึ ประสงคข์ องแตล่ ะโรงเรยี นจะแตกตา่ งกนั ตามสภาพปัญหาเชงิ พฤตกิ รรมทเ่ี กดิ ขนึ้ ในโรงเรยี นนัน้ ๆ หรอื คณุ ธรรมความดที โ่ี รงเรยี นตอ้ งการสรา้ งขน้ึ เมอื่ ประชมุ ระดมสมองไดค้ วามเห็นรว่ ม กนั แลว้ จงึ นำมาเขยี นเผยแพรใ่ นรปู ของตารางคณุ ธรรมอตั ลกั ษณ์ เพอื่ ประกาศเป็ นเจตนารมณร์ ว่ มกนั ที่ จะประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ ามคณุ ธรรมเป้าหมาย และพฤตกิ รรมบง่ ชเี้ ชงิ บวกทรี่ ว่ มกนั กำหนดขนึ้ ในสว่ นของแผนปฏบิ ตั งิ าน จะใช ้“โครงงานคณุ ธรรม” เป็ นเครอ่ื งมอื ในการปฏบิ ตั งิ าน สรา้ งสรรคค์ ณุ ความดี จะใชร้ ปู แบบของโครงการ/โครงงาน ทม่ี กี ารตรวจทานความสอดคลอ้ งกบั คณุ ธรรม เป้ าหมายและพฤตกิ รรมบง่ ชเี้ ชงิ บวก (พฤตกิ รรมทพี่ งึ ประสงค)์ ทไี่ ดก้ ำหนดไวใ้ นตาราง คณุ ธรรมอตั ลกั ษณ์

44 ภาคผนวก สาระความรเู้ กย่ี วกบั คณุ ธรรมจรยิ ธรรม ความหมายของคณุ ธรรมจรยิ ธรรม คณุ ธรรม เป็ นความดี ความถกู ตอ้ งทฝ่ี ังขน้ึ ในจติ ใจ เชน่ ความมวี นิ ัย ความซอื่ สตั ย์ ความกตญั ญู เป็ นตน้ จรยิ ธรรม หมายถงึ ความประพฤตทิ เี่ ป็ นธรรมชาตเิ กดิ จากคณุ ธรรมในตวั เอง ซงึ่ เป็ นพฤตกิ รรม บง่ ชเี้ ชงิ บวก เชน่ นักเรยี นวางรองเทา้ เป็ นระเบยี บ นักเรยี นชว่ ยกนั ทำความสะอาดเป็ นตน้ ความหมายของคณุ ธรรมตา่ งๆ 1. ความซอ่ื สตั ย์ หมายถงึ ความประพฤตติ รงและจรงิ ใจ ไมค่ ดิ ทรยศ ไมค่ ดโกงและไม่ หลอกลวง ความสจุ รติ หมายถงึ ความประพฤตดิ ี ความประพฤตติ ามครรลองคลองธรรม ซอ่ื ตรงตอ่ หนา้ ที่ ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ หมายถงึ การประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ รงความเป็ นจรงิ ตอ่ หนา้ ท่ี ตอ่ วชิ าชพี ตรงตอ่ เวลา และ คำมน่ั สญั ญา ทงั้ กาย วาจา ใจ ตอ่ ตนเองและผอู ้ น่ื 2. ความขยนั หมายถงึ ความตงั้ ใจเพยี รพยายามทำหนา้ ทกี่ ารงานอยา่ งตอ่ เนอื่ ง สม่ำเสมอ อดทน ไมท่ อ้ ถอยเมอ่ื พบอปุ สรรค ความขยนั ตอ้ งปฏบิ ตั คิ วบคกู่ บั การใชส้ ตปิ ัญญาแกป้ ัญหา จนเกดิ ผล สำเร็จตามความมงุ่ หมาย 3. ความรบั ผดิ ชอบ หมายถงึ การปฏบิ ตั หิ นา้ ทดี่ ว้ ยความมงุ่ มนั่ ตงั้ ใจ ทงั้ ทเ่ี ป็ นภารกจิ สว่ นตวั และภารกจิ ทางสงั คม จะตอ้ งกระทำใหบ้ รรลคุ วามสำเร็จตามความมงุ่ หมาย ดว้ ยความสจุ รติ ความ เต็มใจ และความจรงิ ใจ เป็ นความเอาใจใส่ จดจอ่ ตงั้ ใจ มงุ่ มน่ั ละเอยี ดรอบคอบ เพอื่ ใหง้ านสำเร็จตามเป้าหมาย และยอมรับผลการกระทำของตนเอง ทงั้ ดา้ นทเ่ี ป็ นผลดแี ละผลเสยี ทงั้ พยายามปรับปรงุ การปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี ใหด้ ยี งิ่ ขนึ้

45 4. ความมรี ะเบยี บวนิ ยั หมายถงึ การรจู ้ ักควบคมุ ตนเองใหป้ ระพฤตปิ ฏบิ ตั ติ าม และยดึ มนั่ ใน ระเบยี บแบบแผน ขอ้ บงั คบั ขอ้ ปฏบิ ตั ิ ขอ้ ตกลง กฎหมายและศลี ธรรมจารตี ประเพณี ทงั้ วนิ ัยในตนเอง และวนิ ัยตอ่ สงั คม เป็ นพฤตกิ รรมทแ่ี สดงออกถงึ การใหค้ วามสำคญั ความเคารพ และยอมรับทจ่ี ะปฏบิ ตั ิ ตามระเบยี บ กฎเกณฑ์ และขอ้ บงั คบั ของสงั คม เป็ นพฤตกิ รรมทชี่ ว่ ยใหส้ ามารถควบคมุ ตนเองและ ปฏบิ ตั ิ ตนตามระเบยี บเพอ่ื ประโยชนส์ ขุ ของสว่ นรวม 5. ความอตุ สาหะ หมายถงึ ความพยายามทท่ี ำงานใหส้ ำเร็จลลุ ว่ ง ดว้ ยความอดทนไมย่ อ่ ทอ้ ตอ่ อปุ สรรค มานะ บากบนั่ ขยนั อดทน เพยี รเอาใจใสอ่ ยเู่ ป็ นนจิ และเสมอตน้ เสมอปลาย 6. ความมงุ่ มน่ั หมายถงึ ตงั้ ใจและรับผดิ ชอบในหนา้ ทก่ี ารงาน ทำงานดว้ ยความเพยี รพยายาม และอดทนเพอ่ื ใหส้ ำเร็จตามเป้าหมาย 7. ใฝ่ เรยี นรู้ หมายถงึ ตงั้ ใจเพยี รพยายามในการเรยี นและเขา้ รว่ มกจิ กรรมการเรยี นรู ้ แสวงหา ความรจู ้ ากแหลง่ เรยี นรตู ้ า่ งๆ ทงั้ ภายในและภายนอกโรงเรยี นดว้ ยการเลอื กใชส้ อ่ื อยา่ งเหมาะสม สรปุ องคค์ วามรู ้ และสามารถนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได ้ 8. ความอดทนอดกลนั้ หมายถงึ ความมนั่ คงหนักแน่นไมห่ วน่ั ไหวทงั้ ทางกาย วาจา และใจ โดยไมย่ อ่ ทอ้ ตอ่ ปัญหา ทนตรากตรำ ทนเจ็บใจ หนักเอาเบาสู ้ ยอมรับความลำบากและอปุ สรรค และ รจู ้ ัก ขม่ ใจเมอื่ เผชญิ กบั สถานการณต์ า่ งๆ เป็ นระยะเวลานาน 9. ความสามคั คี หมายถงึ ความพรอ้ มเพรยี งกนั ความกลมเกลยี วกนั ความปรองดองกนั เป็ น น้ำหนง่ึ ใจเดยี วกนั รว่ มมอื รว่ มใจกนั ปฏบิ ตั งิ านใหบ้ รรลผุ ลตามทต่ี อ้ งการ โดยปราศจากการทะเลาะ ววิ าท ไมเ่ อารัดเอาเปรยี บกนั เป็ นการยอมรับความมเี หตผุ ล ยอมรับความแตกตา่ งทางความคดิ 10. ความเสยี สละ หมายถงึ การรจู ้ ักแบง่ ปัน เห็นแกป่ ระโยชนส์ ว่ นรวม รจู ้ ักชว่ ยเหลอื ผอู ้ นื่ โดย อาจตอ้ งเสยี สละทรัพย์ แรงงาน เวลา และกำลงั สตปิ ัญญา ในการชว่ ยเหลอื ผอู ้ น่ื และสงั คม โดยไม่ หวงั ผลตอบแทน

46 11. ความมนี ้ำใจ หมายถงึ มคี วามเออ้ื เฟื้อเผอื่ แผ่ เออ้ื อาทร ทจ่ี ะใหค้ วามชว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู แสดงน้ำใจดตี อ่ ผอู ้ น่ื โดยไมห่ วงั ผลตอบแทน ผทู ้ มี่ นี ้ำใจ คอื ผใู ้ หแ้ ละผอู ้ าสาชว่ ยเหลอื สงั คม รจู ้ ัก แบง่ ปัน เสยี สละความสขุ สว่ นตน เพอื่ ทำประโยชนแ์ กผ่ อู ้ นื่ 12. ความเมตตากรณุ า หมายถงึ ความรักใครแ่ ละเอ็นดู ปรารถนาจะใหผ้ อู ้ น่ื เป็ นสขุ มคี วาม สงสารคดิ จะชว่ ยใหผ้ อู ้ นื่ พน้ ทกุ ข์ รวมทงั้ การไมค่ ดิ รา้ ยตอ่ ผอู ้ น่ื สามารถแสดงออกไดโ้ ดยการชว่ ยเหลอื ทงั้ ทางการกระทำ หรอื วาจา 13. ความสภุ าพ หมายถงึ เรยี บรอ้ ย ออ่ นโยน ละมนุ ละมอ่ ม มกี ริ ยิ ามารยาททด่ี งี าม มี สมั มา คารวะ ออ่ นนอ้ มถอ่ มตนตามสถานการณแ์ ละกาลเทศะ ไมก่ า้ วรา้ ว รนุ แรง วางอำนาจขม่ ผอู ้ นื่ ทงั้ โดย วาจาและทา่ ทาง และวางตนเหมาะสมตามวฒั นธรรมไทย 14. ความมสี มั มาคารวะ หมายถงึ ความเคารพนอบนอ้ ม โดยการทางกายและทางวาจา 15. ความกตญั ญู คอื ความรสู ้ กึ สำนกึ ในการอปุ การคณุ หรอื บญุ คณุ ทผ่ี อู ้ น่ื หรอื สงิ่ อน่ื ทมี่ ี ตอ่ ตนเอง กตเวที คอื การแสดงออกเพอ่ื การตอบแทนบญุ คณุ ความกตญั ญกู ตเวที จงึ หมายถงึ ความรบู ้ ญุ คณุ แลว้ ทำตอบแทนบญุ คณุ ใหป้ รากฏ